รีวิว องค์บาก 1
สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทย องค์บาก นักเป็น หนังไทยย้อนยุค ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของไทยเลยก็ว่าได้ เป็นหนังไทยที่ดังแบบระดับโลก ที่เป็นการตีแผ่วัฒนธรรม ไทยและการต่อสู้ ส ปอย หนัง ของไทย ออกสู่สายตาสากลคนทั่วโลก เล่าเรื่อง ราวของ องค์บาก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ของหมู่บ้านหนอง ประดู่ ได้ถูกขโมยตัดเศียรไป บุญทิ้ง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์หนุ่มบ้านหนองประดู่ จึงอาสาออกตามหามาจนถึงกรุงเทพฯ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี จนได้ เจออ้ายหำแหล่หรือ ยอร์จ ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่ทิ้งท้องนา และ กลิ่นโคลนสาปควายบ้านนอก มาร่วมทีมกับ หมวยเล็ก มาเป็น 18 มงกุฎ ต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้อง บุญทิ้งจึงไม่วายเป็นเหยื่อเพราะความซื่อ แต่ด้วยความที่เป็นคนดี และ เคยช่วยเหลือชีวิตทั้งสองไว้ ภายหลังเขาจึงได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองในการตามหาองค์บาก พร้อมถูกดึงเข้าสู่การต่อสู้กับเจ้าพ่อมาเฟียอิทธิพลมืดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด บุญทิ้งจึงขอต่อสู้ทั้งชีวิตด้วยศิลปะมวยไทยโบราณตลอดจนการเดินทางตามหาองค์บากเพื่อนำกลับคืนสู่หมู่บ้านให้ทันพิธีอุปสมบทหมู่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 7 วันให้ได้
ประเภท: แอคชั่น
นำแสดงโดย: จา พนม, หม่ำ จ๊กมก, ภุมวารี ยอดกมล
กำกับโดย: ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ความยาว: 105 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 31 มกราคม 2546
รีวิว องค์บาก 1
รีวิว องค์บาก 1 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ มีนัก ดู องค์บาก 1 แสดงอย่าง “จา-พนม ยีรัมย์” “แอร์-ภุมวารี ยอดกมล” และ “เพ็ชรทราย วงศ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก” แสดงนำ กับเรื่องราวของหนุ่มบ้านนอกที่ต้องออกมาตามหาเศียรองค์บากที่ถูกขโมยไปจากหมู่บ้าน
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเลยว่า เป็นอีกเรื่องที่ทางสหมงคลฟิล์มทุ่มเทสร้างอย่างมาก ทั้งในการถ่ายทำ การโปรโมท รวมถึงปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร อีกหนึ่งยอดนักบู๊ของไทย ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ในการปั้น จา-พนม ขึ้นมาเป็นพระเอกนักบู๊ครใหม่ของวงการ
ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้ครับว่า เรื่องนี้ตัวของ จา พนม นั้นเล่นฉากบู๊ทุกฉาก ฉากเสี่ยงตายทุกซีน ด้วยตัวเอง ไม่มีสแตนด์อินใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ที่เป็นจุดขาย และ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ดึงดูดให้คนเข้ามาดูอย่างล้นหลาม ซึ่งมันคุ้มค่าทุกหยาดเหงื่อของทีมงาน
เพราะทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 661,845,999 บาท และ ส่งให้ตัวของ จา-พนมนั้นโด่งดังเป็นพลุแตก จากลีลาแม่ไม้มวยไทย และ คิวบู๊ที่สุดงามดุดัน ซึ่งมันส่งผลให้มีภาพยนตร์อย่าง “ต้มยำกุ้ง” ตามมาในภายหลัง
การดำเนินเรื่อง
ในประวัติศาสตร์ “หมู่บ้านหนองประดู่” ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของ “ครูดำ” ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่าไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสะดม และ แย่งชิงไปจากหมู่บ้านเมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบากอยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ
ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าวคือบาดแผลจากการต่อสู้ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ที่รับแทนคมหอกคมดาบที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟันเข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง
ความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และ ผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขานสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้ว “องค์บาก” กลับถูก “ดอน” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน
และ ที่ร้ายแรงที่สุดคือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพฯ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บากที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต
ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธาที่หมุนเวียนบรรจบมาเพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และ พลังแห่งความดีงามของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรมจากองค์บากโดยตรงอย่าง “ทิ้ง” (จา-พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้าที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโตจนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก
รวมทั้งเคล็ดวิชา “นวอาวุธ” (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศีรษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และ ความคล่องแคล่วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจาก “พระครู” หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลักที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน
เส้นทางในการเสาะหาองค์บากดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น “เง็ก” (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิตที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวงกัดกินทั้งร่างกาย และ จิตใจ “หมวยเล็ก” (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้วที่งดงามทั้งหน้าตา และ จิตใจ “ไอ้เป๋ง” (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอยคู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ
ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่างออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงามจากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บากค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้งถลำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเกมการต่อสู้ และ การไล่ล่าที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้ายจากทั้งคนไทยด้วยกันเอง และ ชาวต่างชาติ
ความรู้สึกหลังรับชม
หนังก็ยังมีข้อบกพร่องที่เกิดจาก องค์-บาก 1 ภาค-ไทย การลังเลระหว่างการทำให้มันเป็นหนังที่ดีตามมาตรฐาน และ การทำหนังเอาใจท่านผู้ชม ซึ่งผู้กำกับเลือกทางการเอาใจผู้ชมจนเอียงข้างไปเล็กน้อย เริ่มต้นง่าย ๆ จากการที่ไม่มีคนร้ายคนไหนใช้ปืนยิง จา พนม เลย ทุกคนเอาแต่วิ่งไล่จา พนม (แถมวิ่งไล่กันไม่ทันอีก) คือ ถ้ามีคนใช้ปืน จา พนม คงตายตั้งแต่ 15 นาทีแรกไปแล้ว
องค์บากอาจจะกลายเป็นหนังสั้นได้ ซึ่งตรงนี้จริง ๆ คนเขียนบทก็ต้องแก้ไขให้เมกเซนส์ให้ได้ เช่น ลูกสมุนถูกสั่งให้จับเป็นรึเปล่า เลยยิงให้ตายไม่ได้ นอกจากนี้ ฉากแอ็กชันมากมายที่ปรากฏในหนังนั้นมีการ Replay ซํ้าให้เราดูกันหลาย ๆ รอบ จากมุมกล้องต่าง ๆ ราวกับเป็นภาพกีฬามัน ๆ เวลาดูนี่ได้ยินเสียงประโยค ‘ลองจับตาดูกันอีกครั้งชัด ๆ
แต่อะไรที่ทำให้องค์บากภาคแรกเด็ดสุด? โดยส่วนตัวผมว่า “มันพอเหมาะพอดี” ครับ คือบทน่ะไม่มีอะไร แต่การเดินเรื่องมันไม่เยิ่นเย้อ ตามด้วยการมีฉากแอ็กชันแบบเล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้สลิง และ สแตนอิน Effect ก็ไม่ต้องครับ ทุกอย่างเนื้อซัดเนื้อ หมัดซัดหมัดกันไป
ฉากไล่ล่าก็มีลูกเล่นพอดี ๆ คือไม่ต้องระเบิดอลังการอะไรมากครับ แค่ให้พอหวาดเสียว ซึ่งจุดขายที่เด็ดสุด ๆ ยังไงก็คือการเล่นจริงนี่แหละ มันให้อารมณ์อีกแบบจริง ๆ นะครับ มันคืออารมณ์แบบที่คอหนังสไตล์เฉินหลงโปรดเป็นหนักหนา
รีวิว องค์บาก 1
รีวิว องค์บาก 1 องค์บาก ถือว่าเป็นหนังไทยที่ประสบ องค์บาก 1 เต็มเรื่อง 037 ความสำเร็จสูงสุดในตลาดโลก แม้ว่าความสำเร็จนี้ยังไม่มากเท่าหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่องของหลายชาติ แต่เป็นความสำเร็จสูงสุดของหนังไทยในรอบประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยช่วงสัปดาห์แรกเข้าฉายกลางเดือนกุมภา หนังทำรายได้ในอันดับที่ 17 ของอเมริกา ทั้งที่เข้าฉายเพียง 361 โรงทั่วประเทศ หรือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของโรงฉายหนังที่ได้อันดับหนึ่ง
แม้ว่าหนังไทยเรื่องใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดโลก จะต้องสร้างสรรค์แนวทางของตัวเองเท่านั้น แต่การรับรู้ทัศนะของนักวิจารณ์ต่างประเทศที่มีต่อ ‘องค์บาก’ น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีเพื่อการก่อตัวความคิดใหม่ของนักสร้างภาพยนตร์ไทย
ที่หวังให้หนังเป็นที่ยอมรับของคนดูต่างชาติต่างภาษาด้วย
บทสรุป
“ปรัชญา ปิ่นแก้ว” รับหน้าที่เป็นผู้กำ องค์บาก1 ต้นฉบับ กับในโครงการหนังฟอร์มดีจากค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่ถือว่าเรื่องนี้เข็นออกมาฉายตั้งแต่ต้นปี เพื่อมาเป็นโปรแกรมทองต้อนรับเทศกาลตรุษจีนในปีนั้น และ ถือว่าเป็นความสำเร็จชั้นเยี่ยมให้กับแวดวงหนังไทย ที่ตอนนั้นถือว่าเป็นยุคทองของวงการเลยทีเดียว
หนังกวาดรายได้ทั่วประเทศไปได้กว่า 124 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 5 ของหนังทำเงินสูงสุดในไทยประจำปี 2546 และ เป็น 1 ในหนัง 5 เรื่อง ที่ทำเงินได้แตะร้อยล้านในปีนั้นด้วย
นอกจากจะได้ จา พนม มาเป็นนักแสดงนำหลักของเรื่องนี้ หนังยังมีดาราสมทบอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “หม่ำ จ๊กมก”, “แอร์ ภุมวารี”, “สุเชาว์ พงษ์วิไล”, “บ๊วย เชษฐวุฒิ” หรือ “ชุมพร เทพพิทักษ์” และ หนังยังได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำได้ถึง 4 สาขารางวัลด้วย
ไม่เท่านั้นหนังยังมีโอกาสได้เฉิดฉายในตลาดหนังโลก และ ออกฉายไปในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้กวาดรายได้จากทั่วโลกไปได้กว่า 20 ล้านเหรียญเลยทีเดียว