รีวิว Iron Man 3
หนังไทยnetflix หนังไอร่อนแมนสุดมันนััน จนตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วอย่างภาค 3 นั้น หรือก็คือภาคสุดท้าย กันแล้วนะครับ ต้องบอกว่าสำหรับแอดมินนั้น นี่คือภาคที่ดีที่สุดของไอรอนแมน เลยก็ว่าได้ เพราะว่าหนังมีครบทุกรส ไม่ได้ดราม่าโดดหรือแอ็คชั่นโดดเหมือนเดิมแล้ว 1 ปีเต็ม ๆ ! นับตั้งแต่วันที่ Avengers ฉาย แฟน ๆคอมิคนั่งจ้องปฏิธินกันอย่างใจจด ใจจ่อ รอการมาเยือน ของหนังเรื่องนี้ ผมก็เป็๋นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
จนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้มาถึง เราแฟน ๆ ไออ้อนแมนทุก ๆ คนก็ร่วมแห่กันไป ยังหน้าโรงภาพยนตร์ทั้งโดยที่นัดหมาย และ ไม่ได้นัดหมาย วาดหวังไว้อย่างสูง ถึงหนังที่กำลังจะได้รับชม ผ่านไปสองชั่วโมงนิด ๆ ทุก ๆ คนก็ออกจากโรงภาพยนตร์ คนส่วนมาก เดินออกมา พร้อมรอยยิ้ม แต่มีผมเพียงคนเดียว หรืออย่างไรที่เดินออกมาพร้อม…..สีหน้า poker face
นับเป็นภาคที่ 3 แล้ว สำหรับมหาเศรษฐี หนุ่มหน้าแก่พร้อมชุดเกราะ รบสุดไฮเทค เหตุการณ์ในเรื่องนั้น เป็นผลกระทบ ที่ตามมาจากเหตุการณ์ใน Avengers โดยตรง หลังจากที่เอเลี่ยน Chitauri บุกถล่มนิวยอร์ก นอกจากมันจะสร้างบาดแผลทางกายให้กับโลกแล้ว
มันยังได้สร้างบาดแผล ทางใจให้กับโทนี่ สตาร์กด้วย สุดยอดอัจฉริยะถึงกับต้องหัวหดเมื่อได้รู้ว่าในจักรวาลแห่งนี้ ยังมีสิ่งที่ตนไม่รู้ สิ่งที่เหนือกว่าตนอีกมากมาย สร้างปมสำคัญ อันนึงให้กับโทนี่ในภาคนี้ได้ เป็นอย่างดี และการโจมตีของพวกชิทอรินั้น ยังสั่นคลอนอเมริกาอีกด้วย จึงเป็น เหตุให้เจมส์ โร้ดส์ต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Iron Patriot เพื่อสร้างสัญลักษณ์ แห่งความหวังให้ประชาชน ว่าประเทศของตน ยังมีที่พึง เป็นมนุษย์เหล็กรักชาติผู้นี้เสมอ
ภาคนี้ยังมีเปิดตัววายร้าย ตัวใหม่ของเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน Mandarin จอมขมังเวทย์ตัวฉกาจ ศัตรูคู่อาฆาตของโทนี่จากในคอมิคมาสู่จักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวล แมนดารินมาได้ค่อนข้างเก๋า ด้วยการเปิดตัวอย่างเทพด้วยการแฮ็ก ทีวีทั่วประเทศแสดงแสนยานุภาพของตน
แสดงตน เป็นผู้ก่อการร้ายสุดเจ๋ง พร้อมด้วยวายร้ายของเรื่องอีกคน Aldrich Killian บอสใหญ่ของ A.I.M. ผู้พัฒนาโปรเจ็ก Extremis ที่ใช้ในการดัดแปลงดีเอ็นเอของมนุษย์ธรรมดาให้เหนือมนุษย์ได้ ทั้งสองร่วมกันระดมพลถล่มโทนี่อย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าเล่นซะเละทีเดียว เว็บหนัง
รีวิว Iron Man 3
รีวิวหนังดัง หนังเล่าเรื่องโทนี่ สตาร์ค/ไอรอน แมน (Robert Downey Jr.) เศรษฐีหนุ่ม และ นักปัญญาประดิษฐ์ ที่เสียรู้ให้กับศัตรูตัวใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา และ ทีสิ่งที่ทำให้โทนี่เดือดสุด ๆ ก็คือพวกศัตรูเหล่านี้กำลังต้องการทำลายชีวิตของเขา และ คนที่เขารัก
โทนี่จึงออกตามหาพวกนี้เพื่อมารับผิดชอบสิ่งที่ทำ งานนี้หนักหนาสาหัสมากเพราะโทนี่ต้องงัดเอาไม้เด็ดทุกสิ่งออกมาใช้เพื่อปกป้องตัวเอง และ คนที่ตัวเองรัก และ พยายามหาคำตอบว่าที่ผ่านมาเขาถูกหุ่นยนต์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาครอบงำหรือเปล่า
สิ่งที่ผมได้เห็น และ สัมผัสในภาคจบนี้ก็คือสิ่งที่โทนี่พยายามพัฒนามันขึ้นมาครับ ลำดับแรกก็คือชุดเกราะที่ต้องพัฒนา และ ปรับปรุงใหม่ เพราะว่ายิ่งเจอศัตรูที่แข็งแก่งเท่าไหร่ โทนี่ก็ต้องพัฒนาชุดเกราะของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นตามไป และ อีกหนึ่งสิ่งที่คาดไม่ได้คือ การใช้สติปัญญาแก้สถานการณ์เมื่ออยู่ภายใต้ชุดเกราะ
คงจะสังเกตเห็นกันใช่ไหมครับว่าเวลาที่โทนี่แกอยู่ในชุดเกราะ แกจะมีAutoBot ที่ชื่อว่าจาร์วิสอยู่เคียงข้างเสมอ คอยบอกกล่าวสถานการณ์และแนะนำตักเตือนโทนี่โดยเปรียบเสมือนสมองของโทนี่เลยก็ว่าได้ แต่โทนี่เองก็ไม่ได้ว่าอยู่ในชุดเกราะตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากเขาเผชิญหน้าศัตรูในช่วงเวลาที่เขา เป็นมนุษย์ธรรมดา
เขาจะหาทางรอด และ แก้สถานการณ์อย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า โทนี่ไม่ได้มีพลังเหนือมนุษย์เหมือนกัปตันอเมริกา และ ไม่ได้เป็น เทพเจ้าเหมือนธอร์ สิ่งที่เขาต้องใช้ให้เป็น ประโยชน์ที่สุดคือการแก้สถานการณ์นั่นเอง เพราะบอกเลยครับว่าตัวร้ายภาคนี้ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเหมือนภาคที่ แล้ว ๆ มาแน่นอน
แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติของหนังมาร์เวลที่จะต้องมีการแทรกมุกตลกขำขันให้คนดูคลายเครียด แต่มัน เป็นมุกตลกแบบตลกร้าย ซึ่งการดูมุกตลกร้ายมันต้องตั้งใจดูจริง ๆ และ บางครั้งก็อาจจะต้องทำความเข้าใจกับมุกด้วย บางทีมุกก็แบมาไวเกิน ตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็ไม่ได้ฝืดนะครับ
สาเหตุที่บอกว่ามันจะมาไม่ทันตั้งตัว เพราะบางทีหนังกำลังดำเนินฉากเครียดอยู่ จู่ ๆ ก็มีมุกตลกแทรกเข้ามาซะอย่างนั้น แล้ว แบบนี้ใครมันจะไปตั้งตัวทัน ถ้านี่คือจุดด้อยก็อาจจะเรียกได้นะครับ เหมือนจังหวะในการแทรกมุกเพื่อเปลี่ยนอารมณ์คนดูกะทันหัน มันอาจจะทำให้มึนงงแทนที่จะฮาสำหรับบางคน
ซิกเนเจอร์ของภาคนี้คือถ้าโทนี่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยที่ตัวเองไม่มีชุดเกราะ เขาจะทำอย่างไร เรื่องนี้เลยน่าสนใจขึ้นทันที และ กลับทำให้ผมนึกย้อนไปในช่วงภาคแรกที่เข้าถูกจับตัวไป แล้ว ใช้ปัญญาประดิษฐ์ สร้างหุ่นยนต์ แล้ว หนีออกมาได้ แต่ว่าแน่นอนหนังคงไม่เอามุกเดิมมาเล่น
คราวนี้หนังฉีกออกไปอีกมุมหนึ่ง นั่นก็คือการเป็น ฮีโร่ไม่ได้ว่าจำเป็น จะต้องมีเกราะป้องกัน เขาสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้าย และ อยู่รอดได้แม้ว่าจะไม่ต้องพึ่งชุดเกราะก็ตาม เพราะเขาคือไอรอนแมน ความเป็นไอรอนแมนอยู่ที่จิตใจไม่ใช่ชุดเกราะ ดูหนัง
ตัวอย่างของหนังแสดงให้เห็นแต่ความดาร์ก มากถึงมากที่สุด ว่าฮีโร่ของเราคนนี้จะโดนยำเละ ว่าฮีโร่คนนี้ต้องล้มลุกคลุกคลาน ให้อารมณ์เหมือน The Dark Knight Rises ของ Nolan ไม่มีผิด แต่เมื่อได้ดูจริงๆ แล้ว หนังไม่ได้ดาร์กหรือซีเรียสแบบที่คิดเลย
ยังคงเหมือนภาคก่อนๆแต่แตกต่างานิดเดียว ในภาคนี้เราจะได้เห็นโทนี่สวมเกราะน้อยลง เห็นเขามีการพัฒนาด้วยตัวของเขาเองมากขึ้น โทนี่ที่หยิ่งผยองได้เรียนรู้ว่าตนไม่ได้แกร่งล้นฟ้า แต่ก็เป็นแค่ชายในชุดหุ่นกระป๋องเท่านั้น
สรุป Iron Man 3
รีวิวหนังดัง บ่นมามากพอสมควร ถ้ามาพูดในด้านการรีวิวบ้าง บอกเลยว่าหนังสนุกมากครับ รู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวมากๆ บทพูดไม่เยอะน่ารำคาญ ฉากแอ็คชั่นเยอะแต่พองาม ไม่เยอะเกิน CGI เรียบเนียน ยังไม่นับมุกตลกมากมายที่ใส่ลงมาในหนังอย่างจุใจ เอาให้ฮาก๊ากกันไปเลย (แต่ผมยังคิดว่าอเวนเจอร์สตลกกว่านะ)
มีการหักมุมที่พอทำให้อ้าปากหวอได้ มีปมปัญหาที่สร้างความน่าสนใจให้กับหนัง บอกได้เลยว่าเป็น หนึ่งในหนังมาร์เวลที่สนุกที่สุด เปิด Phase 2 ของจักรวาลหนัง MCU ได้ดีเยี่ยม ถ้าในฐานะคนดูหนังธรรมดาๆผมให้คะแนนคือ 8/10 เลยนะ
คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังมีครบทุกรสเลยครับ ทั้งดราม่า แอ็คชั่น แถมแทรกข้อคิดที่น่าฉงนสงสัย ว่าเกราะเหล็กที่เขาใส่สามารถป้องกันภัยเขาจากศัตรูทั้งมวลได้หรือไม่ หรือว่าจิตใจของเขาต่างหากคือไอรอนแมนที่แม้จริง โดยไม่จำเป็น ต้องมีชุดเกราะเขาก็คือไอรอนแมน
คะแนนเอฟเฟคต์ 9/10 บอกเลยว่าภาคนี้จัดเต็มในส่วนของเอฟเฟคต์ และ ความอลังการในการต่อสู้ เพราะว่าศัตรูคนใหม่ของไอรอนแมนนั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา และ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนเพราะอย่างฉับไวของโทนี่อีกด้วย นี่อาจจะเป็น จุดขายให้กับแฟน ๆ ชาวเกราะเหล็กเลยว่า โทนี่มีเกราะมากมายหลายรูปแบบที่ไว้พร้อมรับมือศัตรู และ แน่นอนว่าแต่ละเกราะนั้นสวยเท่ และ เด็ด ๆ ทั้งนั้น
ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้
1. ไอรอนแมนคือหัวใจของโทนี่ ไม่ใช่ชุดเกราะ อาจจะมีข้อกังขาว่าระหว่างโทนี่ที่เป็น ผู้สร้างเกราะขึ้นมา เขากำลังถูกเกราะครอบงำหรือไม่ หรือว่าเขาเป็น ไอรอนแมนด้วยหัวใจของเขา ต่อให้ไม่มีชุดเกราะแต่สติปัญญา และความเฉลียวฉลาดของเขาก็ทำให้เขาถูกเรียกว่าไอรอนแมนด้วยเช่นกัน
2. การทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก โทนี่ต้องพยายามพัฒนาตัวเอง และ ชุดเกราะของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง และ คนที่เขารัก เพราะศัตรูที่กำลังคลืบคลานเข้ามา และ ไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหนหรือจะร้ายกาจเพียงใด โทนี่ต้องเตรียมพร้อม และ ตื่นตระหนกอยู่เสมอ
เป็นการจบภาค 3 แบบไร้ที่ติ และ ข้อกังขาจริง ๆครับสำหรับไอรอนแมน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีแฟนคลับทั่วโลกขนาดนี้ เพราะนอกจากหนังจะมีหุ่นยนต์ เป็นจุดขายแล้ว หนังกำลังจะสื่อว่าต่อให้ไม่ เป็นเทพหรือมีพลังวิเศษก็สามารถ เป็นฮีโร่ได้ เว็บดูหนัง