Category Archives: รวมรีวิว

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

พร้อมแล้วครับ ที่ซุปเปอร์สตาร์ดังอย่าง มาริโอ้ จะกลับมาเฉิดฉาย หนังไทยมาใหม่ กลับมาทวงบัลลังก์ความเป็นซูเปอร์สตาร์อันดับ 1 อีกครั้ง ส ปอย หนัง ซึ่งอย่างที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนต่างรู้ดีว่า ฝีไม้ลายมือการแสดงของเขานั้น ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ยอดเยี่ยมเพียงไหน ซึ่งต้องยอมรับเขาจริง ๆ ของคนไทยอีกครั้งด้วยผลงาน ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ โกอินเตอร์อย่างเต็มตัว เรื่องแรกในชีวิตการเป็นนักแสดงสำหรับ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ในภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้เรื่อง 77 Heartwarmings – 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการแสดงของพระเอกหนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ กับผลงานโกอินเตอร์ ระดับเอเชียแบบเต็มตัว ในภาพยนตร์ฮ่องกงครั้งแรก อย่าง “77 Heartwarmings (77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก)” ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ ผลงานผู้กำกับ เฮอร์แมน เหยา โดย ไร้ท์ บิยอนด์ และ เอ็มเพอร์เรอร์ โมชั่น พิคเจอร์ส บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวผู้ต้องเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตนั่นก็คือ “การแต่งงาน” แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ยังไม่สามารถให้คำตอบกับตัวเองได้เสียทีว่า แท้ที่จริงแล้วเธอต้องการเดินเข้าสู่ประตูวิวาห์จริง ๆ หรือแค่เพราะกลัวการที่จะต้องขึ้นไปโหนอยู่บน “คาน” กันแน่

ชื่อเรื่อง 77 Heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก
ประเภท โรแมนติก
นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ, ชาร์ลีน ชอย, โจวป๋อหาว
กำกับโดย เฮอร์แมน เหยา
กำหนดฉาย 29 กรกฎาคม 2021 (เฉพาะโรงภาพยนตร์ในเครือเอสเอฟ ซีนีม่า)

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก 77 Heartwarmings – 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก 77 heartwarmings พากย์ไทย ซูเปอร์สตาร์หนุ่ม มาริโอ้ เมาเร่อ สวมบทเป็นลูกชายคนเดียวของเศรษฐีผู้ร่ำรวย ซึ่งก้าวเข้ามาทำให้หัวใจของนางเอกสาวของเรื่องที่รับบทโดยนักแสดงสาวที่คอหนังจีนรู้จักกันดีอย่าง “ชาร์ลีน ชอย” ต้องถึงคราวหวั่นไหว เพราะต้องเลือกเอาระหว่างแฟนเก่าที่คบกันแบบคบ ๆ เลิก ๆ มาตลอด หรือต้องการที่จะสานสัมพันธ์ครั้งใหม่กับลูกชายเพลย์บอยของเศรษฐีคนนี้ที่เธอแทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวของเขาเลยสักนิดเดียว

เรื่องย่อ

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

ถึงเวลาเลือกชุดแต่งงานแล้ว แต่ “เอวา” (ชาร์ลีน ชอย) สาวสวยผู้อยากจะก้าวเข้าสู่ประตูวิวาห์จนตัวสั่นกลับยังไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องราวของชีวิตคู่อย่างไรดี เพราะไม่เพียงไม่รู้ว่าตนเองต้องการชุดแต่งงานแบบไหนเท่านั้น แต่เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า คนที่จะมาเป็น เจ้าบ่าว จะต้องเป็นคนอย่างไรอีกด้วย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการที่ต้องทำงานในฐานะของทนายความผู้เชี่ยวชาญในคดีฟ้องหย่าที่ผ่านการเห็นคนเลิกรากันมา แล้วสารพัดรูปแบบ ทำให้ เอวา กลายมาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อถือในเรื่องของ รักแท้

การกลับมาของสตาร์อันดับ 1 มาริโอ้ เมาเร่อ

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งพระเอกหนุ่มไทย 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก เต็ม เรื่อง ที่มีแฟนคลับฝั่งเอเชียมากเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับพระเอกหนุ่มซุปเปอร์สตาร์ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ที่มักจะมีผลงานโฆษณาพรีเซนเตอร์ให้แฟนคลับต่างชาติได้ดูกัน ล่าสุดปีนี้ได้ฤกษ์ปล่อยผลงานโกอินเตอร์แบบเต็มตัวเรื่องแรกกับภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้จากจีนเรื่อง “77 Heartwarmings” หรือ “77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก” มาให้แฟนคลับชาวไทยกับแม่ ๆ จีนได้ดูกันให้หายคิดถึง

แถมเรื่องนี้ยังได้รับบทเป็น “เพลย์บอยหนุ่มรูปงาม” จัดเต็มเสื้อผ้าหน้าผมแบบหล่อสุด ๆ อย่างแน่นอน เริ่มฉายวันที่ 17 มิถุนายนนี้เป็นต้นไป เฉพาะที่โรงภาพยนตร์เครือ เอส เอฟ เท่านั้น งานนี้ใครคิดถึงหนุ่มมาริโอ้ห้ามพลาด ไปส่งกำลังใจกันเยอะ ๆ หนุ่มโอ้จะได้มีผลงานโกอินเตอร์ออกมาให้ติดตามกันอีก

อันเนื่องมาจากเสน่ห์ในรูปร่างหน้าตาอันเป็นเอกลักษณ์ และ ฝีไม้ลายมือในการแสดงของเขาที่ฝังอยู่ในใจของผู้ชมในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์มานานแล้ว รวมไปถึงในประเทศจีน และ ฮ่องกง ตลอดจนในไต้หวัน ล่าสุด มาริโอ้ ได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้เรื่อง “77 Heartwarmings” หรือ “77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก”

ซึ่งเป็นภาคต่อของ “77 Heartbreaks” ร่วมกับ นักแสดงหนุ่ม โจวป๋อหาว และ ดาราสาวผู้โด่งดัง ชาร์ลีน ชอย (หรือ อาซา) โดยในเรื่องเขาจะต้องสวมบทเป็นคู่ปรับที่แข็งแกร่งในเรื่องความรักกับนักแสดงหนุ่ม โจวป๋อหาว เพื่อแย่งชิงความรักที่มีต่อนางเอกของเรื่องคือ ชาร์ลีน ชอย

ใน “77 Heartwarmings” มาริโอ้ รับบทเป็นมือที่ 3 ที่เข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ตัวเอกของเรื่องคือ “โจวป๋อหาว” และ “ชาร์ลีน ชอย” ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงหัวใจของหญิงสาวที่เขากำลังหมายปองอยู่ “เขามีรูปร่างที่ฟิตสุด ๆ แถมยังมีทักษะของมวยไทยที่ดีมาก ๆ อีกด้วย” ผู้กำกับฯ เฮอร์แมน เหยา กล่าวเสริม “

นอกเหนือไปจากการที่เขาสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครเป็นอย่างดี จึงทำให้การแสดงของเขาออกมาดูอบอบอุ่น และ เป็นธรรมชาติเหมือนกับผู้ชายที่พร้อมจะออกมาปกป้องสาวคนรัก แถมเวลาที่พักการถ่ายทำเราก็มักจะมีเรื่องสนุก ๆ มาคุยกันแทบไม่หยุด ทำให้บรรยากาศในกองถ่ายมีความเป็นกันเองมาก ๆ” นักแสดงสาว ชาร์ลีน ชอย กล่าวชื่นชมหนุ่มนักแสดงชาวไทยแบบแทบปิดไม่มิด

แต่แม้ว่าเขาจะเป็นนักแสดงที่มีฝีมือเก่งฉกาจแค่ไหน หากเมื่อ มาริโอ้ ได้เห็น ซาร์ลีน ชอย เป็นครั้งแรกก็อดไม่ได้ที่จะหวั่นใจในการทำงานกับเธอ “ผมได้ยินมาว่าเธอเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ในฮ่องกงคนหนึ่ง ผมเคยดูภาพยนตร์ของเธอมาแล้วหลายเรื่อง และ คิดว่าผู้หญิงคนนี้มีความสามารถอย่างน่าทึ่ง

ดังนั้นตอนที่เราเจอกันครั้งแรก ผมเลยจับมือทักทายเธอแบบเขิน ๆ และ พูดว่า สวัสดีครับ ผมชื่อมาริโอ เมาเร่อ รู้สึกดีใจ และ โชคดีที่ได้ร่วมงานกับคุณ คุณเป็นคนที่น่ารักมาก และ อายุของเรายังใกล้เคียงกันอีกด้วย” ในขณะที่ฝ่ายของ ชาร์ลีน ชอย เองก็กล่าวชมมาริโอ้ว่า “ตัวจริงของคุณน่ารักมาก และ ฉันได้ยินมาว่านอกเหนือจากการที่คุณเป็นนักแสดงหนุ่มชาวไทยที่เก่งสุด ๆ แล้วแล้ว คุณยังชอบซื้อพวกของเล่นต่าง ๆ ตามร้านขายของเล่นตามห้างสรรพสินค้าเหมือนฉันอีกด้วย

รีวิว 77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก

รีวิว77 heartwarmings 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก 77 Heartwarmings สานต่อความสำเร็จของ 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก ซับไทย  “77 Heartbreaks” ที่ออกฉายเมื่อปี 2560 ซึ่งทำให้เกิดเสียงสะท้อนของคนดูทั้งทางฝั่งของผู้หญิง และ ผู้ชายออกมามากมาย อาทิ ผู้ชายบางคนก็บอกว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่แฟนสาวของเขาทำนั้นมันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี ส่วนฝ่ายผู้หญิงก็บอกว่า เพราะแฟนหนุ่มของเธอชอบสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้เธออยู่บ่อย ๆ ต่างหาก

ผลงานโก-อินเตอร์ในฐานะนักแสดงนำอย่างเป็นทางการครั้งแรกของ “มาริโอ้ เมาเร่อ” ใน “77 Heartwarmings – 77 จังหวะหัวใจกระซิบรัก” โดย ไร้ท์ บิยอนด์ และ เอ็มเพอร์เรอร์ โมชั่น พิคเจอร์ส ได้ตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2562 นี้เป็นต้นไปที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ , เอสเอฟซีนีม่า , เมเจอร์ฮอลลีวู้ด และ เซ็นจูรี่ เดอะ มูฟวี่ พลาซ่า

เลยนำมาสู่บทสิ้นสุดของความรัก และ ความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน  ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า หลังจากแต่งงานกันแล้วชีวิตรักของพระนางจะเป็นการจบแบบมีความสุขหรือไม่  ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ เอริก้า หลี่ โดยครั้งนี้ยังคงได้ทีมงานชุดเดิมทั้งเบื้องหน้า และ เบื้องหลังของหนังภาคก่อนมาร่วมงานกัน

บทสรุป

ถึงอย่างไรคนที่กระตุ้นให้เธอก้าวเข้าสู่จุดหมาย จังหวะหัวใจปกติ ปลายทางของความรัก ก็คือผู้เป็นแม่ และ เพื่อนรักที่คอยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการแต่งงาน และ มีครอบครัว แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะเตือนเธอถึงเรื่องสำคัญนั่นก็คือ เธอพร้อมที่จะกลับไปหาอดีตแฟนหนุ่มอย่าง อดัม (โจว ป๋อหาว) ผู้ที่เธอเคยหักอกเขามาแล้วไหม?

หรืออยากจะแต่งงานกับ ศิลปินหนุ่ม (มาริโอ้ เมาเร่อ) ที่เธอแทบไม่รู้จักนิสัยใจคอของเขาเลย นอกจากการเป็นลูกเศรษฐีร่ำรวยที่มีทรัพย์สินมหาศาล รวมทั้งเครื่องบินส่วนตัวสุดหรู หาไม่แล้วเธอก็จำต้องยอมรับความจริงให้ได้ว่าจะต้องห้อยโหนอยู่บน คานทอง ไปจนตลอดชีวิต

เหนืออื่นใดสิ่งที่เอวาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลยก็คือ การที่ชายหนุ่มทั้งคู่ต่างก็พยายามที่จะพิชิตใจเธอโดยอาศัยตัวช่วย คือ แอปพลิเคชั่นจีบสาวยอดนิยมที่เรียกว่า 77 Heartwarmings เพื่อที่จะละลายน้ำแข็งในหัวใจของเธอให้กลับมาอบอุ่นอีกครั้ง

โดยสรุปผมขอให้คะแนนหนังเรื่องนี้ 6/10

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ถือเป็นภาพยนตร์เปิดโลก หนังไทยnetflix ที่ไม่ค่อยเห็นในบ้านเรามากนัก ซึ่งตัวหนังเองก็ยังคง concept หนังไทยอยู่ ส ปอย หนัง นั้นก็คือความฮาที่แทบจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ของหนังไทยไปซะแล้ว แต่หนังก็ยังแฝงไปด้วยข้อคิดมากมายให้เราอีกด้วย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี สำหรับภาพยนตร์ไทยแนวตลกใน พ.ศ. 2565 นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต และ อุรัสยา เสปอร์บันด์ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 และ จัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า ภาพยนตร์ผลงานของผู้กำกับคนเก่ง เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ที่เคยฝากผลงานไว้อย่างฮาวทูทิ้ง (2019) และ ฟรีแลนซ์.. ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ (2015) เรื่องนี้ยังคงเป็นสไตล์ดราม่า แต่มีความโรแมนติกคอมเมดี้เข้ามาด้วย ได้นักแสดงนำแม่เหล็ก อย่างสาวสวยญาญ่า อุรัสยา ประกบคู่กับหนุ่มหล่อ ณัฎฐ์ กิจจริต ตอนนี้ออกอากาศให้รับชมทาง Netflix แล้ว

เรื่อง : Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ
ประเภท : โรแมนติก, คอมเมดี้, ดราม่า
นักแสดง : ญาญ่า อุรัสยา, ณัฎฐ์ กิจจริต
ระยะเวลาการรับชม : 2 ชั่วโมง 11 นาที

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์รสชาติใหม่ของเต๋อ เร็วโหดเหมือนโกรธเธอ ดู นวพลซึ่งยังคงคอนเซ็ปต์เป็นหนังคำคมของเหล่าสายเฮิร์ต ผสมผสานการเปิดโลกกีฬาสแต็ก ที่วัดกันด้วยความเร็วแบบวิต่อวิ และ คราวนี้หนังของเขาก็ ’แรง’ ขึ้นกว่าเดิมมากจริง ๆ จนมีสปีดพอ ๆ กับหนังแอ็กชันเลยล่ะ

แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีความฉีกจากแนวเดิมที่นวพลเคยทำมา แต่หนังก็ยังคง DNA ความเป็นนวพลไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องราวของการเติบโตของชีวิต และ ความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งแก้วอันเปราะบาง เพราะเมื่อไหร่ที่มันแตกสลาย ก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นแก้วได้ดังเดิมอีก

รวมไปถึงเรื่องราวความหลังสุดบีบหัวใจ ที่นวพลได้ซ่อนการจิกกัดสังคมไทยไว้ภายใต้ความเป็น ‘หนังกวนส้นตีน’ ของเขา ซึ่งสะท้อนมุมมองให้เราต้องฉุกคิดอยู่ตลอด ที่แม้ว่าโลกของเราในยุคนี้จะเร็วเพียงใด แต่กรอบบางอย่างก็ยังคงถูกฝังรากไว้ไม่เปลี่ยนแปลง

อีกประเด็นที่หนังยังเน้นคงเน้นหนักคือ การทำให้ตัวละครอย่างเกากลายเป็นตัวละครที่ Coming of Age ในวัย 30 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของอีโก้ผู้ใหญ่ที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง จนวันหนึ่งอีโก้เหล่านั้นจะทำลายตัวเขาเองในที่สุด เกาจึงเป็นภาพสะท้อนของการยอมรับตัวตนว่า Coming of Age นั้นไม่ใช่เพียงแค่การเป็นผู้ใหญ่เพราะวัย แต่คือการก้าวพ้นตัวตนเก่า ยอมรับความผิดพลาด ใช้ประสบการณ์ น้ำตา และ ความเจ็บปวด บ่มเพาะให้เติบโตเป็นคนที่ดีกว่าเดิม

เรื่องย่อ

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

มันเป็นเรื่องราวของ เกา และ เจ คนแรกมุ่งหวังอยากจะเป็นเลิศในการแข่งขันเรียงแก้วเร็ว หรือที่เรียกว่า Sport Stacking แม้จะไม่มีใครมองเห็น ไม่มีคนสนใจ แต่คนที่เล็งเห็น และ เป็นแรงผลักดันเรื่อยมาคือคนหลัง เกาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะเป็นคนที่เร็วที่สุดในโลก

ส่วนเจเป็นคนที่มีความฝันอันธรรมดาที่สุด แต่เธอมีความพิเศษคือ ‘ใจดี’ ส่งผลให้เจทำทุกอย่างเพื่อให้เกาได้ใช้เวลาไปกับการฝึกให้มากที่สุดแต่ดูเหมือนสิ่งที่คิดไว้จะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ไม่นานพวกเขาก็เลิกรากัน ไม่เท่านั้น ยังมีเด็กใหม่จากอีกฟากโลกที่เก่งกล้าท้าลองดี ดรามาบังเกิดแล้วตอนนี้ แถมมันยังส่งผลต่อความเร็วของเขาอย่างมาก ทางออกพอมี แต่จะใช่ทางออกจริง ๆ หรือไม่

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

ชอบตั้งแต่ตอนเปิดเรื่องเลยที่คุณครูถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ชอบคำตอบของนักเรียนแต่ละคนรวมทั้งนักแสดงที่มาคามีโอด้วย เร็วโหดเหมือนโกรธเธอ netflix แค่เปิดเรื่องก็ฮาแล้ว เรื่องราวความฝันของเกา ที่อยากเป็นนักเรียงแก้วกับบริบทสังคมไทย ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ นำเสนอออกมาได้ดี น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน

หนังให้ข้อคิดดี ๆ หลายเรื่อง ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ และ เรื่องการทำตามความฝัน ไม่ว่าจะนักกีฬาโอลิมปิกหรือ นักเรียงแก้ว หรือใครก็ตามที่อยากทำอะไรให้สำเร็จสักอย่างหนึ่ง คีย์สำคัญคือการทุ่มเทฝึกซ้อม พัฒนาฝีมืออย่างหนัก และ ในการที่จะมีเวลาฝึกซ้อมให้ได้อย่างเต็มที่ มันมีหลายคนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะพ่อ แม่ เมีย และ โค้ช

หนังเล่าส่วนนี้ออกมาได้ซึ้งกินใจ บางครั้งเมื่อหมกมุ่นกับอะไรมาก ๆ เราอาจหลงลืมความจริงข้อนี้ไปได้ และ อีกด้านหนึ่งถ้ามองในมุมมองของชีวิตคู่ เมื่อความรักมันไปต่อไม่ได้ มันก็เหมือนขโมยเวลาของกัน และ กัน

ผสมผสานเรื่องความสัมพันธ์ของชีวิตคู่เข้ามาได้อย่างลงตัว ตั้งแต่เรื่องซื้อบ้าน ทำอาหารเช้า ยันซักผ้า ตลอดไปจนถึงขายบ้าน ผู้กำกับใส่ใจในรายละเอียดยิบย่อยที่ใส่ลงไป ทำให้หนังมีความสมจริง เข้าถึงได้ไม่ยาก เป็นชีวิตคู่ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายให้ตลอดเวลา ส่วนอีกฝ่ายก็รับลูกเดียว มีความดราม่าเป็นช่วง ๆ แต่ไม่หน่วง ทุกปมดูสนุก ชอบบ้านของเกากับเจ สวยน่าอยู่

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ

รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ เอาจริง ๆ ก็เหมือนหนังหยิบเอาลายเซ็นความเป็นเต๋อ นวพล มาใส่ไว้ทั้งหมด ทั้งบทพูด เร็วโหดเหมือนโกรธเธอ 037 ลีลาการพูด มุกตลก ลีลาการตัดต่อ เหมือนหนังโฆษณาของแกนั่นแหละ แต่แค่มันยาว 2 ชั่วโมง 12 นาทีเท่านั้นเอง ครั้งนี้ มันเล่าเรื่องราวของความรักในอะไรที่คนส่วนใหญ่เขาเมินเฉย แต่เป็นสิ่งที่อายุไม่เกี่ยว เด็กหรือแก่เท่าไหร่ก็เล่นได้หมด ว่าแต่…มันจริงหรือ?

นอกจากหนังจะเล่าถึงเจ คนรักที่ยินดีมาอยู่ด้วยกันเพื่อให้เกาได้ทำตามฝันอย่างเต็มที่ ก็ยังมีปอ (วิพาวีร์ พัทธ์ณศิริ) คนที่คล้ายจะเป็นผู้จัดการส่วนตัว และ คนดูแลสถาบันสอนการเล่น Sport Stacking แม่ของเกา (กนกวรรณ บุตรชาติ) ที่ปล่อยให้เกาได้ฝึกปรือฝีมือ และ เลือกจะเอาใจช่วยในแบบของตนเอง เมทัล (อนุสรา กอสัมพันธ์) แม่บ้านที่เก่งทุกอย่างเกี่ยวกับงานบ้าน

นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีคนขับรถ คนสอนภาษา เด็ก ๆ ในอะคาเดมีของเกา โดยเฉพาะ ไผ่หลิว (คีตภัทร ป้องเรือ) ที่เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญพาเขาข้ามผ่านขีดจำกัดของตนเองได้

โดยเฉพาะเจ แฟนสาวที่เห็นดีเห็นงามกับความฝันที่ใคร ๆ มองว่าไร้ค่า แต่เธอกลับทุ่มเทเพื่อเขามาเป็นสิบปี มันเป็นเวลานานเกินไปด้วยซ้ำ จนไม่น่าจะมีใครยอมทำเพื่อความฝันของคนอื่นโดยทิ้งลืมความฝันความสุขของตนเองได้ขนาดนี้ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ toxic ชวนรู้สึกอึดอัดแทน แม้หนังจะหันกลับมาเล่าในมุมของเจบ้าง แต่หนังก็ยืดไปยืดมาพร้อมกับเล่นมุกหน้าตาย จนเริ่มทำลายสิ่งที่ปูมา

บทสรุป

เป็นภาพยนตร์ไทยแนว เร็วโหดเหมือนโกรธเธอ สนุกไหม โรแมนติกคอมเมดี้ ดราม่า ที่สนุก ขำ ดูไม่เบื่อ เพลินตลอดทั้งเรื่อง เล่าเรื่องการทำตามความฝัน และ ความสัมพันธ์ชีวิตคู่ ได้สมจริง มีดราม่าแต่ไม่หนักหน่วง ดูเพลินมาก

โดยรวมแล้ว Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ โดดเด่นในแง่ของการนำเสนอรสชาติใหม่ในหนังของเต๋อ นวพล ซึ่งค่อนข้าง ‘ย่อยง่าย’ กว่าหนังเรื่องอื่น ๆ ของเขา แถมหนังยังอุดมไปด้วยกองทัพนักแสดงที่ตบเท้าเข้ามารับส่งมุกกันอย่างพร้อมเพรียง และ ยังเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สอดแทรกการ Coming of Age ของผู้ใหญ่ได้อย่างดีมาก จนเราอยากรู้เลยว่าหนังเรื่องต่อไปของเขา จะเอาอะไรมาเล่าอีก

นับเป็นอีกหนึ่งผลงานของสาวญาญ่าที่ไม่ควรพลาด ให้คะแนน 7/10 รับชมได้ทาง Netflix

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย

สวัสดีครับนี่คือหนึ่งในหนังไทยอีกเรื่อง หนังไทยnetflix ที่มีความฮา ผสม กับ ความบ้านนอก ๆ อารม คล้าย ๆ ไทยบ้าน นั้นแหละครับ ส ปอย หนัง สำหรับ ส้มป่อย นี่คือหนังรอมคอมสไตล์ไทย ๆ ที่จะพาพวกเราไปเยือนเมืองเหนือ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี แถว ๆ จังหวัดลำพูน กับเรื่องราวของสาวสวยผู้เบื่อบ้านเกิดตัวเอง และ อยากจะหนีออกไปไกล ๆ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ส้มป่อย คือชื่อของตัวเอก และ เป็นชื่อหนังเรื่องนี้ ส้มป่อย (น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ จากละครเรื่อง แค้นรักสลับชะตา และ ประกาศิตกามเทพ) เป็นสาวเหนือที่มีบุคลิกไม่เรียบร้อย ผิดจากภาพลักษณ์สาวเหนือในความคิดของใครหลาย ๆ คน ซึ่งอาจส่งผลให้เธอยังไม่มีแฟนสักที เธอเป็นสาวที่ค่อนข้างเบื่อกับงานวันรวมญาติที่เหล่าเครือญาติที่ได้ผัวเป็นคนกรุงเทพฯ จะพาผัว และ ลูกกลับมาเยี่ยม ก็คงจะมีแต่แม่ของเธอนี่แหละที่ไม่ได้มีผัวเป็นคนกรุงเทพฯ เหมือนอย่างญาติคนอื่น และ นั่นอาจเป็นสาเหตุให้เธอคิดอยากจะมีแฟนเป็นคนกรุงเทพฯ

ประเภท: ตลก / โรแมนติก
ผู้กำกับ: ส้มป่อยทีม
นำแสดงโดย: พิจักขณา วงศารัตนศิลป์, ธนพล จารุจิตรานนท์, ธัชทร ทรัพย์อนันต์
ความยาว: 120 นาที
กำหนดฉายในไทย: 4 พฤศจิกายน 2021

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย หนังไทยเรื่องนี้ มีพล็อต ส้มป่อยเต็มเรื่อง บท และ การดำเนินเรื่องที่เรียกได้ว่า ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และ เน้นใช้เสน่ห์ของนักแสดง ผสมกับความสามารถในการแสดงที่สามารถใส่ได้ทั้งคอมิดี้ เล่นให้ดูตลก โอเวอร์เล็ก ๆ แต่ก็มีความน่ารักผสมอยู่ในนั้นแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเล่นซีนดราม่าก็เอาอยู่มากพอจะทำให้คนอินตาน้ำตาซึมตามได้ เหมาะสำหรับคอหนังที่ต้องการเสพความบันเทิง ไม่ต้องการอะไรที่เคร่งเครียดเกินไป ไม่คาดหวังสิ่งที่แปลกใหม่หรือการดำเนินเรื่องที่เกินคาด

เพลงประกอบของหนังก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ‘อยากมีแฟนแล้ว’ เวอร์ชันดั้งเดิมที่อยู่ในหนังหรือเวอร์ชันใหม่ที่ร้องไว้โดย ส้ม มารี (Zommarie) แต่ที่ประทับใจสุด ๆ ก็เห็นจะเป็น ‘ไม่เคย’ เวอร์ชันภาษาเหนือที่ร้องไว้โดย ไม้เมือง

เป็นหนังที่ทำให้เห็นลีลา และ บทบาทใหม่ ๆ จาก น้ำตาล พิจักขณา เพราะเธอต้องเล่นเป็นผู้หญิงกระโดกกระเดก ที่ชอบกินลาบ ชอบกินเหล้า มักจะเมาเละภาพตัดอยู่หลายช่วง ซึ่งน้ำตาลผู้มีเบาหน้าสไตล์สวยมหาชนก็ดูไม่ห่วงสวย ใส่ลีลาปากจัดเต็มที่

ขณะเดียวกันลีลาอ่อยผู้ชายก็ใส่เต็มเช่นกัน ขณะที่ตัว ป๊อป ธัชทร อาจจะไม่ได้บทที่ส่งให้มากนัก แต่กับ ตี๋ ธนพล ดูเหมือนจะได้เล่นอะไรมากกว่า แม้โดยส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบใจนัก กับการที่ตัวเอกของเรื่องมีอาชีพคนทรงแบบนี้ [แถมในเรื่องก็ยังโดยนางเอกจับได้ซะอีก] แต่พอถึงช่วงเวลาดราม่า เขาก็ทำได้ดี

โดยส่วนตัวแล้วไม่ถึงกับขำคิกคักไปกับบทคอมิดี้สักเท่าไหร่นัก แต่ความน่ารักของน้ำตาลพาให้ผ่านไปได้เกือบหมด ถ้าใครเป็นคนเหนืออยู่แล้วก็น่าจะอิน และ สนุกกับหนังเรื่องนี้เพราะประสบการณ์ร่วมย่อมจะมากกว่า

เรื่องย่อ

รีวิว ส้มป่อย

ส้มป่อย สาวละปูน(ลำพูน) สาวโสดขาแรง สายฮา ที่ไม่อยากติดแหง็กใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในบ้านเกิด การได้แฟนดี ๆ ไปใช้ชีวิตคูล ๆ อยู่กรุงเทพฯ ถือเป็นลาภอันประเสริฐ ความหวังเดียวที่จะช่วยให้ฝันเป็นจริงคือต้องหาแฟนเป็นหนุ่มชาวกรุง และ แล้วฟ้าก็ประทาน “แวน” ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวมาให้

ส้มป่อยจึงโร่ปรึกษา “แซ้ป” เจ้าเข้าทรงสายแว้นซ์นั่งทางในหากลเม็ดมัดใจผู้บ่าวเมืองกรุง โดยที่ส้มป่อยไม่รู้เลยว่าแซ้ปแอบชอบเธอ จู่ ๆ เสน่ห์ก็แรงขึ้นมา ส้มป่อยจะเดินหน้าอ่อยแวนต่อหรือพอแค่นี้

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว ส้มป่อย

เราอาจจะได้เห็นได้ดูหนังทรงไทบ้านทางฝั่งอีสานมาก็ประมาณแล้ว ส้มป่อย HD แต่ไม่ค่อยได้เห็นสไตล์กำเมืองออกมาโลดแล่นบนหน้าจอหนังไทยบ่อยสักเท่าไหร่ และ เรื่องนี้ก็ได้เข้ามาเติมเต็มเสน่ห์พื้นเมืองของไทยอีกภาคได้อย่างค่อนข้างเติมเต็ม หนังเรื่องนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าใครเป็นผู้กำกับ เพราะแปะติดเอาไว้ว่า ภาพยนตร์โดย ส้มป่อยทีม ที่เป็นการรวมตัวของนักสร้างหนังหน้าใหม่ที่มาร่วมกันระดมความคิดในหนังเรื่องนี้

ส้มป่อย ก็เป็นหนังไทยที่มาพร้อมกับสูตรสำเร็จที่ค่อนข้างตายตัวเรื่องหนึ่ง เพราะแน่นอนว่าบทหนังแทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แต่หนังเลือกหยิบเอาความเป็นสาวเอื้องเหนือ วิถีความเป็นล้านนา เสน่ห์ความผู้คนทางภาคเหนือมาถ่ายทอดในมุมมองที่อาจจะไม่ค่อยได้พบเจอสักเท่าไหร่ กลายเป็นหนังภาษากำเมืองที่แทรกซึมคลุกวงในไปได้อย่างไม่รู้

พล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยความจำเจ กับแค่พล็อตแม่สาวอยากมีผู้ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะได้สะดุดตาผู้ และ ได้มาครอบครอง กับเส้นเรื่องเลิฟไลน์ที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่ แต่ตลอด 2 ชั่วโมงของหนังก็สามารถตรึงใจผู้ชมเอาไว้ได้ค่อนข้างอยู่หมัด มีทั้งมุมน่ารัก ๆ มุมประทับใจ และ มุมน่าเบื่อ ปะปนกันไปเป็นองค์ประกอบ

แต่ ส้มป่อย ก็ได้นักทำหนังระดับยอดฝีมือมาช่วยปลุกปั้นงานอยู่ นำโดย “โขม ก้องเกียรติ” กับ “มะเดี่ยว ชูเกียรติ” เข้ามาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ และ ที่ปรึกษาให้หนังเรื่องนี้ตามลำดับ กลั่นกรองออกมาเป็นเรื่องราวรักพัลวันตามประสาแม่สาวที่มีอินเนอร์ความแฮ่นป้อจายเต็มปรอท ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจอยู่ในระดับที่พอขำได้แบบเบาะสั่น

แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยพยุงหนังเอาไว้ได้มาก ๆ ก็คือ “น้ำตาล พิจักขณา” ที่มารับหน้าที่ และ แบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้อย่างทรงเสน่ห์ ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นผลงานหนังเรื่องแรกของเธอ แต่กลับงัดทักษะทางการแสดง และอินเนอร์ของสาวแพร่ออกมาใช้ในการถ่ายทอดเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมชาติ บวกกับความน่ารักแก่นแท้ในตัวเธอ ส่งเสริมให้หนังเรื่องนี้อบอวลไปด้วยเสน่ห์ที่แตะต้องได้

ต้องยอมรับเลยว่า น้ำตาล พิจักขณา เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ช่วยขับเคลื่อน และ ประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ส้มป่อยจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องมีเธอเป็นหนึ่งในส่วนประกอบในนั้นจริง ๆ ในขณะที่ 2 หนุ่มที่เข้ามาเสริมก็ช่วยซัพพอร์ตหนังได้ค่อนข้างดี

ไม่ว่าจะเป็น “ตี๋ ธนพล” หรือ “ป๊อบ ธัชทร” แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่ค่อยเจนจัด และ มีชั่วโมงบินทางการแสดงได้เท่ากับนางเอก แต่เสน่ห์ของพวกเขาก็ช่วยส่งเสริมตัวหนังได้เป็นอย่างดี

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย หนังไทยที่พาเราขึ้นเหนือไปชมบรรยากาศ ส้มป่อย นักแสดง ต่างจังหวัดในแถบลำพูน พาไปพบกับเรื่องราวของสาวละปูนที่มีทั้งความแก่น ความฮา และ ไม่รู้สึกมีความสุขกับการที่ต้องติดอยู่ที่นั่น ฝันอยากได้แฟนที่เป็นคนกรุงเทพฯ จนมาเจอหน้าหล่อ ๆ ของแวน ชายหนุ่มที่มาถ่ายภาพบ้านเมือง วัฒนธรรม และ ธรรมชาติของล้านนา ทำให้เธอได้เจอเขา

แต่หนังก็สร้างตัวละครอีกตัวมาเป็นคู่แข่งกัน แซ้ป คือชายหนุ่มผู้มีอาชีพเป็นหมอดูร่างทรง ที่สาวเจ้าไม่เคยเชื่อถือ และ มองเห็นเป็นความหลอกลวง แต่เพียงแว้บแรกที่เขาเห็นเธอก็ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง แน่นอนว่า เขาต้องใช้ความเป็นร่างทรงออกอุบายเพื่อให้แวนไม่สมหวัง

เรื่องนี้ ตัวละครแทบจะพูดภาษาเหนือกันทั้งเรื่อง เหลือไทยกลางไว้สำหรับแวน คนกรุงเทพฯ ไว้เท่านั้น ให้ฟีลลิ่งล้านนา เหมือนคนดูได้ไปใช้ชีวิตท่ามกลางคนเหนือ

เริ่มต้นเรื่อง อาจจะขัดเขินอยู่บ้าง แต่พอเรื่องราวเดินไปก็เหมือนจะเข้าฝักกันมากขึ้น ตัวหนังเดินเรื่องไปเรื่อย แม้อาจช้าบางจุด หากก็ไม่มีเวิ่นเว้อเอาแต่เล่นมุขเฮฮา บทหนังพาเราไปในจุดที่คุ้นเคยไม่มีอะไรแปลกใหม่

ทุกอย่างจึงคล้ายจะเดินไปตามความคาดเดาของคนดู จะติดอยู่บ้างก็คงเป็นระยะเวลาของเรื่องราวที่กระชั้นสั้นจนเกินไป ทำให้รู้สึกทุกอย่างมันรวดเร็วเกิดความกังขาในความรักของคนทั้งสาม แต่ถึงกระนั้น ตัวหนังก็พาให้เราอินไปกับฉากชวนสะเทือนใจได้อยู่

เหมือนหนังจะเล่าเรื่องความคิดระหว่างคนต่างจังหวัดที่มีต่อคนกรุงเทพฯ นางเอกเองที่ตั้งใจจะหาแฟนเป็นคนกรุงเทพฯ ที่สามารถพาเธอออกไปจากบ้านเกิดที่แสนน่าเบื่อ แต่ก็กลับได้พบอีกคนที่อยู่บ้านเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน กินอาหารเหมือนกัน และ ถ้าทั้งสองคนต่างยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเธอเหมือน ๆ กัน เธอจะเลือกคนไหนดี?

อีกทั้งหนังก็ยังอาจเล่าไปถึงขั้นว่า เราควรเป็นคนแบบไหนดี ควรจะทำตัวเรียบร้อยอย่างที่คนหนึ่งชอบ หรือควรจะเป็นตัวของตัวเอง

บทสรุป

จะบอกว่า ส้มป่อยเป็นความเซอร์ไพรส์หรือไม่ ส้มป่อย Pantip ก็อาจจะเป็นได้ เพราะถือว่าหนังค่อนข้างเหนือความคาดหมายจากที่คิดเอาไว้เล็กน้อย สูตรสำเร็จที่ขับเคลื่อนด้วยเอกลักษณ์ของนักแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ กับการหยิบเอาวัฒนธรรมพื้นเมืองมาตีแผ่ในรูปแบบที่ค่อนข้างอินไซด์ และ เก็บรายละเอียดวิถีท้องถิ่นได้อย่างเข้าถึงในประมาณหนึ่ง นี่จึงเป็นเสน่ห์ที่ส้มป่อยสามารถทำได้ถึงแก่น

โดยสรุปแล้ว ส้มป่อย เป็นหนังไทยที่ไม่ได้มีความแปลกใหม่ใด ๆ เหมือนเปรียบเทียบกับหนังรอมคอมเรื่องอื่น ๆ แต่มีเสน่ห์เพราะการหยิบเอาวิถีท้องถิ่นของคนภาคเหนือมาถ่ายทอดในรูปแบบที่ลึกซึงถึงแก่นได้จริง ๆ บทหนังอาจจะเบาโหวง แต่ก็ได้เสน่ห์ และ ทักษะของนักแสดงนำมาช่วยเกื้อหนุนเอาไว้ได้ดี ทำให้หนังไทยที่ชื่อว่า ส้มป่อย สื่อออกมาได้น่าประทับใจ๋ได้ระดับหนึ่ง…

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war

สารภาพตามตรงว่านี้ไม่ไช่ หนังไทยมาใหม่ หนังแนวที่ผมชอบเลย แต่ก็ต้องยอม เพราะกระแสหนัง App War แอปชนแอป ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี มาแรงมาก ๆ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะสื่อไหน ต่างก็พูดถึง จนในที่สุดก็ต้องดู มันอยู่ไม่ได้จริง ๆ 555 โดยภาพยนตร์ ส ปอย หนัง เรื่องนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่า เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ กำกับโดย ยรรยง คุรุอังกูร ผลิต และ จัดจำหน่ายโดย ที โมเมนต์ นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต วริศรา ยู พัศชนันท์ เจียจิรโชติ สิราษฎร์ อินทรโชติ ธนาภพ อยู่วิจิตร ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ และ อภิวิชญ์ เรียร์ดอน โดยมีกำหนดฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ต้องการชิงทุนจากบริษัทดังด้วยการสร้างแอป

ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ สังเกตว่าจะมีหนังเข้าฉายในบ้านเราค่อนข้างเยอะพอสมควร ทำให้คนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาว่าง ๆ ไปนั่งดูหนังอย่างผม ต้องเลือกมากสักหน่อยกว่าจะเข้าไปดูแต่ละเรื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องที่ไม่ได้เลือกก็ใช่ว่าจะไม่มีคุณภาพ แต่หลายครั้ง จริต ความอยาก และ ปริมาณของหนังที่พอดีกับเรามันก็บังคับไปในตัว ทำให้สัปดาห์นี้หนังไทยอย่าง ‘App War แอปชนแอป’ ถูกเลือกส่วนหนึ่งเพราะนักแสดงบางคนในนั้น

App War แอพชนแอพ
แนว : Drama / Romantic / Comedy
กำกับโดย : เสือ – ยรรยง คุรุอังกูร
แสดงนำโดย : ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ / จิงจิง วริศรา ยู / พัศชนันท์ เจียจิรโชติ (อร BNK48) ณัฏฐ์ กิจจริต / ทู สิราษฎร์ / หรั่ง อภิวิชญ์ / เติร์ท ธนาภพ
กำหนดฉาย : 1 สิงหาคมปี 2018

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war มันเป็นหนังวัยรุ่น app war เต็มเรื่อง ที่เขียนมาเพื่อเล่าเรื่องเด็กวัยรุ่นยุคนี้ ยุคที่ไอทีเข้ามาเกี่ยวข้องสูงมาก โลกของอินเทอร์เน็ต โลกที่ผู้คนเชื่อมโยงสัมพันธ์กันด้วยแอปพลิเคชัน โลกที่ใช้มือถือเป็นดั่งอวัยวะสำคัญของร่างกาย ความฝัน ความพยายาม ก็เลยถูกควบรวมอยู่ในนั้น การแสวงหาตัวตน จุดเริ่มต้นของการถูกยอมรับ ในนั้นมีความฝันความซ่อนตัวอยู่

ใน ‘แอปชนแอป’ วัยรุ่นสองกลุ่มกำลังคร่ำเคร่งกันสร้างแอปที่มีคอนเซปต์ความสัมพันธ์ที่ใช้ความชอบเฉพาะอย่างเป็นตัวเชื่อม กับธุรกิจ Startup อันเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงที่จะ “เจ๊ง” และ มีเพียงสวนน้อยเท่านั้นที่จะสำเร็จ

มากกว่านั้น หนังยังพยายามเล่นกับคำว่า Start ด้วยการบอกให้มองถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างแอปขึ้นมาสักตัว แต่อย่างไรก็ดี Startup ก็เป็นธุรกิจ แผนการตลาดที่เป็นไปได้ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ นอกเหนือไปจากเงินทุนที่ต้องพึ่งคนมีกะตังค์ วัยรุ่นหลาย ๆ คนก็อาจจะประสบความสำเร็จในฐานะมือใหม่ที่สร้างธุรกิจใหม่ ๆ และ ประสบความสำเร็จ การเล่าเรื่องด้วยการแข่งขันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายสำหรับคนดูมากที่สุด

เรื่องย่อ

รีวิว แอปชนแอป app war

บอมบ์ กับ จูน สองหัวหน้าทีมทำแอปหน้าใหม่ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการประกวด Startup เวทีไหนมาก่อนเลย วันหนึ่งพวกเขาได้เจอกันโดยบังเอิญ เมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นก็พบว่าต่างคนต่างก็ชอบอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน จนคุยกันถูกคอ และ เกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ขึ้น

ค่ำคืนนั้นทำให้บอมบ์ได้แรงบันดาลใจ และ ปิ๊งไอเดียแอป แอปหนึ่งขึ้นมา แต่หลังจากเปิดตัวแอปได้ไม่นานก็มีอีกแอปหนึ่งเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งไอเดีย และ คอนเซปต์คล้ายของเขาจนแทบจะเรียกได้ว่า “ก๊อบ” กันออกมาทีเดียว และ เมื่อสืบถึงตัวเจ้าของแอป ก็พบว่าแอปนั้นเป็นของ จูน นั่นเอง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว แอปชนแอป app war

หนังหยิบเอาประเด็นของคนรุ่นใหม่ ณัฏฐ์ กิจจริต ที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง ไม่อยากทำงานออฟฟิซ จึงต้องมาเริ่มทำกิจการของตัวเอง และ “การพัฒนาแอพลิเคชั่น” คือสิ่งที่หนังนำเสนอ จนมี ทีมนักธุรกิจวัยรุ่นมาแข่งกันสร้างแอปพลิเคชัน และ แต่ละคนก็มีปม

มีประเด็นของตัวเองที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งหนังทำออกมาได้เข้าใจง่าย ย่อยง่ายมาก คนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ Start Up ก็ดูได้ (แถมดูแล้วได้แนวคิดดี ๆในการใช้ชีวิตด้วย) เราจะเห็นรูปแบบการทำงานของเหล่านักพัฒนาแอพลิเคชั่นที่มีเรื่องราวให้ลุ้นระทึก หักเหลี่ยมเฉือนคมที่ดูสนุก และ น่ารักดี

ส่วนแอคติ้งนักแสดง ทำออกมาได้ดี ดูแล้วเชื่อ ดูแล้วอิน แม้คาแรคเตอร์ตัวละครบางตัวจะดูฝืน ๆ หรือออกไปทางเหนือจริงนิด ๆ แต่มันทำให้ภาพที่ออกมาชัดเจนว่าตัวละครนี้คือพระเอก เก่งการเขียนโปรแกรม มันก็จะมีบุคลิกแบบนี้ หรือเด็กฝึกงาน ที่เป็นสายลับ ก็จะมีคาแรคเตอร์แบบในหนัง หรือแม้แต่นายทุน ที่ลีลาแอคติ้งชวนหมั่นไส้ ก็ทำหน้าที่สำคัญในเรื่องได้ดีเช่นกัน

ส่วนจุดที่คนทั่วไปอาจจะเบื่อนิด ๆ คือหนังพยายามใส่สถานการณ์ กับประเด็นเยอะจนล้น และ มันส่งผลให้หนังมีความยาวน้อง ๆ Avenger Infinty War เลยทีเดียว เพราะหนังยาวมาก บางจุดก็เล่ามาทำไมไม่รู้ ดูยืด ๆ ไปนิด ทั้ง ๆ ที่มันสามารถตัดฉับ และ รวบบทได้เลยแท้ ๆ

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war หนังจากค่าย T Moment ที่ส่วนตัวมองว่าเป็นค่ายหนัง App War ความหวังหนึ่งของคอหนังไทยเลยนะ โดยเฉพาะกับหนังระลอก 2 ที่ค่ายนี้เตรียมปล่อยโดยเริ่มที่หนังเรื่องแรกคือ App War นี่เอง หนังเป็นผลงานกำกับของ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ที่เคยกำกับหนังไทยที่ได้ใจไปแบบม้ามืดในปี 2558 เรื่อง 2538 อัลเทอร์มาจีบ ของ ค่ายโมโนพิคเจอร์ ก่อนที่จะมารวมกับ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์

ก็นับว่ามารอบใหม่ยังคงเก็บจุดเด่นในเรื่องภาพเท่ ๆ สวย ๆ เนื้อหามัน ๆ เข้าใจง่าย ๆ เข้าอกเข้าใจวัยรุ่นวัยเรียนเช่นเคย ส่วนที่พัฒนาขึ้นคงเป็นการกล้าที่จะเล่าเนื้อหาใหม่ ๆ ไม่อิงความนิยมเดิม ๆ แบบนอสตัลเกียอย่างเรื่องก่อน เพราะสตาร์ทอัปถึงจะเป็นคำฮิตที่ได้ยินบ่อยในช่วงไม่กี่ปีนี้

แต่เอาเข้าจริงเด็กไทยก็ไม่ได้สนใจหรืออยากจะเข้าใจอะไรไปมากนัก ตรงนี้ทำให้ App War มีจุดสร้างมาตรฐานใหม่ ๆ ให้หนังไทยอย่างที่ ฉลาดเกมโกง เคยทำไว้เช่นกัน หนังที่กล้าสร้างเทรนด์ที่ดีให้สังคมแบบนี้จึงเป็นอะไรที่ต้องสรรเสริญ ไม่ใช่แค่ชื่นชมเลยครับ

หนังใช้ดาราหน้าใหม่เป็นตัวหลัก แม้เราจะคุ้นหน้าจากงานโฆษณา หรือเอ็มวีมาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ฐานแฟนคลับยังไม่ใช่ขนาดตัวเรียกเงินทองได้ ดังนั้นค่ายก็ต้องมั่นใจในฝีไม้ลายมือกันระดับหนึ่งเลยล่ะ ตรงนี้ก็ขอพูดรวบทีเดียวเลยว่า กลุ่มนักแสดงตัวหลักทั้งฝั่งพระเอก และ นางเอก นั้นมีเสน่ห์น่าสนใจ

แต่การแสดงนั้นอยู่ในกรอบมาตรฐานที่ดี ยังไม่ได้โดดเด้งจนจดจำนัก อย่างพระเอก ณัฏฐ์ กิจจริต ในบท บอมบ์ โปรแกรมเมอร์เทพก็ถูกนำเสนออย่างเด็กเนิร์ดจัดที่มีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ตามเนื้อเรื่องก็ทำให้ไม่ได้โชว์ฝีมือการแสดงได้จะแจ้งจนไปตัดสินได้

ฝั่งนางเอกอย่าง จูน ที่แสดงโดย วริศรา ยู แม้จะทำได้ดีในบทปะทะอารมณ์ และ บททั่ว ๆ ไป แต่ในโมเม้นท์เขินอายเข้าพระเข้านางก็ยังมีจังหวะแปลก ๆ ที่เห็นชัดว่าเคมียังไม่เข้ากันกับพระเอกดีนัก แต่ก็เป็นฉากสั้น ๆ ที่อาจปล่อยผ่านไปก็ได้ล่ะนะ

บทสรุป

โดยสรุปหนังเรื่องนี้จัดเป็นหนังไทย App War Netflix ที่ภาพเท่มาก ๆ คอสตูมดีไซน์ต่าง ๆ คิดมาอย่างมีรสนิยม เนื้อเรื่องมีการนำเทรนด์ทางปัญญาให้เด็ก ๆ มีฝันในยุคแห่งนวัตกรรม และ ยังให้เห็นอุปสรรคชีวิตจริงว่าความสำเร็จมันไม่ได้มาง่าย ๆ ไม่ฟุ้งลอยเกินไปด้วย

ในขณะเดียวกันแม้ข้อคิด และ สาระจะมากมี แต่ก็สมดุลกับความบันเทิงที่มีเรื่องของมิตรภาพ และ ความรักเป็นพื้นได้อย่างไม่ขาดไม่เกิน หนังอาจไม่เด็ดขาดอย่างหนังแนวธุรกิจแบบเดียวกันของฝรั่ง หรือเข้มข้นระทึกขวัญขนาดฉลาดเกมโกง

แต่ก็มีความดีงามไปอีกทางหนึ่งที่หนังเรื่องที่กล่าวมาไม่อาจนำเสนอได้ คือจากใจเลยคือมองว่าสำหรับช่วงปีสองปีนี้หนังเป็นรองแค่ ฉลาดเกมโกง เท่านั้นเอง ดังนั้นเชื้อเชิญอย่างยิ่งเลยให้ทุกคนไปดูครับ

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

นับเป็นมหกรรมยำ (เละ) ครั้งใหญ่ แบบไม่สน หนังไทยมาใหม่ อะไรเลยจริง ๆ 5555 สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่ตั้งแต่ Trailer ออกมาแรก ๆ นั้น ยอมรับเลย ส ปอย หนัง ว่ารู้สึก น่าดู สำหรับหนังไทยแบบนี้ คือตั้งตารอ เฝ้ารออยู่ทุกวันเลยจริง ๆ แต่หลังจากหนังฉาย วันที่ 1 กันยา ได้ไปดูในโรง จบแล้วชวนเกาหัวมากกว่าที่จะเอ็นจอยไปกับมัน ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี คือมันแบบ อิหยังวะ จริง ๆ ปกติไม่ค่อยได้เห็นหนังสยองขวัญ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ไล่เชือดไทยออกมาบ่อยนัก การมาของเรื่องนี้ตอนได้เห็นโปสเตอร์และตัวอย่างก็นับว่าน่าสนใจดี มีความคาดหวังเล็ก ๆ ว่ามันจะพอสร้างความแปลกใหม่ได้อยู่ พอดูจบแล้วมันก็แปลกใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ในทางที่ดี แต่เป็นในทางที่แย่ โดยเรื่องคร่าว ๆ คือหนังว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ได้มาพบเจอกันในรอบหลายปีที่บ้านกลางป่า แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรหน้าหมีที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตพวกเขาอยู่

ชื่อเรื่อง คืนหมีฆ่า The World of Killing People
ประเภท ตลก / เขย่าขวัญ
นำแสดงโดย ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, ภัชทา จันทร์เงิน, ชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์
กำกับโดย ลี ทองคำ, กานต์พงศ์ บรรจงพินิจ

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า คืนหมีฆ่า The World of Killing People หนังเลือดสาดเรื่อง คืนหมีล่าเต็มเรื่อง ล่าสุดที่กล้าทำออกมาลงโรงฉาย ที่บอกตรง ๆ คอนเซ็ปต์ และ นักแสดงก็ชวนไปพิสูจน์อยู่ไม่น้อย แต่ดันมาสะดุดตรงชื่อทีมผู้สร้าง ที่เพิ่งเจ็บตัวไปล่าสุดกับหนังสัตว์ประหลาดทุนกว่า 80 ล้านบาท จึงแอบตั้งแง่แต่ก็ไม่อคติที่จะเปิดใจให้กว้าง ๆ แล้วไปเสพกระเซ็นคราบเลือดในหนังเรื่องนี้

และ หนังเรื่องนี้ก็คือผลงานการกำกับ และ สร้างโดย “ลี ทองคำ” (เจ้าเก่าเจ้าเดิมจากหนังสัตว์ประหลาดที่เจ็บหนักไปหมาด ๆ อย่าง ‘บีงกาฬ’) กับ “กานต์พงศ์ บรรจงพินิจ” ที่ในคราวนี้ปรับโหมดในหนังแนว Slasher หรือหนังเขย่าขวัญเลือดสาด ที่จะว่าไปเราก็เคยเห็นฝั่งฮอลลิวูดสร้างอะไรทำนองนี้มาหลายทศวรรษแล้ว

ทั้งหนังเกรดเอและเกรดบี ในวงการหนังไทยก็เคยมีอยู่บ้าง แต่ก็แค่ประปรายและยังไม่ค่อยมีหนังแนวนี้เป็นที่ตราตรึงใจให้จดจำได้มากสักเท่าไหร่

แน่นอนว่า ลี ทองคำ ที่ยังควบตำแหน่งร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยนั้น เขาได้ทำการละเลงจิตนาการ และ ภาพที่อย่างจะเล่าในหนังเรื่องนี้แบบหมดจด ก็คือเข้าให้อยู่นั่นแหละว่า Scream หวีดสุดขีด ที่เป็นเหมือนพ่อของหนังแนวนี้ ๆ ทุกเรื่องก็คือต้นแบบที่อยากจะนำมาปรุงแต่งเป็นหนังไทยดูบ้าง และ มันก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น คืนหมีฆ่า The World of Killing People ที่บอกเลยว่า…เข็ดขยาดจริง ๆ

เรื่องย่อ คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

ภายใต้หน้ากากหมี ที่ถูกปิดบังเอาไว้ กำลังจะนำมาซึ่งชะตากรรมที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล ‘ความลับ’ ที่คุณไม่อยากให้ใครรู้ เรื่องราวที่คุณไม่อยากให้ใครเห็น กำลังถูกเฝ้ามอง จากสายตาคู่หนึ่ง ในสถานที่ปิดตายแห่งนี้ เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก ที่ตัดสินใจจะไปใช้เวลาช่วงวันหยุดด้วยกัน ในบ้านหลังหนึ่งกลางป่าใหญ่

แต่เรื่องราวกลับไม่ได้สนุกสนานอย่างที่พวกเขาคิด เพราะพวกเขากับถูกจ้องมองจากอะไรบางอย่างตลอดเวลา และ เหมือนยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ สิ่งที่พวกเขาพยายามจะปิดซ่อนไว้ กลับกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา การไล่ล่าสุดแสนระทึกในสถานที่ปิดตาย จึงเริ่มก่อตัวขึ้น พวกเขาจะหนีได้ไหม หรือจะลุกขึ้นสู้กันมันได้หรือเปล่า

ความรู้สึกหลังรับชม คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

ความรู้สึกหลังดูจบ คือแบบ มันบอกไม่ถูกรวม ๆ ก็เป็นหนังสยองขวัญ คืนหมีล่า ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร แต่ก่อนจะมาถึงข้อเสียว่าทำไมถึงทำให้รู้สึกผิดหวังขอกล่าวด้วยข้อดีของหนังเรื่องนี้กันไปก่อน ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือฉากโหดไล่ล่าต่าง ๆ ถือว่าทำได้โหด และ สยองสะใจสาแก่คอหนังสยองขวัญเป็นอย่างมาก พร้อมยังหยิบดีเทลต่าง ๆ จากหนังสยองขวัญยอดฮิตที่แฟน ๆ เห็นแล้วต้องร้องอ้อว่าพวกเขาหยิบมาจากหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้

จะบรรยายไปก็อาจจะใจร้ายสักหน่อย แต่สารภาพตรง ๆ ว่า ณ เวลาชั่วโมงครึ่งของหนัง คืนหมีฆ่า The World of Killing People ช่างเป็นอะไรที่ทรมานในการนั่งดูดีแท้ แม้ว่าโดยส่วนตัวนั้นจะมีภูมิคุ้มกันมาแล้วจากผลงานชิ้นก่อนของผู้สร้างชุดนี้ แต่พอมาถึงหนังเรื่องนี้ทิศทาง และ องค์ประกอบอะไรต่าง ๆ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังยังค่อนข้างวนอยู่ในอ่างกับปัญหาหลัก ๆ ก็คือหาความเป็นตัวตนของตัวเองไม่เจอ

แล้วก็มาถึงข้อเสียของหนังเรื่องนี้คือเมื่อพวกเขาต้องการจะหยิบมุขนั้นมุขนี้จากเรื่องอื่นมาใส่หนังเรื่องนี้มันเลยกลายเป็นการยำรวมที่เละเอามาก ๆ เหมือนเขาไม่แน่ใจว่าจะเอาเรื่องไหนเอามาเป็นธีมหลักเรื่องนี้ดีเดิ๋ยวก็ SCREAM เดิ๋ยวก็ I KNOW WAHT YOU DID LAST SUMMER , THE PURGE และ ก็มาบู๊แบบ YOU RE’ NEXT อีก และ การที่ใช้ชื่อ The World of Killing People ธีมหลักคงต้องเป็น THE PURGE จริงไหม

แต่กลับไปเล่นแบบอื่นที่ไม่ควรเอามารวมด้วยเลยกลายเป็นยำเมนูนึงที่ดูเยอะแต่รสชาติยังไม่โดนใจพอที่อยากจะลิ้มลองอีกรอบ อีกทั้งด้านบรรยากาศ เพลงประกอบ และท่าทางของหน้ากากหมี ก็ไม่ได้ชวนน่ากลัวชวนขนหัวลุกเอาชะเลย มันไปในทางตลกมาด้วยซ้ำ

จุดอ่อนที่โดดเด่นที่สุดของ คืนหมีฆ่า The World of Killing People ไม่ได้เป็นแค่บทหนัง แต่ยังคงเป็นในส่วนการตัดต่อ และ ลำดับที่สร้างความยุ่งเหยิงขนานหนัก และ นี่ก็คือปัญหาเดียวกันกับที่เคยเจอมาแล้วในหนัง บึงกาฬ เรื่องที่ผ่านมา การตัดต่อเรื่องนี้ค่อนข้างมีปัญหา หลายจุดไร้การเชื่อมต่อ และ เชื่อมโยง

กลายเป็นหนังทื่อ ๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผ่านรอบทดสอบก่อนฉายมาหรือไม่ เพราะบางจุดก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะปล่อยผ่านออกมาได้

ซึ่งถึงจะมีด้านแย่ ๆ เยอะ แต่หนังก็ยังมีสิ่งดี ๆ ให้จดจำบ้าง ทางด้านตัวละครผมชอบตัวละครของ “แคร์ ปาณิสรา” รับบทเป็น “แนน” มากที่สุดซึ่งถึงแม้หลายคนจะนึกถึงตัวละครแบบนี้ในเรื่อง YOU RE NEXT แต่ผมคิดว่าเธอคล้าย “ซูกี้ วอเตอร์เฮ้าส์” จาก SEANCE | คืนปลุกผี ชะมากกว่า อาจจะเพราะด้วยบุคลิกท่าทางต่าง ๆ นา ๆ อีกทั้งนางก็ได้ออกลีลาบู๊ไปฉากนึงด้วยซึ่งถือว่าเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดเลย จนไม่แปลกใจเลยที่ผมไปนึกถึงเรื่องนั้นเป็นหลัก

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า ภาพยนตร์เรื่อง คืนหมีฆ่า The World Of Killing People เป็นหนังไทย คืนหมี ล่า ดูหนังออนไลน์ แนว “Slasher” ซึ่งก็มีหลายคนงงว่า มันคือหนังอะไร? แต่ถ้าบอกว่า หนังแนวสยองขวัญอย่างเช่นเรื่อง “บอสฉันขยันเชือด” หรือ My Boss is a Serial Killer (2021) ที่นำแสดงโดย พี่ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา แล้วละก็ คงจะพอนึกออก ร้องอ๋อกันได้บ้าง

ความจริงแล้วหนังแนว “Slasher” เป็นอะไรที่เจอบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะหนังสยองขวัญจากต่างประเทศอย่าง The Texas Chain Saw Massacre, Halloween, Happy Death Day, Scream หรือแม้แต่ Friday the 13th สังเกตดูแล้วก็จะรู้เลยว่าพล็อตเรื่องจะมีความคล้ายกันในช่วง “ฆาตกรโรคจิต” ออกไล่ล่าฆ่าคนแบบไม่เลือกหน้า

บางทีก็ตั้งปมปริศนาการฆ่าไว้มากมาย โดยในช่วงระหว่างปี 1980 และ 1990 หนังแนวนี้เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก่อนจะค่อย ๆ ถูกภาพยนตร์แนวอื่น ๆ ที่เข้ามาครองตลาดในที่สุด

บทสรุปหนัง คืนหมีฆ่า

คืนหมีฆ่า The World of Killing People ก็ไม่ใช่อะไร the world of killing นักแสดง ที่เกินคาดเดาเลย เพราะมันคือสูตรสำเร็จเดิม ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ คือถ้าใครเป็นแฟนหนังประเภทนี้ได้มาดูนั้น เชื่อว่าเพียงแค่ 10 นาทีที่หนังเข้าสู่เนื้อหาของเรื่องนั้น ก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง แต่มันคงจะเอ็นจอยกว่านี้ ถ้าองค์ประกอบต่าง ๆ ในหนังไม่ออกมาผิดที่ผิดทางไปหมดเช่นนี้

ในขณะที่นักแสดงยอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่เสริมสมทบเข้ามาแจมในหนังนั้น ไม่ว่าจะเป็น “บี๋ ธีรพงศ์”, “แพนเค้ก เขมนิจ” หรือ “เต๋า เศรษฐพงศ์” ก็คือไม่เข้าใจเหมือนว่าหนังจะใส่พวกเขาเข้ามาทำไม เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขา หนังก็น่าจะยังเดินไปต่อได้ เพราะในท้ายที่สุดตัวละครต่าง ๆ เหล่านี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในคนดูคลุมเครือและงงงวยว่า..คืออะไรกันนะ?

คืนหมีฆ่า The World of Killing People” ถือเป็นหนังสยองขวัญไล่เชือดของไทยที่บางอย่างเหมือนออกมาโอเคแล้ว แต่กลับตกม้าตายเพราะการนำเสนอของหนัง การเล่าเรื่องที่ตะกุกตะกักตลอดทาง อีกทั้งจังหวะหนังที่ไม่คม และ ไม่แม่นยำจนทำให้ความสนุกแทบจะไม่เหลือ

แม้หนังจะตั้งตัวไว้ว่ามันเป็นหนัง ไม่สนตรรกะเหตุผลใด ๆ ก็ตาม แต่เพราะการกำกับของหนัง มันเลยเป็นหนังที่ตกอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่มากกว่าสถานะของหนังคัลท์ที่สนุก สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 5/10

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

สวัสดีครับวันนี้ หนังไทยnetflix ผมจะมาเขียนแนะนำหนังไทย เก่า สุดยอด หนังยอดนิยม ที่ในเวลาต่อมา ส ปอย หนัง ไม่นานก็มีภาคต่อ อย่าง atm เออรัก เออเร่อ 2 แต่ที่มาแนะนำวันนี้คือ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ภาคแรก เรื่องราวของธนาคารสัญชาติญี่ปุ่น JNBC ซึ่งมีกฎบังคับข้อสำคัญว่า ‘พนักงาน ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ จะมีความสัมพันธ์เกินเลยมากกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้’ เพราะอาจจะเอื้อให้เกิดโอกาสในการทุจริตในองค์กร ย้อนกลับไปในวันนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว (19 กุมภาพันธ์ 2555) ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ ATM เออรัก..เออเร่อ ฝีมือการกำกับของ เมษ ธราธร เข้าฉายเป็นวันแรก และ ทันทีที่เข้าฉายหนังก็สร้างกระแสเสียงฮาจนโกยรายได้ในระดับปรากฏการณ์ไปกว่า 152.5 ล้านบาท ส่งให้ ATM เออรัก..เออเร่อ เคยขึ้นแท่นในทำเนียบภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ตลอดกาล ในอันดับที่ 6 (ปัจจุบันตกไปอยู่ในอันดับที่ 11) นอกจากนี้หนังเคยครองตำแหน่งภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดของ GTH (ก่อนหน้าที่ค่ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น GDH 559 ในปี 2559) ก่อนจะถูกโค่นแชมป์ลงโดยภาพยนตร์ พี่มาก..พระโขนง

หนังเรื่องที่ควรจะได้สร้างความฮารับปีใหม่ หลังได้พลังใจในการดำเนินชีวิตจาก ‘Top Secret วัยรุ่นพันล้าน’ แต่เมื่อเจอกับอุทกภัย จำต้องเลื่อนโปรแกรมมาฉายหลังปีใหม่แทน หนังรัก-ตลก-อารมณ์ดี ต้อนรับปีมังกรจากค่าย GTH มาถึงแล้ว ‘ATM เออรัก…เออเร่อ’

ผู้กำกับภาพยนตร์ : เมษ ธราธร
แนว/ประเภท : Comedy, Romance
ชื่อภาพยนตร์ : ATM เออรัก…เออเร่อ / ATM
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 19 มกราคม 2555
นักแสดงนำ : เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี,ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, เอิร์ธ ธวัช พรรัตนประเสริฐ, แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง, เผือก พงศธร จงวิลาส, ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด, ญาณี ตราโมช, โจ๊ก โซคูล

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ ATM เออรัก..เออเร่อ เป็นภาพยนตร์ไทย ATM เออรัก เออ เร่อ เต็มเรื่อง แนวโรแมนติกคอมเมดี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555 กำกับโดย เมษ ธราธร ผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และ จัดจำหน่ายโดยจีทีเอช ATM เออรัก เออเร่อ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้รวม 152.5 ล้านบาท

เป็นอันดับ 7 ของภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ตลอดกาล จากเวลาเข้าฉาย 4 สัปดาห์ 4 วัน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 มีละครซีรีส์ที่ดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาพยนตร์เรื่องนี้ในชื่อเรื่อง ATM 2 คู่เวอร์ เออเร่อ เออรัก ออกอากาศในช่อง จีทีเอชออนแอร์

และ เคยขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับ 1 ของ GTH (GDH) ก่อนจะโดนภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ เพื่อนร่วมค่ายเบียดไปอยู่ที่ 3 นอกจากนี้ยังรวมนักแสดงสายฮาเอาไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น ฝน ศนันธฉัตร, โจ๊ก โซคูล, เผือก พงศธ, ป๊อป ปองกูล, แจ๊ค เฉลิมพล ฯลฯ

เรื่องย่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

ATM เออรัก..เออเร่อ เล่าเรื่อง ธนาคารเจเอ็นบีซี สัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดสาขาในประเทศไทย มีกฎเหล็กตั้งเอาไว้ว่า ห้ามพนักงานเป็นแฟนกัน เพราะผลจากการวิจัยพบว่าคู่รักที่ทำงานที่เดียวกันมีแนวโน้มที่จะร่วมมือกันทุจริตได้มากกว่า แต่ภายใต้กฎเหล็กที่แน่นหนาก็ยังมีพนักงานที่แอบคบกันอย่างลับ ๆ

เมื่อความลับไม่มีในโลก เรื่องเกิดแดงขึ้นมาแถมยังมีหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา ทำให้ จิ๊บ หัวหน้าแผนกเอทีเอ็ม ต้องเรียกพนักงานคู่รักในแผนกมาสอบสวน ซึ่งผลลงโทษก็คือต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกไล่ออก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

สิ่งที่ ‘ATM เออรัก…เออเร่อ’ ทำได้อย่างชัดแจ้ง atm เออรัก เออ เร่อ เต็ม เรื่อง dailymotion และ เข้าเป้า คงไม่พ้น ความฮาที่ใส่มุขมาไม่ยั้งตั้งแต่ต้นจนท้ายเรื่อง ผู้ชมอย่างผมหัวร่องอหาย และ อารมณ์ดีกับหนังได้อย่างสุด ๆ โดยที่มุขตลกต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปพร้อมกับเนื้อเรื่อง ไม่มีสะดุดหยุดอยู่กับที่เพื่อจะปั้นมุขให้เต็มแต่เนื้อเรื่องไม่ไปไหน ตัวละครแต่ละตัวก็พยายามอย่างเต็มที่จะสร้างทั้งความน่ารัก รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะให้กับผู้ชม

ไม่ว่าจะเป็นตัวพระเอกอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ยังคงทะเล้นให้ฮาก๊ากตามเคย หรือจะเป็นน้อง ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ที่แม้จะเป็นมือใหม่ ก็ยังสวมบทบาทได้ดี แต่ยังต้องให้โอกาสในการปรับปรุงบ้าง หากความน่ารักของเธอก็เอาหัวใจคนดูไปมากพอควร ไม่ได้มาแบบสวยใสสไตล์ดราม่า แต่เธอก็มาในแบบ “ยัยตัวร้าย” ได้อยู่แหละ

ขณะที่ตัวแสดงประกอบตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็น โจ๊ก โซคูล, ป็อป ปองกุล สืบซึ้ง, เอิร์ธ ธวัช พรรัตนประเสริฐ และ แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีจนหลายครั้งพบว่า ต่างคนต่างแข่งขันที่จะแย่งซีนกันเอง ผลประโยชน์ตกที่ผู้ชม

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ยังทำหน้าที่ได้ไม่มากนัก ก็คงเป็นบทซึ้งเรียกอารมณ์ร่วมของคนดู เพราะหนังที่สนุกสนานมาทั้งเรื่อง เมื่อถึงเวลาต้องดราม่า กลับพบว่ามันพอทำได้แต่ยังไปไม่ถึงสักเท่าใดนัก อาจเพราะบทหนังที่เล่นกับเกมของพวกเขามากไปจนลืมที่จะเล่าถึงความรักที่สองคนต่างมีให้กันก็เป็นได้

กระนั้นก็ทำให้น้ำตาซึม ๆ ได้อยู่นะ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ เมื่อเหตุการณ์มาถึงช่วงวิกฤติ การคบกันอย่างลับ ๆ ATM เออรัก เออ เร่อ 1 เริ่มเป็นสิ่งน่าอึดอัด จนคำว่า “การแต่งงาน” กลับกลายเปลี่ยนเป็น “เกม” เพราะมันจะเกิดขึ้นได้ นั่นต้องมีใครคนใดคนหนึ่งลาออกเสียก่อน ประกอบกับเครื่องเอทีเอ็มในสาขาชลบุรีเกิดขัดข้อง “แจกเงินเบิ้ลให้ผู้กด” เงินหายไปเป็นแสน เกมชิงไหวชิงพริบจึงเกิดขึ้น เกมที่ว่าใครจะตามเงินกลับมาได้ก่อนคือ ผู้ชนะ และ ผู้แพ้ต้องลาออก

นอกจากบทภาพยนตร์ และ ฝีมือกำกับมุกของ เมษ ธราธร ที่ยอดเยี่ยม แต่อีกกุญแจแห่งความสำเร็จที่ถือเป็นเสน่ห์สำคัญของหนังคือ ‘เคมี’ ของนักแสดงนำ และ นักแสดงสมทบ อย่าง โจ๊ก โซคูล, เผือก-พงศธร จงวิลาส, ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง, แจ๊ค แฟนฉัน, เอิร์ธ-ธวัช พรรัตนประเสริฐ, ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, พุทธชาด พงศ์สุชาติ และ แอนนา ชวนชื่น ที่ทำให้ความโรแมนติก และ มุกสร้างเสียงหัวเราะนั้นเขย่าออกมาลงตัว

บทสรุป

โดยหลังจากที่ผมได้รู้มานั้น ตัวเรื่องนั้นเรียกได้ว่าจะปล่อยมุข ATM เออรัก เออ เร่อ 2 ตอนที่ 1 มาให้เรานั้นขำแทบทึกนาทีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของการแสดงออกของตัวละครนั้นเรียกได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นแค่บทตลก แต่การแสดงออกของตัวละครนั้นเรียกได้ว่าทำเราขำได้ตลอดเลย ก็ว่าได้แต่ความสมจริงของเรื่องนั้นเราก็อย่าไปคาดหวังเพราะว่าตัวหนังนั้นเป็นหนังที่ทางผู้สร้างอยากทำให้มันตลกจึงอาจขาดความสมจริงไปบ้าง ๆ

เรียกได้ว่าเรานั้นไม่ต้องคิดอะไรเพียงแค่ผ่อนคลายสมองของเรา และ ดูมันก็พอ ซึ่งโดยฉากที่ผมชอบนั้นคือฉากที่ เรียกได้ว่าเป็นตำนานเลยก็ว่าได้ ที่ เสือนั้นได้ปลอมตัวเป็นตำรวจ และ ทำการเข้าไปซื้อปืนในร้านขายของ และ มี เด็กในร้านมาขายของ ซึ่งเด็กในร้านนั้นก็ได้เล่นปล่อยมุขได้อย่างฮา เอาเป็นอย่างมาก

เป็นฉากในตำนานเลยก็ว่าได้ ส่วนฉากที่ผมไม่ชอบนั้น คือฉากที่ จิ๊บ ได้ทำการหลอกทุกคน ว่าจะไม่เอาเงินคืนแต่สุดท้ายก็ได้เอาเงินคืน ซึ่งเล่นทำผมนั้นเสียน้ำตาเลยทีเดียว

แต่โดยรวม ๆ แล้วนั้นผมก็คิดว่าเป็นหนังที่ดีมากเลยทีเดียวเลยครับ

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ

สวัสดีครับ สำหรับผมทั้ง ๆ ที่หนังผีเรื่องนี้ จะดูเหมือน ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ส ปอย หนัง แต่ต้องขอยอมรับเลยนะครับ ว่านี้เป็ยหนังผีไท ที่ผมกลัวมาก ๆ เลยครับ หนังเรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงมานมนาน หนังไทยnetflix ตั้งแต่เทรลเลอร์ “อาบัติ” ถูกปล่อยออกมาใหม่ ๆ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ว่าบังควรหรือไม่บังควร ดูหมิ่นหรือทำลายศาสนาหรือไม่ อย่างไร ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ แล้วมิหนำซ้ำ ต่อมา ก่อนการฉายรอบสื่อมวลชนเพียงหนึ่งวัน หนังก็ถูกกระทรวงไดโนเสาร์ถอดออกจากโปรแกรมฉายอย่างกะทันหันสายฟ้าแล่บ จนเป็นกระแสโจษจันกันทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามทางค่าย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ซึ่งเป็นผู้ผลิต ก็ต่อสู้ใจขาดดิ้น จนในที่สุด “อาบัติ” ก็ได้กลับมาฉายตามปกติ รอบแรกคือรอบ 20.30 น. ของคืนวันที่ 16 ต.ค. (จากกำหนดการเดิมคือ 15 ต.ค.) โดยเนื้อหาล่อแหลมถูกตัดออกไปนิดหน่อยภายหลังจึง เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อาปัติ” และ ตั้งเรท 18+

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ แก่นของเรื่องไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำผิด อาปัติ เต็มเรื่อง วินัยของพระสงฆ์ แต่ที่ผมสนใจก็คือ ความคิดของฝ้าย กับพระซัน ความคิดของฝ้ายนั้นอาจถือได้ว่าเป็นเสรีนิยมโดยแท้จริง เพราะรักจึงยอมทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในรูปใดก็ตาม เช่น ชวนพระซันหนีไปอยู่กรุงเทพฯ เป็นต้น

ความจริงสิ่งนี้ก็เหมือนกับสีกาพิน และ แม่ของตนเอง แต่หากจะวิจารณ์ในแนวโครงสร้าง เรื่องทั้งเรื่องถูกครอบงำอยู่ด้วยคตินิยมแบบพุทธดั้งเดิมด้วย หากทำอย่างที่ว่าฝ้ายต้องกลายเป็นเปรตไปโดยปริยาย

ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และ หั่นฉากที่ว่ากันว่าเป็นฉากสำคัญบางฉากออกไป นัยว่าเพื่อเลี่ยงความกระทบกระเทือนใจชาวพุทธ แต่หากจะพูดกันตรง ๆ แล้ว หลังจากผมดู “อาบัติ” จบ กลับพบว่าภาพรวมของหนังไม่ได้มีเนื้อหาอะไรที่ดูถูกดูหมิ่นพุทธศาสนาเลย

แต่กลับชี้ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษของคนที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม และ ออกแนวปกป้องศาสนาซะด้วยซ้ำไป สรุปคือหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาที่มุ่งโจมตีศาสนา แต่ออกจะเป็นหนัง แนวหนังสยองขวัญ ฆาตกรรมอำพราง ซับซ้อนซ่อนเงื่อนลับลวงพราง และ ออกแนวกฎแห่งกรรม ซะมากกว่า

จุดพีคของเรื่อง “อาบัติ” นี้อยู่ตรงกุฏิที่ “เณรซัน” ใช้จำวัดอยู่ เพราะเป็นกุฏิที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า กุฏินี้คือจุดรวมของเรื่องทั้งหมดใน “อาบัติ” ทั้งผี ทั้งเปรต ทั้งคนดี ทั้งคนบ้า ทั้งความสยอง ความหลอน เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึก และ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความลับของวัดแห่งนี้

ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และ จบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

เรื่องย่อ

รีวิว อาปัติ

ซัน (ชาลี ไตรรัตน์ หรือ แน็ค แฟนฉัน) เด็กหนุ่มเกเรวัย 19 ปี ถูกพ่อบังคับ ให้มาบวชเณรที่วัดต่างจังหวัดอย่างไม่เต็มใจ โดยมีหลวงพี่ทิน (กิก ดนัย จารุจินดา) เป็นเสมือนพระพี่เลี้ยงที่คอยดูแลเขาตั้งแต่วันแรก

ซันไม่อยากสุงสิงกับเณรรูปอื่น จึงขอพระอาจารย์ (หนุ่ม อรรถพร ธีมากร) ไปจำวัดอยู่กุฎิร้างท้ายวัด ที่นั่นห่างไกลจากผู้คน ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว จะมีก็แต่คนบ้าประจำหมู่บ้าน (เอก สรพงษ์ ชาตรี) ที่แอบมานอนอยู่ใต้ถุนกุฏิ และ ขโมยข้าววัดกิน

ต่อมา ซันได้รู้จักกับ ฝ้าย (พลอย ศรนรินทร์) เด็กสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับยาย ทั้งสองตกหลุมรักกัน ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่การพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัดมานานนับปี ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกาพิน (พิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) กับพระภิกษุในวัด, การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญ, รวมถึง “กรรม” ที่พวกเขากระทำกันขึ้นมาเอง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว อาปัติ

ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจ อาปัติ 2 ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และ จบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า

เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

ส่วนที่เขาว่าตัดต่อใหม่ เราก็ไม่รู้นะว่าเขาตัดอะไรออก คาดว่าคงเป็นฉากล่อแหลมเกินงามระหว่างสีกากับชายผู้ห่มผ้าเหลือง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูมาจนจบเรื่อง เราก็ไม่ติดขัดหรือรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป มีแต่ความรู้สึกเล็ก ๆ ว่า เรื่องยังเบาไปหน่อย ไม่หนักอย่างที่คาดสักเท่าไหร่

คือเราดูหนังฝรั่งมาก็หลายเรื่อง อาปัติจัดว่ามีความรุนแรงหรือความล่อแหลมน้อยมาก นี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าจุดไหนที่มันร้ายแรงมากถึงขั้นต้องจ้องจะแบนกันท่าเดียวแต่ทีแรกเชียวหรือ แต่เอาจริง ๆ นะ ไดโนเสาร์ควรให้ประชาขนได้รับข้อมูลต่าง ๆ หลาย ๆ ด้าน หรือหลาย ๆ มุมมองบ้าง ไม่จำเป็นต้องป้อนแต่อะไรสวย ๆ ปลอม ๆ ให้พวกเราเสมอไปก็ได้ นี่มันยุค 2015 แล้ว

อย่างที่เข้าใจได้ ด้วยปัจจัยภายนอกที่มาจำกัดศักยภาพของหนัง #คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ทำให้หนังยังไม่สามารถนำเสนอเรื่องราวทางศาสนาได้เต็มที่ กล่าวคือโชว์ process ณ ขณะกระทำผิดไม่ได้ โชว์ได้แต่ผลลัพธ์หรือ negative effects ที่เกิดจากการกระทำนั้น ๆ ผลออกมามันเลยยังพีคได้ไม่ค่อยสุด คนดูก็ยังอินได้ไม่มากเท่าที่ควร บอกเลยว่า น่าเสียดายบทดี ๆ นักแสดงดี ๆ และ ภาพสวย ๆ ในหนังแทนจริง ๆ

ความรู้สึกส่วนตัว ณ ขณะที่ดู และ หลังดูอาปัติจบแล้ว เราว่านี่เป็นหนังไทยคุณภาพเรื่องหนึ่งที่คนไทยหรือชาวพุทธทุกคนควรดูเลยแหละ ถ้าไม่สนับสนุนหนังแบบอาปัติแล้วล่ะก็ ประเทศไทยคงมีแต่หนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังแต๋วแตกแหกนะยะผลิตออกมาให้คนไทยบริโภคเพื่อความบันเทิงไปวัน ๆ อย่างเดียวจนเอียนไส้

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ เราเป็นชาวพุทธโดยกำเนิด แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัด หนัง อาบัติ เต็มเรื่อง 2015 พากย์ไทย อะไรกับศาสนามาก เพราะเกิดมาก็มีคนระบุศาสนาให้ทันทีในใบแจ้งเกิดนั่นแหละ แล้วแต่เล็กจนโต ไลฟ์สไตล์เราก็ไม่ค่อยจะผูกพันกับวัดสักเท่าไหร่ ในส่วนของหลักธรรมคำสอนต่าง ๆ ก็ได้เรียนครั้งสุดท้ายในสมัยมัธยมตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ พอขึ้นมหา’ลัยแล้ว เราก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือทบทวนอะไรพุทธ ๆ อีกเลย

ดังนั้นสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนอย่างเราได้เข้าใกล้ศาสนาของตนเองบ้างนะ ไม่มากก็น้อย อืม เราคิดว่าอย่างนั้น…

เราก็เหมือนกับเด็กฝ้ายในเรื่องนะ ที่ลึก ๆ แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเปรตหรือบาปกรรมสักเท่าไหร่เพราะเราไม่เคยเห็นผีเปรต และ ไม่เคยเห็นบาปกรรม พอไม่เคยเห็น เราก็เลยยังไม่เชื่อ 100% แต่ถามว่า แล้วกลัวรึเปล่า… อืม ก็กลัวนะ… มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เรามักจะกลัวในสิ่งที่เรามองไม่เห็น จริงมั้ย?

บทสรุป

โดยรวมแล้ว เราคิดว่าหนังอาปัติสอนเรื่อง “กรรม” ทั้งรูปธรรม และ นามธรรมให้ทั้งตัวละคร และ คนดูอย่างเรา อาปัติ สปอย ได้รู้แจ้งเห็นจริงในระดับหนึ่ง แถมยังดูเพลิน ๆ อีกต่างหาก ถือเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่บทดีเลยทีเดียว เรื่องราวปะติดปะต่อผูกกันโอเค ไม่มีช่องโหว่หรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ที่สำคัญเรื่องราวยังชวนคิดติดตามตลอดเรื่อง

ตามมาตรฐานหนังผีไทย พาร์ทผีในอาปัติจัดว่าน่ากลัวใช่หยอก ผีเปรตขอส่วนบุญออกไม่เยอะอย่างที่คิด แต่ผีอื่น ๆ ที่ไม่รู้มาเพื่ออะไรนี่สิน่ากลัว และ มาหาบ๊อยบ่อย สะดุ้งหลายช็อตเลย คืออาจจะด้วยซาวนด์ประกอบด้วยส่วนหนึ่งที่ชวนเราหลอนไปก่อนภาพ

แต่ที่สนุกจริง ๆ คือ เราสนุกที่ถูกหนังหลอก เดาเรื่องกันแทบไม่ถูกจนเลิกเดา หนังมันหลอกคนดูแล้วหลอกคนดูอีก บางฉากนี่สะดุ้งเป็นคลื่นอาฟเตอร์ช็อค

เราคิดว่าอาปัติจัดว่าโอเคเลยสำหรับหนังไทยที่ถูกจำกัด creativity นี่นั่นโน่นโดยชมรมไดโนเสาร์ขนาดนี้ ควรสนับสนุนให้มีหนังแนวสะท้อนความจริงของสังคมแบบนี้ออกมาอีกเรื่อย ๆ จรรโลงสังคมดี ไม่ทำลายสักกะนิด ไปดูเถอะไปดู

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์

สวัสดีครับนับเป็นอีกหนึ่งผลงานจาก ผู้กำกับที่มากฝีมือ หนังไทยnetflix อย่างคุณ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่มีหนังมากมาย ออกมาให้เราได้รับชม ส ปอย หนัง ทั้งที่กระแสตอบรับดี และกระแสไม่ดี ภาพยนตร์ทริลเลอร์แฟนตาซี เรื่องแรกของค่าย gdh ได้รับแรงบันดาลใจ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี และดัดแปลงมาจาก เรื่องราว ของกวรรณกรรมญี่ปุ่น ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ วิธีการเล่าเรื่องเปิดซีน แรกมาก็สามารถทำได้น่าสนใจ มี CG ให้เห็นตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ตอนต้นเรื่องคือซีจี ที่อลังการที่เราได้เห็น ในตัวอย่างนั้นพอได้เห็น ในหนังแล้ว สวยงามกว่าในตัวอย่างมาก งานละเอียดสุด ๆ ไปเลย และ ความน่าดูอีกอย่าง ก็คงจะเป็นการรับบทแสดงของ เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง BNK48 และเจมส์ นักแสดงจากเรื่องที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา เขาเป็นอย่างดีจากเรื่องฮอร์โมนวัยว้าวุ่น อีกทั้งเนื้อเรื่องนั้นดำเนิน ไปอย่างเข้มข้น ทั้งบรรยากาศ และ เพลงประกอบก็ทำให้น่าติดตาม

เรื่อง : Homestay | โฮมสเตย์
ผู้กำกับ : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
แนว : แฟนตาซี ระทึกขวัญ ดราม่า
นักแสดงนำ : ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เฌอปราง อารีย์กุล, สู่ขวัญ บูลกุล
รางวัลที่ได้รับจากเวทีสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 : นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, เทคนิคการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์ เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายของญี่ปุ่นเรื่อง Colorful ผลงานของนักเขียน Mori Eto เป็นเรื่องราวของวิญญาณ โฮมสเตย์ เต็มเรื่อง 037 เร่ร่อนที่ได้รับรางวัลจากผู้คุมวิญญาณให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง ในร่างของเด็กหนุ่มมัธยมปลาย มิน เด็กที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย

โดยมีเงื่อนไขว่าเขาสามารถอยู่ในร่างนี้ได้เพียง 100 วัน และ ต้องหาให้ได้ว่ามินฆ่าตัวตายเพราะใคร ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย อุปสรรคนอกจากระยะเวลาที่จำกัดแล้วเขายังต้องถูกผู้คุมวิญญาณลบความทรงจำอีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้พบเจอเรื่องแปลกใหม่ เริ่มคุ้นชิน และ มีความสุขกับร่างใหม่นี้ แต่ทำไมมินถึงฆ่าตัวตาย เขาจะสามารถหาสาเหตุการตายของมินได้ทันเวลาหรือไม่

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว homestay โฮมสเตย์

ผู้ชายท่าทางลึกลับ ที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ

นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรี ๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตาย และ จากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว homestay โฮมสเตย์

กราฟฟิก CG ในภาพยนตร์โฮมสเตย์คือดีย์ ตั้งแต่ฉากต้น Homestay 2 เรื่องที่วิญญาณเร่ร่อนคุยกับผู้คุมวิญญาณบนกำแพงของโรงพยาบาล และ ฝนตกกำลังตกในแนวเฉียง ภาพได้อารมณ์เหมือนดูหนังฝรั่งอย่าง Doctor Strange (2016) หรือไม่ก็ซีรีส์เกาหลีอย่าง Goblin (2016) มีหลายฉากที่ล้ำ ๆ อย่างน้ำหยุดนิ่ง ฝนตกกลับด้าน จัดว่าเป็นหนังโปรดักชันคุณภาพ

ความโดดเด่นของหนังไทยอย่าง ‘โฮมสเตย์’ นั่นมีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น CG เทคนิคพิเศษที่เนียนเป็นพิเศษ เพลงประกอบที่ลื่นไหลไปกับภาพ นักแสดง พระนางที่เล่นเข้าคู่เคมีดูเข้ากันได้ดี ถ้านับว่าเป็นผลงานหนังใหญ่เรื่องแรกของเฌอปราง อาจจะไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ บางฉากยังดูไม่อินมากพอ แต่ก็ถือว่าเธอมีความพยายาม เอาชนะกำแพงของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่เจมส์ กลับเป็นคนที่ทำได้ดีกว่าที่เคย

ส่วนนักแสดงสมทบมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่พกเอาฝีมือมาทุ่มสุดตัวลงเล่นประชันกันทั้งนั้น แถมบทยังชวนให้คิดตาม ค้นตาม ว่าสิ่งที่วิญญาณตนนี้ต้องตามหาคืออะไร จะใช่คำตอบที่ถูกหรือไม่ และ สิ่งที่มันค้นเจอคือความจริงที่ถูกต้องหรือยัง มันหาใช่แค่หนังทริลเลอร์ชวนตื่นเต้น

ส่วนตัวแอบคาดหวังตลอดการดูว่าหนังจะตีความใหม่อย่างไร โดยเฉพาะการเล่นคำว่าโฮมสเตย์ หรือมึงอย่าอินสิมันแค่ร่างชั่วคราว แต่สุดท้ายหนังก็ไม่สามารถดึงจุดนี้ขึ้นไปแทนที่ในช่วงไคลแม็กส์ของหนังได้ เพราะมันต้องยุติที่ว่าใครฆ่าซึ่งจริง ๆ เป็นเพียงทางผ่านของแก่นแท้เท่านั้น ยิ่งการที่ผู้กำกับเน้นมาทางนี้ยิ่งขยายด้วยปรัชญาแบบพุทธได้คมคายมากกว่าด้วย อันนี้ก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวครับ เพราะเป็นทางเลือกของผู้กำกับอยู่แล้วว่าอยากจะเล่นแค่ตรงนี้

ความน่าดูต่อมา คือการที่มันเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่นำวรรณกรรมญี่ปุ่นยุคใหม่อย่าง Colorful ของ เอโตะ โมริ หรือนิยายฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม ทั้งยังเคยถูกนำไปสร้างเป็นหนังแอนิเมชั่นญี่ปุ่นในชื่อ Colorful (2010) มาก่อนด้วย

นับเป็นก้าวเปลี่ยนสำคัญสำหรับหนังไทยเหมือนกันนะ เพราะก่อนหน้าแม้จะมี อุโมงก์ผาเมือง ก็เป็นการดัดแปลงจากหนังญี่ปุ่น ราโชมอน มากกว่าตัวนิยายโดยตรง แถมยังเป็นนิยายยุคเก่าด้วย

การดำเนินเรื่องค่อย ๆ เปิดปมให้หาสาเหตุการตาย จากนั้นค่อย ๆ เล่าเรื่องของมินผ่านความสัมพันธ์กับตัวละครต่าง ๆ เริ่มจากความสัมพันธ์กับเพื่อน และ รุ่นพี่ ต่อจากนั้นเป็นความสัมพันธ์กับครอบครัว พี่ชาย พ่อ แม่ และ มีปม ทวิสต์เล็ก ๆ ในตอนท้าย ดูแล้วน่าติดตามทั้งเรื่อง ได้ครบทุกอารมณ์ สุข เศร้า เสียใจ เหงา โดดเดี่ยว

หนังดำเนินเรื่องดีส่งผลให้ ได้รับรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม จากรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 ใครชอบแนวระทึกขวัญไม่ควรพลาด หรือหากไม่ใช่แนวระทึกขวัญก็ดูได้ เพราะดำเนินเรื่องสนุก น่าติดตาม ชอบการสอดแทรกข้อคิดการใช้ชีวิต เช่นการมีชีวิตคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ถึงมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝันไว้ทุกอย่างก็ตาม

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์ จากจุดเริ่มต้นที่เราได้เห็นการเข้ามา “อยู่” ของวิญญาณ Homestay รีวิว เร่ร่อน ผู้ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนแรก จนผู้คุมมาเล่าให้ฟังว่ามันคือรางวัล ที่มันจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ต้องเร่ร่อนเหมือนที่ผ่าน แต่ต้องแลกด้วยการค้นหาว่า “เจ้าของร่างเดิม” นั่นตาเพราะใคร โดยไม่ทิ้งข้อมูลอะไรไว้เลย นอกจากมันชื่อ “มิน”

เหมือนจะเป็นเรื่องดีนะกับการที่ไม่มีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็เป็นภาระที่หนักอึ้งพอควรการสืบหาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด ร่างชั่วคราวนี้คือประตูที่เปิดไปสู่การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการได้รู้จักกับ พาย ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากพักอยู่โฮมสเตย์นี้ตลอดไป

การเล่าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้เข้าใจหนังที่เล่นท่ายากได้ง่ายขึ้นพอสมควร จากที่ได้รู้จักกับโฮมสเตย์แล้ว ก็ได้มารู้จักกับครอบครัวของมิน ก่อนจะได้มารู้จักกับพาย จากที่มันไม่เคยรู้จักกับโลกของมินเลย มันก็ต้องค่อย ๆ สืบหาทีละอย่าง

แต่ก็ดูเหมือนการมีพายจะทำให้วิญญาณอย่างมันไขว้เขวไปจากจุดมุ่งหมายไปบ้าง

แต่การเป็นมนุษย์มันก็ย่อมมีเผลอไผลกันไปได้ ก็พี่รหัสออกจะน่ารักขนาดนั้นนี่นา ถ้าไม่มีผู้คุมที่ชอบเล่นสิงเขาไปทั่ว เปลี่ยนร่างเป็นว่าเล่น ก็อาจจะทำให้หนังไร้กิมมิกมากพอ ถ้าจะถามว่า ชอบผู้คุมร่างไหนมากที่สุด ก็คงต้องตอบว่าคือ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์

บทสรุป

สำหรับเรื่องแรก โฮม สเตย์ ภาพยนตร์ ของการแสดงหนังของ เฌอปราง ถือว่าเธอทำได้ดีในระดับหนึ่ง มีความน่ารักเป็นธรรมชาติ เบสท์ ณัฐสิทธิ์ ที่รับบทเป็นพี่ชายของมิน ก็สามารถแสดงบทบาทความเป็นพี่ชายที่ทั้งโกรธ และ เกลียดน้องได้สมจริงมาก คุณสู่ขวัญ ก็เล่นดีมาก ๆ รู้สึกเชื่อได้เลยว่าเป็นแม่ สื่ออารมณ์ความรู้สึกผู้เป็นแม่ออกมาทางสีหน้า และ แววตาได้ดีมาก

ฉากดราม่าสู่ขวัญก็สามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้ ส่วนนักแสดงหลักตัวจริงอย่าง เจมส์ ธีรดนย์ ก็สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไปได้อย่างดี เขาสามารถทำให้เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตัวละครผ่านการแสดงของเขาได้

โดยภาพรวมแล้วนักแสดงทุกคนเล่นดีเลยทีเดียว ต้องขอชื่นชมจริง ๆ

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

เห้อวันนี้หนังไทยก็ไม่พ้นค่ายเจ้าพ่อหนังไทยอย่าง gth อีกแล้ว ที่เรียกว่า gth อาจจะครองวงการหนังไทยไปแล้วก็ได้ 55 โดยเรื่องราวนี้ จะประกอบไปด้วย หนังสั้นเกี่ยวกับ หนังไทยnetflix ความรักสามเรื่องของสามผู้กำกับ โดยมีคียเวิร์ดเกี่ยวกับเลข 7 และ เล่นกับความเชื่อ ส ปอย หนัง  ที่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี การเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างจะเกิดขึ้น ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ในช่วงเวลานั้น คงจะมีค่ายหนังไม่กี่ค่าย บริษัทไม่กี่บริษัท ที่สามารถทำให้ผู้ชมหรือลูกค้ารู้สึกถึง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นครอบครัวกันได้ GTH เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาของ GTH ที่แบ่งปันร่วมกับผู้ชมก็ผ่านมาแล้วร่วม 7 ปี และ ด้วยเป็นการเฉลิมฉลองในรูปแบบของครอบครัวมากกว่าบริษัทเชิงพาณิชย์ พวกเขาจึงเลือกที่จะเฉลิมฉลอง และ กล่าวขอบคุณผู้ชมด้วยภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเลข 7 เช่นเดียวกับอายุของค่ายหนังพวกเขา และ นั่นก็ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้นี่เอง

ทุก 7 ปี ความรักมักมีการเปลี่ยนแปลง มีบางคนเชื่อกันแบบนั้น แต่มันจริงไหม ผมว่าถ้ามันจะจริงก็คงเพราะว่าการที่คนเราคบกันมานานขนาดนั้น ความสดใส ตื่นเต้น ซาบซ่าตอนที่คบกันใหม่ ๆ ได้จางลงแล้ว กลายเป็นความคุ้นเคย ชินชา และ อาจเลิกถึงขั้นเบื่อหน่ายจนเลิกรักกัน เพื่อให้ความรักก้าวผ่านหลัก 7 ปี ไปได้ คู่รักคงต้องหาอะไรที่แปลกใหม่มามอบให้แก่กัน และ นำพากันสู่ความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้น ซับซ้อนขึ้น เข้มข้นขึ้น

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน ด้วยความที่มาตรฐานของ GTH ในเรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน Pantip ก่อนๆ สร้างไว้ดีมาก + เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปี และ แน่นอนเพราะมีนิชคุณมาแสดงด้วย ทำให้ “รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่หลายคนตั้งความหวังเอาไว้สูง(มาก) ส่วนตัวที่เป็นแฟนตัวยงของ GTH ก็ตั้งความหวังไว้สูงเช่นกัน ซึ่งหลังจากได้ไปดูถึง 2 รอบ ก็ตอบกับตัวเองได้ว่า “ไม่ผิดหวัง”

สำหรับเรื่องแรก 14 แม้จะไม่ใช่อายุของตัวละครทั้งสองคนในเรื่อง แต่ดูเหมือนจะโยงความหมายเกี่ยวกับเรื่องของความรักครั้งแรกที่หนังได้ปุเอา ไว้ในตอนแรก เรื่องราวของเด็กวัยรุ่นในยุคโซเซี่ยลเน็ตเวิร์คกับเรื่องราวของเด็กหนุ่ม ที่เริ่มมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน แ

ต่ระหว่างโซเซี่ยลเน็ตเวิร์ค และ เทคโนโลยีที่เป็นพลังต่อชีวิตเค้าตลอดกับ แฟนสาวที่ก้าวผ่านมาในชีวิต

ใน 14 นี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบฉูดฉาด และ ทันสมัย ใช้อุปกรณ์ และ เครื่องมือ social media มากมายในการเล่าเรื่องเพื่อที่จะนำเสนอในความเป็นเด็ก วัยรุ่น และ ประชาชนหลายกลุ่มในปัจจุปัน ถ้าให้คาดเดาอย่างไม่เขอะเขิน หนังเรื่องนี้ก็คงมุ่งเน้นพุ่งจับไปที่อารมณ์ร่วมของกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในยุคนี้ หลังจากเมื่อ 7 ปีก่อน

หนังเรื่องแรกที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังอย่าง แฟนฉัน เองก็จับความรู้สึก และ อารมณ์ร่วมของผู้ใหญ่ที่ผ่านวัยเด็กอันหลากหลายมาแล้ว

ดังนั้นการเล่าเรื่องของ 14 นั้นจึงจะออกไปแนวรวดเร็ว ฉาบวย และ ฉูดฉาด จนบ่อยครั้งมันกลายเป็นมิวสิควีดีโอขนาดย่อม ๆ แม้จะเป็นการที่ทำให้ประเด็นเล็ก ๆ ของหนังที่ดูเผิน ๆ แล้วไม่มีอะไรน่าสนใจให้มีชีวิตชีวา และ น่าสนใจขึ้นมาได้ แต่บ่อยครั้งไปมันก็เหมือนกับการฆ่าเวลา แต่ไม่มีผลอะไรกับหนังโดยรวมเท่าไหร่เพราะเนื่องจากเนื้อหาของหนังเองก็ไม่ ได้มีอะไรมาก

ประเด็นของหนังที่ค่อนข้างชัดเจนแต่แรก จึงสามารถที่จะดึงอารมณ์ของผู้ชมเข้ามาร่วมกับหนังได้พอสมควร

เรื่องย่อ

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

เป็นหนังดราม่าโรแมนติกที่แบ่งออกเป็นเรื่องราว ๆ ต่าง 3 เรื่องอยู่ในหนังเรื่องเดียว ภายใต้คอนเซ็ปต์ตัวเลขที่มีช่องว่างระยะห่างกันทีละ 7 จำนวน แบ่งเป็นเรื่องแรก “14” เรื่องราวความรักของ ป่วน และ มิลค์ ที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อ ป่วน ตัดสินใจเปลี่ยน Status ใน Facebook เป็น ‘In Relationship’ เขาโพสต์คลิปเผยแพร่ความรักของตัวเองลงใน Youtube อย่างละเอียด ด้วยความภาคภูมิใจ และ ยอด Views ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ ป่วน ถลำลึกลงไปในโลกของฟีดแบ็คจากคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนคนที่เขารักนั้น ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งมีค่าน้อยกว่ายอดคลิก Like ในหน้า Facebook ของเขาเสียอีก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

แม้ว่าความน่าประทับใจของภาพรวมจะอยู่ในระดับ รัก 7 ปี ดี 7 หน Netflix ที่แกว่งขึ้นแกว่งลง รวมถึงมีจุดต่าง ๆ ที่ทางหนังใส่เข้ามาเพื่อเป็นการตอบแทนแฟนคลับของหนังค่ายนี้ให้วี้ดว้าย เต็มไปหมด (แต่ก็นับว่าโชคดีที่หนังไม่ได้ทำออกมาอย่างประเจิดประเจ้อว่าหนังเรื่องนี้ เราทำเพื่อขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ จุ๊บ ๆ แต่อย่างใด ยกเว้นฉากมิวสิควีดีโอหลังเครติดที่ค่อนข้างโจ่งแจ้งไปหน่อย

มีจุดที่น่าเสียดาย แต่ก็พอเข้าใจได้ เกี่ยวกับมุมมองด้านบวกของหนังที่หนังเลือกที่จะขึ้นไปจนสุดจนเรียกได้ว่า มองโลกในแง่บวกแบบสุด ๆ แต่พอมุมมองในแง่ลบหนังกลับดึงลงมาในระดับปานกลาง ความรู้สึกมันเลยดูไม่สมดุล แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียอะไรเท่าไหร่นักเพราะหนังเองก็พยายามประณีประนอมในบางจุด ไม่ให้ล้ำเส้นเกินความจำเป็น

แต่นับโดยภาพรวม นอกจากจะเป็นภาพยนตร์สำหรับสร้างความบันเทิง และ ความรู้สึกดี ๆ ได้แล้ว เพียงแค่ตอนแรกกับตอนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ก็พอจะสร้างความหวังได้ว่า บางทีอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่ที่ดีขึ้นทั้งแนวคิด และ วิธีการทำของหนังค่ายนี้ต่อไปอีกก็เป็นได้

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รัก 7 ปี ดี 7 หน ออกฉายครั้ง รัก 7 ปี ดี 7 หน doomovie แรกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ในปีนี้หนังก็มีอายุ 9 ปีเต็มแล้วพอดี หนังได้ 3 ผู้กำกับฝีมือดีแห่งค่ายจีทีเอช ไม่ว่าจะเป็น “กอลฟ์-ปวีณ ภุริจิตปัญญา”, “ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม” และ “เก้ง-จิระ มะลิกุล” มาแบ่งพาร์ตกันทำงานในหนังสั้นแต่ละเรื่อง พร้อมทั้งได้นักแสดงเกือบทั้งวงการมา ตบเท้ามาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ แม้จะโผล่มาแว่บ ๆ ก็ยังดี

แต่หนังได้นักแสดงนำหลัก ๆ อย่าง “เก้า จิรายุ”, “ปันปัน สุทัตตา”, “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์”, “คริส หอวัง”, “สู่ขวัญ บูลกุล”, “โอปอล์ ปาณิสรา” และ “นิชคุณ หรเวชกุล” ที่รายหลังนี้ได้แบ่งคิวจากการเป็นไอดอลเกาหลี มีรับงานแสดงหนังไทยเรื่องแรกในชีวิตก็เรื่องนี้ด้วย

บทสรุป

“รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่แทรกอะไร รัก 7 ปี ดี 7 หน เรื่องย่อ ไว้มากมาย ทั้งดารารับเชิญ การเอาประโยคเด็ด ๆ จากหนังเก่าของ GTH ภาพของหนังแฟนฉันที่เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัท รวมไปถึงการทำหนัง 3 เรื่องให้หลุดออกไปจากสูตรสำเร็จเดิม ๆ

ผลคือคนดูถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือที่ชอบก็จะชอบมาก คนที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย
ก็ไม่แปลกที่รายได้จะไม่สูงเหมือนที่หลายคนคาดคิด (7 วันไม่ถึง 50 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี “รัก 7 ปีดี 7 หน” คือหนังที่คุณภาพดีเยี่ยม มีอะไรมากมายให้เก็บระหว่างทาง สมกับที่เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปีของค่ายหนังที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ ดูจบก็แอบยิ้มเล็ก ๆ ได้ข้อคิดหน่อย ๆ

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม

สวัสดีครับเชื่อว่าคนไทยทุกคน หนังไทยย้อนยุค เคยเคยเจอผีเด็กหน้าขาว ผ่านจอทีวีกันมาทุกคนแล้ว นี้นับเป็นหนังผีในตำนานของไทยเลย จากชื่อผู้กำกับที่คุ้นหู และ คุ้นตากันดีในบทของตลกระดับ ส ปอย หนัง แนวหน้าของประเทศอย่าง จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก หรือชื่อ จาตุรงค์ พลบูรณ์ รับหน้าที่เขียนบท และ กำกับภาพยนต์เรื่องนี้ด้วย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ตนเองกับการเขียนบทที่สะสมเรื่องราวมากกว่า 2 ปี ทำให้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกจับตามองอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องการสร้างเนื้อหา และ การสร้างสรรค์บทที่แน่นอนต้องเป็นแนว Comedy หรือแนวขบขัน เพราะว่าตามความถนัด และ ความสามารถที่มีพื้นฐานมาจากตลก และ มีรุ่นพี่ในแวดวงตลกหลายคนเป็นต้นแบบ อย่างคุณ โน้ต เชิญยิ้ม ที่ผ่านการกำกับมาหลายเรื่องเช่น หลวงพี่เท่ง,คนปีมะ และ ตามติดมาด้วยหัวหน้าคณะผู้ปั้นเขามากับมือคุณ หม่ำ จ๊กม๊ก จากผลงาน บอร์ดดี้กาดหน้าเหลี่ยม จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจากภาพยนต์เรื่องนี้

ประเภท: ตลก / สยองขวัญ
นำแสดงโดย: จาตุรงค์ มกจ๊ก, ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ, โก๊ะตี๋ อารามบอย
กำกับโดย: จาตุรงค์ มกจ๊ก
ความยาว: 97 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 3 สิงหาคม 2549 (กำหนดฉายในประเทศไทย)

หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อวันนั้น เป็นการพาทุกคนย้อนกลับไปให้ชวนคิดถึงผลงานหนังเรื่องดังที่เคยออกฉายที่โรงภาพยนตร์เมืองไทย วันนี้มาเฮฮากับหนึ่งในหนังไทยที่เคยสร้างปรากฏการณ์เอาไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ด้วยสูตรสำเร็จของหนังไทยที่จับเอาผีมาผสมผสานกับความหรรษาหนีเตลิดตลก ๆ กลายออกมาเป็น “โกยเถอะโยม” หนังผีตลกในตำนานจากค่ายจีทีเอช ที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลาย โกยเถอะโยม

นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ประดับวงการหนังในปี 2549 ที่ถือว่าเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของวงการเลยทีเดียว หนังกวาดรายได้ตลอดทั้งโปรแกรมฉายไปได้กว่า 70 ล้านบาท จากทุนสร้างเพียงแค่ไม่กี่สิบล้าน จึงกลายเป็นความสำเร็จระดับตำนานอีกเรื่องนี้ของหนังผีไทยเลยทีเดียว

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม โกยเถอะโยม เป็นภาพยนตร์ไทย แนวตลก ดราม่า ที่ออกฉายเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2549 โกยเถอะโยม เต็มเรื่อง พากย์ไทย ผลงานกำกับเรื่องแรกโดย จาตุรงค์ มกจ๊ก และ นำแสดงโดย จตุรงค์ พลบูรณ์, น้องพี หรือ ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ, โก๊ะตี๋ อารามบอย หรือ เจริญพร อ่อนละม้าย, เจมมี่ – จามร ตันธนะศิริวงษ์, ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก พลบูรณ์, จิ้ม ชวนชื่น หรือ นพดล ทรงแสง, ค่อม ชวนชื่น, จอย ชวนชื่น, นก – วนิดา แสงสุข, พุดเดิ้ล – ปาจรีย์ ณ นคร, สุเมธ องอาจ, พิม Big Brother และ หยินมี่ Big Brother

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว โกยเถอะโยม

เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กเร่ร่อน ที่ต้องการตามหาพ่อซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ด้วยความเหงาและอยากมีเพื่อน ผีเด็กจึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน ซึ่งในการปรากฏตัวทุกครั้งได้สร้างความอลหม่านวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านทุกคนต้องรวมพลคนกลัวผีขึ้นมาและแห่กันไปพึ่งหลวงพ่อ (จตุรงค์ มกจ๊ก) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน

เรื่องราวความน่ากลัวต่าง ๆ ถูกเล่าผ่านบรรดาชาวบ้านที่นำทีมโดยเจ๊หลี (นก วนิดา) เจ้าของร้านขายของชำที่มีลูกสาวชื่อกิ๊ก (เฟิร์น ลูกสาวคุณจตุรงค์) ที่ไปแอบชอบกับเด็กวัดก้นกุฏิที่ชื่อ หรั่ง โดยมีกบ (โก๊ะตี๋) เด็กวัดคู่หูที่คอยช่วยเหลือทั้งสองจากการขัดขวางความรักของเจ๊หลี และตามขบวนมาด้วยลุงชู (จิ้ม ชวนชื่น) ภารโรงมาดเนี๊ยบที่แอบชอจ๊หลีจนออกนอกหน้า มาพร้อมกับเฮียเท๊งขายหมู (แอนนา ม๊กจ๊ก)

และชาวบ้านอีกมากมายที่ต่างเจอเรื่องวุ่น ๆ และความน่ากลัวของผีเด็ก จึงมารวมตัวกันที่ศาลาวัดและเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวเหล่านั้นด้วยมุขตลกต่าง ๆ และร่วมกันคิดหาวิธีกำจัดผีเด็ก สุดท้ายทุกคนจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับผีเด็ก ความสนุกสนาน บนความตื่นเต้น ระทึกขวัญ ที่อัดแน่นไปตลอดเรื่อง

จากนักแสดงที่รับประกันการเรียกเสียงหัวเราะจากผู้สร้าง และการให้ท้ายหนุนหลัง จาก GTH งานนี้ทุ่มสุดตัว แบบไม่กลัวหัวโกร๋นเลยโยม…..บรื๊อ…. นักแสดง จตุรงค์ พลบูรณ์ น้องพี (ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ) โก๊ะตี๋ อารามบอย (เจริญพร อ่อนละม้าย) เจมมี่ (จามร ตันธนะศิริวงษ์) ใบเฟิร์น (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) จิ้ม ชวนชื่น (นพดล ทรงแสง) ค่อม ชวนชื่น จอย ชวนชื่น นก (วนิดา แสงสุข) พุดเดิ้ล (ปาจรีย์ ณ นคร) สุเมธ องอาจ พิม Big Brother หยิมมี่ Big Brother กำกับการแสดง จตุรงค์ พลบูรณ์ (จตุรงค์ ม๊กจ๊ก)

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โกยเถอะโยม

เนื้อเรื่องของภาพยนต์เรื่องนี้เท่า ๆ ที่ทราบนะครับผู้เขียนตั้งใจสะท้อนสภาพสังคม โกยเถอะโยม เต็มเรื่อง1 hd ปัจจุบันของผู้หญิงที่ทำแท้ง ด้วยความตั้งใจหรือพลาดพลั้งจากความสนุกของคู่หนุ่มสาว หรือองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างที่นำพาผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องมาทำแท้ง

อีกนัยหนึ่งคือต้องการสอนลูกของเขาเองด้วยนะเหมือนเป็นการสอนไปในตัวเลยก็ว่าได้

ในแนวของวัยรุ่นปัจจุบันที่มองว่า Sex เป็นเรื่องของความสนุกหรืออะไรที่มากกว่านั้น เรื่องถูกถ่ายถอดออกมาจากแนวความคิดหลาย ๆ อย่างมาผสมจนได้เรื่องที่ดูมีสาระและขบขันตั้งแต่เริ่ม ว่าด้วย ผีเด็กตนหนึ่งที่เกิดอาการรู้สึกเหงาและต้องการค้นหาพ่อและแม่ที่แท้จริงว่าเขาทั้งสองเป็นใครบวกกับความสนุกของผีเด็กที่ระหว่างตามหาบุคคลทั้ง 2 ก็เลยแกล้งหลอกชาวบ้านไปอย่างนั้นนะ

จนเรื่องมาจบที่ความจริงหลายอย่างได้บอกและเล่าถึงที่มาของเรื่องทั้งหมด แน่นอนครับ มุขและการวางเรื่อง เหมือนที่เจ้าตัวเขาการันตีด้วยความจริงจังและจริงใจว่าภาพยนต์เรื่องนี้ มีดีกว่าที่คิดแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเดินเรื่อง มุข การเดินเรื่อง ภาพ และองค์ประกอบต่าง ๆ จะได้ขำและตลกอย่างบอกไม่ถูกกับภาพยนต์เรื่อง

เพราะว่ามุขที่คุณเขาบอกนะไม่เคยเห็นในภาพยนต์เรื่องไหนมาก่อนแน่นอนก็แหง่ละส้รางมากับมือนี้หน่า ตามภาษาภาพยนต์ผีตลก แต่บางมุขอาจจะเคยเห็นกันบ้างหรือคล้าย ๆ จากบ้านผีปอบ เช่น ผีเกาะหลัง เกาะมือ หรืออออกมาทำให้ตกใจแล้วหนีไป

แต่เรื่องนี้ไม่มีฉากไหนเลยที่ต้องสะดุ้งได้แต่หัวเราะอย่างเดี่ยวนะ แต่ที่ผิดคาดไปอย่างหนึ่งคือฉากที่ทุกคนเห็นจากโฆษณา คำพูดติดปากที่ว่า โกยเถอะโยม ไม่มีครับ ย้ำว่าไม่มี ไม่รู้หายไปไหนหรือว่ามัวแต่หัวเราะไม่ทันได้สังเกตุ เลยไม่ได้คิดอะไรมากแต่สิ่งที่ได้จากภาพยนต์เรื่องนี้มีเยอะมากเลยนะ

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม ในออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2549 ที่ได้สร้างปรากฏการณ์ โกย เถอะโยม เต็มเรื่อง facebook ให้กับวงการหนังไทยในตอนนั้นไม่เบาเลย โดยผลงานหนังเรื่องนี้เป็นการชิมลางการกำกับหนังเรื่องแรกของดาวตลก “จาตุรงค์ มกจ๊ก” ที่จูงมือเอาหลานรักคู่บุญ(ในตอนนั้น)อย่าง น้องพี มารับบทนำบทเด่นที่เป็นอีกหนึ่งบทบาทอันน่าจดจำของอดีตดาราตลกผู้นี้ ไม่เพียงเท่านั้น จาตุรงค์ มกจ๊ก ยังทำหน้าที่เขียนบทหนังและร่วมแสดงเองด้วย

หนังยังมาพร้อมกับทัพนักแสดงตลกแถวหน้าของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น “เฟิร์น พิมพ์ชนก”, “โก๊ะตี๋ อารามบอย”, “แอนนา มกจ๊ก”, “จิ้ม ชวนชื่น”, “เจมมี่ จามร”, “อุ้ม ลักขณา” และ “น้าค่อม ชวนชื่น” ก็เป็นทีมดาราในหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าหนังจะถูกมองว่าเป็นสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ ของหนังไทย แต่ในตัวหนังก็ยังมีฉากเด็ดฉากประทับใจที่น่าจดจำมาจนถึงทุกวันนี้อยู่หลายซีน

บทสรุป

ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ได้เห็น โกยเถอะโยม 037 และมองอะไรหลาย ๆ อย่างว่าในอนาคต หนังผีตลกหรือหนังแนวกวน ๆ อาจจะมาจากสาขาชีพตลกเท่านั้นหรือเปล่า หรืออาจจะเพิ่มเติมตรงที่ว่าบทตลกที่เกิดขึ้นคนที่รับบทอาจจะต้องเป็นตลกเท่านั้นเหมือนเป็นการขีดเส้นตายเอาไว้เลยว่าต้องเป็นในแนวนี้ถึงจะดี หรือกลายเป็นแบบสำเร็จไปแล้วนะ และอาจจะไม่ได้เห็นดาราหรือว่าดาวดวงใหม่ ๆ

เกิดจากภาพยนต์แนวนี้ในช่วงหลัง ๆ ความตายของหนังที่เป็นสูตรสำเร็จของการขายตลก ตลก แล้วก็ตลก มีแต่ตลกเต็มไปหมดเลย แต่ถ้าดูแบบไม่ได้หวังอะไรเลย จะเห็นการพัฒนาในหนังที่สร้างมาจาก ตลก โอเคยอมรับได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับหน้าใหม่ของเราคนนี้บอกพยายามบอกมาตลอดคือ “รับรองได้ว่าไม่เหมือนหนังตลกที่ผ่าน ๆ มาแน่นอน” แล้วก็ผิดหวังเหมือนกันเลย ถอดแบบหนังผีตลกมาเหมือนกันไม่ต่างกันเลย

หลายอย่าง หลายคนบอกมาหลังจากไปดูเขาก็บอกว่าเหมือนหนังตลกทั่ว ๆ ไปไม่มีอะไรหวือหวาหรือแตกต่างกันเลย สงสัยว่าจะตายตอนจบหรือเปล่า อ้าวมองกันไปอีกแบบ ความไม่สุดของหนังเกิดขึ้นจนได้เมื่อฉากจบของหนังในการดึงอารมณ์ของคนดูในฉากตอนที่ พ่อมาเจอลูกแล้วเกิดการนึกภาพความหลังขึ้นเหมือนผีเด็กจะร้องไห้แล้วไม่ร้องไห้กลายเป็นเรื่องตลกและว่าฉากนั้นดึงอารมณ์ได้ดีมาก ๆ

สังเกตจากการตั้งใจดูของผู้คนที่พร้อมใจกันเงียบแบบไม่ได้นัดหมาย คือดึงอารมณ์ได้แต่ไม่สุดครับ ไม่รู้ว่าพี่เขาจะอั้นไว้ทำไม ไม่ปล่อยให้สุดมาเลยละ ฉากตลกบางฉากไม่ต่อเนื่อง ปล่อยมาแบบกระปิดกระปอย กลายเป็นความไม่ต่อเนื่องและยังถือว่าไม่ครบเครื่องตามที่พี่เขาบอกมาและรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกเหมือนที่หลาย ๆ คนเขาบอกว่าการโฆษณาตอนนี้มีผลมากต่อการตีตั๋วเข้าไปดู

ถ้าจะว่ากันตามนั้นนะครับ แต่ยังไงถือว่าเป็นเรื่องที่ทำออกมารอดไม่ตายสำหรับเรื่องแรกและมือใหม่แบบนี้ จะเป็นกำลังใจให้ครับ ตามดูผลงานกันต่อไปครับ