Category Archives: รวมรีวิว

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทย องค์บาก นักเป็น หนังไทยย้อนยุค ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของไทยเลยก็ว่าได้ เป็นหนังไทยที่ดังแบบระดับโลก ที่เป็นการตีแผ่วัฒนธรรม ไทยและการต่อสู้ ส ปอย หนัง ของไทย ออกสู่สายตาสากลคนทั่วโลก เล่าเรื่อง ราวของ องค์บาก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ของหมู่บ้านหนอง ประดู่ ได้ถูกขโมยตัดเศียรไป บุญทิ้ง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์หนุ่มบ้านหนองประดู่ จึงอาสาออกตามหามาจนถึงกรุงเทพฯ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี จนได้ เจออ้ายหำแหล่หรือ ยอร์จ ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่ทิ้งท้องนา และ กลิ่นโคลนสาปควายบ้านนอก มาร่วมทีมกับ หมวยเล็ก มาเป็น 18 มงกุฎ ต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้อง บุญทิ้งจึงไม่วายเป็นเหยื่อเพราะความซื่อ แต่ด้วยความที่เป็นคนดี และ เคยช่วยเหลือชีวิตทั้งสองไว้ ภายหลังเขาจึงได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองในการตามหาองค์บาก พร้อมถูกดึงเข้าสู่การต่อสู้กับเจ้าพ่อมาเฟียอิทธิพลมืดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด บุญทิ้งจึงขอต่อสู้ทั้งชีวิตด้วยศิลปะมวยไทยโบราณตลอดจนการเดินทางตามหาองค์บากเพื่อนำกลับคืนสู่หมู่บ้านให้ทันพิธีอุปสมบทหมู่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 7 วันให้ได้

ประเภท: แอคชั่น
นำแสดงโดย: จา พนม, หม่ำ จ๊กมก, ภุมวารี ยอดกมล
กำกับโดย: ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ความยาว: 105 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 31 มกราคม 2546

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ มีนัก ดู องค์บาก 1 แสดงอย่าง “จา-พนม ยีรัมย์” “แอร์-ภุมวารี ยอดกมล” และ “เพ็ชรทราย วงศ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก” แสดงนำ กับเรื่องราวของหนุ่มบ้านนอกที่ต้องออกมาตามหาเศียรองค์บากที่ถูกขโมยไปจากหมู่บ้าน

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเลยว่า เป็นอีกเรื่องที่ทางสหมงคลฟิล์มทุ่มเทสร้างอย่างมาก ทั้งในการถ่ายทำ การโปรโมท รวมถึงปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร อีกหนึ่งยอดนักบู๊ของไทย ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ในการปั้น จา-พนม ขึ้นมาเป็นพระเอกนักบู๊ครใหม่ของวงการ

ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้ครับว่า เรื่องนี้ตัวของ จา พนม นั้นเล่นฉากบู๊ทุกฉาก ฉากเสี่ยงตายทุกซีน ด้วยตัวเอง ไม่มีสแตนด์อินใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ที่เป็นจุดขาย และ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ดึงดูดให้คนเข้ามาดูอย่างล้นหลาม ซึ่งมันคุ้มค่าทุกหยาดเหงื่อของทีมงาน

เพราะทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 661,845,999 บาท และ ส่งให้ตัวของ จา-พนมนั้นโด่งดังเป็นพลุแตก จากลีลาแม่ไม้มวยไทย และ คิวบู๊ที่สุดงามดุดัน ซึ่งมันส่งผลให้มีภาพยนตร์อย่าง “ต้มยำกุ้ง” ตามมาในภายหลัง

การดำเนินเรื่อง

รีวิว องค์บาก 1

ในประวัติศาสตร์ “หมู่บ้านหนองประดู่” ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของ “ครูดำ” ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่าไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสะดม และ แย่งชิงไปจากหมู่บ้านเมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบากอยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ

ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าวคือบาดแผลจากการต่อสู้ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ที่รับแทนคมหอกคมดาบที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟันเข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง

ความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และ ผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขานสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้ว “องค์บาก” กลับถูก “ดอน” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน

และ ที่ร้ายแรงที่สุดคือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพฯ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บากที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต

ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธาที่หมุนเวียนบรรจบมาเพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และ พลังแห่งความดีงามของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรมจากองค์บากโดยตรงอย่าง “ทิ้ง” (จา-พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้าที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโตจนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก

รวมทั้งเคล็ดวิชา “นวอาวุธ” (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศีรษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และ ความคล่องแคล่วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจาก “พระครู” หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลักที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน

เส้นทางในการเสาะหาองค์บากดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น “เง็ก” (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิตที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวงกัดกินทั้งร่างกาย และ จิตใจ “หมวยเล็ก” (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้วที่งดงามทั้งหน้าตา และ จิตใจ “ไอ้เป๋ง” (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอยคู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ

ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่างออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงามจากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บากค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้งถลำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเกมการต่อสู้ และ การไล่ล่าที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้ายจากทั้งคนไทยด้วยกันเอง และ ชาวต่างชาติ

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว องค์บาก 1

หนังก็ยังมีข้อบกพร่องที่เกิดจาก องค์-บาก 1 ภาค-ไทย การลังเลระหว่างการทำให้มันเป็นหนังที่ดีตามมาตรฐาน และ การทำหนังเอาใจท่านผู้ชม ซึ่งผู้กำกับเลือกทางการเอาใจผู้ชมจนเอียงข้างไปเล็กน้อย เริ่มต้นง่าย ๆ จากการที่ไม่มีคนร้ายคนไหนใช้ปืนยิง จา พนม เลย ทุกคนเอาแต่วิ่งไล่จา พนม (แถมวิ่งไล่กันไม่ทันอีก) คือ ถ้ามีคนใช้ปืน จา พนม คงตายตั้งแต่ 15 นาทีแรกไปแล้ว

องค์บากอาจจะกลายเป็นหนังสั้นได้ ซึ่งตรงนี้จริง ๆ คนเขียนบทก็ต้องแก้ไขให้เมกเซนส์ให้ได้ เช่น ลูกสมุนถูกสั่งให้จับเป็นรึเปล่า เลยยิงให้ตายไม่ได้ นอกจากนี้ ฉากแอ็กชันมากมายที่ปรากฏในหนังนั้นมีการ Replay ซํ้าให้เราดูกันหลาย ๆ รอบ จากมุมกล้องต่าง ๆ ราวกับเป็นภาพกีฬามัน ๆ เวลาดูนี่ได้ยินเสียงประโยค ‘ลองจับตาดูกันอีกครั้งชัด ๆ

แต่อะไรที่ทำให้องค์บากภาคแรกเด็ดสุด? โดยส่วนตัวผมว่า “มันพอเหมาะพอดี” ครับ คือบทน่ะไม่มีอะไร แต่การเดินเรื่องมันไม่เยิ่นเย้อ ตามด้วยการมีฉากแอ็กชันแบบเล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้สลิง และ สแตนอิน Effect ก็ไม่ต้องครับ ทุกอย่างเนื้อซัดเนื้อ หมัดซัดหมัดกันไป

ฉากไล่ล่าก็มีลูกเล่นพอดี ๆ คือไม่ต้องระเบิดอลังการอะไรมากครับ แค่ให้พอหวาดเสียว ซึ่งจุดขายที่เด็ดสุด ๆ ยังไงก็คือการเล่นจริงนี่แหละ มันให้อารมณ์อีกแบบจริง ๆ นะครับ มันคืออารมณ์แบบที่คอหนังสไตล์เฉินหลงโปรดเป็นหนักหนา

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1 องค์บาก ถือว่าเป็นหนังไทยที่ประสบ องค์บาก 1 เต็มเรื่อง 037 ความสำเร็จสูงสุดในตลาดโลก แม้ว่าความสำเร็จนี้ยังไม่มากเท่าหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่องของหลายชาติ แต่เป็นความสำเร็จสูงสุดของหนังไทยในรอบประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยช่วงสัปดาห์แรกเข้าฉายกลางเดือนกุมภา หนังทำรายได้ในอันดับที่ 17 ของอเมริกา ทั้งที่เข้าฉายเพียง 361 โรงทั่วประเทศ หรือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของโรงฉายหนังที่ได้อันดับหนึ่ง

แม้ว่าหนังไทยเรื่องใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดโลก จะต้องสร้างสรรค์แนวทางของตัวเองเท่านั้น แต่การรับรู้ทัศนะของนักวิจารณ์ต่างประเทศที่มีต่อ ‘องค์บาก’ น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีเพื่อการก่อตัวความคิดใหม่ของนักสร้างภาพยนตร์ไทย

ที่หวังให้หนังเป็นที่ยอมรับของคนดูต่างชาติต่างภาษาด้วย

บทสรุป

“ปรัชญา ปิ่นแก้ว” รับหน้าที่เป็นผู้กำ องค์บาก1 ต้นฉบับ กับในโครงการหนังฟอร์มดีจากค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่ถือว่าเรื่องนี้เข็นออกมาฉายตั้งแต่ต้นปี เพื่อมาเป็นโปรแกรมทองต้อนรับเทศกาลตรุษจีนในปีนั้น และ ถือว่าเป็นความสำเร็จชั้นเยี่ยมให้กับแวดวงหนังไทย ที่ตอนนั้นถือว่าเป็นยุคทองของวงการเลยทีเดียว

หนังกวาดรายได้ทั่วประเทศไปได้กว่า 124 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 5 ของหนังทำเงินสูงสุดในไทยประจำปี 2546 และ เป็น 1 ในหนัง 5 เรื่อง ที่ทำเงินได้แตะร้อยล้านในปีนั้นด้วย

นอกจากจะได้ จา พนม มาเป็นนักแสดงนำหลักของเรื่องนี้ หนังยังมีดาราสมทบอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “หม่ำ จ๊กมก”, “แอร์ ภุมวารี”, “สุเชาว์ พงษ์วิไล”, “บ๊วย เชษฐวุฒิ” หรือ “ชุมพร เทพพิทักษ์” และ หนังยังได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำได้ถึง 4 สาขารางวัลด้วย

ไม่เท่านั้นหนังยังมีโอกาสได้เฉิดฉายในตลาดหนังโลก และ ออกฉายไปในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้กวาดรายได้จากทั่วโลกไปได้กว่า 20 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทยในสมัยนี้นั้นเรียกได้ว่าไปไกลเอามากๆแล้ว ซึ่งภาพยนตร์ไทยสไตล์ GANGSTER นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังไทย gen ใหม่เลยก็ว่าได้ จากผู้กำกับ หนังไทยnetflix ภาพยนตร์สยองขวัญ หากคนไทยแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่มีภาพยนตร์สยองขวัญ ส ปอย หนัง สัญชาติไหนที่น่ากลัวไปกว่าภาพยนตร์สัญชาติไทยของเราอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมความเชื่อหรือแม้แต่ความใกล้เคียงกันเขาสิ่งแวดล้อมในภาพยนตร์ และ ที่ขาดไปไม่ได้เลย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ก็คือฝีมือของผู้กำกับทำให้ภาพยนตร์เหล่านี้สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับเราได้เป็นอย่างดีดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ แบบเต็มปากว่าผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จในไทยนั้นถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีความสามารถในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

หนังเรื่องนี้บอกตามตรงว่าตอนที่ได้ดูตัวอย่างไม่ได้หวังเลยว่ามันจะดี พอได้มาดูจริงก็พบว่าไม่ผิดหวังแต่อย่างใด หนังเต็มไปด้วยคนดัง (ที่ผู้โพสท์ต้องขออภัยไม่ค่อยรู้จักจึงไม่ได้เน้นในการพูด) คงเป็นจุดขายของหนัง

เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินกระแสว่ามีเด็ก ๆ อยากดูกันมาก และ เรียกร้องให้มีรีวิวเพื่อการตัดสินใจเทียบกับร่างทรง เราดูแล้วก็อยากบอกเด็ก ๆ ว่า ถ้าตัวเลือกในการตัดสินใจของน้องนี้มีแค่ 2 เรื่อง ก็ฉีกกระดาษคำตอบเสียเถอะครับ

ถ้าน้องมีใจที่ตั้งใจสนับสนุนผลงานคนไทยไม่สนใจดูหนังเรื่องอื่นที่คงต้องเป็นหนังต่างประเทศก็เก็บเงินค่าดูไว้ซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อปหรือทำอย่างอื่นอาจช่วยเหลืออนาคตประเทศชาติได้ดีกว่า

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม โกงพลิกเกม Game Changer เป็นหนังสไตล์แอคชั่น game changer หนังไทย ระทึกขวัญ ที่โฟกัสเรื่องราวของกลุ่มอันธพาลเพื่องพ้องในเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และ กลุ่มแก๊งครองอิทธิพลไปทั่วเมือง พวกเขาทั้ง 4 คนเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ทำงานให้กับบอส ที่คอยควบคุมแก๊งต่าง ๆ ในพื้นที่ให้อยู่ในความสงบ และ ทุกแก๊งจะต้องส่งส่วยให้เป็นประจำ แต่เกมเปลี่ยนไปเหมือนกระดานพลิก เมื่อเกิดอุบัติเหตุกับบอส พวกเขาจึงได้วางแผนเล่นเกมโกงบ้า ๆ กันต่อ โดยที่นำตัวเองเข้าสู่อันตรายที่แทบจะไม่มีทางรอดตายได้เลย

นี่คือผลงานใหม่ของผู้กำกับ “ทิวา เมยไธสง” (จาก เกมปลุกผี) ที่ช่ำชองกับการถ่ายทอดงานสไตล์ดิบ ๆ เถื่อน ๆ กับประสบการณ์ที่สั่งสมในหนังหลายเรื่อง

แต่สำหรับในเรื่องนี่อาจจะเปลี่ยนแนวเล็กน้อย ตรงที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผีสางวิญญาณที่มองไม่เห็นตามฉบับในหนังหลาย ๆ เรื่องที่เขาเคยสร้าง แต่พลิกมาเล่นกับพฤติกรรม และ ผลการกระทำของมนุษย์แทน ที่น่าจะค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับในระดับหนึ่งเลย

เรื่องย่อ

รีวิว โกงพลิกเกม

‘โกงพลิกเกม’ เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนติดเกม ‘ตี๋’ (โต้ง Twopee), ‘คิด’ (ทอม อิศรา), ‘ตึก’ (ปอนด์ คุณพัทธ์) และ ‘ซิม’ (ซิม คิวเท) ที่อยู่ดี ๆ ต้องกลายมาเป็นลูกน้องคนสนิทของ ‘บอส’ นายใหญ่ประจำเมืองสมมติ ที่ภายในเมืองนั้นมีกลุ่มแก๊งมากมายอาศัยอยู่

โดยแต่ละแก๊งต่างก็ยึดครอง และ ทำธุรกิจมืดแตกต่างกันไป พร้อม ๆ กับการหวังจะแย่งชิงพื้นที่หากิน โดยแก๊งวัยรุ่นทั้ง 4 ต้องออกตระเวน ‘เก็บเหรียญ’ หรือเก็บเงินค่าคุ้มครองจากทุกแก๊ง

จนกระทั่งวันหนึ่ง บอสเกิดเสียชีวิตกะทันหัน คิด หัวสมองของแก๊งจึงได้เริ่มต้นคิดวางแผนยึดเมือง และ ใช้ ‘เกม’ ในการเปลี่ยนแปลงระบบที่เคยเป็นมาแต่เดิม พร้อมกับสวมรอยทำหน้าที่แทนบอสเสียเอง

พร้อม ๆ กับการที่ตี๋กำลังจะมี ‘รักต้องห้าม’ ซึ่งอาจนำพาเขา และ เพื่อนไปเผชิญกับอันตรายมากมาย รวมถึงการกลับมาของ ‘จอห์นนี่’ (เดย์ ไทเทเนียม) ขาใหญ่อีกคนที่ต้องการกลับมาประกาศศักดาอีกครั้งหลังจากพ้นคุก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โกงพลิกเกม

โกงพลิกเกมเป็นภาพยนตร์ที่หาก game changer พากย์ไทย พิจารณาดูให้ดีแล้วมันแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากภาพยนตร์เจ้าพ่อในยุค 80 เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นเส้นเหลืองหรือแม้แต่ตัวละครแต่ละตัวนั้นมีกลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์เจ้าพ่อฮ่องกงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการที่ตัวละครเอกของภาพยนตร์ต้องหลุดเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพลใต้ดินการมีความลับกับหญิงต้องห้ามการแย่งชิงอำนาจการทำมาหาเงินของเหล่าแก๊งผู้มีอิทธิพล

เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยุค 80’s อะไรแบบนั้นเลย โดยเฉพาะพอยต์หลักของหนังแก๊งสเตอร์ที่พระเอกต้องหลุดเข้าไปอยู่ในอิทธิพลมืด มีความรักต้องห้ามกับหญิงสาวที่อยู่เหนือกว่าตน และ การแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงทรัพยากรทำมาหากิน

แต่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เอาพล็อตหนังเจ้าพ่อมาใช้เลยก็ไม่ขนาดนั้น ด้วยการปรุงแต่งบท และ วิธีการนำเสนอ ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเป็นแก๊งสเตอร์ยุคใหม่ ภายใต้บทหนังเจ้าพ่อแบบดั้งเดิม

แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าภาพยนตร์ได้มีการปรับแต่งบทรวมไปถึงการนำเสนอให้มีความเป็นภาพยนตร์สมัยใหม่มากยิ่งขึ้น แต่มีกลิ่นอายภาพยนตร์เจ้าพ่อแบบเดิมความโดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือส่วนของงานภาพไม่ว่าจะเป็นการออกแบบการใช้มุมกล้องการจัดวางองค์ประกอบภาพงานคอมพิวเตอร์กราฟิกสามารถถ่ายทอดภาพแนวใหม่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่ามันจะมีความแปลกตา

หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คืองานด้านภาพครับ ทั้ง กราฟิกซีจีต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบภาพ มุมกล้อง การวางองค์ประกอบภาพ การครีเอตภาพแนวทางใหม่ ๆ ที่บ้าพลัง และ ทำออกมาได้ดี รวมถึงฉากลองเทกที่ดูแปลกใหม่

อาจจะเพราะว่าผู้กำกับเองก็มีเครดิตในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านภาพของภาพยนตร์ไทยมาแล้วหลายเรื่อง หนังเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นการปล่อยของที่หวือหวาน่าสนใจดีไม่ใช่น้อย

และ ไม่เหมือนใครก็ตามเนื้อเรื่องที่มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เน้นการใช้สติปัญญาฟาดฟันกันมากกว่าการหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้มีการผสมผสานมุขตลกเข้ามาแบบกำลังพอดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงที่เล่นใหญ่จนเกินไปทำให้ในบางฉากเรื่องราวดูโอเวอร์ และ ไม่สมจริง

อีกจุดที่เป็นจุดสังเกตก็คือ หนังเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมากครับ เยอะแบบชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องคิดจะจำชื่อตัวละครกันเลยแหละ เพราะลำพังแค่เจ้าพ่อก๊กต่าง ๆ ที่คุมธุรกิจมืดก็ล่อเข้าไปตั้งกี่คนแล้ว ไหนจะสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างกัน ที่หนังอธิบายไว้เพียงหลวม ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีตัวละครเยอะขนาดนั้นไปทำไม เพราะต่อให้เขาไปฆ่าใครหรือโดนใครฆ่า ก็ดูจะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นที่มาของซีนลอย ๆ บางซีน)

ฝีมือการแสดงที่พอจะยกนิ้วโป้งให้ได้ ก็คงเป็น’ทอม อิศรา’ ที่มีฝีมือด้านการแสดงเป็นต้นทุน และ ‘ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม’ ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง แม้จะโผล่มาในหนังน้อยมากก็ตาม ส่วน ‘คิวเทโอปป้า’ ก็คือ ‘คิวเทโอปป้า’ นั่นแหละครับ…

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม โกงพลิกเกม’ คือผลงานเรื่องใหม่ Game changer VALORANT กับค่ายห้าดาว ‘ไฟว์สตาร์ โปรดักชัน’ ของผู้กำกับที่เราอาจไม่คุ้นชื่ออย่าง ‘ทิวา เมยไธสง’ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด เพราะประสบการณ์การทำงานด้านการเป็นตากล้องภาพยนตร์ ตัดต่อ รวมทั้งยังเขาเองก็ยังเคยเป็นผู้กำกับหนังคุ้นชื่อ

โดยเฉพาะแนวสยองขวัญมากมายหลายเรื่องด้วยกัน เช่น ‘ผีช่องแอร์‘ (2005) ‘เชือดก่อนชิม‘ (2009) ‘วงจรปิด‘ (มรดกผี) (2012) ‘เกมปลุกผี‘ (2014) จะมีก็เพียงแต่ ‘รักเอาอยู่‘ (2012) ที่แหวกแนวเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ และ ผลงานใหม่ล่าสุดอย่าง ‘โกงพลิกเกม’ เรื่องนี้นี่แหละครับ

หนึ่งในองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ที่ต้องชื่นชมเลยก็คงจะเป็นงานการถ่ายภาพ ที่ผู้กำกับก็รับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพด้วยตัวเอง เพราะชิ้นงานที่ออกถือว่าคมคาย โดยเฉพาะการถ่ายทอดภาพ และ จัดแสงองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แปลกตา และ น่าสนใจ สร้างสรรค์มุมมองของเมืองพัทยาในรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยสักเท่าไหร่ มุมกล้องกับมุมภาพต่าง ๆ จึงทำออกมาได้น่าประทับใจเลยทีเดียว

แต่นั้นก็น่าจะเป็นเพียงองค์ประกอบหลัก ๆ อย่างเดียวที่เป็นข้อดีของหนังเรื่องนี้ เพราะ โกงพลิกเกม Game Changer ยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องอยู่ในหนังเต็มไปหมด เริ่มต้นที่ปัญหาหลัก ๆ คือบทหนัง ที่ยังเต็มไปด้วยรูรั่วที่ไม่มีความสมเหตุสมผลอยู่มาก ไม่สามารถขับเคลื่อนตัวละคร และ สร้างมิติให้คาแรกเตอร์ต่าง ๆ ได้ดีเท่าที่ควร แม้ประเด็นจะค่อนข้างดี แต่ยังล้มเหลวในการนำเสนออยู่ในบางจุด

บทสรุป

คงต้องบอกว่า โกงพลิกเกม Game Changer มีวัตถุดิบ Game Changer Netflix ที่ดีมาก ๆ อยู่ในมือ สามารถปลุกปั้นสร้างให้เป็นหนังแก๊งสเตอร์ดิบ ๆ เถื่อน ๆ หักเหลี่ยมเฉือนคมสนุก ๆ แบบหนังของผู้กำกับ ‘กาย ริชชี่’ ทางฝั่งฮอลลิวูดได้เลย แต่หนังก็ยังไม่มีพลังขับเคลื่อนไปถึงระดับนั้น กลายเป็นหนังที่มาแค่เพียงโจทย์ความท้าทายแบบทื่อ ๆ ง่าย ๆ แบบสูตรสำเร็จที่ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่

แม้หนังจะมีปัญหาเล่นใหญ่แบบเลยเถิดบ้าง แต่ในแง่ของพาร์ตแอ็กชันก็ต้องถือว่าไม่เสียหายนะครับ ทำได้ดีในระดับที่โอเคเลยแหละ แต่ก็นั่นล่ะครับ ถ้าจะดูเอาพาร์ตแอ็กชันสไตล์แก๊งสเตอร์ ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้

แต่ก็อาจจะต้องยอมให้สมองทำงานหนักนิดหน่อยในการเข้าใจทุกปม ทุกความสัมพันธ์ ทุกที่มา และ ที่ไปทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ เพื่อทำการปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใครรับได้กับการเล่นใหญ่ใส่ยับ (เยิน) ของหนังเรื่องนี้ ก็คงไม่น่าจะผิดหวังล่ะครับ

โดยในภาพรวมแล้ว โกงพลิกเกม Game Changer ก็จัดได้ว่าเป็นหนังไทยที่น่าเสียดายที่ยังถูกนำเสนอออกมาได้ไม่ค่อยเต็มที่เท่าที่ควรนัก แม้จะมีโครงเรื่อง และ ประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย แต่หนังขาดความน่าสนใจในการเล่าเรื่อง และ นำเสนอ การร้อยเรียงเรื่องของหนังยังน่าเบื่อ และ สะเปะสะปะอยู่ไม่น้อย จึงทำให้คนดูยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปกับท้องเรื่อง และ สถานการณ์เท่าที่ควร

แต่ก็ต้องยอมรับว่า หนังก็พยายามมอบประสบการณ์ความดิบเถื่อน และ โหดเหี้ยมในแบบที่หนังสไตล์นี้ควรจะมี หนังได้หยิบใส่เข้ามาได้ดีอยู่ แม้ว่าจะยังใส่เพิ่มเข้ามาได้มากกว่านี้ก็ตาม ดังนั้นบทหนังจึงยังเป็นปัญหาหลักในการขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถึงแม้จะชวนให้นึกถึงหนังไทยยุค 90 แนว ๆ นี้อยู่บ้าง แต่กลายเป็นว่า โกงพลิกเกม Game Changer ก็ยังไม่ใช่หนังที่น่าจดจำสักเท่าไหร่

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

หากล่าวถึงภาพยตร์ไทยกึ่งสารคดีที่เล่าชีวประวัติ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้รับชมได้มากมาย โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หนังไทยnetflix ภาพยนตร์ที่ทาง transformation films สร้างจาก ส ปอย หนัง เค้าโครงเรื่องจริงของ ‘โปรเม’ เอรียา จุฑานุกาล ที่ก้าวจากจุดที่เล็กที่สุด สู่ความเป็นมือ 1 ของโลก ที่ถูกผู้กำกับนำเรื่องราวมาถ่ายทอดเบื้องหลัง ว่ากว่าที่จะเห็นประสบความสำเร็จอยู่ ปัจจุบันที่งดงาม ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี เป็นที่รู้จักในวงการกอล์ฟ จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้างจนมายืนถึงจุดนี้ได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ผมไม่คิดว่าผู้กำกับจะกล้าที่จะนำเรื่องราวของกีฬากอล์ฟ ออกมาถ่ายทอดผ่านตัวละคร ที่จะทำให้คนทั่วไปรู้จักกีฬากอล์ฟมากขึ้น

ต้องแลกอะไรบ้างเพื่อความฝัน” อาจเป็นคำถามที่หนักหนาเพียงพอแล้ว แต่หนังยังเพิ่มความหนักอึ้งลงไปอีกด้วยคำถามว่า ความฝันเป็นสิ่งที่เราต้องการเอง หรือเป็นเพียงความต้องการของใครที่ฝังหัวเรามา แล้วความฝันนี้ยังมีค่ากับเราแค่ไหน ซึ่งนี้น่าจะเป็นโจทย์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ มากกว่าผลงานความสำเร็จของโปรเมในชีวิตจริงที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกในวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นผิวเคลือบอันหอมหวานเชิญชวนผู้ชมให้ใคร่รู้เท่านั้น และ นั่นจึงทำให้หนังเรื่องนี้มีของ แตกต่าง และ น่าสนใจกว่าหนังแนวชีวประวัติเรื่องอื่น ๆ เพราะมีภูมิหลังดรามาที่เฉพาะตัวในแบบครอบครัวเอเชียมาก ๆ

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หลายครั้งที่เราบ่น และ เห็นหลายคนบ่น ว่าเมื่อไหร่ที่บ้านเราจะมีหนังไทยที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เต็มเรื่อง ออกมาให้ได้ดูกันบ้าง ในที่สุด ปีนี้นี่แหละ ที่เราจะได้ดูหนังไทยคุณภาพที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก อีกทั้งยังเป็นหนังไทยที่เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ควรสนับสนุนหนังไทย ฝีมือคนไทย”

อย่างที่ทราบกันว่า กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ยังคงเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนไทยอยู่มาก ยิ่งเป็นการนำเรื่องราวชีวิตของ โปรเม เอรียา จุฑานุกาล มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นภาพยนตร์สารคดีหรือเปล่า แต่พอได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ และ ได้มาดูในรอบกาล่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

ต้องบอกเลยว่า นี่คือภาพยนตร์ดราม่าที่แฝงไปด้วยความบันเทิง และ ยังสอดแทรกเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างลงตัว ไม่ใช่เพียงตัวของโปรเมเอง แต่ยังมีบุคคลที่รายล้อม เช่น โปรโม พ่อสมบูรณ์ แม่เปิ้ล อาพิษณุ เต้ พี่วิน ฯลฯ ที่สำคัญ ยังสามารถอธิบายให้กับคนที่ไม่รู้จักกีฬากอล์ฟ สามารถดูภาพยนตร์ได้อย่างสนุกสนาน ต้องยกนิ้วให้กับผู้กำกับ และ นักแสดงเลยครับ

ในส่วนของภาพยนตร์กันบ้าง ภาพยนตร์เริ่มด้วยภาพเหตุการณ์หลุม 18 ในการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2013 รอบสุดท้าย ขณะที่ “โปรเม” เอรียา วัยเพียง 17 ปี ในตอนนั้นกำลังขึ้นนำ หลังจากที่ผลัดกันขึ้นเป็นผู้นำกับ ปาร์ค อินบี ก้านเหล็กชาวเกาหลีใต้ ก่อนจะพลาดออกทริปเปิ้ลโบกี้ จบเกมด้วยการพ่ายแพ้ อินบี ไปเพียงหนึ่งสโตรก

เหตุการณ์ในวันนั้น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ภาพยนตร์ได้ทิ้งปมในใจนี้ไว้ให้กับตัวของโปรเม เอรียา ก่อนที่จะเล่าย้อนไปในสมัยเด็กของครอบครัว ที่ทุก ตี 4:30 จะต้องตื่นนอน มาวิ่ง 50 รอบ ก่อนไปโรงเรียนก็อยู่เรียนแค่ 12:00 เพราะต้องไปซ้อมกอล์ฟที่สนามกอล์ฟจนถึงเย็น ก่อนจะว่ายน้ำ ทำแบบนี้มาโดยตลอด

การนำทั้งสองไปเปิดโลกที่สหรัฐอเมริกา เดินทางแข่งขัน จนมาถึงปม 1 ปมที่มีการทะเลาะในภาพยนตร์ระหว่างโปรเม และ พ่อ ก่อนภาพยนตร์จะปูเรื่องของการเดินทางของตัวละคร ทุกตัว จนถึงวันที่ โปรเม สามารถปลดล็อก ตัวเองได้ในการแข่งขัน Yokohama Tire LPGA Classic

เรื่องย่อ

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

จุดเริ่มต้นทั้งหมด มันเกิดจากพ่อคนหนึ่ง พ่อที่เชื่อว่าจะทำให้ลูกสาวสองคนไปเป็นนักกอล์ฟระดับโลกให้ได้ คุณเริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมว่าเขาเริ่มกันยังไง เรื่องราวทั้งหมดของ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และ ครอบครัวของเธอที่เริ่มต้นจากการทิ้งโลกวัยเด็กของเธอไว้เบื้องหลัง และ เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดเวลาเม และ ครอบครัว ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งเรื่องกอล์ฟ และ บททดสอบ ความยากลำบากในการใช้ชีวิต

ช่วงเวลาที่บาดเจ็บการตกลงสู่จุดที่แทบจะเรียกได้ว่าต่ำที่สุดของชีวิต ครอบครัวของพวกเธอ พาหัวใจของเธอก้าวข้ามผ่านความล้มเหลวก้าวข้ามผ่านจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตนั้นมาได้อย่างไร

เพราะความพยายามที่ไม่เคยหยุดไม่ว่าจะผิดหวัง ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนเธอยังคงเดินหน้าจนติดท็อปเท็นของโลกไปได้ในตอนนี้ รวมถึงสร้างปรากฏการณ์ให้วงการกอล์ฟโลก และ ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวที่จะเป็นแรงผลักดันให้กับทุกคนที่มีฝัน ทำทุกอย่างทุกวิถีทาง เพื่อไปให้ถึงฝันนั้นแบบ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และ ครอบครัวของเธอ “โปรเม” อัจฉริยะต้องสร้าง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

หนังขาดการอธิบายหลาย ๆ สิ่งให้คนดูรู้สึกถึงเหตุ และ ผล จนเหลือแค่ชีวประวัติน้ำ ๆ ตามรอยเส้นทางการแข่งขันของโปรเมแบบผิวเผินเท่านั้น โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เต็มเรื่อง พากย์ไทย ซึ่งถ้าอยากรู้จักชีวิตโปรเม และ พี่สาว แค่ค้นหากูเกิลหาอ่านบทสัมภาษณ์ทั่วไปยังมีเรื่องราวด้านต่าง ๆ มากกว่าในหนังอีกด้วยซ้ำ (เปิดใจโปรกอล์ฟ 2 พี่น้องหนึ่งของโลก ‘โปรโม-โปรเม จุฑานุกาล’ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้ง่าย!!!)

แต่ยังดีที่นักแสดงที่เล่นเป็นโปรเมมีความเป็นธรรมชาติ ดูแล้วรู้สึกได้ถึงอินเนอร์ความมุ่งมั่นได้อยู่ ทำให้หนังยังมีความลื่นไหลจากการแสดงไม่ขัดตาของตัวละครหลัก ทำให้เอาใจช่วยได้อยู่บ้าง แต่ในส่วนของโม พี่สาวของโปรเมที่เป็นนักกอล์ฟกลับไม่มีบทที่ช่วยส่งเสริมเรื่องราวของน้องสาวเท่าใดนัก กลายเป็นเหมือนแค่ตัวประกอบในเรื่องราวที่โมอยู่ฝ่ายแม่ ตรงข้ามกับเม หลังถูกพ่อยึดตัวไป ซึ่งหนังเน้นแต่ชีวิตของโปรเมเป็นหลักเพียงเท่านั้น

นักแสดงนำทุกคนมีพลังการแสดงอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะคุณเอก ธเนศผู้เล่นเป็นพ่อของโปรโม-โปรเม คนนี้คือพลังล้นเหลือจริง เล่นดีจนกลัว เค้าไม่ได้อยู่ในหนังตลอดเรื่องเพราะมันจะมีช่วงที่สองโปรต้องห่างจากพ่อไป

แต่สิ่งที่เค้าสร้างมาตั้งแต่ต้น ทั้งความโหด ความกดดันต่าง ๆ มันสร้างบรรยากาศมาคุให้หนังตลอด สื่อให้เห็นชัดเจนเลยว่าพ่อมีอิทธิพลต่อโปรสาวทั้งสองแค่ไหน

เราชอบซีนระเบิดอารมณ์ระหว่างพ่อกับโปรเมที่ร้านอาหาร หลังจากพ่อเดินออกไป โปรเมนั่งกินสเต๊กที่พ่อกินค้างไว้ต่อทั้งน้ำตา ในจานของพ่อนั้น พ่อหั่นสเต๊กเป็นชิ้นพอดีคำไว้ก่อนแล้ว ชอบการสื่อความหมายที่จะบอกเป็นนัย ๆ ว่า โปรเมจะสานต่อความฝัน และ เป้่าหมายที่พ่อสร้างไว้

จุดเสียในหนังที่เห็นชัดมาก ๆ คือความคลุมเครือหลายอย่างที่ลืมเล่าให้เคลียร์แล้วทิ้งความสงสัยในใจคนดูแบบไม่จำเป็น อย่างตัวตนของพี่ยุ้ยที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามา นิสัยการเก็บฝาขวดของโปรเมที่ไม่ได้ขยายความ และ ที่หนักหนาสุดคือแรงจูงใจที่มาที่ไปในการมีเป้าหมายแรงกล้าของตัวละครพ่อว่าทำไมต้องยึดติดแชมป์โลกกีฬากอล์ฟขนาดนั้น ซึ่งกลายเป็นทำให้ตัวละครลึกไม่สุดมีมิติไม่สุดไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หนังเรื่อง โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง โปรเม ประวัติ ภายใต้การผลิตของค่ายหนังทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม (ตุ๊กแกรักแป้งมาก, มิสเตอร์เฮิร์ทฯ) จัดว่าดีเกินความคาดหมายของเรา และ ดีเกินมาตรฐานหนังไทยไปมาก มีหลายโมเมนต์ที่เรานึกว่ากำลังดูหนังต่างประเทศอยู่ สรุปสั้น ๆ ตรงนี้ได้เลยว่า รับรองว่าไม่ผิดหวัง และ ไม่เสียดายตังค์แน่นอน

โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง เป็นเสมือนหนังกึ่งชีวประวัติ สร้างจากเรื่องจริงอันเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจของสองพี่น้องนักกีฬากอล์ฟสาวไทยติดอันดับโลก “เม เอรียา & โม โมรียา จุฑานุกาล”

เราเองก็แทบไม่เคยดูกอล์ฟ และ มีความรู้เกี่ยวกับกอล์ฟเท่ากับศูนย์ แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้ และ ดูสนุกทั้งเรื่อง เพราะ โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง ไม่ใช่หนังเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ หากแต่เป็นหนังของคนคนหนึ่ง… ครอบครัวครอบครัวหนึ่ง… ที่ไม่ยอมแพ้

แม้ว่าหนังจะมีพาร์ทเกี่ยวกับกอล์ฟอยู่บ้าง แต่หนังก็เล่าส่วนนี้ออกมาได้เข้าใจง่ายโดยไม่ต้องเลคเชอร์ เอาเป็นว่า นี่เป็นหนังเล่าชีวิตนักกอล์ฟสาวไทยที่แม้แต่คนที่ดูกอล์ฟไม่เป็นเลยก็สามารถดูรู้เรื่อง คล้าย ๆ กับหนังฝรั่งเรื่อง Whiplash ที่เราก็ดูสนุกได้ ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องกลองหรือดนตรีแม้แต่น้อย

บทสรุป

เป็นภาพยนตร์ไทยคุณภาพอีกเรื่อง โปรเมย์ ที่สร้างแรงบันดาลใจ…โดยเฉพาะน้อง ๆ นักกอล์ฟเยาวชนควรมาดูอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกาล่า​พรีเมียร์​เมื่อวานนี้​ สำหรับองค์ประกอบรวมของภาพยนตร์ ผมมองว่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ (ในฐานะที่ผมไม่ค่อยดูหนังไทยเท่าไหร่)

การดำเนินเรื่องราว ปมของตัวละคร ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ต้นจนถึงจบ ไปดูแล้วได้รู้จักกับตัวตนของโปเม มากขึ้น ได้แรงบันดาลใจมากขึ้น สำหรับใครที่กำลังท้อแท้ หรือหมดแพชชั่น ลองไปดูนะครับ โดยเฉพาะน้อง ๆ นักกอล์ฟตัวเล็ก ๆ ที่ฝันอยากเป็นเหมือนพี่เม พี่โม คุณพ่อคุณแม่ยิ่งควรให้มาดูอย่างยิ่งขอให้คะแนน 8/10 เลยนะครับ

และ สำหรับใครที่กลัวไปดูแล้วจะไม่อินกับหนัง สามารถเข้าไปอ่านคอนเทนต์ ย้อนไทม์ไลน์ชีวิตจริง รู้ไว้ก่อนดู ‘โปรเม อัฉริยะ ต้องสร้าง’ ได้เลยครับ ผมให้คะแนนสำหรับหนังเรื่องนี้ 8/10

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

สวัสดีครับ นี้เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ผมอยากมาแนะนำในวันนี้ ส ปอย หนัง หนังได้เรื่องนี้เล่าถึง สตั้นท์กลุ่มหนึ่ง ที่ได้ทำการเข้าแข่งขัน เพื่อที่จะได้เป็นนักแสดงหนังคิวบู๊ ดูหนังฟรี ซึ่งหลังจากฟาดฟันกันมา ก็เหลือสองทีมที่เก่งสุด มาชิงที่หนึ่ง ซึ่งการชิงที่หนึ่ง หนังไทยย้อนยุค คือการกระโดดปีนป่ายเพื่อแย่งของกันหนึ่งชิ้น 2นาทีจบ … เหอเหอ นึกว่าจะซัดอะไรกันมันส์กว่านี้ ดูหนังออนไลน์ พี่ชิงที่หนึ่งกันนะครับ แข่งเป็นทีมด้วยแต่ดันส่งคนเก่งแข่งคนเดียว เตรียมพบการกลับมาของหนังในตำนาน “โคตรสู้ โคตรโส” หรือ “Bangkok Knockout” ภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี 2553 และสร้างชื่อคว้ารางวัลรางวัลสตันต์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์แอ็คชั่น เฟสต์ ปี 2554 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีนักแสดงชื่อคุณภาพอย่าง ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, กระแต-ศุภักษร ไชยมงคลม, สรพงษ์ ชาตรี, เสนา หอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค, แพทริค คาซู แทงค์ และกลุ่มนักบู๊ไฟท์ติ้งคลับ ร่วมแสดง อีกทั้งยังได้ พันนา ฤทธิไกร นั่งแท่นผู้กำกับคิวบู๊ เรียกว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมกันเลยทีเดียว

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส โคตรสู้ โคตรโส (Bangkok Knockout) เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นไทย โครตสู้โครตโส 037 ที่ได้นำเสนอรูปแบบศิลปะการต่อสู้หลากรูปแบบไม่ว่าจะเป็น มาร์เชี่ยลอาร์ท, คาโปเอร่า, ฟรีรันนิ่ง, ไทเก็ก, เทควันโด, กังฟู และมวยไทย กำหนดฉายในประเทศไทยครั้งแรก 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ออกแบบฉากต่อสู้โดยพันนา ฤทธิไกรและมรกต แก้วธานี โดยใช้เวลาในการออกแบบกว่า 1 ปี ร่วมกับทีมสร้างภาพยตร์ชุด องค์บาก, ต้มยำกุ้ง, ช็อคโกแลต และจีจ้า ดื้อสวยดุ

ซึ่งมีนักแสดงสมทบอย่าง ชัชพล อภิชาติ, กิติศักดิ์ อุ่นจิตต์, สำเร็จ เมืองพุทธ, ธนวิช วงศ์สุวรรณ, ภุชงค์ ศาสตร์นอก, วิรัช เข็มกลัด, ศราวุธ คำสอน, ปุญญพัทร บุญคุณชนก และ วินัย เวียงย่างกุ้ง ที่ได้แสดงรูปแบบศิลปะการต่อสู้หลากแขนงในภาพยนตร์ชุดดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

กลุ่มของนักศึกษาผู้มีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้ซึ่งมีชื่อว่า “Fighting Club” ได้แยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของตนภายหลังจากสำเร็จการศึกษา ต่อมาพวกเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในการเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นฮอลลีวูด ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น

เมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมาก็พบว่างานสังสรรค์นี้ได้กลายเป็นสถานที่ที่มีแต่ความเงียบงัน เพื่อนของพวกเขาถูกจับตัวไป ทั้งยังมีมือสังหารคอยกำจัดพวกเขา นั่นได้ทำให้พวกเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเป็นฝีมือที่เกิดขึ้นจากพวกใด

และมีสาเหตุอะไรที่ต้องทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีเพียงทางเลือกเดียวในการช่วยเหลือพวกพ้องของตน

นั่นคือการร่วมมือกันต่อสู้กับเหล่าร้าย พร้อมกันนี้เหล่านักสู้ที่เหลือก็ต้องพบความจริงอันน่าเจ็บปวดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้มีบางคนในกลุ่มของพวกเขาหักหลังไปเข้ากับเหล่าร้ายพร้อมกับจัดฉากสร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้น

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

ถ้าเรามาพูดถึงในด้านของข้อเสียในเรื่องนี้ ชัชพล ศิริกุลวุฒิชัย อย่างเเรกเลยคือ “ฉากการชิงเเชมป์ในตอนเเรก” ใครที่ได้ดูมาเเล้วคงรู้ว่า คุณเหลืออยู่ 2 ทีมเเละชิงเเชมป์เพื่อไปเเสดง ฮอลลีวู้ด เเต่รอบชิงเเชมป์กลับทำได้เเค่ “ปืนเพื่อไปเก็บกล่อง” เเค่นี้หรอครับ คือ มันติ๊งต๊อง มากไปหน่อยไหมหละครับ

นอกจากนี้นั้นเรื่องใหญ่เลยคือ เรื่องบท ที่อ่อนมาก ๆ โดยเฉพาะ งานเลี้ยง นั้น อะไรมันจะไปตรงกัน เป๊ะ ๆ กับพวกที่ตัวร้ายจัดหรืออะไรเเบบนี้ บลา บลา ไม่รู้จะอธิบายยังไงเเล้ว กับบทที่อ่อนมาก ๆ กับเรื่องนี้ รวมทั้งการที่พยายามจะทำเป็น หักมุม ในตอนจบ ซึ่งใช้มุขเก่า ๆ + บทเนื้อเรื่อง ที่ออกไปเเนว หนังฮอลลีวู้ด นั้น ทำออกมาไม่ดีทั้งสิ้น

ซึ่งนอกจากความมันส์เเล้วนั้น นักเเสดงในเรื่องนี้ที่อยากพูดถึงเลยนั้นก็คือ พวกกลุ่มสตันท์ ทั้งหลายนั้นเเหละ รู้สึกเรื่องนี้เหมือนเอามาเป็น นักเเสดงทดลอง ยังไงไม่รู้เเหะ ให้สตันท์ มาเล่นเป็นพวกพระเอก อย่างบอกเลยว่า “ท่าของเหล่าสตันท์ นั้นสวยมาก โดยเฉพาะฉากเตะ ๆ ต่อย ๆ ไม่รู้ออกเเบบ + ทำมาได้อย่างไร”

เเต่ในด้านการเเสดงอยากบอกเลยว่า “สอบตก” อย่างเเรก + ขัดหู ขัดตา อย่างมากเลยหละครับ กับการเเสดง ฉากคุยกัน เหมือนกับ อ่านบท ยังไงยังงั้น เเต่ก็ต้องยอมรับกับเขาจริง ๆ เเหละ ว่าฉากเเอ็คชั่น เหล่าสตันท์ เล่นกันได้ดี + ลื่นไหล กันทุกคน โดยเฉพาะ คนนึงในกลุ่ม จำชื่อไม่ได้ เเต่ท่าสวยมากครับ

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส ได้มีโอกาสดูเรื่องนี้ตั้งเเต่ รอบสื่อ เเล้วหละครับ พอดีได้บัตรฟรีไปดูมานะครับ ดูหนัง โคด สู้ โคด โส เรื่องนี้ก่อนดูก็ไม่ได้ คิดอะไรอยู่เเล้ว ส่วนตัวเห็นตัวอย่าง เเล้วก็ออกเเนว เฉย ๆ เเนวโน้มไปด้าน อยากดู ก็มีบ้าง

เรื่องนี้นั้้นเป็นผลงานการออกเเบบฉากเเอ็คชั่นโดยผกก.ไทยมากมาย ส่วนหนังจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลยครับ

โคตรสู้ โคตรโส , เรื่องราวเริ่มต้นที่การเเข่งขัน เพื่อชิงการได้ไปเเสดงเป็น ดาราฮอลลีวู้ด โดยพระเอกของเรานั้น ที่มีกลุ่ม นักสู้ อย่าง Fighting Club นั้น ซึ่งพวกเขาก็ได้ผ่านเข้ามาในรอบสุดท้าย ซึ่งภายในตอนหลังนั้น พวกเขาก็ได้ ชนะ ทีมที่เขาเเข่งขันด้วย พวกเขา จึงได้จัดงานเลี้ยง

โดยในงานนั้น มีกลุ่ม Fighting Club ของพวกเขา + น้องสาวของเขาอย่าง “ใบเฟริน” เเละ เพื่อนหญิงอย่าง “จอย” รวมทั้ง นักดนตรีหลงทาง (เสนาหอย)

ซึ่งภายในวันต่อมานั้น พวกเขาได้ตื่นขึ้นมาเเละกลับพบว่า พวกเขาได้โดนมอบยา เเละ ถูกจับไปไว้ที่ไหนไม่รู้สักเเห่ง ซึ่งภายในตอนหลังพวกเขาก็ได้พบความจริงว่า นี้คือ “บททดสอบของพวกเขา”

โคตรสู้ โคตรโส ผลงานกำกับเอง เล่นเอง ของ พันนา ฤทธิไกร ที่ข้อดี ข้อเสีย มีมากมาย เเละ ต่างกันออกไปอีกเเล้ว ขอเริ่มจาก ข้อดี ง่าย ๆ ของหนัง เเละ การพัฒนา ของฉากเเอ็คชั่นไทย ซึ่งอย่างเเรกเลยคือ เรื่องนี้คนดูก็ต้องอยากรู้อยู่เเล้วว่า ฉากเเอ็คชั่น นั้นมันส์ไหม

ผมอยากบอกได้เลยครับว่า “มันส์” ไม่รู้เพราะอะไรนะครับ เเต่ว่า ช่วงนี้อยากชมเลยว่า “เเอ็คชั่นไทย” นั้นได้พัฒนาเเล้ว เเละเรื่องนี้ถ้าให้เทียบกับหนังที่เข้าฉายปีเดียวกันอย่าง “อินทรีเเดง”

ในด้านความมันส์เเล้วนั้นต้องบอกเลยว่า มันส์น้อยกว่า อินทรีเเดง เเค่นิดเดียวเท่านั้นเองครับ เเละถ้าให้เปรียบเรื่องนี้ไปกับหนังเเอ็คชั่นในค่ายของ สหมงคล ก็ต้องบอกเลยว่า มันส์เท่าเทียบกับพวกรุ่นพี่อย่าง องค์บาก หรือ ต้มยำกุ้ง ได้เลย (อันนี้นับเฉพาะความมันส์)

บทสรุป

โคตรสู้ โคตรโส เป็นเรื่องราวของ ไฟท์ติ้งคลับ โครตสู้โครตโส เต็มเรื่อง ที่เกิดจากการวมตัวของกลุ่มนักศึกษาผู้หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ หลังจากเรียนจบสมาชิกในคลับต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของชีวิต ก่อนที่ทุกคนจะได้รับเชิญให้มางานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองการได้เป็นนักแสดงแอคชั่นของฮอลลีวู้ด

จึงทำให้พวกเขาได้มีโอกาสรวมตัวกันอีกครั้ง โดยมีกลุ่มไฟท์ติ้งคลับ และน้องสาวของเขาอย่าง “ใบเฟิร์น” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เเละ เพื่อนหญิงอย่าง “จอย” (กระแต-ศุภักษร) รวมทั้ง นักดนตรีหลงทาง (เสนาหอย เกียรติศักดิ์) ร่วมปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเเอ็คชั่น เเนว ดูเพลิน ๆ มันส์ ๆ ที่มีข้อเสียเรื่องบท อย่างเเรง นักเเสดงที่บางตัวละครออกน่ารำคาญ พูดเหมือนอ่านบท เเต่ถ้าดูเฉพาะฉากเเอ็คชั่นอยากบอกเลยว่า คุ้มมากครับ เพราะว่ามันส์ดี

เเต่ถ้าใครชอบดูบทหนัก ๆ เรื่องนี้ปล่อยผ่านได้เลยครับ ถ้าดูเพลิน ๆ ก็ดูเลยค้าบ

รีวิว แช่ง chaeng

รีวิว แช่ง chaeng

สวัสดีครับก็เรียกได้ว่าประเทศไทยเรานั้นอยู่คู่มากับตำนานผีๆพื้นเมืองมานานแล้ว สำหรับหนังผี แช่ง เรื่องนี้นั้น หนังไทยnetflix เป็นผลงานกำกับของ จิต กำเหนิดรัตน์ ซึ่งเคยกำกับหนังร่วมในเรื่อง เลิฟอะรูมิไลค์ รักอะไรไม่รู้ (2558) และ ยังเป็นอาจารย์สอนพิเศษ ดูหนังฟรี ภาควิชาภาพยนตร์ วิชา Art of storytelling ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (2553 -2556) นอกจากนี้ยังมีผลงานกำกับ ดูหนังออนไลน์ หนังทุนกระทรวงวัฒนธรรมเรื่อง Eternal นิรันดร์ (2554) อีกด้วย สำหรับเรื่องแช่งนี้นับเป็นการกำกับเดี่ยวครั้งแรกกับหนังค่าย มันเวิร์ก และ เช่นเดิม ยังสามารถดึงดาราระดับคนดูรู้จักดีมาร่วมเล่น ส ปอย หนัง ได้มากมาย ทั้ง เดวิด อัศวนนท์ ในตอน วิปลาส, ชิน ชินวุฒ อินทรคูสิน กับ วรรณปิยะ ออมสินนพกุล หรือ กวาง เดอะเฟซ ในตอน Tattoo และ หน่อง ธนา ฉัตรบริรักษ์ น้องชายของ บอย ปกรณ์ ในตอน สาปแช่ง

นอกจากเนื้อหาที่วางปริศนาน่าติดตาม นัยยะที่ซ่อนคมคาย วิธีการหลอน ที่แปลกใหม่ หนังยังมีโปรดักชั่นที่จัดว่าดีน่าสนใจทั้งการถ่ายภาพ วางสี โลเกชั่น คอสตูม และ ที่น่าจะต้องพูดถึงคือเอฟเฟกต์ การแต่งหน้าผี ทำปีศาจ รวมถึงซีจีที่พอดีไม่มากน้อยเกินไป พูดได้ว่าหนังโดยรวม เป็นหนังไทยนอกสายตาที่ แอบดี แอบมีของ น่าลองดูอยู่ไม่เบาเลยทีเดียวล่ะ

รีวิว แช่ง chaeng

รีวิว แช่ง chaeng

รีวิว แช่ง chaeng หนังผีไทย มักชอบทำแนวหลายเรื่องสั้น แช่ง เต็มเรื่อง รวมร่างกัน มีธีมร่วมบ้าง หรือ บางทีก็เป็นโปรเจ็กต์ รวมทีมงานต่างสไตล์ ของค่ายเท่านั้น และ แช่ง ก็เป็นหนังไทยเรื่องล่าสุด ที่ทำหนังสั้น 3 ตอนรวมกันภายใต้ธีมเดียวกัน คือ คำสาปแช่ง ต่างที่มา ต่างวิธีการ ต่างยุคสมัย และ ต่างเหตุผลซึ่ง ถือว่าความตั้งใจ และ แนวคิดนั้น น่าสนใจอยู่ไม่เบา แม้หน้าหนังจะดูช่างเดิม ๆ และ ไม่มีอะไรเสียเลย แต่หนังตัวอย่าง ที่ปล่อยมาก็กลับทำให้เห็นว่ามันมีของเล่นแปลกใหม่ ที่น่าติดตาม เป็นการทดลองและบูชาการเล่าเรื่องผี ในหลายหลากวิธีการ และ เมื่อได้ดูตัวหนังเต็ม ก็พบว่าผู้สร้างไม่ได้แค่อยากทำหนังผีทั่ว ๆ ไป แต่ยังทดลอง และ นำเสนอกระบวนการคิดวิพากษ์สังคมไทยอย่างมีชั้นเชิงด้วย

การดำเนินเรื่อง

รีวิว แช่ง chaeng

หนังแบ่งออกเป็น 3 เรื่องย่อย ซึ่งไม่มีความเกี่ยวของกัน ภาพรวมคือเราชอบไอเดีย แช่ง เต็มเรื่อง 037 หนังที่อยากเล่นเรื่องคำพูด หรือ คำสาปแช่งที่ออกมาจากปากของเราโดยตั้งใจ หรือ อาจไม่ตั้งใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อตัวเอง และ คนอื่น เราว่าเป็นไอเดียที่ดีมาก ๆ ทั้ง ๆ 3 เรื่องขอชมในเรื่อง ของงานภาพก่อนเลย ภาพ แสง สีสวยมาก ๆ จัดองค์ประกอบของภาพได้สวย โดยเฉพาะเรื่องที่ 2 ชอบมุมกล้องหลาย ๆ มุม

เนื้อหาแต่ละตอน

รีวิว แช่ง chaeng

1: วิปลาส

โจเซฟ (เดวิด อัศวนนท์) บาทหลวงวัยกลางคนได้รับเบาะแสการตายของเพื่อนบาทหลวงผู้ทำหน้าที่มิชชันนารีในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง โดยเบาะแสนั้นก็คือเครื่องบันทึกแผ่นเสียงการแสดงละครรำในคืนที่เชื่อกันว่าเป็นต้นตอของคำสาปที่ทำให้คนในหมู่บ้านค่อย ๆ ล้มตายไปกว่าครึ่ง

โดยเสียงเพลงที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงร้องที่ไพเราะประหนึ่งนางอัปสรบรรเลงพิณ แต่กลับให้ความรู้สึกโหยหวนราวกับเสียงของปีศาจ โจเซฟจึงตัดสินใจออกไปตามหาต้นตอของเรื่องราวทั้งหมด จนพบกับความจริงที่ค่อย ๆ เผยให้เห็นถึงด้านมืดของจิตใจมนุษย์ และ ต้นตอของคำสาปที่น่าสะพรึงกลัว เชิญพบจุดจบที่น่าเวทนาในบรรยากาศความลึกลับน่ากลัวของบรรยากาศบ้านป่าของประเทศสยามในปลายรัชสมัย รัชกาลที่ 6 ที่ความเจริญยังไม่รุกคืบความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์

2: Tattoo

เฟรดดี้ (ชิน ชินวุฒ) หนุ่มช่างสักฝีมือดีที่ใช้ชีวิต ให้ผ่านไปแต่ละวัน หลังจากที่ต้องเลิกรากับหญิงสาวนาม เฟิร์น (กวาง วรรณปิยะ) ผู้เป็นรักเดียวของเขา จนกระทั่งวันหนึ่งเฟิร์น กลับมาหาเขาพร้อมกับความน่าสะพรึงกลัวบางอย่าง ที่ตามหลอกหลอน และ พาให้คนรอบตัวของเธอ ต้องพบกับความหายนะ จากคำสาปแช่ง อันเกิดจากความลุ่มหลง จมสู่กิเลสอันลึกล้ำ และ ดูเหมือนคำสาปนั้นจะเข้าจู่โจม เชส เพื่อนของเฟรดดี้ที่หลงมาหลงรักเฟิร์นโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วย

เฟรดดี้จึงตัดสินใจที่จะป้องกัน และ ขัดขวางไม่ให้เรื่องราวเลวร้าย เกิดขึ้นกับคนที่เขารักทั้ง 2 แม้ต้องเผชิญกับความผิดบาปที่ทั้งสองต่างมีส่วนร่วมสร้างมันขึ้นมาแบกไว้ที่ตนเอง เล่าผ่านด้วยอารมณ์ความรักอันแสนอึมครึม และ ความเย็นเยียบที่กัดกินความเหงาของหนุ่มสาวสมัยใหม่ท่ามกลางความวุ่นวายในเมืองหลวง

3: สาปแช่ง

ซัน (หน่อง ธนา) ชายหนุ่มผู้ซึ่งพยายามเป็นที่ยอมรับ และ เป็นสามีที่ดีของจีจี้ผู้เป็นภรรยา วันหนึ่ง เขาเกิดจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงสามวันที่ผ่านมา และ เขารู้สึกว่ามีอะไรตามหลอกหลอนเขาตลอด จนคนรอบข้างต้องหาวิธีช่วยเหลือเหตุการณ์ที่เขาต้องเผชิญ ปะติดปะต่อกันถึงสาเหตุของความทรงจำที่หายไป ท้ายสุดทุกอย่างก็ถูกเฉลย และ ทุกคนก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นอันเกิดจากพวกเขาเอง

นี่เป็นตอนที่ทดลองอะไรมากสุด มีของเยอะมาก แต่ปล่อยมาชนปนเปมั่วไปหน่อย ทำให้พล็อตหลักเลือนลาง และ กลายเป็นตอนที่เฟลที่สุดใน 3 ตอน ช่วงแรกนั้นหนังทำได้ค่อนข้างดีกับการผูกปริศนาซึ่งเหมือนเป็นเทคนิคการเล่าที่ผู้กำกับใช้มาตลอดทุกตอนให้คนสนใจติดตามค้นหาความจริง ทว่ากับตอนนี้นั้นกลับใส่ทิศทางของปริศนามามั่วเกินไป ทั้งเรื่องผี ผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายแฟนของพระเอก ภาพหลอนในวัยเด็กที่พระเอกแอบเห็นคุณครูบังอรเล่นคุณไสย

เพื่อนสาวที่ทำงานของพระเอกที่โดนโซเชี่ยลรุมแช่งเพราะบางอย่างที่พระเอกทำไว้ และ ความทรงจำของพระเอกที่หายไป มีเรื่องการสะกดจิต และ พิธีสาปแช่งมาร่วมอีก ทั้งอารมณ์มีทั้งสืบสวน ทั้งผี ทั้งตลก ซึ่งยังไม่กลืนเป็นเนื้อเดียวกันนักโดยเฉพาะสัดส่วนความเป็นตลกที่หลุดเหมือนน้ำคนละเนื้ออยู่ ส่วนกิมมิกที่เชื่อมกับตอนที่ 2 ก็มีรูปปั้นเทพีที่ใช้ประกอบพิธีสาปแช่ง

รีวิว แช่ง chaeng

รีวิว แช่ง chaeng ทั้งสามเรื่องเราว่าปัญหาเดียวที่มีคือการตัดต่อ แช่ง ภาพยนตร์ ที่ยังไม่ค่อยลื่น ตัดฉากสลับไปมาเลยทำให้เรารู้สึกไม่ต่อเนื่อง แต่ด้วยเนื้อเรื่องทั้งสามที่เรียกว่าไม่ได้ none-sense ซะจนรับไม่ได้ แถมยังตรงกับสิ่งที่ผู้กำกับต้องการจากคนดู ให้ตระหนักถึงคำพูดที่ได้เอ่ยออกไปทุกคำ การที่เราพลั้งพลาดพูดแช่งอะไรใครไป มันไม่มีทางจะนำสิ่งที่ดีกลับมาให้ใคร ทั้งตัวคนที่เราแช่ง หรือ แม้แต่ตัวเราเอง ก็คิดว่าหนังจะสอนให้คนดูตระหนักอะไรได้ไม่มากก็น้อย

บทสรุป

อาถรรพ์จากคำสาปแช่ง ที่เกิดขึ้นจากแรงอาฆาต สาป แช่ง เต็ม เรื่อง ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมแห่งการจองเวร 3 เรื่อง 3 ความแค้น หนังผี กับหนังไทย เป็นของคู่กัน และ สำหรับปีนี้ เปิดต้นปี ด้วยหนังผีไทย ที่มีคอนเซ็ปต์น่าสนใจ กับหนังผี 3 เรื่อง ชวนให้นึกถึงหนัง ผี 3 บาท ยังไงยังงั้น และ จากการได้ดูตัวอย่างแล้ว ต้องบอกเลยว่าบรรยากาศหลอนใช้ได้ สรุปแล้วสำหรับเราหนังเรื่องนี้มีคอนเซ็ปที่น่าสนใจนะ กับการเอาคำสาปแช่งมาเล่น โดยแบ่งเป็น 3 ตอน แต่เหมือนว่ามันเบาเกินไปสำหรับความเป็นหนังผี สักเรื่องนึง

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2

สวัสดีครับพบกับหนังไทยสุดฮา อินดี้ ที่ว่ากันว่า ครั้งนึงในชีวิตต้องดูครับ เป็นเรื่องราวที่เป็นเรื่องครอบครัวนี่นับว่านักแสดงนำทำได้ดีทีเดียวแหละ เปลี่ยนจาก หนังไทยnetflix หนังดูชวนหัวเราะร่า ให้กลายเป็นช่วงเวลาซึ้งอินน้ำตาไหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากเรื่องราวที่ดูไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่า ดูหนังฟรี พ่อที่ต้องการหาคนที่ดีให้ลูก เมื่อลูกบอกว่ามีแฟนแล้วจึงอยากรู้จักครอบครัวของแฟน เป็นหนังคอมเมดี้ที่คิดเร็วทำเร็วได้จริง ดูหนังออนไลน์ หลังจากไบค์แมนภาคแรกออกฉายเมื่อปีที่แล้ว ทำรายได้จากทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมรายได้ที่ขายสิทธิ์ให้ไปอีกหลายประเทศด้วยนะ ส ปอย หนัง ทำให้ “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” เป็นหนังคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงหลัง ๆ ของค่าย รฤก โปรดั๊กชั่น ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย เพราะเรื่องล่าสุดที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ค่ายก็ต้องย้อนไปถึง “คุณนายโฮ” ปี 2555 นู่น รฤก โปรดั๊กชั่น ก็รีบคลอด ไบค์แมน2 ตามติดในปีต่อมา มอบหน้าที่ให้ พฤกษ์ เอมะรุจิ ผู้กำกับจากภาคแรกมาสานต่อความสำเร็จ

ด้วยความที่ได้ดูหนังตัวอย่างแล้วรู้สึกว่า หนังไทยเรื่องนี้จะสนุก แม้จะไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อนก็ตามแต่ก็คิดไม่น่าจะเป็นปัญหาในการติดตามเรื่องราว วันนี้ผมจึงได้มาดูหนังไทยอีกเรื่อง แถมยังเป็นหนังไทยภาคต่ออีกด้วย ‘ไบค์แมน 2’ นั่นเองครับ อีกส่วนหนึ่งก็เพราะชื่นชอบในหน้าตา และ ผลงานของน้อง ฝน ศนันธฉัตร เป็นทุนอยู่แล้ว กับความน่าสนใจที่หนังไทยสักเรื่องจะได้ผลตอบรับจนมีภาคต่อ ทั้งหมดรวมกันกลายเป็นแรงผลักดันให้เดินทางฝ่ารถติดเพื่อไปดูหนังเรื่องนี้

ผู้กำกับภาพยนตร์: พฤกษ์ เอมะรุจิ
ควบคุมงานผลิต: ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์
ชื่อภาพยนตร์: ไบค์แมน 2 / Bikeman 2
นักแสดงนำ: พีช พชร จิราธิวัฒน์, เต๋า สมชาย เข็มกลัด, ฝน ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, ค่อม ชวนชื่น, โรเบิร์ต สายควัน

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2 ไบค์แมน 2 ภาคต่อของหนังไทยม้ามืดปีก่อน ที่แจ้งเกิดเป็นหนังตลกน้ำดีที่ซ่อนดราม่าประทับใจเอาไว้ในเรื่องราวอย่างไม่น่าเชื่อ หน้าหนังดูจากเทรลเลอร์ไม่มีส่วนนี้เลย แต่หนังกลับผูกปมเรียกน้ำตาไว้อย่างดีงาม ซึ่งเมื่อน้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก ผู้สร้างก็ไม่รอช้าคิดบทสดด่วน ๆ เพื่อทำภาคต่อทันที กลายเป็นว่าจากหนังตลกน้ำดีที่หาได้ยากในเมืองไทย กลับกลายเป็นหนังตลกดาษดื่นตามท้องตลาดเมืองไทยไปซะงั้น

ภาคนี้เรื่องราวต่อจากตอนจบภาคแรกทันที ด้วยการมาของพ่อของจ๋าย (เต๋า สมชาย เข็มกลัด) ที่มากรุงเทพแล้วพบเจอศักรินทร์กำลังป้อล้อลูกสาวอยู่พอดี จึงตามไล่ล่าแล้วก็กลายเป็นเรื่องราวการขอทำความรู้จักครอบครัวของพระเอก ซึ่งก็กลายเป็นการยกเอาตัวตัวละครเก่ามายกก๊วน เรียกเสียงฮาให้เรื่องราวครั้งใหม่ที่มี “ศักดา” พ่อของจ๋ายเป็นศูนย์กลางของเรื่อง

หนังหยิบเอาสูตรสำเร็จจากภาคแรกมาใช้เพียบ อย่างประเด็นที่ว่าด้วยเรื่อง “การโกหก” รอบนี้ทั้งก๊วนแก๊ง ต้องแต่งเรื่องโกหกว่า จ๋ายกับศักดิ์ เป็นแฟนกันจริง ได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกแก๊งที่ต้องช่วยกันแต่งเรื่องมาหลอกศักดาคุณพ่อของจ๋าย ศักดิ์เองก็เล่นตามน้ำไปซะยังงั้น ทั้งที่ในใจเขานั้นอยากเป็นแฟนกันจริงไม่ต้องมาโกหกแบบนี้ หนังก็เลยได้มุกแต่งเรื่องโกหกแบบภาคแรกมาประยุกต์ใช้อีกรอบ

เมื่อตัวละครหลักมารวมกันอยู่หมด การจะเขียนบทสร้างสถานการณ์ฮาก็ทำได้ง่ายขึ้น หนังก็เลยมีฉากเรียงเสียงฮาได้ถี่ ๆ ตลอด 1 ชั่วโมง 47 นาที หนังเรียกเสียงฮาได้จริง แต่พลังความฮายังด้อยกว่าภาคแรกนัก ฉากเด็ดที่สุดในภาคนี้ก็น่าจะเป็น “ฉากงูเห่า” นั่นแหละ

ในขณะที่หนังเดินหน้าไปด้วยเส้นเรื่องหลัก ว่าด้วยการสร้างสัมพันธ์ของ 2 ครอบครัว เส้นเรื่องรองก็คือเรื่องการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างศักดากับเจ้าพ่อที่ต้องการซื้อเหมืองแร่ของศักดาในราคาต่ำ ก่อให้เกิดความอลหม่านยุ่งเหยิงในฉากท้ายเรื่อง ดูแล้วชวนให้นึกถึงสูตรสำเร็จแบบที่ แฟรนไชส์ “บุญชูสระอูยาว” ชอบใช้ในทุกภาค สร้างสถานการณ์ให้ตัวละครมารวมกัน เขียนบทให้หยอดมุกฮาเรี่ยไร่รายทางไปเรื่อย

แล้วจบด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิง แล้ววกเข้าแฮปปี้เอนดิ้งในตอนจบ ไบค์แมน2 ก็มาด้วยสูตรนี้แบบเป๊ะ ๆ แต่ด้วยเหตุที่ว่านี่คือหนังชื่อ “ไบค์แมน” พระเอกของเรื่องคือหนุ่มผู้รักความเร็วของมอเตอร์ไซค์ ฉะนั้นก็ต้องมีฉากให้ศักดิ์ได้โชว์ความสามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์ ก็ถือว่าทีมงานหาทางใส่ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ให้ศักดิ์เข้าไปในเรื่องราวได้อย่างลงตัว

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว bikeman 2

ศักรินทร์ เมื่อสามารถสอบเข้าทำงานในธนาคารได้สำเร็จ (เนื้อเรื่องภาคที่ 1) ก็มาชีวิตที่ดี มีความสุข ไบค์แมน 3 พร้อมกับ “จ๋าย” หญิงสาวที่เขาหลงรักมาตลอด แต่ไม่กล้าบอก วันหนึ่งจ๋ายได้บังเอิญพบกับพ่อของเธอ และ ขอให้ศักรินทร์ขับมอเตอร์ไซด์หนี เมื่อพ้นสายตาพ่อของเธอ ศักรินทร์จึงถามจ๋ายถึงเหตุผลที่ไม่อยากเจอพ่อ และ เรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของเธอ จ่ายจึงเล่าให้เพื่อนของเธอฟังว่า พ่อของเธอนั้นชอบบังคับเธอในทุก ๆ เรื่อง และ เรื่องแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น

ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอกำลังจะถูกบังคับ เธอจึงขอให้ศักรินทร์ช่วยปลอมตัวเป็นแฟนปลอม ๆ ชองเธอเพื่อหลอกให้พ่อของเธอเชื่อ และ ปล่อยเธอในเรื่องนี้ การที่ศักรินทร์ตอบตกลง ทำให้เขา และ เธอต้องพบกับเรื่องราววุ่น ๆ ของ 2 ครอบครัวที่ตามมา และ นำพาไปผู้ชมทุกท่านร่วมลุ้นไปกับศักรินทร์ และ จ๋าย ในเรื่อง “ไบค์แมน 2” ซึ่งผู้ชมทุกท่านสามารถรับชมได้ทาง NETFLIX

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว bikeman 2

ยังคงรักษามาตรฐานความสนุก และ ตลกได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่รู้สึกขัดข้องใจเมื่อดูต่อจาก “ศักรินทร์ ตูดหมึก” ซึ่งเป็นภาคที่ 1 แม้เส้นเนื้อเรื่องจะต่างออกไป มีการขี่มอเตอร์ไซด์ซึ่งเป็นจุดเด่นของภาคที่ 1 น้อยลง แต่ในภาคนี้จะเน้นหนักไปที่แอคชั่นมากกว่า โดยจะมีฉากขับหนีการตามล่า หรือขับฝ่าระเบิด

ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งของหนังชุดนี้ Biker man 2 อย่างไรก็ตามจุดเด่นของเรื่องก็ยังคงเป็นความตลกขบขัน ที่มักจะเรียกเสียงฮาได้เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดยนักแสดงทุกคนแสดงออกมาได้ดี และ เข้าถึงอารมณ์ของเรื่อง ส่งให้เรารู้สึกอินตามไปกับเนื้อเรื่อง การที่เน้นหนักไปที่ความรักของพ่อ และ ลูก อาจทำให้หลาย ๆ คนคิดถึงพ่อ หรือแม่ หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบก็เป็นได้ครับ

เนื้อหาความพยายาม ความรัก ความทุ่มเทของศักรินทร์ในการพิชิตใจจ๋ายจากภาคแรกก็หดหายไป เหลือแค่ฉากพยายามเอาใจพ่อตาในอนาคตของศักรินทร์ ซึ่งก็เข้าใจว่าบทหนังโฟกัสไปที่ภารกิจตรงนี้ แต่ก็น่าจะเกลี่ยบทมายังเรื่องราวของทั้งคู่ให้มากขึ้น ซึ่งพอมันแห้งแล้งมาก อารมณ์กุ๊กกิ๊กน่ารักของทั้งคู่ก็เลยหายไปเกือบหมด กว่าจะมาก็โผล่ตอนท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่แฟนเรื่องนี้ในภาคแรกน่าจะต้องการมากที่สุด มากกว่าพวกมุกตลกทั้งหลายในเรื่องเสียด้วยครับ

สำหรับหนังเรื่องนี้ จุดด้อยของตัวเรื่อง คือบทละคร ที่ไม่มีความซับซ้อน สามารถคาดเดาได้ง่าย ซึ่งอาจจะขัดใจผู้ชมบางคนที่เสพเนื้อเรื่องเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการที่ตัวหนังเป็นหนังตลกแนวครอบครัว ซึ่งจุดประสงค์หลักของเรื่อง คือการเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม จึงอยากจะให้ทุก ๆ คนมองข้ามจุดด้อยนี้ไปครับ

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2 เนื้อหาหลักภาคนี้บทเล่นวงแคบลงมาก ๆ ทุกอย่างโฟกัสไปที่ภารกิจพิชิตใจพ่อจ๋าย ไบ ค์ แมน 2 HD 2019 ซึ่งบทศักดาพ่อจอมบงการชีวิต หวงลูกสาวเป็นที่ 1 ไม่ได้มีมุกตลกให้ตบให้ชงแล้วหัวเราะโดยตรง แต่เป็นตลกจากท่าทางขึงขังของคาแรกเตอร์แบบนี้เอง ซึ่งเต๋าสมชายก็เล่นได้ดี มีความกวนเฮี๊ยบ ๆ จนกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกหนังไบค์แมนเพิ่มมาอีกคนได้สบาย ๆ (และ ก็เป็นตัวละครหลักหน้าใหม่คนเดียวที่เพิ่มเข้ามาด้วย)

เมื่อหนังเล่นเรื่องราวต่อจากภาคแรกทันที แถมเลือกเล่นหลัก ๆ อยู่แค่ที่โลเกชั่นเล็ก ๆ ในบ้านต่างจังหวัดกับเหมืองระเบิดหินของพ่อจ๋าย ก็เลยกลายเป็นการหยิบยืมมุกภาคเก่ามาซะเยอะ อย่างมุกปลอมตัวของก๊วนวินมอเตอร์ไซด์ของศักรินทร์ก็ยกมาใช้แบบรีไรท์ใหม่แค่นั้น ตัวละครก็แทบไม่ได้มีพัฒนาการอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่ถ้าใครประทับใจรักในตัวละครแบบเดิม ๆ อยู่แล้ว ก็คงโอเคกับการยกมาทั้งกระบิชุดเดิมหมดแบบนี้

แต่ถ้าคาดหวังหนังตลกควบรวมกับดราม่าดี ๆ แบบที่ภาคก่อนมีให้ ก็คงต้องทำใจยาก เพราะภาคนี้แทบไม่มีความลึกซึ้งของเนื้อหาดราม่าเลย เนื้อหาส่วนหลักมีแต่ความพยายามยัดเยียดมุกตลกจากภาคก่อนเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นจากในหนังตัวอย่างกันไปเกือบหมดแล้ว กลายเป็นหนังตลกสูตรสำเร็จที่อาจจะไม่แป๊ก แต่ก็ไม่ได้สำเร็จน่าประทับใจไปพร้อมกับดราม่าดี ๆ ที่แฝงไว้ในเนื้อหาเนียน ๆ แบบภาคแรก ซึ่งนี่เป็นส่วนสำคัญที่ผมคาดหวังว่าหนังจะยังคงรักษาไว้ แต่กลายเป็นว่าหนังละทิ้งส่วนที่ทำให้หนังดูประทับใจบอกต่อกันปากต่อปากนี้ไป ซึ่งนี่เป็นหัวใจหลักเลยที่ทำให้หนังทำรายได้ยืนยาวจนประสบความสำเร็จแบบม้ามืด

บทสรุป

ในภาคนี้ยังมีความพยายามใส่สกิลนักบิดของพระเอกไว้กับเรื่องราวแอ็กชั่นช่วงไคลแม็กซ์ท้ายเรื่องเหมือนเดิม ไบค์แมน 1 แต่เพิ่มความเว่อร์เข้ามาหลายเท่า ซึ่งก็เป็นอีกสูตรสำเร็จเดิมที่หยิบมาใช้นอกจากมุกตลก ซึ่งก็โอเคเข้ากันดีไม่มีอะไรให้ติ แค่ติดลูกโอเวอร์มากไปเท่านั้น

นี่เป็นหนังตลกที่ยังมีมุกตลกพอขำ ๆ ไปตลอดเรื่อง แต่ออกจะเป็นมุกที่จงใจยัดเข้าฉากมากไปหน่อย กลายเป็นความพยายามให้ตลกแบบไม่เป็นธรรมชาติมากไป ซึ่งก็แล้วแต่เส้นหัวเราะของแต่ละคน (ผมขำพอสมควร) ถ้าดูในโรงก็รับว่ายังทำเอาคนค่อนโรงขำได้อยู่ ซึ่งหนังคงสอบผ่านไปได้

แต่ก็เสียดายเรื่องราวดราม่าลึกซึ้งที่ผูกปมไปกับเรื่องราวดี ๆ ในแบบภาคแรกหายไป แม้จะมีความพยายามยัดมาตอนท้าย แต่ก็ไม่ได้ประทับใจเท่ากับในภาคแรกที่ทำไว้ได้ดีมากนัก ถ้ามีทำต่อในภาค 3 ก็หวังว่าจะหวนกลับมาให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากขึ้น ไม่งั้นหนังเรื่องนี้ก็คงกลายเป็นหนังตลกโหล ๆ อีกเรื่องหนึ่งของไทยไปจนได้ครับ

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

สวัดสีครับหากพูดถึงช่วงหยุดฤดูร้อน ใครๆก็คงนึกถึง ประเพณี นึง อย่าง สงกรานต์ วันนี้ผมจึงหยิบยกหนัง แสบสะท้านโลกันตร์ มาแนะนำ ซึ่งผมเชื่อลึก ๆ ว่าหาก หนังไทยnetflix เอ็มมานูเอล ลูบิซกี้ หรือ ลุงโรเจอร์ ดีกินส์ ได้ดูสงกรานต์สะท้านโลกันตร์ ก็ต่างต้องทบทวนการทำงานตัวเองเสียใหม่ ส ปอย หนัง เพราะกฎพื้นฐานในการคุมความต่อเนื่องของภาพไม่ได้อยู่พจนานุกรมของ พี่พชร์ ที่ถือว่า ความต่อเนื่องเป็นธุระของผู้ชม ดูหนังออนไลน์ เราเลยได้เห็นตำแหน่งตัวละครที่ถือเป็นอนิจจัง เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา ทิศทางการตัดต่อภาพแต่ละกล้อง ดูหนังฟรี พี่พชร์ให้อิสระกับระบบตัดต่อระบบ AI เต็มที่ ซึ่งถือเป็นมุมมองใหม่ที่มนุษย์อาจคิดไม่ได้ ซึ่งบรรดานักเรียนหนังควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่าง และ ถ้าจะให้ดีควรไปขับไล่อาจารย์ที่สอนวิชาตัดต่อตามโรงเรียนหนังหรือมหาวิทยาลัยที่ตามเทรนด์นี้ไม่ทันออกจากระบบการศึกษาให้หมด!

ภาพยนตร์ตลกอารมณ์ดีที่เข้าฉายในช่วงประเพณีสงกรานต์ปีก่อน (11 เมษายน 2019) นำแสดงโดยตัวเอก นิก คุณาธิป จับคู่ พิ้งกี้ สาวิกา พร้อมดาวตลกดัง อาทิ โรเบิร์ต สายควัน , น้าค่อม ชวนชื่น,นุ้ย เชิญยิ้ม,บอล เชิญยิ้ม ฯลฯ โดยเป็นเรื่องราวของค่ายมวย เสือ ส. วาเลนไทน์ ที่กำลังตกต่ำสุดขีด และ ต้องปลุกปั้นยอดนักมวยคนใหม่ขึ้นกอบกู้สถานการณ์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ นับว่า สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในปีนี้ของผู้กำกับ พชร์ อานนท์ หลังจากปลายปีที่แล้วส่ง หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ (2018) ที่คาดว่าจะเป็นการปิดฉากแฟรนไชน์ภาพยนตร์ ซึ่งได้กระแสตอบรับจากแฟนหนังขาประจำค่อนข้างดีทีเดียว

แม้ดีกรีความฮาจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นที่นิยม และ ถูกพูดถึงมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง

งานนี้ผู้กำกับร้อยล้านก็ยังไม่หยุดพัก สานต่อโปรเจกต์สร้างความฮากับ สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ ตามมาติด ๆ โดยคราวนี้ได้ดาวตลกฮาลำดับต้น ๆ ของวงการจากทีมบริษัทฮาไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น น้าค่อม ชวนชื่น, ตั๊ก บริบูรณ์, บอล เชิญยิ้ม, โรเบิร์ต สายควัน รวมไปถึงนางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา สองหนุ่มหล่อหน้าใส นิก คุณาธิป และ ยอร์ช ยงศิลป์

ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มาเป็นตัวละครหลัก และ ช่วยสร้างสีสันใหม่ ๆ จากตัวอย่างแรกก็พอจะทราบแนวทางการดำเนินเรื่องว่าจะไปในทิศทางใดบ้าง จะออกมาฮาถูกใจแฟน ๆ แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคลไป

ต้องยอมรับว่าหลาย ๆ คนน่าจะเกิดอาการเดียวกันหลังจากได้เห็นตัวอย่างหนังที่ถูกปล่อยออกมาให้ชมกันก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งเล็ก ๆ ในใจก็ได้แต่หวังว่า สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ จะทำให้เกิดความหวังในการสร้างเสียงหัวเราะได้สำเร็จ หลังจากผลงานส่วนใหญ่ที่ผ่าน ๆ มาของผู้กำกับค่อนข้างจะฝืด และ ฝืนพอสมควร

เมื่อได้รับชมเรื่องราวต่างใน สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อนอกเหนือจะไปจากความตลกที่ได้จากทีมบริษัทฮาไม่จำกัดแล้ว หนังสอดแทรกเรื่องราวความพยายาม ความตั้งใจ และ การพิสูจน์ตัวตนผ่านตัวละครหลาย ๆ ตัวที่ไม่แน่ใจว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันทำให้เราเห็นมุมดี ๆ อีกมุมหนึ่งก็ว่าได้

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

หลัง สมจริง จงจ้องหอย (สมจิตร จงจอหอ) นักมวยค่ายตัวเองต้องปราชัย เสือ ส. วาเลนไทน์ (น้าค่อม ชวนชื่น) เจ้าของค่ายมวยก็ดูจะหมดหวังกับการปั้นใครขึ้นมาแทน ยิ่งความแค้นทำให้พลั้งปากท้าส่งนักมวยไปต่อยกับค่ายของศัตรู (ตั๊ก บริบูรณ์) จนต้องปั้นนักมวยรายใหม่ขึ้นมา แต่จะเอาไอ้แหว่ง (บอล เชิญยิ้ม) เหยิน (นุ้ย เชิญยิ้ม) ก็ดูสิ้นหวัง สงกรานต์ แสบสะท้าน โล กันต์ เต็มเรื่อง

หรือจะเป็นสองลูกชายสุดหล่ออย่าง ปีใหม่ (ยอร์ช ยงศิลป์) หรือ ลอยกระทง (นิก คุณาธิป) ก็ดูจะไม่เอาในทางมวยเสียเลย คงเหลือแต่ สงกรานต์ (โรเบิร์ต สายควัน) ลูกชายที่เคยถูกจับในวันบวช เป็นความหวังสุดท้าย แต่จะได้ชัยชนะหรือไม่คงต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อย

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

ในส่วนของเรื่องราวความฮานั้นถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางฝืดเสียส่วนมาก สงกรานต์ แสบสะท้าน โล กันต์ เต็ม เรื่อง movie2free ซึ่งเสียงหัวเราะที่ได้ส่วนใหญ่มาจากบทบาทของ น้าค่อม ชวนชื่น และ โรเบิร์ต สายควัน แค่เปล่งออกมาเพียงไม่กี่ประโยคก็ได้ใจไปแล้ว ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็นับว่ามาช่วยสร้างสีสัน บางครั้งยังคิดเลยว่าไม่มีก็ได้ โดยเฉพาะบทบาทของสองหนุ่มหน้าหล่อ นิก และ ยอร์ช ดูช่างไร้มิติ เหมือนมาเพียงแค่เรียกกระแสจากสาว ๆ เท่านั้น

ในทางเขียนบท นักเรียนมักถูกกำหนดกรอบในการคิดเรื่องด้วยการวาง พลอต ไว้ก่อนซึ่งถือเป็นเป็นการตีกรอบความคิดที่ควรอิสระ ดังนั้นการได้ดู สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ น่าจะเป็นการเปิดโลกการศึกษาได้เป็นอย่างดีครับ เพราะหนังเรื่องนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างที่อัดแน่นกันตลอดเวลาร่วมชั่วโมงกว่าๆ ทั้งค่ายมวยที่มีทั้งพ่อคอยด่าลูกๆ มีพระมาฉันเพลแต่ฉันไม่ทันเที่ยงจนหิวเพื่อให้คนหัวเราะ มีห้องน้ำที่สงกรานต์มักเข้าไปอัดควันแล้วเยิ้มออกมา

ซึ่งทุกเหตุการณ์ควรเล่นย้ำๆ อย่างน้อย 2 เที่ยวเพื่อไม่ให้ผู้ชมหลงลืม มีร้านอาหารที่ลอยกระทงเข้าไปจีบ เจ๊เมษา (พิ้งกี้ สาวิกา) อยู่ 1 ครั้งซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลใดๆ และมีฉากห้องซ้อมดนตรีที่เราจะได้เห็น ลอยกระทง และเพื่อนๆ มีปัญหากับมอเตอร์ไซค์วินจนได้เมีย ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลเช่นกัน

หรือแม้กระทั่งอาชีพพยาบาลของ เจ๊สิตางศ์ แต่งมา 1 ฉากเพื่อให้ถูกล้อว่าไปกินศพ เหล่านี้ถือเป็นการปลดล็อกกฎเกณฑ์การเขียนบทที่ว่าพลอตคือการวางเหตุการณ์อันเป็นเหตุเป็นผลกันลงโดยสิ้นเชิง ซึ่งถือเป็นคิดพลอตที่ก้าวล้ำมากๆ

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ พจน์ อานนท์ ไม่ได้เป็นศูนย์กลางปัจจัยที่ทำให้หนังไทยไม่พัฒนาหรือไม่ถูกเหลียวแล ไม่ใช่เลย สงกรานต์แสบสะท้านโลกันต์ netflix คนทำหนัง นายทุน คนทำธุรกิจโรงหนัง รัฐบาล และ คนดูหนังต้องช่วยกันสนับสนุนการทำหนังที่กำลังค่อย ๆ หลากหลาย และ มีคุณภาพอื่น ๆ ให้จริงจัง และ จริงใจ

ขณะเดียวกันก็ต้องอ้าแขนยอมรับหนังแบบ พจน์ อานนท์ และ หนังอื่นที่ถูกมองว่าแย่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันในนามของหนังไทยด้วย ไม่ต้องถึงขนาดกับโอบกอดปกป้องหรอก มีติบ้าง ด่าบ้าง และ ชมบ้างก็ได้ และ อย่างน้อยก็จริงใจที่จะให้หนังเหล่านี้ยังคงเป็นหนึ่งในความหลากหลายของหนังไทย และ เติบโตงดงามไปด้วยกัน

เชื่อลึก ๆ ว่าหาก เอ็มมานูเอล ลูบิซกี้ หรือ ลุงโรเจอร์ ดีกินส์ ได้ดู สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันตร์ ก็ต่างต้องทบทวนการทำงานตัวเองเสียใหม่ เพราะกฎพื้นฐานในการคุมความต่อเนื่องของภาพไม่ได้อยู่พจนานุกรมของ พี่พชร์ ที่ถือว่า ความต่อเนื่องเป็นธุระของผู้ชม

เราเลยได้เห็นตำแหน่งตัวละครที่ถือเป็นอนิจจัง เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา ทิศทางการตัดต่อภาพแต่ละกล้อง พี่พชร์ให้อิสระกับระบบตัดต่อระบบ AI เต็มที่ ซึ่งถือเป็นมุมมองใหม่ที่มนุษย์อาจคิดไม่ได้ ซึ่งบรรดานักเรียนหนังควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่าง และ ถ้าจะให้ดีควรไปขับไล่อาจารย์ที่สอนวิชาตัดต่อตามโรงเรียนหนังหรือมหาวิทยาลัยที่ตามเทรนด์นี้ไม่ทันออกจากระบบการศึกษาให้หมด!

สตานิสลาฟสกี้ เคยกล่าวว่านักแสดงควรรู้จักความจริงภายในเพื่อความสมจริง ซึ่งถือเป็นความเชื่อผิด ๆ ที่นักเรียนการแสดงทั่วโลกร่ำเรียนมา เพราะหากผ่านการกำกับของพี่พชร์ ผู้ปฏิเสธการสร้างความจริงภายใน หรือการทำสมาธิทุกรูปแบบเพราะกลัวทำหนังไม่ทัน

ดังนั้นจึงเกิดการกำกับแบบเอาความจริงตรงหน้า เช่น คิดบทไม่ออกช่วยพูด ๆ อะไรออกไปให้หน่อย หรือคิวถ่ายจะหมดจะทำอะไรก็ทำ เหล่านี้ถือเป็นงานกำกับชั้นสูงที่เหล่านักเรียนหนังอาจเข้าไม่ถึง หรือ อาจารย์อาจยังไม่เคยสอนเพราะถือเป็นทฤษฎีใหม่ โดยเป็นหน้าที่ของผู้กำกับในการหยิบเลือกเหตุการณ์ที่พอเป็นหนังมาร้อยเรียง แล้วโบ้ยงานในการจัดวางให้คนตัดต่ออีกทีเพื่อให้เงินค่าจ้างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

บทสรุป

แต่ถึงอย่างไรหนทางที่จะทำให้ภาพรวมของหนังไทยนั้นหลากหลายขึ้นทั้งเรื่องราว ประเภทหนัง แนวการเล่า และ คุณภาพไม่ใช่การไปห้าม พจน์ อานนท์ ไม่ให้ทำหนังภาคต่อแบบ หอแต๋วแตก ห้าม หม่ำ จ๊กมก ไม่ให้ทำหนังแบบ สิ้นสามต่อนหรือห้าม ยอร์ช ฤกษ์ชัย ไม่ให้ทำหนังแบบ สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ 037 คุณนายโฮ ซึ่งเป็นหนังในแบบที่พวกเขาสนุกที่จะทำมันขึ้นมา และ คนดูที่สนับสนุนพวกเขาก็สนุกกับหนังในแบบที่เขาอยากดู

และ การห้ามมันก็เป็นการริดรอนสิทธิ์ และ อิสระในการเสพ และ การสร้างสรรค์ไม่ต่างกับการแบนหรือเซ็นเซอร์หนังที่เราเฝ้าก่นด่าหน่วยงานรัฐ อีกสิ่งหนึ่งที่รับไม่ได้เกี่ยวกับมุกตลกในหนังก็คือ การเล่นมุกที่เกี่ยวกับอาหาร เล่นกับของกิน ที่ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่ามันสกปรกมากจริง ๆ

หากหลีกเลี่ยงการนำมุกเหล่านี้มาเล่นมันน่าจะทำให้หนังดูทันสมัย และ น่าสนใจขึ้นไม่น้อยเลย เอาเป็นว่าท้ายที่สุดแล้วหนังจะสนุกหรือไม่สนุกนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการมาดูหนัง หากต้องการความตลก และ เพลิดเพลินก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดี แต่ไม่ถึงขั้นดีมาก

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

สวัสดีจ้าส่วนตัวคิดว่าหลายๆคนคงจะเห็น หนังไทยnetflix หนังไทยเรื่องนี้มีชื่อนักแสดงปรากฏออกมาล่อตาล่อใจแฟนๆอยู่มากมายตั้งแต่เริ่มโปรโมตหนังแล้ว รวมถึงพล็อตหนัง บทหนัง เรื่องย่อที่ดูเหมือนจะง่าย ๆ ดูหนังฟรี แต่ส่วนตัวผมแล้วมันน่าสนใจมาก ว่าด้วย ชายผู้เป็นมะเร็งใกล้ตาย อยากตามหาแฟนเก่าเพื่อคืนของ เพื่อนก็ลงทุนบินจากเมกาเพื่อมาขับรถพาตะลอน ดูหนังออนไลน์ จากนั้น แล้วจะอะไรต่อ เชื่อว่า หลายคนคงมองไว้ก่อนแล้วว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้พูดแค่เรื่องเท่านี้แน่ ๆ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่ตัวละครที่เดินทางพร้อมสำรวจชีวิตตนเอง ส ปอย หนัง ตัวเราคนดูก็ไม่ต่างกัน หนังทำให้เราหวนนึกไปว่า ที่ผ่านมา เราเคยใจร้ายกับใครบ้าง เราเคยทำใครผิดหวังเอาไว้บ้าง เคยทำตัวนิสัยเสียจนวันนึงทำให้ชีวิตใครต้องพังหรือเปล่า แน่นอนว่า ไม่มีใครย้อนอดีตได้ เราทำได้เพียงย้อนความทรงจำ หลังได้รับบทเรียนจากมัน เราก็ก้าวเดินต่อไป

วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (อังกฤษ: One for the Road) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า ผลิตโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส บล็อกทู ดิสทริบิวชัน และ เฮาส์ตัน สตูดิโอ ของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ อำนวยการสร้างโดย หว่อง ก๊า ไหว่ และ จัดจำหน่ายโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า เป็นผู้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำแสดงโดย ธนภพ ลีรัตนขจร และ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ เข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ตัวภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานตัดสินใจออกเดินทางด้วยรถยนต์ด้วยกันเพื่อตามหาเพื่อนเก่าเพื่อคืนของสำคัญ และ บอกลากันก่อนจากไป

ชื่อเรื่อง : One for the Road (วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ)
ผู้กำกับ : นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
ความยาว : 2 ชั่วโมง 16 นาที
แนว : ชีวิต , ดราม่า , มิตรภาพ
วันที่ฉาย : 10 กุมภาพันธ์ 2022
ช่องทางการรับชม : วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ เดินเรื่องคล้าย ๆ ว่าไม่รีบร้อน แต่บทจะเข้าท่อนฮุคก็จัดเต็มแรง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่แนวโรแมนซ์​ แต่เป็นดราม่าที่แทรกทั้งเรื่องราวความรัก ครอบครัว ฐานะ ความฝัน ความทรงจำ และ ความสัมพันธ์ รวมทั้งหมดเอาไว้ด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จากตัวอย่างหรือช่วงเวลาเริ่มต้นของหนัง อาจบ่งบอกถึงความเป็นทริปแห่ง redemption ของผู้ชายนิสัยห่วย ๆ สองคน ที่คนดูหลายคนอาจมองอย่างไม่สบอารมณ์ว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องหาเรื่องกลับไปหาแฟนเก่าที่ตนเองเคยทำระยำทิ้งไว้ อาจไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะยินดีกับการกลับมาเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย

แต่หนังก็ยังเล่าไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอีกด้วย อู๊ดกับบอส ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ใครจะรู้ว่าก่อนหน้าที่จะมีวันนี้ พวกเขาเคยผ่านอะไรกันมาบ้าง สิ่งใดที่พวกเขาทำต่อกัน และ พาให้ชีวิตของพวกเขาเดินมาถึงตรงนี้ หนังจะพาเราไปสำรวจ องก์ที่สามจึงดูหนักหน่วงแต่แตกต่างไปจากก่อนหน้า

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวของ อู๊ด (ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์) ที่ป่วยเป็นโรคร้าย และ มีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน เขาจึงตัดสินใจโทรตามเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของบาร์อยู่ที่ New York อย่าง บอส (ต่อ ธนภพ) ให้กลับมาเมืองไทย เพื่อพาเขาขับรถไปเจอหน้าแฟนเก่าครั้งสุดท้ายก่อนตาย วันสุดท้ายก่อนบายเธอออนไลน์

เพราะหมอไม่อนุญาติให้เขาขับรถ เลยต้องให้เพื่อนมาขับให้ ซึ่งเขาจะไปหาแฟนเก่าทุกคนเพื่อเคลียร์ และ ไม่ให้มีอะไรค้างคาต่อกันอีก เรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร และ จะทำได้สำเร็จตามที่คิดไว้หรือไม่ คงต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

บอกก่อนเลยว่า ดีเกินคาดมาก ๆ งานภาพสวยจริง ๆ ยอมรับเลย ไม่เสียชื่อหว่อง กาไว จริง ๆ งานละเอียด และ ดูสากลกว่าหนังไทยทั่วไปมาก ๆ วันสุดท้ายก่อนบายเธอ hd แต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้งานภาพไม่ได้ออกมาสไตล์หว่องขนาดนั้น แต่ก็มีกลิ่นอายไม่น้อย แต่ไม่เหมือนไปซะทั้งหมด ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่งานภาพที่สวยงาม แต่มันดีเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะบท ที่เขียนมาได้ดีมาก ๆ มีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ทำให้ได้เห็นมิติของตัวละครทุกตัวได้อย่างชัดเจน และ ทำให้คนดูเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้อย่างถ่องแท้

แถมทุกอย่างยังมีความหมาย และ สื่อถึงกันแบบหมดจด ทำให้รู้เลยว่า คนทำหนังเขาตั้งใจให้มันออกมาดีจริง ๆ ในส่วนของนักแสดงก็แสดงดีกันทุกคน โดยเฉพาะซีนดราม่า ทำกันได้ดีไม่มีข้อกังขา แต่ขอติเรื่องบทพูดบางฉาก ที่บทพูดมันแปลกๆ ดูไม่ธรรมชาติยังไงไม่รู้ แต่ก็แค่บางฉากแหละ ภาพรวมคือดีหมด

นอกจากงานภาพที่ผมชอบมาก ๆ แล้ว อีกอย่างที่ชอบคือเพลง เสียงประกอบฉากต่าง ๆ ทำออกมาได้โคตรดีมาก ๆ เลือกเพลง และ เสียงประกอบฉาก และ อารมณ์ต่าง ๆ ได้ดี เหมาะกับภาพ และ สถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ไปอย่างลื่นไหล อีกอย่างคือการที่เอาเสียงของตัวละครพ่อที่เป็นดีเจคลื่นวิทยุมาใส่ประกอบเป็นเสียงพื้นหลังอยู่เป็นระยะ ๆ มันเป็นอะไรที่เท่ห์ และ ดีมาก ๆ จริง ๆ เพราะเสียงที่คลอนั้นมันซ่อนเรื่องราวและความรู้สึกของตัวละครหลักไว้ ทำให้หนังมันมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมามาก ๆ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ 2021 เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564 และ ได้รับรางวัล World Dramatic Special Jury Award จากงานดังกล่าว ผลตอบรับของภาพยนตร์อยู่ในระดับกลาง ๆ คิม ยูทานิ ผู้คัดเลือกหนัง และ จัดเทศกาลซันแดนซ์ ระบุว่าเป็นภาพยนตร์ที่เข้ามาไม่ทันตั้งตัว วันสุดท้ายก่อนบายเธอ netflix จึงถูกจัดให้ฉายในวันเปิดงาน และ ส่งเข้าประกวดในหมวดหนังจากทั่วโลก (นอกอเมริกา) ในประเภทดราม่า ตัวภาพยนตร์มีกลิ่นอายความเป็น หว่อง ก๊า ไหว่ โดยชัดเจน วาไรตี ระบุว่าตลอดเวลา 136 นาที

ภาพยนตร์มีความตื่นเต้น และ ชื่นชมในลูกเล่นการเล่าเรื่องที่ฉลาดของบาส ที่พลิกไปพลิกมาแถมบางครั้งยังกล้าล้มล้างพล็อตตั้งต้นอย่างมีรสนิยม ด้าน เดตไลน์ ระบุว่าแม้จะน่าเสียดายที่หว่องกาไวไม่ได้สร้างหนังอะไรมา 8 ปีแล้ว แต่การมาอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ก็งดงาม และ พิเศษไม่แพ้กันเลย แต่ อินดีไวร์ ให้คะแนนเพียง C+ โดยติว่า หนังมีความละมุนหวนให้อดีตที่สวยงาม ราวกับการพินิจรถคลาสสิกเรียบหรู

ทว่าเมื่อผู้กำกับเข้าเกียร์เดินเครื่องแต่ละทีกลับกระชากและ ให้อารมณ์ที่รุนแรงท่วมท้นไปพร้อมกัน รวมถึงความไม่เข้ากันของผู้รับบทสองคนคือ ธนภพ และ ณัฐรัตน์ รวมถึงการสับเปลี่ยนระหว่างพาร์ทเนื้อเรื่องของทั้งสองตัวละคร ทำให้บทสรุปของภาพยนตร์ในช่วงสุดท้ายดูไม่มีเหตุผล และ การที่ผู้กำกับใส่ความเป็นหว่องกาไวเข้ามา มันเยอะดูเหมือนจะยัดเยียดเกินไปซึ่งไม่เข้าท่า

บทสรุป

โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ แล้ว วันสุดท้าย ก่อนบายเธอ เต็มเรื่อง พากย์ไทย ผมชอบพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบมาก แต่รับรองว่าไม่เสียดายค่าตั๋วแน่นอน 100% ความดีงามของเรื่องนี้มันอยู่ระดับที่เอาไปฉายให้ต่างชาติดูได้แบบไม่อายเลย ผมมองว่าหนังไทยควรเริ่มจากหนังดราม่าเนี่ยแหละ เพราะใช้ทุนไม่เยอะ แต่สามารถทำออกมาให้ดีในระดับสากลได้

ถ้าอยากเห็นหนังไทยดีขึ้น และ สามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนหนังไทยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าให้ดูทุกเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ควรดู เพราะมันดีจริง คนทำจะได้มีกำลังใจทำหนังดี ๆ ออกมาให้เราได้ดูอีก สุดท้ายนี้ ขอให้คะแนนไว้ที่ 9/10 เลยแล้วกันครับ

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม

สวัสดีครับ นี่ก็นับว่าเป็นหนังไทยม้ามืดอีกเรื่อง หนังไทยnetflix ที่โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้วแอบรู้สึกเซอร์ไพรส์พอควรหลังจากปล่อยตัวอย่างมาแล้วมู้ด และ โทนหนังมันดูน่าสนใจดูดีมาก เป็นดราม่าธริลเลอร์ที่ดูเข้มข้นทีเดียว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Up Rank อาชญาเกม คือภาพยนตร์ไอเดียสุดเจ๋งจาก Kantana Motion Pictures และ XSpring โดยฝีมือของสองผู้กำกับ กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์ ส ปอย หนัง ที่หยิบนำเรื่องราวอีกด้านของวงการเกมอย่าง ‘การรับจ้างปั๊มแรงก์’ ดูหนังออนไลน์ ที่แม้จะผิดกฎเกมแต่ก็ไม่ผิดกฎหมายมานำเสนอ ดูหนังฟรี พร้อมได้ 4 นักแสดงนำรุ่นใหม่อย่าง เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ, กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ หรือ กิต Three Man Down, แจ็ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา และ มีน-สุดารัตน์ ผุงศิริ มาร่วมฟอร์มทีมรับจ้างครั้งนี้

หนังไทยม้ามืดที่ส่วนตัวรู้สึกเซอร์ไพรส์พอควรหลังจากปล่อยตัวอย่างมาแล้วมู้ด และ โทนหนังดูดีมาก เป็นดราม่าธริลเลอร์ที่ดูเข้มข้นทีเดียว แต่ก็คงเช่นเดียวกับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังซึ่งคงเป็นวัยรุ่นที่เล่นเกมอยู่แล้วบ้าง ที่ดูแล้วก็เกิดคำถามตั้งแต่ตัวอย่างว่า การปั๊มแรงก์

ที่นำมาเป็นหัวใจของหนังนั้นมันเป็นปัญหา และ นำพามาถึงความรุนแรงอย่างที่เสนอได้เลยหรือ ? แน่นอนว่ามันก็ต้องให้โอกาสผู้สร้างในการนำเสนอก่อน ถ้าเขาเอาชนะความสงสัยนี้ได้ ที่เหลือก็สบายเพราะดูทรงแล้วทำได้ดี แต่ถ้าผ่านไม่ได้ก็จะทำให้หนังที่เหลือยืนอยู่บนข้อสงสัยว่ามันไม่น่าจะเกิดจริงได้ ซึ่งเป็นอันตรายพอควรถ้าอยากทำหนังบันเทิงให้คนอิน

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม หากภาพยนตร์เรื่อง Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่ (2563) ของผู้กำกับ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร เป็นผลงานที่ทำหน้าที่พาผู้ชม (โดยเฉพาะผู้ใหญ่) ไปทำความรู้จักกับโลกของวงการเกมอีสปอร์ตไทย เพื่อยืนยันกับทุกคนว่า ‘เกม’ ไม่ได้เป็นเพียงสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่มันยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพหรือเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตได้จริง ๆ

The Up Rank อาชญาเกม ของสองผู้กำกับ กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์ ก็ดูเหมือนจะเป็นผลงานที่กำลังนำเสนอ ‘มุมมองอีกด้าน’ ของวงการเกมให้เราได้ทำความรู้จักผ่านการหยิบประเด็นของการรับจ้างปั๊มแรงก์ หรือการรับจ้างเล่นเกมให้กับลูกค้าที่อยากให้ไอดีของตัวเองอยู่ในระดับแรงก์ที่สูงเหนือกว่าใคร ซึ่งผู้เขียนคิดว่าผู้กำกับ และ ทีมสร้างสามารถตีโจทย์ และ นำเสนอเรื่องราวดังกล่าวออกมาได้อย่างน่าสนใจ และชวนติดตามมาก ๆ

อย่างแรกคือการตัดสินใจที่จะไม่ลงรายละเอียดของ ‘รูปแบบการเล่น และ การแข่งขันภายในเกม’ มากนัก และ เลือกที่จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของกลุ่มตัวละครหลักที่ต้องเผชิญกับปมปัญหาต่าง ๆ เป็นหลัก

มันจึงทำให้ตัวภาพยนตร์มีความชัดเจนในเนื้อหาที่อยากจะเล่า และ ไม่พาผู้ชมหลุดไปจากประเด็นดังกล่าวมากนัก ซึ่งหากว่ากันตรง ๆ มันก็คือการโกงนั่นแหละ และ หากถูกจับได้ บทลงโทษของคน ‘จ้าง’ หรือ ‘รับจ้าง’ ก็คือการถูกแบนออกจากเกมนั้น ๆ หรืออาจถูกแบนจากวงการเกม และ ดูเหมือนว่าผู้กำกับ และ ทีมสร้างจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ประเด็นของการรับจ้างปั๊มแรงก์เท่านั้น แต่พวกเขาเลือกที่จะลอง ‘ขยายผล’ ของประเด็นดังกล่าวให้กว้างขึ้นว่าหากการรับจ้างปั๊มแรงก์มันสามารถทำเงินได้ดีจนเติบโตเป็นธุรกิจได้จริง ๆ มันจะเป็นอย่างไร

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว อาชญาเกม

หนังจะเล่าผ่านสายตาของ ยู (กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ หรือ กิต วง Three Man Down) เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการเล่นเกม แต่มักถูกคนรอบตัวมองว่าไม่มีอนาคตโดยเฉพาะจากพ่อของเขา (ดู๋-สัญญา คุณากร) ที่มองว่าเอาแต่เล่นเกมจนไม่ไปเรียนไม่หางานทำ โชคดีที่บ้านของยูมีธุรกิจงานพิมพ์เล็ก ๆ พ่อจึงใช้ยูไปส่งของให้ลูกค้าบ้าง

วันหนึ่งเขาได้รับข้อเสนอจาก โฮม (เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ) ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมรับจ้างปั๊มแรงก์ที่ชื่อ The Up Rank ร่วมกับ พีท (แจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) อดีตโปรเพลเยอร์อีสปอร์ตที่ยังมีฝีไม้ลายมือเป็นกำลังหลักของทีมปั๊มแรงก์ และ ทอย (มีน-สุดารัตน์ ผุงศิริ) สตีมเมอร์สาวสวยที่เป็นแฟนกับพีททำหน้าที่ประสานงานกับลูกค้า อาชญาเกม เต็มเรื่อง เมื่อกิจการไปได้ดีโฮมเริ่มคิดการใหญ่ขยายจำนวนทีมเพื่อรับจ้างปั๊มแรงก์ให้ได้มากขึ้นโดยไปกู้เงินนอกระบบจากมาเฟีย (เฟิด-คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ หรือ เฟิด วง Slot Machine) ซึ่งเป็นก้าวที่ทำให้โฮมถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว และ เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นดังหวังจนทีมเริ่มแตก โฮมก็เริ่มใช้อำนาจจอมบงการเข้าควบคุมทุกคนโดยไม่เลือกวิธีการ

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว อาชญาเกม

จุดเด่นข้อต่อมาที่เราอยากชื่นชมเป็นการส่วนตัวคือ งานโปรดักชันที่เข้ามาเสริมให้บรรยากาศของภาพยนตร์จริงจัง และ เข้มข้นมากขึ้นหลายเท่า อาชญาเกม รีวิว ทั้งการเลือกใช้การตัดต่อแบบ Quick-Cut เพื่อให้เรื่องราวในบางฉากมีความกระชับ และ ดูน่าสนใจ หรือการเลือกใช้มุมกล้อง และ การจัดแสงเพื่อขับเน้นคาแรกเตอร์ของตัวละครให้โดดเด่นขึ้นมา ทั้งความน่าเกรงขามของเจ้าพ่อมาเฟียที่รับบทโดย เฟิด-คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ (เฟิด Slot Machine)

ที่แม้จะออกมาน้อย แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายของตัวละครตัวนี้ได้ทุกครั้ง หรือจะเป็นการเปลี่ยนสีเสื้อผ้าที่ตัวละครยูสวมใส่เพื่อนำเสนออารมณ์ และ ความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวละคร ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็ยังมีจุดที่เรารู้สึกเสียดายในแง่ของการนำเสนอ Background และ ปมปัญหาของตัวละครให้ผู้ชมรู้จัก

ซึ่งเราคิดว่าผู้กำกับ และ ทีมสร้างใช้เวลาในการเล่าเนื้อหาส่วนนี้น้อยไปสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น เหตุผลที่ผลักดันให้โฮมต้องการเงินจำนวนมาก เขาจึงทุ่มเททุกอย่างเพื่อธุรกิจปั๊มแรงก์ ภาพยนตร์ก็เลือกที่จะเล่าประเด็นดังกล่าวผ่านบทสนทนาสั้น ๆ ไม่กี่ประโยค และ ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน หรือจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างยูและพ่อ (ดู๋-สัญญา คุณากร) ที่ภาพยนตร์พาเราไปรู้จักพวกเขาเพียงผิวเผินเท่านั้น

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม เรื่องนี้เป็นการจับมือกันทำหนังของ 2 นักทำหนังรุ่นใหม่ อย่าง “กัลป์ กัลย์จาฤก” และ “โอ๊ต-วทัญญู อิงควิวัฒน์” ที่พวกเขาเลือกที่จะหยิบเอาวงการด้านมืดของวงการเกม อาชญาเกม pantip และ อีสปอร์ตมาตีแผ่ ผ่านวงการปั้มแรงค์เกมที่ถือว่าเป็นกิจการใต้ดินที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เล่นที่มีฝีมือ และ อาจจะต่อยอดให้กับตัวเอง เป็นด้านมืด ๆ เทา ๆ ที่นานครั้งจะเห็นวงการหนังไทยหยิบเล่นอะไรแบบนี้มาขึ้นจอใหญ่สักหน และ เรื่องนี้ก็กล้าที่จะนำเสนอประเด็นนี้ออกมาแบบขึงขัง

นอกจากนี้ผู้กำกับ และ ทีมสร้างก็สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ของตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวออกมาได้น่าสนใจ ไม่มีใครโดดเด่นมากน้อยไปกว่ากัน เช่น ยู เกมเมอร์หนุ่มที่เป็นตัวแทนในการพาผู้ชม (ทั้งคนที่เล่นเกมอยู่แล้วหรือไม่เล่นก็ตาม) เข้ามาทำความรู้จักพื้นที่สีเทาของวงการเกมภายในเรื่อง พร้อมชวนเราตั้งคำถามว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ และ เราควรจะทำอย่างไรหรือมีมาตรการอะไรเพื่อมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างเห็นผลที่สุด หรือ ทอย

ซึ่งเป็นตัวแทนของสตรีมเมอร์สาวที่เผยให้เราเห็นว่าแม้เธอจะสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองด้วยการเล่นเกมก็ตาม แต่ขณะเดียวกันเธอก็ต้องเผชิญกับคอมเมนต์บนโลกโซเชียลที่ไม่ให้เกียรติ จนหลายครั้งก็ลามไปถึงการใช้ถ้อยคำที่ส่อไปทางเหยียดเพศหรือคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ยังคงเกิดขึ้นจริงกับสตรีมเมอร์หลายคนในปัจจุบัน และ พีท อดีตโปรเพลเยอร์ที่ถูกเพื่อนร่วมทีมเหยียดหยามในความสามารถจนตัดสินใจลาออกมาทำงานรับจ้างปั๊มแรงก์ร่วมกับโฮม

เพียงแต่ว่าน่าเสียดายไปสักนิด เพราะในท้ายที่สุดแล้วนั้น The Up Rank อาชญาเกม กลายเป็นหนังที่ค่อนข้างจะเพลย์เซฟไปสักหน่อย หนังยังไม่สามารถเข้าถึงแก่น และ ด้านหม่นของวงการเกมที่หยิบมาชูเป็นประเด็นของหนังได้อย่างได้เข้มข้นสักเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกเหมือนยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะตีแผ่ สุดท้ายจึงกลายออกมาเป็นบทหนัง และ การเล่าเรื่องที่เพียงแค่นำเสนอในระยะผิวเผินของวงการนี้เท่านั้น ไม่ได้ยั้งลึก ไม่ได้สร้างมิติ และ ยังไม่มีแก่นสารที่หนักแน่นมากพอนัก

บทสรุป

ในภาพรวมแล้ว แม้ว่า The Up Rank อาชญาเกม จะมีจุดที่ทำให้เรารู้สึกติดขัดอยู่บ้าง แต่ด้วยกลวิธีนำเสนอที่สร้างสรรค์ งานโปรดักชันที่เก็บทุกรายละเอียด ปมปัญหาหลักของเรื่องที่นำเสนอได้น่าสนใจ รวมถึงการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคนที่ชวนให้เราเข้าใจ และ มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร อาชญาเกม ภาพยนตร์

ทั้งหมดนี้จึงส่งให้ The Up Rank อาชญาเกม เป็นภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่องของปีนี้ที่มีความแปลกใหม่ และ นำเสนอเรื่องราวอีกแง่มุมหนึ่งของวงการเกมออกมาได้อย่างน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

หนังไทยnetflix สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาแนะนำภาพยนตร์ไทย สุดอินดี้ แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ไช่สำหรับทุกคน โดยเป็นภาพยนตร์เรื่อง จำเนียร วิเวียน โตมร หนังไทยที่มีความยาว 115 นาที นำแสดงโดย ชมพู่ อารยา, บอย ปกรณ์ และ อาเล็ก ธีรเดช หนังจากค่าย M39 กำกับโดย ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ที่เค้าการันตีมาว่าเป็นหนังตลก จะตลกจริงหรือตลกฝืดก็ต้องไปพิสูจน์ด้วยตาคุณเอง เพราะกระแสไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก

ส ปอย หนัง เป็นประจำทุกปีที่ค่ายหนัง M39 โดยผู้กำกับอารมณ์ดี ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ จะต้องส่งหนังสายฮาอารมณ์เข้ามาสร้างสีสันในแวดวงภาพยนตร์เพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่แห่งการเฉลิมฉลองที่กำลังจะมาถึง ซึ่งสำหรับปีนี้เจ้าตัวก็ได้ส่งภาพยนตร์บู๊-คอมเมดี้อย่าง จำเนียรวิเวียนโตมร เข้ามารับหน้าที่ดังกล่าว ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

ชื่อภาพยนตร์ : จำเนียร วิเวียน โตมร
ประเภท : โรแมนติก คอมเมดี้
ผู้กำกับ : ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์
นักแสดงนำ : ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต, บอย ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, อาเล็ก ธีรเดช เมธาวรายุทธ

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร ก่อนไปดูได้เห็นตัวอย่างหนังหลายต่อหลายครั้งก็ยังรู้สึกแบบเดิมซ้ำ ๆ ว่า “น่าจะฝืด” เนื่องจากไม่รู้สึกถึงความหวือหวา แปลกใหม่ หรือความตลกที่จะได้จากคนสวยหล่อ และ เดา ๆ ว่าน่าจะหมดมุกแล้วก็คงวน ๆ กลับไป กลับมา กับนักแสดงเดิม ๆ หลายปีที่ผ่านมา “รฤก และ ผกก. ยอร์ช ฤกษ์ไกร” เองก็มีเรื่องที่ตลกแต่ยังไม่มีเรื่องไหนสามารถทลายกำแพงของ “แสบสนิทศิษย์ส่ายหน้า” ที่เคยโด่งดังมาก และ ถือเป็นผลงานการันตีฝีมือ “ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้” ที่เรียกเสียงฮาจนต้องซื้อแผ่นกลับมาดูซ้ำที่บ้านลงได้

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

หนังเรื่อง จำเนียร วิเวียน โตมร เป็นเรื่องราวของ วิเวียน ที่ไปขอพรเรื่องความรักจากศาลเจ้าซึ่งเป็นเหตุให้มีชายหนุ่มสองคนเข้ามาพัวพันในชีวิตเธอ นั่นคือ จำเนียร และ โตมร ที่ทั้งสองต่างแย่งชิงความรักจากหญิงสาว ในขณะเดียวกันพวกเขาก็กำลังถูกหมายตาจากแก๊งอันธพาลผู้ทรงอิทธิพลในชุมชนย่านนั้น ส่งผลให้ทั้งสามต้องฝ่าฟันทั้งเรื่องราวชุลมุน และ การหาทางออกให้กับความรัก สุดพิสดารในครั้งนี้

ซึ่งขอบอกก่อนเลยว่า ถ้าใครคิดจะดูเรื่องนี้ไม่ต้องใช้สมองเยอะมันเปลืองพลังงาน ดูขำ ๆ ยามว่างก็พอจ้า พล็อตชายสองคนแข่งกันจีบสาวงามหนึ่งคน แล้วจู่ ๆ ก็แต่งงานกันอยู่กินกันสามคน โดยมีการตามราวีจากแก๊งอันธพาล ไปดูหนังเรื่องนี้ ห้ามพกสมองไปดูเด็ดขาด เพราะหนังหาเนื้อหาสาระไม่ได้ พล็อตกลวงอย่างไร้แก่นสาร ชายสองคนแข่งกันจีบสาวงามหนึ่งคน จู่ ๆ ก็แต่งงานกันอยู่กินกันสามคน มีการราวีจากแก๊งขาลอยเป็นซับพล็อตซึ่งเหมือนมาเอาฮาอย่างเดียว ฉากบู๊ดูปลอม ๆ อย่างตั้งใจปลอม มุกตลกก็มีทั้งฮาบ้างไม่ฮาบ้าง แต่บางอันก็ฮาระดับสิบกะโหลก จําเนียรวิเวียนโตมร เต็มเรื่อง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

จุดเด่นอย่างแรกสำหรับหนังเรื่องนี้มาจากตัวอย่างภาพยนตร์ที่ผู้กำกับเลือกตัดมาให้ผู้ชมได้เห็นว่าเรื่องราวของภาพยนตร์ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรักแบบชาย 2 หญิง 1 (ซึ่งทั้งสามฝ่ายต่างยินยอมน้อมรับเงื่อนไขนี้) นับเป็นลักษณะการวางพล็อตที่น่าสนใจทีเดียวว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร และ ตัวละครแต่ละฝ่ายจะประคับประคองความสัมพันธ์แบบนี้ไปตลอดรอดฝั่งได้หรือไม่

ความพิเศษอย่างที่สามสำหรับภาพยนตร์ ก็คือความปังของคอสตูมที่มีความวินเทจ ในเลเวลที่เสริมภาพลักษณ์ของตัวละครได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะชุดของฝ่ายนางเอก ที่สะท้อนถึงความเชื่อเรื่องโชคลางของเจ้าตัว ทั้งยังสามารถบ่งชี้ยุคสมัยของเรื่องได้แบบคร่าว ๆ อีกด้วยนอกเหนือจากความแปลกใหม่ที่กล่าวไปนั้น…เนื้อเรื่องของภาพยนตร์ก็ดำเนินไปอย่างตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย ทั้งตัวเอก และ ตัวร้ายต่างมีบุคลิกการแสดงออกที่ชัดเจน

อีกทั้ง พระ-นาง แต่ละคนต่างรับส่งมุกกัน อย่างไม่ห่วงหล่อห่วงสวย ทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกร่วมไปกับอารมณ์ขัน ที่ผู้กำกับและทีมเขียนบทออกแบบไว้ได้ แต่ที่เด็ดกว่านั้นก็คือเหล่านักแสดงสมทบสายฮาทั้งหลายแหล่ (ทั้งตัวหลัก และ นักแสดงรับเชิญ) ที่พร้อมจะระดมมุกแย่งซีนกันตลอดเวลา ชนิดที่ว่าควรมีสักคนที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบจากเวทีประกาศผลรางวัล จําเนียร วิเวียน โตมร เรื่องย่อ

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร

รีวิว จำเนียรวิเวียนโตมร กลุ่มเป้าหมายของหนังที่ไม่ว่าจะยังไงก็จะต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่ ๆ คือกลุ่มฐานแฟนคลับสามนักแสดงนำในเรื่อง โดยเฉพาะแฟน ๆ ของสองพระเอก บอย – ปกรณ์ และ อาเล็ก – ธีรเดช ฟินลืมแน่นอน มีฉากให้จ้งให้จิ้น กรี๊ดจิกเบาะกันหลายช็อตหลายซีน ส่วน ชมพู่ – อารยา สวยงามตามท้องเรื่อง ชอบแฟชั่นชุดนางทุกชุดทุกสีส่วนคนดูทั่วไปที่ไม่ใช่ติ่งดารา

ถึงแม้อาจจะไม่องไม่อินกับอะไรสักอย่างของหนังก็ไม่เป็นไร เพราะหนังยังมีข้อดีที่ดีมากอยู่อย่างนึง นั่นก็คืองานโปรดักชั่น และ คอสตูมดีไซน์ สีสวยมาก วินเทจอย่างมีสไตล์โดยสรุป จำเนียร วิเวียน โตมร เป็นหนังที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก เป็นหนังเซอร์วิซแฟนคลับ ถ้าไม่ใช่แฟนคลับ ก็คิดซะว่าไปดูเอาคลายเครียดส่งท้ายปี ไปนั่งดู บอย – ปกรณ์ และ อาเล็ก – ธีรเดช แข่งกันจีบ ชมพู่ – อารยา และ ก็ชื่นชมความเป๊ะของ ชมพู่ – อารยา กับแฟชั่นวินเทจ 7 วัน 7 สีของนาง ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ย่ำแย่อะไร จําเนียร วิเวียน โตมร pantip

บทสรุป

กล่าวได้ว่า จำเนียรวิเวียนโตมร เป็นหนังที่เน้น “ความฮา” มากกว่าตรรกะ และ สาระว่าด้วย “การเลือกคนดีมาเป็นคู่ครอง” อย่างเห็นได้ชัด…อีกทั้งระดับความตลกของเรื่องอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานภาพยนตร์คอมเมดี้ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่ง ที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังหาความบันเทิงมาเสพแบบไม่ต้องคิดอะไรมากในช่วงปลายปีนี้ เรื่องนี้อาจไม่เหมาะกับลูกเล็กเด็กแดงนัก หากพาลูกไปดูก็อย่าลืมแนะนำด้วยว่าอันไหนไม่ควรทำตาม

แนะนำว่าเหมาะกับวัยรุ่นขึ้นไป เพราะหนังเองก็แทรกมุกทะลึง ทะเล้น และ ใช้คำหยาบคาย มาอยู่เป็นระยะ ๆ แต่รับรอง “ได้เสียงหัวเราะ” กลับมาแน่ ๆ และ ไม่ทำให้รู้สึกเสียดายค่าตั๋วสำหรับหนัง “โรแมนติกคอมเมดี้” ของคนไทย ถึงแม้เราจะไม่ใช่แฟนคลับเหล่านักแสดงนำที่ตั้งตารอดูฉากแฟนเซอร์วิสก็ตาม สรุปแล้วเป็นหนังที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก

ก็คิดซะว่าไปดูเอาคลายเครียดส่งท้ายปี ไปนั่งดู บอย – ปกรณ์ และ อาเล็ก – ธีรเดช แข่งกันจีบ ชมพู่ – อารยา และ ก็ชื่นชมความเป๊ะของ ชมพู่ – อารยา กับแฟชั่นวินเทจ 7 วัน 7 สีของนาง ก็เป็นเรื่องที่ไม่ได้ย่ำแย่อะไร ส่วนตัวให้คะแนนโดยรวม 6 ครับ จําเนียร หาดใหญ่