Category Archives: รวมรีวิว

รีวิว เมมโมรี่ รักหลอน

รีวิว เมมโมรี่ รักหลอน

รีวิว เมมโมรี่ รักหลอน

หนังไทยย้อนยุค โดยวันนี้เราจะแนะนำหนังไทยสุดหลอน สุดเขย่าขวัญที่ขึ้นชื่อของไทยเลยกะว่าได้ด้วย ความหลอน ที่มันน่ากลัวจริงๆ ในสมัยนั้น คือเป็นหนังผีไทยที่ดีมากๆเลย วันนี้แอดจึงอยากหยิบยกมารีวิวให้เพื่อนๆฟังกันอีกครั้ง หลังจากที่เราได้เห็นบทบาทของเพื่อนสนิทอย่าง มาช่า วัฒนพานิช …ในหนังเรื่อง แฝด หลังจากหายผลงานทางจอเงินไปกว่า 15 ปี วันนี้เราจะได้เห็นบทบาทของ ใหม่ เจริญปุระ ในบทนำเต็มๆบนจอเงิน หลังจากหายไป 7 ปีเต็มบ้าง นับตั้งแต่การขึ้นจอสะกดสายตาและอารมณ์คนดูในหนังประวัติศาสตร์ย้อนยุคของหม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เรื่อง สุริโยไท

เมมโมรี่ รักหลอน คือหนังที่ ใหม่ เจริญปุระ กลับมาได้ถูกที่ถูกทางถูกเวลาเป็นอย่างยิ่ง เพราะท่ามกลางหนังไทยทุกวันนี้ที่มีแต่หนังตลกขายตลกคาเฟ่มุกใต้สะดือด่าพ่อล่อแม่ หรือจะเป็นหนังสิ้นคิดของทีมผู้สร้างที่กะจะขายดารานักแสดงหน้าเดิมๆ …เรื่องนี้ตีโจทย์แตก ด้วยความแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับหนังไทยทุกวันนี้ ถือเป็นอีกทางเลือกที่สมราคาคุย และคุ้มค่ากับเวลาและค่าตั๋วที่เสียไปได้ …

หนังหลายๆเรื่องดังได้เพราะบารมีของนักแสดง ซึ่งการคัดเลือกแสดงให้เหมาะสมกับบทบาทนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับ Memory…รักหลอน นั้น เป็นการประกบกันครั้งแรกของ “อนันดา” และ “ใหม่ เจริญปุระ” ซึ่งในรายหลังนั้นเป็นดาราที่มากไปด้วยฝีมือ แต่ว่านานๆเราจะได้เห็นเธอได้ลงจอหนังซักที

เรื่องนี้มาในแนว ดราม่าทริลเลอร์ (ออกจะติดเรทด้วยซ้ำ) ที่มีตัวละครหลักๆเพียง 3 คนดำเนินเรื่อง หนังนำเสนอเรื่องราวในเชิงจิตวิทยา เริ่มจากแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งลูกสาว “น้องแพร” มีอาการทางประสาทเห็นภาพหลอนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ “กฤษ” นักจิตแพทย์หนุ่มต้องเข้าเยียวยารักษา โดยใช้วิธีกึ่งบังคับที่ทาง “อิงอร” ผู้เป็นแม่นั้นไม่มีทางปฏิเสธได้ … ดูหนังออนไลน์

Memory…รักหลอน : นึกว่าดูหนังผีนะเนี่ย!!!

รีวิว เมมโมรี่ รักหลอน

รีวิวหนังดัง หนังหลายๆเรื่องดังได้เพราะบารมีของนักแสดง ซึ่งการคัดเลือกแสดงให้เหมาะสมกับบทบาทนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ สำหรับ Memory…รักหลอน นั้น เป็นการประกบกันครั้งแรกของ “อนันดา” และ “ใหม่ เจริญปุระ” ซึ่งในรายหลังนั้นเป็นดาราที่มากไปด้วยฝีมือ แต่ว่านานๆเราจะได้เห็นเธอได้ลงจอหนังซักที

เรื่องนี้มาในแนว ดราม่าทริลเลอร์ (ออกจะติดเรทด้วยซ้ำ) ที่มีตัวละครหลักๆเพียง 3 คนดำเนินเรื่อง หนังนำเสนอเรื่องราวในเชิงจิตวิทยา เริ่มจากแม่ลูกคู่หนึ่ง ซึ่งลูกสาว “น้องแพร” มีอาการทางประสาทเห็นภาพหลอนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ “กฤษ” นักจิตแพทย์หนุ่มต้องเข้าเยียวยารักษา โดยใช้วิธีกึ่งบังคับที่ทาง “อิงอร” ผู้เป็นแม่นั้นไม่มีทางปฏิเสธได้ … ดูหนัง

รีวิว เมมโมรี่ รักหลอน

SPOIL สุดๆ !! โปรดระวัง …

เรื่องราวของคนเหงา 3 คนที่มีอาการทางจิต อิงอร มีภูมิหลังอันข่มขื่นสุดๆ เธอเกลียดผู้ชายประหนึ่งซาตานเลยทีเดียว เธอบอกน้องแพรอยู่เสมอว่า ผู้ชายทุกคนคือ “ผี” และ ห้ามพูดคุยกับผู้ชายทุกคน และ จากเหตุการณ์ที่ อิงอร ขว้างก้อนหินใส่เด็กชายข้างบ้านจนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาน้องแพร ส่งผลให้ลูกสาวของเธอต้องมีอาการประสาทหลอนอยู่ตลอดเวลา …

กฤษเองก็สูญเสียคนรักไป ทำให้เขาต้องอยู่อย่างเปลี่ยวเหงาเดียวดายมาตลอด สัญญาต่างๆที่เคยมีให้กับคนรัก กลับตามมาหลอกหลอนตัวเขาอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อกฤษเองรู้ตัวว่าเขาทำผิด ไม่สามารถทำได้อย่างที่เคยสัญญาไว้ และ หลายๆครั้งที่ภาพของคนรักเก่ายังคงวนเวียนอยู่ในบ้านของเขาเสมอ

จากการที่ กฤษ ต้องเข้าบำบัดน้องแพร ทำให้ต้องเข้าๆออกๆบ้านของอิงอร อยู่บ่อยครั้ง และ ด้วยความที่ กฤษ นั้นทั้งเอ็นดู และ สงสาร ทั้งยังปฏิบัติกับน้องแพรเสมือนลูกแท้ๆ อิงอรจึงเห็นความจริงใจ และ ความพยายาม จึงยอมรับในตัวเขามากขึ้น ความสัมพันธ์ที่เคลือบแคลงของทั้งคู่จึงเริ่มพัฒนาไปจนกลายเป็นสัมพันธ์สวาทที่แอบแฝงไปด้วยความเคียดแค้นในอดีตของอิงอร ซึ่งกฤษเป็นเพียงเหยื่อคนหนึ่งของอิงอรเท่านั้น …

เมื่อกฤษได้เข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของอิงอร การแก้แค้นก็เริ่มต้นขึ้นโดยที่กฤษไม่รู้ตัว ซึ่งในขณะนั้นกฤษทั้งรัก และ เห็นใจอิงอรมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามอิงอรกลับเห็นกฤษเป็นตัวอันตรายมากขึ้นตามไปด้วย … จนวันหนึ่งที่กฤษได้รู้ความจริงว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจาก คนที่เขาที่กำลังรักอยู่ตอนนี้ ความผิดหวัง และ ความสับสนทำให้กฤษพยายามค้นหาความจริงที่เกิดขึ้นกับเธอให้ได้ …

รีวิว เมมโมรี่ รักหลอน

และ กฤษก็ได้รู้เรื่องทั้งหมดหลังจากอิงอรทำเขาปางตาย และ หลบหนีไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกที่มีต่ออิงอรลดน้อยลงไปเลยซักนิด … จนในที่สุดวันที่เขารอคอยก็มาถึง เมื่อเขาได้พบกับอิงอรอีกครั้ง ในสถานการณ์ที่อิงอรกำลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตาย แต่ก็สายเกินกว่าที่กฤษจะทำอะไรได้ดีไปกว่าการเกลี้ยกล่อมให้เธอรับความช่วยเหลือจากเขา … แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่ออิงอรตัดสินใจเลือกที่จะหนีความจริง แล้วไปจากชีวิตเขาตลอดกาล … หลังจากนั้นความจริงทุกอย่างก็เปิดเผย แต่ที่น่าตกใจไปกว่านั้นคือเด็กผู้หญิงที่อ่อนโยน และ น่ารักในสายตาผู้ชมทั้งโรง กลายเป็นเด็กผู้ชายที่มีแต่ความกลัวจากการกระทำของผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้า …

วิจารณ์: สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถ่ายทอดออกมาได้ดี คือ นักแสดงนำทั้ง 3 คน ที่ควรรับเครดิตไปเต็มๆ องค์ประกอบต่างๆในหนังอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ทั้งการถ่ายทำ การลำดับภาพ รวมไปถึงการจัดฉากต่างๆ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจมากๆของผู้กำกับ ในส่วนของการดำเนินเรื่องก็น่าติดตาม เต็มไปด้วยความลึกลับ และ น่าสงสัย แต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัวอยู่ตลอดทั้งเรื่อง สุดท้ายหนังก็เฉลยทุกๆอย่างให้คนดูเคลียร์ได้ในตอนจบ และเป็นการหักมุมที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลย… ดูหนังออนไลน์

สรุป เมมโมรี่ รักหลอน

รีวิวหนังดัง หนังจะมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักจิตวิทยา ที่เข้ามาสนับสนุนเหตุ และ ผลของไคลแม็กซ์ของเรื่อง ซึ่งตรงนี้เป็นหน้าที่คนดูที่จะต้องตีโจทย์บทสรุปของหนังให้แตก เพราะทันทีที่เมื่อหนังกำลังจะเข้าสู่บทเฉลยปมของทั้งเรื่อง ..หนังก็จะยัดเอารายละเอียดของปมสำคัญต่างๆที่มีมาทั้งเรื่อง ใส่เข้ามาให้คนดูแอบมึน คิดตามกันไม่ทัน แต่พอหนังจบจริงๆแล้ว คนดูที่ไม่พลาดแม้แต่สักฉากเดียว จะร้อง อ๋อ ได้อย่างไม่ยาก เพราะท้ายที่สุด หนังก็มีคำอธิบายต่างๆนานา ที่สอดคล้องกับหลักจิตวิทยาข้างต้น เข้ามาเคลียร์ความสงสัยให้แจ่มยิ่งขึ้น

สิ่งที่คุ้มค่าในหนังเรื่องนี้ที่ถือว่าคุ้มค่าจริงๆ นั่นก็คือ การแสดงอันทรงพลังของ ใหม่ เจริญปุระ ที่ตลอดเวลาของการขึ้นจอ ในมาด อิงอร สาวผู้มีอดีตอันแสนเจ็บปวดและทุกทรมานที่ถ่ายทอดสิ่งที่เหมือนเป็นดาบสองคมให้กับลูกของเธอ เพราะไม่อยากให้ลูกต้องพรากจากเธอ บทนี้ต้องใช้มิติเยอะ ในการที่สร้างความน่าเชื่อถือให้กับคนดู

เพราะเธอจะมาพร้อมแคแรกเตอร์ที่มีหลายบุคลิก น่าค้นหา ลึกลับ เย้ายวน แข็งแกร่ง อ่อนไหว ซึ่งจะเป็นการสลับสับเปลี่ยนกันไป ภายในชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่ใหม่ ก็ถ่ายทอดออกมาได้เยี่ยมยอด อารมณ์ สีหน้า ท่าทาง การแสดง เธอเข้าถึงบทอิงอรสุดๆ นึกไม่ออกเลย ถ้าไม่ได้เธอมารับบทนี้ ใครจะเป็นคนมาเล่นแทนเธอ

และแน่นอน เมื่อช่วงเวลาการเข้าชิงรางวัลเกี่ยวกับด้านภาพยนตร์มาถึงปลายปี – ต้นปีหน้า จะต้องมีชื่อเธอไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน และเผลอๆ ใหม่ เตรียมเป็นผู้ชนะ ขึ้นรับรางวัล นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมแห่งปีได้เลย (หนึ่งในจำนวนผู้เข้าชิง ใหม่อาจจะต้องไปชิงดำกับ พลอย เฌอมาลย์ จาก สี่แพร่ง, แอม ฉายนันท์ จาก Happy Birthday, มะหมี่ นภคปภา จาก ลองของ 2 และน้องเกรซ จาก ส้มตำ แว๊กกกกกกกก !!!)

สรุป: เป็นหนังที่ขายแนวจริงๆครับเรื่องนี้ มีการเขียนบทได้อย่างชาญฉลาด และไม่ซ้ำกับหนังหลายๆเรื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งถ้าพูดกันถึงคุณภาพแล้ว สำหรับผมให้เรื่องนี้อยู่ในขั้น “ดี” เลยครับถ้าเทียบกันในหนังไทยด้วยกัน ใครเป็นคอดราม่า หรือชอบหนังผี น่าจะชอบนะครับ ส่วนคนที่ไม่ชอบอะไรที่มันลึกลับซับซ้อนก็ข้ามผ่านเรื่องนี้ไปได้เลยครับ ดูหนัง

My Score: 8/10

กำกับ ต่อพงศ์ ตันกำแหง
นักแสดงนำ ใหม่ เจริญปุระ , อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม , ซัน คัมภิรานนท์ , ภารุจีร์ เข็มสวัสดิ์ , ราชวัติ ขลิบเงิน , อดุลย์ ดุลยรัตน์
ผู้จัดจำหน่าย เอ.จี. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ พระนครฟิลม์
วันฉาย 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2551
ประเทศ ไทย
ภาษา ไทย

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

 

หนังไทยมาใหม่ หนังภาพยนตร์แอคชั่น แฟนตาซี เรื่องนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของวงการหนังไทยเลยกะว่าได้ เนื่องจากกราฟฟิกสุดอลังกาลที่ใช้ CG ขั้นสูงมาใช้อย่างที่ไม่เคยมีหรือน้อยมากๆ ในวงการหนังไทย หนังมอนสเตอร์ไทย กำกับโดย ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์ นักแสดงนำ กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า และ ปาล์ม – ศุภชัย สุวรรณอ่อน ดูหนังออนไลน์ โคตรแย้ยักษ์

สัตว์ประหลาดแย้ยักษ์สัญชาติไทย ที่ถ่ายทำ โดยเทคนิค CG ขั้นสูง ฝีมือคนไทยกับการเปิด สำหรับเทศกาล หนังนูชาเทล แฟนตาสติก นานาชาติ ได้จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2000 โดยมีเป้าหมายหลักคือนำเสนอภาพยนตร์แนวฌอง (Gnere) จากทั่วโลกให้ประชาชนชาวสวิสเซอร์แลนด์ และ ทั่วยุโรปได้ชม ตลอดระยะ 22 ปีที่ผ่านมา ดูหนังออนไลน์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

มีภาพยนตร์ดัง ๆ ที่เคยถูกเลือกฉายในเทศกาล ไม่ว่าจะเป็น “Valhalla Rising” ของผู้กำกับ นิโคลัส ไวน์ดิง เรฟน, “Under the Shadow” ของผู้กำกับ บาบัค อันวารี, “Enter the Void” ของ กัสปาร์ โน หรือ หนังไทย “ฉลาดเกมส์โกง” ของ ณัฐวุฒิ พูนพิริยะ เป็นต้น

ทั้งนี้ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เป็นตัวแทนหนังไทยเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ร่วมเทศกาลหนังดังกล่าวในปีนี้ โดยมีคิวฉายรอบปฐมทัศน์โลกในวันที่ 5 กรกฎาคม และ ยังมีฉายอีกรอบในเทศกาลในวันที่ 8 กรกฎาคม ตามลำดับ โดยนับว่าเป็นการเปิดตัวฉายอย่างเฉิดฉายในต่างแดน ก่อนกลับมาลงโรงในแฟนหนังชาวไทยได้ดูกันอย่างเต็มตาในวันที่ 28 กรกฏาคมนี้

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิวหนังดัง ที่เกิดขึ้นในดินแดนอีสานที่แห้งแล้ง ณ จังหวัดเลย ที่ประสบปัญหากับภัยแล้งเป็นประจำทุกปี จึงเกิดกลุ่มคนที่แย่งชิงการขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเกิดขึ้น กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำบาดาลที่จะสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาล เพียงเพราะต้องการหาแหล่งน้ำบาดาลพวกเขาจึงต้องตระเวน เจาะ ขุด หาแหล่งน้ำให้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน

แต่ใครจะรู้เลยว่าการขุดเจาะ ในครั้งนี้จะเปลี่ยนจากดินแดนสวรรค์ ให้กลับกลายเป็นนรก ในทันที เมื่อสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ ตื่นจากการจำศีลเพราะการถูกปลุก จากพวกเขา โดยเนื้อหาของ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ที่เปิดเผยออกมาในตอนนี้ จะว่าด้วยเรื่องราวของ เก้า (กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล) แรปเปอร์หนุ่มที่กำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตมากมาย ดูหนัง

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อพักผ่อนจิตใจ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเก้าต้องมาเผชิญหน้ากับแย้ยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และ เข้าทำร้ายชาวบ้าน ภาพยนตร์จะได้ ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์ มานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมด้วย กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล

จากซีรีส์ The Graduates บัณฑิตเจ็บใหม่ (2563), ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ ดูหนังฟรี จากซีรีส์ Me Always You รักวุ่นวาย ยัยตัวป่วน (2564), จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า จากซีรีส์ Bangkok รัก Stories ตอน Please (2560) และ ปาล์ม-ศุภชัย สุวรรณอ่อน จากละคร ไปให้ถึงดวงดาว (2564) มารับบทนำ

สรุป LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิวหนังดัง สำหรับ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เป็นหนังแอคชั่นไซไฟ ระทึกขวัญที่ว่าด้วยการค้นพบเจ้าแย้ตัวใหญ่ยักษ์ออกมาอาละวาด โดยเป็นผลงานการกำกับ หนังใหญ่ครั้งแรกของ “ชาลิต ไกรเลิศมงคล” และ “ชิตพล เรืองกัลป์” ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเทคนิคพิเศษ และมิวสิควิดีโอ

ซึ่งจะได้ Fatcats Studio ผู้สร้างงานเทคนิคพิเศษอันดับต้น ๆ ของไทยมาสร้างสรรค์ผลงานร่วมด้วย พร้อมกับมี “กอล์ฟ พิชญะ” และ “ฟาง ธนันต์ธรญ์” แสดงนำ โดยในงาน “I am monster Line up 2022” ที่เพิ่งจัดขึ้นเพื่อเปิดตัวจักรวาลหนังสัตว์ประหลาด 3 เรื่อง ได้แก่ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์, แสงกระสือ 2, The One Hundred นั้น ทาง เนรมิตรหนัง ฟิล์ม ได้ปล่อยทีเซอร์ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ให้ดูกันเป็นครั้งแรก

ผลปรากฎว่าได้รับความสนใจมากถึงขนาดมีผู้เข้ามาคลิกชมทีเซอร์ตัวอย่างภาพยนตร์วันแรก “1วัน 1ล้านวิว” ไปเป็นที่เรียบร้อย “Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนสุดแห้งแล้งแถบภาคอีสานในจังหวัดเลยที่ประสบปัญหากับภัยแล้งเป็นประจำทุกปี จึงเกิดกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำบาดาลที่จะสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาลเกิดขึ้น

พวกเขาตระเวน เจาะ ขุด หาแหล่งน้ำให้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน แต่ใครจะรู้เลยว่าการขุดเจาะในครั้งนี้จะเปลี่ยนดินแดนสวรรค์ให้กลับกลายเป็นนรกในทันที เมื่อสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ตื่นจากการจำศีลเพราะการถูกพวกเขาปลุกนั่นเอง สัตว์นักล่าสายพันธุ์ใหม่ขนาดมหึมาที่ล่าใครแล้วโอกาสรอดยาก พวกเขาต้องหาทางรับมือกับมันอย่างไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่จะรอดคือต้องสู้! ดูหนังออนไลน์

“Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” นำแสดงโดย กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล ประกบ ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ โดย กอล์ฟ-พิชญะ รับบท เก้า ศิลปินหนุ่มตกอับ ผู้ที่กลับมาบ้านเกิดเพื่อหวังจะล่าเงินล้านจากการขุดหาน้ำบาดาล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ รับบท ฝน อินฟลูเอ็นเซอร์สาว เจ้าของโปรเจกต์ล่าเงินล้าน

“Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” เป็นการจับมือกับ Fatcat Studios บริษัทสตูดิโอสเปเชียลเอฟเฟกต์ชั้นนำของเมืองไทย ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานคอมพิวเตอร์กราฟิก (CG) สุดยิ่งใหญ่มากมาย อย่าง นาคี 1- 2 และ ขุนแผน ฟ้าฟื้น ผนึกกำลังสร้างภาพยนตร์สัตว์ประหลาดสัญชาติไทย แนวแอ็คชั่น-ผจญภัย ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก ฉีกกรอบจากแนวหนังเดิม ๆ เพิ่มความแปลกใหม่ และ รสชาติใหม่ ๆ ให้กับคนดู พร้อมผลักดันวงการซีจีภาพยนตร์ไทยสู่สากล ดูหนัง

รายละเอียดหนัง
ฉายวันที่ : 28 กรกฎาคม 2022
ผู้กำกับ : ชาลิต ไกรเลิศมงคล, ชิตพล เรืองกัลป์
นำแสดงโดย : กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า, ปาล์ม – ศุภชัย สุวรรณอ่อน
ชื่อหนัง : LEIO (2022)
IMDB : N/A

รีวิว 2499 อันธพาลครองเมือง

รีวิว 2499 อันธพาลครองเมือง

รีวิว 2499 อันธพาลครองเมือง

หนังไทยย้อนยุค สวัสดีครับ หนังเรื่องอันธพาลครองเมืองนี้ ได้รับคำชมต่างๆมากมาย เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ทำให้หลายๆประเทศทั่วโลกได้รู้จักหนักไทยเลยก็ว่าได้ ผลงานเขียนบทภาพยนตร์ของวิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ยังได้ฝากลวดลายไว้ผ่านปากของตัวละครดังๆ ทั้งหลายอีกไม่น้อย ทีมงานผู้สร้างหนังเหล่านี้ มีพื้นฐานมาจากวงการโฆษณา เรารู้กันดีว่า วงการโฆษณาไทยนั้นเติบโตมหาศาลมาตั้งแต่ทศวรรษ 2520 และมาพีคสุดขีดในทศวรรษ 2530 ไม่แปลกอะไรที่ฉากไม่น้อยที่แทรกเข้ามา จะเป็นการเล่นกับภาพที่สวยราวกับถ่ายสารคดี เช่น ปลากัด งานบวช ฯลฯ องค์ประกอบเหล่านี้จะถูกปล่อยของออกมาเต็มๆ ในอีก 2 ปีข้างหน้าในหนังเรื่อง นางนาก ผู้กำกับคนเดียวกันที่ชื่อว่า นนทรีย์ นิมิบุตร ดูหนัง

รีวิว 2499 อันธพาลครองเมือง

รีวิวหนังดัง จากเดิมที่หนังที่หวังทำเงินจะต้องใช้ดาราหรือคนดังเป็นแม่เหล็กดึงดูด อย่างเช่น โลกทั้งใบให้นายคนเดียว (ปี 2538 – 55 ล้านบาท), สติแตกสุดขั้วโลก (ปี 2538-48 ล้านบาท), คู่กรรม (ปี 2538-44.5 ล้านบาท) กลายเป็นว่า ดาราใน 2499ฯ แทบจะเป็นดาราหน้าใหม่ทั้งหมด ตัวละครแต่ละตัวมีคาแรกเตอร์โดดเด่นเป็นที่น่าจดจำไม่ว่าจะเป็นแดง ไบเล่ (เจษฎาภรณ์ ผลดี), ปุ๊ ระเบิดขวด (ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ), ดำ เอสโซ่ (ชาติชาย งามสรรพ์), เชียร รถถัง (อภิชาติ ชูสกุล) โดยเฉพาะปุ๊ จะกลายเป็นตัวละครสำคัญต่อไปในฟ้าทะลายโจร และมนต์รักทรานซิสเตอร์

หนังเริ่มฉายในเดือนเมษายน 2540 ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะประกาศลอยค่าเงินบาทในเดือนกรกฎาคม หนังเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นผลผลิตท้ายๆ ของยุคฟองสบู่ที่ยังไม่แตกโพละออกมาในอีก 3 เดือนต่อมา บรรยากาศของหนังนั้นอยู่ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังโกอินเตอร์ในฐานะเสือทะยานฟ้า ข่าวสารที่หมุนเวียนอยู่ในหน้าหนังสือพิมพ์นั้น เราพูดถึงไทเกอร์ วูดส์ เรายกย่องแทมมี่ที่เป็นนักเทนนิสที่ไปไกลถึงระดับโลก ไทยคม 3 ที่ทักษิณ ชินวัตรมีเอี่ยวก็กำลังจะถูกยิงขึ้นวงโคจร

แต่ในทางกลับกัน wording ในหนังก็อาจสะท้อนความรู้สึกของยุคสมัยตอนนึงก็คือ “ในยุคสมัยที่นักการเมืองเอาแต่โกงกิน จนเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้ คิดจะหางานทำ ยังยากกว่าหาปืนสักกระบอกซะอีก” เป็นที่บังเอิญว่าขณะนั้นมีข่าวลูกชายนักการเมืองชื่อดังยิงคนในผับ ก่อนหน้านั้นก็มีบางคนที่ประกาศกร้าวว่า กูเป็นลูกใครแล้วยิ่งใส่รถคู่อริ บางคนก็ร่วมกับพวกทำร้ายร่างกายในผับจนเหยื่อเสียชีวิต

เมื่อเปรียบกับบริบทของหนังแล้ว มันคือช่วงปี 2500 ก่อนสฤษดิ์จะทำการรัฐประหาร และจุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ การกล่าวถึงศึกสิบสามห้างที่เกิดขึ้นในปี 2500 ที่เป็นหมุดหมายสำคัญของการปะทะและแตกหักกันระหว่างแก๊งไบเล่และแก๊งระเบิดขวด เมื่อเหตุการณ์จบลง ไม่นาน สฤษดิ์ก็ทำการรัฐประหารในเดือนตุลาคม 2501 สิ่งที่ตามมาก็คือ การกวาดล้างแก๊งค์อันธพาล และนักเรียนนักเลงทั้งหลาย ผลักดันให้พวกเขาออกนอกกรุงไปยังพื้นที่นอกกฎหมายแห่งใหม่นั่นคือ แถบอู่ตะเภาเพื่ออยู่รอดและหากินภายใต้ความเฟื่องฟูของย่านบันเทิงที่รองรับทหารจีไอที่มาทำสงครามเวียดนาม ดูหนังออนไลน์

รีวิว 2499 อันธพาลครองเมือง

2499ฯ เล่าเรื่องผ่านปากของเปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์ (อรรถพร ธีมากร) ในฐานะคนใกล้ตัวและเพื่อนสนิทคนหนึ่งของแดง ไบเลย์ พระเอกของเรื่อง เปี๊ยก คือ พยานสำคัญที่หลงเหลือมาเล่าชีวิตของแดงในฐานะที่อยู่ข้างๆ เขา ไม่ว่าจะสมัยวัยเรียน หรือสมัยที่ยิ่งใหญ่ในวงการนักเลง

แดง ไบเลย์ แม้ว่าจะเป็นนักเลง แต่ก็พูดจาสุภาพเรียบร้อย ผู้เขียนบทใช้สรรพนาม เรา-นาย ในบทสนทนา กระนั่นประวัติอาชญากรรมก็ได้บันทึกไว้ว่า แดงฆ่าศพแรกเมื่อเขาอายุได้เพียง 13 ขวบ เนื่องจากมีผู้ชายมารุ่มร่ามกับแม่ของเขา อาชีพของแม่ที่เป็น “ผู้หญิงหากิน” ดูจะเป็นปมในใจ จะเห็นว่า แดงโกรธเลือดขึ้นหน้า เมื่อเห็นว่า มีผู้หญิงถูกขังไว้เยี่ยงสัตว์ที่บ้านหมู่เชียร เพราะไม่ยอมไปทำงานขายตัว จนถึงกับซ้อมลูกน้องหมู่เชียรที่เป็นทอมจนสลบ แดงว่าไว้ “แม่งผู้หญิงด้วยกัน ทำกันได้ลงคอ”

เจมส์ ดีน (2474-2498) เป็นวัยรุ่นที่โด่งดัง แต่อายุสั้น เขาตายตั้งแต่วัยหนุ่มเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นหนึ่งไอคอนที่วัยรุ่นสมัยนั้นคลั่งไคล้ ส่วนอีกคนก็คือ เอลวิส เพรสลีย์ที่นอกจากจะมีเพลงที่ยอดนิยมแล้ว ท่าเต้นทวิสต์อันลือลั่นของเขากลายเป็นท่าต้องห้ามในไทยอยู่ช่วงหนึ่ง ลักษณะขบถของวัยรุ่นไทยในยุคนั้น มิใช่เป็นการขบถต่อระบบการเมืองแบบฝ่ายซ้าย แต่เป็นขบถแบบขวาที่มีพลังชายเป็นใหญ่ ตัดสินกันด้วยกำลัง ว่ากันว่า ยุคนั้นเป็นยุคที่มีอันธพาลมากกว่าพระ

ศพที่สองของแดง เกิดขึ้นในคืนส่งท้ายปีเก่า ในปีเดียวกับชื่อหนังนั่นเอง แดงบุกสังหารเฮียหมา ขาใหญ่แถบนั้น หลังจากที่เขาถูกเรียกไปสั่งสอน เหยียดหยามและคุกคามอย่างไร้ทางสู้ อย่างไรก็ตามศัตรูตลอดกาลที่น่าหวาดหวั่นของแดง กลับเป็นอดีตเพื่อนของเขาอย่างปุ๊ ระเบิดขวด และดำ เอสโซ่ อันธพาลที่ถูกเขียนบทให้ร้ายสุดขั้ว นั่นคือ หยาบคาย กักขฬะ ไม่ให้เกียรติผู้หญิง บุ่มบ่าม นิยมความรุนแรงโดยไร้เหตุผล โดยมีจุดแตกหักอยู่ในสมรภูมิที่เรียกว่า “ศึกสิบสามห้าง” บางลำภู

จุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่องคือ การรัฐประหารและนโยบายปราบอันธพาลของสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำให้แดงต้องระเห็จไปพึ่งหมู่เชียรที่อู่ตะเภา พระนครไม่ใช่แหล่งหากินที่ปลอดภัยของพวกเขาอีกต่อไปแล้ว ย่านนี้เติบโตขึ้นมาในฐานะรองรับความบันเทิงของทหารอเมริกันที่มาตั้งฐานทัพอยู่แถบนั้น ในช่วงสงครามเวียดนาม

และที่นั่น ปุ๊ กับ ดำก็ตามไปก่อเรื่องอีก อย่างไรก็ตามธุรกิจของหมู่เชียร รถถังที่ขยายตัวมากขึ้นกลับไปขัดแย้งกับผู้ใหญ่เต๊ก ผู้มีอิทธิพลประจำถิ่น ทำให้เขาถูกลอบสังหาร แล้วดูเหมือนว่า ปุ๊ กับ ดำจะมีส่วนกลายๆ แดงเคยเตื่อนหมู่เชียรว่า “ระวัง มันจะแว้งมากัดพี่” ความรุนแรงดังกล่าวไม่สิ้นสุด แดงและพรรคพวกได้ทำการฆ่าล้างแค้นให้

ตอนท้ายของเรื่องที่กลับมาบรรจบกับตอนเปิดเรื่องคือ ฉากที่แดงกำลังจะเข้าพิธีบวชนาคก่อนจะอุปสมบทเป็นพระ สุดท้ายแดงไม่ได้บวช เพราะถูกปุ๊และพรรคพวกเข้ามาก่อกวน ฉากยิงกันสนั่นวัด ให้อารมณ์หนังแก๊งสเตอร์ฮ่องกงแบบจอห์นวู

สุดท้าย แดงก็ถึงจุดจบ แต่ไม่ใช่เพราะถูกยิงหรือแก้แค้นใดๆ แต่เป็นเพราะสาเหตุคล้ายกับดีน คือ อุบัติเหตุทางรถยนต์ “เค้าตายแบบเดียวกับเจมส์ ดีน วีรบุรุษที่เค้าบูชา”

สรุป 2499 อันธพาลครองเมือง

รีวิวหนังดัง ปัญหาที่อาจไม่ใช่ปัญหาของ 2499ฯ ก็คือ ภาพยนตร์ย้อนยุคที่ผู้สร้างได้สร้างอดีตขึ้นชุดหนึ่งบนฉากและองค์ประกอบศิลป์ที่สมจริง ด้วยความสามารถของพวกเขาที่จัดเจนมากับงานโฆษณามาก่อน การเนรมิตกรุงเทพฯ อู่ตะเภา และฉากหลังของบ้านเมืองที่เหมือนราวกับวิดีโอสารคดีก็ทำให้หลายคนแยกไม่ออกว่านี่คือ ภาพยนตร์ที่มีสถานะเป็นเรื่องเล่าชนิดหนึ่งที่มีความบันเทิงเป็นตัวขับเคลื่อน

ดังนั้น จึงมิใช่เรื่องน่าประหลาดใจ กรณีที่คนที่อ้างตนว่า เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์จะกล่าวโจมตีตัวหนัง ผู้สร้าง และสุริยัน ศักไธสง เจ้าของบทประพันธ์ “เส้นทางมาเฟีย” อันเป็นที่มาของหนังเรื่องนี้ (เดิมเคยเขียนลงเป็นตอนๆ ในมติชนสุดสัปดาห์ และตีพิมพ์มาก่อนหนังจะฉายเกือบสิบปี) ตัวละครต่างๆ ออกมาฉะอย่างไม่ไว้หน้า

กระทั่งพิศาล อัครเศรณี ผู้กำกับนักแสดงฉายาตบจูบที่อ้างว่าเป็นเพื่อนซี้ของแดง ไบเล่ก็ออกมาร่วมวิจารณ์ โดยชี้ว่า บิดเบือน คนสมัยก่อนไม่ได้พกปืนไว้ยิงกัน เปี๊ยก วิสุทธิ์กษัตริย์ ผู้เป็นตัวละครสำคัญก็ไม่มีตัวตน ไม่มีใครรู้จัก ฯลฯ โดยเฉพาะปุ๊ กรุงเกษม (ที่ในหนังมีฉายาว่า ปุ๊ ระเบิดขวดและตายในท้ายเรื่อง) ย้ำว่า “เราต้องการเพียงแต่ความเป็นจริงกับเรื่องราวจริงๆ ที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่เอาเรื่องโกหกมาสร้างขายคนดู ไม่ใช่เอาเรื่องโกหกมาสร้างเป็นประวัติศาสตร์” (ข่าวสด, 30 เมษายน 2540) ดูหนังออนไลน์

รีวิว 2499 อันธพาลครองเมือง

แต่ความเข้าใจผิดนี้ยิ่งกลับเป็นแรงหนุนให้ 2499ฯ มียอดจำหน่ายตั๋วสูงจนกลายเป็นหนังที่มีรายได้สูงสุดตลอดกาลที่ 75 ล้านบาท ต้องรออีก 2 ปีที่นางนากจะกลับมาแซงด้วยรายได้สูงเป็น 2 เท่า อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ 2499ฯ นอกจากรายได้แล้ว

ชื่อเสียงของหนังที่คว้ารางวัลทั้งในและต่างประเทศ การได้รางวัล Grand Prix ในเทศกาลหนัง International Festival of Independent Film ครั้งที่ 19 ที่เบลเยี่ยม ช่วยตอกย้ำสถานะของหนังเรื่องนี้ว่ามีการันตีระดับโลก รวมถึงการขอซื้อลิขสิทธิ์ไปฉายต่อที่อังกฤษ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ถือเป็นข่าวดีหลังจากที่ไทยเจอพิษเศรษฐกิจไปแล้ว

ความยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้จึงมิใช่เพียงรายได้ หรือการเป็นตัวเปิดของยุคใหม่ของหนังไทย แต่มันคือ จุดเริ่มต้นของหนังย้อนยุคประวัติศาสตร์ที่จะกลายเป็นสูตรสำเร็จของหนังไทยหลังเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง แต่เป็นประวัติศาสตร์ที่เรารู้จักกันในนาม “ราชาชาตินิยม” ที่ขึ้นถึงจุดสูงสุดในหนังเรื่อง “สุริโยไท” ดูหนัง

รีวิว อันธพาล 2012

รีวิว อันธพาล 2012

รีวิว อันธพาล 2012

หนังไทยย้อนยุค สำหรับหนังเรื่องนี้ที่แอดจะหยิบนยกมารีวิวนั้น เป็นเรื่องราวของ “อันธพาล” กลุ่มคนที่มีอิทธิพลในด้านมืด เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของพวกเขาเป็นอย่างดี และมีแง่คิดมากมายในเรื่อง โดยเป็นผลงานกำกับล่าสุดของผู้กำกับก้องเกียรติ โขมศิริ น่าจะเป็นอีกหนังไทยที่โดดเด่นของปีนี้ และน่าจะได้ เข้าชิงรางวัลด้านภาพยนตร์จากหลายสำนักเมื่อมีการประกาศกันปีหน้าครับ เพราะเป็นหนังไทยที่มีงานสร้างที่มีความละเอียด ปราณีต มีการแสดงอันยอดเยี่ยม และมีวิธีการเล่าเรื่องที่สร้างสรรค์และน่าสนใจในแบบที่ยังไม่เคยเห็นหนังไทยเรื่องไหนทำมาก่อน นอกจากนี้ แล้ว ยังเป็นหนังไทย ที่ผมกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าควรให้การสนับสนุนครับ

รีวิว อันธพาล 2012

รีวิวหนังดัง เรื่องราวของ “อันธพาล” บอกเล่าเกี่ยวกับ นักเลงดังแห่งพระนคร ในยุคร็อคแอนด์โรลล์ สมัยที่เจมส์ ดีน และ เอลวิส เพรสลี่ เป็นแรงบันดาลใจให้วัยรุ่นยุคนั้น มีตัวละครอันเป็นที่คุ้นเคยเพราะเคยถูกบอกเล่าเป็นหนังมาก่อนอย่างแดง ไบเล่, ปุ๊ ระเบิดขวด และดำ เอสโซ่ ใน “2499 อันธพาลครองเมือง” ของผู้กำกับนนทรีย์ นิมิบุตร

แต่อย่างที่ชื่อหนังที่ดูจะกินความกว้างกว่า ไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าเป็นเหตุการณ์ในพ.ศ.ไหน “อันธพาล”ของก้องเกียรติมีขอบเขตของเรื่องราวที่กว้างกว่า มีตัวละครเด่นเยอะกว่า และขณะที่ “2499 อันธพาลครองเมือง” เน้นไปที่แดง ไบเล่ หนัง “อันธพาล” จะเน้นไปที่ตัวละครจ๊อด เฮาดี้ มือขวาและมิตรแท้ข้างกายของแดง ไบเล่ แทน ดูหนัง

ดูเหมือนว่าจุดมุ่งหมาย ในการสร้างหนัง “อันธพาล” ของก้องเกียรติ ก็คือต้องการสร้างหนังแนวแก๊งสเตอร์ว่าด้วยวงการมาเฟียในประเทศไทย และอยากบอกเล่าเรื่องราวของผู้คนเหล่านี้ในแง่ของความเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา แต่ก็ยังขยายขอบเขตของเรื่องราวไปถึงแง่มุมทาง ประวัติศาสตร์

วิถีและเส้นทางชีวิตของคนที่เข้ามาในวงการนี้ ว่าต้องเจอกับอะไรและจะมีจุดจบอย่างไร มุมมองของผู้คนที่ร่วมสมัย กับตัวละครต่อวงการนี้เป็นอย่างไร ซึ่งก้องเกียรติมีวิธีการในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจด้วยการเอาการเล่าเรื่องแบบหนังปกติทั่วไปมาผสมกับรูปแบบของสารคดี โดยให้จ๊อด เฮาดี้ (กฤษดา สุโกศล แคลปป์) เป็นจุดศูนย์กลางและจุดเชื่อมต่อของทั้งหมดที่กล่าวมา

รีวิว อันธพาล 2012

ผู้กำกับก้องเกียรติให้เรารู้จักกับจ๊อด เฮาดี้ ก่อน ด้วยภาพของคนหนุ่มขี้เกรงใจ สุภาพ เป็นที่รักของทั้งแม่และน้องสาว ก่อนที่จะได้เห็นภาพที่ตรงกันข้ามในฐานะนักเลงใจเด็ดที่ฆ่าคนได้โดยไม่ยั้งมือ และโหดเหี้ยม ผู้เป็นมือขวาและมิตรคู่กายของแดง ไบเล่ ( สมชาย เข็มกลัด )

จ๊อดเป็นเด็กช่างกลมาก่อน และเข้าสู่วงการนักเลงโดยการชักชวนของแดง ซึ่งจ๊อดรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณตอนที่มาช่วยเขาระหว่างมีเรื่องวิวาทกับโรงเรียนช่างกลคู่อริ แดงพาจ๊อดไปเป็นนักเลงลูกน้องของเฮียหลอ มาเฟียกระหายอำนาจและปลิ้นปล้อน

ขณะที่แนะนำให้เรารู้จักและบอกเล่าเรื่องราวของจ๊อด ผู้กำกับก้องเกียรติก็ใช้เทคนิคของหนังสารคดีด้วยการให้ผู้คนที่รู้เรื่องราวของยุคโน้นมาช่วยเล่าในลักษณะการให้สัมภาษณ์ พร้อมทั้งแทรกภาพข่าวเก่า ๆ มาประกอบ เพื่อช่วยบอกเล่าส่วนที่เป็นภาคผนวกและเกร็ดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับตัวละคร และวงการนี้ เช่นฉากที่จ๊อดดวลกับเฮียเซ้ง (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง)

ผู้กำกับก็ให้คนที่รู้เรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาเล่าเสริมถึงวิธีการดวลที่เรียกว่า “มัดมือดวลมีด” ที่จ๊อดกับเฮียเซ้งใช้นั้นเป็นยังไง หรือขณะที่พูดถึงตัวละครบางตัวเช่นแดง ไบเล่ หรือ ปุ๊ ระเบิดขวด ก็ให้ผู้คนมาเล่าเสริมว่ามุมมองที่คนสมัยนั้นที่มีต่อทั้งคู่เป็นยังไง เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่ผู้กำกับก้องเกียรติให้สัมภาษณ์ว่าได้แรงบันดาลใจจาก District 9 ส่วนตอนที่ผมดูนั้นนึกถึงหนังฉายทีวีเรื่อง Execution of Justice ว่าด้วยการคดีฆาตกรรมฮาร์วี่ มิลค์ ที่ใช้การสัมภาษณ์ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีมาเล่าคู่ไปกับส่วนที่เป็นภาพยนตร์

นอกจากนี้แล้ว ยังมีการเล่าเรื่องวงในของมาเฟียผ่านมุมมองของเปี๊ยก ( กฤษฎา สุภาพพร้อม ) เด็กวัยรุ่นที่อาศัย และ ทำงานอยู่ในโรงหนังที่แดงกับจ๊อดชอบไปดูหนังบ่อย ๆ เปี๊ยกมีเพื่อนรักชื่อธง ( สาครินทร์ สุธรรมสมัย ) และ ทั้งคู่ก็มีแดงกับจ๊อดเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต มองภาพของนักเลงรุ่นใหญ่ยุคนั้นว่าเป็นอะไรที่เท่ ใครไปไหนก็เกรงกลัว และ นบนอบ จึงอยากที่จะเข้าแก๊ง และ เจริญรอยตาม ทำให้หนังมีส่วนคล้ายคลึงกับ The Godfather: Part II เพิ่มเข้ามา และ หนึ่งชั่วโมงแรกของหนังก็ใช้วิธีการเล่าเรื่องทั้งสามขนานกันไป มีการตัดต่อสลับไปมา มีการเล่าเรื่องทั้งไปข้างหน้า และ ย้อนหลังแบบโดดไปโดดมาคล้าย The Social Network ดูหนังออนไลน์

สรุป อันธพาล 2012

รีวิวหนังดัง ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในการใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างลูกเล่นของการเล่าเรื่องที่แปลกใหม่ และ น่ายกย่องในความกล้าหาญที่จะฉีกขนบการเล่าเรื่องหนังให้แตกต่างจากหนังไทยด้วยกัน แต่อย่างไรก็ดี ผู้กำกับก้องเกียรติยังใช้การเล่าเรื่องที่แปลกใหม่เหล่านี้ได้ยังไม่ลงตัวดีพอ โดยเฉพาะช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของหนัง ทั้งนี้เพราะทั้งสามวิธีการเล่าเรื่องเหมือนจะมีเรื่องราวของมันเอง และ หนังเล่าเรื่องโดยให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามส่วนเกือบเท่า ๆ กัน มีการให้รายละเอียดที่ยิบย่อยเกินไป ทำให้มาชิงความเด่นของกันและ กัน และ ฉุดรั้งไม่ให้อารมณ์ดราม่าของหนังในช่วงนี้ไปได้สุดทาง แม้ว่ามันจะดูเก๋ไก๋ก็ตาม ดูหนัง

เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของหนังที่หลังจากจ๊อด เฮาดี้พ้นโทษออกจากคุกหลังจากการปราบปรามอันธพาลด้วยกฎหมายอันเฉียบขาดของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ หนังมีวิธีการเล่าเรื่องที่ลงตัวมากขึ้น และ ทำให้ความเข้มข้นตามแบบหนังแก๊งสเตอร์กลับมาน่าติดตามมากขึ้น หนังลดทอนส่วนที่เป็นสารคดีให้มาเป็นเพียงส่วนเสริมจริง ๆ มากขึ้น ขณะที่ส่วนที่เป็นมุมมองของเปี๊ยกก็ค่อย ๆ ลดหน้าที่ลงกลายเป็นการทำหน้าที่ของโครงเรื่องรองแทน

เรื่องราวครึ่งหลังเน้นไปที่การแย่งชิงความเป็นใหญ่ของมาเฟีย โดยแต่ละเจ้าพ่อก็มีนักเลงเด่น ๆ เป็นลูกน้องของตัวเอง จ๊อดยังคงเป็นหมากในเกมชิงอำนาจของเฮียหลอ โดยมีเปี๊ยก, ธง, และ น้าหำ (บุญส่ง นาคภู่) เป็นลูกน้อง แล้วกลายเป็นม้าศึกที่จะถูกฆ่าหลังเลิกใช้เมื่อเฮียหลอหันไปเลือกใช้โอวตี่ (ภคชนก์ โวอ่อนศรี) นักเลงนักฆ่าที่ทั้งบ้า ทั้งเหี้ยมโหด เป็นหมากตัวใหม่ ทำให้แก๊งของจ๊อดต้องแตกคอกัน ขณะเดียวกัน จ๊อดก็ต้องหนีการตามล่าของผู้การคำนึง (วสุ แสงสิงแก้ว) ผู้ที่ไม่เคยคำนึงถึงวิธีในการปราบมาเฟีย และ สะท้อนด้านมืดของผู้มีอำนาจทางกฎหมาย ทำพาไปสู่ฉากตามล่าล้างแค้นในตอนจบที่ทั้งตื่นเต้น ลุ้น และ สะเทือนใจ

รีวิว อันธพาล 2012

องค์ประกอบ ที่ควรได้รับการ ยกย่อง อีกอย่างของหนังก็คือ องค์ประกอบด้านศิลป์ ทั้งการสร้างฉาก การกำกับศิลป์ การออกแบบ เครื่องแต่งกาย และ ทรงผม งานเทคนิคภาพ และ ดนตรีประกอบ ที่ช่วยเนรมิตรพระนครยุค 60-70 ได้อย่างเนียบ จนเหมือนพาเราหลุดเข้าสู่ยุคนั้นไปด้วยได้เลย ทั้งยังเสริม โทนดิบเถื่อน และ รุนแรงอันเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของผู้กำกับก้องเกียรติให้เด่นชัดยิ่งขึ้น

นักแสดงทุกคน ทำหน้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์พอใช้ และ ดีมาก แต่ที่โดดเด่นเป็นพิเศษคือบุญส่ง นาคภู่ เป็นบทน้าหำ นักเลงเก่าขี้คุยผู้ที่อยากหลุดพ้นจากเส้นทางนักเลงไปใช้ชีวิตเหมือนผู้คนทั่วไป เป็นบทที่ทั้งดูเป็นธรรมชาติ เหมือนคนที่เราเคยเห็นว่ามีอยู่จริง และบางขณะก็ทรงพลัง ส่วนกฤษดา สุโกศล แคลมป์ ก็ยอดเยี่ยมในการสร้างบุคลิกของจ๊อดให้ดูเป็นปุถุชนทั่วไป และ มีเสน่ห์ขึ้นจอ พาให้ชวนติดตามหนัง

“อันธพาล” อาจไม่ใช่หนังที่ดีพร้อม หรือ สมบูรณ์แบบเต็มร้อย แต่เป็นหนังที่มีองค์ประกอบทุกส่วนของงานสร้างดีเลิศ และ มีความพยายามอันน่าชื่นชมของผู้กำกับ ก้องเกียรติในการสร้างหนังเรื่องนี้ ให้มีลูกเล่นที่แปลกแตกต่าง มีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเพียงแค่นี้ก็เป็นเหตุผลพอ ให้นักดูหนังควรให้การสนับสนุนหนังเรื่องนี้ครับ ดูหนังออนไลน์

คะแนน: 8/10

กำหนดฉาย 14 มิถุนายน 2555
ผู้สร้าง และ จัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง บาแรมยู
กำกับภาพยตร์/บทภาพยนตร์ ก้องเกียรติ โขมศิริ
แสดงนำโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ , สมชาย เข็มกลัด , สาครินทร์ สุธรรมสมัย , กฤษฎา สุภาพพร้อม , ภคชนก์ โวอ่อนศรี , วสุ แสงสิงแก้ว , บุญส่ง นาคภู่ , นันทรัตน์ ชาวราษฎร์

รีวิว pacific rim

รีวิว pacific rim

รีวิว pacific rim

รีวิวหนังดัง หลังจากที่ผมได้ลองกลับไปดูแปซิฟิก ริม ใหม่อีกรอบนึงก็ทำให้ผมนึกย้อนถึงไวเด็กๆเลย และผมคิดว่า แปซิฟิก ริม นั้น ทำให้ผมนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้ มาชีนก้า ซี ( หรือแซด ) กับ เกรท มาชีนก้า มากๆ โดยเฉพาะฉากที่ปล่อยยานบังคับที่มีคนควบคุมอยู่ภายใน ( 2 คน ) ลงไปที่ส่วนศีรษะของหุ่น ไม่แน่นะ ต่อไปอาจมีหุ่นแนว ยานหลายลำมาต่อเป็นส่วนแขนส่วนขาของหุ่น ถ้าไม่คล้าย กับ Getter robo ก็อาจจะคล้ายพวก เรนเจอร์ไปเลย

“เจ้าสัตว์ประหลาดแกตายซะเถอะ” นี่เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากความทรงจำของเด็กผู้ชายในวัยเพิ่งสิ้นกลิ่นน้ำนม ของขวัญที่แม่มอบให้ในวันนั้นยังคงคุกกรุ่นอยู่ในวันนี้ หุ่นประกอบที่เราเลือกจับมาหยิบต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดยังระรานอยู่ในความทรงจำครั้งเยาว์วัย ไม่มีช่วงเวลาใดที่มอบความสุขให้เท่าโลกจินตนาการที่เราปั้นแต่งขึ้นมา แล้ว ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเองตลอดระยะที่เรารับบทผู้สร้างสรรค์ เราเลือกแบ่งฝักฝ่ายให้กับหุ่นประกอบของเรา เราใช้สังเวียนที่นอนเป็นที่ต่อสู้เติมเต็มจินตนาการของเรา ดูหนังออนไลน์

รีวิว pacific rim

รีวิวหนังดัง Pacific Rim เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เมื่อกองทัพสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายในนามของ ไคจู อุบัติขึ้นมาจากทะเล จึงเกิดสงครามที่คร่าชีวิตคนนับล้าน และ ทำลายทรัพยากรของมนุษย์มานานหลายปี ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ ไคจู

ทำให้ต้องมีการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธพิเศษขึ้นมา หุ่นยนต์ยักษ์ที่เรียกว่า เจเกอร์ส ซึ่งต้องควบคุมพร้อมกันโดยผู้ควบคุม 2 คน จิตของพวกเขาจะถูกเชื่อมต่อกับสะพานกระแสจิต แต่ถึงแม้เจเกอร์สจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่สามารถปกป้องผู้คนให้พ้นจากไคจูจอมอึดได้ บนเส้นทางแห่งความพ่ายแพ้

รีวิว pacific rim

กองกำลังแห่งมนุษยชาติไม่มีทางเลือก ต้องหวนไปหากลุ่มฮีโร่ที่ไม่น่าเชื่อ ทั้ง 2 คนอย่างอดีตนักบินตกอับ ( ชาร์ลี ฮันแนม ) และ ผู้ฝึกหัดที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ ( ริงโกะ คิคูชิ ) ผู้ต้องมาร่วมทีมกันสร้างตำนานเจเกอร์สที่ตกยุคจากอดีต และ พวกเขายังยืนหยัดอยู่เป็นความหวังสุดท้ายของเหล่ามวลมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับหายนะล้างโลกที่กำลังทวีคูณ

ภาพยนตร์ใช้เวลาเปิดเรื่องโดยให้น้ำหนักไปกับ ราลีห์ เบ็กเก็ตต์ ( ชาลี ฮันแนม ) คนบังคับหุ่นที่ชะล่าใจทำให้สัตว์ไคจูมาทำร้ายจนสูญเสียพี่ชาย และ ไม่สามารถกลับมาร่วมงานคู่กับใครได้อีก จนกระทั่งพบกับหญิงญี่ปุ่นมาโกะ โมริ ( ริงโกะ คิคูจิ ) ที่มีภูมิหลังไม่ดีเกี่ยวกับความทรงจำเช่นกัน

ไซไฟหรือแฟนตาซี

ภาพยนตร์ใช้วิธีพ่นคำว่าวิทยาศาสตร์มากมายเพื่อให้เรื่องเกิดความสมจริงซึ่งถือเป็นมาตรฐานของหนังฮอลลีวู้ดที่ทำให้หนังหลายเรื่องที่มีเนื้อแท้เป็นนิทานเรื่องเล่าแบบแฟนตาซีถูกดัดแปลงให้เข้าใกล้ความจริงมากขึ้นด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้ในแง่เรื่องราวที่เราเห็นมีนิมิตรหมายเป็นแฟนตาซีอยู่มากพอสมควรอาจเพราะเรารู้สึกได้ว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่นอยู่หลายส่วน ผู้เขียนรู้สึกว่ายิ่งพยายามมากเกินไปเท่าไรยิ่งทำให้เรื่องราวมันเสียความบริสุทธิ์ของตัวมันเองมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งมันก้ำกึ่งระหว่างความเป็นหนังไซไฟก้ำกึ่งกับหนังแฟนตาซี จนอาจพูดได้ว่ามันไม่ดีเด่นสักทาง

รีวิว pacific rim

แอคชั่นแบกหนังทั้งเรื่อง

ในแง่เรื่องราวหรือความหนักแน่นของบทก็ ต้องบอกว่าไม่ใช่ที่ทางของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยเพราะสิ่งที่เป็นความโดดเด่นคือฉากแอคชั่นหุ่นยักษ์ และ หุ่นสร้าง 3 มิติ ที่ประเคนใส่ผู้ชมตลอดเรื่อง การตัดต่อ ฉับไวถูกระดมใส่เข้ามาไม่หยุดยั้ง การตัดสลับหนักหนาสาหัสเพราะ ต้องเปลี่ยนภาพจากตัวหุ่นเข้ามาสู่ผู้บังคับบัญชารวมถึงสถานการณ์ของการต่อสู้ด้วย จึงทำให้การเลือกช็อตมานั้นมหาศาลถึงขึ้นระรานตาหรือมองแทบไม่ทัน ดูหนัง

ข้อสังเกตบางประการ

สิ่งที่น่าสงสัยสำหรับประเด็นนี่คือ ทำไมตัวไคจูมักออกมาในช่วงที่ฟ้าสางหรือกลางค่ำกลางคืนที่มืดมิดจนมีปัญหาในความชัดเจนที่ทำให้ผู้ชมไม่ได้รับอย่างเต็มรูสองตา จนผู้เขียนจำไม่ได้ว่ามีฉากไหนหรือไม่ที่เราเห็นฉากต่อสู้เด่นชัดจน เห็นรายละเอียดของหุ่นที่ทุ่มเงินไปมหาศาลอย่างมากมายได้ประจักษ์ชัด เพราะเราถูกความมืดปกคลุมจนแทบจะต้อง ใช้จินตนาการรับชม หากเป็นความตั้งใจของการออกแบบงานสร้างเพื่อเรียกร้องจินตนาการก็ถือว่าจัดเต็มได้ดี แต่ผู้เขียนเคยได้ยินมาว่าการที่ฉาก Cg นั่นต้อง อยู่ในสภาพมืดเพื่อป้องกันเห็นรอยแผลจากงานสร้างที่ทำหน้าที่ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพมากนัก

สรุป pacific rim

รีวิวหนังดัง ปัญหาอีกประการที่ผู้เขียนรู้สึกตะหงิดใจตลอดเวลาการรับชมคือ ขณะที่ ราลีห์ เบ็กเก็ตต์ กับ มาโกะ โมริ เข้าคู่แท็คทีมบังคับหุ่นกันในช่วงสำคัญของเรื่อง หรือแทบจะตลอดเรื่อง ทำไมเราไม่เห็นการบังคับหุ่นของมาโกะ ที่มากพอ เห็นแค่เฉพาะตัว ราลีห์ สั่งการเท่านั้น นี่คือความต้องการที่เราจะเห็นแต่เราไม่ได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ จนเสมือนว่ามาโกะไม่ได้ถ่ายทำฉากเหล่านั้นด้วยซ้ำไป นี่ทำให้เรารู้สึกเสมอว่ามันมีรายละเอียดงานสร้าง ๆ ที่ขาด ๆ เกิน ๆ เสมอในภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้เขียนให้ความสำคัญจับผิดละเล็กละน้อยเพราะฉากเหล่านั้นที่กล่าวไปคือหัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้จริง ๆ เพราะอย่างที่แซ่ซ้องไปแล้วว่า เรื่องราวหรือบทของภาพยนตร์ไม่มีส่วนใดให้น่าติดตามหรือดึงดูดความสนใจกระทั่งเก็บมาเขียนต่อ ได้ยาว ๆ เลย จะมีความน่าสนใจในส่วนเรื่องของการแชร์ความทรงจำร่วมกันในการบังคับหุ่นซึ่งเราเห็นว่าภาพยนตร์ใช้เวลาเน้นน้ำหนักไปกับตัวมาโกะมากมาย ในความทรงจำยามเด็กซึ่งเป็นการสร้างความน่าสนใจของภูมิหลังของเธอ แต่หาใช่เพื่อทำให้เธอเรียนรู้ที่จะผ่านไปหรือไม่ แต่อย่างใดเพราะ ต้องการเพิ่มน้ำหนักให้กับความเป็นคนดีของผู้การสแตร๊คเกอร์ (ไอดริส เอลบา) เสียมากกว่านั่นเอง

ตรงดิ่งสู่เป้าหมาย

อีกส่วนที่ขอกล่าวถึงคือการดำเนินเรื่อง และ ความสำคัญของเรื่องราว ผู้ชมถูกรับรู้ว่ามีการบุกรุกของตัวไคจู ซึ่งแน่นอนเป้าหมายคือการกำจัด และ การกำจัดคือเป้าหมายแรกตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง แล้ว หนังก็ให้น้ำหนักเทไปตั้นแต้ต้นเรื่องเลย ซึ่งทำให้ผู้ชมคาดเดา แล้ว โฟกัสไปถึงที่หมายได้รวดเร็วตั้งแต่ต้น แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ทำให้ฉากแอคชั่น ต้องแบกหนังไว้ทั้งเรื่องเพราะเนื้อเรื่องมันเป็นสิ่งตรงดิ่งเส้นเดียวคือต้อง กำจัดไคจูสถานเดียว ไม่ได้ลัดเลาะเลียบทางด่วนหรือที่เรียกว่าชั้นเชิงไปยังจุดหมายอื่นใด อาจมีบ้างตรงที่ขายความตลกของ ชาร์ลี เดย์,เบิร์น กอร์แมน และ รอน เพิร์ลแมน ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนผ่อนคลาย ต่อเส้นเรื่องหลักได้เป็นอย่างมาก เพราะเส้นเรื่องมันเดินตรงแข็งทื่อจนขาดชั้นเชิงมากไป และ เชื่อว่าถ้าหนังขาดตัวละครทั้งสามนี่ไปมีสิทธ์ที่จะ ต้องลาหลับกันได้เลยทีเดียว

ผู้การเหมือนใคร ?

ประเด็นสุดท้ายที่กล่าวถึงคือเรื่องความยิ่งใหญ่ของการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมที่เป็นแก่นหลักขอหนังจนถึงฉากสำคัญสุดท้ายซึ่งหนังเน้นย้ำโดยใช้ผู้การสแต๊คเกอร์เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกถ่ายทอดด้วยความยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ผลิตหนังส่งออกอย่างฮอลลีวู้ดอีกครั้ง ตัวละครตัวนี้เป็นภาพสะท้อนถึงคุณงามความดีตั้งแต่ฉากแรกจนฉากสุดท้ายที่ทำเพื่อโลกหรือชาติด้วยความเสียสละเป็นจุดศูนย์รวมอย่างยิ่งใหญ่ที่สำคัญมีฉากการกล่าวสุนทรพจน์ย่อม ๆ ต่อคนงานสหประชาชาติเสียด้วย ทำให้อดคิดไปไม่ได้เลยว่า ความหมายแฝงของผู้การสแต๊คเกอร์นั่นคล้ายคลึงกับใครที่มากกว่าเพียงแค่สีผิวเท่านั้น

เร้าอารมณ์ไม่ดีพอ

และ ปัญหาสำคัญของเรื่องนี้คือใช้การทำหน้าที่แบบ Complimentary ได้ไม่สมประกอบนั่นคือชักจูงด้วยองค์ประกอบทางภาพยนตร์เพื่อแสดงอารมณ์ให้เรถึงที่สุดได้ไม่เพียงพอซึ่งผู้เขียนคิดว่ายังทำหน้าที่ได้ย่ำแย่กว่า Transformer ด้วยซ้ำไป มันทำให้ในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่เรา ต้องยินดี ต่อความสำเร็จหรือโศกเศร้า ต่อความเสียใจไปไม่ถึงคุณภาพของหนังระดับนี้เลย จนขนาดถึงขั้นเข็นลากชักจูงเราไปมากกว่าให้เรารู้สึกสมยอมแต่โดยดี ดูหนังออนไลน์

ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เห็นว่าภาพยนตร์ Pacific Rim ให้ความสำคัญการฉากแอคชั่น และ กระบวนการผลิตหุ่น และ งานด้านคอมพิวเตอร์ เป็นสำคัญซึ่งทำได้ในระดับที่เกินหน้าเกินตาเพียงแต่มันไม่ได้ช่วยหรือไปพร้อมกับส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ควรเป็น และ ถึงแม้หนัง กิลเลอร์โม่ เดอโทโร่ จะทิ้งประเด็นเรื่องหุ่นอนาล็อก กับหุ่นดิจิ ตอลไว้น่าคิด นั่นคือแค่ไฟดับลงความดิจิตอล ก็แทบมลาย ต่างจากเครื่องใช้อนาล็อกที่พร้อมใช้ตลอดเวลาไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงไร ซึ่งเป็นประเด็นร่วมสมัยที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกนานเท่านาน

ถ่ายทำ
การถ่ายทำเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 และ ดำเนินต่อ ไปในโตรอนโตจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เดล โทโรให้ข้อมูลอัปเดตหลังจากสัปดาห์ที่สองของการถ่ายทำเสร็จสิ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกว่าSilent Seas และ Still Seasในระหว่างการผลิต

del Toro ไม่เคยยิงฟิล์มในเวลาน้อยกว่า 115 วัน แต่มีเพียง 103 ในการถ่ายภาพPacific Rim เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เดล โทโรจึงกำหนดหน่วยเสี้ยนที่เขาสั่งได้ตั้งแต่เช้า ก่อนหน่วยหลัก และ ในวันหยุดของเขา ผู้กำกับทำงาน 17 ถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน เจ็ดวันต่อสัปดาห์ สำหรับตารางส่วนใหญ่ เดล โทโรใช้แนวทางใหม่ในการกำกับนักแสดง อนุญาตให้เคลื่อนไหว “หลวม” และ ด้นสด ผู้กำกับยังคงควบคุมการผลิต อย่างเข้มงวด: “ทุกอย่าง 100% จะผ่านฉันไปไม่ช้าก็เร็ว ฉันไม่ได้มอบหมายอะไร บางคนชอบมัน บางคนไม่ชอบ แต่ต้องทำแบบนั้น”

+++++++++++++++++++++++++++++++

Pacific Rim ได้พยายามสร้างภาพจินตนาการขึ้นอีกครั้งให้เด่นชัดขึ้นมาในสิ่งที่เรียกว่าภาพยนตร์ แต่บางครั้งภาพยนตร์ก็ต่างจากจินตนาการ เพราะภาพยนตร์ได้สร้างภาพขึ้นให้จินตนาการมีตัวตนดั่งความจริง ซึ่งใช้ได้เพียงบางเรื่องราว และ โอกาส เท่านั้น เพราะบางครั้งจินตนาการก็มีมนต์ขลังสุดเสน่ห์ ซึ่งภาพของเครื่องจักรไม่สามารถเนรมิต และ ดัดแปลงได้เลย ดูหนัง

รีวิว Godzilla vs Kong

รีวิว Godzilla vs Kong

รีวิว Godzilla vs Kong

 

รีวิวหนังดัง หากจะพูดถึงหนังสัตว์ประหลาดถล่มโลกหนังมอนเตอร์นั้น ก็อตซิล่านั้นเป็นหนึ่งในนั้น เป็นมอนเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยใน Godzilla: King of the Monsters นั้นเราจะได้เห็นการต่อสู้ของบรรดาเจ้าสัตว์ยักษ์จนบ้านเมืองพังถล่มทลาย และ ท้ายที่สุด Godzilla ได้รับการอนุเคราะห์ังจาก Mothraื จึงสามารถเอาชนะ Ghidorah อสูรกายจากต่างดาวลงได้ จนในท้ายที่สุด ก็ได้ขึ้นเป็นราชันย์ ปกครองเหล่าอสูรยักษ์ทั้งมวล แล้วเจ้า Godzilla ก็กลับไปอยู่ในที่ ๆ ควรอยู่

ในช่วงแรกที่เราได้ยินข่าวของหนังภาคต่อว่า Kong ขวัญใจชาวอเมริกา จะมาต่อสู้กับเจ้า Godzilla ขวัญใจชาวญี่ปุ่น ทุกคนก็ตื่นตาตื่นใจ แล้วตั้งคำถามว่า เจ้า Kong นั้นจะสู้ได้หรือไม่ เพราะขนาดของตัวนั้นต่างกันเหลือเกิน แต่เมื่อเราได้เห็นตัวอย่างก็เห็นว่า Kong กลับมีร่างกายใหญ่โตที่สูสีกัน แถมยังมีอาวุธเป็นขวานหน้าตาประหลาด แถมยังต่อย Godzilla หน้าหงายอีกด้วย

ทั้งนี้ เราอาจจะได้รู้เสียทีว่าใครกันแน่คือราชันย์แห่งสัตว์ยักษ์ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร และ ความสนุกจะสะใจสมการรอคอยหรือไม่ วันนี้ทา Super Review Channel จะมาขอรีวิวแบบไม่มีสปอยกันครับ

รีวิว Godzilla vs Kong

รีวิวหนังดัง เรื่องย่อของ Godzilla vs. Kong ว่าด้วยเรื่องราวที่อยู่ดี ๆ ก็อดซิลล่าก็โจมตีโรงงานของ Apex บริษัทชี้นนำด้านเทโนโลยี วิศวพันธุกรรม และ นวัตกรรมล้ำหน้า ทำให้ เจ้าของบริษัทต้องไปหานักวิทยาศาสตร์ เพื่อหาทางหยุดยั้งเจ้า Godzilla ไม่ให้ทำลายโลกนี้เป็นทางไปก่อน

นักวิทยาศาสตร์สุดหล่อก็เกิดไอเดียว่าต้องพา Kong ไปกลับไปยังโลกโบราณที่อยู่ใกล้กับแกนโลก เพื่อผลบางอย่าง แต่ในระหว่างที่พา Kong เดินทางทางเรือ เจ้า Godzilla ก็เข้าโจมตีขบวนเรือทันที และ นี่ก็เป็นยกที่ 1 ของการต่อสู้กันระหว่าง Godzilla vs. Kong นึกว่ายังมีอย่างนี้อีกหลายยก ซึ่งใครจะเป็นฝ่ายชนะ ใครจะเป็นเจ้าแห่ง Monster ขอให้ทุกท่านไปติดตามชมในโรงภาพยนตร์เองได้เลยครับ

รีวิว Godzilla vs Kong

หากใครเป็นแฟนหนังสัตว์ยักษ์ต่อสู้กัน MonsterVerse ก็คงจะเข้าใจธรรมชาติของหนังแนวนี้ดีคือ หนังเน้นไปที่การต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดกับมนุษย์ หรือว่าสัปปะหลาดกับสัปหลาดด้วยกันเอง

แน่นอนว่าบ้านเมืองจะต้องพังถล่มทลาย ด้วยกันทั้งสิ้น และ ความสนุกมันก็มีอยู่แค่นั้น อย่าไปคาดหวังกับเนื้อเรื่องหรือความสมเหตุสมผลอะไรเลย หากเราไปใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้ดูหนังแล้วไม่สนุกได้

ซึ่งใน Godzilla vs. Kong บอกเลยว่าราชาแห่งสัตว์ประหลาดยักษ์ทั้งสองนี้สู้กันมันส์หยด เรียกได้ว่าแลกกันหมัดต่อหมัด และ มันก็ค่อยทวีคูณความมันสะใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเราดูตัวอย่างที่ Godzilla vs. Kong เอาออกมาสายนั้นมันยังไม่พอ มันยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกเยอะ ดูหนังออนไลน์

และ ยิ่งช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง ที่มีการเฉลยตัวละครปริศนาออกมาด้วย เรียกได้ว่ามันหยดติ๋งนั่งหลังไม่ติดเบาะ แถมยังมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นออกมาให้อีกด้วย จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากน้อยแค่ไหน ต้องไปชมเอาเอง

เชื่อว่าคำถามคาใจหลายคน ที่ตั้งคำถามกับการต่อสู้กันของ Godzilla vs. Kong ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งสัตว์ยักษ์ทั้งสองว่าใครจะ เป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ หนังเรื่องนี้ในส่วนตัวของผมแล้วถือว่ามีคำตอบ แต่คำตอบนี้จะถูกใจใครหลายคนหรือเปล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบใคร แต่ถ้าใครชอบทั้งคู่ก็ถือว่า Win Win ดูแล้วมีความสุข

รีวิว Godzilla vs Kong

แต่ขอแอบบอกหน่อยว่า Kong โตขึ้น และ เก่งขึ้น แถมยังมีขวานสายฟ้าที่เป็นสุดยอดไอเทมด้วยแล้ว บอกเลยว่าใครจะสู้ได้ ส่วนเจ้า Godzilla ที่มีพลังในการยิงลำแสงที่มีพลังมหาศาลสีฟ้า นี่ก็อึดมาก

ฉากซักนั้นเรียกได้ว่านัวเนีย ความเก่งกาจนั้นเรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรี ไม่มีใครยอมใครไม่มีใครก็หัวให้ใคร หนังทำให้เราเห็นฉากแบบกลางวัน ท้องฟ้าสว่าง เห็นการต่อสู้แบบจะ ๆ แต่ความนัวเนียในข้างต้นที่กล่าวไปนะ ผมมองว่าทั้ง 2 ตัว สู้กันแบบมีอารยะ ไม่ได้บ้าบิ่นแบบสัตว์ประหลาดไร้สติ เรียกว่าดีงาม การสู้แต่ละครั้งก็สร้างความประทับใจให้กับคนอื่น ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่ง Godzilla หรือ Kong คุณก็เชียร์ได้สนุกไม่แพ้กัน ดูหนัง

ถ้าใครตั้งใจมาชมฉากแอ็คชั่น ฉากการต่อสู้แบบบ้านเมืองพังถล่มทลาย เรียกได้ว่าไม่มีทางผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะการชื่อในช่วงท้าย ห้ามกระพริบตาเด็ดขาด

สรุป Godzilla vs Kong

รีวิวหนังดัง ส่วนเรื่องคนในภาคนี้ผมก็ว่าทำได้ดี คนในที่นี้หมายถึงคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ เขาไม่ได้ใส่มามากจนน่ารำคาญ หากย้อนกลับไปใน Godzilla: King of the Monsters เราจะเห็นได้ว่าผู้คนมีความวุ่นวายมาก ในขณะที่เจ้าสัตว์ยักษ์ต่อสู้กัน คนก็ไปเพ่นพ่าน ขับรถวิ่งลอดแข้งลอดขา ตัดสลับฉากไปมาระหว่างคนกับสัตว์ประหลาด ดูแล้วน่าปวดหัว

แต่ใน Godzilla vs. Kong ทำได้ดี เวลาที่เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ต่อสู้กันคนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งยาก เราจะได้เห็นสัตว์ประหลาดต่อสู้กันแบบเต็ม ๆ ไม่มีอะไรขัดจังหวะ ส่วนคนก็เป็นตัวเสริมได้อย่างดี หากจะเทียบกับ MonsterVerse ในภาคก่อน ๆ แล้ว Godzilla vs. Kong จัดระเบียบจัดความสำคัญของคนไว้ได้ดี ซึ่งในเรื่องนี้ พระเอกของเรื่องจริง ๆ ก็คือ เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์นั่นแหละ

แต่จะว่าคนไม่สำคัญก็ไม่ได้ เพราะคนเข้าไปช่วยเจ้าสัตว์ประหลาดได้ถูกที่ ถูกเวลา และ ถูกจังหวะ โดยเฉพาะ เจีย น้องผู้หญิงที่หน้าตาออกไปทางเอเชีย ซึ่งในตัวอย่างทำให้เราเห็นว่าเธอมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งทางใจกับเจ้า Kong น้องคนนี้ มีความสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยม โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าเธอโดดเด่นมากที่สุดในหนังเลยก็ว่าได้ บทที่เธอจะเรียกน้ำตาคนดูก็ทำได้ดี ดูหนังออนไลน์

ในส่วนตัวแล้วผมชอบโลกใต้ดิน ที่เจ้า kong พาพวกเราลงไปมาก ดูแล้วก็อดคิดถึงหนังเรื่อง Journey to the Center of the Earth ดิ่งทะลุสะดือโลก ไม่ได้แต่ Godzilla vs. Kong ทำได้สวยกว่า และ อีกจุดหนึ่งก็คือในหลาย ๆ ฉาก เช่นแสงไฟ หรือบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่สามารถบอกได้ในที่นี้ หรือการต่อสู้ในเมือง ก็ทำให้คิดถึงหนัง Pacific Rim

อย่างไรก็ตามหนังมีประมาณ 3-4 จุดที่ดูแล้วผมมีความรู้สึกเบื่อ มีความยืดมากเกินไป เล่าเรื่องยานเกินไป อีกจุดหนึ่งที่รู้สึกว่ามันไม่เต็มอิ่มก็คือ เหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางโลกนั้นเห็นน้อยเกินไป เธอเข้าใจได้ว่าเขาต้องการจะมาโฟกัสที่ Godzilla กับ Kong มากกว่า ตัวละครหลายตัวก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็น ตัดทิ้งไปบ้างก็ได้เพราะเสียเวลาไปเล่าเรื่องถึง

ส่วนเรื่องทั้งหมด หากใครดูหนังใน monsterverse แบบเก็บครบตั้งแต่ Godzilla (2014), Kong: Skull Island (2017) และ Godzilla: King of the Monsters (2019) ผมว่าน่าจะดูสนุกมากขึ้น เพราะผู้กำกับใน Godzilla vs. Kong เขาได้นำประเด็นสำคัญของทุกภาคมาเป็นรายละเอียดสำคัญได้ดี

กล่าวโดยสรุป Godzilla vs. Kong เป็นภาพยนตร์การต่อสู้ของราชาแห่งสัตว์ยักษ์ มีความตระการตาในด้านฉากการต่อสู้ ความสวยงามด้านภาพ ความประทับใจในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ยักษ์ ที่ดีงาม โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบภาคนี้สนุกมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา 7.5/10 ดูหนัง

รีวิว godzilla 2014

รีวิว godzilla 2014

รีวิว godzilla 2014

รีวิวหนังดัง สวัสดีครับวันนี้แอดมินมารีวิว Godzilla (ก็อดซิลล่า) แอดมินจะมาเขียนแนะนำหนัง สัตว์ประหลาด เป็นภาคในปี 2014 ครับกับการคืนชีพให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของค่าย Toho (ญี่ปุ่น) ภายใต้การกำกับของ Gareth Edwards ซึ่งเขียนบทโดย David Callaham (Story) และ Max Borenstein (Screenplay) ดูหนัง

และ นี่คือภาพยนตร์ตัวแรกของค่าย Legendary ที่ทำมาเพื่อเปิดจักรวาลสัตว์ประหลาดหรือที่เรียกว่า MonsterVerse รับชมได้ทางช่อง HBO GO

รีวิว godzilla 2014

รีวิวหนังดัง เนื้อเรื่อง / เรื่องย่อ หนังเปิดเรื่องด้วยบทบรรยายถึงช่วงยุคปี 1954 ที่มีการปล่อยข่าวถึงเรื่องการทดสอบยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ของชาติต่าง ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้ว เบื้องหลังของการยิงนิวเคลียร์ในครั้งนั้น กลับไม่ใช่การทดสอบอาวุธแต่อย่างใด แต่มันคือการยิงนิวเคลียร์เพื่อทำลายล้างอะไรบางอย่าง

ตัดมาในช่วงปี 1999 นักวิทยาศาสตร์ของบริษัท Monarch ซึ่งนำทีมโดย Dr. Ishiro Serizawa (รับบทโดย Ken Watanabe) และ Dr. Vivienne Graham (รับบทโดย Sally Hawkins) ได้เข้าทำการศึกษา และ ตรวจสอบซากฟอสซิลยักษ์ปริศนา 2 ชิ้นที่ขุดค้นพบเจอโดยบังเอิญในขณะที่กำลังทำเหมืองแร่ยูเรเนี่ยมในประเทศฟิลิปปินส์

ในระหว่างที่ทำการตรวจสอบอยู่นั้น สิ่งมีชีวิตลึกลับตัวหนึ่งได้ตื่นขึ้นจากซากฟอสซิลดังกล่าว และ ได้เดินทางลงสู่ทะเล โดยมีทิศทางการเคลื่อนไหวไปยัง Janjira โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศญี่ปุ่น และ นั่นเอง จึงเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวอย่างไม่ปรกติไปทั่วหมู่เกาะญี่ปุ่น ส่งผลให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ Janjira เกิดการระเบิด ทำให้บริเวณดังกล่าวปนเปื้อนไปด้วยสารกัมมันตภาพรังสี จนต้องอพยพผู้คนออกจากเมือง Janjira

15 ปีต่อมา ปี 2014 ในระหว่างที่ Ford Brody (รับบทโดย Aaron Taylor-Johnson) นายทหารฝ่ายสรรพาวุธของกองทัพเรือสหรัฐอมเริกา กำลังจะเดินทางกลับบ้านหลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจ โดยมีภรรยา และ ลูกชายของเขารออยู่นั้น (รับบทโดย Elizabeth Olsen และ Carson Bolde) เขาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ของประเทศญี่ปุ่น ว่า Joseph Brody (รับบทโดย Bryan Cranston) พ่อของเขา ได้ทำการบุกรุกเข้าไปยังเขตกักกันของ Janjira จึงทำให้ ฟอร์ด ต้องเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่นเพื่อรับตัว โจ พ่อของเขาออกมา

รีวิว godzilla 2014

Godzilla: ก็อดซิลล่า ( 2014 ) – Dr. Ishiro Serizawa ( รับบทโดย Ken Watanabe ) และ Dr. Vivienne Graham ( รับบทโดย Sally Hawkins )
Godzilla: ก็อดซิลล่า ( 2014 ) – Joseph Brody ( รับบทโดย Bryan Cranston )
Godzilla: ก็อดซิลล่า ( 2014 ) – Ford Brody ( รับบทโดย Aaron Taylor-Johnson )
Godzilla: ก็อดซิลล่า ( 2014 ) – Elle Brody ( รับบทโดย Elizabeth Olsen )

เหตุผลที่ โจ พยายามเข้าไปยังบริเวณเขตกักัน Janjira เนื่องจากเขาต้องการจะค้นหาปริศนาของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ทำให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดในปี 1999 ให้ได้ เพราะเขาเชื่อว่า แผ่นดินไหวในครั้งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เป็น อะไร สักอย่างที่เป็นต้นเหตุ ดูหนังออนไลน์

และ เมื่อพวกเขาได้กลับเข้าไปยังบริเวณเขตกักกัน พวกเขาจึงได้พบว่าในตอนนี้บริเวณดังกล่าวไม่ได้มีการปนเปื้อนของสารกัมมันตภาพรังสีอีกแล้ว และ สถานที่ที่เคยเป็นโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น ก็ได้กลายเป็นสถานที่ทดลองทางวิทยาศาสตร์ของบริษัท โมนาร์ซ ที่กำลังทำการทดลอง และ ตรวจสอบดักแด้ขนาดยักษ์ชนิดหนึ่งอยู่

แต่ถึงหนังจะออกตัวช้าไปนิด แต่เมื่อเข้าสู่ในช่วงท้าย ๆ แล้ว หนังก็ค่อนข้างจัดเต็มให้กับฉากแอคชั่นได้เป็นอย่างดี มีฉากแฟนเซอร์วิสอยู่ไม่น้อยที่ชวนกรี๊ดกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยสัดส่วนที่มันค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการเอาเวลาไปเล่าพาร์ทคนที่มากกว่าแล้ว ก็นับว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายอยู่ดี

บทสรุป godzilla 2014

รีวิวหนังดัง สำหรับคนที่อยากเห็นการถล่มเมือง หรือสัตว์ประหลาด ตีกัน มากกว่านี้ ทำให้ภาพรวมแล้วกระแสของ Godzilla เวอร์ชั่นนี้จึงค่อนข้างแตกอยู่พอสมควร เพราะหากใครชอบพาร์ทดราม่าของมนุษย์ ก็จะชอบที่มันปูมาดี แต่ถ้าชอบหนังเห็นมอนสเตอร์ ตีกันก็อาจจะผิดหวังไม่น้อย เพื่อมันเต็มไปด้วยฉากคุยกันของเหล่ามนุษย์ แทนที่จะเป็นฉากแอคชั่นอลังการแทน

ในระหว่างนั้นเองที่จู่ ๆ สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่อยู่ในดักแด้ก้อนนั้นได้ตื่นขึ้นจากการจำศีล และ ออกอาละวาดไปทั่ว ทางกองทัพสหรัฐอเมริกาจึงต้องปฏิบัติการร่วมกับบริษัท โมนาร์ซ ในการกำจัดสิ่งมีชีวิตยักษ์ตัวนี้ที่ถูกเรียกว่า MUTO ให้ได้

หลังจากที่ MUTO ได้โผล่ขึ้นมาบนพื้นดินแล้ว มันได้ทำการส่งสัญญาณชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งคาดการกันว่ามันกำลังส่งสัญญาณเรียกหาบางสิ่งบางอย่างอยู่ ซึ่งสิ่งนั้นคืออะไร ต้องไปชมกันเอาเองนะฮะ ไม่เล่าต่อแล้ว

ความคิดเห็นหลังจากดูจบ
ถือว่าเป็นงานเปิด Monster Verse ที่ดีเลยฮะ แม้ว่าฉากการปะทะกันของ Godzilla และ MUTOs จะไม่มากเท่าไหร่ แต่ทุกฉากทำออกมาได้สะใจ และ บันเทิงมาก งาน CG ก็ทำออกมาได้สวยงาม และ ดูเนียนมากเลยฮะ ดูหนัง

รีวิว godzilla 2014

ฉากที่ประทับใจใหญ่ ๆ เลย มี 2 ฉาก ก็คือ ฉากการกรีดร้องครั้งแรกของพี่ก็อด และ ฉากการยิง Atomic Breath ใส่เจ้าตัว มูโต้ เรียกได้ว่าตอนเห็นครั้งแรกนี่แทบกรี๊ดเลยทีเดียว

แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นจุดเสียของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยก็คือ บทของตัวละครที่เป็นมนุษย์ทั้งหลาย แลดูไม่ค่อยมีมิติ และ ไม่ค่อยจะมีประโยขน์อะไรมากมายต่อการเดินเรื่องเท่าไหร่ ความดราม่าในหนังก็ใส่มาได้ไม่สุด จึงทำให้ในหลาย ๆ ฉากดูจะค่อนข้างน่าเบื่อไปบ้าง ดูหนังออนไลน์

Godzilla ( ก็อดซิลล่า )
สรุป >> ให้ไป 7.5 เต็ม 10 ฮะโดยรวมถือว่าเป็นหนังที่ดูสนุก และ บันเทิงดีนะ เอามันส์ได้ในระดับหนึ่ง จึงไม่แปลกที่จักรวาลนี้จะได้ไปต่อเรื่อย ๆ

หมวดหมู่ : Action Adventure Sci-Fi
สัญชาติ : American
กำกับโดย : Gareth Edwards
ความยาว : 2 ชั่วโมง 3 นาที
นักแสดงนำ : Aaron Taylor-Johnson, Elizabeth Olsen, Bryan Cranston

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิวหนังดัง สวัสดีครับนี้คือการกลับมาของราชาสัตว์ประหลาดผู้ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือเจ้า Godzilla และดูแล้วท่าทางจะประตูบานใหญ่ที่ตั้งใจเปิดออกสู่ “Monsterverse” ดูจะมีวี่แววไม่ดีเสียแล้ว กับโปรเจกต์สำคัญของค่ายลีเจนดารี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่คาดหวังจะมีจักรวาลเป็นของตัวเอง ด้วยการซื้อสัญญาร่วมกับโตโฮ ค่ายหนังใหญ่ของญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของตัวประหลาดยักษ์มากมายในจักรวาลก็อดซิลล่าของเขา ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ยุค 60s หลังจากปูทางมาตั้งแต่ Godzilla (2014)

ต่อเนื่องมาถึง Kong : Skull Island (2017) แล้วก็ถือโอกาสเปิดตัวเต็ม ๆ ว่านี่คือการเปิดจักรวาลสัตว์ประหลาดยักษ์ ด้วยการดึงเหล่าตัวประหลาดยักษ์ของโตโฮมาโชว์โฉมกันเพียบทั้งก็อดซิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า และ โรดัน แถมยังมีอีกหลายตัวที่มาเดินโชว์โฉมแต่ไม่ได้มีการแนะนำชื่อเสียงเรียงนามให้ได้รู้จัก เว็บดูหนัง

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิวหนังดัง หนังสานต่อเรื่องราวจาก Godzilla (2014) ตามช่วงเวลาจริง หนังเว้นห่างกัน 5 ปี เหตุการณ์ในหนังก็ห่างกัน 5 ปี หลังจากการปรากฏตัวของ ก็อดซิลล่า วิทยาการขององค์กรโมนาร์ชก็พัฒนาขึ้น สามารถค้นเจออสูรยักษ์ที่หลบซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของโลกได้ถึง 17 ตัว และ ภายในช่วง 5 ปีนี่ ดร.เอ็มม่า ก็สามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถสร้างคลื่นความถี่ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับอสูรยักษ์ได้

เรียกอุปกรณ์นี้ว่า “ออการ์” ในระหว่างที่ใช้ออการ์สื่อสารกับม็อธร่า โจนาห์ อลัน หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายก็มาชิงออการ์ และ จับตัว ดร.เอ็มมา กับเมดิสัน ลูกสาวไป และ ใช้ออการ์ในการปลุกอสูรยักษ์ทั่วโลก ทำให้ก็อดซิลล่าต้องลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อกำราบเหล่าอสูรยักษ์ทั่วโลก และ หนึ่งในนั้นคือ คิงกิโดร่า มังกร 3 หัว คู่ปรับตลอดกาลของก็อดซิลล่า ที่รอบนี้เล่นเอาพี่ก็อดเกือบแย่อยู่หลายครั้ง

หลังจาก Godzilla (2014)ออกฉาย ก็มีเสียงบ่นจากผู้ชมว่าได้เห็นตัวก็อดซิลล่าน้อยเกินไปไม่จุใจเลย ทางค่ายก็รับฟังเสียงจากผู้ชม มาถึง Godzilla: King of the Monsters ก็เลยจัดให้แบบสะใจกันไปเลย หนังปูเรื่องเพียงแค่ 10 นาที บรรดาอสูรยักษ์ก็ทยอยกันปรากฏตัว พี่ก็อดก็ออกมาพะบู๊กันตั้งแต่ต้นเรื่องไปเลย

ทำให้บรรยากาศของภาคนี้ดูห่างไกลจาก Godzilla (2014)ไปมาก แม้นี่คือหนังภาคต่อเนื่องกัน จากภาคที่แล้วเห็นก็อดซิลล่ากันแบบวับ ๆ แวม ๆ มืด ๆ ภาคนี้ก็เลยมายืนจังก้าให้เห็นกันเต็ม ๆ ไป เน้นขายเหล่าอสูรยักษ์ตีกันแบบจริงจัง แม้ว่าในเทรลเลอร์บอกว่าโมนาร์ชค้นพบอสูรยักษ์ทั่วโลก 17 ตัว แต่ก็มีบทบาทจริง ๆ แค่ 4 ตัวหลักคือ ก็อดซิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า และ โรดัน เท่านั้น ที่เหลือก็เดินผ่านกล้องให้เห็นแค่ 2-3 ฉาก

โทนหนังของภาคนี้น่าจะถูกใจผู้ชมในกลุ่มเด็กผู้ชาย ที่ชอบตัวประหลาดยักษ์เสียมากกว่า เพราะบรรยากาศหนังออกไปแนวอุลตร้าแมนมาก จากภาคก่อน ๆ ที่วางบทบาทของก็อดซิลล่าให้เป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ซุกตัวอยู่ใต้ทะเลลึก เพื่อหนีห่างจากมนุษย์โลก ดูหนัง

รีวิว Godzilla King of the Monsters

ตัวก็อดซิลล่ายังมีความลึกลับน่ากลัวให้สัมผัสได้ ในโทนที่ใกล้เคียงกับบรรดาไดโนเสาร์ในแฟรนไชส์ Jurassic Park ทุกครั้งที่แนะนำไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ ก็ต้องลุ้นกับภาพลักษณ์ และ พิษสงของมัน แต่กับบรรดาอสูรยักษ์ใน Godzilla: King of the Monsters กลับไม่มีความลึกลับน่ากลัวเหลือให้สัมผัสเลย

แต่ละตัวเหมือนสัตว์ประหลาดในหนังอุลตร้าแมนที่ออกมาตบตีกันตุ้บตั้บ แล้วมีท่าไม้ตายด้วยการปล่อยแสง เป็นภาคที่พาเหล่าอสูรยักษ์ยกระดับไปไกลจนไม่คงความเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ให้เห็นอีกต่อไป ฉากที่บรรดาอสูรยักษ์ตีกันก็พอบันเทิงดี ชอบที่สุดคือฉากโรดันต่อสู้กับเครื่องบินรบเป็นฉากที่ยาว และ สนุกแม้จะทำใจไว้แล้วว่านี่คือหนังสัตว์ประหลาดที่สร้างโดยฮอลลีวู้ด ต้องปล่อยวางเรื่องตรรกะความเป็นจริงให้มากที่สุด

แต่ในรายละเอียดของหนังเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ความคิดการตัดสินใจของตัวละคร ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ช่างดูไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดต้องชี้นิ้วไปที่คนเดียวคือ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับที่เหมาหน้าที่เขียนบทเองด้วย กับการเพิ่มตัวละครบุคคลเข้าไปอีกมากในหนังที่มีอสูรยักษ์วิ่งกันเต็มจอไปหมดแบบนี้ ตัวละครมนุษย์หลาย ๆ ตัวก็ดูใส่เข้ามาให้เกินความจำเป็น

แต่ว่าภาคนี้ดึงตัวละครจากภาคที่แล้วมาเกือบครบ แล้วยังเพิ่มตัวละครใหม่ ๆ เข้าไปทั้ง จางซิยี่ , โอเชียร์ แจ็คสัน และ ชาร์ล แดนซ์ ที่แต่ละคนก็เล่นกันด้วยอารมณ์หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกันหมด พอเพิ่มเรื่องราวของฝั่งมนุษย์ก็เลยกลายเป็นความกังวลที่จะต้องแบ่งน้ำหนักเฉลี่ยมาให้บรรดาตัวละครมนุษย์

โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วมเลยแม้เพียงนิด ฉากการเสียสละชีวิตของตัวละครหลักก็ใส่เข้ามาตามสูตรสำเร็จในหนัง ตามธรรมเนียมหนังภัยพิบัติ ฉากดราม่าพ่อแม่ลูกก็เช่นกันตามสูตรเป๊ะที่จะต้องเห็นอกเห็นใจกันท่ามกลางภัยพิบัติ บทเมดิสัน ของมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ยังคงเอกลักษณ์ของตัวละครเด็กสาวในหนังภัยพิบัติที่เป็นตัวสร้างภาระความวุ่นวายในหนังประเภทนี้ กรี๊ด กรี๊ด

สรุป Godzilla King of the Monsters

รีวิวหนังดัง สำหรับหนังในแนวนี้ที่ชื่อเรื่องยังสปอยล์ให้คนดูรู้ผลลัพธ์กันตั้งแต่ชื่อเรื่องว่าใครคือผู้ชนะ ฉะนั้นบทภาพยนตร์คือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ว่าจะเล่าเรื่องราวที่คนดูรู้บทลงเอยอยู่แล้ว ให้สนุก ชวนลุ้น น่าติดตามได้อย่างไร ก็ต้องถือว่า ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ยังไม่ใช่ผู้กำกับที่เหมาะสมกับหนัง 200 ล้านเรื่องนี้ และ เป็นตัวอย่างด้านลบต่อกระแสความนิยมของค่ายหนังในช่วง 10 – 20 ปีหลังมานี่ ที่ชอบดึงผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จจากหนังเทศกาล หนังฟอร์มเล็กแล้วได้เงิน ให้มากำกับหนังทุนสูงระดับบล็อคบัสเตอร์ ซึ่งหลาย ๆ คนก็ประสบความสำเร็จ

รีวิว Godzilla King of the Monsters

ชวนให้ชื่นชมผู้บริหารค่ายที่มีสายตาเฉียบคม และ กล้าเสี่ยง ได้ผู้กำกับมือใหม่ไฟแรงมีวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องไปจ่ายผู้กำกับมือเก๋าค่าตัวแพง ๆ ยกตัวอย่างให้เห็นอย่าง สก็อตต์ เดริคสัน จาก sinnister ก็ไปกำกับ doctor Strange , เจมส์ วาน จาก The Conjuring ก็ได้ไปกำกับ Fast 7 , ไรอัน จอห์นสัน จาก Looper ก็ได้ไปกำกับโคตรหนังอย่าง Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi หรือแม้ แต่ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดจาก Godzilla (2014) ก็มาจากหนังสายรางวัล Monster (2010) แต่กับ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับเรื่องนี้ เคยมีผลงานมาแค่ Krampus ,trick ‘r Treat เป็นหนังที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้ และ รางวัล แต่ทางค่ายก็โยนโปรเจกต์ระดับ 200 ล้านให้ทำ ผลก็ออกมาแบบนี้ล่ะครับ เว็บหนัง

Godzilla: King of the Monsters เหมาะจูงลูกจูงหลานเข้าไปดูสัตว์ประหลาดยักษ์ตีกัน 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ห้ามคาดหวังความสมเหตุสมผลของเนื้อหา อย่าคิดตามการตัดสินใจของตัวละคร ดูโรงธรรมดาก็พอ ไม่ต้อง 3 มิติ ไม่ได้เพิ่มอรรถรสใด ๆ ให้กับหนังเลย หนังมีฉากหลังเครดิต 1 ตัว ปูทางไป Godzilla vs. Kong ที่วางกำหนดฉายไว้ปีหน้า ถ้าเรื่องนี้ได้ตังค์อ่ะนะ

จุดเด่น

– บทไร้ซึ่งความสมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง
– บรรดาอสูรยักษ์พากันหลุดโลกกลายเป็นสัตว์ประหลาดปล่อยแสงกันไปหมด
– ไม่สามารถบาลานซ์บทส่วนมนุษย์ และ อสูรยักษ์ได้
– ดราม่าในหนังดูพยายามยัดเยียดจนเกินไป

จุดสังเกต

– หนังน่าจะถูกใจคนดูรุ่นเยาว์ ได้มาดูสัตว์ประหลาดตีกันอย่างจุใจ

รีวิว The Wrath of God

รีวิว The Wrath of God

รีวิว The Wrath of God

รีวิวหนังดัง ในที่สุด Netflix ก็ได้เอาจริงสักที โดยได้สร้างหนังสยองขวัญที่แอดรับรองเลยว่าหลังจากได้ดูแล้ว หลอนไปหลานวันเลยครับ ฮ่า ๆ สร้างภาพยนตร์เช่น พระพิโรธของพระเจ้า ความมั่นใจในตนเอง ที่ชั่วร้าย อาจมีหนังระทึกขวัญทั่วไป ที่เขียนอย่างรีบร้อน ในบางครั้งที่น่าสยดสยอง เช่นนี้สำหรับทุกภาษาในตลาดต่างประเทศของสตรีมเมอร์ แสดงผลใช้ได้อย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถพุ่งขึ้นสู่ระดับภาพยนตร์ 10 อันดับแรก เป็นเวลาหนึ่งหรือสามวัน แล้วค่อยจางหายไป

หลุมน้ำมันดินที่ลึกขึ้นของเมนูบนหน้าจอ ซึ่งสามารถครึ่งชีวิต ในการสลายตัวได้ เรื่องนี้เป็นภาษาอาร์เจนติน่า สร้างจากนวนิยายของกิเยร์โม มาร์ติเนซ และ ในขณะที่คุณกำลังจะค้นพบ แทบจะไม่ต้องสร้างความแตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน เว็บดูหนัง

รีวิว The Wrath of God

รีวิวหนังดัง เริ่มต้นด้วยเสียงปรบมือของคลอสเตอร์ (ดีเอโก เปเรตตี) นักเขียนนวนิยายอาชญากรรมผู้มั่งคั่ง และ มีชื่อเสียง ซึ่งเพิ่งอ่านหนังสือเล่มใหม่ของเขาเพื่อผู้ชมที่ชื่นชอบ พวกเขาทั้งหมดต้องการรูปถ่ายหรือลายเซ็นที่บันทึกไว้สำหรับ Esteban Rey (Juan Minujin) ซึ่งชี้ไปที่ระเบียง Luciana (Macarena Achaga) อยู่บนนั้น เธอดูสิ้นหวังเหมือนไม่ได้นอนมาหลายสัปดาห์แล้ว

ถ้าเธอไม่ไปพบคลอสเตอร์ เธอจะก่อเหตุ เขาขึ้นไปที่นั่น ตัดไปที่ Rey และ นอกจอ บางสิ่งบางอย่างทำให้กระหน่ำอย่างน่าสะอิดสะเอียน ก่อนที่เราจะไปไกลกว่านี้ ดูเหมือนว่าสำคัญที่จะแจ้งให้คุณทราบว่านี่เป็นหนึ่งในข้อตกลงประเภทการเล่าเรื่องแบบบุ๊คเอนด์ ซึ่งภาพยนตร์จะแยกไปยังอีกฉากหนึ่งที่มีดนตรีที่มีความดราม่าสูง และ คำบรรยายที่อ่านได้บางอย่างเช่น 12 YEARS EARLIER และ จากที่นั่น หนังก็กลับมาสู่ฉากตั้งแต่เปิดฉาก คุณรู้ว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร – ทำไมต้องเปิดใจกับ สิ่งที่น่าเบื่อ และ ทำงานให้กับ สิ่งที่น่าตื่นเต้นในเมื่อคุณสามารถตัดสิ่งที่น่าตื่นเต้น ลงครึ่งหนึ่ง แล้ววางชิ้นหนึ่งไว้ข้างหน้า และ อีกอันในตอนท้าย

ดังนั้น: เมื่อ 12 ปีก่อน นี่คือตอนที่ Luciana เป็นผู้ช่วยของ Kloster โดยเขียนตามคำบอกในนิยายเรื่องหนึ่งของเขา เขาเดินไปที่ห้อง และ พูดในขณะที่เธอพิมพ์ คนเขียนแบบนี้? ฉันคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับเหงื่ออันน่าสังเวชของนักเขียนที่ซึมเข้าไปในแป้นพิมพ์มากกว่า อย่างไรก็ตาม Luciana รักลูกสาวตัวน้อยของ Kloster และ พวกเขาก็เล่นตุ๊กตาด้วยกัน

และ ภรรยาของ Kloster ก็ดูไม่ค่อยสบายนัก อาจเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่เป็นเวรเป็นกรรมทำลายอาชีพนักบัลเล่ต์ของเธอ ตัดไปที่: ปัจจุบัน แต่นี่เป็นเรื่องโกหก! ไอ้เวรนั่นมันโกหก! เพราะถ้าเป็นยุคปัจจุบัน ฉากเปิดที่มีการอ่านหนังสือ และ อิ๊กกี้ thump จะเป็นฉากจาก (คิว แธมมิน มิวสิค) THE FUTURE อันที่จริง เรายังต้องพยายามจนถึงฉากกระหน่ำ จากฉากนี้ ซึ่งเรย์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขาที่หนังสือพิมพ์ ซึ่งก็ชัดเจนก่อนถึงวันปัจจุบัน 1 หรือ 10 วัน

รีวิว The Wrath of God

แต่! เราไม่ได้อยู่กับ ปัจจุบันนานนักก่อนที่มันจะย้อนไปเมื่อ 12 ปีก่อน เมื่อลูเซียน่า อีกด้วย ทำงานเป็นผู้ช่วยของ Rey เพราะในขณะนั้นเขาเองก็เขียนนวนิยายของเขาแทนการทรมานตัวเองอย่างโดดเดี่ยวบนแล็ปท็อป จากนั้นย้อนกลับไปในวันก่อน PRESENT DAY เมื่อ Luciana ถาม Rey ซึ่งปัจจุบันเป็นนักข่าวที่เป็นโรคลมชักที่เกี่ยวข้อง กับการดื่มสุราอย่างถาวร เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะเธอมั่นใจว่า Kloster ได้ฆ่าครอบครัวของเธอทีละคนในช่วงสุดท้าย (คุณเดาได้) มัน) 12 ปี

ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน (หมายเหตุ: คำบรรยายเหล่านี้ไม่ปรากฏขึ้นทุกครั้ง ฉันรู้สึกขอบคุณที่จดบันทึก) เมื่อคลอสเตอร์ตีความท่าทางไร้เดียงสาของ Luciana ผิด ๆ และ จูบปากของเธออย่างอ้วนท้วน เธอเดินออกไป ยื่นฟ้องในคดีล่วงละเมิดทางเพศ นั่งลงเพื่อไกล่เกลี่ย กับทนาย และ คลอสเตอร์ก็เดินเข้าไปในสภาพเหมือนถนนแย่ ๆ

ไม่กี่ไมล์ ตัดเช็คให้เธอ แล้วเดินออกไป ฮะ. นี่คือตอนที่ Luciana รู้ว่าภรรยา และ ลูกสาวของ Kloster ตายแล้ว และ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ฉันอดไม่ได้ที่จะสปอยล์ เวลาผ่านไปแต่ไม่มากนักที่เราตามทัน PRESENT DAY อาจจะมากกว่าหนึ่งเดือนหรือสามหรือหนึ่งปี และ Luciana และ ครอบครัวของเธอ – แม่, พ่อ, พี่ชายสองคน, น้องสาวหนึ่งคน – กำลังพักผ่อนที่ ชายหาด และ พี่ชายของเธอ ทหารรักษาพระองค์จมน้ำ และ ใครที่ยืนอยู่ตรงนั้น ยกเว้นคลอสเตอร์ เนื้อเรื่องเข้มข้น!

หนังเรื่องไหนที่จะทำให้คุณนึกถึง: ไม่ อากีร์เร หรือ ข่าน — ไม่เลยสักนิด ขอบคุณ เลือกภาพยนตร์แก้แค้นหรือฆาตกรต่อเนื่องทั่วไป ภาพยนตร์แก้แค้นทั่วไปหรือภาพยนตร์ฆาตกรต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ออกอากาศครั้งแรกบนสายเคเบิลพื้นฐาน ฉันต้องค้นหาภาพยนตร์ที่ฉันลืมไปเพื่อให้จำได้ว่ามีอยู่: นายบรู๊คส์ อาจจะหรือ คฤหาสน์โคลด์ครีก,ขยะอย่างนั้น. เว็บหนัง

ประสิทธิภาพที่ควรค่าแก่การชม: Peretti และ Minujin ดูเหมือนจะมีการแข่งขันกันเพื่อดูว่าใครสามารถแสดงอารมณ์ของ Gabriel Byrne ที่เข้มข้นที่สุดได้ โทรยาก แต่ฉันจะไป กับเปเร็ตตี

บทสนทนาที่น่าจดจำ: Kloster รู้สึกเบิกบาน-y: “เป็นเวลาหลายปีที่ฉันพยายามจินตนาการว่าทำไมเธอถึงสร้างเรื่องราวเหล่านี้กับฉัน… หนึ่งในสามเหตุผล – ความบ้าคลั่ง ความโหดร้าย หรือความรู้สึกผิด”

เพศ และ ผิวหนัง: ไม่มาก – ภาพ POV ที่น่าขนลุกของ Kloster มองลงมาที่เสื้อของ Luciana

สรุป The Wrath of God

รีวิวหนังดัง เป็นภาพยนตร์ที่เทียบเท่ากับนวนิยายระทึกขวัญที่คุณจะไปรับที่สนามบิน อ่านในสองชั่วโมง ทิ้งไว้ในกระเป๋าที่นั่ง และ ลืมไปทั้งหมดก่อนที่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะกล่าวลา แต่มีคนรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ปรารถนาให้เป็นมากกว่านั้น มีการอ้างอิงถึงการกะพริบตา ต่อตาในพระคัมภีร์ไบเบิลบ่อย ๆ และ ชื่อเรื่องนั้น

ซึ่งอาจสมเหตุสมผลหากคุณยืดขอบเอวยางยืด ของคู่การตีความวรรณกรรม ของกางเกงชั้นในจนแตก และ ทิ้งรอยแดงไว้ที่ตูดของคุณ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้คลอสเตอร์แสดงลักษณะเป็นอัจฉริยะด้านวรรณกรรมที่มักจะโบยบินด้วยน้ำเสียงที่อวดอ้างเกินพอเกี่ยวกับธีมงานอันยิ่งใหญ่ของเขา แต่สิ่งที่เขาบอกกับลูเซียนานั้นฟังดูเหมือนเป็นภาพจำลองที่เยือกเย็นอย่างเยือกเย็น – เป็นคำอุปมาที่ไม่คาดคิดสำหรับตัวหนังเอง

รีวิว The Wrath of God

ภาพยนตร์เรื่องนี้ขอให้เราอยู่บนเรือเพื่อดูว่าข้อกล่าวหาของ Luciana เป็นความจริงหรือว่าเธอเป็นบ้า Kloster อยู่เบื้องหลังการลดจำนวนประชากรที่น่าสยดสยองของครอบครัวของเธอหรือไม่? หรือสถานการณ์นี้เป็นเพียงอุบัติเหตุรถ 40 คันที่บ้าคลั่ง?

เราถูกล่อลวงให้เชื่อลูกสาวที่บริสุทธิ์ของศิษยาภิบาลมากกว่าคืบคลานแก่ที่น่ากลัว และ น่ากลัวที่ถูกครอบครัวของเขาตามหลอกหลอน ทำไม อื่น เขาจะล้อเลียนเรื่องศีลธรรมในพระคัมภีร์เดิมที่น่าสงสัยอยู่เสมอหรือไม่?

แต่มันยากที่จะรู้สึกว่าลงทุนในไดนามิกที่ล้นเกินนี้เมื่อตัวละครบางแบบเวเฟอร์ น้ำเสียงทำให้เราหายใจไม่ออกด้วยความซีเรียสในตัวเอง ไทม์ไลน์ถูกแฮ็กสำหรับบาร์บีคิว ( KINGDOM ของฉันสำหรับการเล่าเรื่องแบบ LINEAR!) และบทสรุปก็ไม่น่าแปลกใจ หรือยั่วยุหรือน่าพอใจเป็นพิเศษแม้ในระดับผิวเผิน นี่คือสิ่งที่สีโดยตัวเลขส่งผ่านตัวเองออกเป็นแรมแบรนดท์ โอเค อาจจะแค่ ส่วนน้อย แรมแบรนดท์. แต่ความคิดยังคงน่าหัวเราะ ดูหนัง

รีวิว Avengers Infinity War

รีวิว Avengers Infinity War

รีวิว Avengers Infinity War

 

รีวิวหนังดัง ในวันที่แฟนๆเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่นั้นจะได้เห็นหนังการรวมตัวของฮีโร่หนังรวมฮีโร่ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา สวัสดีครับวันนี้แอดมาแนะนำหนังมาเวลอเวนเจอร์ภาค 3 หลังจากที่ห่างหายกันไปเนิ่นนาน ครั้งนี้เหล่าฮีโร่ต้องเผชิญกับภัยร้าย หรือก็คือ โชคชะตาที่มิอาจเลี่ยง หลังรอคอยมายาวนานถึง 6 ปีนับตั้งแต่มีการเปิดตัวว่าจักรวาลมาร์เวลจะมีตัวร้ายชื่อทานอส เป็นบอสใหญ่ตัวสุดท้ายใน The Avengers ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ Avengers Infinity War เข้าฉาย และผลตอบรับของภาพยนตร์เรื่องมีเสียงแตกไปทั้งสองฝั่ง มีทั้งชอบสุดๆ และ ไม่ชอบเพราะผิดหวัง แล้วเราล่ะรู้สึกอย่างไรทำไมถึงให้ 7 เต็ม 10 อยากมาชวนแลกเปลี่ยนกันในรีวิวนี้

Avengers Infinity War เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 19 ของจักรวาล Marvel Cinematic Universe ซึ่งภาคนี้กำกับด้วยสองพี่น้อง ‘แอนโทนี รุสโซ’ และ ‘โจ รุสโซ’ ที่ผ่านมาพวกเขากำกับภาพยนตร์ฮีโร่มาแล้วสองเรื่องก่อนหน้านั้นคือ

Captain America : The Winter Soldier , Captain America : Civil War ครั้งนี้ทั้งคู่ได้รับความไว้ใจจาก Marvel Studio ให้กำกับหนังมหากาพย์ปิดตำนานฮีโณ่ นั่นแปลว่าพวกเขาต้องสามารถคุมหนังได้แบบเอาอยู่ หนังที่เชื่อมจักรวาล MCU ซึ่งถูกคาดหวังไว้สูง เว็บหนัง

รีวิว Avengers Infinity War

รีวิวหนังดัง เกริ่นนำสั้นๆ ก่อนว่าจักรวาลมาร์เวลเฟส 3 นั้นหนึ่งในโปรเจคต์ยักษ์คือ Infinity War ซึ่งแฟนมาร์เวลรู้ดีว่าที่ปูเรื่องมาทั้งหมดตั้งแต่ Iron Man จนถึงวันนี้ก็เพื่อที่จะมาเชื่อมจักรวาลทั้งหมดก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่เรื่องราวใหม่ของฮีโร่ตัวใหม่ที่รอการปั้นทั้งสไปร์เดอร์แมน แบล็คเเพนเธอร์ กัปตันมาร์เวล และ เเอนท์แมน

จึงไม่แปลที่คนจะคาดหวังความสมบูรณ์แบบ เพราะอุตสาห์ปูเรื่องมายาวนานตั้ง 10 ปี พูดถึงบทสรุปสุดท้ายสักทีก็ต้องยิ่งใหญ่หน่อย แน่นอนความคาดหวังนี่แหละที่นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ในแง่ลบว่า Infinity War สนุกนะ แต่อาจจะยังไม่ดีพอ แม้ผู้กำกับจะเป็นสองพี่น้องรุสโซ ที่ทำกัปตันอเมริกาทั้งสองภาคออกมาได้สนุกสุดยอดก็มีคนรู้สึกผิดหวัง

รีวิว Avengers Infinity War

หากมองในฐานะแฟนบอยที่ติดตามหนังมาร์เวลทุกเรื่อง (ไม่ได้โม้พูดจริง) เราก็คิดว่าเขาทำหนังออกมาได้สนุก ลุ้นมือจิกเบาะในบางฉาก แต่รู้สึกว่าขาดความยิ่งใหญ่ที่คิดไว้ในหัว ซึ่งไม่แน่ใจว่านี่คือการกั๊ก แล้วไปปล่อยหนัก ๆ ใน Avengers 4 หรือเปล่า ภาพรวมของเราจึงรู้สึกว่า “หนักมือกว่านี้อีกก็ได้นะพี่ อย่ายั้ง…”

เนื้อเรื่องเข้มข้น ไม่ยืดเยื้อแม้หนังจะนาน 150 นาที

ถึงแม้เราจะรู้สึกว่า ‘ไม่อิ่ม’ แต่อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องของ Infinity War นั้นกลับไม่น่าเบื่อเลย อาจจะเพราะเนื่องจากเรื่องราวของทานอสถูกปูมาแล้วในเอนเครดิตของหนังในจักรวาลมาร์เวลหลายเรื่องแล้วจึงไม่ต้องมานั่งปูเรื่องอะไรอีก มาถึงก็ใส่ยับโชว์ความโฉดของทานอสตั้งแต่ฉากแรก

แม้ฮีโร่จะออกมากันเยอะระดับหลักสิบกว่าตัว แต่มีการเฉลี่ยเรื่องราวออกมาได้เท่า ๆ กันไม่รู้สึกหนักหรือเอียงไปที่ใคร ในเรื่องจะแบ่งเรื่องราวของฮีโร่ออกเป็นสี่กลุ่มคือ กลุ่มบนดาวโลกที่นำทีมโดยกัปตันอเมริกา, กลุ่มที่ดาวไททันนำโดยไอรอนแมน ,กลุ่มที่พาธอร์ไปตีค้อนใหม่ และ กลุ่มที่ไปดาวไททัน

การดำเนินเรื่องนั้นไม่ได้ปล่อยให้เราพักหายใจหายคอ ไม่ได้รู้สึกเบื่อยิ่งสองฉากใหญ่ช่วงท้ายทั้งการต่อสู้บนดาวไททัน และ ดาวโลกยิ่งทำให้เราเอาใจช่วยฮีโร่ทุกคนอย่าใครตายไปมากกว่านี้เลย หรือถ้าตายก็อยากให้ตายเท่ ๆ อย่าตายแบบไม่ให้ราคาเลย

ปรากฎว่ามีฮีโร่ตาย (ไม่บอกว่ากี่คน) และ เป็นความตายที่เท่มาก ๆ มันต้องอย่างงี้ ตายคือตาย อย่าไปอิดออด (ถึงบางตัวเราจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ตายจริงหรอก)

แทรกความฮาสมกับเป็นมาร์เวล

หนังมาร์เวลมีเสน่ห์ที่ความฮาด้วยไม่ใช่แค่ซัดกันนัว ซึ่งใน Infinity War ก็ไม่ได้ทำให้หนังดูเครียดทั้งเรื่อง แต่ยังแฝงมุกอยู่ในทุกช่วงเวลา ต่อให้เป็นฉากต่อสู้หน้าสิ่วหน้าขวานแค่ไหน ก็ยังอุตสาห์จะเล่นมุกอีกเนอะ ซึ่งน่ารักดี หลายซีนติดอยู่ในใจเราแม้จะเดินออกจากโรงแล้วก็ตาม

รีวิว Avengers Infinity War

สิ่งที่อยากชมมาร์เวลคือเซ้นส์ของมุกตลกนั้นมีเสน่ห์มากกว่าในหนังฮีโร่ของดีซี (เราขอบหนังฮีโร่ทุกเรื่องไม่เกี่ยวค่ายต้องออกก่อน เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง) อย่างใน Justice League เราก็ชอบในมุกที่แทรกอยู่ในหนังแต่มันไม่ได้มีจังหวะที่เราชอบทั้งหมด หลายมุกแค่หึหึ ไม่ได้ฮาก๊ากเหมือนใน Infinity War

มิติของตัวละคร และ การแบ่งความสำคัญทำได้ดี

ที่อยากจะชมมาก ๆ คือตัวละครใน Infinity War ไม่ได้แบนราบหรือเล่าแต่เรื่องราวของฮีโร่ แต่ยังแบ่งเวลากว่าครึ่งของหนังเพื่อเล่าเรื่องของทานอสทั้งความวิบัติฉิบหายที่ทานอสทำ และ จิตใจของทานอส ที่ทำให้เราได้เห็นว่า เฮ้ย! ทานอสก็มีจิตใจ มีความคิดนี่หว่า ไม่ใช่แค่ยักษ์บ้าไล่ล้างจักรวาล สิ่งที่ทานอสทำมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แต่วิธีการมันสุดโต่งไปหน่อยเท่านั้นเอง

ซึ่งความมีมิติของตัวละครไม่แบนนี่แหละเป็นเสน่ห์ของมาร์เวล แต่ก็อยู่ที่ว่ามาร์เวลจะใช้มิติของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์จนจบหรือไม่ แต่ในภาคนี้ทำได้ดีมากจนกระทั่งจบเรื่อง
เสน่ห์ของหนังฮีโร่ของมาร์เวลไม่ใช่ใครหมัดหนักกว่าก็ได้เปรียบ ดังนั้นต่อให้เป็นฮีโร่ระดับพลังมนุษย์อย่างแบล็ควิโดว์ ก็ยังมีบทบาทที่เป็นไปได้ในการต่อสู้ เว็บดูหนัง

ฉากใหญ่ทำได้มัน! ออกแบบการต่อสู้ได้สนุกลุ้นมือจิกเบาะ
ฉากต่อสู้นี่ต้องบอกว่า สนุกสัXcxv*76&cv-0e-gxbs90cspviaw มันฉิบห@vopwjpsauif88s59paovli0-3v;.av (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง) เอาเป็นว่าโคตรสนุกลุ้นเอาใจช่วยเพราะถ้าปกติหนังฮีโร่มันก็ออกมาแนวเดิมคือธรรมะชนะอธรรม แต่คราวนี้เหมือนจะไม่ใช่สักทีเดียว เพราะสถานการณ์เอียงไปทุกทาง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฮีโร่บนโลกแทบจะจนมุม หาทุกสรรพวิธีมาใช้

บทสรุปใน Avengers Infinity War

รีวิวหนังดัง หนังเรื่องนี้มีตัวร้ายที่ร้ายสุด ๆ เก่งสุด ๆ และทำให้เราเกลียดน้อยลงได้ระหว่างการเดินไปของเรื่อง นี่มันคือรสแบบที่ไม่มีทางเจอในหนังเด็กน้อยอีกแล้ว นี่คือหนังที่โตมากับเด็กคนเมื่อ 10 ปีก่อน แล้วตอนนี้พร้อมรับอะไรหม่น ๆ ดาร์ก ๆ เข้าใจชีวิต เหมือนนักดื่มที่เข้าใจความสวยงามในรสขมของสุราแล้วนั่นล่ะ

ดังนั้นอาจมีทั้งคนที่รักมันและเกลียดมัน แบบที่ดิสนีย์เคยทำใน The Last Jedi เพราะหนังที่ยิ่งใหญ่มันสร้างแรงกระเพื่อมและข้อถกเถียงได้กว้างใหญ่กว่าตัวมันเสมอ และ Infinity War ก็เช่นกัน บอกเลยว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะอวย หรือจะเกลียด มันคือหนังที่ต้องดูแค่นั้น เรื่องหลังจากนั้นมันคือต้นทุนของแต่ละคนที่สร้างมาเพื่อเก็บบางอย่างกลับไป

บางคนอาจได้ประเด็นความเป็นเพื่อน บางคนความเป็นพ่อ บางคนความเป็นลูก หรืออะไรอื่น ๆ อีกมาก แต่มันจะไม่มีทางเป็นหนังแบบที่โคตรสนุกแล้วออกมาหัวโล่งเบาหวิวไม่มีอะไรติดกลับไปแน่นอนครับ ธานอส คือตัวร้ายที่มีมิติอย่างที่บอก ว่าเราค่อย ๆ เข้าใจการกระทำเขาขึ้นเรื่อย ๆ และ เกลียดเขาลดลง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ทำให้เรารู้สึกรักขึ้นได้เลยแม้แต่สักนิด (นี่มันอะไรกัน!)

เรื่องราวนี้ยังตัวละครมากมายที่เข้ามาสานเรื่องราว บางเรื่องราวเราคิดว่าเราเดาได้แน่ ๆ แต่เอาจริงมันก็มีอะไรที่เหนือกว่าที่เราจะเดาไปอีก บางคนเรารู้ว่าเขาแสดงแน่ ๆ แต่พอเขาปรากฏตัวมันก็เซอร์ไพรส์กว่าที่คิดไปอีก มันคือการเดาความคาดหวังของคนดูแล้วใส่ +++ เข้าไป จนเราขนลุกได้ตลอดเวลา ดูหนัง

ส่วนที่ไม่ชอบก็มีครับตรงนี้คงพูดได้โดยไม่สปอยล์ เพราะซีจีบางอย่างมันดูโลว์จนน่าเกลียดเลยโดยเฉพาะ ฮัลค์บัสเตอร์ ในซีนท้าย ๆ ที่เปิดเกราะ กับความแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ บางอย่างที่เราเคยรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ มาแล้ว ดีว่ามันไม่ใช่อะไรที่จะเป็นจะตายสำหรับหนังเรื่องนี้น่ะนะ

แล้วส่วนจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่เคยดูหนังพวกนั้นมาก่อน มันจะไม่ใช่แบบว่า อ่อไม่เป็นไร ตัวนั้นก็คือตัวร้าย นั้นคือฝั่งตัวดี เรื่องก็เดินไปแบบธรรมะชนะอธรรม เพราะตอนนี้มันเรียกร้องคนดูไปมากกว่านั้น มันไม่ย้อนความมันไม่เล่าเกริ่นอะไรอีกแล้ว เพราะมันคือหนังที่ใช้ประโยชน์จากเวลา 10 ปีอย่างคุ้มค่าทุกเม็ดทุกหน่วย แบบที่บอกว่าถ้ามาเมาไวน์ อย่าเสียเวลาเกริ่นด้วยน้ำองุ่น แล้วมันคือหน้าที่ของแฟนหนังที่ต้องพร้อมกับมันเองครับ ใครพาแฟนหรือเพื่อนที่ไม่เคยดูมาก่อนไป ก็ทำใจเลยครับว่าจะต้องตอบคำถามเพียบจนอาจเบื่อระหว่างดูไปเลย แนะนำให้ทำการบ้านกับคนที่พาไปดูสักนิดครับ แล้วจะเจริญใจกันทั้งสองฝ่ายแบบสุด ๆ

ในระหว่างต่อสู้มีเซอร์ไพร้ส์มากมาย โดยเฉพาะฉากใหญ่บนดาวไททันกับฉากที่วากานด้า เป็นการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเป็นการแลกกันของจริง ไม่ได้ฝ่ายใดฝ่ายนึงโดนยำตีนอย่างเดียว แต่เป็นการสลับกันยำตีนวัดกันที่ความเท่ล้วน ๆ ในจังหวะทีเด็ดทีขาด หรือจังหวะจุดเปลี่ยนก็ทำได้ดีมาก กระทั่งตอนจบก็ทำให้เรารู้สึกว่า…. เมื่อไหร่จะปีหน้าโว้ยยย รอไม่ไหวแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่ายังไม่สุด มันยังใส่ยับได้อีกซึ่งเราคิดว่าภาคสองคงจะใส่ยับมากกว่านี้แน่ ๆ

บทสรุป

ไปดูเถอะถ้าคุณเป็นแฟนมาร์เวล แม้ไม่ดูมาครบทุกเรื่อง และ อาจจะต้องใช้ความคิดนึงนึงว่า “เอ้…เมื่อกี้หมายถึงอะไร” แต่คุณจะสนุกไปกับมัน ตอนจบบางคนอาจจะไม่ชอบ แม้จะจบเคลียร์มากแล้วก็เถอะ มีเอนเครดิต ต้องดูเลย!!