Category Archives: รวมรีวิว

รีวิว Red Rocket

รีวิว Red Rocket

รีวิว Red Rocket

รีวิวหนังดัง สวัสดีครับวันนี้แอดมินมาเล่าหนังชีวิตหนังสะท้อยชีวิตสังคมของหนุ่มวัยกลางคน เป็นเรื่องราวของ นักแสดงหนังโป๊วัยกลางคน ไมกี้ เซเบอร์ (เร็กซ์) หนีจากลอสแองเจลิส ถูกทำร้าย และ ฟกช้ำด้วยเงิน 22 เหรียญสำหรับชื่อของเขา ย้อนกลับไปที่เมืองเท็กซัส ซิตี้ บ้านเกิดของเขา เขาได้พบกับสตรอว์เบอร์รี (ลูกชาย) พนักงานร้านโดนัทวัย 17 ปี และ เริ่มคิดหาวิธีที่จะสร้างสถานะใหม่ขึ้นมาใหม่ และ ตอกย้ำความเป็นดาราของเขากลับคืนมา

Mikey Saber ของ Simon Rex เป็นสิ่งมีชีวิตที่กระตุก ศีรษะสูง ราวกับว่าเขากำลังลอยอยู่เหนืออึของตัวเอง เขามักจะวิ่งไปรอบๆ คอยระวังอยู่เสมอ เขาเคลื่อนไหวเหมือนเมียร์แคต และ คิดเหมือนงู อุบายชั่วนิรันดร์ ถ้าเขาเคยมีช่วงความสนใจ มันก็หายไปพร้อมกับศักดิ์ศรี และ ความตระหนักในตนเองของเขา “อีกไม่นาน มันก็จะเหมือนกับว่าเรายังคงแต่งงานกัน”

เขากล่าวกับอดีตคู่หู เล็กซี (บรี เอลรอด) ผู้ซึ่งไม่ยอมปล่อยให้เขาล้มลงบนโซฟาของเธออย่างไม่เต็มใจ “เรายังคงแต่งงานกัน” เธอจ้องเขม็ง “โอ้ มีแมลงปอ!” เขาตอบ มองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่สนใจเธอโดยสัญชาตญาณเพราะข้อมูลของเธอไม่ใช่สิ่งที่เขากำลังมองหา ดูหนัง

รีวิว Red Rocket

รีวิวหนังดัง ไมกี้เป็นหรือเคยเป็นนักแสดงหนังโป๊ พวกเขาทั้งคู่เป็น แต่เขาอยู่ในหลักสูตรทำให้ใหญ่ในลอสแองเจลิสจนกระทั่งสิ่งต่าง ๆ พังทลาย ตอนนี้ ด้วยไวอากร้าหนึ่งซอง และ คอมเพล็กซ์ที่เหนือกว่าที่ใส่ผิดที่ เขาจึงหนีกลับบ้านไปยังเมืองที่เขาเกลียดชัง เหลือเพียงคนเดียวที่จะพาเขาเข้ามา

เขาคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญ แต่ไม่มีใครสนใจ ผู้คนที่นี่ เขาเป็นคนขี้ขลาดแบบเดิมๆ ที่เขาเคยเป็น ส่วนใหญ่—ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง—ไม่แม้แต่จะปกปิดการดูถูกเหยียดหยามด้วยซ้ำ เล็กซี่เตือนเขาว่าเขาจะไม่ก้าวเข้าไปในเมืองอีกเลย “แล้วโลกก็ทำร้ายฉัน ฉันจะพูดอะไรได้” เขาถ่มน้ำลายกลับ

ผู้กำกับฌอน เบเกอร์ชอบแหย่เรื่องราวที่เหลืออยู่ของ The American Dream ภาพยนตร์เกือบทั้งหมดของเขา — แน่นอนว่าในไม่กี่เรื่องสุดท้าย ซึ่งรวมถึงStarlet , Tangerine และ The Florida Project — ติดตามผู้คนส่วนใหญ่ที่ชายขอบ ซึ่งติดอยู่ ถูกพันธนาการโดยพฤติการณ์ พยายามจะออกไป ค้นหาทางหนี ความสำเร็จ ชีวิตอื่น อีกรอบ และ สำหรับไมกี้แล้ว ทุกคนคือสินค้าโภคภัณฑ์ ทุกคนต้องอยู่บนโลกใบนี้เพื่อประโยชน์ของเขา เพื่อช่วยเขาปีนบันไดของสังคม เหยียบย่ำพวกเขาในขณะที่เขาทำเช่นนั้น

รีวิว Red Rocket

การกระทำมากมายในRed Rocketเช่นเดียวกับส้มเขียวหวานเกิดขึ้นในร้านโดนัท ที่ซึ่งผู้คนแห่กันไปซื้อน้ำตาล และ วัชพืช และ โรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้ก็มีอยู่จริง มันคือปี 2016: ในโทรทัศน์ ทรัมป์ดึงดูดผู้ชมของเขา โดยบอกว่าเขามีสิ่งที่พวกเขาต้องการ ในขณะเดียวกัน ไมกี้ก็เข้าไปขายวัชพืช “ผมเป็นเด็กรักชาติ”

เขาบอกกับสำนักข่าวในขณะที่ซื้อกระดาษม้วน Stars and Stripes แต่เขาเหรอ? ส่วนใหญ่อาจจะไม่ เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไร แค่สิ่งที่เขาต้องการ เขาบอกเรย์ลี (ซูซานนา ซัน) ที่ทำงานในร้านโดนัท และ เรียกตัวเองว่าสตรอเบอรี่ว่าเธออยากฟังอะไร เพราะเขาเริ่มชอบเธอในทันที และ มองว่าเธอเป็นตั๋วที่เขาจะออกไปจากที่นี่ ทั้งๆ ที่ และ เพราะ ความจริงที่ว่าเธออายุ 17 ปี บางที เขาคิดว่า เขาสามารถเกิดใหม่ได้ในหนังโป๊ในฐานะตัวแทน

บนกระดาษ ไมกี้เป็นยาขับไล่; บนหน้าจอที่น่าสนใจ ไซม่อน เร็กซ์ ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ มีเสน่ห์ ทำให้เขามีการแสดงที่น่าจับตามองมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เราต้องดึงดูดเขาเพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจว่าเขามีส่วนร่วมกับคนอื่นอย่างไร และ เราเป็น — เขามีเสน่ห์อย่างไม่รู้จบ สนุกสนาน และ ตลกขบขัน และ ไร้สาระ

รีวิว Red Rocket

เบเกอร์มีความสามารถพิเศษในการคัดเลือกนักแสดงอย่างไม่น่าเชื่อ และ เขายังรายล้อมเร็กซ์ด้วยผู้คนที่รู้สึกเหมือนอยู่ในตัวละครของพวกเขาตลอดไป แม้ว่าข้อเท็จจริงที่ว่าคนส่วนใหญ่ไม่เคยแสดงมาก่อนก็ตาม นั่นคือกลเม็ดมายากลที่ยิ่งใหญ่ของ Baker ซึ่งเล่นอย่างชาญฉลาดที่นี่

ตัวละครในสมมติดูเหมือนจริง ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ความรู้สึกเหมือนลอยอยู่บนกำแพง แต่มีการวางแผนที่สมบูรณ์แบบ มันมีพลังขับเคลื่อนอย่างมาก ส่วนใหญ่ดูเหมือนว่ามันแค่ไปเที่ยวกับคนเหล่านี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ปลูกฝังสิ่งต่าง ๆ สร้างความสัมพันธ์ และ ความขุ่นเคือง

ถึงแม้ว่าหัวใจของตัวละครนำจะกลวง แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่น่ารัก ภาพนี้ถ่ายด้วย Super 16 มม. ที่มีเกรนน้อยน่ารักโดยช่างภาพ Drew Daniels ซึ่งทำให้ Wavesของ Trey Edward Shults ดูงดงามมาก และเขาทำให้Red Rocketอบอุ่นราวกับดวงอาทิตย์ในเท็กซัส

ที่นี่ Texas City ยังเป็นสถานที่ในโลกอื่น ๆ ที่เกือบจะเป็นนิยายวิทยาศาสตร์ แสงนีออนในตอนกลางคืนของ Donut Hole ที่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ตรงหน้าเมืองที่มีแสงไฟสีเขียวและสีส้มของโรงกลั่นน้ำมัน ในขณะที่ไฟถนนรอบๆ สั่นไหว ท้องฟ้าก็อบอวลไปด้วยควันปล่องไฟอย่างโรแมนติก . แฟนตาซีอยู่ในอากาศ เว็บหนัง

Texas City ไม่ได้หมุนรอบ Mikey Saber แต่เขาคิดว่ามันใช่ มืดบอดไปด้วยความหลงผิดและความสิ้นหวัง Rex, Baker และ Chris Bergoch ผู้เขียนร่วมประจำของเขาได้สร้างหนึ่งในตัวละครเอกพจน์ที่แท้จริงของภาพยนตร์ เขาเป็นคนที่คุณทำไม่ได้และจะไม่หยั่งรู้ แต่คุณไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ กว่าหนังจะจบ คุณคงไม่รู้หรอกว่าอะไรกระทบกระเทือนใจคุณ แล้วเขาก็ไป

สรุปเรื่อง Red Rocket

รีวิวหนังดัง นักแสดง (ประกอบด้วยมือโปรสองสามคนและมือใหม่ดีๆ มากมาย) เรียงรายไปด้วยสถานที่ในโลกแห่งความเป็นจริงที่ปรับบริบทของการวางอุบาย ฝุ่น และการแตกตื่นของ Mikey ในรายการ America’s Decline ไมกี้กำลังเดินลัดเลาะไปตามท่อระบายน้ำในประเทศที่มีคนเพียงไม่กี่คนมีทรัพย์สินมากกว่าที่ใครๆ ต้องการนับล้านเท่า ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการเลิกจ้างหรือถูกวินิจฉัยว่าไร้บ้าน จากจุดชมวิวนั้น คุณจะเห็นได้ว่าเหตุใด Mikey จึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะบันทึกทุกช่วงเวลาแห่งความสนุกและชัยชนะที่หายวับไปอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าเขาจะทำได้

ผู้กำกับภาพ ดรูว์ แดเนียลส์ (“Waves) ถ่ายทำรายการทั้งหมดด้วยฟิล์ม 16 มม. ด้วยภาพที่นุ่มนวล/เป็นเม็ดเล็กๆ ที่เชื่อมโยงกับภาพยนตร์ลูกครึ่งที่มีเสน่ห์ของทศวรรษ 1970 ที่เบเกอร์และบริษัทของเขาเรียนกันอย่างชัดเจนว่าเป็นการเขียนด้วยลายมือ . คุณเจอโจ บัคจากเรื่อง “Midnight Cowboy” และตัวเอกของเรื่อง “Hud” ตะวันตกสมัยใหม่ ทั้งจาก Texans แล้วจากนั้นก็ตีหัวเขาสองสามครั้งด้วยค้อนการ์ตูนขนาดใหญ่ คุณก็ทำได้ คุณพบกับ Mikey ซึ่งกลายเป็นหกส่วนท้าย สอง รุ่นผู้ป่วยนอกของกายวิภาคของเขาซึ่งเขาหาเลี้ยงชีพและนั่นจะไม่ทำงานถ้าเขาไม่เติมด้วยยา

รีวิว Red Rocket

หายนะอันจูงใจที่ Mikey’s Rise to Power Act 3 ปลดปล่อยออกมาเป็นหนึ่งในกรณีเหล่านั้นที่จักรวาลมักจะพลาดคำอุปมาเรื่องชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาขาดความตระหนักในตนเองมากจนพวกเขา ‘ไม่ได้ทำ’ ได้รับข้อความ มันเหมือนกับนักต้มตุ๋นฟิล์มนัวร์ที่เสียชีวิตที่ป้ายที่เขียนว่า “เดดเอนด์” และพูดด้วยลมหายใจที่กำลังจะตายว่า “ฉันไม่รู้ว่านี่เป็นทางตัน”

ถ้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมสามารถไปหาสัตว์ได้ บูลด็อกตาเป็นประกายของ Lexi น่าจะเป็นคู่แข่งกัน บางครั้งเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้หัวเราะออกมาเพราะความปวดร้าวของก้อนหิมะของฮีโร่ และคุณคิดว่าเขาไม่สามารถทำสิ่งที่สูงสุดได้ ทั้งหมดก็อยู่ที่สุนัขที่กำลังมองมาที่ Mikey เพราะตัวเขาเองรู้จักผู้ชายคนนี้ดีที่สุดมากกว่าที่เขารู้จักตัวเอง เว็บดูหนัง

ภาพยนตร์ที่มีเสน่ห์และสวยงามเกี่ยวกับ toerag ทั้งหมด Red Rocket เป็นการศึกษาตัวละครที่ไม่เหมือนใคร: Mikey Saber จะทำให้ถุงเท้าของคุณมีเสน่ห์และคุณจะเกลียดเขาสำหรับมัน

 

รีวิว The Invisible Guest

รีวิว The Invisible Guest

รีวิว The Invisible Guest

รีวิวหนังดัง สวัสดีครับ วันนี้แอดมินเค จะมาแนะนำหนังแนวสืบสวน แนวคดี หนังจากสเปนที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากครับ หลายคนอาจจะรู้จักวงการภาพยนตร์ประเทศสเปน จากชื่อเสียงในเวทีรางวัลผ่านผลงานสไตล์เมโลดราม่าอันฉูดฉาดของ เปรโด อัลโมโดวาร์ มาก่อน แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีหนังตลาดยอดนิยมทำเงินในประเทศ และ สร้างชื่อระดับนานาชาติเช่นกันด้วยหนังแนวสยองขวัญ-สืบสวนหักมุม ซึ่งนับเป็นตระกูลหนังแนวถนัดของคนทำหนังสเปนยุคใหม่ รวมไปถึง The Invisible Guest หรือ Contratiempo ผลงานกำกับของ โอริโอล เปาโลเรื่องนี้ รีวิว The Invisible Guest (2016) : แขกไม่ได้รับเชิญ หนังดราม่าสืบสวนสอบสวนสัญชาติสเปน ที่จะปั่นหัวคุณ แล้วทำคุณอึ้งในตอนจบ

เปาโลมีผลงานแจ้งเกิดในฐานะคนเขียนบท Julia’s Eyes(2010) หนังระทึกขวัญที่ประสบความสำเร็จทั้งเงิน และ กล่อง ก่อนจะ ได้ทำหน้าที่กำกับ และ เขียนบทหนังเรื่องแรกใน The Body เมื่อปี 2012 ซึ่งถูกนำไปรีเมคถึงสามครั้งด้วยกัน กับหนังปี 2016 เรื่องนี้แม้จะ ไม่ได้ประสบความสำเร็จในบ้านเกิดมากนัก แต่กลับทำเงินในประเทศจีนถึง 25.9 ล้านเหรียญฯ และ ก็ถูกนำไปรีเมคเป็นหนังอิตาลีในชื่อ Il testimone invisibile เมื่อปี 2018 และ หนังอินเดียถึงสองเวอร์ชั่น คือภาษาฮินดูในชื่อ Badla และ ภาษาเตลูกู ในชื่อ Evaru เข้าฉายในปี 2019 ช่วงไล่เลี่ยกัน (คลิกดูได้ผ่าน Netflix ชื่อไทย “แค้น”) ซึ่งสะท้อนให้เห็นเช่นกันถึงความสนุกแพรวพราวของบทที่ไร้พรมแดนทางวัฒนธรรม สามารถดัดแปลงให้กับคนดูชาติอื่นได้ง่าย จนผู้สร้างจากหลายประเทศเล็งเห็นซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ เว็บดูหนัง

รีวิว The Invisible Guest

รีวิวหนังดัง The Invisible Guest เป็นเรื่องราวของ Adrián Doria นักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด แต่กลับเป็นผู้ต้องหาในการก่อคดีฆาตกรรมแฟนสาวลับ ๆ ของเขาเองคือ Laura Vidal ซึ่งทางตำรวจก็ได้สรุปคดีว่าไม่มีทางที่จะ เป็นคนอื่นไปได้เพราะเหตุเกิดขึ้นในโรงแรม ที่ถูกล๊อคทุกอย่างภายในห้อง แต่ตัวเขาเอารู้ว่าเขาไม่ได้ทำ เขาถูกจัดฉาก ดังนั้นเขาจึงให้ Félix Leiva ทนายของบริษัทช่วยแก้ต่างในคดี แต่เนื่องจากคดีมีความซับซ้อนจนเกินไป Félix จึงไหว้วานให้ทนายมือดีที่สุดคนหนึ่งที่ไม่เคยแพ้ก็ดีเลยคือ Virginia Goodman มาช่วย ดังนั้น Adrián Doria จึงจำเป็น จะต้องเล่าทุกอย่างให้ Virginia Goodman ฟัง โดยไม่ทิ้งช่องโหว่อะไรเอาไว้เลย เรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร มีความสลับซับซ้อนมากแค่ไหน คงไม่สามารถเล่าได้ต้องไปชมกันใน Netflix เอาเองครับ

เนื่องจาก The Invisible Guest เป็นหนังสืบสวนสอบสวน ลึกลับ ความลับ ดังนั้นจึงไม่พ้นกลวิธีในการเล่าเรื่องแบบค่อย ๆ เปิดเผยไปที่ละขึ้นตอน เราจะรู้เรื่องราวทีละจุด ผ่านการสนทนาระหว่างทนายความ กับลูกความ ลูกความจะค่อย ๆ เล่าความจริง ให้ทนายความฟัง วิธีการเหล่านั้นจะ ทำให้เราย้อนกลับไปในอดีต ที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ตัดสลับไปมาระหว่างภาพ “ความจริง” ที่เกิดขึ้นกับการสนทนาของตัวละคร ทุกครั้งที่ภาพตัดกับไปในอดีตเราก็จะค่อย ๆ รู้เรื่องเราเหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ ไปทีละชิ้นจนเกิดภาพใหญ่ ซึ่งเราจะต้องตามตัวละครเอก 2 ตัวนี้ไปให้ถึงจนจบ แล้วเราก็ จะสามารถประติดประต่อเรื่องราวของเรื่องได้นั่นแหละ

รีวิว The Invisible Guest

โดยส่วนตัวผมมองว่าผู้กำกับ และ คนเขียนบทเขาวางทุกอย่าง เอาไว้ค่อนข้างดี ทำให้เราเชื่อว่า “กับดัก” ที่เขาต้องการวางไว้ในจุดที่เหมาะสม และ เมื่อถึงช่วงเวลาที่สำคัญเมื่อเราเดินเช้าไปในกับดักนั้น “กับดัก” ก็ทำหน้าที่ของมันได้อย่างถูกที่ถูกเวลาแลัค่อนมีประสิทธิภาพ สิ่งละอันพัน ละน้อยก็ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นแหละสามารถช่วยทำให้เนื้อเรื่องไม่มีช่องโหว่ไหลราบรื่น เรียกได้ว่าล่อลวงคนดูได้อย่างอยู่หมัด ซึ่งหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสืบสวนสอบสวน หรือแฟนพันธุ์แท้นิยายสืบสวนสอบสวน สำหรับผมมองว่าเรื่องนี้ดำเนิน ล่อลวง และ เฉลยไปได้ ตามขนบที่ควรจะเป็น เว็บหนัง

หนังใช้นักแสดงน้อย แต่นักแสดงทุกคนล้วนแต่มีบทที่สำคัญ เหมือนกับเป็นชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ที่ไม่สามารถขาดได้เลย โดยเฉพาะการสนทนาระหว่างทนายกับลูกความ หนังได้ใช้สองคนนี้ หลอกล่อคนดูไปมาอย่างอยู่หมัด เป็นการหลอกล่อที่สร้างความสับสนมึนงงงแต่ดีงามตามขนบหนังสืบสวนสอบสวน

สรุป The Invisible Guest

รีวิวหนังดัง หนังยังโดดเด่นด้วยการออกแบบอาคาร ซึ่งพ้องกับอาชีพของเอเดรียน ห้องพักของเขาโปร่งใสด้วยสถาปัตยกรรมแบบสมัยใหม่สามารถเห็นภายในห้องได้ชัดเจน แต่ตัวเขากลับปกปิดความเลวร้ายของตนเอาไว้มากมายกว่าที่คาดคิด และ มั่นใจอย่างยิ่งแม้จะเห็นผู้ต้องสงสัยผ่านอาคารฝั่งตรงข้าม เพราะเชื่อในความเหนือกว่าของตน แต่มันก็ได้กลายเป็นสิ่งที่ย้อนมาหาตนเอง

นี่ยังป็นตัวอย่างช้นดีของหนังเขย่าขวัญหักมุมที่ไม่ต้องเร้าอารมณ์จนเกินไป พร้อมกันนั้นก็เป็นกลวิธีการหักมุมซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งหากพลาดขึ้นมาวิธีเช่นนี้อาจจะกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้จับผิดได้ แต่ด้วยบทที่ผ่านการเขียนอย่างรัดกุม การหักมุมที่มากมายจึงไม่ล้น และ รู้สึกถึงความจงใจแบบซีรี่ส์อเมริกาหลายเรื่องที่มักหักมุมทุกช่วงเบรกโฆษณา

แต่หากถามว่า เรื่องราวทั้งหมดดำเนินมาจนถึงจุดเฉลยแล้วสร้างความประหลาดใจให้กับผมมากน้อยเพียงใด มันจะทำให้ The Invisible Guest กลายเป็นสุดยอดภาพยนต์หักมุมระดับตำนานตามที่ผมยกตัวอย่างในตอนต้นได้หรือไม่นั้น ผมคงตอบได้ว่ามันไม่สามารถไปถึงการเป็นภาพยนตร์หักมุมระดับยกมือขึ้นปิดปากทาบอกได้แน่นอน มันยัง “เบา” เกินไป แต่ผมเชื่อว่าหาใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ภาพยนตร์สืบสวนสอบสวน หรือแฟนพันธุ์แท้นิยายสืบสวนสอบสวน มันจะมีบางจุดที่ทำให้คุณพอจะคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้บ้าง แต่นั่นก็เกือบท้ายเรื่องแล้วนะ

หนังได้แสดงถึงการเอาตัวรอดของมนุษย์ การทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ตัวเองรอด แล้วเมื่อสถานการณ์บีบบังคับไปจนถึงจุดสูงสุด สถานการณ์การบีบรัดจนตัวมากที่สุด มนุษย์เราก็จะขาดสติ สร้างช่องโหว่ให้กับตัวเองได้อย่างมากมาย ประเด็นนี้แหละที่หนังสามารถเอามาเล่นได้ค่อนข้างดีงาม

รีวิว The Invisible Guest

ความแตกต่างอย่างหนึ่งซึ่งผมถือว่าเป็นความดีของเรื่องคือ เรารู้ว่าใครเป็นคนผิด แต่เรากลับเอาใจช่วย “คนผิด” มากกว่า “คนถูก” นั้นได้เฉยเลย

เนื่องจากเป็นหนังสืบสวนสอบสวนที่เน้นเรื่องการสนทนาระหว่างตัวละคร ดังนั้นเวลาที่คุณดูจะต้องมีความตั้งใจ และ เนื่องจากเป็นหนังภาษาสเปน คุณจะต้องอ่าน subtitle ให้ละเอียดพอสมควร ไม่อย่างนั้นคุณจะพลาดบางสิ่งบางอย่างไปได้ และ บางสิ่งบางอย่างนั้นอาจใจเป็นจุดสำคัญที่สุดของเรื่องเลยทีเดียว ดังนั้นคุณจะต้องมีสมาธิ และ ไม่ทำสิ่งอื่นระหว่างชม

แต่เนื่องจากเป็นหนังที่เน้นเรื่องการสนทนาระหว่างตัวละคร มันจึงมีบางจุดที่อาจทำให้คุณรู้สึกว่าช้า อาจมีบางจุดที่ทำให้คุณรู้สึกเบื่อได้บ้าง แต่หนังก็ยังฉลาดพอที่รู้จักจะใส่ Sound ประกอบ ให้เราได้รู้สึกได้ลุ้นบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้บ้าง

“ความรู้สึกส่วนตัวและอารมณ์ของภาพยนตร์ที่เรารู้สึกนึกถึง”

หนังเรื่องนี้ มีการใช้ทฤษฎี การเล่าเรื่องตามหา ความจริงแบบหนังชั้นครูอย่าง “Rashomon” คือคุณจะได้เห็นทุกมิติ ของคดีว่าสามารถออกได้ทางไหนบ้าง แต่เรื่องนี้เขามีสรุปให้ ไม่ได้เปิดให้เราไปคิดเองว่าความจริงเป็นอย่างไร ต้องบอกว่าผมสนุกมากเพราะ เออ มันออกได้ทุกมิติจริง ๆ คำให้การของผู้ร้ายนี่เชื่อไม่ได้เลย ทนายก็เก่งเกินไล่ตอนจนเจอ 555 ดูหนัง
ในขณะที่รับชม The Invisible guest อยู่นั้น ผมก็นึกถึงการหักเหลี่ยม เฉือนคม ไล่ต้อนฆาตกรแบบนี้ ที่ไหนมาก่อนและก็นึกออกว่าอารมณ์ความเข้มข้น ของหนังเรื่องนี้มันคล้าย ๆ กับ ภาพยนตร์เรื่อง Sleuth (2007) ที่ Jude law และ Michael Caine แสดงไว้แต่เรื่องนั้น เขาเล่นกันสองคนเพรียว ๆ เลย แต่อารมณ์การฟาดฟันกันด้วยมันสมองคล้าย ๆ กับ The invisible guest ครับ

ข้อมูลภาพยนตร์

The invisible guest เข้าฉายครั้งแรกที่ประเทศสเปน 6 มกราคม 2017
ความยาว 1 ชั่วโมง 46 นาที
ชื่อต้นฉบับ Contratiempo
สามารถรับชมได้ทาง Netflix

รีวิว avenger age of ultron

รีวิว avenger age of ultron

รีวิว avenger age of ultron

หนังไทยnetflix หลังจากที่รอคอยมานานกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ก็ได้กลับมาอีกครั้งในภาคนี้ เชื่อว่าแฟนคลับ ทีม Avengers คงรอกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราตั้งใจว่าจะเขียนบทความตามความชอบของแต่ละคน ซึ่งตั้งใจว่าจะไม่ให้เกี่ยวกับ IT อย่างที่เคยเขียนกันเป็นประจำอยู่แล้ว วันนี้ผมเลยจะมารีวิวหนังให้อ่านกันเช่นเคยครับ

โดยจะรีวิวหนังที่หลายๆคนคงได้ไปดูกันแล้วนั่นก็คือ Avengers : Age of Ultron ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วที่จักรวาลในฉบับภาพยนต์จะแตกต่างจากในเนื้อเรื่องจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีครับเพราะเราจะได้เห็นความแตกต่างและน่าลุ้นระทึกกับจักรวาลใหม่ในฉบับภาพยนต์อย่างเต็มอิ่ม โดยไม่จำเป็นต้องปักใจกับฉบับคอมมิคอีกแล้ว

เนื้อเรื่องใน Avengers: Age of Ultron เริ่มต้นที่ประเทศโซโคเวีย ซึ่งเหล่า Avengers ได้เข้าจู่โจมฐานทัพลับของ Baron Von Strucker ที่ได้ขโมยคฑาของ Loki ไปซึ่งภายในมี Mind Gem ซึ่งเป็นหนึ่งใน Infinity Gem ซึ่งมีพลังอำนาจเกินหยั่งถึง ซึ่งนอกจาก Mind Gem แล้วยังประกอบด้วย Space Gem, Soul Gem, Reality Gem, Time Gem, Power Gem ซึ่งอัญมณีเหล่านี้กำลังถูกรวบรวมอยู่อย่างลับๆ ซึ่งจะมีเฉลยอยู่ในหลังเครดิตของเรื่องครับ รอดูกันได้เลย (ผมไม่สปอยล์ครับ อิอิ) เว็บดูหนัง

รีวิว avenger age of ultron

รีวิวหนังดัง โดยเหล่า Avengers ต้องแย่งชิงคฑาคืนมาจาก Baron Von Strucker ให้ได้เพื่อคืนให้กับ Thor โดยในภารกิจครั้งนี้ Iron Man ได้ไปเจอยานรบต่างดาวจากภาคแรกที่ Baron Von Strucker นำมาเก็บซ่อนเอาใว้ และโดน Scarlet Witch เล่นงานทางจิตใจจนทำให้เขาหวาดกลัวว่าลำพังเพียงทีม Avengers จะไม่สามารถปกป้องโลกใบนี้ได้ และกลัวการสูญเสียเพื่อน

รวมทั้งความผิดที่ต้องแบกรับว่าเขาไม่สามารถช่วยใครได้เลย ซึ่งนำไปสู่การสร้าง Ultron ปัญญาประดิษฐ์ที่เขาได้ร่วมสร้างกับ Hulk เพื่อใช้ปกป้องโลกแทนเหล่า Avengers แต่กลับผิดคาด Ultron กลับคิดว่าปัญหาของโลกก็คือมนุษย์นั่นเอง จึงต้องการที่จะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูญสิ้นไปจากโลก นำมาสู่มหาสงครามที่ยิ่งใหญ่ของเหล่า Avengers

รีวิว avenger age of ultron

สำหรับใน Avengers : Age of Ultron ตัวละครหลักกลับมาครบทีมเลยครับทั้ง Captain America, Iron Man, Hulk, Thor, Hawkeye, Black Widow และ Nick Fury โดยมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาอีกหลายคนทั้ง QuickSilver, Scarlet Witch และ Vision (ช่างเป็นภาพยนต์ที่ตัวละครเยอะมากจริงๆ ไม่นับรวมลายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ทาง Marvel ใส่เข้ามาอีกนะครับ) นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆที่เข้ามาเหมือนบทรับเชิญให้แฟนๆได้ปลื้มกันอีกหลายคนเลยทีเดียว แนะนำเลยว่าห้ามพลาดโดยเฉพาะแฟนๆ Marvel ด้วยแล้วนะครับ

สำหรับตัวละครใหม่อย่าง QuickSilver และ Scarlet Witch จะเป็นตัวละครที่มาจากเรื่อง X Men แต่จะมีที่มาแตกต่างจากต้นฉบับเพราะปัญหาลิขสิทธิ์ แต่ความสามารถยังคงเดิมครับ QuickSilver ความสามารถคือความเร็วเหนือมนุษย์ ซึ่งมีความเร็วเท่ากับความเร็วเสียงเลยทีเดียว

ส่วนทาง Scarlet Witch จะมีพลังควบคุมจิตใจ และปล่อยคลื่นพลัง และ Vision เป็นหุ่นยนต์ที่ผสมผสานกับร่างกายที่มีชีวิต โดยมี Mind Gem เป็นแหล่งพลังงานทำให้ทรงพลังอำนาจมากๆ สามารถปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายได้ สามารถบิน หรือล่องหน รวมทั้งปล่องลำแสงพลังงานได้อีกด้วย ดูหนัง

สรุป avenger age of ultron

รีวิวหนังดัง Avengers : Age of Ultron เปิดเรื่องมาได้ชวนน่าสนุกครับ ฉากแอคชั่นใหญ่โตและดูน่าสนใจ ออกแบบมาได้ดีมากๆ และมีฉากที่ได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเหล่า Avengers ซึ่งช่วยให้ภาพยนต์เรื่องนี้ดูมีมิติมากกว่าภาคที่แล้ว แต่ว่าโดยส่วนตัวผมมองว่ายังทำออกมาได้ไม่ดีนัก

เพราะโดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกอินตามเลยจริงๆ ในภาคนี้ Hawkeye เด่นมากๆครับ เป็นพระเอกของภาคนี้เลยละ ได้บทที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในเหล่า Super Hero และได้แสดงออกในด้านที่อ่อนโยน ส่วนตัวละครหน้าใหม่ผมชอบที่หนัง ไม่ปูเรื่องมากนัก แต่ยังสามารถอธิบายให้คนดูเข้าใจและเห็นใจกับการตัดสินใจของทั้ง QuickSilver และ Scarlet Witch ที่จะอยู่ฝั่ง Ultron เสียดายที่ดูจนจบผมยังรู้สึกว่าหนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยเคลียร์ ยังมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องที่ดูไม่ประติดประต่อนัก แต่ด้วยนักแสดงที่มากขนาดนี้ เรื่องราวที่เล่าเยอะขนาดนี้ผมว่าทำออกมาได้น่าพอใจแล้วละครับ

ในส่วนของงานภาพและเสียงประกอบภาพยนต์ทำได้สุดยอดมากครับ ออกแบบฉากต่างๆได้สวย ฉากใหญ่ๆในเรื่องจัดเต็มให้ดูกันแทบจะทั้งเรื่อง ซึ่งทำได้สมราคาคุยจริงๆ ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะฉากที่ Iron Man ต่อสู้กับ Hulk กลางเมืองดูสนุกและมันมากครับ ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมจนหนังตัวอย่างที่ตัดมาเป็นแค่น้ำจิ้มไปเลย ต้องไปดูกันจริงๆ

รีวิว avenger age of ultron

และฉากรถประจำทางตลุยกลางเมืองก็ออกแบบมาได้สุดยอดมากครับน่าตื่นตาตื่นใจ จนไปถึงฉากกองทัพ Ultron รุ่มโจมตีทีม Avengers ก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ฉากสุดท้ายของเรื่องดูยิ่งใหญ่มากๆสมเป็นหนังภาคต่อที่หลายๆคนคาดหวังมากที่สุดเรื่องนึงจริงๆ ดูจนจบก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยครับทั้งที่ภาพยนต์เรื่องนี้มีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว มุกตลกต่างๆในเรื่องดูน่ารักมากๆ และทำออกมาได้ลงตัวจริงๆ ผมว่าแฟนๆน่าจะติดใจแน่นอน แถมภาคนี้ยังมีเรื่องโรแมนติคที่แตกต่างจากในคอมมิคระหว่าง Hulk กับ Black Widow ด้วยนะเออ^^

สำหรับสิ่งที่ผมชอบที่สุดในภาคนี้ก็คือ Ultron ครับออกแบบตัวละครได้มีมิติมากๆ มีมิติมากยิ่งกว่าในคอมมิคด้วยซ้ำ เป็นตัวละครหุ่นยนต์ที่นำเสนอได้เหมือนว่ามีเลือดเนื้อ มีอารมณ์ และอุปนิสัยที่น่าสนใจมากๆ มีมิติทำให้เราเชื่อว่า Ultron ทำไปเพราะเขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ ทำให้เป็นตัวร้ายที่ดูไม่กระจอกแต่มีอุดมการณ์ และมีสีสันจับต้องได้มากกว่าที่คาดใว้อีกครับ ขอชมเลยว่ายอดเยี่ยมมากๆ

แต่ที่ชมมาทั้งหมดต้องบอกว่า Avengers : Age of Ultron นั้นสร้างออกมาได้ยอดเยี่ยมแล้ว บทเขียนมาได้ดีแล้ว แต่ผมคิดว่าเพราะหนังยาวเกินไป จึงโดนตัดต่ออย่างกระชับเกินไป จนรายละเอียดที่ควรจะมีขาดหายจนผมรู้สึกว่าหนังยังไปได้ไม่สุด และทำให้บางส่วนของเรื่องราวดูหายไปจากความเข้าใจ เว็บหนัง

รีวิว avenger age of ultron

ซึ่งแม้จะไม่นับรวมเรื่องนี้ Avengers : Age of Ultron ก็ยังคงสนุกน้อยลงกว่า The Avengers ภาคก่อนหน้านี้พอสมควรเลยครับ แต่แม้ว่าจะสนุกน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่า Avengers : Age of Ultron จะไม่สนุกนะครับ ต้องบอกว่ามันสนุกมากๆจนไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาดเลยละครับ

Avengers : Age of Ultron เป็นหนังที่มีโฆษณาแฝงเยอะมากครับ ที่เห็นชัดๆเลยก็ Samsung และ Beats อิอิ ชัดแบบตั้งใจสุดๆกันไปเลย (มีแบรนด์อะไรอีกบ้างมาบอกต่อกันได้นะครับ) ท่าจะจ่ายเยอะนะครับเนี่ย ซึ่งผมว่าน่าจะมีใครหลายๆคนอาจจะไปซื้อ Samsung Galaxy S6 Edge เพราะดู Avengers : Age of Ultron ก็เป็นได้นะครับ^__^ และมารอชมขบวนภาพยนต์ Super Hero จาก Marvel กันครับมีให้ชมอีกเพียบ แถมทางฝั่ง DC ก็มีทีเด็ดเช่นกัน เป็นยุคทองของหนัง Super Hero จริงๆครับ

วันที่ผมไปดู Avengers : Age of Ultron ผมและเพื่อนๆเลือกดูโรง IMAX ก็เลยได้ชมตัวอย่างภาพยนต์ที่น่าสนใจมากๆ Tomorrowland ซึ่งตัดมาให้ชมนานกว่าหนังตัวอย่างปกติมากๆเลยครับ เชื่อว่าหลายๆคนได้ชมแล้วต้องอยากตามดูฉบับเต็มๆของ Tomorrowland แน่นอน (จะเข้าฉายเดือนนี้แล้ว)

รีวิว The Avengers 1

รีวิว The Avengers 1

รีวิว The Avengers 1

หนังไทยย้อนยุค สวัสดีครับวันนี้แอดมินจะมารีวิวหนังฮีโร่มาเวล อเวนเจอร์ การรวมตัวของเหล่าฮีโร่ ที่จะต้องปกป้องโลกจากภัยร้าย หลังจากที่ได้ห่างเหินกันไปหลายปีวันนี้จึงขอนำพาเพื่อน ๆ ย้อนกลับมาชมกันกับทีม The Avengers ภาคแรกกันครับ มาดูกันว่าก่อนที่พวกเขาจะมาเป็นทีม The Avengers ที่สามัคคี และ สู้ด้วยกันอย่างเข้าขา พวกเขาเป็นอย่างไร เมื่อถูกโลกิบุกเข้ามาตอนแรก ไม่สามารถอดทนรอไปนานกว่านี้ได้แล้ว หลังจาก ‘The Avengers’ เข้าฉายในประเทศไทยวันแรกเป็นวันแรงงานแห่งชาติ วันหยุดของหลาย ๆ คน ทำให้ทุกคนเฮโลกันเข้าโรงหนังแล้วออกมาทวีตกันเป็นทิวแถว ในที่สุดก็ต้องไปดูในโรงด้วยตัวเองให้ได้ …ในวันนี้ เว็บดูหนัง

รีวิว The Avengers 1

รีวิวหนังดัง The Avengers (ดิ อเวนเจอร์ส) เป็นภาพยนตร์ของค่าย มาร์เวล สตูดิโอ ที่รวมเอาเหล่าฮีโร่ทั้งหลายร่วมมือกันปราบโลกิ และ กองทัพจากต่างมิติ ที่ผ่านประตูมิติเข้ามา โดยมี ไอรอนแมน, กัปตัน อเมริกา, ทอร์, ฮัคล์, ฮอว์คอาย และ แบล็ควิโดว์ ซึ่งเป็นหนังที่ออกฉายในปี 2012 ที่กำกับโดย จอสส์ วีดอน แสดงนำโดย รอเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, คริส เฮมสวอร์ธ, คริส อีแวนส์, สการ์เลต โจแฮนส์สัน, มาร์ค รัฟฟาโล, ทอม ฮิตเดิ้ลสตัน และ ซามูเอล แอล. แจ็กส์สัน

รีวิว The Avengers 1

เมื่อศัตรูที่ไม่คาดคิดได้คุกคามความมั่นคง และ ความปลอดภัยของโลกใบนี้ นิค ฟิวรี่ ผู้อำนวยการหน่วยรักษาความสงบ และ สันติระหว่างประเทศหรือที่รู้จักกันในชื่อ หน่วยชีลด์ จึงต้องรวมพลเหล่าซูเปอร์ฮีโร่เพื่อที่จะมาปกป้องโลกให้พ้นจากหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น การรวมตัวครั้งสำคัญของสุดยอดวีรบุรุษได้เริ่มต้นขึ้น โดย นิค สามารถรวบรวมได้ทั้ง โทนี่ สตาร์ค หรือ ไอรอน แมน, สตีฟ โรเจอร์ส หรือ กัปตัน อเมริกา, คลินต์ บาร์ตัน หรือ ฮอร์คอาย, บรูซ แบนเนอร์ หรือ ฮัลค์, นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว์ และ ธอร์ มาร่วมเป็นหนึ่งทีมเฉพาะกิจที่ยิ่งใหญ่ เพื่อยับยั้งเหล่าร้ายที่มี โลกิ เทพผู้น้องของ ธอร์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เว็บดูหนัง

ซึ่งหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องโดยที่โลกิ และ กองทัพจากต่างมิติเข้ามาบุกโลก หน่วยซีลด์ และ ทอร์จึงต้องออกมาปกป้องโลก เป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นแต่ก็ไม่ซับซ้อนดูเข้าใจได้ง่าย ด้วยการเผยเป้าหมายของโลกิตั้งแต่แรก แต่ที่ทำให้สนุกคือเรื่องราวของหนัง และ อุปสรรคที่เหล่าฮีโร่ต้องเจอว่าจะหยุดโลกิได้อย่างไร และ มีพล็อตเรื่องเริ่มต้นขึ้นมาด้วยความเรียบง่าย พบกับความสุข ได้รับชัยชนะ แล้วก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ ความเศร้า ก่อนที่จะต้องเจอกับอุปสรรคจริง ๆ ที่ต้องฝ่าฟัน สำหรับฉากต่อสู้นั้นทำได้ยิ่งใหญ่อลังการมาก การสู้กันก็สุดมัน และ ดุเดือด แต่ก็ไม่ถึงกับเครียด ดูแล้วสนุก มีมุขฮา ๆ ออกจากปากตัวละครให้ได้คลายความตึงเครียดเป็นระยะ ๆ

สรุป The Avengers 1

รีวิวหนังดัง โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่สนุกมาก ๆ มีฉากประกอบที่ยิ่งใหญ่อลังการ และ การต่อสู้ที่สุดมันระทึกใจ และ ดุเดือด มีเนื้อหาที่เข้มข้น ดูแล้วสนุกไม่เครียด ที่ผมชอบมากที่สุดก็ฉากการต่อสู้นี่แหล่ะ ชอบที่เหล่าฮีโร่ซัดศัตรูกระจุยกระจาย ผมนี่ดูแทบไม่กระพริบตาเลย กลัวพลาดชอร์ตเด็ด ฮ่า ฮ่า และ โดยเฉพาะการเหาะ การขว้างค้อน และ ยิงสายฟ้าของทอร์ ต้องบอกเลยว่าความสนุก และ ความมันนี้ให้เต็ม 10+ ไปเลยครับ สำหรับหนังแอ็คชั่นแนวแฟนตาซีเรื่องนี้

รีวิว The Avengers 1

สำหรับข้อคิดดี ๆ ที่ได้จากหนังเรื่องนี้ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือความสามัคคี ซึ่งในตอนแรกเหล่าฮีโร่ถูกโลกิครอบงำจิตใจให้ทะเลาะกัน สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับโลกิ และ ความปรารถนาในอำนาจ และ ความแค้นของโลกิ ที่สุดท้ายก็เป็นภัยแก่ตัวเอง

สำหรับผม เห็นว่าเขาเกลี่ยบทได้ดี พร้อมทั้งยังใส่มุขฮา ๆ เข้าไปมากพอที่จะทำให้คนดูอารมณ์ดีสลับกับการลุ้นในฉากต่อสู้ได้อย่างลงตัว สำหรับฉากแอ็คชั่นนั้นก็มีตั้งแต่เริ่มต้นไปจนท้ายเรื่อง ตัดสลับด้วยฉากดำเนินเรื่องเป็นช่วง ๆ เพียงแต่ช่วงท้าย เราจะได้ลุ้นกันมัน ๆ ยาว ๆ หน่อยเท่านั้นเอง ขณะที่งานด้านเทคนิคพิเศษเนียนดี เทคนิคภาพ 3 มิติในโรง RealD 3D ถือว่าโอเคแม้จะไม่มากมายนักก็ตาม ที่สำคัญคือ ควรดูฉากเพิ่มเติมหลังเครดิตชื่อนักแสดงด้วยนะ ก่อนจะออกจากโรง

หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังดีมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสนุก มันส์ ระทึกใจ ที่ฉากแต่ละฉากยิ่งใหญ่อลังการ และ การต่อสู้ที่ดุเดือด ที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันครับ เว็บหนัง

ชื่อภาพยนตร์: The Avengers / ดิ เอเวนเจอร์ส
ผู้กำกับภาพยนตร์: Joss Whedon
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Zak Penn (story), Joss Whedon (story),
ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์:
นักแสดง: Chris Hemsworth, Robert Downey Jr., Chris Evans, Scarlett Johansson, Jeremy Renner, Tom Hiddleston, Mark Ruffalo, Samuel L. Jackson
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
ความยาว: 142 นาที
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Enterprises, Marvel Studios, Paramount Pictures
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 1 พฤษภาคม 2555

นักแสดงนำ

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รับบท โทนี่ สตาร์ก / ไอรอนแมน
คริส อีแวนส์ รับบท สตีฟ โรเจอร์ส / กัปตันอเมริกา
มาร์ค รัฟฟาโล รับบท ดร. บรูซ แบนเนอร์ / ฮัลค์
คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบท ธอร์
สการ์เลตต์ โจแฮนสัน รับบท นาตาชา โรมานอฟฟ์ / แบล็กวิโดว์

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีครับวันนี้แอดมินเค มาแนะนำหนัง ซุปเปอร์ฮีโร่สุดคลาสสิค เรื่องกัปตันอเมริกา ภาค 3 ที่แอดมินชอบมากๆอีกเรื่องเลย ไม่ได้เขียนชื่อหนังผิดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนดูมาแล้วก็จะเข้าใจว่า พล็อตของคำว่า Civil War นั้นมันคลุมตัวหนัง กัปตันอเมริกาภาค 3 ได้ชัดเจนกว่ามาก ๆ จริง ๆ จนสมควรเอาชื่อภาคขึ้นนำเลยล่ะ Civil War เป็นอีเว้นท์ฮีโร่แบ่งพวกแล้วซัดกันเองของมาร์เวล คอมมิค ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการที่รัฐบาลต้องการควบคุมสิทธิ์การใช้พลังที่อิสระเสรีของเหล่าฮีโร่เพื่อความปลอดภัย และ ตรวจสอบได้

โดยมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมตัววายร้ายที่ผิดพลาดของฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรง และ มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่งผลให้กัปตันอเมริกากับไอออนแมนต้องแตกหักกัน เพราะกัปตันฯต้องการรักษาความมีอิสระในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไว้ ในขณะที่ไอออนแมนต้องการให้ฮีโร่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับ และ ลดความเสี่ยงในการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ลง

หนังจากการตีความบทใหม่โดย Christopher Markus และ Stephen McFeely สองมือเขียนบทที่ดูแลหนังกัปตันอเมริกามาแล้วตั้งแต่ภาคแรก และ ยิ่งนับวันยิ่งคม และ สนุกขึ้นเรื่อย ๆ พูดตรง ๆ ว่าภาคแรกนั้นน่าเบื่อเอามาก ๆ สำหรับผมนะ แต่พอมาภาคสองนี่ โห เข้มข้นแบบสร้างแนวทางหนังกัปตันฯให้แตกต่างชัดเจนจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ ไปเลย

รีวิว Captain America Civil War

เพราะจะมีความหม่น ๆ และ ดราม่าแบบการเมืองอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งพอมาภาค 3 ทันทีที่ประกาศว่าจะเป็นซีวิล วอร์ นี่แบบคือเชื่อมือเลยว่า บทหนังน่าจะแข็งแรง และ กดดันความขัดแย้งในตัวละครได้ดีแน่ ๆ ซึ่งก็ดีจริง ๆ ดีมาก ๆ ในขณะที่เราดูหนังไปเราเห็นภาพสะท้อนสังคมโลกอยู่ในนั้นเลย โดยเฉพาะประเด็นหน้าที่ และ ขอบเขตอำนาจตำรวจโลกอย่างอเมริกาที่แสดงผ่านตัวกัปตันฯ และ ไอออนแมนนั่นล่ะ และ คำพูดตัวละครหลาย ๆ คำก็เสียดแทงสังคมมนุษย์จริง ๆ ด้วยเรียกว่ามีคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดด้วยนะ

และ ความดีงามผิดหูผิดตาในหนังกัปตันฯ สองภาคหลังนั้น อาจยังต้องยกความดีความชอบให้การกำกับของสองพี่น้อง Anthony Russo และ Joe Russo ที่เข้ามากุมบังเหียนนับตั้งแต่หนังภาคสอง วินเทอร์โซลเยอร์ ด้วย ตรงนี้ต้องชื่นชมแมวมองของมาร์เวลสตูดิโอจริง ๆ ที่เอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาปลุกปั้นได้ถูกทุกทางจริง ๆ เชื่อว่าโลกเราจะได้ผู้กำกับ และ ทีมงานทำหนังสนุก ๆ ชั้นยอดที่เกิดจากค่ายนี้อีกหลายคนเลยทีเดียว

โดยไม่สปอยล์ คงพูดได้เพียงว่าหนังเอาหัวใจสำคัญจากคอมมิคชุดซีวิล วอร์ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแบบจักรวาลของหนังมาร์เวลที่มีทางของตัวเอง นั่นคือไม่เหมือนกับในคอมมิคแน่ ๆ นั่นทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกมาก ๆ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร เว็บหนัง

รีวิว Captain America Civil War

รีวิวหนังดัง โดยเนื้อเรื่องว่าด้วยความรู้สึกของตัวละครสองกลุ่ม และ ข้อขัดแย้งภายในจิตใจที่เกิดจากเหตุการณ์ผลกระทบในอดีต ทั้งความพินาศของเมืองต่าง ๆ ในการปฏิบัติการแต่ละครั้งของฮีโร่ โดยเฉพาะจากหนัง อเวนเจอร์ ภาคล่าสุดอย่าง เอจออฟอัลตรอน ที่ทำให้เมืองโซโคเวียไม่เหลือชิ้นดี ตรงนี้ก็เปิดช่องให้ขุมกำลังที่ชื่อสหประชาชาติ (ในฐานะตัวแทนมนุษยชาติในแง่มุมหนึ่งนะ) เข้ามาแสดงบทบาทในการทวงถามการตรวจสอบการทำงานของฮีโร่ด้วย

ผลกระทบของการปฏิบัติการโซโคเวียยังส่งผลมาหลายสายทางในหนังภาคนี้ โดยเฉพาะมากที่สุดกับโทนี่ สตาร์ก ที่เราจะเห็นความกลัวในใจของเขาในภาคเอจออฟอัลตรอนแล้วจากนิมิตที่เขาพบว่าตนเป็นต้นเหตุให้เพื่อน ๆ ตายกันหมด ความกลัวที่ตัวเขาจะสร้างผลกระทบกับคนที่รัก และ เหยื่อบริสุทธิ์นั้นถูกขยายอย่างมากในหนังภาคนี้ และ ทำให้โทนี่เป็นตัวละครที่เด่นไม่เป็นรองกัปตันอเมริกา ซึ่งถ้าดูให้ดีแล้วเขาคือตัวขับเคลื่อนเรื่องเสียด้วยซ้ำ

ตรงนี้พาดพิงแล้ว ขออวยหน่อย ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ไอออนแมนที่ขาดไม่ได้ในจักรวาลมาร์เวลเท่านั้น แต่ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่า ป๋าแกคือองค์ประกอบที่สำคัญโคตร ๆ ในการทำให้หนังมาร์เวลเชื่อมโยง และ สนุกมาก ๆ ด้วยเคมีของแกที่เข้าโคตรดีกับตัวละครต่าง ๆ แม้แต่กับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือไอ้แมงมุม ที่มาปรากฏกายครั้งแรกในหนังเรื่องนี้

รีวิว Captain America Civil War

การรับส่งบทมุกต่าง ๆ กับเฮียแกนี่ ทำให้ซีนธรรมดา ๆ อย่างคุยกันกลายเป็นการเปิดตัวที่น่าจดจำของสไปดี้คนใหม่อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอต้องพยายามดึงป๋ามาเล่นใน Spider-man: Homecoming ซึ่งเป็นการรีบูทใหม่ในปีหน้านี้ด้วย คือตรงนี้ต้องบอกเลย ต่อให้โทนี่ สตาร์กจะเลิกเป็นไอออนแมนก็ไม่เป็นไรเลย แต่ขอแค่ป๋ายังโผล่มาเป็นโทนี่ในหนังเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

แบล็กแพนเธอร์ สไปเดอร์แมน โผล่เข้ามาในเรื่องได้มีเหตุผลเข้าท่า ไม่ได้จับยัด ๆ เข้ามา แถมมีฉากโชว์ของตัวเองที่ติดตาด้วย ส่วนตัวละครอื่น ๆ ที่อยู่ประจำแล้วนั้นแบ่งเฉลี่ยบทได้ดี มีฉากขโมยซีนของตัวเองกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แอ๊นท์แมน อันนี้ต้องไปดูกันนะ ดูหนัง

สรุป Captain America Civil War

รีวิวหนังดัง ด้านความขัดแย้งของทั้งในตัวละคร และ ระหว่างตัวละครนี่โอเคหมดเลย สมจริง ไม่มีตรรกะอ่อนให้ต้องพูดแซวกันเลย คือหนังคุณภาพมาก ๆ แม้จะโคตรนานถึง 2 ชั่วโมง 26 นาทีก็เถอะ หาเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนี้เข้าโรงไปดูเลยคุ้มมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่หรือไม่ก็ตาม

ถามว่ามีส่วนให้ติงมั้ย ก็มีนะ ถ้าไม่ได้ตาเทพคอยจับผิดซีจีก็ถือว่าเนียนตามาก แต่ถ้าตาเทพก็มีดูลอยๆ บ้างเหมือนกันบางฉาก หนังบาลานซ์ฉากคุยกับฉากแอ๊กชั่นได้ดีนะ แต่ถ้าใครหวังจะแอ๊กชั่นรัวๆ หรือแอ๊กชั่นมโหฬารยิ่งใหญ่พังพินาศถล่มทลายไมเคิล เบย์ อันนี้ก็ไม่ขนาดนั้นนะ มันสมเหตุสมผลในสเกลพลังที่มาร์เวลตั้งไว้ล่ะ ว่าถึงจะซัดกันแต่ไม่มีใครอยากเอาอีกฝ่ายถึงตาย เพราะแต่ละหมัดที่อัดเพื่อนมันเกิดแผลฉกรรจ์ในใจตัวละครมากอยู่แล้ว คือจะเอาแบบอะพอคาลิปส์โลกแตกแบบตัวอย่างหนังเอ็กซ์เมนภาคใหม่นั่นก็คงไม่ใช่

แล้วก็สเกลพลังของแวนด้านั้นแม้จะปรับลดจากในคอมมิคลงมาเยอะแล้วก็ตามแต่เราก็ยังรู้สึกว่าโกง ๆ อยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉากสงครามใหญ่ ต้องไปชมเอง 555 หนังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แฟนพันธุ์แท้ติดตามเป็นอีสเตอร์เอ้กอยู่ประปราย พูดไปก็สปอยล์ ดูแล้วลองมาหาอ่านกระทู้หรือเพจพวกแฟน ๆ เทพ ๆ เขาอธิบายละกันนะ เว็บดูหนัง

สรุป

คือถ้าให้วิจารณ์ตัวหนังก็บอกเลยว่าดีทุกองค์ประกอบ สนุกทั้งที่เป็นแฟนมาร์เวล และ ไม่ได้เป็น (ไม่แน่ใจว่าคนที่โผล่มาดูภาคนี้เลยเป็นเรื่องแรกจะเก็ตไหมนะ แต่เชื่อว่าแนะความสัมพันธ์ของตัวละครนิดหน่อยก็ดูได้ลื่นแล้วล่ะ แต่ให้ดีควรดูเรื่องอื่นๆอย่างกัปตันอเมริกา1-2 และ เอจออฟอัลตรอนจะดีกว่า)

ภาพเสียงซีจีได้มาตรฐาน ขอชื่นชมการออกแบบฉากต่างๆ ที่วางปมไว้แบบนึกว่าไม่สำคัญในตอนต้นๆ ก็ดันมากลายเป็นฉากที่พลิกเหตุการณ์ในภายหลังได้อีก บทสนทนานี่ก็พูดน้อยต่อยหนัก ทำให้ตามเรื่องง่าย แต่ก็คม และ ถ่ายทอดความคิดและ มิติด้านลึกของตัวละครได้ดีมากๆ หลายๆประโยคอย่างที่บอกตอนต้นว่าเสียดแทงใจมากๆโดยเฉพาะจากคำพูดตัวร้ายสุดฉลาด และ เหี้ยมโหดสมการรอคอยอย่าง ซีโม่ ด้วย

ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหลายๆคนที่ปรามาสตัวร้ายในหนังมาร์เวลว่าอ่อนไม่น่ากลัวนี่เตรียมกลับคำได้เลย ตัวร้ายตัวนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ กลยุทธเทพๆ ที่อาศัยสมอง และ ความเป็นไปได้จริงๆ ไม่มีพลังเว่อวังใดๆ แต่สร้างความบรรลัยได้มโหฬารสุดๆ แถมเป็นตัวร้ายที่มีมิติลึกด้วย เรื่องราวของเขานี่ทำไซด์สตอรี่ได้เลยนะ

ปล. หนังมีท้ายเครดิตสองตอน นั่งรอดูเพลินๆ ไปนะ เปิดเรื่องหนังใหม่ที่กำลังจะมาได้ดีทีเดียวล่ะ

ปล.2 นี่สะกดความกรี๊ดตัวหนังไว้ในใจ พยายามเขียนให้ดูไม่อวยมากไปแล้วนะ หนังเขาสนุกจริงล่ะ 555

ปล.3 ช่วงนี้มันวันซีวิลวอร์แห่งสหประชาชาติจริงๆนะ ใครจะไปดูหนังแนะนำซื้อจองออนไลน์ไปก่อนเลย คนแน่นโรงยันแถวหน้าจริงๆ ผมนี่ซื้อออนไลน์ตั้งแต่ไก่โห่ยังได้โซนที่นั่งดีๆ ที่สุดท้ายเลย T^T

ปล.4 ท้ายขอบ่นๆ นิดหนึ่ง ผมล่ะอยากกราบให้ดีซีกับวอเนอร์มาศึกษาจริงๆ คืออันนี้ก็ไม่ได้พูดเองคือมีนักวิจารณ์ต่างชาติที่เขาดูรอบทดสอบเรื่องนี้เขาให้นิยามไว้ว่า “ซีวิลวอร์ คือ หนังแบทแมน เวอร์ซัส ซูเปอร์แมน ที่เจ๋งกว่า” คือผมก็แอบคิดในใจว่าถ้าอวยเกินจริงแล้วหนังมันไม่ได้ดีโคตรๆ ขนาดนั้นจะแซวให้ยับเลย แต่ว่านะเขาพูดถูกนะ คือเรื่องนี้ใช้คอนฟลิกต์เริ่มที่ไม่ต่างกับแบทซุปเลย แต่เล่าได้ดีมากลื่นไหลมาก กลมกล่อมมาก ตัวละครใหม่ก็ใส่มาแบบถูกที่ถูกทางไม่ได้ไม่มีปี่มีขลุ่ยจับยัดๆให้คนดูปะติดปะต่อเอาเองเลย ไงขอหนังรวมดาวร้ายที่จะเข้ามาให้เป็นความหวังคอหนังหนังซูเปอร์ฮีโร่หม่นๆ หน่อยเถอะนะครับ (ซึ่งล่าสุดวอเนอร์สั่งถ่ายซ่อม Suicide Squad ไปแล้วด้วยเหตุผลว่าอยากให้หนังสนุกขึ้นตลกขึ้น 555)

 

รีวิว guardians of the galaxy 2

รีวิว garden of the galaxy 2

รีวิว guardians of the galaxy 2

หนังไทยมาใหม่ ในที่สุดเหล่าแกงค์ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวป่วน ตัวปั่น แห่งจักรวาลก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นภาคต่อจากภาคแรก หลังจากอยู่ห่างจากโรงหนังมาราวสัปดาห์เศษ ดูเหมือนวันนี้จะได้ปลดปล่อยความคิดถึงโรงหนังให้หลุดหายไปจากใจเสียที เมื่อผมเดินทางไกลสู่ CentralPlaza Westgate เพื่อพบกับประสบการณ์ IMAX ในโรงภาพยนตร์ Westgate Cineplex แน่นอนว่านี่คือการเก็บตกหนังเรื่องที่อยากดูแต่ไม่ได้เจอกันในวันรอบสื่อ และ จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ หนังซูเปอร์ฮีโร่แบบกลุ่ม ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่มีความเป็นพวกรักเสียงเพลงย้อนยุค และ มีความกวนบาทาเป็นนิจ James Gunn ยังคงเป็นผู้กำกับฯ แล้วหนังก็ขึ้นชื่อมาจากภาคก่อนเรื่องของงานภาพ วิชวล และ ความเป็นสามมิติ เว็บดูหนัง

รีวิว guardians of the galaxy 2

รีวิวหนังดัง เรื่องย่อหนัง ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ เหล่านักสู้ทั้งห้ากลับมาอีกครั้งกับบทบาทของการพิทักษ์จักรวาล แต่ดูเหมือนอาการชอบขโมยของจะพาเรื่องกลับมาหาตัวพวกเขาได้อยู่เสมอ เหตุเพราะการหยิบฉวยแบตเตอรี่มา ทำให้พวกตัวทองตามไล่ล่าผู้พิทักษ์ทั้งห้าอย่างไม่เว้นวาง

แต่ปรากฏว่า พวกเขากลับได้การช่วยเหลือจาก อีโก้ (Kurt Russell) ผู้อ้างว่าเขาคือพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ (Chris Pratt) อีโก้คือคนที่พาเขาไปรู้จักกับดาวอันแสนเงียบสงบ และ สวยงาม แถมยังพาพวกเขาไปพบกับ แมนทิส (Pom Klementieff) คนรับใช้ที่มีเขาอยู่สองเส้น เธอมีความสามารถพิเศษในการสัมผัสแล้วซึมซับความรู้สึกคนอื่นได้

ในภาคนี้ กาโมรา (Zoe Saldana) บุตรบุญธรรมของทานอส จะได้พบกับ เนบิวล่า (Karen Gillan)​ พี่น้องที่ไม่เคยถูกคอกันเลยอีกครั้ง ความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานจะประสานได้หรือไม่ พร้อมตัวละครใหม่อีกตัวที่ถ้าไม่เคยรู้มาก่อนก็จะเซอร์ไพรส์ไม่หยอกทีเดียว

รีวิว garden of the galaxy 2

เรื่องมันก็ต่อจากภาคที่แล้ว เหล่านักสู้ทั้งห้าต่างคนต่างที่มาได้กลายมาเป็นทีมเดียวกัน นักสู้พิทักษ์จักรวาล หลังจากควิลล์หักหลังยอนดูหยิบเอาอัญมณีมาครอบครองเสียเอง ทำให้พวกเขาถูกตามล่า และ ได้รับรู้ว่าจะต้องป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับทั้งจักรวาลหากว่าอัญมณีตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดี

การมาของภาคที่สองย่อมจะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าภาคแรก ที่เห็นได้ชัดสุดก็คงจะเป็นการเพิ่มตัวละครใหม่ อย่าง อีโก้ (Kurt Russell) ที่ประกาศตนว่าเป็นพ่อของสตาร์ลอร์ด เขาคือผู้ชายที่เป็นคำตอบที่ปีเตอร์ ควิลล์ตามหามานาน ในที่สุดก็ได้พบ หนังสร้างเรื่องอีโก้มีความน่าสนใจตั้งแต่ฉากเริ่ม เคิร์ทมาในลุคที่หล่อเฟี้ยวในวัยที่ยังหนุ่มแน่น เขาพบรักกับชาวโลกก่อนจะหายตัวไป

รีวิว garden of the galaxy 2

ตัวร้ายตัวใหม่กลายเป็นพวกสีทอง ราชินีอเยชา (Elizabeth Debicki) ที่ตามไล่ล่าห้าผู้พิทักษ์เพียงเพราะขโมยของมา พวกนี้กลายเป็นผู้ควบคุมพวกมือรับจ้าง นัยว่ามาทำหน้าที่ในหนังแบบเดียวกับที่โรแนนทำไว้ในภาคก่อน พวกเขาดูไม่มีที่มาที่ไปสักเท่าไหร่ และ มีทีท่าจะได้อยู่ต่อในภาคหน้าเสียด้วย

อีกตัวอาจเรียกได้ว่าเป็นตัวละครลับ เขาคือผู้ชายที่คนบนโลกมนุษย์คุ้นเคยกันดี แม้เขาจะมาปรากฏว่าภาคนี้ แต่ก็ใช่จะมีบทบาทอะไรมากนัก คล้ายหนังจะปูให้เราได้พบกับบทบาทของเขาที่มากกว่าในภาคถัดไป (ก็หวังว่างั้นนะ) สิ่งที่พบเห็นว่าถูกขับเน้นมากขึ้นกว่าภาคแรกก็น่าจะเป็นเรื่องแง่มุมดราม่าของแต่ละตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวไหน ดูเหมือนว่าจะถูกหยิบจับมาเล่าถึงได้หมด ดูหนัง

สรุป guardians of the galaxy 2

รีวิวหนังดัง หลายดราม่าก็ชวนเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมการโหยหาความรักของร็อคเก็ตเจ้าแรคคูนมีปม แง่มุมของพี่น้องเนบิวล่ากับกาโมร่าที่ตัดกันไม่ขาด ที่ชัดเจนคงเป็นควิลล์กับพ่อที่เยิ่นเย้อจนชวนสงสัยว่าจะเล่นอะไรทำไมต้องปล่อยให้รอนาน ขณะที่แง่มุมของควิลล์กับยอนดูเสียอีกที่ชวนให้ซึ้งยิ่งกว่า

ในส่วนของเพลย์ลิสต์ของเพลงเก่า ๆ ที่หยิบมาใส่เต็มเรื่อง อาจไม่ถึงกับมีอะไรโดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับภาคแรก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นมิกซ์เทปที่ไม่เลวเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบก็คือความครีเอทในการสร้าง End Credit ของหนังเรื่องนี้ เพราะเขาใส่ฉากแถมเอาถึง 5 ฉาก แทรกไปกับ End Credit ที่ยืดยาวตามประสาหนังใหญ่ เพื่อเรียกให้คนดูนั่งอ่านรายชื่อผู้ร่วมงานไปด้วยระหว่างรอ ก็จะมีบางส่วนที่เขียนแปะไว้ว่า ‘I Am Groot’ ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นชื่อจริง ๆ

ความกลมกล่อมยังด้อยกว่าภาคแรก 3 มิติยังแจ่มเช่นเคย ถ้าจะมองดูกันแบบรวม ๆ บ้าง เราก็อาจจะพบว่าความสนุกของภาคสองนี่ยังไม่เท่าที่เคยได้จากภาคแรกนัก มีดร็อป ๆ ลงไปเป็นบางส่วน พิจารณาดู อาจจะพบว่า มันมีบางส่วนที่หนังใช้การสนทนากันมากไป แถมน่าสนใจน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะความน่าสงสัยของอีโก้ผู้อ้างตนเป็นพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ เพราะผมรู้สึกได้ในขณะดูหนังว่า นี่เขาจะมาอยู่กันทำไมที่นี่นานนัก เมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นเสียที

เรายอมรับเลยว่า ในตอนแรกนั้น เรามองว่าหนังเรื่อง Guardians Galaxy 2 หรือ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 นั้นเป็นหนังตลกปัญญาอ่อน จากการดูตัวอย่างภาพยนตร์ ที่ดูเหมือนว่าจะมีการปล่อยมุกฝืด ๆ ออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายของการต่อสู้ แต่พอได้มาดูหนังเรื่อง Guardians Galaxy 2 หรือ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 จนจบแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้ จนแทบอยากจะเขกกะโหลกตัวเองว่า นี่แกอคติเกินไปแล้วนะ เพราะเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

กลายเป็นหนังที่สนุก และ น่าติดตามมากกว่าที่คิดเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิงมุกเด็ด ๆ เกือบตลอดทั้งเรื่องเหมือนภาคที่แล้ว แต่กลับน่าติดตาม โดยตัวเนื้อเรื่องมีปมที่ซ้อนปมไว้ อะไร ๆ ที่ดูเหมือนจะคลี่คลาย กลับกลายว่ามีเบื้องหลังซ้อนเอาไว้อีกที ซึ่งเรายอมรับเราว่าคนเขียนพล็อตภาคนี้เจ๋งจริง ๆ ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ดูหนังความยาว 2 ชั่วโมงเรื่องนี้เพื่อเอามันอย่างเดียว แต่กลับได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพ และ ความเสียสละ จากคนที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้าย แต่ความจริงแล้ว จิตใจของเขากลับดีกว่าที่คิด ถือได้ว่าเป็นการจุดประกายได้ว่า อย่ามองคนแค่เปลือกเท่านั้น

หน้าที่ของหนังที่สร้างความบันเทิงแบบเกรียน ๆ ถือว่ายังสอบผ่านได้อยู่ เพลงประกอบอาจไม่โดดเด่นนัก น่าเสียดายที่ตัวละครบางตัว อุตส่าหเพิ่มเข้ามาทว่าก็ไม่ได้มีบทบาทเท่าที่ควร รวมทั้งตัวร้ายก็แทบจะไร้มิติ และ มีสถานะคล้าย ๆ กับภาคแรก ไม่ได้มีครีเอตอะไรกับตรงนี้สักเท่าไหร่ ไดอะล็อกคม ๆ ในหนังก็ดูเหมือนจะได้ยินมาจากเรื่องอื่นมาก่อนแล้ว มันเลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับตรงนี้เท่าที่ควรจะเป็น เว็บหนัง

สรุป

ถ้าจะมองดูกันแบบรวม ๆ บ้าง เราก็อาจจะพบว่าความสนุกของภาคสองนี่ยังไม่เท่าที่เคยได้จากภาคแรกนัก มีดร็อป ๆ ลงไปเป็นบางส่วน พิจารณาดู อาจจะพบว่า มันมีบางส่วนที่หนังใช้การสนทนากันมากไป แถมน่าสนใจน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะความน่าสงสัยของอีโก้ผู้อ้างตนเป็นพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ เพราะผมรู้สึกได้ในขณะดูหนังว่า นี่เขาจะมาอยู่กันทำไมที่นี่นานนัก เมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นเสียที

ชื่อภาพยนตร์: Guardians of the Galaxy Vol. 2 / รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: James Gunn
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: James Gunn
นักแสดงนำ: Chris Pratt, Zoe Saldana, Dave Bautista, Vin Diesel (voice), Bradley Cooper (voice), Michael Rooker, Karen Gillan, Sylvester Stallone, Kurt Russell, Elizabeth Debicki
ความยาว: 127 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ดนตรีประกอบ: Tyler Bates
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 26 เมษายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Studios, Walt Disney Pictures

รีวิว guardians of the galaxy 1

รีวิว guardians of the galaxy 1

รีวิว guardians of the galaxy 1

หนังไทยย้อนยุค สวัสดีครับวันนี้แอดมินจะมาแนะนำหนังมาเวล ที่ถ้าแฟนมาเวล แฟนๆหนังฮีโร่ท่านไหน ชอบฮีโร่สายฮา สายเกรียน แอดอยากแนะนำเรื่องนี้เลย หนังจากมาร์เวล สตูดิโอส์ ผู้สร้างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่บล็อคบัสเตอร์ที่ครองใจแฟน ๆ มาแล้วทั่วโลกอย่าง ไอรอนแมน, ธอร์, กัปตันอเมริกา และ ดิ อเวนเจอร์ส สู่ทีมนักสู้กลุ่มใหม่ “การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี” มหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยในห้วงอวกาศ มาร์เวลส์ การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี ได้ขยายจักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวลสู่ห้วงอวกาศ เว็บหนัง

รีวิว guardians of the galaxy 1

รีวิวหนังดัง เหมือนหนังซัมเมอร์ทั่วๆ ไปที่หวังเป็นจ่าฝูงในตารางบ็อกออฟฟิศ และ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนดูทั่วไปทุกเพศทุกวัยทั้งบนแผ่นดินโลก และ ทั้งกาแล็กซี่หากเป็นไปได้ โครงสร้างของหนังจึงไม่ถูกออกแบบให้แปลกแหวกแนวหรือซับซ้อนได้มากไปกว่าการรีไซเคิลโครงสร้างเดิม และ เสริมแต่งด้วยมุกต่างๆนานา เลือกตัวละครที่สามารถฮ็อตฮิต สร้างสรรค์เทคนิคภาพพิเศษให้เพลินตา และ ฉากแอคชั่นอวกาศลุ้นระทึกเพลินใจ คนทำรู้ดีว่าเมื่อรวมร่างอะไหล่พิเศษเหล่านี้ได้เมื่อไหร่ก็แน่นอนว่าจะได้ยานอวกาศลำงามเดินทางพาหนังให้มีโอกาสกอบโกยรายได้มหาศาลได้ง่ายดาย

เมื่อมองตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้มีหนังที่ให้ความบันเทิงในแบบเดียวกันเพิ่มมากขึ้นๆ จนเรียกได้ว่าซ้ำซาก ทั้งเรื่องราว และ รูปแบบการนำเสนอ ซึ่งถ้าไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากการ์ตูนยอดฮิตของมาร์เวล คงมีกระแสเปรียบเทียบกับหนังผจญภัยในอวกาศเรื่องก่อนหน้ามากกว่านี้ทั้ง Star Wars (George Lucas, 1977)/ Serenity (Joss Whedon, 2005) / Star Trek (JJ. Abrams, 2009 / A+25)

รีวิว garden of the galaxy 1

รวมไปถึงหนังในอาณาจักรซูปเปอร์ฮีโร่ฝั่ง Marvel อย่าง Thor (Kenneth Branagh, 2011 / B) ที่การออกแบบกายภาพตัวละครที่คล้ายคลึงกัน และ The Avengers (Joss Whedon, 2012 / A+30) ที่โครงสร้างลักษณะตัวละครแบบฉบับกลุ่มฮีโร่ต่างคาแร็กเตอร์มารวมกันเพื่อทำภารกิจ นอกจากนั้นยังมี Green Lantern (Martin Campbell, 2011 / C+) จากฝั่ง DC ที่หลายฉากในหนัง และ ความตลกเฮฮาทำให้นึกถึง แต่ Guardians of the Galaxyทำได้ลงตัวกว่าฮีโร่ชุดเขียวห่างกันหลายขุมอุกาบาตนัก ดูหนัง

เมื่อ ปีเตอร์ ควิลล์ นักท่องอวกาศจอมสะเพร่า ตกเป็นเป้าของการตามล่า หลังจากที่เขาได้ขโมยวัตถุทรงกลมลึกลับมาจาก โรแนน จอมวายร้ายผู้ทรงพลังที่ต้องการคุกคามทั้งจักรวาล ในการหลบหนีจากการตามล่าของโรแนน ควิลล์ต้องจำใจปรองดองกับเหล่าผู้นอกคอกทั้ง 4, ร็อคเก็ต – แรคคูนกระสุนเดือด, กรู้ท – ฮิวแมนนอยด์ที่มีรูปร่างเหมือนต้นไม้, กาโมร่า ผู้อันตราย และ ซับซ้อน และ แดรกซ์ เดอะเดสทรอยเยอร์ ผู้มุ่งมั่นต่อการแก้แค้น แต่เมื่อควิลล์ได้ค้นพบพลังที่แท้จริงของวัตถุลึกลับ และ อันตรายอันใหญ่หลวงที่มันจะนำมาสู่จักรวาล เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะรวมทีมกับเหล่าอริที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันทั้ง 4 โดยมีชะตาของจักรวาลเป็นเดิมพัน

รีวิว garden of the galaxy 1

นอกจากความเป็นหนังแอคชั่น ไซ-ไฟแล้ว ความสัมพันธ์ของ ’สตาร์ลอร์ด’ กับ ‘กาโมร่า’ รวมถึงมนุษย์ต่างดาวที่สืบสายพ่อแม่ลูกต่างสายพันธ์ต่างๆ ก็มีความน่าสนใจในเรื่องของชาติพันธุ์ ทำให้นึกถึงปฏิกิริยาของเหล่ามนุษย์ชายที่มีต่อรูปร่างของเอเลี่ยนที่ปลอมเปลือกเป็นมนุษย์สาว ‘สกาเล็ต โจแฮนซัน’ ในหนังเรื่อง Under the Skin (Jonathan Glazer, 2013 / A+30)

ซึ่งเหล่ามนุษย์ต่างดาวใน Guardians of the Galaxy มีความรักใคร่โดยมองข้ามรูปร่างภายนอกที่แตกต่าง แม้กระทั่งสตาร์ลอร์ดที่เคยอยู่ในฐานะเด็กชาวโลกในนาม ปีเตอร์ ควิลล์ แต่ชีวิตที่เติบโตผจญภัยในอวกาศก็ทำให้เขาได้ลิ้มรสสวาทสาวๆมาทั่วกาแล็กซี่ คือมองในมุมกลับกันชายทั้งหลายที่ถูกเอเลี่ยนจัดการใน Uder the Skin ไม่มีทางจะพิศวาทมนุษย์ต่างดาวตัวเขียวอย่างกาโมร่าได้ง่ายๆ เป็นมุมมองเล็กๆที่น่าสนใจดี

สรุป guardians of the galaxy 1

รีวิวหนังดัง ผู้กำกับ James Gunn ขึ้นยานลำเดียวกันกับคนเขียนบทพา Guardians of the Galaxy เอาตัวรอดได้ด้วยการรัวเร้าความสนุกเฮฮาแบบไม่ยั้ง ผ่านสถานการณ์ที่สนุกสนานน่าตื่นเต้น และ ความยั่วยวนกวนเท้าของแต่ละตัวละครผู้พิทักษ์จักรวาลที่บริหารเสน่ห์ความเป็นลูสเซอร์กันได้พอดีๆ อาจมียานแตกบ้างเมื่อรวมกลุ่มกันยิงมุกผ่านบทสนทนาที่ตั้งใจปูพื้นจนจับทางได้

อย่างเช่น มุก ‘I am Groot’ ของ ‘กรู๊ท’ ที่เรียกเสียงฮาได้ในช่วงแรกๆก่อนที่จะเบื่อ จนถูกนำไปใช้ในบทซาบซึ้งในตอนท้ายที่ออกอาการจั๊กจี้ได้เหมือนกัน แต่ก็กลับมาลอยลำได้เมื่อถึงคิวมุกที่เล่นล้อด้วยจังหวะซ่อน และ การตัดต่อ อย่างเช่น มุกอาวุธพิฆาตของ ’ยอนดู’ ที่กั๊กไว้ไม่ปล่อยมุกให้เห็น เป็นอาวุธที่ดูทึ่มๆแต่อีกมุมเหมือนซ่อนพิษสงก่อนที่จะมาเท่สุดทางอย่างร้ายกาจในฉากท้ายๆ เว็บดูหนัง

รีวิว garden of the galaxy 1

และ มุกเพลงของสตาร์ลอร์ดที่ฟีตเจอริ่งร่วมกับการอ้างชื่อ Kevin Becon ซึ่งถ้าขาดส่วนนี้ไปเรื่องทั้งเรื่องอาจไม่มีอะไรพิเศษให้น่าจดจำนัก แต่ตอนท้ายก็เอามาใช้ได้กวนฮาที่สุดครั้งหนึ่งจากมุกทั้งหมดในเรื่อง แม้มันจะกึ่งๆความงี่เง่าไปหน่อยก็ตามรวมถึงฉากแหกคุกในช็อตที่สตาร์ลอร์ดไปเจรจาขอขาเทียมด้วยท่าทีประนีประนอม ขณะที่ตัดกลับมาภายนอกทุกคนกำลังยิงถล่มวิ่งสู้วิ่งหนีกันวุ่นวาย แต่ในฉากวุ่นเดียวกันนี้ยังมีบางแผลเล็กๆน้อยให้มองเห็นซึ่งถูกละเลยในการรักษา

ชอบอะไร

– หนังเรื่องนี้เป็นหนังฮีโร่ของมาร์เวลล์ที่มีสไตล์ ไม่เหมือนฮีโร่เรื่องอื่นๆ คือเรื่องนี้มันจะดูเก่าๆ เรทโทรดูเชยๆ แต่โคตรเทห์อ่ะ ถ้าชอบสไตล์ย้อนยุคจะชอบเรื่องนี้
– แน่นอนว่าม้วนเทป อาจจะกลับมาฮิตอีกครั้งนึง และ เพลงที่หนังเลือกมาประกอบก็เทห์ ถ้าชอบฟังเพลงยุค 70 อัพก็จะรู้จักเพลงพวกนี้ฮะ
– ความโดดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้คือคาแรกเตอร์เข้าใจทำให้มันกวนตีน และ ตลก ตัวละครเด่นสุดๆเลยก็คือ กรู๊ท อีต้นไม้เนี่ยแหล่ะ คือดูแล้วเชื่อว่าหลายคนต้องหลงรักฮี #ฮีน่ารักฮีมุ้งมิ้ง
– ฉากสงครามก็เจ๋งนะฮะ ฉากสงครามช่วงท้ายเนี่ยอลังกาลพอๆกะพวกอเวเจอร์เลยทีเดียว คือเทคนิคภาพโอเค ฉากอวกาศก็สวย ไม่ค่อยเห็นฉากอวกาศเป็นสีแบบนี้เท่าไหร่
– แถมเรื่องนี้แอดแมวว่า 3D โอเคกว่าหนังมาร์เวลลทั่วไปนะฮะ มีกระจก มีอะไร…”แตกใส่หน้า” เยอะแยะเลย
– แอดแมวดูแบบ 4DX นี่เรียกว่าคุ้มเพราะจัดเต็ม เสียว- สั่น- ซาบซ่าน-ซอกหู เอคเฟคนวดหลังสบายไม่ต้องไป healthland อีกสักระยะเลยฮะ

ไม่ชอบอะไร ???

– คือเนื้อเรื่อง มันโคตรธรรมดาเลย พล็อตหนังแอคชั่นอวกาศทั่วไปเลยฮะ และ ด้วยหนังสไตล์แบบนี้ เหตุผลแรงจูงใจตัวละครไม่ต้องพูดถึง แค่ตลก และ มันส์ก็โอเคแล้ว
– กว่าจะรู้สึกสนุกกะหนังก็เกือบครึ่งเรื่องแล้วหล่ะ ช่วงแรกๆ จังหวะการเล่าตัดต่อ ยังไม่ดึงดูดเท่าไหร่ฮะ รู้สึกตาลายด้วย
– เสียดายนักแสดงบางคน อย่าง อีป้ารองพื้นไม่ทาคออย่าง Glenn Close ระดับคนที่เข้าชิงออสการ์ 6 ครั้งอย่างนาง น่าจะมีบทบาทที่เด่นกว่านี้นะฮะ
– สงสัยนางเอก โซอี ซัลดานา นางเป็นอะไรกะกิ้งก่ารึเปล่า คือชอบเปลี่ยนสีผิวตัวเองเรื่องที่แล้ว avatar ก็สีฟ้า เรื่องนี้ก็เป็นชะนีสีเขียวไม่แต่งหน้าแต่มาสคราร่าเป๊ะ…แล้วเรื่องหน้าจะสีอะไรอีก 5555

สรุป
– สนุกกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ด้วยความที่เป็นคนไม่ถูกจริตกะหนังแนวแอคชั่นไซไฟ คือคาดกว่าจะหลับ
– แต่เรื่องนี้มีแอบง่วงในช่วงแรก หลังจากนั้นสนุกดูเพลินเลยทีเดียว คือไม่กะโหลกกะลามาม่าปลากระป๋องเลยนะฮะ
– ดูได้ทุกระบบ 4DX ก็คุ้มเพราะสั่นทั้งเรื่อง IMAX ก็น่าจะคุ้มเพราะฉากสงครามช่วงท้ายอลังการลานกว้างแอโรบิกหลังโลตั้สยังสู้ไม่ได้ 3D ก็ดีกว่าที่คิดเยอะเลย
– ให้คะแนนความชอบ 8 /10

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

หนังไทยnetflix สวัสดีครับสำหรับแอดมินนั้น เป็นคนชอบหนังแนวนี้มากๆแนวๆฮีโร่พลังเหนือมนุษย์และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องโปรดอีกเรื่องของแอดเลยทีได้ แอดเชื่อว่าคงจะมีคนรักเรื่องนี้เหมือนแอดไม่มากก็น้อย เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่แฟน ๆ รอคอยเรื่องล่าสุด จากมาร์เวลสตูดิโอ ซึ่งสานต่อการผจญภัย บนจอภาพยนตร์ของ “สตีฟโรเจอร์ส” หรือที่รู้จักในนาม “กัปตันอเมริกา” ในภาพยนตร์เรื่อง “กัปตันอเมริกา : มัจจุราชอหังการ” ดำเนินเรื่อง หลังจากเหตุการณ์ กลียุคในนิวยอร์กของเหล่า ดิ อเวนเจอร์ส และ การใช้ชีวิตเงียบ ๆ ของสตีฟโรเจอร์สในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพยายามที่จะ ปรับตัวเข้ากับโลกสมัยใหม่ ดูหนัง

แต่เมื่อเพื่อนร่วมงานในหน่วย S.H.I.E.L.D. ตกอยู่ภายใต้การโจมตีสตีฟเลยต้องเข้าไปติดร่างแหในแผนการอันลึกลับที่คุกคามโลกให้ตกอยู่ในความเสี่ยง ด้วยความร่วมมือของ นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว์, กัปตันอเมริกาพยายามที่จะเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องต้องสู้กับหน่วยจู่โจมที่ส่งมากำจัดเขาในทุกย่างก้าว เมื่อแผนการชั่วร้ายถูกเปิดเผยกัปตันอเมริกา และ แบล็ค วิโดว์ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตรใหม่ “เดอะ ฟอลคอน” อย่างไรก็ตามพวกเขาได้พบว่าตัวเองกำลังได้พบกับศัตรูอันน่ากลัว และ ไม่มีใครคาดคิด

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิวหนังดัง เรื่องราวต่อจากภาคแรก หลังจากที่กัปตันอเมริกาหรือสตีฟ ( Chris Evans ) หลับไหลไปยาวนานในสภาพถูกแช่แข็งถึง 70 ปี หลังจากตื่นขึ้นมา สตีฟ ก็ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ที่นิวยอร์ค เพื่อนในหน่วยชิลด์กำลังตกอยู่ในอันตราย สตีฟกับแบล็ควินโดว์ หรือ นาตาชา โรมานอฟ ( Scarlett Johansson ) ก็ร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงแผนลับบางอย่าง แต่เมื่อทั้งคู่กำลังจะตกหลุมพราง เขาทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจาก เดอะฟอลคอน ( Anthony Mackie ) ซึ่งจะนำไปสู่ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าที่คิด

หลังจากภาพยนตร์ภาคแรกที่ถูกฉายออกไปก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด แต่สังเกตไหมครับว่าภาคแรกถ่ายทำในบรรยากาศที่ดูเก่า ๆ ชวนอึดอัด และ ข้อสังเกตคือชุดของกัปตันเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเชย และ ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าคนอื่น นี่คงเป็นบทเรียนที่สำคัญ ทำให้ภาค 2 สร้างออกมาแก้ตัว และ ปรับปรุงภาพลักษณ์เก่า ๆ จากภาคแรก

ในส่วนของภาค 2 หนังฉีกแนวจากสงครามเก่า ๆ ไปเล่นกับการสืบสวนสอบสวน การหักหลัง และ การเป็นสายลับ เหมือนเป็นภาคที่เปิดตัวโรมานอฟนั่นเอง คล้าย ๆ เจมส์บอนด์แฟนตาซีเล็ก ๆ นั่นเอง หนังมาร์เวลส์หลัง ๆ มานี่ผมรู้สึกเหมือนดูการ์ตูนมากขึ้นทุกที สีสันมันก็มากไปทำให้ดูแฟนตาซีเกินมาก ๆ ซึ่งกัปตันภาคนี้ก็จะพยายามตบมาร์เวลส์ให้เข้าที่เข้าทาง

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

ใครที่ดู และ งงว่าหน่วยชิลด์คืออะไร ในเรื่องจะไม่บอกอะไรมาก แต่ว่ามาร์เวลส์มีซีรี่ส์ Agent of S.H.I.E.L.D ด้วย ใครที่ชอบองค์สืบสวนสอบสวนก็ลองไปหาดูกันนะครับ เพราะมีความเชื่อมโยงกับกัปตันภาค 2 ด้วย และ ด้วยเหตุผลที่หนังพยายามสอดแทรกแนวคิดการเป็นสายลับสืบสวนสอบสวน ก็อาจจะเป็นเพราะต้องการปรับพฤติกรรม และ ความไม่ทันโลกที่ต้องนอนแข็งไปตั้ง 70 ปี ให้กลับมาตามโลกทัน และ หนังภาคนี้ก็บอกใบ้เป็นนัย ๆ ด้วยนะครับว่าทำไมกัปตันอเมริกาถึงได้เป็นหัวหน้าทีมอเวนเจอร์ เพราะความเป็นผู้นำในภาค 2 นี่เอง

ความเป็นหนังแอ๊คชั่น และ หนังซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้หนังไม่สามารถขยายความเรื่องของมิตรแท้ได้มากเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะด้วยหนังจากค่ายมาร์เวลในระยะหลัง โดยเฉพาะหนังในสาย The Avengers ที่หนังให้ความสำคัญกับการดำเนินเรื่อง และ แจกแจงบุคลิกของตัวละคร แม้หนังจะมีฉากแอ๊คชั่นใหญ่ ๆ เพื่อผลทางการตลาด

แต่ก็ไม่ได้ละเลยความเข้มข้นของเนื้อหา Captain America: The Winter Soldier ( 2014 ) ก็เช่นกันที่เกือบตลอดเรื่องมีความพลิกผันอยู่ตลอดเวลา เนื้อหาของหนังจึงเดินหน้าไปอย่างน่าสนใจ ฉากแอ๊คชั่นที่มีก็ช่วยเสริมให้ความพลิกผันนั้นน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วยสตีฟ โรเจอร์ส อาจจะเป็นตัวละครที่แบนที่สุดในบรรดาสหายศึกจากทีม The Avengers คงเป็นเพราะเขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในอุดมคตินั่นเอง เว็บหนัง

ในขณะที่ซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ ต่างมีความเป็นมนุษย์มากกว่า โทนี่ สตาร์ค นั้นยโส และ อวดดี ดร.บรูซ แบนเนอร์ ก็หมกมุ่น และ ขี้กังวล ส่วนธอร์ก็บ้าบิ่น และ ทะนงตนจนเกินไป สำหรับแบล็ควิโดว์ก็ดูลึกลับด้วยภูมิหลังบางอย่างเช่นเดียวกับฮอว์คอาย และ สตีฟ โรเจอร์สในครั้งนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะความกล้าหาญเสียสละนั้นคือเสน่ห์ของกัปตันอเมริกาอยู่แล้ว

เรื่องราวใน Captain America The Winter Soldier

รีวิวหนังดัง Captain America: The Winter Soldier ( 2014 ) มีการพัฒนาขึ้นมาจากภาคที่ แล้ว โดยเฉพาะเรื่องราวที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาก ถึงแม้ตัวละครหลักอย่าง สตีฟ โรเจอร์ส จะยังคงความเป็นกัปตันอเมริกาเช่นเดิม และ จากเรื่องราวที่ทิ้งท้ายไว้ ภาคต่อไปของหนังชุดนี้รวมทั้งภาคต่อของ The Avengers ( 2012 ) คงยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงแรกของหนังปูมาแจ่มเลยครับ ทั้งเนื้อเรื่อง ความบู๊ แต่สิ่งที่ทำให้มาร์เวลส์ตกม้าตายก็คือฉากจบของหนัง คือมันซ้ำกันแทบจะหมดคือจบแต่มี End Credit ปูไปภาคต่อไปหรือหนังเรื่องต่อไป กลับมาที่สิ่งที่เป็นมุกใหม่ของภาคนี้คือพลิกบทมาเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน ข้อดีคือมันใหม่ ข้อเสียคือมันจบไว และ เดาง่ายครับ มันสนุกครับแต่มันไม่ค่อยลุ้นเท่านั้นเอง

และ สิ่งที่พลาด พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย คือตัวอย่างหนังที่เผยจุดสำคัญ และ ตัวละครสำคัญในตัวอย่าง ( ความเป็นจริงไม่ควรมี ) เลยทำให้ผมแค่เหมือนไปดูเฉย ๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย นี่เป็นเหตุผลที่ผมพยายามไม่อยากดูตัวอย่างหนังมากนัก แต่ไม่เป็นไร หนังก็คือหนัง ยังพอดูให้สนุกสนานได้

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 ตัดเรื่องการเดาง่ายของบทภาพยนตร์ออกไป หนังฉีกเรื่องจากสงครามยุคเก่ามาเป็นหนังสืบสวนสอบสวนในปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่กัปตันนอนแข็งมากว่า 70 ปี ถือว่าทำได้ไม่เลว แถมหนังยังแอบใบ้เป็นนัย ๆ สำหรับเหตุผลที่กัปตันได้เป็นหวัหน้าของทีมอเวนเจอร์

คะแนนเอฟเฟคต์ 8/10 หนังเพิ่มส่วนที่เป็น CG และ เอฟเฟคต์มากขึ้นเพราะหนังเพิ่มฉากบู๊ของกัปตันมากกว่าภาคเก่า และ ลีลาการต่อสู้ของโรมานอฟที่ถือว่าเป็นภาคเปิดตัวของเธอก็ทำได้ไม่เลวเลย ภาคนี้ทำให้ผมคิดว่า ภาคถัดไปอาจจะเป็นภาคที่เชื่อมโยงกับตัวละครอเวนเจอร์ เพื่อพาหนังกัปตันอเมริกาเข้าสู้ความเป็นBigBossของอเวนเจอร์นั่นเอง

สรุป หนังมาร์เวลตระกูล สายลับที่สนุกมาก เรื่องนึง ศูนย์รวมความบันเทิงทั้งในด้านพระเอกหล่อ และ ความมันส์ โดยเฉพาะตอนท้าย ๆ คือพีคมาก ขอบอกว่า “อลังการงานเริ่ด” งานนี้แฟนมาร์เวลมีเซอร์ไพร์ อย่าลืมดู end credit มีสองรอบเน่อ

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. ความเป็นผู้นำของกัปตันอเมริกา ภาคนี้การดำเนินเรื่องในแนวสืบสวนสอบสวน และ การทำงานกันเป็นทีมกับโรมานอฟ ทำให้เราเห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด และ แน่วแน่ของกัปตัน และ เป็นการตัดสินใจที่รอบคอบก่อนที่จะสั่งออกไป

2. ความสามารถของโรมานอฟ นอกจากจะสวย และ เก่งแล้ว โรมานอฟยังมีความฉลาดในแบบที่สายลับควรจะมี ทำให้โรมานอฟกลายมาเป็นตัว Mainหลักของทีมอเวนเจอร์เช่นกัน แม้จะไม่มีพลังพิเศษ แต่ความเป็นสายลับ และ ความสามารถของเธอก็โดดเด่นมากนั่นเอง

ภาคนี้ถือว่าทำได้ดีมากครับ แก้เกมส์จากภาคแรกได้อย่างดีเลิศ อย่างน้อยก็เปลี่ยนแนวจากหนังบู๊สงครามโบราณ มาเป็นการสืบสวนสอบสวน และ ทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น เว็บดูหนัง

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

หนังไทยย้อนยุค ภาพยนตร์ที่แอดและหลายๆคนชื่นชอบนั้น แอดคงคิดว่า คงต้องมีหนังซุปเปอร์ฮีโร่อยู่ในนั้นด้วย อย่างเรื่องนี้เลย เรื่อง กัปตันอเมริกา นั้นที่ได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และได้มาติดอันดับได้รับความนิยมบน Disney+ Application Streaming ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นแอพพลิเคชั่นที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานอย่าง Disney+ ด้วยเหตุนี้ทำให้ภาพยนตร์มาร์เวลมากมายกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะ จักรวาลฮีโร่อย่าง Avengers แต่จากการจัดอันดับ ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยบน Application ดังกล่าวนั้น คือภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ภาพยนตร์รวมฮีโร่แต่อย่างใด แต่กลับเป็นภาพยนตร์ ของกัปตันอเมริกาภาคแรกอย่าง Captain America: The First Avenger ยอมรับก่อนเลย ว่าสนใจภาพยนตร์ Captain America: The First Avenger เพราะพล็อตเรื่องการเปลี่ยนมนุษย์ ตัวแห้งร่างกายอ่อนแอเป็นทหารหนุ่ม ร่างกายกำยำด้วยวิธีการทดลองแบบวิทยาศาสตร์ ดูหนัง

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

รีวิวหนังดัง หนังเล่าถึง สตีฟ โรเจอร์ ( Chris Evans ) เด็กผู้ชายตัวผอมแห้ง แถมยังขี้โรคแต่ดันอยากเป็นทหาร เขาพยายามเข้าโปรแกรมการฝึกในแบบที่ทหารทั่วไปทำ แต่ด้วยสภาพร่างกายของเขาที่ไม่ไหว ทำให้กองทัพปฎิเสธ และ เขาถูกล้อเลียนจากเพื่อนทหาร อยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ และ จริงจังของสตีฟ ทำให้นายพลเชสเตอร์ ฟิลลิปส์ ( Tommy Lee Jones ) ซึ่งมีโครงการทดลองเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์สนใจ และ ในความมุ่งมั่นของสตีฟ เพราะเขามองว่าคนที่อ่อนแอจะเห็นคุณค่าของความแข็งแกร่ง

หลัง ๆ มานี้มาร์เวลขยันมากที่จะปล่อยหนังซูเปอร์ฮีโร่ออกมาสู่สายตาแฟน ๆ และ บอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งในจักรวาลหลักของมาร์เวลที่จะมาครองใจแฟนคลับอีกตัวหนึ่งแน่นอน และ ลำดับแรกเลยคือCG ที่น่าสนใจสุด ๆ ก็คือการนำคริส อีแวนส์พระเอกหนุ่มร่างบึ้กมาย่อส่วนเหลือนิดเดียว เหมือนเป็นเด็กชายขี้โรคที่แคระแกร็น ตัวเขาเองอยากเป็นทหารที่แข็งแรง ช่วยชาติต่อสู้กับนาซี แน่นอนว่าไม่มีใครให้เข้าผ่านไปเป็นแม้แต่ทหารเกณฑ์ด้วยซ้ำ เพราะด้วยน้ำหนักส่วนสูง และ สภาพร่างกายแบบนั้นไปฝึกก็มีแต่ตายเปล่า แต่เหมือนโชคช่วยที่ยังมีคนเห็นความพยายาม และ จิตใจที่มุ่งมั่นของเขา

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเปิดตัวกัปตันอเมริกาโดยจะเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าที่มาที่ไปของชายที่ถูกแช่แข็งเป็นเวลาร่วม 70 ปีผู้นี้เป็นอย่างไร ด้วยความที่ตัวละครกัปตันอเมริกานั้นเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาพยนตร์รวมฮีโร่อย่าง The Avengers ตีคู่มากับไอรอนแมน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนักภาพยนตร์ต้นกำเนิดของฮีโร่สงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้นี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

กัปตันอเมริกานั้นหากเทียบกับฮีโร่คนอื่นในจักรวาลเดียวกันเขาแทบจะเป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีพละกำลัง และ ร่างกายที่แข็งแรงมากเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้มีพลังพิเศษในการเหาะเหินเดินอากาศแต่อย่างใด เมื่อเทียบความสามารถในการต่อสู้ แล้ว เขากลับเป็นอีกหนึ่งคนที่มีทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่น ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นฮีโร่ที่มีความเด๋อด๋าเพราะถูกแช่แข็งมาเป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่โลกนั้นพัฒนาเทคโนโลยีไปแบบก้าวกระโดด เขาจึงมีความซื่อ และ ความน่ารักที่ทำให้ผู้รับชมรู้สึกเอาใจช่วย

ด้วยความที่ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่ แล้ว เรื่องราวจะไปจบลงอย่างไร ทำให้เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่นำเอาตัวละครสมมติอย่างองค์กรไฮดราเข้ามาเพิ่มความน่าตื่นเต้น และ ความลุ้นระทึกในการทำภารกิจของกัปตันอเมริกาเท่านั้น และ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเรารู้ดีอยู่ แล้ว ว่าสุดท้ายกัปตันอเมริกาจะถูกแช่แข็งในมหาสมุทรเพราะดันเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ในปัจจุบัน การติดตามเรื่องราวจึงเป็นการติดตามว่าในระหว่างทางตั้งแต่ต้นจนจบนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดึงดราม่าได้เป็นอย่างดี มีการเล่าถึงสภาวะสงครามที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนมากมาย การจัดการของรัฐบาลที่ต้องการจะเอาเงินทุนจนทางให้ในช่วงแรกของการสร้างสุดยอดทหารอย่างกัปตันอเมริกากับกลายมาเป็นมาสคอตแทนอยู่หลายเดือน โดยรวม แล้ว ถือว่าเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่สามารถทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เว็บหนัง

ในส่วนของเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเยอะแยะ เนื้อเรื่องหลายอย่างค่อนข้างเดาง่ายมากด้วยซ้ำ เพราะหนังภาคนี้ส่วนมากจะเทความสนใจไปในเรื่องของอดีตซะเยอะ มุกตลกมีสอดแทรกมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็เสริมจุดดราม่าเข้ามาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงกับน้ำตาร่วง แต่ผิดคาดไปนิดหน่อยว่าสตีฟจะได้แปลงร่างช้ากว่านี้ และ อาจจะให้คนดูได้เอาใจช่วย และ เรียกคะแนนสงสารให้กับสตีฟ แต่หนังตัดจบให้สตีฟแปลงร่างไวไปหน่อย

หลังจากสตีฟแปลงร่างเป็นกัปตันอเมริกาเรียบร้อย แน่นอนว่าเขามีอาวุธประจำกายคือโล่นั่นเอง ช่วงแรกกัปตันยังไม่มีประโยชน์อะไรเท่าที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นเครื่องปลุกใจให้ชาวอเมริกันฮึกเหิมมากกว่า ดูไปดูมาเหมือนหนังสงครามดราม่ามากกว่าครับ

ตัวหนังบอกได้เลยว่ายาวเกินความจำเป็นไปเยอะเลยมันเลยทำให้หนังดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ เดี๋ยวเอื่อย เดี๋ยวได้ลุ้น อ้อผมขอวิจารณ์ในส่วนของช่วงที่สตีฟจะแปลงร่างหน่อยนะครับ ค่อนข้างคาดหวังว่าจะเห็นความทรมานจากการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์มากกว่านี้ เพื่อที่จะให้ผมรู้สึกอินกับกัปตันอเมริกามากกว่านี้หน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ เข้าตู้ไป มีแสงวูบวาบ ออกมาตู้ม กลายเป็นกัปตันอเมริกา คือมันง่ายไปมั้ย

บทสรุปเรื่องราวใน Captain America The First Avenger

รีวิวหนังดัง Captain America: The First Avenger เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ที่มีบรรยากาศแตกต่างจากภาพยนตร์ฮีโร่ในจักรวาล Marvel เรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง หลายคนแซวว่าภาพยนตร์มาร์เวลนั้นแทบจะเป็นภาพยนตร์ตลกอยู่ แล้ว แต่ในเรื่องกัปตันอเมริกานั้น เรากลับแทบจะไม่ได้สัมผัสกับความตลกเลยแม้แต่น้อย เรื่องราวนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด กดดัน และ ความดราม่า มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ เมื่อกัปตันอเมริกามาพบเจอกับเจ้าพ่อมุกตลกอย่างไอรอนแมน แล้ว ทั้งสองคนจะไม่ถูกกัน

ด้วยความที่ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่ แล้ว เรื่องราวจะไปจบลงอย่างไร ทำให้เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่นำเอาตัวละครสมมติอย่างองค์กรไฮดราเข้ามาเพิ่มความน่าตื่นเต้น และ ความลุ้นระทึกในการทำภารกิจของกัปตันอเมริกาเท่านั้น และ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเรารู้ดีอยู่ แล้ว ว่าสุดท้ายกัปตันอเมริกาจะถูกแช่แข็งในมหาสมุทรเพราะดันเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ในปัจจุบัน การติดตามเรื่องราวจึงเป็นการติดตามว่าในระหว่างทางตั้งแต่ต้นจนจบนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดึงดราม่าได้เป็นอย่างดี มีการเล่าถึงสภาวะสงครามที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนมากมาย การจัดการของรัฐบาลที่ต้องการจะเอาเงินทุนจนทางให้ในช่วงแรกของการสร้างสุดยอดทหารอย่างกัปตันอเมริกากับกลายมาเป็นมาสคอตแทนอยู่หลายเดือน โดยรวม แล้ว ถือว่าเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่สามารถทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

ในส่วนของเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเยอะแยะ เนื้อเรื่องหลายอย่างค่อนข้างเดาง่ายมากด้วยซ้ำ เพราะหนังภาคนี้ส่วนมากจะเทความสนใจไปในเรื่องของอดีตซะเยอะ มุกตลกมีสอดแทรกมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็เสริมจุดดราม่าเข้ามาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงกับน้ำตาร่วง แต่ผิดคาดไปนิดหน่อยว่าสตีฟจะได้แปลงร่างช้ากว่านี้ และ อาจจะให้คนดูได้เอาใจช่วย และ เรียกคะแนนสงสารให้กับสตีฟ แต่หนังตัดจบให้สตีฟแปลงร่างไวไปหน่อย ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่

หลังจากสตีฟแปลงร่างเป็นกัปตันอเมริกาเรียบร้อย แน่นอนว่าเขามีอาวุธประจำกายคือโล่นั่นเอง ช่วงแรกกัปตันยังไม่มีประโยชน์อะไรเท่าที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นเครื่องปลุกใจให้ชาวอเมริกันฮึกเหิมมากกว่า ดูไปดูมาเหมือนหนังสงครามดราม่ามากกว่าครับ

ตัวหนังบอกได้เลยว่ายาวเกินความจำเป็นไปเยอะเลยมันเลยทำให้หนังดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ เดี๋ยวเอื่อย เดี๋ยวได้ลุ้น อ้อผมขอวิจารณ์ในส่วนของช่วงที่สตีฟจะแปลงร่างหน่อยนะครับ ค่อนข้างคาดหวังว่าจะเห็นความทรมานจากการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์มากกว่านี้ เพื่อที่จะให้ผมรู้สึกอินกับกัปตันอเมริกามากกว่านี้หน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ เข้าตู้ไป มีแสงวูบวาบ ออกมาตู้ม กลายเป็นกัปตันอเมริกา คือมันง่ายไปมั้ย

น่าเสียดายที่ชุดของ Captain America อาจจะดูไม่สวยงามเทียบเท่ากับซูเปอร์ฮีโร่รายอื่น ๆ ความสามารถอาจจะไม่ได้สูงส่งจนเทพเวอร์เหมือนบางราย แต่การต่อสู้แบบบ้าน ๆ นี่แหละที่ดูจะทำให้เราเข้าถึงความสนุกลุ้นของหนังเรื่องนี้ อีกจุดที่น่าเสียดาย คือหนังเล่นเอาความเป็นชาติอเมริกามาใส่อย่างเต็มที่ ในฐานะที่คนดูผู้ไม่ใช่อเมริกัน ก็อาจจะตะขิดตะขวงนิดหน่อย จนบางทีอยากให้มีทหารเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบไทย ๆ ให้มันรู้ แล้ว รู้รอดไปซะเลย

พล็อตเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจครับ แต่สิ่งที่กลบความน่าสนใจจนหมดก็คือในส่วนของการดำเนินเรื่องที่ขาดความน่าสนใจติดตาม เพราะหนังที่พล็อตเรื่องดีก็ควรจะเดินจับมือไปพร้อมกันกับการดำเนินเรื่องที่ดีเช่นกัน และหนังก็โกยรายได้ทั่วโลกไปที่ประมาณ 370 ล้านเหรียญฯ ถือว่าดีทีเดียว คาดว่าน่าจะเป็นเพราะยี่ห้อมาร์เวลนั่นเอง

น่าเสียดายที่หนังซูเปอร์ฮีโร่หนึ่งในMainหลักของอเวนเจอร์ กลับเปิดตัวออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก หนังไม่ได้มีความดราม่า แต่การเดินเรื่อง และ ดำเนินเหตุการณ์ที่ค่อนข้างช้า และ อืดไปหน่อย เอาเป็นว่ามีหาวคาโรงภาพยนตร์ไปบ้างบางซีน แต่ก็พยายามขยี้ตากลับมาตั้งใจดู ประเดี๋ยวจะงงครับเพราะรู้มาว่าตัวละครตัวนี้ค่อนข้างมีโอกาสต่อยอดไปทำหนังรวมฮีโร่

คะแนนเนื้อเรื่อง 7/10 พล็อตเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจครับ แต่สิ่งที่กลบความน่าสนใจจนหมดก็คือในส่วนของการดำเนินเรื่องที่ขาดความน่าสนใจติดตาม เพราะหนังที่พล็อตเรื่องดีก็ควรจะเดินจับมือไปพร้อมกันกับการดำเนินเรื่องที่ดีเช่นกัน และ หนังก็โกยรายได้ทั่วโลกไปที่ประมาณ 370 ล้านเหรียญฯ ถือว่าดีทีเดียว คาดว่าน่าจะเป็นเพราะยี่ห้อมาร์เวลนั่นเอง เว็บดูหนัง

คะแนนเอฟเฟคต์ 7/10 หนังเน้นให้ความสำคัญกับการเดินทางโปรโมทกัปตันอเมริกา และ การเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากไป แต่หนังมาแก้ตัวได้ช่วงท้ายในฉากบนเครื่องบิน และ เครื่องบินกำลังจะโหม่งโลก ก่อนหน้านั้นจะมีซีนต่อสู้ระหว่างกัปตันอเมริกากับศัตรู ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวทีเดียวครับ

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. คนอ่อนแอก็มักจะคู่ควรกับพลังที่แข็งแกร่ง ยกตัวอย่างจากพระเอกของเรื่องอย่างสตีฟเลยครับ เพราะมีนายพลทหารที่เล็งเห็นว่าพลังที่แข็งแกร่งคู่ควรกับคนอ่อนแอที่ต้องการมันนั่นเอง

2. สตีฟไม่เย่อหยิ่งในพลังของตน หลังจากที่เขากลายร่างเป็นกัปตันอเมริกา แทนที่เขาจะเบ่งใส่พวกเพื่อทหารที่เคยล้อเลียนเขา แต่เขาก็ไม่เคยที่จะไปเบ่ง หรือ เอาคืนเลย เพราะจุดมุ่งหมาย หรือ เป้าหมายของเขาคือเป็นทหารที่ดี

นี่ก็เป็นภาคแรกของกัปตันอเมริกาที่ผมไม่เคยปลาบปลื้มเท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่ามีภาคต่อจะไปชมไหม แน่นอนว่าต้องไปชมครับเพราะว่าผมเป็นแฟนหนังมาร์เวลนั่นเอง และ หวังว่าภาคที่สองจะแก้ตัวได้ครับ

รีวิว Thor Ragnarok

รีวิว Thor Ragnarok

รีวิว Thor Ragnarok

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีครับสิ้นสุดการรอคอยของหนังธอร์เทพเจ้าสายฟ้า Thor Ragnarok หรือก็คือ ธอร์ ภาค 3 นั้นหลังจากภาคก่อนหน้านี้ทำรายได้ถล่มยับ แอดคิดว่าจริง ๆ แล้วการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกสมดั่งที่นักรีวิวเมืองนอก หรือแฟน ๆ เขารู้สึกกัน คือการไม่รู้อะไรก่อนไปดูเลย ไม่ควรรู้ว่าหนังจะมาสายตลก ไม่ควรรุู้ว่าหนังจะมีตัวละครนู้นนี้นั้นมาแจม แล้วไปรอรับสิ่งเหนือความคาดหมายจากหนังแบบเต็ม ๆ ดังนั้นใครอยากรู้สึกว้าวจริง ๆ ควรตรงไปโรงดูเลย อย่าเพิ่งไปอ่านรีวิวหรือสปอยล์ที่ไหนครับ แต่ถ้าใครไม่ได้แฟนพันธุ์สดขนาดนั้น อ่านรีวิวไปก่อนก็ทำให้รู้จักตัวหนังมากขึ้นครับ ไม่ผิดอันใด ดูหนัง

Thor: Ragnarok หรือในคอมมิคก็คืออีเว้นท์ที่ทำลายล้างเหล่าเทพและแอสการ์ดจนพินาศ กลายเป็นหนังภาคที่ 3 ที่ดำเนินเรื่องโดย ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าเป็นตัวหลัก ต่อจาก Thor (2011) และ Thor: The Dark World (2013) ที่จบด้วยการที่ตัวร้าย โลกิ ปลอมตัวเป็น โอดิน กษัตริย์แห่งแอสการ์ดโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ และถ้าว่ากันตามไทม์ไลน์ของจักรวาลมาร์เวล หนังภาคนี้ก็เป็นการเดินหน้าต่อจาก Avengers: Age of Ultron (2015) ในส่วนของตัวละครหลักอย่าง ฮัลค์ ที่ขึ้นยานทะยานออกสู่อวกาศหลังอาละวาดจนมนุษย์โลกหวาดกลัวไปพร้อมกันด้วย

รีวิว Thor Ragnarok

รีวิวหนังดัง หนังภาคนี้ว่าด้วย ธอร์ ที่ต้องกลับแอสการ์ดมากู้วิกฤตตามคำทำนายที่ชื่อว่า แร็กนาร็อก ซึ่งจะทำลายแอสการ์ดและเหล่าเทพจนสิ้น โดยภัยที่ว่ามาในรูปของราชินีแห่งความตายนามว่า เฮล่า ซึีงได้รับการปลดปล่อยจากคุมขังกลับมา นอกจากนั้นยังมีภัยข้างกายอย่างโลกิคอยแทงข้างหลังตลอดเวลาอีก

ธอร์พลาดท่าถูกทำลายอาวุธประจำกายทั้งยังหลุดหายไปในกาลอวกาศจนไปโผล่ยังดาวซาคาร์ที่เป็นสนามกลาดิเอเตอร์จับเอเลี่ยนมาสู้กัน จนจับพลัดจับผลูต้องมาเผชิญหน้ากับสหายเก่าอย่างฮัลค์ที่ลืมเขาจนหมดสิ้น ธอร์จึงต้องหาทางกลับไปแอสการ์ดให้ทันเวลาก่อนทุกอย่างจะสายไป นั่นคือเท่าที่ตัวอย่างหนังบอกเราครับ

ในภาคนี้ผู้กำกับและนักแสดงสายตลกอย่าง ไทก้า ไวทีตีิ ที่เคยมีผลงานผ่านตาเราอย่างสารคดีปลอมเอาฮาว่าด้วยเหล่าปีศาจที่ต้องปรับตัวในยุคปัจจุบันเรื่อง What We Do in the Shadows (2014) ก็ได้รับความไว้วางใจให้มาสานต่อเรื่องราวที่ว่าไปก็คือไตรภาคที่มักเป็นบทสรุปของตัวละครหลักของหนัง

รีวิว Thor Ragnarok

ในกรณีนี้คือ ธอร์ ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหญ่เหมือนกัน เพราะสำหรับแฟนธอร์คงจำได้ว่าหนังธอร์นั้นค่อนข้างอยู่บนพลอตจักร ๆ วงศ์ ๆ ของเหล่าเทพที่แสนเชย พี่ชายน้องชายทะเลาะกันแย่งตำแหน่งว่าที่ราชาพระเอกถูกใส่ร้ายและลงทัณฑ์ให้ไร้พลังตกสู่โลกมนุษย์ และตกหลุมรักสาวมนุษย์ในภาคแรก ก่อนจะมาเพิ่มความดราม่าดุดันด้วยศัตรูที่แกร่งกล้าและทรงพลังขึ้นในภาคสอง แล้วก็มากลายเป็นหนังตลกในภาคสาม!!

ว่าตามตรงหนังตระกูลธอร์ที่ผ่านมา ก็เป็นหนังมาร์เวลที่ดูไปให้มันเติมเต็มจักรวาลเท่านั้น มันไม่ได้สนุกที่สุดดีที่สุดแต่อย่างใด การปิดท้ายและลองของโดยโยนบรรยากาศที่คล้ายหนังฮิตอย่าง Guardians of the Galaxy ซึ่งเน้นในทีมหลากสไตล์หลายบุคลิกตัวละครที่แค่ขัดกันเองก็สนุกแล้ว

บรรยากาศโลกที่สีสันฉูดฉาดแบบการ์ตูนจัดจ้าน มุกตลกยิงกระจายกันทั้งเรื่อง เพื่อมากู้อารมณ์อันแสนจืดชืดของธอร์ แล้วตัดทิ้งตัวละครฝั่งมนุษย์ที่น่าเบื่อทั้งหลายออกไปจนเหี้ยน (ขอโทษแฟน ๆ ของ นาตาลี พอร์ตแมน นางเอกภาคก่อนหน้ามา ณ ที่นี้) ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ Ragnarok รากฐานของตระกูลหนังธอร์เอามาก ๆ และต้องยอมรับว่าทำได้ค่อนข้างดีด้วย

แต่ตรงนี้ก็ต้องบอกไปเลยว่า พอเน้นเอาฮาเอารั่ว ทำให้หนังมันเพี้ยน ๆ ไปเยอะเหมือนกัน ตัวละครทั้งเก่าทั้งใหม่ถูกจับให้ได้ยิงมุกกันถ้วนหน้า จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคณะเชิญยิ้มกันเลยทีเดียว มันทำให้ความเชื่อในตัวละครที่ถูกสร้าง ๆ มาก่อนหน้าในภาคเก่าถูกทำลายลง มันไม่ค่อยกลมกลืนหรือลื่นไปกันดีนัก

รีวิว Thor Ragnarok

ยิ่งบางอย่างที่ภาคก่อนทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจที่โลกิกลายเป็นราชาของแอสการ์ด กลับถูกเอาไปใช้ในภาคนี้อย่างกับแมนดารินในไอออนแมนอย่างไรอย่างนั้น คืออะไรที่ดูจะซีเรียสเกินไปถูกถอดไปแทบหมดเลย และจากบทสัมภาษณ์ผู้กำกับว่ามีการใส่ฉากตลกเข้าไปทำให้จากเดิมหนังยาว 100 นาที กลายเป็น 130 นาทีในปัจจุบัน นั่นเท่ากับแค่มุกเสริมเรื่องอย่างเดียวก็ปาไป 30 นาทีแล้ว นี่น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างทีเดียว เว็บหนัง

คือถ้าเอามาดูต่อกัน 3 ภาค ต้องสงสัยล่ะว่าพวกนี้ไปเมาปุ๊นอวกาศกันตอนไหน ซึ่งในแง่ความบันเทิงมันก็ให้คุ้มค่าตั๋วมาก ๆ ยิ่งมีเซอร์ไพร้สที่เอาตัวละครนู้นนี้ในมาร์เวลทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารับเชิญมาแจม ทั้งคนทำก็กล้าเปลี่ยนมู้ดอารมณ์ล้อเลียนตัวเองด้วย (ฉากละครจำลองเหตุการณ์ในภาคก่อนตลกมาก ยิ่งดารารับเชิญมาก็กวนส้นขั้นสุดเช่นกัน) มันยิ่งดูเจ๋งดูคูลสุด ๆ แต่พอมองในแง่ความเป็นหนังธอร์ภาคต่อมันก็ไม่ลงตัวนัก การที่รู้ไปก่อนว่าหนังจะตลกมาก เลยเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายพอควร เพราะสร้างความคาดหวังเกินจำเป็นให้คนดู ซึ่งยากที่หนังจะเอาชนะความคาดหวังของคนดูได้

สิ่งที่ดีอื่น ๆ ของหนังเช่นฉากต่อสู้ งานซีจี การแสดงยังคงได้มาตรฐานแบบมาร์เวล คือสนุก โดยเฉพาะเหล่าตัวละครนั้นสร้างสีสันได้มาก และเหล่าตัวละครหญิงอย่าง วัลคิวรี และเฮล่า ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากกว่าหนังมาร์เวลเรื่องไหน ๆ น่าจะเป็นการปูทางสู่ยุคฮีโร่หญิงในหนังมาร์เวลเฟสถัดไปที่จะมี กัปตันมาร์เวล เป็นแกนกลางก็เป็นได้ ส่วนด้าน ฮัลค์ กับโลกิ ก็กลายเป็นวายร้ายที่ทั้งน่ารักน่าชังคือเกลียดไม่ลงรักไม่สุดไปได้อย่างมีมิติเช่นกัน ต้องยอมรับเรื่องการสร้างตัวละครของมาร์เวลจริง ๆ

สรุป Thor Ragnarok

รีวิวหนังดัง สุดท้ายคือ Thor: Ragnarok ถือเป็นสุดยอดของหนังในตระกูลธอร์ที่ภาคอื่นน่าจะเทียบยาก ในแง่ความบันเทิงก็เป็นหนังมาร์เวลที่น่าจะบันเทิงที่สุดในขณะนี้ แต่ถามความน่าจดจำนั้นกลับต้องบอกว่า ไม่ค่อยมีอะไรเหลือให้ตกค้างเท่าไหร่นัก ยังคงเป็นหนังดูเติมเต็มจักรวาลมาร์เวลที่ดูสนุกกว่าเดิมเท่านั้นเองครับ แล้วถามว่าต้องดูมั้ย ต้องดูล่ะถ้าอยากจะตามเรื่องอื่นของมาร์เวลได้แบบไร้รอยต่อน่ะ

หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิต 2 รอบ ครั้งแรกคือหลังกราฟิกชื่อตัวละครหลักจบลง อันนี้สำคัญต้องดูเลยเพราะส่งบทไป Avengers: Infinity War (2018) และหลังจากนั้นต้องนั่งรอเครดิตยาวจบ ก็จะเป็นฉากที่ 2 อันนี้ออกแนวเน้นฮาไม่ค่อยมีผลกับเรื่องมากเท่าไหร่ครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป มันไม่สำคัญหรอกว่าประเทศจะตั้งอยู่ที่ไหน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนนั่นเอง ในส่วนของตัวละคร เราก็ยอมรับว่าโอเคในระดับหนึ่ง แต่ดูไปดูมา เหมือนคอสทูมจะทำให้หนังเรื่องธอร์เป็นส่วนผสมระหว่าง Ironman กับ Game of Thorn ยังไงก็ยังงั้นเลย ไม่เชื่อก็ลองตีตั๋วไปพิสูจน์กันได้ในโรงภาพยนตร์นะเออ

สรุป : สำหรับเรื่อง Thor: Ragnarok นั้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบฉากแอคชั่นแบบจัดเต็ม โดยที่มุมกล้องมีความน่าสนใจ ไม่ใช่ฉากแบบเดิมๆ ที่สามารถเห็นได้ตามหนังทั่วๆ ไป หนุ่มๆ น่าจะชอบหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้ชวนสาวไปดูด้วย เธออาจจะไม่ได้เข้าใจในความมันในส่วนนี้มากนัก หากแค่มีความหล่อของตัวละครชายมาช่วยทำให้จิตใจชุ่มฉ่ำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าจะชวนเพื่อนไปดูก็สนุก จะชวนแฟนไปดูก็ดี แถมไม่มีฉาก NC เด็กๆ ก็ไปดูได้ และคอนเฟิร์มว่าหนังมีความพิเศษ ด้วยฉากและบทที่น่าสนใจ ถึงขนาดที่ว่าคุณอาจจะลืมไปเลยว่าตอนเดินเข้าโรงภาพยนตร์มาน่ะอยากเข้าห้องน้ำ เว็บดูหนัง

ชื่อภาพยนตร์: Thor: Ragnarok / ศึกอวสานเทพเจ้า
ผู้กำกับภาพยนตร์: Taika Waititi
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Eric Pearson, Craig Kyle, Christopher Yost,
นักแสดงนำ: Chris Hemsworth, Tom Hiddleston, Cate Blanchett, Idris Elba, Jeff Goldblum, Tessa Thompson, Karl Urban, Mark Ruffalo, Anthony Hopkins, Benedict Cumberbatch, Taika Waititi
ดนตรีประกอบ: Mark Mothersbaugh
ความยาว: 130 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ปี: 2017
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 2 พฤศจิกายน 2017
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Entertainment, Marvel Studios, Walt Disney Pictures