Category Archives: หนังไทยมาใหม่

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

ซีรีส์เกาหลีแนวเรื่องราวของชีวิต ช่วงวัย ความสัมพันธ์ ดราม่าหนักมาก เรื่อง Thirty-Nine 2022 เล่าชีวิตของแก๊งเพื่อนสามสาวที่กำลังย่างเข้าวัยหลักสี่อย่างเป็นทางการ ผลงานเรื่องล่าสุดก่อนเข้าประตูวิวาห์ของรักแรกแห่งชาติอย่าง ซนเยจิน ร่วมด้วย จอนมีโด และ คิมจีฮยอน หลังออกอากาศตอนแรกผ่านไปมีอะไรบ้างที่น่าประทับใจ ขอเตือนก่อน เนื้อหาข้างล่างมี thirty nine สปอย

  • ชื่อซีรีส์ Thirty Nine / สามสิบเก้า / 서른, 아홉
  • ผู้กำกับ Kim Sang Ho/คิมซางโฮ (เจ้าของผลงาน ‘2018 JTBC Drama Festa : Ping Pong Ball’)
  • ผู้เขียนบท Yoo Young A/ยูยองอา (เจ้าของผลงาน ‘Kim Ji-Young: Born 1982’ และ ‘Encounter’ )
  • นักแสดง Son Ye Jin/ซนเยจิน, Jeon Mi Do/จอนมีโด, Kim Ji Hyun/คิมจีฮยอน, Yeon Woo Jin/ยอนอูจิน, Lee Moo Saeng/อีมูแซง, Lee Tae Hwan/อีแทฮวาน, Ahn So Hee/อันโซฮี
  • แนว/ประเภท Romance, Drama
  • จำนวนตอน 1 ซีซัน: 12 ตอน

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

Thirty-Nine เรื่องราวความรัก การเติบโตของสาว ๆ

thirty-nine netflix เรื่องราวความรัก หน้าที่การงานและแง่มุมชีวิตของสามสาวเพื่อนซี้ ที่เกาะกลุ่มเหนียวแน่นกันมาตั้งแต่อายุ 18 ยาวนานจนถึงวัยที่กำลังจะก้าวย่างเข้าสู่หลัก 4 เป็นมิตรภาพความผูกพันที่ลึกซึ้งดุจครอบครัวเดียวกัน จนกระทั่งวันหนึ่งพวกเธอพบว่า เวลาของพวกเธอเหลือไม่มากแล้วที่จะอยู่ด้วยกันไปอย่างนี้จนข้ามผ่านแต่ละช่วงวัยที่รออยู่ข้างหน้าไปด้วยกัน เพราะการจากลาที่ดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา กลับไม่ธรรมดาเอาซะเลยเมื่อการจากลานั้นกำลังมาถึงพวกเธอคนใดคนหนึ่ง เร็วเกินไป

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

เรื่องย่อ

ซีรีส์ Thirty-Nine บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนสาวทั้งสามที่กำลังอยู่ในวัย 39 ปี ผ่านตัวละคร ชามีโจ (รับบทโดย ซนเยจิน) เด็กกำพร้าที่โชคดีได้ครอบครัวเศรษฐีอุปการะตั้งแต่เยาว์วัย ปัจจุบันเธอเป็นผู้อำนวยการคลีนิกเสริมความงามชื่อดังและกำลังวางแผนเดินทางไปพักผ่อนและเรียนตีกอล์ฟยังสหรัฐอเมริกา แต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอได้พบกับ คิมซอนอู (รับบทโดย ยอนอูจิน) ครูสอนภาษาอังกฤษในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เธอเคยอาศัยอยู่ เรื่องราวความรักครั้งใหม่จึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

เหล่านักแสดงหลัก 3 สาวทหารเสือ

‘ชามีโจ’ (ซนเยจิน) เด็กกำพร้าที่ได้รับการอุปการะ เธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ทุกคนในครอบครัวอุปถัมภ์ให้ความรักกับเธออย่างอบอุ่นและพรั่งพร้อม สามารถซัพพอร์ตเธอได้ในทุก ๆ ด้าน เธอเป็นผู้อำนวยการในคลินิกเสริมความงามชื่อดังและกำลังวางแผนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อพักผ่อนจากอาการวิตกกังวล แต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้เธอได้พบกับ ‘คิมซอนอู’ (ยอนอูจิน) แพทย์ผิวหนังวัย 39 ปีที่เพิ่งกลับจากอเมริกาหลังจากที่เขาอพยพไปใช้ชีวิตที่นั่นตั้งแต่สมัยไฮสคูล และที่สำคัญคือชีวิตของทั้งคู่มีอะไรคล้าย ๆ กัน บางอย่าง

‘จองชานยอง’ (จอนมีโด) สาวห้าวที่มีความฝันอยากเป็นนักแสดง แต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการเป็นคุณครูสอนการแสดง ความเป็นคนตรง ๆ และมีสเน่ห์ทำให้เธอได้พบกับ ‘คิมจีซอก’ (อีมูแซง) เจ้าของธุรกิจบันเทิงที่ตกหลุมรักกันตั้งแต่สมัยเรียน และเป็นผู้ที่ทำให้ชีวิตรักของเธอติดหล่ม เพราะเขาต้องตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนซึ่งกำลังตั้งครรภ์ แต่ทั้งคู่ยังสานสัมพันธ์กันต่อไปในฐานะคนที่ยังรักกันอยู่

‘จางจูฮี’ (คิมจีฮยอน) สาวขี้อายที่ปัจจุบันเป็นผู้จัดการเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ในห้างสรรพสินค้า ไม่เคยมีประสบการณ์ความรักกับผู้ชายคนไหนมาก่อนจนได้พบกับ ‘พัคฮยอนจุน’ (อีแทฮวาน) เชฟหนุ่มรุ่นน้องเจ้าของร้านอาหารจีนชื่อ ไชน่าทาวน์ ที่เพื่อน ๆ ต่างเต็มใจเชียร์ให้เธอรุกคืบเพื่อนจะมีคู่กับเขาสักครั้ง thirty-nine พระเอก

รีวิว Thirty-Nine | เรื่องราวของความรักความฝันและมิตรภาพ

หนึ่งในซีรี่ส์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ ซนเยจิน

ซนเยจิน เลือกรับงานแสดงนี้หลังความสำเร็จของซีรีส์ Crash Landing on You ซึ่งเรื่องราวใน Thirty-Nine ตรงใจเธออย่างมาก ซนเยจินจะรับบทเป็น ชามีโจ แพทย์ผิวหนังเจ้าของคลินิกย่านกังนัม “ฉันอ่านบทจบอย่างเร็วเลยค่ะ บทพูดสนุกมากๆ และถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันยังอายุไม่ถึง 39 ปี แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอะไรเลย เรื่องราวของชีวิตและความรักของผู้หญิงที่หลายๆ อย่างเป็นตัวฉันเองมากๆ ก่อนหน้านี้ฉันเคยสงสัยค่ะว่าทำไมนักเขียนถึงขอตั้งกล้องไว้ในบ้านของฉัน แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าบทพูดหลายอย่างก็เป็นสิ่งที่ฉันพูดอยู่แล้วในชีวิตจริง ตัวละครชามีโจเป็นคนที่คลั่งการตีกอล์ฟมาก และฉันก็ชอบตีกอล์ฟมากๆ เหมือนกัน”

ตัวละครที่มาเป็นรักครั้งใหม่ในวัย 39 ปีของชามีโจ ก็คือ คิมซอนอู (รับบทโดย ยอนอูจิน) แพทย์ผิวหนังวัย 39 ปีเช่นกัน “ซอนอูเป็นตัวละครที่เพอร์เฟกต์มากค่ะ ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้ชายแบบเขาอยู่จริงบนโลกใบนี้เลย เขาเป็นคนที่โรแมนติกมากๆ เหมือนหลุดออกมาจากนิยาย ทั้งเห็นอกเห็นใจ ให้อภัยเก่งจนทำให้ตัวละครฉันมีชีวิตชีวาไปด้วย”

ชอนมีโด ที่เพิ่งร่วมงานกับซนเยจินเป็นครั้งแรกให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันกับคิมจีฮยอนเป็นเพื่อนกันจริงๆ มากว่า 10 ปีแล้ว เราเล่นละครด้วยกันในบทเดียวกัน หรือบางทีเราก็เล่นด้วยกันคนละบท แล้วอย่างหนึ่งที่เราสองคนเหมือนกันก็คือ พวกเราเป็นแฟนคลับคุณซนเยจินค่ะ จริงๆ แล้วตัวฉันเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านการแสดงซีรีส์มากเท่าไร ก็เลยต้องถามโปรซนหรือรุ่นพี่ซนอยู่เรื่อยๆ เธอน่ารักมาก สอนฉันตลอดเลย เพราะอย่างนี้มั้งคะที่ทำให้เราสนิทกันเร็วมาก

สิ่งที่น่าประทับใจใน Thirty-Nine

สิ่งที่น่าประทับใจและทำให้อินไปกับทุกบทบาทของการแสดงก็คือกลุ่มสามสาวที่ชูมิตรภาพความรักออกมาได้อย่างเด่นชัด เชื่อแน่ว่าสาว ๆ ที่มีเพื่อนเป็นแก๊งเพื่อนสาว ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขและรักกันมากดุจคนในครอบครัว จะอินกับเรื่องนี้ได้ง่ายมาก ๆ ว่าเฮ้ย เหมือนแก๊งเราเลยว่ะ เราก็มีเพื่อนแท้แบบนี้ รักกันแบบนี้ เข้าใจกันแบบนี้ เราทะเลาะกัน ด่าทอกันและเราขอโทษเพื่อคืนดีกันให้เร็วที่สุดโดยไม่อาย และไม่ห่วงว่าใครจะต้องเป็นฝ่ายแพ้หรือหน้าแตก

สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเพื่อนที่แท้จริงก็มักจะทำอะไรให้กันแบบนี้อยู่แล้ว แต่ความธรรมดาชนิดนี้กลับตรึงคนดูได้อยู่หมัด หนำซ้ำยังอาจทำให้หลายคนที่ในชีวิตไม่มีเพื่อนแบบสามสาว พานคิดไปได้ว่าถ้าในชีวิตเรามีเพื่อนแบบนี้กับเขาอยู่สักคน มันก็คือของขวัญแสนวิเศษ ซึ่งสามสาวในเรื่องก็เป็นตัวแทนของมิตรภาพที่น่าอิจฉา เพราะความสุขความรักมันฉายชัดออกมาจากวีรกรรมบ้าบอที่ทั้งสามคนทำร่วมกัน เรียกเสียงฮาที่หลุดขำออกมาในแต่ละตอนของคนดูได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้มุขตลกโบ๊ะบ๊ะให้เปลืองแรง

ในขณะที่เส้นเรื่องความรักถูกเล่าไปอย่างช้า ๆ และติดตลก ปนสงสัย ปนลุ้น ยิ้ม ฟิน กับคู่รัก 3 คู่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะคู่แรกที่มุขไปดูผีเสื้อที่ห้องเราไหม? ต้องพ่ายให้กับมุขโบตั๋นสองดอกของเรื่องนี้ ไหนจะคู่ที่ความสัมพันธ์คลุมเครือก็สร้างความสงสัยให้คนดูเข้าไปอีก ว่ามีการตัดสินใจที่อึดอัดแบบนี้จริง ๆ เหรอ จนกว่าจะถึงบางอ้อก็ผ่านไปเกือบจะครึ่งแล้วละจ้ะ และคู่สุดท้ายที่กระชุ่มกระชวยไปอีกแบบกับความเมามาย โก๊ะกังของฝ่ายหญิงที่ทำเอาขำไม่หยุดและทำให้รู้ว่า สาวขี้อายมีทัศนคติที่น่ารักน่าชังจริง ๆ

บทสรุปในตอนจบ Thirty-Nine

เบื้องลึกเบื้องหลังนั้น ชามีโจ คนที่เป็นผู้อำนวยการคนสวยแห่งคลินิกผิวหนัง J Dermatology Clinic ที่ตั้งอยู่ในคังนัม คาแรกเตอร์ที่รับบทโดย ซนเยจิน ตัวนี้ เดิมทีเคยเป็นเด็กกำพร้าที่อินนูรีมาก่อน ก่อนที่จะมีพ่อแม่คู่หนึ่งมารับเธอไปเป็นบุตรบุญธรรม และนั่นทำให้เธอมีพี่สาวเป็นชามีฮยอน (Kang Mal Geum/คังมัลกึม) ในวันที่เธอเยี่ยมอินนูรี เธอก็ได้พบกับครูหนุ่มสอนภาษาอังกฤษที่นั้น ก่อนความสัมพันธ์จะรุดหน้าเกินคาดคิด แถมเขายังเป็นหมอหนุ่มที่เข้ามาช่วยบริหารคลินิก มีโจคงหวังให้เขาช่วยดูแลระหว่างที่เธอไปพักผ่อนที่อเมริกาสักหนึ่งปี แต่ดูก็เหมือนเขาจะมีแรงดึงดูดที่มากพอให้เธอเปลี่ยนใจ

ความสัมพันธ์ของทุกตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ช่างวุ่นวาย พอๆ กับปัญหาที่มีมาไม่รู้จบ สั่นสะเทือนใจให้ผู้ชมอย่างเราๆ ต้องหวั่นไหวน้ำตาไหลนองกันแทบทุกตอน มาไล่เรียงกันดูซิว่า แต่ละคนมีปัญหาอันใดกันบ้าง เป็นมีโจเองที่แนะนำให้เพื่อนสนิทอย่างชานยองได้รู้จักกับพี่จินซอก จนทั้งสองคนรักกัน แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้พี่จินซอกเลือกจะแต่งงานอยู่กินกับอีกคน และเพราะความไม่ยอมตัดใจ ทั้งชานยองและจินซอกจึงยังคบหาแต่ไม่ยอมเกินเลยตลอดมา ทว่าเกิดเหตุไม่คาดคิด ข่าวร้าย! ชานยองเป็นมะเร็งระยะที่สี่ และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ระหว่างที่ยังปิดบังพ่อแม่อยู่ ของชานยองก็ตั้งใจทำบางอย่างในชีวิตที่เหลือ นั่นคือ การทำให้พี่จินซอกกลับไปอยู่กับครอบครัว และการทำให้จูฮีได้กับเชฟ

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยมาใหม่
แนะนำบทความรีวิวหนัง : Nineteen to Twenty

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! – ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! - ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! – ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

หากคุณกำลังเบื่อกับละครไทย หรือภาพยนตร์แนวแอคชั่นไซไฟที่ดูไปนาน ๆ แล้วอาจจะรู้สึกปวดหัวบ้าง วันนี้เราขอมาแนะนำเพื่อน ๆ ให้ลองมา ดูหนังใหม่ ซีรีส์แนวครอบครัวโรแมนติกคอมเมดี้ ที่การแต่งงานจอมปลอมที่จะกลายเป็นจริง เรื่อง The Real Has Come! (2023) บอกเล่าเรื่องการแต่งงานปลอม ๆ ระหว่างหญิงสาวมือใหม่ของการเป็นผู้บรรยายและวิทยากรมือใหม่ในโลกออนไลน์สาขาวิชาภาษาเกาหลีที่ตั้งท้องอยู่กับแพทย์หนุ่มฝีมือดีเชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชซึ่งไม่มีความอยากแต่งงานอย่างที่สุดซึ่งไม่ใช่พ่อของเด็กในท้องเธอ แต่เราจะไม่พูดถึง the real has come สปอย เราอยากให้พวกคุณไปลองดูกันเองครับ ตั้งใจดูแล้วคุณจะค้นพบเองว่ามันสนุกแค่ไหน!! หนังไทยมาใหม่

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! - ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! บทบาทนักแสดง

แบคจินฮี รับบทเป็น โอยอนดู วิทยากรและผู้บรรยายมือใหม่ในโลกออนไลน์ที่เชี่ยวชาญด้านภาษาเกาหลี เธอมีรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์และบุคลิกก็เข้ากับคนรอบข้างได้ง่าย ระหว่างที่เธอบรรยาย เธอก็สามารถบริหารเสน่ห์ได้ทั้งเรื่องงานและความรักอย่างลงตัว อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เธอเลิกกับแฟนเก่า เธอก็ได้เข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ที่น่าตกใจและชีวิตก็ปั่นป่วนขึ้นมาอย่างกระทันหันจนทำให้เธอได้พบและเกี่ยวข้องกับ กงแทคยอง แพทย์เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยาก

อันแจฮยอน รับบทเป็น กงแทคยอง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาในคลินิกภาวะมีบุตรยากที่มีฝีมือชั้นเยี่ยม เขามีทั้งรูปลักษณ์และยีนส์ที่เหนือชั้นแต่ไม่เคยคิดอยากจะแต่งงานกับใครเลย จนได้พบกับ the real has come เปลี่ยนนักแสดงพ่อ โอยอนดู หนึ่งในคนไข้ของเขาเองและได้เกี่ยวพันกันไปตลอดชีวิต

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! - ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

ชาจูยอง รับบทเป็น จางเซจิน เลขานุการสาวผู้รับใช้ตระกูลกงมานานหลายสิบปี แม้ศักดินาต่ำต้อยทว่ากลับได้รับโอกาสทองจากการถูกวางตัวเป็นเจ้าสาวของกงแทกยอง เมื่อตำแหน่งภรรยาทายาทเศรษฐีรออยู่ตรงหน้า เธอจึงตีตัวออกหากแฟนหนุ่มที่กำลังจะพาไปใช้ชีวิตยังสหรัฐอเมริกา แล้วตั้งหน้าตั้งตาใช้มารยาหญิงเพื่อจับหลานชายของเจ้านายให้อยู่หมัด

จองอึยแจ รับบทเป็น คิมจุนฮา นักข่าวด้านการลงทุนผู้มีภาพลักษณ์หล่อเหลาและน่าเชื่อถือ ทว่าเบื้องหลังกลับนอกใจโอยอนดู ด้วยหวังว่าจะได้สร้างครอบครัวใหม่กับชู้รักยังสหรัฐอเมริกา แต่ท้ายที่สุดกลับถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย นั่นทำให้เขาต้องงัดทุกวิชาเพื่อทวงคืนคนรัก โดยหารู้ไม่ว่าตนยังทำให้แฟนเก่าตั้งครรภ์ก่อนจบความสัมพันธ์อีกด้วย

เรื่องย่อ

The Real Has Come! ถ่ายทอดเรื่องราวของ โอยอนดู (รับบทโดย แบคจินฮี) ติวเตอร์สาวคนเก่งผู้กำลังจะกลายเป็นดาวเด่นแห่งวงการกวดวิชา เธอทุ่มเทชีวิตด้วยการมองไปข้างหน้าเพื่อก้าวสู่การเป็นครูเบอร์หนึ่ง ทว่าอยู่ดีไม่ว่าดีกลับถูก คิมจุนฮา (รับบทโดย จองอึยแจ) แฟนหนุ่มที่คบหามากว่าหนึ่งปีนอกใจ ซ้ำร้ายโอยอนดูยังพบว่าตนกำลังตั้งท้องลูกแฝดกับเขาอีกต่างหาก สารพันความเส็งเคร็งประเดประดังเข้ามาจนอนาคตที่เธอเคยวาดฝันไว้กลับพังไม่เป็นท่า ก่อนที่โชคชะตาจะนำพาเธอไปเผชิญหน้ากับอุบัติเหตุรักที่ดูจะชุลมุนวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! - ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

ระหว่างกำลังหาทางหลุดพ้นจากปัญหา โอยอนดูได้พบกับ กงแทกยอง (รับบทโดย อันแจฮยอน) สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตรยาก เขาเป็นหลานชายครอบครัวเศรษฐีที่พยายามหลีกหนีการถูกบังคับให้แต่งงานกับเลขานุการประจำตระกูลอย่าง จางเซจิน (รับบทโดย ชาจูยอง) เมื่อคนหนึ่งหาทางปกปิดไม่ให้ใครรู้ว่าตนท้องไม่มีพ่อ ส่วนอีกคนพยายามสลัดตัวเองออกจากการครอบงำของญาติผู้ใหญ่ ต่างฝ่ายต่างร่วมมือกันจัดฉากวิวาห์จอมปลอมเพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง ก่อนที่ความใกล้ชิดจะทำให้คู่กำมะลอได้รู้ซึ้งถึงความรักที่แท้จริง the real has come สปอยตอนจบ

รับประกันสนุกทุกตอนไม่มีเบื่อ

ซีรีส์แนวครอบครัวที่มีความยาว 50 ตอน ก็ย่อมจะมีตัวละครเยอะหน่อย ซึ่งก็ยิ่งทำให้การเล่าเรื่องย่อมันลำบากมากขึ้นไปอีก เราเริ่มกันที่ กงแทกยอง (Ahn Jae Hyeon/อันแจฮยอน จากซีรีส์เรื่อง ‘The Beauty Inside’ และ ‘Into the World Again’) ก็แล้วกัน เขาคือคุณหมอวัย 30 กว่าๆ ในคลีนิกมีบุตรยาก “กง สูตินรีเวชกรรม” ที่สำคัญกว่านั้นคือ เขาเป็นคนไม่เชื่อในเรื่องแต่งงาน คบอยู่กับสาวผู้ประกาศข่าว ก็ต้องเลิกกันเพราะเธออยากแต่ง แต่เมื่อเขากลายเป็นลูกติดของคุณแม่ที่แต่งเข้าบ้านใหญ่ แทกยองก็ถูกคุณย่าบีบให้แต่งงานกับ เลขาจางเซจิน (Cha Joo Young/ชาจูยอง จากซีรีส์เรื่อง ‘The Glory’ และ ‘Chimera’) ที่เขาไม่รู้สึกเต็มใจแม้แต่นิด

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! - ซีรีส์เกาหลีใต้แนวโรแมนติกคอมเมดี้

โชคชะตาพาให้แทกยองได้มาพบกับ โอยอนดู (Baek Jin Hee/แบคจินฮี จากซีรีส์เรื่อง ‘Feel Good To Die’ และ ‘Curtain Call’) ติวเตอร์สาวมือรองของสถาบันกวดวิชาที่หมายมั่นจะได้ขึ้นเป็นมือหนึ่ง หญิงสาวที่มองทุกสิ่งไปข้างหน้า ทำให้เธอแทบไม่มีเพื่อนที่ไหน แต่ทุกอย่างกำลังสะดุดกึก เมื่อเธอได้รับรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์กับคิมจุนฮา (Jung Eui Jae/จองอึยแจ จากซีรีส์เรื่อง ‘Kill Heel’ และ ‘The King of Pigs’) ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่กำลังจะทิ้งเธอไป

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! ความเกี่ยวพันระหว่างครอบครัว

เรื่องของความโลกกลมไม่เคยพ้นไปจากซีรีส์เกาหลีแนวครอบครัวอยู่แล้ว อย่างที่บอกว่า หลักมันเล่าเรื่องของคนใน 2 ครอบครัว แต่ก็มีครอบครัวที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การที่เราจะเข้าใจเรื่องได้ทั้งหมด ก็คงต้องค่อยๆ เล่าไปทีละครอบครัว โดยในนั้นก็จะพูดถึงความเกี่ยวพันระหว่างกันเข้าไปด้วย

คุณย่าอึนกึมซิล (Kang Bu Ja/คังบูจา) ผู้เป็นใหญ่ในบ้านคฤหาสน์หลังโต ทั้งเจ้ายศเจ้าอย่างและเจ้ากี้เจ้าการไปซะทุกอย่าง คุณย่ามีลูกชายอยู่คนนึง ชื่อ กงชานซิก (Hong Yo Seop/ฮงโยซบ) ที่แต่งงานใหม่กับ อีอินอ๊ก (Cha Hwa Yeon/ชาฮวายอน) ทำให้ กงแทกยอง กลายเป็นลูกชายที่ไม่ใช่คนของตระกูลโดยตรง คุณย่าจึงไม่ค่อยจะรักสักเท่าไหร่ แถมพยายามยัดเยียดให้เขาแต่งงานกับเลขาจางเซจิน ผู้ที่พ่อแม่ของเธอฐานะไม่ค่อยดีและติดหนี้ครอบครัวนี้อยู่

ขณะที่กงชานซิกเอง ก็เคยแต่งงานมาครั้งหนึ่งแล้ว มีลูกกับภรรยาคนก่อน คือลูกชายคนโต กงชอนมยอง (Choi Dae Chul) ที่ภรรยาของเขา ยอมซูจอง (Yoon Joo Hee) กำลังตั้งท้องพร้อมกับลุ้นให้ประสบความสำเร็จในการมีลูกคนแรกสักที และลูกสาวคนรอง กงจีมยอง (Choi Ja Hye) ที่เตรียมจะหย่ากับชาฮยอนอู (Kim Sa Kwon) แต่ต้องปิดบังไว้ ทว่าไม่ทันได้ระวังตัวก็เกิดพลาดท้องขึ้นมาซะก่อน

รีวิวซีรีส์ The Real Has Come! เรื่องสารพันปัญหาในครอบครับที่หลาย ๆ คนไม่รู้

แม้ว่าบทบางส่วนจะชวนฉงน เพราะพยายามจะให้ตัวละครมีปากเสียงทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่สุดท้าย เราก็รู้ว่า บทเขาต้องการจะให้หมอหนุ่มได้ลงเอยแต่งงานกับยอนดู แต่กว่าจะไปถึงตรงนั้นก็ใช้เวลานวดไปนวดมาอยู่หลายตอน แถมยังเป็นไปอย่างทุลักทุเล เพราะไม่ได้รับความเห็นชอบของคนในตระกูลบางคน โดยเฉพาะคุณย่า ทุกอย่างเป็นไปแบบปิดๆ บังๆ คู่พระนางต้องคอยโกหกให้แนบเนียน จนรู้สึกว่า ยิ่งทำ ยิ่งพยายาม ก็ยิ่งสร้างปัญหาใหม่

แต่โดยส่วนใหญ่มันเล่าเรื่องสารพันปัญหาในครอบครัว ในมุมที่เกี่ยวพันกับเรื่องการมีลูก เพราะบ้านแรก คุณย่าก็อยากมีทายาท คู่แต่งงานต่างก็อยากมีหลานคนแรกให้คุณย่า ขณะที่อีกบ้าน กลับตั้งครรภ์โดยไม่ทันตั้งตัว นอกจากนี้ ก็ยังเล่าถึงครูสอนภาษาที่ต้องเจอกับการแข่งขันในโรงเรียนกวดวิชาเดียวกันไม่พอ เล่าถึงชีวิตของลูกผู้หญิงที่การตั้งครรภ์จะมีผลอย่างมากต่อหน้าที่การงาน แถมสังคมเกาหลีก็จริงจังเหลือเกินกับเรื่องลูกนอกสมรส การท้องก่อนแต่ง และสถานะพ่อ/แม่เลี้ยงเดี่ยว เรื่องพวกนี้ บทแทบจะเทไปอยู่กับบ้านนางเอกซะทั้งหมดเลยเชียว

ขณะที่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ ที่มีสมาชิกครอบครัวมากกว่า มีคน 3 เจนอาศัยอยู่ร่วมในชายคาเดียว ต่างคนต่างมีปัญหาเรื่องการมีลูกต่างกันไป พ่อแม่คู่หนึ่งพยายามจะมีลูก ทำกิฟต์ก็แล้ว อะไรก็แล้ว แต่สุดท้ายก็แห้วทุกที ส่วนพ่อแม่อีกคู่ที่ระหองระแหงถึงขั้นจะหย่าแต่ดันท้องขึ้นมากลางคันซะงั้น ขณะที่พระเอกที่ถูกมองเป็นคนนอกตระกูล แต่กลับเป็นคนที่มีหลานคนแรกให้กับคุณย่า ความคิดริษยากันทำให้ครอบครัวนี้ไม่เคยสงบสุข

บทสรุป

เรื่องราวมันดูพัวพันกันไปมาภายใน 3 ครอบครัว แต่ละตัวละครต่างข้องเกี่ยวกันอีกครอบครัวไม่ทางก็ใดทางหนึ่ง การถ่ายทำที่โปรดักชันอาจจะไม่ได้เนียนตาขั้นสุด ซีจีในรถอาจจะดูหลอกๆ เวลาถ่ายในบ้านอาจจะดูเหมือนซิทคอม แต่เขาก็ซีนภายนอกที่ถ่ายออกมาดีด้วยเช่นกัน โดยรวมมันเป็นซีรีส์แนวครอบครัวที่ดูเพลินๆ สะท้อนความเป็นจริงได้ดี มีบางช็อตอาจพาขำได้ และบางช็อตก็พาน้ำตาซึมได้เช่นเดียวกัน เพลงประกอบอาจจะไม่ได้เด่นนัก แต่เพลงหลักเพราะดีทีเดียว สามารถติดตามหนังแนวแอคชั่นของทหารอเมริกา ได้ที่นี่ รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant

ชื่อเรื่อง : The Real Has Come The Real One Has Appeared | 진짜가 나타났다!
แนว : โรแมนติก | ครอบครัว
ผู้กำกับ : ฮันจุนซอ (ผลงานก่อนหน้า กำกับซีรีส์ Beautiful Love, Wonderful Life)
คนเขียนบท : โจจองจู (ผลงานก่อนหน้า เขียนบทซีรีส์ Are You Human?)
จำนวนตอน : 50 ตอน

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts – จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts - จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts – จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

คุณชอบดูหนังแอคชั่นไซไฟหรือไม่ ถ้าหากคุณชอบ เราเชื่อว่าพวกคุณเอง ก็น่าจะเคยดูหนังหุ่นยนต์เหล็กอย่าง Transformers และในปีนี้ มันก็กลับมาอีกครั้ง ในหนังภาคแยกที่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายเก่าๆ แอ็คชั่นดีงามแฟนเซอร์วิสจัดเต็ม! เรื่อง Transformers: Rise of the Beasts 2023 ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร ดูเหมือนว่าเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้จะยังไม่ยอมตายและจบลงไปง่าย ๆ แม้ว่าที่ผ่านมามันจะค่อนข้างทิ้งเอาไว้ด้วยเส้นทางที่เละเทะน่าดูไม่น้อย แต่การกลับมาครั้งนี้จะเป็นความหวังครั้งใหม่ได้หรือไม่ อย่าลืมไปติดตามรับชม Transformers: Rise of the Beasts ซูม กันนะครับ

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts - จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร

คงต้องสารภาพตามตรงกับคุณผู้อ่านทุกคนเลยว่า สำหรับหนังชุด Transformers นั้น ทางเราออกอาการเทไปและเลิกดูไปสักพักใหญ่ ๆ น่าจะนับตั้งแต่ภาคที่ 2 เลยด้วยซ้ำ (ซึ่งจำได้ลาง ๆ ว่าทนดูได้ไม่จบ) แม้ว่าหลังจากนั้นมันจะยังคงถูกสร้างออกมาเป็นภาคที่ 3-4-5 ตามลำดับ แต่ก็ไม่ได้ติดตามหรือสนใจเฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ต่อ จะมีก็แค่กลับมาดู “Bumblebee” เมื่อไม่กี่ปีก่อน เพราะเห็นว่าเป็นภาคต้นและมีความเป็น ทรานฟอร์เมอร์ เรียงภาค

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts - จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

หลายคนก็คงจะรู้แล้วแหละ ว่าหนังหุ่นยักษ์ที่รู้จักกันในชื่อ ทรานสฟอร์เมอร์ส นั้น มันมีมาหลายภาคแล้ว ที่เป็นผลงานการกำกับของ ไมเคิล เบย์ นั่นแหละ ภาคแรกๆ นั้นลือลั่นมาก ก่อนที่ยิ่งทำกระแสยิ่งดร็อปลง แล้วก็ถึงเวลาที่มันจะวนกลับมาใหม่ เริ่มต้นด้วยการมาของภาคแยกกับตัวละครที่ผู้คนหลงรัก ‘Bumblebee’ กับเสียงตอบรับที่พาหน้าตาชื่นบาน ก่อนจะถึงการกลับมาอย่างเต็มรูปแบบ ในหนังภาค ‘Transformers: Rise of the Beasts’ หรือชื่อไทย ‘ทรานส์ฟอร์เมอร์ส: กำเนิดจักรกลอสูร’

และเมื่อได้มีโอกาสกลับมาเปิดใจดูต่อในภาคนี้ คงจะต้องใช้ว่า…เซอร์ไพรส์อยู่เหมือนกัน เพราะ Transformers: Rise of the Beasts กลายเป็นฉบับปรับปรุงใหม่ที่ถือว่าหลาย ๆ อย่างลงร่องลงรอยยิ่งขึ้น เทียบเคียงได้กับเสน่ห์ที่เคยสัมผัสได้ตั้งแต่หนังภาคแรกที่สร้างประสบการณ์ดูหนังที่ตื่นตาตื่นใจได้เรื่องหนึ่งเลยทีเดียว ถือว่าองค์ประกอบอะไรบางอย่างของหนังชุดนี้ได้ถูกจัดระเบียบขึ้นให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น

เรื่องย่อ

Transformers: Rise of the Beasts 037 ในเวอร์ชั่นเป็นการเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 1994 กับการผจญภัยและต่อสู้ครั้งสำคัญของเหล่าสมาชิกจักรกล ออโตบอตส์ ที่พวกเขาต้องหาหนทางในการกลับดวงดาวของตัวเอง ซึ่งนั่นทำให้ต้องมาจับมือผนึกกำลังกับเหล่าจักรกลเผ่าใหม่ที่ชื่อว่า แม็กซิมอลส์ บนโลกมนุษย์ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่ยังถูกพวกดิเซปติคอนส์พยายามรุกราน หาวิธีกลืนกินดวงต่าง ๆ ไปทั่วกาแลกซี

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts - จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

สิ่งที่ Transformers: Rise of the Beasts ไม่เหมือนภาคก่อน ๆ

คือจะว่าไป Transformers: Rise of the Beasts ก็แทบจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะพล็อตหนังกับโครงเรื่อง ที่ก็ยังคงวน ๆ ซ้ำเดิมอยู่กับภารกิจตามหาอะไรสักอย่างอยู่เหมือนเคย มันยังใช้ความเป็นสูตรสำเร็จเข้ามาปรุงแต่งและดำเนินเรื่องไปอย่างจำเจ แต่จุดที่แตกต่างไปจากเดิมของหนังชุดนี้ ก็คงจะเป็นการใส่ความมนุษย์เข้ามาเพิ่มขึ้นในหนัง ทำให้เติมแต่งชีวิตจิตใจให้กับตัวหนังได้เพิ่มขึ้น ไม่ได้รู้สึกแข็งทื่อแบบจักรกลล้วน ๆ แบบฉบับ “ไมเคิล เบย์” สร้างเอาไว้หลายต่อหลายภาค

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts - จุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่

ภาคนี้ใช้ทีมเขียนบทหนังค่อนข้างอัดแน่นทีเดียว ทั้งนักเขียนหน้าใหม่และยอดฝีมือมาช่วยกัน โดยได้คู่หูนักเขียนบทจากหนังดัง อย่าง Red ทั้งสองภาค และได้ “โจบี้ ฮาโรลด์” จากหนัง John Wick: Chapter 3 มาช่วยตบ ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง ทำให้กลายออกมาเป็นบทสูตรสำเร็จแบบหนังซัมเมอร์ฮอลลิวูด แต่ยังแฝงไปได้กิมมิกที่มีหัวใจและความพยายามสร้างโมเมนต์โอคอนิกต่าง ๆ ที่พอจะเซอร์วิสแฟนหนังได้ในระดับที่ดี

ภาคนี้เปลี่ยนตัวมาลองใช้ผู้กำกับดาวรุ่ง “สตีเว่น คาเปิล จูเนียร์” ที่เคยวาดลวดลายค่อนข้างดีเลิศใน Creed II มาก่อน ต้องถือว่าเขาเข้ามาช่วยละเลงหนังเรื่องนี้ให้ได้ออกมาในระดับที่น่าพอใจ อาจจะไม่ได้เน้นการระเบิดภูเขาเผากระท่อม แบบที่คนก่อนเคยปูทางเอาไว้ แต่จังหวะงานแอคชั่นของเขาก็ถือว่ากำลังอร่อยใช้ได้ไม่เบา แล้วยังหัดใส่ท่วงทำนองดราม่าเบา ๆ เข้ามาเสริมเป็นไซต์สตอรี่อยู่ตลอด ทำให้รสชาติของหนังที่เต็มไปด้วยจักรกลทื่อ ๆ ดูละมุนยิ่งขึ้นแบบสัมผัสได้

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts แอนโทนี รามอส กับ โดมินิก ฟิชแบ็ก

อีกสิ่งที่เข้ามาช่วยเติมเต็มหนังเรื่องนี้เช่นกัน ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับทีมนักแสดง โดยเฉพาะ “แอนโทนี รามอส” กับ “โดมินิก ฟิชแบ็ก” ที่ถือว่าเป็นนักแสดงคนเป็น ๆ ตัวหลักของเรื่อง ซึ่งต้องเล่นกับซีจีเกือบทั้งเรื่อง แต่พวกเขาก็ทำออกมาได้ดี

โดยเฉพาะฉากที่ส่งต่อบทกันและกัน ไม่มีซีนไหนเลยที่พวกเขาไม่เต็มที่ เล่นได้เป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์เป็นอย่างยิ่ง ขณะที่ทีมนักแสดงที่มาให้เสียงพากย์เป็นจักรกลต่าง ๆ ก็มาพร้อมกับอรรสรถที่ดีเช่นกัน “ปีเตอร์ ดิงค์เลจ”, “รอน เพิร์ลแมน” หรือตัวละครใหม่ที่เพิ่งมาสมทบ ที่ได้เสียง “มิเชล โหย่ว” ก็ทำออกมาได้เสนาะหู

แต่ที่ต้องยกนิ้วให้กับความบันเทิงจัด ๆ ในตำแหน่ง MVP ของเรื่องนี้ก็ต้องมอบให้ “พีท เดวิดสัน” ที่มาพากย์เป็น มิราจ ที่ถือว่าเป็นตัวขโมยซีนเด่น ๆ และน่าจะทำให้แฟนหลงรักเขาไม่ยาก เพราะเป็นการสร้างคาแรกเตอร์ได้อย่างเหมาะเหม็งดี

ทางด้านองค์ประกอบงานสร้างเทคนิคพิเศษและซีจีต่าง ๆ คิดว่า Transformers: Rise of the Beasts ก็ยังคงทำได้ตามมาตรฐานที่เคยทำเอา ยังไม่เห็นความโดดเด่นและแปลกใหม่ในจุดสักเท่าไหร่นัก ยังมีบางจุดบางซีนที่ไม่ค่อยเนียน แต่ก็ไม่ใช่จุดที่โดดเด่นและสะดุดจนต้องเก็บนำมาสนใจอะไรขนาดนั้น โดยภาพรวมแล้วถือว่ายังใช้ได้ในระดับพึงพอใจ

รีวิว Transformers: Rise of the Beasts ยังคงได้ 2 ป๋าผู้ให้กำเนิดและจุดความสำเร็จ

‘Transformers: Rise of the Beasts’ ยังคงได้ 2 ป๋าผู้ให้กำเนิดและจุดความสำเร็จให้กับแฟรนไชส์นี้ในอดีต ทั้งสปีลเบิร์ก และป๋าเบย์ ที่ยังคงมานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ใหญ่ครับ ส่วนเก้าอี้ผู้กำกับ ได้แฟนเดนตายทรานส์ฟอร์เมอร์ สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ (Steven Caple Jr.) ผู้กำกับหนังมวย ‘Creed II’ (2018) มานั่งแท่นรับหน้าที่

โดยในภาคนี้ แฟน ๆ ‘Transformers’ คงคุ้นอยู่แล้วแหละว่า ตัวหนังได้แรงบันดาลใจเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นจักรกลฟอร์มสัตว์ป่า จากแอนิเมชันสามมิติ ‘Beast Wars: Transformers’ (1996–1999) มาอยู่ในรูปแบบหนัง Live Action เป็นครั้งแรก ซึ่งน้อง ๆ อาจจะไม่คุ้นชื่อ แต่คนอายุแถว ๆ 30 ปีขึ้นน่าจะคุ้นกับการ์ตูนเรื่องนี้ ตอนเอามาฉายออกอากาศทางช่อง 7 บ้างแหละ

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวหนังก็เห็นความพยายามที่จะตีความและเปลี่ยนปรับอัปเดตแฟรนไชส์ ‘Transformers’ ใหม่ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งการปรับดีไซน์หุ่นรบใหม่ โดยเฉพาะหุ่นไพรม์ ที่ปรับให้มีความคล้ายกับเวอร์ชันการ์ตูน (G1) รวมทั้งการปรับคาแรกเตอร์ของเหล่าบรรดาหุ่น ที่แต่เดิมในจักรวาลป๋าเบย์จะมีระยะห่างมากหน่อย พอมาภาคนี้ก็จะมีความใกล้ชิดมนุษย์ มีความเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกนึกคิดมากขึ้น  จากออปติมัส ไพร์ม หุ่นรบสุขุม ๆ ให้ดูมีทรงแบบหัวหน้าจอมหัวร้อน แล้วก็เบียวมาก ๆ ด้วย

เพราะคำพูดคำจาพี่แต่ละคำนี่มันช่างเบียวได้ใจจริง ๆ หรือแม้แต่มิราจ ที่ พีท เดวิดสัน ก็รับหน้าที่พากย์เสียงได้ยียวนมาก ๆ ซึ่งตัวหนังพยายามจะดันให้มิราจขึ้นมาเป็นเพื่อนกับมนุษย์ และวางเส้นเรื่องมิตรภาพของมิราจกับโนอาห์ แบบเดียวกับบัมเบิลบีในภาคที่แล้ว มิราจก็เลยต้องกลายมาเป็นตัวจี๊ดตัวตึง เป็น MVP ประจำภาคที่หลายคนชื่นชอบ จนแทบไม่จำเป็นต้องดู ‘Bumblebee’ มาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่อง

บทสรุป Transformers: Rise of the Beasts

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว ถือว่า Transformers: Rise of the Beasts ค่อนข้างเป็นการกลับมาคืนฟอร์มและต่อลมหายใจให้กับหนังชุดนี้ได้ดีในระดับหนึ่งอยู่ อาจจะยังไม่ได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบอะไรขนาดนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขาปรับทิศทางให้มันเข้าที่เข้าทางได้ดีกว่าเดิมขึ้น ตัวละครและคาแรกเตอร์ต่าง ๆ มีเสน่ห์และความน่าสนใจยิ่งขึ้น ถึงมันจะยังเป็นหนังแอคชั่นที่คอยเซอร์วิสแฟน ๆ อยู่เหมือนเคย แต่อย่างน้อย ๆ ภาคนี้มันสามารถรับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ใจบางองค์ประกอบที่ภาคก่อนหน้านี้เคยละเลยไป

ประเภท: แอคชั่น / ผจญภัย / ไซไฟ
ผู้กำกับ: สตีเวน เคเปิล จูเนียร์
นำแสดงโดย: แอนโทนี รามอส, โดมินิก ฟิชแบ็ก, ปีเตอร์ ดิงค์เลจ
ความยาว: 117 นาที
กำหนดฉายในไทย: 7 มิถุนายน 2023

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยมาใหม่
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิว หุ่นพยนต์

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

หุ่นพยนต์ Netflix คือ สิ่งที่ผู้ทรงอาคมปลุกเสกให้มีชีวิตขึ้นมาเพื่อใช้งาน หุ่นพยนต์ คือ รูปที่ผู้ทรงอาคมเอาวัตถุมาผู้ขึ้นแล้วเสกเป่าใหเเป็นเหมือนรูปที่มีชีวิต เป็นความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์โบราณ เรียกว่า วิชาผูกหุ่น สิ่งที่ทำเป็นหุ่นอาทิ ขี้ผึ้ง ดินเหนียว ไม้ไผ่ ทั้งนี้หุ่นพยนต์มีทั้งสายขาว และสายดำ เหมือนในเรื่องที่มีการยกภัยพยนต์ อาทิ หุ่นที่ใช้ทำเสน่ห์ ซึ่งเป็นวิชาสายดำ

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

รีวิว หุ่นพยนต์ หนังไทยแนวสยองขวัญ สะท้อนสังคม

หนังไทยแนวสยองขวัญ สะท้อนสังคม เล่นกับความเชื่อ เรื่อง หุ่นพยนต์ 2023 ข่าวช่วงต้น ๆ ปี มีกระแสดราม่าเรื่องแบน เรื่องจัดเรท เพราะว่าไปเกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์หรือพระพุทธศาสนาหรือยังไงนี่แหละครับ แต่ก็อ่านข่าวผ่าน ๆ ไม่ได้สนใจ ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าหนังนั้นจะมีเรื่องราวยังไง รู้เพียงแต่ว่าเป็นหนังผีสยองขวัญล่ะมั้ง จนเมื่อมาฉายใน Prime Video ซึ่งมีทั้งสองเวอร์ชั่นคือ ‘หุ่นพยนต์’ (ฉ.20) และ ‘ปลุกพยนต์’ (18+) หุ่นพยนต์ฉายวันไหน

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

เรื่องย่อ

หุ่นพยนต์ เป็นเรื่องราวของ ธาม ดั้นด้นเดินทางมาหาพี่ชาย ที่วัดบนเกาะดอนสิงธรรม เพื่อแจ้งข่าวร้ายกับการจากไปของพ่อและแม่ เมื่อธามเดินทางมาถึงก็ได้พบกับ เจษ หลานชายของเจ้าอาวาสคนเก่า และมีข่าวลือว่าพี่ชายของเขาได้หนีหายสาบสูญหลังจากลงมือฆ่าอดีตเจ้าอาวาสจนมรณภาพ

ธามไม่เชื่อกับข่าวลือพอ ๆ กับการไม่นับถือหุ่นปั้นพ่อปู่สิงธรรมที่ดูเหมือนภูติผีมากกว่าเทพที่คอยปกปักรักษา จนกระทั่งเกิดเหตุอาเพศในหมู่บ้าน เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งสูญหาย สัตว์ร้ายออกเพ่นพ่าน ผีตายโหงออกอาละวาด ชาวบ้านโกรธแค้นเตรียมตั้งพิธีกรรมสาปแช่งถึงมือมืด เตรียมตัวเผชิญหน้ากับความน่ากลัวครั้งใหม่ ถ้าเล่นกับความงมงาย ท้าทายกับศรัทธา ต้องกล้าเผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็น! หุ่นพยนต์ เรื่องย่อ

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

รีวิว หุ่นพยนต์ ผลงานของผู้กำกับ ไมค์ ภณธฤต

เรื่องนี้ยังคงเป็นผลงานของผู้กำกับลูกหม้อของไฟว์สตาร์ อย่าง “ไมค์ ภณธฤต” ผู้ที่สร้างเฟรนไชส์ พี่นาค เปรี้ยงปังให้กับสตูดิโอแห่งนี้มาตั้งไตรภาคที่ผ่านมา และมาใน หุ่นพยนต์ เรื่องนี้นั้น อาจจะมีในมุมที่แตกต่าง และมุมที่ซ้ำซากเดิม ๆ ตามลายเส้นงานสร้างเก่า ๆ ของผู้กำกับรายนี้ แน่นอนว่าหนังยังคงวนเวียนอยู่กับความสยองที่โดดเด่นในตัวละครพระเณรเหมือน ๆ กับหนังสร้างชื่อของเขา แต่ก็สร้างความแตกต่างด้วยการหยิบเอาประเด็นไสยศาสตร์ และศาสตร์มืดมาใช้เป็นประเด็นของเรื่อง

และนี่นั่นเองที่กลายเป็นมาเป็นสาเหตุที่ทำให้ หุ่นพยนต์เต็มเรื่อง เป็นหนังไทยเรื่องล่าสุดที่ได้รับเรต ฉ. 20+ จากกองเซ็นเซอร์หนังของไทย เพราะหนังเรื่องนี้มีแกนเรื่องหลัก ๆ เชื่อมโยงเกี่ยวกับความเชื่อ และกระทบต่อพุทธศาสนา ที่ทางคณะกรรมการได้ให้ความเป็นห่วงว่าหนังจะมีเนื้อหาที่สอดแทรกแนวคิดที่หมิ่นเหม่ต่อ เรื่องหนึ่งในสถาบันหลักของชาติ แต่เมื่อได้ลองไปสัมผัสกับตัวหนังจริง ๆ ก็จะได้พบว่าสิ่งที่บางฝ่ายเป็นกังวลนั้น ช่างเป็นแนวคิดที่เซฟซิทีฟมากเกินกว่าเหตุ

รีวิว หุ่นพยนต์ (2023) หนังไทยแนวสยองขวัญ Horror เรต ฉ.20

ข้อดีและข้อเสียของหุ่นพยนต์

ประเด็นเรื่องของ หุ่นพยนต์ แทบจะไม่ได้เน้นหลักเกี่ยวกับเรื่องพุทธศาสนาอย่างที่คิด เป็นเพียงหยิบเอาเรื่องศาสนามาสอดแทรกเป็นฉากหลังบาง ๆ เพียงเท่านั้น แต่หนังกลับเน้นไปที่ประเด็นความเชื่อ ความน่ากลัว ความสยองขวัญ รวมทั้งสะท้อนปัญหา และมุมมืดของพุทธพาณิชย์ที่แค่แตะไปเพียงเบา ๆ เท่านั้นเอง เพราะในท้ายที่สุดหนังก็ยังคงสามารถสรุปความผิดชอบชั่วดี และผลแห่งการกระทำของตัวละครตามสูตรสำเร็จอยู่แล้ว ที่เชื่อว่าผู้ชมน่าจะมีวิจารณญาณในการเสพหนังเรื่องนี้ได้ดี

แต่ถึงแม้ว่า หุ่นพยนต์ จะมีประเด็นและแก่นเรื่องที่ค่อนข้างหนักแน่นดี แต่น่าเสียดายไปสักหน่อย เพราะกลายเป็นว่าหนังยังโครงสร้าง และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ยังประกอบรวมร่างกันออกมาได้ยังไม่สมบูรณ์แบบสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะจังหวะการเล่าเรื่อง และการตัดต่อของหนัง ที่มีหลาย ๆ จุดที่เต็มไปด้วยรอยสะดุด ร้อยเรียงได้ไม่เรียบเนียน มีบางช่วงที่เกิดอาการเหมือนหนังตัดปะ ซึ่งนั่นเป็นข้อด้อยที่ทำให้เสียบรรยากาศที่หนังกำลังถ่ายทอดอยู่ไป

บทหนังของ หุ่นพยนต์ อาจจะยังไม่ดีเลิศ แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร ถือว่าเป็นหนังสยองขวัญที่หยิบเอาสูตรสำเร็จมาใช้งานได้เกิดประโยชน์อยู่ เหมือนหยิบเอาเสน่ห์ของ พี่นาค กับหนังไสยศาสตร์ในตำนาน อย่าง ลองของ มาคลุกเคล้าเล่าในขวดใหม่กับยุคปัจจุบันที่ชวนติดตามแกะรอยหาปริศนาไปกับตัวละครด้วย แม้ว่าในเชิงการสร้างมิติต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ยังค่อนข้างเบาบางไปอยู่สักหน่อยก็ตาม ซึ่งนั้นก็ส่งผลกระทบไปยังคาแรกเตอร์ตัวละครต่าง ๆ ในหนังด้วย

หุ่นพยนต์ อาจจะมีจุดด้อยในส่วนของการเล่าเรื่องกับจังหวะต่าง ๆ ของหนัง แต่จุดเด่นของหนังเรื่องนี้ที่ต้องยกนิ้วให้เลยก็คือองค์ประกอบงานสร้าง และโปรดักชั่นดีไซน์ต่าง ๆ ที่สอดแทรกเข้ามาในการสร้างบรรยากาศความน่ากลัวให้กับผู้ชม ที่ถือว่ามีส่วนทำปฏิกิริยาของคนดูได้ดี โดยเฉพาะการเนรมิตเซ็ตฉากต่าง ๆ ในพื้นที่วัดเทพยนต์ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าเทวสถาน หรือ ลานรูปแบบพระพุทธรูป เป็นโลเคชั่นที่ทำงานกับต่อมความกลัวได้ดี

รีวิว หุ่นพยนต์ ตัวละครในเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาได้โดดเด่น

หนังอาจจะใช้สูตรเดิมที่ใช้บริการนักแสดงดาวรุ่งแทบจะทั้งหมด “ภูวิน ภูวินทร์” ถือว่าปลดแอกกับผลงานหนังใหญ่เรื่องแรกของเขา นับว่าการแสดงของเขาทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ แม้ว่าจะยังไม่ใช่ผลงานที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็จัดได้ว่าดีตามมาตรฐาน และน่าเสียดายที่บทของเขานั้นได้รับการถ่ายทอดออกมาค่อนข้างไร้ชั้นเชิง และไม่มีมิติมากสักเท่าไหร่นัก เป็นตัวละครจืด ๆ ที่ดำเนินไปตามโครงเรื่องแบบไม่ออกนอกกรอบเลย

“อัพ ภูมิพัฒน์” ที่ถือว่าเซอร์ไพรส์เบา ๆ กับการพลิกคาแรกเตอร์ในหนังเรื่องนี้ เพราะเขาต้องมารับบทเป็นหนุ่มที่มีภาวะบกพร่องทางสติปัญญา ก็ถือว่าเขาถ่ายทอด และทำมันออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจ และกลายเป็นตัวละครที่โดดเด่นที่สุดในหนังเรื่องนี้ ถึงการดีไซน์การแสดงของเขายังติดการเป็นนักแสดงอยู่ไปน้อยก็ตาม การตีความและนำเสนอบทนี้ของเขายังไม่ค่อยทำให้คนดูเชื่อได้อย่างเต็มที่ แต่นั่นก็อาจจะเป็นลูกเล่นที่หนังซ่อนเอา

ขณะที่นักแสดงคนอื่น ๆ ทั้ง “นิก คุณาธิป”, “เจมส์ ภูริพรรธน์” หรือ “การ์โตว์ ปัณณวิชญ์” ถือว่าทำออกมาได้ตามมาตรฐาน พวกเขาดูกลายจะเป็นบทสมทบหลัก ๆ ของหนังไฟว์สตาร์ยุคนี้ไปแล้ว แต่อีกคนที่อยากจะชมสักหน่อยก็คือ “นาน่า ทสร” ที่น่าจะเป็นนักแสดงหญิงหลัก ๆ คนเดียวของหนัง ที่ให้การแสดงที่เกินกว่าที่คิดเอาไว้ทีเดียว ทั้งท่วงท่าและจังหวะการแสดงของเธอ ผนวกกับบทที่ส่งสุด ๆ สามารถถ่ายทอดออกมาได้น่าขนลุกขนพองดี

บทสรุปหลังรับชม

พอมาถึงช่วงท้าย ช่วงเปิดเผยความจริงในเรื่องทั้งหมด ยิ่งแอบเสียดายเข้าไปใหญ่ แอบรู้สึกว่ามันน่าจะร้อยเรียงออกมาถึงจุดนี้ได้ดีกว่านี้มันจะดีมาก น่าเสียดายอย่างมากที่ทำได้ไม่ถึง เพราะเรื่องช่วงต้นจนถึงช่วงกลางมันขาดอารมณ์ และจังหวะต่อเนื่องที่จะส่งให้มาถึงจุดนี้ พอมาดูตรงนี้มันเหมือนทำออกมาเป็นหนังแยกออกไปจบอีกเรื่องนึงเลยแทนไปซะอย่างนั้น แถมเรื่องตอนท้ายออกมาจะดูดีได้อีกต่างหาก กลับไปโฟกัสเรื่องคนหนีคดีมาสร้างหุ่นดินเหนียวแทน เสียดายจริงๆ (แนะนำดูตัวอย่างจากความสำเร็จอย่าง The Usual Suspects) รวมถึงฉากที่เพิ่มมานั้นก็รู้สึกว่าอรรถรสก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่เลย

ขณะที่มุมภาพ มุมกล้อง และการแต่งสีโทนภาพต่าง ๆ ของหนังเรื่องนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีเช่นกัน เป็นองค์ประกอบเล็ก ๆ ที่ช่วยขับเคลื่อน และสร้างบรรยากาศให้กับหนังเรื่องนี้ได้อย่างดี ดังนั้นในภาพรวมแล้ว หุ่นพยนต์ ก็ถือว่าเป็นหนังสยองที่อาจจะมีศักยภาพที่จะสามารถทำออกมาเป็นเฟรนไชส์ใหม่ได้ไม่ยาก เพราะยังสามารถนำเอาไปต่อยอดได้อีกไกลเช่นกัน เพียงแต่เสน่ห์ และความสดใหม่ของหนังเรื่องนี้อาจจะไม่ค่อยข้างสุกสกาวมากเท่าไหร่ เพราะดันไปซ้ำกับความรู้สึกเดิม ๆ แบบที่ พี่นาค หรือ ลองของ เคยทำเอาไว้ และทำได้ดีมาก่อนหน้านี้แล้ว

ประเภท: สยองขวัญ
ผู้กำกับ: ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ
นำแสดงโดย: ภูวินทร์ ตั้งศักดิ์ยืน, ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง, คุณาธิป ปิ่นประดับ
ความยาว: 107 นาที
กำหนดฉายในไทย: 12 เมษายน 2023

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยมาใหม่
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิว เธอกับฉันกับฉัน

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

ไอ้เราก็ชอบดูหนังผีสะด้วย พอเจอหนัง Run Rabbit Run (2023) ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย วันนี้ผู้เขียน webdoonungdee ขอแนะนำ หนังลึกลับสยองขวัญสุดหลอน เรื่อง Run Rabbit Run ได้รับความนิยมสูงสุดในสัปดาห์แรกที่เปิดตัว นำแสดงโดยซาราห์ สนุ๊ก เป็นนักแสดงชาวออสเตรเลีย เรื่องราวของแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เริ่มหวาดผวากับความผิดปกติของลูกสาวตัวน้อย ที่เกี่ยวพันไปถึงความทรงจำเลวร้ายในอดีตของครอบครัว หนังจากออสเตรเลียที่จะพาผู้ชมถลำลึกไปกับรอยแผลเป็นที่ค่อย ๆ เด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ผ่านตัวละครแม่ลูกและสิ่งแปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ชัด ๆ บอกได้ว่า..ถ้าหนีได้ก็หนีไปเสีย!

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

รีวิวหนัง Run Rabbit Run ภาพยนตร์แนวสยองขวัญอินดี้สัญชาติออสเตรเลีย

หนังแนวสยองขวัญจะประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่แค่สาดความน่ากลัวให้กับผู้รับชมเพียงอย่างเดียวแต่อย่างใด องค์ประกอบของความเป็นภาพยนตร์สยองขวัญที่สมบูรณ์แบบนั้นจะต้องทำให้ผู้รับชมรู้สึกได้ถึงความไม่น่าไว้วางใจจนหวาดระแวงไปหมดทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนจะปกติก็ตาม อย่างเช่นในภาพยนตร์ที่เราจะมาแนะนำกันในวันนี้นั่นก็คือ RUN RABBIT RUN ภาพยนตร์แนวสยองขวัญอินดี้สัญชาติออสเตรเลียที่กำลังได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากตัวอย่างที่ปล่อยออกมานั้นสามารถสร้างความหวาดกลัวและความน่าสนใจให้กับผู้รับชม run rabbit run เต็มเรื่อง ได้เป็นอย่างดีด้วยปริศนามากมาย

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

โดยตัวภาพยนตร์จะเล่าถึงเรื่องราวของหญิงสาวที่มีชื่อว่าซาร่า เธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกสาวที่มีชื่อว่ามีอาตามลำพัง ในวันหนึ่งเธอค้นพบว่าลูกสาวของเธอมีพฤติกรรมที่แตกต่างออกไปจากเดิม ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อเสแสร้งว่าทุกอย่างยังคงเป็นปกติ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ปกติแต่อย่างใด

ซึ่งหนังเรื่อง Rabbit Run เขียนบทโดย Hannah Kent และกำกับโดย Daina Reid เปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์ Sundance Film Festival ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Midnight Selections ปี 2023 เมื่อเย็นวานนี้ ภาพยนตร์ที่มีฉากในออสเตรเลียสร้างสีสันใหม่ให้กับภูมิภาคที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับความบอบช้ำในครอบครัวที่ความผิดพลาดในอดีตผุดขึ้นมา

เรื่องย่อ

run rabbit run เรื่องย่อ Run Rabbit Run ว่าด้วยเรื่องราวของ ซาราห์ แพทย์หญิงผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบพันธุ์และเจริญพันธุ์ เธอมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับวัฏจักรของชีวิต จนกระทั่งเธอถูกบีบบังคับให้ต้องความเข้าใจเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลกประหลาดที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ของ มีอา ลูกสาวตัวน้อยของเธอ ทำให้เธอเลือกที่จะท้าทายความเชื่อและเผชิญหน้ากับจิตวิญญาณจากในอดีตของตัวเองที่พ้นผ่านมา

หนังมีกลิ่นอายความเป็นหนังลึกลับ หนังผี หรือว่าอาจจะเป็นหนังจิตวิทยา แต่ยังไม่สามารถกระเทาะเปลือกออกมาได้อย่างชัดเจน การเล่าเรื่องของหนังไม่ใช่ทิศทางของหนังแมสทั่วไป เพราะหนังใส่ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความอินดี้อยู่ในนั้นก็ไม่น้อยเลย แต่เพราะการลำดับเรื่องที่ผูกเอาได้ยังไม่ค่อยน่าสนใจสักเท่าไหร่ ทำให้หนังดึงดูดความสนใจคนดูได้แค่ช่วงแรก ๆ และปล่อยเบลอตามใจไปเรื่อย ๆ ไปจนจบ

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

เขียนบทโดย Hannah Kent และกำกับโดย Daina Reid

เรียกใช้ Rabbit Run ซึ่งเขียนบทโดย Hannah Kent และกำกับโดย Daina Reid เปิดตัวครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์ Sundance Film Festival ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม Midnight Selections ปี 2023 เมื่อเย็นวานนี้ ภาพยนตร์ที่มีฉากในออสเตรเลียสร้างสีสันใหม่ให้กับภูมิภาคที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับความบอบช้ำในครอบครัวที่ความผิดพลาดในอดีตผุดขึ้นมา

ซาราห์ สนุ๊ก (การสืบมรดก) รับบทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์ ซึ่งลูกสาวของ Mia เริ่มทำตัวแปลกๆ ในวันเกิดปีที่ XNUMX ของเธอ แม้ว่าเธอจะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเป็นปกติ แต่ชีวิตของเธอก็เริ่มคลี่คลายเมื่อหญิงสาวที่รับบทโดย Lily LaTorre เริ่มยืนยันว่าเธอชื่ออลิซ นั่นอาจไม่แปลกนักยกเว้นว่าอลิซเป็นชื่อของน้องสาวของแม่ที่หายตัวไปเมื่อเธออายุได้เจ็ดขวบ

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังกระตุกขวัญ/สยองขวัญแนวจิตวิทยา ปี 2023

รีวิวหนัง Run Rabbit Run เรื่องราวสุดสยองขวัญที่เกิดขึ้นกับเด็กคนหนึ่ง

หากสิ่งเหล่านี้ฟังดูคุ้นๆ สำหรับคุณ นั่นเป็นเพราะเราทุกคนเคยดูละครเรื่องนี้มาก่อน และเมื่อมันถูกสร้างขึ้น ผู้ชมสยองขวัญจะเริ่มสงสัยว่าเด็กถูกสิงหรือกลับชาติมาเกิดอย่างไม่ต้องสงสัย ฉันจะไม่บอกคุณว่าเรื่องไหน แน่นอน ส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าฉันไม่ชอบสปอยล์หนังสำหรับผู้ชมใหม่ๆ แต่เพราะเรดและเคนท์เดินเส้นเรื่องที่ไม่ชัดเจนตลอดทั้งเรื่องเพื่อให้ผู้ชมคาดเดา

สนุ๊กใส่ความกังวล ความอ่อนล้า และความกลัวลงในทุกอิริยาบถในฐานะแม่ที่ใกล้จะกลายเป็นเอสซี่ เดวิสใน Babadook ซึ่งภาพยนตร์และการแสดงจะถูกเปรียบเทียบอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม Snook มีการควบคุมมากกว่าที่จุดเริ่มต้นของส่วนโค้งของเธอ เธอมีการเดินทางที่ต้องทำซึ่งทำให้การกระทำในภายหลังของเธอดูโหดร้ายและน่าเศร้ายิ่งขึ้น

“ซาราห์ สนุก” ต้องมารับหน้าที่แบกหนังทั้งเรื่องเอาไว้เพียงลำพัง แต่เพราะว่าบทหนังและการเล่าเรื่องที่ไม่หนักแน่นเพียงพอ แม้ว่าเธอจะให้การแสดงออกมาดีสักแค่ไหน ก็ยังไม่สามารถช่วยพยุงหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้ ขณะที่ดาราเด็ก “ลิลลี่ ลาทอร์เร่” ถือว่าเฉิดฉายไม่น้อย เป็นเจ้าตัวจิ๋วที่มาช่วยแต่งเติมเรื่องราวได้ดี การแสดงของเธอก็ถือว่าดีกว่าที่คิดเอาไว้ เป็น 2 นักแสดงที่เล่นเข้าขากันได้ดีในหนังเรื่องนี้เป็นส่วนใหญ่

รีวิวหนัง Run Rabbit Run หนังที่วางคอนเซ็ปต์หนังไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจดี

นี่คือผลงานของผู้กำกับหญิงฝีมือดี “ไดอาน่า รี้ด” ที่เคยกำกับซีรีส์ดัง ๆ มาแล้วหลายเรื่อง จากบทหนังของ “ฮานนาห์ เคนท์” ที่เพิ่งจะชิมลางเขียนบทหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก คงจะต้องบอกตรง ๆ ว่า Run Rabbit Run เป็นหนังที่วางคอนเซ็ปต์หนังไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจดี ทั้งปมตัวละครและภูมิหลังลึกลับต่าง ๆ ที่แอบซ่อนเอาไว้ เป็นสัญลักษณ์ที่น่าสนใจ เพียงแต่ว่าหนังค่อนข้างล้มเหลวในการเล่าเรื่องให้ออกมาได้น่าสนใจ

หนังจาก Daina Reid ผู้กำกับสายซีรีส์เป็นหลัก ที่มีผลงานกำกับอย่าง The Handmaid’s Tale, Shining Girls และอีกหลายๆ เรื่อง ซึ่งถือว่าเป็นเครดิตที่ดีเลย แต่ว่า Hannah Kent ตัวผู้เขียนบทเป็นมือใหม่เรื่องแรก ซึ่งไอเดียความลับของเรื่องนี้ก็คงไปโดนใจผู้กำกับเข้าถึงถูกนำมาสร้างเป็นหนังเรื่องนี้ได้ แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆ เลยว่านี่เป็นหนัง Original Netflix ทุนต่ำที่ดูไม่สนุกอีกเรื่อง ด้วยบทที่ยืดเยื้อ วกวนไปกับเรื่องราวซ้ำๆ ของเด็กน้อยที่พยายามทำให้เหมือนหนังผี ด้วยการเลียนแบบตัวตนในอดีตของน้องสาวแม่ที่ตายไปอย่างปริศนา ซึ่งเป็นเมนหลักไอเดียของเรื่องที่พยายามหลอกล่อคนดูว่า นี่มันคือหนังผีจริงๆ หรือไม่

แต่การทำซ้ำวนแต่เรื่องนี้ในแบบเดิมๆ ยกตัวอย่าง เด็กชอบพูดว่าตัวเองเป็นอลิซกับชอบใส่หน้ากากกระต่าย ก็จะมีฉากแบบนี้ซ้ำๆ กันทั้งเรื่องจนบทของตัวเด็กดูน่ารำคาญ ซึ่งมันอาจจะดูหลอนในบางครั้ง แต่มันขาดความระทึกในแบบหนังผีจริงๆ แล้วก็ไม่มีฉากไหนที่รู้สึกว่าทำให้สะดุ้งตกใจได้เลย มันก็เลยกลายเป็นการดูหนังสยองขวัญ ที่พยายามทำตัวเป็นหนังผีปลอมๆ แบบน่าเบื่อมากตลอดทั้งเรื่อง แม้จะมีความรู้สึกว่ามีอะไรที่พอให้น่าติดตามอยู่บ้างก็ตามที

แต่เมื่อเรื่องเฉลยความจริงทั้งหมด ซึ่งก็คือไอเดียหลักความลับของเรื่อง ก็ถือว่าหนังมีส่วนดีปิดท้ายเรื่อง ช่วยกระชากให้คะแนนรวมของเรื่องดูดีขึ้น เมื่อสิ่งที่ดูมาทั้งเรื่องก็มีคำอธิบายที่พอเป็นเหตุผลลงตัว แม้จะไม่แปลกใหม่นักกับไอเดียนี้ก็ตามครับ ซึ่งจริงๆ ตลอดทั้งเรื่องก็มีความพยายามใส่คำใบ้นี้ไว้ตลอด โดยเฉพาะตัวนักแสดง Sarah Snook ที่เล่นเป็นแม่ ทั้งเรื่องเธอทำหน้าตาตื่นตระหนกวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา ก็คือคำใบ้ที่เฉลยความลับของเรื่องมากที่สุดแล้ว

บทสรุปหลังดู Run Rabbit Run

ในบางครั้งเราก็แอบรู้สึกว่า Run Rabbit Run อาจจะอยากเจริญรอยตามหนังแนว ๆ นี้ที่เคยประสบความสำเร็จ อย่าง Babadook หรือ Hereditary หรือเปล่า แต่คงต้องบอกว่าหนังยังไม่สามารถถ่ายทอดได้เทียบเท่ากับหนังเหล่านี้ แม้ว่าเราจะค่อนข้างการวางองค์ประกอบและโครงสร้างในการสร้างบรรยากาศที่แสนวังเวงและอึมครึมของหนังก็ตาม แต่มันก็เป็นเพียงองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี

แม้ว่าในตอนท้ายของ Run Rabbit Run จะมากับบทสรุปที่ทิ้งเอาไว้ให้คนดูชวนตะลึง แต่น่าเสียดายที่มันกลับยังไม่ใช่หนังที่น่าจดจำได้สักเท่าไหร่ในภาพรวม แม้ว่าการแสดงของนักแสดงจะทำออกมาได้ดี แต่ยังกระท่อนกระแท่นในการเรียกร้องความสนใจต่อคนดู บทหนังยังเต็มไปด้วยคำถาม การเล่าเรื่องยังไม่ค่อยดึงดูดได้อย่างเต็มที่ แอบเสียดายที่หนังน่าจะสะพรึงได้ตรึงใจมากกว่านี้ เพราะสุดท้ายก็เป็นแค่หนังที่เราจะเปิดดูผ่านไป แล้วไม่คิดจะกลับมาดูซ้ำอีกแน่ ๆ

ตอนจบเป็นอย่างไง เหมือนทางผู้กำกับอาจจะปูทางทำภาค 2 เพราะตอนจบยังเหมือนไม่ค่อยสุดเท่าไหร่ ติดอยู่นิดเดียวยังไม่ค่อยเคลียร์ใจ สรุปแล้วว่า…เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซาราห์สร้างตัวต้นที่เป็นอลิซขึ้นมาเอง และใส่ร้ายความผิดให้ลูกสาว หรือผีน้องสาวของเธอเป็นคนทำ และฉากจบอยากรู้ต่อว่า ลูกสาวของเธอ ที่เธอเห็นว่าอลิซ (น้องสาว) พาไปตรงหน้าผานั้น จะเกิดยังไงต่อไป ตอนที่ดูชวนหงุดหงิดนิดนึงที่ ทำไมไม่วิ่งออกไปดูลูก ทำไมยังเคาะกระจกหน้าต่าง ร้องเรียก “มีอา” ลูกสาวของเธออยู่อย่างนั้น และเรื่องที่ยังไม่เคลียร์อีกอย่าง คือ เหตุจูงใจที่ฆ่าอลิซคืออะไร

ประเภท: สยองขวัญ
ผู้กำกับ: ไดอาน่า รี้ด
นำแสดงโดย: ซาราห์ สนุก, ลิลลี่ ลาทอร์เร่
ความยาว: 100 นาที
กำหนดฉายในไทย: 28 มิถุนายน 2023

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยมาใหม่
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิว Heart of Stone

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาแนะนำหนังแนวระทึกขวัญ The Good Nurse Netflix จากพยาบาลสาวสู่มาตกรที่โหดเหี้ยมสุด ๆ The Good Nurse (2022) สร้างจากเรื่องจริงของเหตุการณ์ผู้ป่วยตายปริศนาในโรงพยาบาลห้องไอซียู ได้นักแสดงนำชื่อดังอย่าง Eddie Redmayne รับบท ชาล พยาบาลหนุ่มที่อยู่ในคราบของฆาตกร และยังได้นักแสดงสาวชื่อดังอย่าง Jessica Chastain รับบท เอมี่ พยาบาลที่ทำหน้าที่ด้วยความโอบอ้อมอารีกับผู้ป่วย มีพยาบาลคนหนึ่งสงสัยว่า เพื่อนร่วมงานของเธออาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตอย่างลึกลับของผู้ป่วยหลายคน พยาบาลที่ดีอย่างเธอจึงไม่อาจอยู่เฉย ทำให้เรื่องราวระทึกขวัญเบา ๆ เกิดขึ้นแบบเลี่ยงไม่ได้ ‘The Good Nurse’ คือภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นมาจากเหตุการณ์จริง ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ผลงานกำกับของ โทเบียส ลินด์โฮล์ม (Tobias Lindholm) ผู้กำกับที่มีผลงานเข้าชิงรางวัลออสการ์ และผลงานการแสดงของสองเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง เจสซิก้า เชสเทน (Jessica Chastain) และ เอ็ดดี้ เรดเมย์น (Eddie Redmayne) หากคุณเป็นคนที่หลงรักการดูหนัง สามารถไปติดตามรับชม ดูหนังใหม่ เรื่องอื่น ๆ ได้ที่นี่เลย

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

รีวิว The Good Nurse หนังแนวระทึกขวัญ จากพยาบาลสาวสู่มาตกรที่โหดเหี้ยม

เมื่อจั่วหัวไปที่ภาพยนตร์เขย่าขวัญชวนลุ้นระทึก The Good Nurse (2022) ก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะตั้งตารอคอยฉากชวนลุ้นที่คาดว่าจะต้องเกิดและมีปิดตาแน่นอน แต่สิ่งที่ได้กลับไม่เป็นเช่นนั้น กลายเป็นว่าเราได้เซอร์ไพรส์ใหม่มาแทนที่คือการที่หนังเลือกที่จะนำเสนอในบรรยากาศที่ทำให้ชวนนึกถึงหนังแนวนี้ในยุค 90s ปลาย ๆ ด้วยการปู  เรื่องราวที่ราบเรียบและดำเนินไปอย่างช้า ๆ ให้ผู้ชมได้ซึมซับชีวิตของตัวแสดงไปเรื่อย ๆ และเพิ่มเลเวลไปทีละนิด ๆ จนถึงจุดพีคจนอึดอัดในที่สุด

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

ซึ่งถือว่าไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แต่ก็ไม่ได้เก่าจนล้าสมัย หนังเพิ่มเลเวลความอึดอัดที่ชวนลุ้นไปกับนางเอกของเรื่องขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผ่าน 30 นาทีแรกไปแล้ว ความเข้มข้นจะเป็นไปในแบบการเพิ่มพลังงานความน่าสนใจ อยากรู้ เฝ้าติดตาม แต่ไม่ได้หวือหวา จนทำให้เกิดบรรยากาศของหนังที่เป็นดราม่าสืบสวนสอบสวนที่ดูเหมือนจะไร้ลูกเล่น แต่กลับแอบเก็บซ่อนฉากเด็ดเอาไว้ให้คนดูตายใจ และสร้างความรู้สึกบีบคั้น ห่วงใย แอบลุ้นเอาไว้ตลอดทั้งเรื่อง จุดนี้ทำให้ภาพรวมของหนังกลายเป็นดราม่าสืบสวนสอบสวนที่หากไม่มีตัวแสดงอย่าง เจสซิก้า เชสเทน และเอ็ดดี้ เรดเมย์น ก็อาจจะทำให้หนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเอาซะเลยก็เป็นไปได้

เรื่องย่อ The Good Nurse

the good nurse เรื่องย่อ The Good Nurse เป็นเรื่องราวของ เอมี่ พยาบาลช่างเห็นอกเห็นใจและคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้มีภาวะโรคหัวใจร้ายแรงถึงชีวิต ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลังเพราะการเข้าเวรกะดึกในแผนกไอซียูที่ทั้งหนักและแสนยุ่ง แต่แล้วก็ได้คนมาช่วยผ่อนแรงเมื่อชาร์ลี พยาบาลผู้ใส่ใจและเข้าอกเข้าใจคนอื่นมาเริ่มงานที่แผนกเดียวกัน มิตรภาพที่มั่นคงแน่นแฟ้นเริ่มก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ทำงานที่โรงพยาบาลด้วยกันจนดึกดื่น นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เอมี่เกิดความเชื่อมั่นในอนาคตของตัวเองและลูก ๆ ที่ยังเล็กอย่างแท้จริง แต่การเสียชีวิตอย่างลึกลับของผู้ป่วยหลายคน นำไปสู่การสืบสวนพร้อมเบาะแสที่ชี้ว่า ชาร์ลี คือผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีนี้ เอมี่จึงต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองและความปลอดภัยของลูก ๆ เพื่อค้นหาความจริง

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

The Good Nurse จังหวะและโทนของหนังทำให้นึกถึงหนังยุค 1990s

The Good Nurse อาจจะกลายเป็นหนังฆาตกรโรคจิตเรื่องหนึ่งที่ชวนขนลุกเลยก็ว่าได้ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นโฟกัสและเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองตัวละครใดตัวหนึ่งที่ทำให้ทิศทางของหนังเป็นเช่นนั้น เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นหนังดราม่าอาชญากรรมสืบสวนสอบสวนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความระแวงและไม่ไว้ใจไปตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้แง่กฎหมายและข้อพิสูจน์ทางการแพทย์มาใช้ในการนำเสนอเล่าเรื่องนี้

จังหวะและโทนของหนังทำให้นึกถึงฟีลหนังแนวนี้ในช่วงปลายยุค 1990s หรือต้นปี 2000s ที่มักจะใช้วิธีการนี้เป็นการปูเรื่องราวและกำหนดทิศทางของหนัง เมื่อนำมาใช้กับหนังเรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าหนังยังไม่ค่อยมีลูกเล่นอะไรที่แปลกใหม่อะไร ดำเนินไปเรื่อย ๆ ตามสูตรสำเร็จ และแอบเสียดายหน่อย ๆ ที่ผู้กำกับไม่ได้งัดเอาเสน่ห์และเทคนิคการทำหนังในแบบฉบับของเขามาใช้กับหนังเรื่องนี้เท่าไหร่

รีวิว The Good Nurse (2022) : สวรรค์แห่งความสยองขวัญ

แน่นอนว่า The Good Nurse มีข้อได้เปรียบตรงที่ 2 นักแสดงนำที่เต็มไปด้วยศักยภาพที่ทรงพลังของเขา แม้ว่าบทบาทที่พวกเขาได้รับอาจจะเป็นใครอื่นก็ได้ที่มารับบทนี้ แต่ “เจสสิก้า เชสเทน” ก็อุทิศและทุ่มเทให้กับบทบาทนี้ค่อนข้างสุดตัว ถึงแม้ว่าคาแรกเตอร์นี้ของเธอจะไม่ได้สร้างความแปลกใหม่เท่าไหร่ แต่มาตรฐานการแสดงของเธอก็ยังคงช่วยพยุงให้หนังทรงพลังอยู่ได้

เช่นเดียวกับ “เอ็ดดี้ เรดเมย์น” ที่มาพร้อมกับการถ่ายทอดบทบาทที่เต็มไปด้วยมิติซับซ้อน ผ่านทั้งท่วงท่าลักษณะและอัปกิริยาทางการแสดงของเขา การแสดงของเขาที่นุ่มลึกและเยือกเย็นเหมาะกับโครงเรื่องของหนังเป็นอย่างดี เมื่อทั้ง 2 นักแสดงคู่นี้มาผนึกกำลังกัน พ่นไฟสุด ๆ ในหนังเรื่องนี้ในช่วงไคล์แม็กซ์ด้วยแล้วนั้น ก็ถือว่าเป็นกำไรของคนดูโดยแท้ ที่ได้มีโอกาสได้เห็นดาราระดับรางวัลออสการ์มาปะทะกันแบบคุ้มค่า

The Good Nurse บทบาทการแสดงของ เจสซิก้า เชสเทน และ เอ็ดดี้ เรดเมย์น

ในด้าน เจสซิก้า เชสเทน ในบทบาทของเอมี่ที่ดูเหมือนจะราบเรียบและไม่ได้ปล่อยพลังสักเท่าไหร่ กลับทำให้เราเกิดความรู้สึกร่วมกับความรู้สึกของเอมี่ที่มีต่อชีวิตของตัวเอง ต่อความกดดันภายในใจที่ต้องตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ยังคงมีความห่วงหาอาทรและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น จนคำว่า Good Nurse ไม่ได้ห่างไกลไปจากตัวเอมี่เลยจริง ๆ บทที่ดูเหมือนจะเล่นง่ายแบบนี้ กลับไม่ง่ายเลยที่จะถ่ายทอดอารมณ์ทั้งหมดออกมาให้ผู้ชมสัมผัสได้ และ เจสซิก้า เชสเทน เธอทำมันสำเร็จแล้วอย่างยอดเยี่ยม 

ในด้านของ เอ็ดดี้ เรดเมย์น ผู้รับบทชาร์ลี พยาบาลฆาตรกรที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำไปทำไม ผู้เขียนอยากทำถ้วยมอบให้เขาเป็นการส่วนตัวไปเลยละค่ะ อินเนอร์เบอร์แรงที่จัดใหญ่จัดเต็มมากระแทกความรู้สึกคนดูนั้น ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชื่อของเขาถึงเป็นที่กล่าวขวัญถึงในโลกภาพยนตร์ ถ้าหากจะบอกว่าการดูหนังเรื่องนี้โคตรจะคุ้มเพราะได้ดูฝีมือการแสดงของเขาก็ไม่ได้เป็นการออกตัวเชียร์ที่โอเวอร์เลยสักนิด เพราะประหนึ่งได้ดูพี่น้อย วงพรู สวมบทเป็นพยาบาลโรคจิต อย่างไรก็อย่างนั้น

รีวิว The Good Nurse เรื่องราวมิตรภาพของเขาที่เกิดกับเอมี่

เนื้อเรื่องจงใจเล่าแค่ช่วงท้ายก่อนโดนจับของชาร์ล แล้วสร้างเรื่องราวมิตรภาพของเขาที่เกิดกับเอมี่ โดยพยายามทำให้เข้าใจว่าชาร์ลป่วยทางจิตแบบพยายามซ่อนไว้ จากปัญหาชีวิตที่ไร้ความสุขของเขา แล้วก็ทำให้เอมี่เป็นคนที่เข้าถึงและเข้าใจเขาจริงๆ จนนำไปสู่การจับกุมตัวพร้อมคำสารภาพได้สำเร็จ ซึ่งเรื่องจะเน้นที่ฉากการพูดคุยของสองคนนี้เป็นไคลแม็กซ์สุดท้ายของเรื่องที่มีแต่บทสนทนาเนิบ ๆ ก็จริง แต่ก็ดูสมจริงจนน่าเชื่อถือมากว่าการทำให้ฆาตกรต่อเนื่องที่ป่วยทางจิตสารภาพได้นี่ต้องใช้ความเข้าใจแค่ไหน ซึ่งตัวเรื่องทำได้ดีไม่มีที่ติจากบทการแสดงพลังดาราออสการ์ของทั้งคู่ที่เล่นส่งต่อเคมีอารมณ์ทุกอย่างได้ตามที่เรื่องวางไว้

แม้ว่าตัวเรื่องจะจับจุดเล่าแค่ข่วงสั้นๆ เน้นดราม่าชีวิตมากกว่า และก็ทำได้ดี แต่ปัญหาก็อาจจะเกิดขึ้นเมื่อผู้ชมคาดหวังว่าจะได้เห็นชีวิตลงลึกของฆาตกรรายได้มากวก่านี้ ซึ่งตัวเรื่องแทบไม่มีรายละเอียดเลยว่าเขาทำไปทำไม และการสืบสวนของเรื่องจากอัยการก็ดูเป็นแค่การบอกเล่าปัญหาว่าที่ชาร์ลทำอย่างนี้มาได้ตลอดกับ 9 โรงพยาบาล ก็เพราะการละเลยปกปิดปัญหา แต่ตัว the good nurse เรื่องจริง มีเหตุผลที่มารายละเอียดค่อนข้างครบและตอบคำถามต่างๆ ที่เรื่องนี้คาไว้ได้โดยละเอียด อย่างจุดเริ่มต้นของการฆ่า แรงจูงใจต่างๆ ซึ่งพอได้อ่านเรื่องจริงกลายเป็นเรื่องนี้แทบจะตัดข้ามละเลยสิ่งที่ควรจะบอกเล่ามาทั้งหมด อย่างปัญหาว่าทำไมโรงพยาบาลละเลยไม่ใช่แค่เรื่องกลัวเป็นข่าวใหญ่ แต่ลึกๆ คืออาชีพพยาบาลขาดแคลน ทำให้ รพ. กลัวว่าจะยิ่งซ้ำเติมเรื่องนี้เข้าไปอีก ซึ่งจริงๆ ก็คือสิ่งที่เรื่องนี้แสดงมาตั้งแต่แรกว่าอาชีพพยาบาลเป็นอาชีพที่หนัก พร้อมเจอปัญหาเฉพาะหน้ากับผู้ป่วยก่อนใครด้วย

รีวิว The Good Nurse บทสรุปเรื่องราว

เรียกว่าหนังได้ประคองบรรยากาศของการเล่าเรื่องที่ราบเรียบมาตั้งแต่ต้นจนจบเลยก็ว่าได้ ความตื่นเต้นที่ได้รับถูกกระตุ้นอารมณ์ออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ และดำเนินมาถึงฉากจบที่ค่อย ๆ เงียบเสียงลงเหมือนการปิดม่านละครเวทีที่ไร้เสียงปรบมือของคนดู แต่เป็นการโบกมือลาเพียงเบา ๆ ยังไงยังงั้น เอาเป็นว่าโดยภาพรวมนั้น The Good Nurse จัดได้ว่าหนังดราม่าสืบสวนทางการแพทย์ที่ได้ดีเพราะมีนักแสดงนำ 2 คนที่ทรงพลังมาก ๆ และช่วยประคองหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้อยู่หมัด แต่สไตล์การเล่าเรื่องและจังหวะของหนังยังค่อนข้างซ้ำ ๆ และเชยไปสักหน่อย หนังมีข้อมูลและหลักฐานที่ชวนติดตาม แต่วิธีการนำเสนอยังไม่กลมกล่อมได้ถึงที่สุด นี่คือหนังที่ดี ทั้งการแสดงและองค์ประกอบอื่น ๆ เพียงแต่ยังไม่ถึงขั้นน่าประทับใจได้ระดับเทียบชั้นหนังรางวัลขนาดนั้น

ประเภท: ดราม่า / อาชญากรรม

ผู้กำกับ: โทเบียส ลินด์โฮล์ม

นำแสดงโดย: เจสสิก้า เชสเทน, เอ็ดดี้ เรดเมย์น

ความยาว: 121 นาที

กำหนดฉายในไทย: 26 ตุลาคม 2022

สามารถไปติดตามรับชม หนังไทยมาใหม่ เรื่องราวชีวิตสุดน่าติดตามได้ที่นี่ รีวิวหนัง เวลา Anatomy of Time

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ แนะนำหนัง หอแต๋วแตก ทุกภาค

สวัสดีครับเพื่อนๆ แฟนๆ คอหนังไทยกันทั้งหลาย วันนี้เราจะมารีวิว หนังไทยnetflix ที่หลายๆ คนต้องเคยดูเคยเห็นกันอยู่แล้วแน่นอน เพราะจักรวาลของหนังเรื่องนี้ มีแทบจะ 10 กว่าภาคเลยทีเดียว คนไม่เคยดูหรือไม่ชอบ ยังไงก็ต้องเคยดูกันบ้างนั่นแหละครับ 5555 เรื่องที่เราจะมาแนะนำวันนี้ก็ หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ ผลงานกำกับของ พจน์ อานนท์

ย้อนกลับไปในปี พุทธศักราช2550 ภาพยนตร์ “หอพัก ตุ๊ดแตก” ภาคแรก ได้ผล หน้าที่การงาน ดูแลของ พจน์ อานนท์ (ซึ่ง เดี๋ยวนี้ กลายเป็น พชร์ อานนท์ เป็นระเบียบแล้ว)

ที่บอกเล่าเรื่องราว ของ กรุ๊ป กะเทยอย่าง พี่สาว กะเทย (จตุรงค์ พลบูรณ์), เจ๊การ์ตูน (ยิ่งศักดา ควรเยี่ยมเจษฎา ตระกูล) แล้วก็พี่สาวมดดํา (เอกชัย ศรีวิชัย) ที่ ร่วมลงขันเปิด ห้องพัก ชาย

แต่ว่า ไม่นานนักก็กําเนิดมีคนตายในหอพัก จนกระทั่ง แปลงเป็นผีออก ก่อกวน กระทั่ง บรรดาสามเทย ต้องหากรรมวิธีการปราบผีแพน ขนมเค้ก

จาก เรื่อง ใน หนัง ภาคแรก จนตราบเท่าถึง หนัง ภาคที่ 6 ของ แฟรนไชส์ หอพัก ตุ๊ดแตก สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ แล้วก็ หาตัวจับยากก็คือ การผลิต ติดอยู่ แรกเตอร์ของนักแสดงที่เด่น

หากว่าพวกเขาจะพูดจาไม่สุภาพ และก็ปลดปล่อย สารพัดสารพันสัตว์เลื้อยคลานออกมาเยอะแยะเต็มหน้า หน้าจอ แม้กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้เลยว่าจังหวะ พวกนี้

ได้เปลี่ยนเป็นภาพจ่าของหนังชุดนี้เมื่อดูย้อนไปตลอดทั้ง 6 ภาคก่อนหน้านี้ของ หอพัก กะเทย แตก พวกเราจะพบว่า หนังมีเค้าโครงเรื่อง อันแสน น้อยลง

ส่วนประกอบสําคัญๆ ของ หนัง ดูเหมือนจะทุกภาคเป็นการวิ่งหนีผี เหมือนกับเป็นหนัง ในเชื้อสายเดียวกับ บ้าน ปอบ แค่เพียงสลับตัวละครหลัก ให้แปลงเป็นกรุ๊ป กะเทย

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

เรื่องย่อ หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ เรื่องย่อ หอพัก ตุ๊ดแตก แหก ต่อ ไม่รอคอยแล้วนะ ในภาคนี้นั้น กล่าวถึงเรื่องราวของ บรรดาพี่สาวๆ ในห้องเช่าที่ใหม่ ซึ่ง ครั้งนี้คู่อริคนเดิมอย่าง พยูน

ก็เปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนดีมาร่วม ภารกิจ การชิง คฤหาสน์ ข้างหลังใหญ่ของคน มั่งมี คนแขก แม้กระนั้นก็จําเป็นต้องเจอกับความน่าสยดสยองอีกที

เมื่อสิ่ง ความคาดหวังมิได้เป็นไปเหมือนอย่าง ที่คิด รวมทั้งยังได้ร่วมเอาใจช่วยไปกับการกระทําตัวเป็นผีที่ดีของ แพน ขนมเค้ก เพื่อจะได้ไปกําเนิดใหม่อย่างเต็ม องอาจภาคภูมิ

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

ความรู้สึกหลังรับชม หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

ตัวหนังยังคงความหนาแน่นของเส้นเรื่อง ที่ปะปนกันหลายเส้นเช่นเคย ก่อนจะมาบรรจบกันที่คฤหาสน์ลึกลับ โดยหนังถือว่าเปิดองก์แรกมาได้ดูสนุก มุกฮาไหลลื่นดี

แม้ว่าจะเป็นมุขใต้สะดือซะส่วนใหญ่ คำหยาบสรรพัดสัตว์ออกมาเพ่นพ่านอยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ได้หลายฮาอยู่ แม้ส่วนหนึ่งก็เชื่อว่าเพราะเป็นรอบสื่อฯ

ด้วยเพราะในรอบนี้มีสาวสองมาดูเยอะ อารมณ์วี๊ดว๊ายเหมือนดูเดี่ยวพี่โน๊ต ที่หากซื้อตั๋วเข้าไปดูแกตัวเป็น ๆ บรรยากาศทั้งหมดก็จะยิ่งผลักให้โชว์ดูสนุกขึ้นกว่านั่งดูยูทูบคนเดียว

หนังทำได้ดีประมาณหนึ่งในช่วงที่แก๊งเจ๊แต๋วต้องหนีผีสาง กับสีสันจากการตัดสลับเส้นเรื่องที่ตัวละครมีปมกันหลายคู่ ก็ทำให้หนังไม่เลี่ยนมาก

ซึ่งถ้าไม่อคติมากเกินไป ทำใจสบาย เคลียร์สมองโล่ง ๆ ก่อนไปดู ก็ถือว่าหนังดูได้เพลินอยู่ อาจไม่สร้างสรรค์ แต่อย่างน้อยพี่แกก็สรรหา

ดึงจุดเด่นของหนังแฟรนไชส์นี้ออกมาเล่นได้เช่นเคย ไม่ว่าจะเป็นมุกเสียดสังคม หรือมุกจิกกัดตัวเอง อันนี้ก็ดูแสบ ๆ คัน ๆ ดี ซีจีอาจจะดีกว่าช่อง 7 นิดหน่อย ประมาณนาคี

แต่ด้วยความที่มันอยู่ในหนังหอแต๋วแตก คนดูก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะอย่างที่บอก เขาไม่ได้คิดอะไรก่อนจะดูหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว เขามาเอาความฮาแบบไม่มีสาระ ซึ่งหนังแม่งก็ตอบทุกโจทย์ในประเด็นนี้แบบครบเครื่อง (ฮา)

หอแต๋วแตกยังคงคอนเซปต์หนังพี่พชร์แก ความตลกโปกฮาติดเรทอวัยวะเบื้องล่าง ความแหยะ ความแหวะ ฉีกแข้งฉีกขาจนลุ้นกลัวไข่โผล่

และที่ขาดไม่ได้คืองานความเชื่อและมุกล้อเลียนคนที่กำลังเป็นข่าว และที่สำคัญคือเรื่องคอสตูม บอกเลยว่าออกมาแต่ละฉากทำครางฮือทั้งนั้น เกิดมาท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยเจอคอสตูมโคตรล้นขนาดนี้มาก่อน (ฮา)

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

รีวิวหนังไทยnetflix หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ ภาพยนตร์จักรวาล หอแต๋วแตก ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด

เรียกได้ว่าภาพยนตร์ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดในเวลานี้ สำหรับ หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ ภาคสุดท้ายที่จะปิดฉากแฟรนไชน์หนังภาคต่อที่มีมากว่า 10 ปี

ซึ่งผู้กำกับ พชร์ อานนท์ คอนเฟิร์มแล้วจะว่าไม่มีการสร้างภาคต่ออีกแน่นอน งานนี้ก็ทำเอาแฟนหนังที่ติดตามกันมาตั้งแต่ภาคแรกตั้งตารอชมกันอย่างเหนียวแน่น จนทำรายได้เปิดเข้าฉายในสัปดาห์แรกได้ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

นับว่าแฟรนไชน์ภาพยนตร์ หอแต๋วแตก มักจะรวมเอาเรื่องราวที่ฮิตกระแสอันเป็นข่าวหรือเหตุการณ์ที่โด่งดังมาใส่ในภาพยนตร์ตั้งแต่ภาคแรกๆ แล้ว

โดยในภาคนี้ก็ยังคงจับกระแสทันโลก มีการล้อเลียนเรื่องราวต่างๆ หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กระแสเพลงเต่างอย, การเต้นหน้าเวทีหมอลำ, ดอกมูราคามิ, นาคี 2, ข่าวบันเทิงของดาราสาวชื่อดัง

รวมไปถึงการจับผีลงกระเป๋าเลียนแบบหนังจากโลกเวทมนตร์ Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald ซึ่งได้พัฒนาจากหนัง Harry Potter ที่อยู่ในเรื่องราวของภาคแรกๆ อีกด้วย

หากถามว่า หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ ตอบโจทย์ความบันเทิงและสนุกสนานมากแค่ไหน ก็คงตอบไม่ได้เต็มปากว่าสนุก เพราะมุกตลกส่วนใหญ่และวิธีการเล่าเรื่องนั้นค่อนข้างซ้ำซาก

ไม่ได้มีความสร้างสรรค์หรือแตกต่างไปจากภาคก่อนๆ เลย ซึ่งจะว่าไปแล้วดูเหมือนภาคแรกๆ จะสร้างความสนุกสนานให้ผู้ชมมากกว่าเสียด้วยซ้ำ

แต่เชื่อว่าใครที่เป็นแฟน หอแต๋วแตก คงไม่พลาดที่จะมาซึมซับบรรยากาศเหล่านี้อีกครั้ง เช่นเดียวกับแฟนหนังภาคต่อของเรื่องอื่นๆ

บทสรุป หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ

ทั้งหมดทั้งมวลสิ่งที่น่าจะเป็นบทสรุปของหนังภาคนี้ คือการที่ตัวละครทั้งหลายแวะมาอำลาอาลัยการไปเกิดใหม่ของ “แพนเค้ก” ก็นับได้ว่ามันเป็นฉากในความทรงจำที่น่าสนใจ

และพิสูจน์ให้คนดูได้เห็นว่า บรรดาตัวละครเหล่านี้ได้สร้างความผูกพันกับคนดูมาเป็นเวลาร่วม 10 กว่าปี จนเราอาจจะกล่าวได้ว่า

ถึงแม้ว่าแฟรนไชส์หอแต๋วแตก ห่างไกลจากความเป็นหนังที่ดี แต่ในขณะเดียวกัน หนังชุดนี้ได้ผลิตไอคอนตัวละครที่ประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทยควรบันทึกเอาไว้ว่า มีตัวละครที่น่าจดจำหลายตัวเรื่องหนึ่งตลอดกาลเลยก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามกว่าที่หนังจะเล่าเรื่องราวมาถึงเส้นเรื่องหลัก “แหกต่อไม่รอแล้วนะ” ก็มัวแต่แวะไปเล่าเรื่องราวนอกประเด็นเกือบ 1 ชั่วโมงเต็ม

จนเราอาจจะเรียกได้ว่านั่นคือส่วนเกินของหนัง (และในขณะเดียวกันส่วนดังกล่าวก็จัดได้ว่าเป็นความบ้าบอคอแตก แบบที่คนดูอยากจะเห็นจากแฟรนไชส์นี้เช่นกัน)

ดังนั้นเมื่อเราสามารถรับสภาพของความตั้งใจ “นอกเรื่อง” ของหนังได้แล้ว เราก็จะไม่รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้เลวร้ายแต่อย่างใดเลยครับ

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา หนังสัตว์ประหลาด มาใหม่น่าดู 2022

สวัสดีครับ วันนี้เราจะมาแนะนำ หนังไทยnetflix หนังไทยมาใหม่ แนวไซไฟ แอ็คชั่น สัตว์ประหลาด ที่เราคงจะไม่ได้เห็นกันง่ายๆในบ้านเรา เรียกได้ว่าก็เป็นเรื่องที่ดี ที่ประเทศเราเลิกเล่นแต่หนังรักหนังตลก เปลี่ยนมาทำอะไรให้มันทันยุคทันสมัยแบบนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดียิ่งนัก สำหรับใครที่ต้องการรับชมก็อย่าลืมไปดูกันนะครับกับ The One Hundred 100 ขา

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา การ่วมมือกันระหว่างสองผู้กำกับ ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ภาคภูมิ วงษ์จินดา

นี่ก็คืออีกหนึ่งผลงานที่เป็นการจับมือร่วมงานสร้างระหว่างค่ายหนังน้องใหม่ เนรมิตรหนังฟิล์ม กับ FatCat Studio หลังจากที่พวกเขาเคยผลักดันทำให้เกิดเป็น “Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” ด้วยกันมาแล้วเมื่อช่วงกลางปี

และ เผชิญหน้ากับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง โดยในเรื่องนี้ ชาลิต ไกรเลิศมงคล หนึ่งในผู้กำกับจากเรื่องก่อนได้กลับมาร่วมงานด้วย

โดยที่มีผู้กำกับหนังฝีมือดี ภาคภูมิ วงษ์จินดา ที่กลับมาสู่วงการหนังอีกครั้ง หลังจากที่วางมือทิ้งช่วงหายไปเป็นสิบ ๆ ปีการมาผนึกกำลังกันของทั้ง 2 ผู้กำกับคู่นี้

เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการมานั่งทำงานเป็นตอบสนองสิ่งที่แต่ละคนถนัด ชาลิต ไกรเลิศมงคล ถือว่าเป็นนักสร้างที่ถนัดแนวงานเทคนิคพิเศษ เขาที่สั่งสมประกอบการจากการบริหาร FatCat มาอย่างยาวนาน

เขาก็นำองค์ประกอบที่ถนัดมาใส่ในหนังเรื่องนี้ ขณะที่ เพื่อน ภาคภูมิ เป็นคนทำหนังที่มีชั่นเชิงกับการสร้างบรรยากาศให้กับหนังระทึกขวัญมาหลาย ๆ เรื่อง เอาก็ใช้ฝีมือตรงนี้มาใส่ในผลงานชิ้นนี้

เพียงแต่ว่าเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก ที่ผลลัพธ์สุดท้ายของ ๑๐๐ ร้อยขา ที่ออกมานั้น กลับยังไม่สมบูรณ์แบบดีสักเท่าไหร่นัก ปัญหาหลัก ๆ ของหนังก็ยังคงเป็นจุดอ่อนเดิม ๆ ของหนังไทยส่วนใหญ่

ซึ่งก็คือบทหนังนั่นเอง แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีแก่นเรื่อง และ โครงสร้างบทที่ค่อนข้างครบ แต่บทก็ยังค่อนข้างขาดมิติในหลาย ๆ

ส่วนที่จะช่วยซัพพอร์ตตัวหนังให้ไปได้รอด การจัดวางสตอรี่ต่าง ๆ ยังค่อนข้างโดดไปมา ไม่กลมกลื่นเท่าไหร่ ซึ่งมันส่งผลกระทบต่อจังหวะของหนังบางจุดเช่นกัน

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา

เรื่องย่อ The One Hundred 100 ขา

100 ขา เรื่องย่อ ตัวหนังจะเล่าราว ของวิกฤติการณ์ระบาดของโรควัววิด-19 ที่ทําให้วิถีชีวิตของมนุษย์นั้นเปลี่ยนไป แม้กระนั้น หายนะครั้งใหม่ก็กําลังคืบคลานเข้ามา

โดยที่ไม่มีผู้ใดรู้สึกตัว เมื่อกรุ๊ป นักท่องเที่ยว จากต่างแดน จําเป็นต้องถูกกัก บริเวณ อยู่ ใน สถานที่ซึ่งภาครัฐได้หาให้ นําพายูทูปเบอร์สองญาติพี่น้อง ฟิล (เบนจามิน)

แล้วก็ น้องสาว เฟม (นิ้ง ชัญญา) จ่าต้องมาพักที่เดียวกันกับครอบครัวของ ลีโอ (ไมค์ พิรัชต์) ชายหนุ่มหัวร้อน กับ น้องสาวจอม ซุกซน ลีน่า (อันดา กุลฑิรา)

แล้วก็ บิดา ที่เป็นใบ้ ทั้งยัง 5 จําเป็นต้อง โดนแยก หอพัก กักบริเวณ อยู่ในเซอร์วิ สอพาร์ทเม้นท์ศรี จันทร์เพ็ญ ตรงเวลา 14 วัน

แต่ว่า ไม่ทันพ้นข้ามคืน สถานะการณ์ไม่ปกติ ก็เกิดขึ้นอย่าง ปัญหา เมื่อ สัตว์ร้อยขา ย่างเยื้อเขามาเบาๆ ยึดร่างผู้คน ในรีสอร์ท ไป ครั้งละขอรับ พวกเขา อีกทั้ง 5 ก็เลยจะต้องหนีเอาชีวิตรอด ให้ได้

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา

ความรู้สึกหลังรับชม The One Hundred 100 ขา

บอกเลยว่าดูสนุกแน่นอนครับกับหนังเรื่องนี้ และ อีกอย่างที่จะบอกนั้นก็คือใครที่เป็นคนกลัวตะขาบ บอกเลยว่ามีร้องขอชีวิตแน่นอนครับ เพราในหนังเต็มไปด้วยตะขาบตัวเล็ก ๆ

ยั้วเยี้ยเต็มไปหมดเลยครับ ค่อนข้างรู้สึกเซอร์ไพรส์เลยครับสำหรับ The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา บอกเลยว่าตัวหนังดีกว่าที่คิดไว้เยอะเลย

ตัวหนังให้อารมณ์เหมือนเราได้ดูผีชีวะเลยครับ ที่สามารถทำให้คนดูได้ลุ้นตามกันแบบสุด ๆ แถมต้องลุ้นเอาใจช่วยให้รอดจากเจ้าตะขาบยักษ์อีกด้วย

เอาจริง ๆ ตัวหนังก็ดูเพลินอยู่นะครับ แต่อาจจะมีติดขัดบ้างตรงการปูเรื่อง และ บทเนี้ยละ ที่ช่วงแรกของหนังบอกเลยว่า ยำเละมาก แถมไม่ค่อย Make Sense อีกด้วย

แต่พอถึงช่วงกลางเรื่องถึงท้ายเรื่องตัวหนังถึงเริ่มกลับมาดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีขนาดนั้นครับ แต่ก็ไม่ได้แย่

นอกจากความบันเทิงของตัวหนังแล้วยังมีสิ่งที่ว้าวอีกอย่างนั้นก็คือด้านของ CGI ครับ ที่บอกเลยว่าทำออกมาได้ดี และ เนียนตามาก ๆ ครับ

บอกเลยว่าเป็นการยกระดับวงการหนังสัตว์ประหลาดยักษ์ในบ้านเราได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ และ สิ่งที่อยากชมอีกอย่างนั้นก็คือด้านของนักแสดงครับ

ทุกคนแสดงออกมาได้สมบทบาทมาก ทุกคนแสดงได้ดีหมด แต่อาจจะมาตกม้าตายบ้างในบ้างตัวละครที่บางจุดที่ต้องอุทาน”อิหยังวะ”ออกมาเลยครับ

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา

รีวิวหนังไทยnetflix The One Hundred 100 ขา หนังสัจว์ประหลาดยักษ์ใหญ่ เรื่องใหม่ล่าสุด ของไทย

The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา หนังสัตว์ประหลาดยักษ์เรื่องใหม่ของบ้านเราที่ว่าด้วยตำนานสัตว์ยักษ์อย่าง “ตะบองพลำ” หรือ “ตะขายยักษ์” ที่มีความยาวถึง 18 เมตร ถูกหยิบมาสร้างเป็นหนังของสองผู้กำกับอย่าง ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ภาคภูมิ วงษ์จินดา ครับ

ในส่วนของนักแสดงของ The One Hundred ๑๐๐ ร้อยขา จะนำแสดงโดย ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, นิ้ง-ชัญญา แมคคลอรี่ย์, เบน-เบนจามิน โจเซฟ วานี, เดวิด อัศวนนท์, เบสท์-ชนิดาภา พงศ์ศิลป์พิพัฒน์, อันดา-กุลฑิรา ยอดช่าง, กวาง-วรรณปิยะ ออมสินนพกุล และ ศิตา ชุติภาวรกานต์ ครับ

บทสรุป The One Hundred 100 ขา

โดยภาพรวมแล้วนั้น ๑๐๐ ร้อยขา ก็จัดได้ว่าเป็นหนังสัตว์ประหลาดที่ยังไม่ได้ดีเลิศอะไร แต่หนังก็ไม่ถึงขั้นเลวร้ายหายนะ อย่างน้อย ๆ

หนังก็ค่อนข้างมีการปรับปรุงพัฒนาดีขึ้นจากความพยายามสร้างหนังสัตว์ประหลาดเรื่องก่อนหน้านี้แทบทั้งหมด เพียงแต่จุดอ่อนก็ยังคงเป็นในส่วนของบทหนัง และ สตอรี่ที่ค่อนข้างเบาบางเกินไป

เป็นจุดที่พลอยทำให้หนังขาดเสน่ห์ในหลาย ๆ ด้านไปอย่างน่าผิดหวัง แม้ว่ามีนักแสดงมืออาชีพจะช่วยสุดกำลังแล้วก็ตาม แต่หนังก็ยังไม่สามารถพยุงตัวเองไปได้รอด

ก็ไม่อยากจะบอกว่าให้หยุดทำจักรวาลหนังสัตว์ประหลาดไทย ๆ ลงเสีย เพราเชื่อเหลือเกินว่าหนังไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะทำออกมาให้เปรี้ยงปังได้

เพียงแต่ว่าจะต้องมีการผนึกกำลัง และปลุกปั้นทุกองค์ประกอบอย่างลงรายละเอียดให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้ สิ่งที่ออกมาในวันนี้นั้นเป็นเพียงแค่โชว์สกิลเทคนิคพิเศษของทีมผู้สร้างหนังจากไทยเท่านั้น

ที่เราเชื่อแล้วว่า…ทำได้ แต่กระนั้นก็ยังค่อนข้างล้มเหลวในการซื่อใจจากคนดู เพราะหนังประเภทนี้ยังค่อนข้างล้มเหลวกับการวางบทวางเรื่องที่ยังไม่น่าสนใจเพียงพอ

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน หนังไทยnetflix มาใหม่ น่าดู 2022

สวัสดีครับ นี่เป็น หนังไทยnetflix ที่ออกฉายมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังคงถูกพูดถึงมาเรื่อยๆ สำหรับเรื่อง รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน ส่วนตัวแล้วหลังจากได้รับชมเพียงต้นเรื่องก็ชื่นชอบมากๆแล้ว ยิ่งดูจบแล้วฟินแบบสุดๆไปเลยครับ วันนี้เลยจะมารีวิวให้กับเพื่อนๆที่ยังไม่เคยได้ดู ได้ไปรับชมกันครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน ภาพยนตร์ไทย แนวโรแมนติกคอมเมดี้ ของผู้กำกับ วิรัตน์ เฮงคงดี

เป็นภาพยนตร์ไทย จากผู้กำกับ วิรัตน์ เฮงคงดี ที่ท่าเป็นแปลกใหม่จากที่ พวกเราเคยได้มอง ซึ่งเป็นหนังที่ดูแล้วสนุกสนานแล้วก็มีคําพูดตลก เบาสมอง

แม้กระนั้น แอบแฝง ด้วยข้อคิดเตือนใจเป็นหนังที่มีรายละเอียด ที่เข้มข้น น่าติดตาม มีความ มากมายหลายของอารมณ์ อีกทั้ง ทุกข์ใจ ดราม่า และก็ขบขัน

จัดว่าเป็นหนังดีมีคุณภาพอย่างยิ่งจริงๆ โดย ได้บท ภาพยนตร์ของ คิม ไม่นยอง และก็ ชเว จินวอน และก็ Producer โยนู เชว จากประเทศเกาหลี ร่วมกับ ผู้กํากับ ไทย

ชานาญอย่าง โจ้ วิรัตน์ โชคดีอาจจะดีนําแสดงโดย ปั้นจั่น สวมบทบาท แทน นักเลขคณิต ของ บริษัท รับรอง ทําให้เขามองดูทุกสิ่งเป็นตัวเลข

ไม่เว้นแม้กระทั้งความรัก แล้วก็ เอส คุณร์ สวมบทบาท จี๊ด แม่สื่อแม่ชัก จาก บริษัทหาคู่ ผู้เชื่อถือ ใน รักจริง แล้วก็มองเห็น ความรัก คือเรื่องของ สมอง

รวมทั้งหัวใจ ซึ่งทั้งสองเล่นบทบาทของตนได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนเรื่องราวการปะทะระหว่าง ความรัก ทั้งสองชนิด จะเป็นเยี่ยงไรนั้น อยากที่จะให้สหายๆ ได้ติดตามดูคุ้นเคยนะครับ

เกิดเรื่องราวการสู้รบ ความรัก ของ แทน ดารานําชาย ชายหนุ่ม ผู้ดู ความรัก เป็น เพียงแค่ จํานวน สถิติ รวมทั้งการคําานวณ ด้วยการเอาความรักมาออกกรมธรรม์

รับรองความรัก กับ รัก 2 ปี ทวี ทรัพย์สมบัติ และไม่มั่นใจว่ามีรักจริง และก็อีกข้างหนึ่ง จี๊ด นางเอกสาว ผู้เลื่อมใส ในความรัก อย่าง ซาบซึ้ง

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

เรื่องย่อ รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน เรื่องย่อ แทน นักคณิตศาสตร์ประกันภัย ผู้หาค่าสถิติประกันภัย ที่คำนวณแม้กระทั่งความสัมพันธ์ของคู่รัก หลังจากถูกแฟนสาวของเขาหักหลังอย่างเจ็บปวด

ก็เกิดปิ๊งไอเดียประกันภัยรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Love Insurance” หรือ กรรมธรรม์ประกันรักแท้2ปีทวีทรัพย์ ซึ่งเป็นแบบประกันที่รับประกันเงินคืน 100%

พร้อมดอกเบี้ยอีก 30% สำหรับคู่รักผู้ถือกรมธรรม์ หากพวกเขาไม่เลิกกันภายในเวลา 2 ปี หลังจากเซ็นสัญญา

หลังจากเปิดตัวแนวคิดประกันรูปแบบดังกล่าว ก็ได้รับความสนใจมากมาย แต่คณะกรรมการของบริษัท ต้องการให้เขาค้นหาข้อมูลเพื่อพิสูจน์ว่าผู้ถือกรมธรรม์ส่วนใหญ่จะเลิกกันในไม่ช้า

ก่อนจะถึงเวลา 2 ปีตามสัญญา โดยมี “จี๊ด” อดีตพนักงานบริษัทจัดหาคู่ ที่ถูกย้ายมาอยู่ในทีมของ “แทน” ช่วยรวบรวมข้อมูลให้

แต่เธอเป็นผู้หญิงที่เชื่อว่าความรักไม่สามารถคำนวณหรือวัดได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเชื่อของ “แทน”

ในขณะที่พวกเขาออกเดินทางเพื่อค้นหาคำตอบว่าผู้ถือกรมธรรม์จะเลิกกันหรือไม่ การต่อสู้ของพวกเขาที่มีเดิมพันเป็นศักดิ์ศรีก็ได้เริ่มต้นขึ้น

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

ความรู้สึกหลังรับชม รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

“ในเรื่อง ‘ความรัก’ คุณเชื่อในข้อมูลหรือหัวใจ” เป็นธีมสำคัญของหนังไทยเรื่องล่าสุดที่มีชื่อว่า “Love Battle รัก 2 ปียินดีคืนเงิน” หนังแนวโรแมนติกคอมเมดี้

จากค่าย CJ Major Entertainment ที่แม้หน้าตาของหนังจะดูสูตรสำเร็จ แต่หนังก็ถ่ายทอดมุมมองความรักที่มีเรื่องของ “สถิติ” และ “ระยะเวลา” เข้ามาเกี่ยวข้อง ออกมาได้น่าสนใจทีเดียว

อย่างที่บอกไว้ในตอนต้น รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน เป็นหนังโรแมนติกคอมเมดี้ ที่เดินในเส้นทางของหนังสูตรสำเร็จมากๆ และด้วยการที่หนังอยู่ในมือ

ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างไทยและเกาหลี จึงไม่แปลกที่ภาพรวมมีกลิ่นอายแบบหนังเกาหลีอยู่ตลอดเรื่อง ซึ่งหนังก็นำเสนอตัวเองออกมาได้ดีเลยทีเดียว

มีมุมฮา มุมซึ้ง และมุมเว้อวังเหนือจินตนาการ ในแบบที่ดูสนุกเพลินกับเรื่องราวไปได้ตลอด แม้จะแอบรู้สึกสะดุดอยู่บ้าง กับบางมุกบางฉาก

ที่เหมือนใส่เข้ามาให้นักแสดงสมทบมีบท เพื่อประโยชน์ทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของหนังเสียหายมากนัก

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

รีวิว รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน ภาพยนตร์จากค่าย CJ Major Entertainment

เดิมทีบทหนังเขียนโดย คิม มินยอง กับ ชเว จินวอน นักเขียนบทชาวเกาหลี ซึ่งทางโปรดิวเซอร์อย่าง โยนู ชเว ก็เลือกมาพัฒนาบทกับทางซีเจ เมเจอร์และเวิร์คพอยต์

โดยให้ทาง วิรัตน์ เฮงคงดี ผู้กำกับยอดมนุษย์เงินเดือนและรายการดังของเวิร์คพอยต์มากำกับ ซึ่งจุดเด่นที่สุดของไอเดียเรื่องคงหนีไม่พ้นทัศนคติแบบแอนตี้โรแมนติกของตัวละคร

แทน ที่คำนวนทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ความรัก ซึ่งหากทำได้ถึงเชื่อว่านี่น่าจะเป็นหนังโรแมนติกพลอตก้าวหน้าสไตล์เกาหลีเทียบเคียง My Sassy Girl (2001) ได้เลย

แต่น่าเสียดายว่าพอเดินทางมาเป็นหนังไทย ตัวหนังกลับกลายร่างเป็นเพียงหนังโรแมนติกเล่าเรื่องธรรมดาผสมกราฟิกให้พอตื่นตาสไตล์หนังอย่าง Stranger Than Fiction (2006) เท่านั้นเอง

โดยหนังดันไม่ลงลึกหรือเล่นกับรายละเอียดประกันมากพอว่ารูปแบบการชำระเบี้ยหรือผลประโยชน์ที่บริษัทจะให้เป็นแบบไหนถ้าเลิกกันก่อน2ปี

รู้แค่ว่ารักให้ถึง 2 ปีประกันจะคืนผลตอบแทนให้ 30% และพอรายละเอียดไม่มากพอความน่าเชื่อถือก็ลดลง

ทีนี้การนำมาเชื่อมโยงกับปมปัญหาที่ว่าความรักคนเรามีอายุแค่ 2 ปีจริงเหรอ? เลยไม่ทำงานกับคนดูอย่างที่มันควรจะเป็นนัก

บทสรุป รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน

ความน่าสนใจของ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน (Love Battle)” อยู่ตรงประเด็นที่ว่า ระหว่างทางของเรื่องที่หนังทำให้เราเห็นพัฒนาการของตัวละครอย่างแทนและจี๊ด

ในมุมมองของความรักที่อยู่ขั้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เมื่อพวกเขาได้เจอกับเคสต่างๆ ของลูกค้าประกันรักสองปีทวีทรัพย์ ที่มีทั้งรัก ทั้งผิดหวัง สับสนในความสัมพันธ์

ทั้งสองก็เริ่มกลับมาสำรวจแง่มุมความรักของตัวเอง และตกผลึกทีละเล็กทีละน้อย เริ่มทำความเข้าใจในมุมมองของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น

ตัวหนังเองค่อนข้างประสบความสำเร็จในการทำให้เราเชื่อไปกับโลกของตัวละครในเรื่อง ที่ไม่ว่าจะดู “เสมือนจริง” แค่ไหนก็ตาม แต่ “รัก 2 ปี ยินดีคืนเงิน”

ก็ยังอยู่ในหมวดหมู่หนังรักแฟนตาซี ที่มีหลากหลายรสชาติของความรัก แต่ท้ายที่สุดแล้วหนังก็ทำให้คนดูฉุกคิดได้เหมือนกันว่า

ในทุกการตัดสินใจกับความสัมพันธ์ระหว่างคนเรานั้น จำเป็นแค่ไหนกันที่จะหยิบเอาข้อมูล “สถิติ” ของคนอื่น มาตัดสินความสัมพันธ์ของเราเอง ในเมื่อความรักนั้นเป็นเรื่องของคนแค่สองคน หาใช่คนทั้งประเทศหรือคนทั้งโลก

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค หนังไทยตลก คอมเมดี้ มาใหม่ 2562

สวัสดีครับเชื่อว่าทุกๆท่านคงเคยได้ยิน หรือ เคยเห็นหนัง ที่เป็นแกงค์ตุ๊ด กันมาผ่านๆต่างกันบ้างแล้ว และวันนี้เราจึงจะมาแนะนำ หนังไทยnetflix เป็นหนังไทยสุดฮา ไม่กี่เรื่องที่ผมชื่นชอบมากๆ โดยเป็นภาพยนตร์ของทางค่าย GDH บอกเลยชื่อค่ายนี้ไม่มีผิดหวัง อ่านรีวิวจบแล้ว อย่าลืมไปรับชม ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค กันนะครับ

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค ภาพยนตร์ไทย แนวตลก จากผู้กำกับ กิตติภัค ทองอ่วม

ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค (Tootsies & The Fake) เป็นหนังไทย แนวคอมเมดี้ ที่มีเรื่องราวต่อจาก ไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เดอะซีรีส์ ที่ถ่ายทอด ทางช่อง จีเอ็มเอ็ม 25

ผลิต โดย จอกว้างเวิ้ง ฟิล์มถ่ายรูป แล้วก็จําหน่าย โดยจีดีเอช ห้าห้า เก้า ควบคุม โดย กิตติภัค ทองอ่วม มีเค้าเรื่องเล็กน้อยมาจาก

ชีวิตจริงของ ธีร์ธวิต เศรษฐไชย หรือ ช่า บันทึก ของกะเทย ที่เขียนบันทึกลงเฟซบุ๊คและก็พ็อคเก็ตบุ๊ค บันทึกของกะเทย

เหมือนกันกับละครชุด เข้าฉายอย่าง เป็นทางการในวันที่ 5 ธ.ค. พุทธศักราช 2562 ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค เป็นหนังไทยที่ทํารายได้เป็นชั้น 1 รายปี พุทธศักราช 2562 โดยการหารายได้ 141 ล้านบาท

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

เรื่องย่อ ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค เรื่องย่อ งานเข้า เหล่า กลุ่ม กะเทยในทันทีเมื่อ เคที (อารยา เอ ฮาร์เก็ตต์) ซุปตาร์เบอร์ต้นของ ประเทศไทยต้น ได้รับ อุบัติเหตุจากเหงื่อเจ้ากรรมของ อีกอล์ฟ (ปิงปอง ธงชัย)

จนถึงรุนแรง งานนี้นางเลย แท็กทีม 2 เพื่อนพ้อง กะเทย ทั้งยัง กัส (เพชร เผ่าเพชร) ที่จะต้องตกลงใจเลือกระหว่าง วิน (หู สวัสดิวัตน์) คนรักใหม่แสนดี กับ ท็อป (เจ กฤษณภูเขาไม่)

คนรักเก่าเชื้อเชิญ ใจสั่น, คิม (เต๋อ เมือง ความสนุกสนาน) ศจี สาวตก สรวงสวรรค์ แถม จมูก พังทลาย ในอากาศ และก็อีก 1 เพื่อนฝูง ดื้อย่าง แน็ตตี้ (พีค ดีศยา) ที่แม่ข่มขู่จะชูมรดก

ให้แมวถ้าหาก นาง ไม่ยินยอมมีลูก อีกทั้งสี่จะต้องร่วม ภารกิจแปลง พี่สาวน้ํา (อารยา เอ ฮาร์เก็ต) แม่ค้ากะหรี่ ที่มีเพียงแต่ บริเวณใบหน้าที่ไปลูกศร ฯ

จนกระทั่งเสมือน คุณเคที่ มา “เฟค” เป็นซุปตาร์เบอร์หนึ่ง ของ ประเทศไทย ในงาน ถ่าย โปรโมท ชิ้น สําคัญ ก่อนที่จะถูกฟ้อง จนถึง หมดตูด

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

ความรู้สึกหลังรับชม ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

หนังเดินเรื่อง ผูกเรื่อง ของ อีกทั้งสี่คนเชื่อมโยงกันได้เกิดเรื่องเดียวกัน เส้นเรื่องเป็นความเลียนแบบ ความ เฟค ของ อีกทั้งสี่ที่ฮามาก กัส-กอล์ฟ-คิม-แนตตี้

เพื่อนซี้ที่ความกล้าหาญของแต่ละคน ซ่า บ้าเลือด ทั้งหมด ถูกใจ การน่า เรื่อง ของ กอล์ฟ มาผูกกับซุปตาร์เคที่ได้อย่าง พอดีสุดๆ แถม หนัง ยัง ล้อเลียน

เรื่องราว ในแวดวงเบิกบาน ได้ อย่าง บ้าเลือดส์ แปลง ชื่อละคร เปลี่ยนแปลงหน้าที่ต่างๆ ปลดปล่อยมุขฮา ขายขจาย ประเภทที่ว่า คนใด ไม่ค่อย ติดตามข่าวเกี่ยวกับบันเทิง หรือเป็นแฟนละคร บางทีก็อาจจะต้องตามเก็บมุขกัน ในรอบสองรอบสาม

แม้ว่า ตัวบทจะมีผลให้ พวกเรา ไม่อิน มากเท่าไรนัก เนื่องจากมัน ไม่ค่อยได้เจอเผชิญ แบบงี้ในชีวิตจริง มัน โอเวอร์ แบบ โอเวอร์ให้อรรถรส ก็เพียงแค่นั้น

ซึ่งหัวข้อนี้ ย้ํากันที่สีหน้าท่าทาง รวมทั้งอารมณ์ ที่ใหญ่มาก ผู้แสดง ทุกคน ท่า ออกมา ได้ดิบได้ดี ติดอยู่แรกเตอร์ชัด ปิงปอง สุดมากมาย ตัวสําคัญไอเลิฟเต๋อ, เพชร, พีค

ก็แซ่บซ่าตามกัน มาติดๆ ในส่วนของ ผู้แสดงฝ่ายชาย เจเจ รวมทั้งหู คนหนึ่งก็หล่อครบจบที่บังกะโล ส่วนอีกคนก็อบอุ่น ราวกับ บ้าน งานนี้ก็จําต้องมองว่ากัสจะเลือกผู้ใดกัน

แต่ว่า ในส่วนของ พาร์ท กัส ไม่อินมากเท่าไรนัก เพราะเหตุว่า ไม่ค่อย ถูกใจ รักเอ่ยเตยหอม เท่าไร แต่ว่าก็ไม่ติด ที่จะมีซีนให้ขาจิ้นฟินเวอร์ได้ กระปรี้กระเปร่า หัวใจ

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

รีวิวหนังไทยnetflix ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค ภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงถึง 55 ล้านบาท

คงจะนับยอดเยี่ยม ในการปรากฏของอุตสาหกรรม ภาพยนตร์ไทย ในรอบปี 2019 เลยก็ว่าได้เมื่อ ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค ทํารายได้เปิดตัวที่ 55 ล้านบาท (นับเฉพาะในกรุงเทพมหานคร แล้วก็เขต ละแวกใกล้เคียง)

รวมทั้งมีทิศทางว่า กว่าจะหมดรอบฉาย หนัง บางทีอาจ ปัดกวาดรายได้ไปทั้งหมดทั้งปวงเกินกว่าร้อยล้านบาท

ซึ่งเป็นตัวเลข สูงลิบลิ่ว โดยยิ่งไปกว่านั้น เมื่อดูจากความซบเซา ในระยะหลังๆ ของ แวดวงภาพยนตร์ไทยมีอยู่หลายเหตุผลว่าเพราะเหตุใด

หนัง “กะเทยซี่ส์’ ก็เลยระเบิด ฟอร์ม ได้งดงามตั้งแต่แมื่อวันแรกที่ลงโรงฉาย

บทสรุป ตุ๊ดซี่ส์ & เดอะเฟค

ตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะเฟค เป็นหนังไทยที่ปัดกวาดรายได้เป็นชั้น 1 ของปี 2019 ไปถึง 135.65 ล้านบาทกันอย่างยิ่ง จริงๆ (รายได้จากกรุงเทวดาจังหวัดเชียงใหม่และก็บริเวณรอบๆ)

หนังให้ข้อคิดเตือนใจเยอะพอควร โดยยิ่งไปกว่า นั้นเรื่อง ความฝัน ที่แม้ว่าใครกันแน่จะเห็นว่าเกิดเรื่องเล็กๆ สําหรับเขา แต่ว่า ส่วนตัวสําหรับเรามันยิ่งใหญ่มากมายๆ

เรื่อง ครอบครัว ความรัก แล้วก็การใช้ชีวิต พูดได้ว่า ให้มา ครบ 10 10 10 ไปเลยจ้า สามารถรับดูตุ๊ดซี่ส์ แอนด์ เดอะ เฟคแบบถูกลิขสิทธิ์ไม่มีเฟค ไม่มีเลียนแบบ ได้แล้ววันนี้ บน Netflix