Category Archives: หนังไทยมาใหม่

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย

สวัสดีครับนี่คือหนึ่งในหนังไทยอีกเรื่อง หนังไทยnetflix ที่มีความฮา ผสม กับ ความบ้านนอก ๆ อารม คล้าย ๆ ไทยบ้าน นั้นแหละครับ ส ปอย หนัง สำหรับ ส้มป่อย นี่คือหนังรอมคอมสไตล์ไทย ๆ ที่จะพาพวกเราไปเยือนเมืองเหนือ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี แถว ๆ จังหวัดลำพูน กับเรื่องราวของสาวสวยผู้เบื่อบ้านเกิดตัวเอง และ อยากจะหนีออกไปไกล ๆ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ส้มป่อย คือชื่อของตัวเอก และ เป็นชื่อหนังเรื่องนี้ ส้มป่อย (น้ำตาล พิจักขณา วงศารัตนศิลป์ จากละครเรื่อง แค้นรักสลับชะตา และ ประกาศิตกามเทพ) เป็นสาวเหนือที่มีบุคลิกไม่เรียบร้อย ผิดจากภาพลักษณ์สาวเหนือในความคิดของใครหลาย ๆ คน ซึ่งอาจส่งผลให้เธอยังไม่มีแฟนสักที เธอเป็นสาวที่ค่อนข้างเบื่อกับงานวันรวมญาติที่เหล่าเครือญาติที่ได้ผัวเป็นคนกรุงเทพฯ จะพาผัว และ ลูกกลับมาเยี่ยม ก็คงจะมีแต่แม่ของเธอนี่แหละที่ไม่ได้มีผัวเป็นคนกรุงเทพฯ เหมือนอย่างญาติคนอื่น และ นั่นอาจเป็นสาเหตุให้เธอคิดอยากจะมีแฟนเป็นคนกรุงเทพฯ

ประเภท: ตลก / โรแมนติก
ผู้กำกับ: ส้มป่อยทีม
นำแสดงโดย: พิจักขณา วงศารัตนศิลป์, ธนพล จารุจิตรานนท์, ธัชทร ทรัพย์อนันต์
ความยาว: 120 นาที
กำหนดฉายในไทย: 4 พฤศจิกายน 2021

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย หนังไทยเรื่องนี้ มีพล็อต ส้มป่อยเต็มเรื่อง บท และ การดำเนินเรื่องที่เรียกได้ว่า ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน และ เน้นใช้เสน่ห์ของนักแสดง ผสมกับความสามารถในการแสดงที่สามารถใส่ได้ทั้งคอมิดี้ เล่นให้ดูตลก โอเวอร์เล็ก ๆ แต่ก็มีความน่ารักผสมอยู่ในนั้นแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเล่นซีนดราม่าก็เอาอยู่มากพอจะทำให้คนอินตาน้ำตาซึมตามได้ เหมาะสำหรับคอหนังที่ต้องการเสพความบันเทิง ไม่ต้องการอะไรที่เคร่งเครียดเกินไป ไม่คาดหวังสิ่งที่แปลกใหม่หรือการดำเนินเรื่องที่เกินคาด

เพลงประกอบของหนังก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็น ‘อยากมีแฟนแล้ว’ เวอร์ชันดั้งเดิมที่อยู่ในหนังหรือเวอร์ชันใหม่ที่ร้องไว้โดย ส้ม มารี (Zommarie) แต่ที่ประทับใจสุด ๆ ก็เห็นจะเป็น ‘ไม่เคย’ เวอร์ชันภาษาเหนือที่ร้องไว้โดย ไม้เมือง

เป็นหนังที่ทำให้เห็นลีลา และ บทบาทใหม่ ๆ จาก น้ำตาล พิจักขณา เพราะเธอต้องเล่นเป็นผู้หญิงกระโดกกระเดก ที่ชอบกินลาบ ชอบกินเหล้า มักจะเมาเละภาพตัดอยู่หลายช่วง ซึ่งน้ำตาลผู้มีเบาหน้าสไตล์สวยมหาชนก็ดูไม่ห่วงสวย ใส่ลีลาปากจัดเต็มที่

ขณะเดียวกันลีลาอ่อยผู้ชายก็ใส่เต็มเช่นกัน ขณะที่ตัว ป๊อป ธัชทร อาจจะไม่ได้บทที่ส่งให้มากนัก แต่กับ ตี๋ ธนพล ดูเหมือนจะได้เล่นอะไรมากกว่า แม้โดยส่วนตัวจะไม่ค่อยชอบใจนัก กับการที่ตัวเอกของเรื่องมีอาชีพคนทรงแบบนี้ [แถมในเรื่องก็ยังโดยนางเอกจับได้ซะอีก] แต่พอถึงช่วงเวลาดราม่า เขาก็ทำได้ดี

โดยส่วนตัวแล้วไม่ถึงกับขำคิกคักไปกับบทคอมิดี้สักเท่าไหร่นัก แต่ความน่ารักของน้ำตาลพาให้ผ่านไปได้เกือบหมด ถ้าใครเป็นคนเหนืออยู่แล้วก็น่าจะอิน และ สนุกกับหนังเรื่องนี้เพราะประสบการณ์ร่วมย่อมจะมากกว่า

เรื่องย่อ

รีวิว ส้มป่อย

ส้มป่อย สาวละปูน(ลำพูน) สาวโสดขาแรง สายฮา ที่ไม่อยากติดแหง็กใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในบ้านเกิด การได้แฟนดี ๆ ไปใช้ชีวิตคูล ๆ อยู่กรุงเทพฯ ถือเป็นลาภอันประเสริฐ ความหวังเดียวที่จะช่วยให้ฝันเป็นจริงคือต้องหาแฟนเป็นหนุ่มชาวกรุง และ แล้วฟ้าก็ประทาน “แวน” ยูทูบเบอร์สายท่องเที่ยวมาให้

ส้มป่อยจึงโร่ปรึกษา “แซ้ป” เจ้าเข้าทรงสายแว้นซ์นั่งทางในหากลเม็ดมัดใจผู้บ่าวเมืองกรุง โดยที่ส้มป่อยไม่รู้เลยว่าแซ้ปแอบชอบเธอ จู่ ๆ เสน่ห์ก็แรงขึ้นมา ส้มป่อยจะเดินหน้าอ่อยแวนต่อหรือพอแค่นี้

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว ส้มป่อย

เราอาจจะได้เห็นได้ดูหนังทรงไทบ้านทางฝั่งอีสานมาก็ประมาณแล้ว ส้มป่อย HD แต่ไม่ค่อยได้เห็นสไตล์กำเมืองออกมาโลดแล่นบนหน้าจอหนังไทยบ่อยสักเท่าไหร่ และ เรื่องนี้ก็ได้เข้ามาเติมเต็มเสน่ห์พื้นเมืองของไทยอีกภาคได้อย่างค่อนข้างเติมเต็ม หนังเรื่องนี้ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าใครเป็นผู้กำกับ เพราะแปะติดเอาไว้ว่า ภาพยนตร์โดย ส้มป่อยทีม ที่เป็นการรวมตัวของนักสร้างหนังหน้าใหม่ที่มาร่วมกันระดมความคิดในหนังเรื่องนี้

ส้มป่อย ก็เป็นหนังไทยที่มาพร้อมกับสูตรสำเร็จที่ค่อนข้างตายตัวเรื่องหนึ่ง เพราะแน่นอนว่าบทหนังแทบจะไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย แต่หนังเลือกหยิบเอาความเป็นสาวเอื้องเหนือ วิถีความเป็นล้านนา เสน่ห์ความผู้คนทางภาคเหนือมาถ่ายทอดในมุมมองที่อาจจะไม่ค่อยได้พบเจอสักเท่าไหร่ กลายเป็นหนังภาษากำเมืองที่แทรกซึมคลุกวงในไปได้อย่างไม่รู้

พล็อตเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็เต็มไปด้วยความจำเจ กับแค่พล็อตแม่สาวอยากมีผู้ที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะได้สะดุดตาผู้ และ ได้มาครอบครอง กับเส้นเรื่องเลิฟไลน์ที่ไม่ได้อยู่นอกเหนือไปจากที่คิดเอาไว้สักเท่าไหร่ แต่ตลอด 2 ชั่วโมงของหนังก็สามารถตรึงใจผู้ชมเอาไว้ได้ค่อนข้างอยู่หมัด มีทั้งมุมน่ารัก ๆ มุมประทับใจ และ มุมน่าเบื่อ ปะปนกันไปเป็นองค์ประกอบ

แต่ ส้มป่อย ก็ได้นักทำหนังระดับยอดฝีมือมาช่วยปลุกปั้นงานอยู่ นำโดย “โขม ก้องเกียรติ” กับ “มะเดี่ยว ชูเกียรติ” เข้ามาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ และ ที่ปรึกษาให้หนังเรื่องนี้ตามลำดับ กลั่นกรองออกมาเป็นเรื่องราวรักพัลวันตามประสาแม่สาวที่มีอินเนอร์ความแฮ่นป้อจายเต็มปรอท ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างน่าพอใจอยู่ในระดับที่พอขำได้แบบเบาะสั่น

แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยพยุงหนังเอาไว้ได้มาก ๆ ก็คือ “น้ำตาล พิจักขณา” ที่มารับหน้าที่ และ แบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องได้อย่างทรงเสน่ห์ ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นผลงานหนังเรื่องแรกของเธอ แต่กลับงัดทักษะทางการแสดง และอินเนอร์ของสาวแพร่ออกมาใช้ในการถ่ายทอดเรื่องนี้อย่างเป็นธรรมชาติ บวกกับความน่ารักแก่นแท้ในตัวเธอ ส่งเสริมให้หนังเรื่องนี้อบอวลไปด้วยเสน่ห์ที่แตะต้องได้

ต้องยอมรับเลยว่า น้ำตาล พิจักขณา เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักที่ช่วยขับเคลื่อน และ ประคองหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ส้มป่อยจะออกมาเป็นอย่างไรก็ต้องมีเธอเป็นหนึ่งในส่วนประกอบในนั้นจริง ๆ ในขณะที่ 2 หนุ่มที่เข้ามาเสริมก็ช่วยซัพพอร์ตหนังได้ค่อนข้างดี

ไม่ว่าจะเป็น “ตี๋ ธนพล” หรือ “ป๊อบ ธัชทร” แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่ค่อยเจนจัด และ มีชั่วโมงบินทางการแสดงได้เท่ากับนางเอก แต่เสน่ห์ของพวกเขาก็ช่วยส่งเสริมตัวหนังได้เป็นอย่างดี

รีวิว ส้มป่อย

รีวิว ส้มป่อย หนังไทยที่พาเราขึ้นเหนือไปชมบรรยากาศ ส้มป่อย นักแสดง ต่างจังหวัดในแถบลำพูน พาไปพบกับเรื่องราวของสาวละปูนที่มีทั้งความแก่น ความฮา และ ไม่รู้สึกมีความสุขกับการที่ต้องติดอยู่ที่นั่น ฝันอยากได้แฟนที่เป็นคนกรุงเทพฯ จนมาเจอหน้าหล่อ ๆ ของแวน ชายหนุ่มที่มาถ่ายภาพบ้านเมือง วัฒนธรรม และ ธรรมชาติของล้านนา ทำให้เธอได้เจอเขา

แต่หนังก็สร้างตัวละครอีกตัวมาเป็นคู่แข่งกัน แซ้ป คือชายหนุ่มผู้มีอาชีพเป็นหมอดูร่างทรง ที่สาวเจ้าไม่เคยเชื่อถือ และ มองเห็นเป็นความหลอกลวง แต่เพียงแว้บแรกที่เขาเห็นเธอก็ตกหลุมรักเข้าอย่างจัง แน่นอนว่า เขาต้องใช้ความเป็นร่างทรงออกอุบายเพื่อให้แวนไม่สมหวัง

เรื่องนี้ ตัวละครแทบจะพูดภาษาเหนือกันทั้งเรื่อง เหลือไทยกลางไว้สำหรับแวน คนกรุงเทพฯ ไว้เท่านั้น ให้ฟีลลิ่งล้านนา เหมือนคนดูได้ไปใช้ชีวิตท่ามกลางคนเหนือ

เริ่มต้นเรื่อง อาจจะขัดเขินอยู่บ้าง แต่พอเรื่องราวเดินไปก็เหมือนจะเข้าฝักกันมากขึ้น ตัวหนังเดินเรื่องไปเรื่อย แม้อาจช้าบางจุด หากก็ไม่มีเวิ่นเว้อเอาแต่เล่นมุขเฮฮา บทหนังพาเราไปในจุดที่คุ้นเคยไม่มีอะไรแปลกใหม่

ทุกอย่างจึงคล้ายจะเดินไปตามความคาดเดาของคนดู จะติดอยู่บ้างก็คงเป็นระยะเวลาของเรื่องราวที่กระชั้นสั้นจนเกินไป ทำให้รู้สึกทุกอย่างมันรวดเร็วเกิดความกังขาในความรักของคนทั้งสาม แต่ถึงกระนั้น ตัวหนังก็พาให้เราอินไปกับฉากชวนสะเทือนใจได้อยู่

เหมือนหนังจะเล่าเรื่องความคิดระหว่างคนต่างจังหวัดที่มีต่อคนกรุงเทพฯ นางเอกเองที่ตั้งใจจะหาแฟนเป็นคนกรุงเทพฯ ที่สามารถพาเธอออกไปจากบ้านเกิดที่แสนน่าเบื่อ แต่ก็กลับได้พบอีกคนที่อยู่บ้านเดียวกัน พูดภาษาเดียวกัน กินอาหารเหมือนกัน และ ถ้าทั้งสองคนต่างยอมรับในสิ่งที่เป็นตัวเธอเหมือน ๆ กัน เธอจะเลือกคนไหนดี?

อีกทั้งหนังก็ยังอาจเล่าไปถึงขั้นว่า เราควรเป็นคนแบบไหนดี ควรจะทำตัวเรียบร้อยอย่างที่คนหนึ่งชอบ หรือควรจะเป็นตัวของตัวเอง

บทสรุป

จะบอกว่า ส้มป่อยเป็นความเซอร์ไพรส์หรือไม่ ส้มป่อย Pantip ก็อาจจะเป็นได้ เพราะถือว่าหนังค่อนข้างเหนือความคาดหมายจากที่คิดเอาไว้เล็กน้อย สูตรสำเร็จที่ขับเคลื่อนด้วยเอกลักษณ์ของนักแสดงที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างมีเสน่ห์ กับการหยิบเอาวัฒนธรรมพื้นเมืองมาตีแผ่ในรูปแบบที่ค่อนข้างอินไซด์ และ เก็บรายละเอียดวิถีท้องถิ่นได้อย่างเข้าถึงในประมาณหนึ่ง นี่จึงเป็นเสน่ห์ที่ส้มป่อยสามารถทำได้ถึงแก่น

โดยสรุปแล้ว ส้มป่อย เป็นหนังไทยที่ไม่ได้มีความแปลกใหม่ใด ๆ เหมือนเปรียบเทียบกับหนังรอมคอมเรื่องอื่น ๆ แต่มีเสน่ห์เพราะการหยิบเอาวิถีท้องถิ่นของคนภาคเหนือมาถ่ายทอดในรูปแบบที่ลึกซึงถึงแก่นได้จริง ๆ บทหนังอาจจะเบาโหวง แต่ก็ได้เสน่ห์ และ ทักษะของนักแสดงนำมาช่วยเกื้อหนุนเอาไว้ได้ดี ทำให้หนังไทยที่ชื่อว่า ส้มป่อย สื่อออกมาได้น่าประทับใจ๋ได้ระดับหนึ่ง…

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war

สารภาพตามตรงว่านี้ไม่ไช่ หนังไทยมาใหม่ หนังแนวที่ผมชอบเลย แต่ก็ต้องยอม เพราะกระแสหนัง App War แอปชนแอป ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี มาแรงมาก ๆ เรียกได้ว่าไม่ว่าจะสื่อไหน ต่างก็พูดถึง จนในที่สุดก็ต้องดู มันอยู่ไม่ได้จริง ๆ 555 โดยภาพยนตร์ ส ปอย หนัง เรื่องนี้ ต้องบอกก่อนเลยว่า เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ กำกับโดย ยรรยง คุรุอังกูร ผลิต และ จัดจำหน่ายโดย ที โมเมนต์ นำแสดงโดย ณัฏฐ์ กิจจริต วริศรา ยู พัศชนันท์ เจียจิรโชติ สิราษฎร์ อินทรโชติ ธนาภพ อยู่วิจิตร ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ และ อภิวิชญ์ เรียร์ดอน โดยมีกำหนดฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2561 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ต้องการชิงทุนจากบริษัทดังด้วยการสร้างแอป

ในช่วงเดือนสิงหาคมปีนี้ สังเกตว่าจะมีหนังเข้าฉายในบ้านเราค่อนข้างเยอะพอสมควร ทำให้คนที่ไม่ค่อยจะมีเวลาว่าง ๆ ไปนั่งดูหนังอย่างผม ต้องเลือกมากสักหน่อยกว่าจะเข้าไปดูแต่ละเรื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องที่ไม่ได้เลือกก็ใช่ว่าจะไม่มีคุณภาพ แต่หลายครั้ง จริต ความอยาก และ ปริมาณของหนังที่พอดีกับเรามันก็บังคับไปในตัว ทำให้สัปดาห์นี้หนังไทยอย่าง ‘App War แอปชนแอป’ ถูกเลือกส่วนหนึ่งเพราะนักแสดงบางคนในนั้น

App War แอพชนแอพ
แนว : Drama / Romantic / Comedy
กำกับโดย : เสือ – ยรรยง คุรุอังกูร
แสดงนำโดย : ธิชา วงศ์ทิพย์กานนท์ / จิงจิง วริศรา ยู / พัศชนันท์ เจียจิรโชติ (อร BNK48) ณัฏฐ์ กิจจริต / ทู สิราษฎร์ / หรั่ง อภิวิชญ์ / เติร์ท ธนาภพ
กำหนดฉาย : 1 สิงหาคมปี 2018

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war มันเป็นหนังวัยรุ่น app war เต็มเรื่อง ที่เขียนมาเพื่อเล่าเรื่องเด็กวัยรุ่นยุคนี้ ยุคที่ไอทีเข้ามาเกี่ยวข้องสูงมาก โลกของอินเทอร์เน็ต โลกที่ผู้คนเชื่อมโยงสัมพันธ์กันด้วยแอปพลิเคชัน โลกที่ใช้มือถือเป็นดั่งอวัยวะสำคัญของร่างกาย ความฝัน ความพยายาม ก็เลยถูกควบรวมอยู่ในนั้น การแสวงหาตัวตน จุดเริ่มต้นของการถูกยอมรับ ในนั้นมีความฝันความซ่อนตัวอยู่

ใน ‘แอปชนแอป’ วัยรุ่นสองกลุ่มกำลังคร่ำเคร่งกันสร้างแอปที่มีคอนเซปต์ความสัมพันธ์ที่ใช้ความชอบเฉพาะอย่างเป็นตัวเชื่อม กับธุรกิจ Startup อันเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงที่จะ “เจ๊ง” และ มีเพียงสวนน้อยเท่านั้นที่จะสำเร็จ

มากกว่านั้น หนังยังพยายามเล่นกับคำว่า Start ด้วยการบอกให้มองถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างแอปขึ้นมาสักตัว แต่อย่างไรก็ดี Startup ก็เป็นธุรกิจ แผนการตลาดที่เป็นไปได้ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ นอกเหนือไปจากเงินทุนที่ต้องพึ่งคนมีกะตังค์ วัยรุ่นหลาย ๆ คนก็อาจจะประสบความสำเร็จในฐานะมือใหม่ที่สร้างธุรกิจใหม่ ๆ และ ประสบความสำเร็จ การเล่าเรื่องด้วยการแข่งขันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายสำหรับคนดูมากที่สุด

เรื่องย่อ

รีวิว แอปชนแอป app war

บอมบ์ กับ จูน สองหัวหน้าทีมทำแอปหน้าใหม่ที่ไม่เคยประสบความสำเร็จในการประกวด Startup เวทีไหนมาก่อนเลย วันหนึ่งพวกเขาได้เจอกันโดยบังเอิญ เมื่อได้ทำความรู้จักกันมากขึ้นก็พบว่าต่างคนต่างก็ชอบอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนกัน จนคุยกันถูกคอ และ เกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ขึ้น

ค่ำคืนนั้นทำให้บอมบ์ได้แรงบันดาลใจ และ ปิ๊งไอเดียแอป แอปหนึ่งขึ้นมา แต่หลังจากเปิดตัวแอปได้ไม่นานก็มีอีกแอปหนึ่งเปิดตัวในเวลาไล่เลี่ยกันทั้งไอเดีย และ คอนเซปต์คล้ายของเขาจนแทบจะเรียกได้ว่า “ก๊อบ” กันออกมาทีเดียว และ เมื่อสืบถึงตัวเจ้าของแอป ก็พบว่าแอปนั้นเป็นของ จูน นั่นเอง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว แอปชนแอป app war

หนังหยิบเอาประเด็นของคนรุ่นใหม่ ณัฏฐ์ กิจจริต ที่อยากเป็นเจ้านายตัวเอง ไม่อยากทำงานออฟฟิซ จึงต้องมาเริ่มทำกิจการของตัวเอง และ “การพัฒนาแอพลิเคชั่น” คือสิ่งที่หนังนำเสนอ จนมี ทีมนักธุรกิจวัยรุ่นมาแข่งกันสร้างแอปพลิเคชัน และ แต่ละคนก็มีปม

มีประเด็นของตัวเองที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ซึ่งหนังทำออกมาได้เข้าใจง่าย ย่อยง่ายมาก คนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับธุรกิจ Start Up ก็ดูได้ (แถมดูแล้วได้แนวคิดดี ๆในการใช้ชีวิตด้วย) เราจะเห็นรูปแบบการทำงานของเหล่านักพัฒนาแอพลิเคชั่นที่มีเรื่องราวให้ลุ้นระทึก หักเหลี่ยมเฉือนคมที่ดูสนุก และ น่ารักดี

ส่วนแอคติ้งนักแสดง ทำออกมาได้ดี ดูแล้วเชื่อ ดูแล้วอิน แม้คาแรคเตอร์ตัวละครบางตัวจะดูฝืน ๆ หรือออกไปทางเหนือจริงนิด ๆ แต่มันทำให้ภาพที่ออกมาชัดเจนว่าตัวละครนี้คือพระเอก เก่งการเขียนโปรแกรม มันก็จะมีบุคลิกแบบนี้ หรือเด็กฝึกงาน ที่เป็นสายลับ ก็จะมีคาแรคเตอร์แบบในหนัง หรือแม้แต่นายทุน ที่ลีลาแอคติ้งชวนหมั่นไส้ ก็ทำหน้าที่สำคัญในเรื่องได้ดีเช่นกัน

ส่วนจุดที่คนทั่วไปอาจจะเบื่อนิด ๆ คือหนังพยายามใส่สถานการณ์ กับประเด็นเยอะจนล้น และ มันส่งผลให้หนังมีความยาวน้อง ๆ Avenger Infinty War เลยทีเดียว เพราะหนังยาวมาก บางจุดก็เล่ามาทำไมไม่รู้ ดูยืด ๆ ไปนิด ทั้ง ๆ ที่มันสามารถตัดฉับ และ รวบบทได้เลยแท้ ๆ

รีวิว แอปชนแอป app war

รีวิว แอปชนแอป app war หนังจากค่าย T Moment ที่ส่วนตัวมองว่าเป็นค่ายหนัง App War ความหวังหนึ่งของคอหนังไทยเลยนะ โดยเฉพาะกับหนังระลอก 2 ที่ค่ายนี้เตรียมปล่อยโดยเริ่มที่หนังเรื่องแรกคือ App War นี่เอง หนังเป็นผลงานกำกับของ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร ที่เคยกำกับหนังไทยที่ได้ใจไปแบบม้ามืดในปี 2558 เรื่อง 2538 อัลเทอร์มาจีบ ของ ค่ายโมโนพิคเจอร์ ก่อนที่จะมารวมกับ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์

ก็นับว่ามารอบใหม่ยังคงเก็บจุดเด่นในเรื่องภาพเท่ ๆ สวย ๆ เนื้อหามัน ๆ เข้าใจง่าย ๆ เข้าอกเข้าใจวัยรุ่นวัยเรียนเช่นเคย ส่วนที่พัฒนาขึ้นคงเป็นการกล้าที่จะเล่าเนื้อหาใหม่ ๆ ไม่อิงความนิยมเดิม ๆ แบบนอสตัลเกียอย่างเรื่องก่อน เพราะสตาร์ทอัปถึงจะเป็นคำฮิตที่ได้ยินบ่อยในช่วงไม่กี่ปีนี้

แต่เอาเข้าจริงเด็กไทยก็ไม่ได้สนใจหรืออยากจะเข้าใจอะไรไปมากนัก ตรงนี้ทำให้ App War มีจุดสร้างมาตรฐานใหม่ ๆ ให้หนังไทยอย่างที่ ฉลาดเกมโกง เคยทำไว้เช่นกัน หนังที่กล้าสร้างเทรนด์ที่ดีให้สังคมแบบนี้จึงเป็นอะไรที่ต้องสรรเสริญ ไม่ใช่แค่ชื่นชมเลยครับ

หนังใช้ดาราหน้าใหม่เป็นตัวหลัก แม้เราจะคุ้นหน้าจากงานโฆษณา หรือเอ็มวีมาบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ฐานแฟนคลับยังไม่ใช่ขนาดตัวเรียกเงินทองได้ ดังนั้นค่ายก็ต้องมั่นใจในฝีไม้ลายมือกันระดับหนึ่งเลยล่ะ ตรงนี้ก็ขอพูดรวบทีเดียวเลยว่า กลุ่มนักแสดงตัวหลักทั้งฝั่งพระเอก และ นางเอก นั้นมีเสน่ห์น่าสนใจ

แต่การแสดงนั้นอยู่ในกรอบมาตรฐานที่ดี ยังไม่ได้โดดเด้งจนจดจำนัก อย่างพระเอก ณัฏฐ์ กิจจริต ในบท บอมบ์ โปรแกรมเมอร์เทพก็ถูกนำเสนออย่างเด็กเนิร์ดจัดที่มีปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ตามเนื้อเรื่องก็ทำให้ไม่ได้โชว์ฝีมือการแสดงได้จะแจ้งจนไปตัดสินได้

ฝั่งนางเอกอย่าง จูน ที่แสดงโดย วริศรา ยู แม้จะทำได้ดีในบทปะทะอารมณ์ และ บททั่ว ๆ ไป แต่ในโมเม้นท์เขินอายเข้าพระเข้านางก็ยังมีจังหวะแปลก ๆ ที่เห็นชัดว่าเคมียังไม่เข้ากันกับพระเอกดีนัก แต่ก็เป็นฉากสั้น ๆ ที่อาจปล่อยผ่านไปก็ได้ล่ะนะ

บทสรุป

โดยสรุปหนังเรื่องนี้จัดเป็นหนังไทย App War Netflix ที่ภาพเท่มาก ๆ คอสตูมดีไซน์ต่าง ๆ คิดมาอย่างมีรสนิยม เนื้อเรื่องมีการนำเทรนด์ทางปัญญาให้เด็ก ๆ มีฝันในยุคแห่งนวัตกรรม และ ยังให้เห็นอุปสรรคชีวิตจริงว่าความสำเร็จมันไม่ได้มาง่าย ๆ ไม่ฟุ้งลอยเกินไปด้วย

ในขณะเดียวกันแม้ข้อคิด และ สาระจะมากมี แต่ก็สมดุลกับความบันเทิงที่มีเรื่องของมิตรภาพ และ ความรักเป็นพื้นได้อย่างไม่ขาดไม่เกิน หนังอาจไม่เด็ดขาดอย่างหนังแนวธุรกิจแบบเดียวกันของฝรั่ง หรือเข้มข้นระทึกขวัญขนาดฉลาดเกมโกง

แต่ก็มีความดีงามไปอีกทางหนึ่งที่หนังเรื่องที่กล่าวมาไม่อาจนำเสนอได้ คือจากใจเลยคือมองว่าสำหรับช่วงปีสองปีนี้หนังเป็นรองแค่ ฉลาดเกมโกง เท่านั้นเอง ดังนั้นเชื้อเชิญอย่างยิ่งเลยให้ทุกคนไปดูครับ

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

นับเป็นมหกรรมยำ (เละ) ครั้งใหญ่ แบบไม่สน หนังไทยมาใหม่ อะไรเลยจริง ๆ 5555 สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่ตั้งแต่ Trailer ออกมาแรก ๆ นั้น ยอมรับเลย ส ปอย หนัง ว่ารู้สึก น่าดู สำหรับหนังไทยแบบนี้ คือตั้งตารอ เฝ้ารออยู่ทุกวันเลยจริง ๆ แต่หลังจากหนังฉาย วันที่ 1 กันยา ได้ไปดูในโรง จบแล้วชวนเกาหัวมากกว่าที่จะเอ็นจอยไปกับมัน ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี คือมันแบบ อิหยังวะ จริง ๆ ปกติไม่ค่อยได้เห็นหนังสยองขวัญ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ไล่เชือดไทยออกมาบ่อยนัก การมาของเรื่องนี้ตอนได้เห็นโปสเตอร์และตัวอย่างก็นับว่าน่าสนใจดี มีความคาดหวังเล็ก ๆ ว่ามันจะพอสร้างความแปลกใหม่ได้อยู่ พอดูจบแล้วมันก็แปลกใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ในทางที่ดี แต่เป็นในทางที่แย่ โดยเรื่องคร่าว ๆ คือหนังว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ได้มาพบเจอกันในรอบหลายปีที่บ้านกลางป่า แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรหน้าหมีที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตพวกเขาอยู่

ชื่อเรื่อง คืนหมีฆ่า The World of Killing People
ประเภท ตลก / เขย่าขวัญ
นำแสดงโดย ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, ภัชทา จันทร์เงิน, ชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์
กำกับโดย ลี ทองคำ, กานต์พงศ์ บรรจงพินิจ

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า คืนหมีฆ่า The World of Killing People หนังเลือดสาดเรื่อง คืนหมีล่าเต็มเรื่อง ล่าสุดที่กล้าทำออกมาลงโรงฉาย ที่บอกตรง ๆ คอนเซ็ปต์ และ นักแสดงก็ชวนไปพิสูจน์อยู่ไม่น้อย แต่ดันมาสะดุดตรงชื่อทีมผู้สร้าง ที่เพิ่งเจ็บตัวไปล่าสุดกับหนังสัตว์ประหลาดทุนกว่า 80 ล้านบาท จึงแอบตั้งแง่แต่ก็ไม่อคติที่จะเปิดใจให้กว้าง ๆ แล้วไปเสพกระเซ็นคราบเลือดในหนังเรื่องนี้

และ หนังเรื่องนี้ก็คือผลงานการกำกับ และ สร้างโดย “ลี ทองคำ” (เจ้าเก่าเจ้าเดิมจากหนังสัตว์ประหลาดที่เจ็บหนักไปหมาด ๆ อย่าง ‘บีงกาฬ’) กับ “กานต์พงศ์ บรรจงพินิจ” ที่ในคราวนี้ปรับโหมดในหนังแนว Slasher หรือหนังเขย่าขวัญเลือดสาด ที่จะว่าไปเราก็เคยเห็นฝั่งฮอลลิวูดสร้างอะไรทำนองนี้มาหลายทศวรรษแล้ว

ทั้งหนังเกรดเอและเกรดบี ในวงการหนังไทยก็เคยมีอยู่บ้าง แต่ก็แค่ประปรายและยังไม่ค่อยมีหนังแนวนี้เป็นที่ตราตรึงใจให้จดจำได้มากสักเท่าไหร่

แน่นอนว่า ลี ทองคำ ที่ยังควบตำแหน่งร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยนั้น เขาได้ทำการละเลงจิตนาการ และ ภาพที่อย่างจะเล่าในหนังเรื่องนี้แบบหมดจด ก็คือเข้าให้อยู่นั่นแหละว่า Scream หวีดสุดขีด ที่เป็นเหมือนพ่อของหนังแนวนี้ ๆ ทุกเรื่องก็คือต้นแบบที่อยากจะนำมาปรุงแต่งเป็นหนังไทยดูบ้าง และ มันก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น คืนหมีฆ่า The World of Killing People ที่บอกเลยว่า…เข็ดขยาดจริง ๆ

เรื่องย่อ คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

ภายใต้หน้ากากหมี ที่ถูกปิดบังเอาไว้ กำลังจะนำมาซึ่งชะตากรรมที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล ‘ความลับ’ ที่คุณไม่อยากให้ใครรู้ เรื่องราวที่คุณไม่อยากให้ใครเห็น กำลังถูกเฝ้ามอง จากสายตาคู่หนึ่ง ในสถานที่ปิดตายแห่งนี้ เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก ที่ตัดสินใจจะไปใช้เวลาช่วงวันหยุดด้วยกัน ในบ้านหลังหนึ่งกลางป่าใหญ่

แต่เรื่องราวกลับไม่ได้สนุกสนานอย่างที่พวกเขาคิด เพราะพวกเขากับถูกจ้องมองจากอะไรบางอย่างตลอดเวลา และ เหมือนยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ สิ่งที่พวกเขาพยายามจะปิดซ่อนไว้ กลับกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา การไล่ล่าสุดแสนระทึกในสถานที่ปิดตาย จึงเริ่มก่อตัวขึ้น พวกเขาจะหนีได้ไหม หรือจะลุกขึ้นสู้กันมันได้หรือเปล่า

ความรู้สึกหลังรับชม คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

ความรู้สึกหลังดูจบ คือแบบ มันบอกไม่ถูกรวม ๆ ก็เป็นหนังสยองขวัญ คืนหมีล่า ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร แต่ก่อนจะมาถึงข้อเสียว่าทำไมถึงทำให้รู้สึกผิดหวังขอกล่าวด้วยข้อดีของหนังเรื่องนี้กันไปก่อน ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือฉากโหดไล่ล่าต่าง ๆ ถือว่าทำได้โหด และ สยองสะใจสาแก่คอหนังสยองขวัญเป็นอย่างมาก พร้อมยังหยิบดีเทลต่าง ๆ จากหนังสยองขวัญยอดฮิตที่แฟน ๆ เห็นแล้วต้องร้องอ้อว่าพวกเขาหยิบมาจากหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้

จะบรรยายไปก็อาจจะใจร้ายสักหน่อย แต่สารภาพตรง ๆ ว่า ณ เวลาชั่วโมงครึ่งของหนัง คืนหมีฆ่า The World of Killing People ช่างเป็นอะไรที่ทรมานในการนั่งดูดีแท้ แม้ว่าโดยส่วนตัวนั้นจะมีภูมิคุ้มกันมาแล้วจากผลงานชิ้นก่อนของผู้สร้างชุดนี้ แต่พอมาถึงหนังเรื่องนี้ทิศทาง และ องค์ประกอบอะไรต่าง ๆ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังยังค่อนข้างวนอยู่ในอ่างกับปัญหาหลัก ๆ ก็คือหาความเป็นตัวตนของตัวเองไม่เจอ

แล้วก็มาถึงข้อเสียของหนังเรื่องนี้คือเมื่อพวกเขาต้องการจะหยิบมุขนั้นมุขนี้จากเรื่องอื่นมาใส่หนังเรื่องนี้มันเลยกลายเป็นการยำรวมที่เละเอามาก ๆ เหมือนเขาไม่แน่ใจว่าจะเอาเรื่องไหนเอามาเป็นธีมหลักเรื่องนี้ดีเดิ๋ยวก็ SCREAM เดิ๋ยวก็ I KNOW WAHT YOU DID LAST SUMMER , THE PURGE และ ก็มาบู๊แบบ YOU RE’ NEXT อีก และ การที่ใช้ชื่อ The World of Killing People ธีมหลักคงต้องเป็น THE PURGE จริงไหม

แต่กลับไปเล่นแบบอื่นที่ไม่ควรเอามารวมด้วยเลยกลายเป็นยำเมนูนึงที่ดูเยอะแต่รสชาติยังไม่โดนใจพอที่อยากจะลิ้มลองอีกรอบ อีกทั้งด้านบรรยากาศ เพลงประกอบ และท่าทางของหน้ากากหมี ก็ไม่ได้ชวนน่ากลัวชวนขนหัวลุกเอาชะเลย มันไปในทางตลกมาด้วยซ้ำ

จุดอ่อนที่โดดเด่นที่สุดของ คืนหมีฆ่า The World of Killing People ไม่ได้เป็นแค่บทหนัง แต่ยังคงเป็นในส่วนการตัดต่อ และ ลำดับที่สร้างความยุ่งเหยิงขนานหนัก และ นี่ก็คือปัญหาเดียวกันกับที่เคยเจอมาแล้วในหนัง บึงกาฬ เรื่องที่ผ่านมา การตัดต่อเรื่องนี้ค่อนข้างมีปัญหา หลายจุดไร้การเชื่อมต่อ และ เชื่อมโยง

กลายเป็นหนังทื่อ ๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผ่านรอบทดสอบก่อนฉายมาหรือไม่ เพราะบางจุดก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะปล่อยผ่านออกมาได้

ซึ่งถึงจะมีด้านแย่ ๆ เยอะ แต่หนังก็ยังมีสิ่งดี ๆ ให้จดจำบ้าง ทางด้านตัวละครผมชอบตัวละครของ “แคร์ ปาณิสรา” รับบทเป็น “แนน” มากที่สุดซึ่งถึงแม้หลายคนจะนึกถึงตัวละครแบบนี้ในเรื่อง YOU RE NEXT แต่ผมคิดว่าเธอคล้าย “ซูกี้ วอเตอร์เฮ้าส์” จาก SEANCE | คืนปลุกผี ชะมากกว่า อาจจะเพราะด้วยบุคลิกท่าทางต่าง ๆ นา ๆ อีกทั้งนางก็ได้ออกลีลาบู๊ไปฉากนึงด้วยซึ่งถือว่าเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดเลย จนไม่แปลกใจเลยที่ผมไปนึกถึงเรื่องนั้นเป็นหลัก

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า ภาพยนตร์เรื่อง คืนหมีฆ่า The World Of Killing People เป็นหนังไทย คืนหมี ล่า ดูหนังออนไลน์ แนว “Slasher” ซึ่งก็มีหลายคนงงว่า มันคือหนังอะไร? แต่ถ้าบอกว่า หนังแนวสยองขวัญอย่างเช่นเรื่อง “บอสฉันขยันเชือด” หรือ My Boss is a Serial Killer (2021) ที่นำแสดงโดย พี่ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา แล้วละก็ คงจะพอนึกออก ร้องอ๋อกันได้บ้าง

ความจริงแล้วหนังแนว “Slasher” เป็นอะไรที่เจอบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะหนังสยองขวัญจากต่างประเทศอย่าง The Texas Chain Saw Massacre, Halloween, Happy Death Day, Scream หรือแม้แต่ Friday the 13th สังเกตดูแล้วก็จะรู้เลยว่าพล็อตเรื่องจะมีความคล้ายกันในช่วง “ฆาตกรโรคจิต” ออกไล่ล่าฆ่าคนแบบไม่เลือกหน้า

บางทีก็ตั้งปมปริศนาการฆ่าไว้มากมาย โดยในช่วงระหว่างปี 1980 และ 1990 หนังแนวนี้เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก่อนจะค่อย ๆ ถูกภาพยนตร์แนวอื่น ๆ ที่เข้ามาครองตลาดในที่สุด

บทสรุปหนัง คืนหมีฆ่า

คืนหมีฆ่า The World of Killing People ก็ไม่ใช่อะไร the world of killing นักแสดง ที่เกินคาดเดาเลย เพราะมันคือสูตรสำเร็จเดิม ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ คือถ้าใครเป็นแฟนหนังประเภทนี้ได้มาดูนั้น เชื่อว่าเพียงแค่ 10 นาทีที่หนังเข้าสู่เนื้อหาของเรื่องนั้น ก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง แต่มันคงจะเอ็นจอยกว่านี้ ถ้าองค์ประกอบต่าง ๆ ในหนังไม่ออกมาผิดที่ผิดทางไปหมดเช่นนี้

ในขณะที่นักแสดงยอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่เสริมสมทบเข้ามาแจมในหนังนั้น ไม่ว่าจะเป็น “บี๋ ธีรพงศ์”, “แพนเค้ก เขมนิจ” หรือ “เต๋า เศรษฐพงศ์” ก็คือไม่เข้าใจเหมือนว่าหนังจะใส่พวกเขาเข้ามาทำไม เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขา หนังก็น่าจะยังเดินไปต่อได้ เพราะในท้ายที่สุดตัวละครต่าง ๆ เหล่านี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในคนดูคลุมเครือและงงงวยว่า..คืออะไรกันนะ?

คืนหมีฆ่า The World of Killing People” ถือเป็นหนังสยองขวัญไล่เชือดของไทยที่บางอย่างเหมือนออกมาโอเคแล้ว แต่กลับตกม้าตายเพราะการนำเสนอของหนัง การเล่าเรื่องที่ตะกุกตะกักตลอดทาง อีกทั้งจังหวะหนังที่ไม่คม และ ไม่แม่นยำจนทำให้ความสนุกแทบจะไม่เหลือ

แม้หนังจะตั้งตัวไว้ว่ามันเป็นหนัง ไม่สนตรรกะเหตุผลใด ๆ ก็ตาม แต่เพราะการกำกับของหนัง มันเลยเป็นหนังที่ตกอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่มากกว่าสถานะของหนังคัลท์ที่สนุก สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 5/10

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์

สวัสดีครับนับเป็นอีกหนึ่งผลงานจาก ผู้กำกับที่มากฝีมือ หนังไทยnetflix อย่างคุณ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่มีหนังมากมาย ออกมาให้เราได้รับชม ส ปอย หนัง ทั้งที่กระแสตอบรับดี และกระแสไม่ดี ภาพยนตร์ทริลเลอร์แฟนตาซี เรื่องแรกของค่าย gdh ได้รับแรงบันดาลใจ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี และดัดแปลงมาจาก เรื่องราว ของกวรรณกรรมญี่ปุ่น ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ วิธีการเล่าเรื่องเปิดซีน แรกมาก็สามารถทำได้น่าสนใจ มี CG ให้เห็นตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ตอนต้นเรื่องคือซีจี ที่อลังการที่เราได้เห็น ในตัวอย่างนั้นพอได้เห็น ในหนังแล้ว สวยงามกว่าในตัวอย่างมาก งานละเอียดสุด ๆ ไปเลย และ ความน่าดูอีกอย่าง ก็คงจะเป็นการรับบทแสดงของ เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง BNK48 และเจมส์ นักแสดงจากเรื่องที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา เขาเป็นอย่างดีจากเรื่องฮอร์โมนวัยว้าวุ่น อีกทั้งเนื้อเรื่องนั้นดำเนิน ไปอย่างเข้มข้น ทั้งบรรยากาศ และ เพลงประกอบก็ทำให้น่าติดตาม

เรื่อง : Homestay | โฮมสเตย์
ผู้กำกับ : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
แนว : แฟนตาซี ระทึกขวัญ ดราม่า
นักแสดงนำ : ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เฌอปราง อารีย์กุล, สู่ขวัญ บูลกุล
รางวัลที่ได้รับจากเวทีสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 : นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, เทคนิคการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์ เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายของญี่ปุ่นเรื่อง Colorful ผลงานของนักเขียน Mori Eto เป็นเรื่องราวของวิญญาณ โฮมสเตย์ เต็มเรื่อง 037 เร่ร่อนที่ได้รับรางวัลจากผู้คุมวิญญาณให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง ในร่างของเด็กหนุ่มมัธยมปลาย มิน เด็กที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย

โดยมีเงื่อนไขว่าเขาสามารถอยู่ในร่างนี้ได้เพียง 100 วัน และ ต้องหาให้ได้ว่ามินฆ่าตัวตายเพราะใคร ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย อุปสรรคนอกจากระยะเวลาที่จำกัดแล้วเขายังต้องถูกผู้คุมวิญญาณลบความทรงจำอีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้พบเจอเรื่องแปลกใหม่ เริ่มคุ้นชิน และ มีความสุขกับร่างใหม่นี้ แต่ทำไมมินถึงฆ่าตัวตาย เขาจะสามารถหาสาเหตุการตายของมินได้ทันเวลาหรือไม่

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว homestay โฮมสเตย์

ผู้ชายท่าทางลึกลับ ที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ

นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรี ๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตาย และ จากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว homestay โฮมสเตย์

กราฟฟิก CG ในภาพยนตร์โฮมสเตย์คือดีย์ ตั้งแต่ฉากต้น Homestay 2 เรื่องที่วิญญาณเร่ร่อนคุยกับผู้คุมวิญญาณบนกำแพงของโรงพยาบาล และ ฝนตกกำลังตกในแนวเฉียง ภาพได้อารมณ์เหมือนดูหนังฝรั่งอย่าง Doctor Strange (2016) หรือไม่ก็ซีรีส์เกาหลีอย่าง Goblin (2016) มีหลายฉากที่ล้ำ ๆ อย่างน้ำหยุดนิ่ง ฝนตกกลับด้าน จัดว่าเป็นหนังโปรดักชันคุณภาพ

ความโดดเด่นของหนังไทยอย่าง ‘โฮมสเตย์’ นั่นมีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น CG เทคนิคพิเศษที่เนียนเป็นพิเศษ เพลงประกอบที่ลื่นไหลไปกับภาพ นักแสดง พระนางที่เล่นเข้าคู่เคมีดูเข้ากันได้ดี ถ้านับว่าเป็นผลงานหนังใหญ่เรื่องแรกของเฌอปราง อาจจะไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ บางฉากยังดูไม่อินมากพอ แต่ก็ถือว่าเธอมีความพยายาม เอาชนะกำแพงของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่เจมส์ กลับเป็นคนที่ทำได้ดีกว่าที่เคย

ส่วนนักแสดงสมทบมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่พกเอาฝีมือมาทุ่มสุดตัวลงเล่นประชันกันทั้งนั้น แถมบทยังชวนให้คิดตาม ค้นตาม ว่าสิ่งที่วิญญาณตนนี้ต้องตามหาคืออะไร จะใช่คำตอบที่ถูกหรือไม่ และ สิ่งที่มันค้นเจอคือความจริงที่ถูกต้องหรือยัง มันหาใช่แค่หนังทริลเลอร์ชวนตื่นเต้น

ส่วนตัวแอบคาดหวังตลอดการดูว่าหนังจะตีความใหม่อย่างไร โดยเฉพาะการเล่นคำว่าโฮมสเตย์ หรือมึงอย่าอินสิมันแค่ร่างชั่วคราว แต่สุดท้ายหนังก็ไม่สามารถดึงจุดนี้ขึ้นไปแทนที่ในช่วงไคลแม็กส์ของหนังได้ เพราะมันต้องยุติที่ว่าใครฆ่าซึ่งจริง ๆ เป็นเพียงทางผ่านของแก่นแท้เท่านั้น ยิ่งการที่ผู้กำกับเน้นมาทางนี้ยิ่งขยายด้วยปรัชญาแบบพุทธได้คมคายมากกว่าด้วย อันนี้ก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวครับ เพราะเป็นทางเลือกของผู้กำกับอยู่แล้วว่าอยากจะเล่นแค่ตรงนี้

ความน่าดูต่อมา คือการที่มันเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่นำวรรณกรรมญี่ปุ่นยุคใหม่อย่าง Colorful ของ เอโตะ โมริ หรือนิยายฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม ทั้งยังเคยถูกนำไปสร้างเป็นหนังแอนิเมชั่นญี่ปุ่นในชื่อ Colorful (2010) มาก่อนด้วย

นับเป็นก้าวเปลี่ยนสำคัญสำหรับหนังไทยเหมือนกันนะ เพราะก่อนหน้าแม้จะมี อุโมงก์ผาเมือง ก็เป็นการดัดแปลงจากหนังญี่ปุ่น ราโชมอน มากกว่าตัวนิยายโดยตรง แถมยังเป็นนิยายยุคเก่าด้วย

การดำเนินเรื่องค่อย ๆ เปิดปมให้หาสาเหตุการตาย จากนั้นค่อย ๆ เล่าเรื่องของมินผ่านความสัมพันธ์กับตัวละครต่าง ๆ เริ่มจากความสัมพันธ์กับเพื่อน และ รุ่นพี่ ต่อจากนั้นเป็นความสัมพันธ์กับครอบครัว พี่ชาย พ่อ แม่ และ มีปม ทวิสต์เล็ก ๆ ในตอนท้าย ดูแล้วน่าติดตามทั้งเรื่อง ได้ครบทุกอารมณ์ สุข เศร้า เสียใจ เหงา โดดเดี่ยว

หนังดำเนินเรื่องดีส่งผลให้ ได้รับรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม จากรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 ใครชอบแนวระทึกขวัญไม่ควรพลาด หรือหากไม่ใช่แนวระทึกขวัญก็ดูได้ เพราะดำเนินเรื่องสนุก น่าติดตาม ชอบการสอดแทรกข้อคิดการใช้ชีวิต เช่นการมีชีวิตคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ถึงมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝันไว้ทุกอย่างก็ตาม

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์ จากจุดเริ่มต้นที่เราได้เห็นการเข้ามา “อยู่” ของวิญญาณ Homestay รีวิว เร่ร่อน ผู้ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนแรก จนผู้คุมมาเล่าให้ฟังว่ามันคือรางวัล ที่มันจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ต้องเร่ร่อนเหมือนที่ผ่าน แต่ต้องแลกด้วยการค้นหาว่า “เจ้าของร่างเดิม” นั่นตาเพราะใคร โดยไม่ทิ้งข้อมูลอะไรไว้เลย นอกจากมันชื่อ “มิน”

เหมือนจะเป็นเรื่องดีนะกับการที่ไม่มีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็เป็นภาระที่หนักอึ้งพอควรการสืบหาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด ร่างชั่วคราวนี้คือประตูที่เปิดไปสู่การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการได้รู้จักกับ พาย ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากพักอยู่โฮมสเตย์นี้ตลอดไป

การเล่าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้เข้าใจหนังที่เล่นท่ายากได้ง่ายขึ้นพอสมควร จากที่ได้รู้จักกับโฮมสเตย์แล้ว ก็ได้มารู้จักกับครอบครัวของมิน ก่อนจะได้มารู้จักกับพาย จากที่มันไม่เคยรู้จักกับโลกของมินเลย มันก็ต้องค่อย ๆ สืบหาทีละอย่าง

แต่ก็ดูเหมือนการมีพายจะทำให้วิญญาณอย่างมันไขว้เขวไปจากจุดมุ่งหมายไปบ้าง

แต่การเป็นมนุษย์มันก็ย่อมมีเผลอไผลกันไปได้ ก็พี่รหัสออกจะน่ารักขนาดนั้นนี่นา ถ้าไม่มีผู้คุมที่ชอบเล่นสิงเขาไปทั่ว เปลี่ยนร่างเป็นว่าเล่น ก็อาจจะทำให้หนังไร้กิมมิกมากพอ ถ้าจะถามว่า ชอบผู้คุมร่างไหนมากที่สุด ก็คงต้องตอบว่าคือ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์

บทสรุป

สำหรับเรื่องแรก โฮม สเตย์ ภาพยนตร์ ของการแสดงหนังของ เฌอปราง ถือว่าเธอทำได้ดีในระดับหนึ่ง มีความน่ารักเป็นธรรมชาติ เบสท์ ณัฐสิทธิ์ ที่รับบทเป็นพี่ชายของมิน ก็สามารถแสดงบทบาทความเป็นพี่ชายที่ทั้งโกรธ และ เกลียดน้องได้สมจริงมาก คุณสู่ขวัญ ก็เล่นดีมาก ๆ รู้สึกเชื่อได้เลยว่าเป็นแม่ สื่ออารมณ์ความรู้สึกผู้เป็นแม่ออกมาทางสีหน้า และ แววตาได้ดีมาก

ฉากดราม่าสู่ขวัญก็สามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้ ส่วนนักแสดงหลักตัวจริงอย่าง เจมส์ ธีรดนย์ ก็สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไปได้อย่างดี เขาสามารถทำให้เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตัวละครผ่านการแสดงของเขาได้

โดยภาพรวมแล้วนักแสดงทุกคนเล่นดีเลยทีเดียว ต้องขอชื่นชมจริง ๆ

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทยในสมัยนี้นั้นเรียกได้ว่าไปไกลเอามากๆแล้ว ซึ่งภาพยนตร์ไทยสไตล์ GANGSTER นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังไทย gen ใหม่เลยก็ว่าได้ จากผู้กำกับ หนังไทยnetflix ภาพยนตร์สยองขวัญ หากคนไทยแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่มีภาพยนตร์สยองขวัญ ส ปอย หนัง สัญชาติไหนที่น่ากลัวไปกว่าภาพยนตร์สัญชาติไทยของเราอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมความเชื่อหรือแม้แต่ความใกล้เคียงกันเขาสิ่งแวดล้อมในภาพยนตร์ และ ที่ขาดไปไม่ได้เลย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ก็คือฝีมือของผู้กำกับทำให้ภาพยนตร์เหล่านี้สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับเราได้เป็นอย่างดีดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ แบบเต็มปากว่าผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จในไทยนั้นถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีความสามารถในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

หนังเรื่องนี้บอกตามตรงว่าตอนที่ได้ดูตัวอย่างไม่ได้หวังเลยว่ามันจะดี พอได้มาดูจริงก็พบว่าไม่ผิดหวังแต่อย่างใด หนังเต็มไปด้วยคนดัง (ที่ผู้โพสท์ต้องขออภัยไม่ค่อยรู้จักจึงไม่ได้เน้นในการพูด) คงเป็นจุดขายของหนัง

เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินกระแสว่ามีเด็ก ๆ อยากดูกันมาก และ เรียกร้องให้มีรีวิวเพื่อการตัดสินใจเทียบกับร่างทรง เราดูแล้วก็อยากบอกเด็ก ๆ ว่า ถ้าตัวเลือกในการตัดสินใจของน้องนี้มีแค่ 2 เรื่อง ก็ฉีกกระดาษคำตอบเสียเถอะครับ

ถ้าน้องมีใจที่ตั้งใจสนับสนุนผลงานคนไทยไม่สนใจดูหนังเรื่องอื่นที่คงต้องเป็นหนังต่างประเทศก็เก็บเงินค่าดูไว้ซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อปหรือทำอย่างอื่นอาจช่วยเหลืออนาคตประเทศชาติได้ดีกว่า

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม โกงพลิกเกม Game Changer เป็นหนังสไตล์แอคชั่น game changer หนังไทย ระทึกขวัญ ที่โฟกัสเรื่องราวของกลุ่มอันธพาลเพื่องพ้องในเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และ กลุ่มแก๊งครองอิทธิพลไปทั่วเมือง พวกเขาทั้ง 4 คนเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ทำงานให้กับบอส ที่คอยควบคุมแก๊งต่าง ๆ ในพื้นที่ให้อยู่ในความสงบ และ ทุกแก๊งจะต้องส่งส่วยให้เป็นประจำ แต่เกมเปลี่ยนไปเหมือนกระดานพลิก เมื่อเกิดอุบัติเหตุกับบอส พวกเขาจึงได้วางแผนเล่นเกมโกงบ้า ๆ กันต่อ โดยที่นำตัวเองเข้าสู่อันตรายที่แทบจะไม่มีทางรอดตายได้เลย

นี่คือผลงานใหม่ของผู้กำกับ “ทิวา เมยไธสง” (จาก เกมปลุกผี) ที่ช่ำชองกับการถ่ายทอดงานสไตล์ดิบ ๆ เถื่อน ๆ กับประสบการณ์ที่สั่งสมในหนังหลายเรื่อง

แต่สำหรับในเรื่องนี่อาจจะเปลี่ยนแนวเล็กน้อย ตรงที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผีสางวิญญาณที่มองไม่เห็นตามฉบับในหนังหลาย ๆ เรื่องที่เขาเคยสร้าง แต่พลิกมาเล่นกับพฤติกรรม และ ผลการกระทำของมนุษย์แทน ที่น่าจะค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับในระดับหนึ่งเลย

เรื่องย่อ

รีวิว โกงพลิกเกม

‘โกงพลิกเกม’ เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนติดเกม ‘ตี๋’ (โต้ง Twopee), ‘คิด’ (ทอม อิศรา), ‘ตึก’ (ปอนด์ คุณพัทธ์) และ ‘ซิม’ (ซิม คิวเท) ที่อยู่ดี ๆ ต้องกลายมาเป็นลูกน้องคนสนิทของ ‘บอส’ นายใหญ่ประจำเมืองสมมติ ที่ภายในเมืองนั้นมีกลุ่มแก๊งมากมายอาศัยอยู่

โดยแต่ละแก๊งต่างก็ยึดครอง และ ทำธุรกิจมืดแตกต่างกันไป พร้อม ๆ กับการหวังจะแย่งชิงพื้นที่หากิน โดยแก๊งวัยรุ่นทั้ง 4 ต้องออกตระเวน ‘เก็บเหรียญ’ หรือเก็บเงินค่าคุ้มครองจากทุกแก๊ง

จนกระทั่งวันหนึ่ง บอสเกิดเสียชีวิตกะทันหัน คิด หัวสมองของแก๊งจึงได้เริ่มต้นคิดวางแผนยึดเมือง และ ใช้ ‘เกม’ ในการเปลี่ยนแปลงระบบที่เคยเป็นมาแต่เดิม พร้อมกับสวมรอยทำหน้าที่แทนบอสเสียเอง

พร้อม ๆ กับการที่ตี๋กำลังจะมี ‘รักต้องห้าม’ ซึ่งอาจนำพาเขา และ เพื่อนไปเผชิญกับอันตรายมากมาย รวมถึงการกลับมาของ ‘จอห์นนี่’ (เดย์ ไทเทเนียม) ขาใหญ่อีกคนที่ต้องการกลับมาประกาศศักดาอีกครั้งหลังจากพ้นคุก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โกงพลิกเกม

โกงพลิกเกมเป็นภาพยนตร์ที่หาก game changer พากย์ไทย พิจารณาดูให้ดีแล้วมันแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากภาพยนตร์เจ้าพ่อในยุค 80 เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นเส้นเหลืองหรือแม้แต่ตัวละครแต่ละตัวนั้นมีกลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์เจ้าพ่อฮ่องกงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการที่ตัวละครเอกของภาพยนตร์ต้องหลุดเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพลใต้ดินการมีความลับกับหญิงต้องห้ามการแย่งชิงอำนาจการทำมาหาเงินของเหล่าแก๊งผู้มีอิทธิพล

เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยุค 80’s อะไรแบบนั้นเลย โดยเฉพาะพอยต์หลักของหนังแก๊งสเตอร์ที่พระเอกต้องหลุดเข้าไปอยู่ในอิทธิพลมืด มีความรักต้องห้ามกับหญิงสาวที่อยู่เหนือกว่าตน และ การแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงทรัพยากรทำมาหากิน

แต่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เอาพล็อตหนังเจ้าพ่อมาใช้เลยก็ไม่ขนาดนั้น ด้วยการปรุงแต่งบท และ วิธีการนำเสนอ ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเป็นแก๊งสเตอร์ยุคใหม่ ภายใต้บทหนังเจ้าพ่อแบบดั้งเดิม

แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าภาพยนตร์ได้มีการปรับแต่งบทรวมไปถึงการนำเสนอให้มีความเป็นภาพยนตร์สมัยใหม่มากยิ่งขึ้น แต่มีกลิ่นอายภาพยนตร์เจ้าพ่อแบบเดิมความโดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือส่วนของงานภาพไม่ว่าจะเป็นการออกแบบการใช้มุมกล้องการจัดวางองค์ประกอบภาพงานคอมพิวเตอร์กราฟิกสามารถถ่ายทอดภาพแนวใหม่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่ามันจะมีความแปลกตา

หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คืองานด้านภาพครับ ทั้ง กราฟิกซีจีต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบภาพ มุมกล้อง การวางองค์ประกอบภาพ การครีเอตภาพแนวทางใหม่ ๆ ที่บ้าพลัง และ ทำออกมาได้ดี รวมถึงฉากลองเทกที่ดูแปลกใหม่

อาจจะเพราะว่าผู้กำกับเองก็มีเครดิตในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านภาพของภาพยนตร์ไทยมาแล้วหลายเรื่อง หนังเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นการปล่อยของที่หวือหวาน่าสนใจดีไม่ใช่น้อย

และ ไม่เหมือนใครก็ตามเนื้อเรื่องที่มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เน้นการใช้สติปัญญาฟาดฟันกันมากกว่าการหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้มีการผสมผสานมุขตลกเข้ามาแบบกำลังพอดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงที่เล่นใหญ่จนเกินไปทำให้ในบางฉากเรื่องราวดูโอเวอร์ และ ไม่สมจริง

อีกจุดที่เป็นจุดสังเกตก็คือ หนังเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมากครับ เยอะแบบชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องคิดจะจำชื่อตัวละครกันเลยแหละ เพราะลำพังแค่เจ้าพ่อก๊กต่าง ๆ ที่คุมธุรกิจมืดก็ล่อเข้าไปตั้งกี่คนแล้ว ไหนจะสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างกัน ที่หนังอธิบายไว้เพียงหลวม ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีตัวละครเยอะขนาดนั้นไปทำไม เพราะต่อให้เขาไปฆ่าใครหรือโดนใครฆ่า ก็ดูจะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นที่มาของซีนลอย ๆ บางซีน)

ฝีมือการแสดงที่พอจะยกนิ้วโป้งให้ได้ ก็คงเป็น’ทอม อิศรา’ ที่มีฝีมือด้านการแสดงเป็นต้นทุน และ ‘ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม’ ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง แม้จะโผล่มาในหนังน้อยมากก็ตาม ส่วน ‘คิวเทโอปป้า’ ก็คือ ‘คิวเทโอปป้า’ นั่นแหละครับ…

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม โกงพลิกเกม’ คือผลงานเรื่องใหม่ Game changer VALORANT กับค่ายห้าดาว ‘ไฟว์สตาร์ โปรดักชัน’ ของผู้กำกับที่เราอาจไม่คุ้นชื่ออย่าง ‘ทิวา เมยไธสง’ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด เพราะประสบการณ์การทำงานด้านการเป็นตากล้องภาพยนตร์ ตัดต่อ รวมทั้งยังเขาเองก็ยังเคยเป็นผู้กำกับหนังคุ้นชื่อ

โดยเฉพาะแนวสยองขวัญมากมายหลายเรื่องด้วยกัน เช่น ‘ผีช่องแอร์‘ (2005) ‘เชือดก่อนชิม‘ (2009) ‘วงจรปิด‘ (มรดกผี) (2012) ‘เกมปลุกผี‘ (2014) จะมีก็เพียงแต่ ‘รักเอาอยู่‘ (2012) ที่แหวกแนวเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ และ ผลงานใหม่ล่าสุดอย่าง ‘โกงพลิกเกม’ เรื่องนี้นี่แหละครับ

หนึ่งในองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ที่ต้องชื่นชมเลยก็คงจะเป็นงานการถ่ายภาพ ที่ผู้กำกับก็รับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพด้วยตัวเอง เพราะชิ้นงานที่ออกถือว่าคมคาย โดยเฉพาะการถ่ายทอดภาพ และ จัดแสงองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แปลกตา และ น่าสนใจ สร้างสรรค์มุมมองของเมืองพัทยาในรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยสักเท่าไหร่ มุมกล้องกับมุมภาพต่าง ๆ จึงทำออกมาได้น่าประทับใจเลยทีเดียว

แต่นั้นก็น่าจะเป็นเพียงองค์ประกอบหลัก ๆ อย่างเดียวที่เป็นข้อดีของหนังเรื่องนี้ เพราะ โกงพลิกเกม Game Changer ยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องอยู่ในหนังเต็มไปหมด เริ่มต้นที่ปัญหาหลัก ๆ คือบทหนัง ที่ยังเต็มไปด้วยรูรั่วที่ไม่มีความสมเหตุสมผลอยู่มาก ไม่สามารถขับเคลื่อนตัวละคร และ สร้างมิติให้คาแรกเตอร์ต่าง ๆ ได้ดีเท่าที่ควร แม้ประเด็นจะค่อนข้างดี แต่ยังล้มเหลวในการนำเสนออยู่ในบางจุด

บทสรุป

คงต้องบอกว่า โกงพลิกเกม Game Changer มีวัตถุดิบ Game Changer Netflix ที่ดีมาก ๆ อยู่ในมือ สามารถปลุกปั้นสร้างให้เป็นหนังแก๊งสเตอร์ดิบ ๆ เถื่อน ๆ หักเหลี่ยมเฉือนคมสนุก ๆ แบบหนังของผู้กำกับ ‘กาย ริชชี่’ ทางฝั่งฮอลลิวูดได้เลย แต่หนังก็ยังไม่มีพลังขับเคลื่อนไปถึงระดับนั้น กลายเป็นหนังที่มาแค่เพียงโจทย์ความท้าทายแบบทื่อ ๆ ง่าย ๆ แบบสูตรสำเร็จที่ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่

แม้หนังจะมีปัญหาเล่นใหญ่แบบเลยเถิดบ้าง แต่ในแง่ของพาร์ตแอ็กชันก็ต้องถือว่าไม่เสียหายนะครับ ทำได้ดีในระดับที่โอเคเลยแหละ แต่ก็นั่นล่ะครับ ถ้าจะดูเอาพาร์ตแอ็กชันสไตล์แก๊งสเตอร์ ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้

แต่ก็อาจจะต้องยอมให้สมองทำงานหนักนิดหน่อยในการเข้าใจทุกปม ทุกความสัมพันธ์ ทุกที่มา และ ที่ไปทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ เพื่อทำการปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใครรับได้กับการเล่นใหญ่ใส่ยับ (เยิน) ของหนังเรื่องนี้ ก็คงไม่น่าจะผิดหวังล่ะครับ

โดยในภาพรวมแล้ว โกงพลิกเกม Game Changer ก็จัดได้ว่าเป็นหนังไทยที่น่าเสียดายที่ยังถูกนำเสนอออกมาได้ไม่ค่อยเต็มที่เท่าที่ควรนัก แม้จะมีโครงเรื่อง และ ประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย แต่หนังขาดความน่าสนใจในการเล่าเรื่อง และ นำเสนอ การร้อยเรียงเรื่องของหนังยังน่าเบื่อ และ สะเปะสะปะอยู่ไม่น้อย จึงทำให้คนดูยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปกับท้องเรื่อง และ สถานการณ์เท่าที่ควร

แต่ก็ต้องยอมรับว่า หนังก็พยายามมอบประสบการณ์ความดิบเถื่อน และ โหดเหี้ยมในแบบที่หนังสไตล์นี้ควรจะมี หนังได้หยิบใส่เข้ามาได้ดีอยู่ แม้ว่าจะยังใส่เพิ่มเข้ามาได้มากกว่านี้ก็ตาม ดังนั้นบทหนังจึงยังเป็นปัญหาหลักในการขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถึงแม้จะชวนให้นึกถึงหนังไทยยุค 90 แนว ๆ นี้อยู่บ้าง แต่กลายเป็นว่า โกงพลิกเกม Game Changer ก็ยังไม่ใช่หนังที่น่าจดจำสักเท่าไหร่

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

หากล่าวถึงภาพยตร์ไทยกึ่งสารคดีที่เล่าชีวประวัติ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้รับชมได้มากมาย โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หนังไทยnetflix ภาพยนตร์ที่ทาง transformation films สร้างจาก ส ปอย หนัง เค้าโครงเรื่องจริงของ ‘โปรเม’ เอรียา จุฑานุกาล ที่ก้าวจากจุดที่เล็กที่สุด สู่ความเป็นมือ 1 ของโลก ที่ถูกผู้กำกับนำเรื่องราวมาถ่ายทอดเบื้องหลัง ว่ากว่าที่จะเห็นประสบความสำเร็จอยู่ ปัจจุบันที่งดงาม ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี เป็นที่รู้จักในวงการกอล์ฟ จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้างจนมายืนถึงจุดนี้ได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ผมไม่คิดว่าผู้กำกับจะกล้าที่จะนำเรื่องราวของกีฬากอล์ฟ ออกมาถ่ายทอดผ่านตัวละคร ที่จะทำให้คนทั่วไปรู้จักกีฬากอล์ฟมากขึ้น

ต้องแลกอะไรบ้างเพื่อความฝัน” อาจเป็นคำถามที่หนักหนาเพียงพอแล้ว แต่หนังยังเพิ่มความหนักอึ้งลงไปอีกด้วยคำถามว่า ความฝันเป็นสิ่งที่เราต้องการเอง หรือเป็นเพียงความต้องการของใครที่ฝังหัวเรามา แล้วความฝันนี้ยังมีค่ากับเราแค่ไหน ซึ่งนี้น่าจะเป็นโจทย์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ มากกว่าผลงานความสำเร็จของโปรเมในชีวิตจริงที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกในวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นผิวเคลือบอันหอมหวานเชิญชวนผู้ชมให้ใคร่รู้เท่านั้น และ นั่นจึงทำให้หนังเรื่องนี้มีของ แตกต่าง และ น่าสนใจกว่าหนังแนวชีวประวัติเรื่องอื่น ๆ เพราะมีภูมิหลังดรามาที่เฉพาะตัวในแบบครอบครัวเอเชียมาก ๆ

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หลายครั้งที่เราบ่น และ เห็นหลายคนบ่น ว่าเมื่อไหร่ที่บ้านเราจะมีหนังไทยที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เต็มเรื่อง ออกมาให้ได้ดูกันบ้าง ในที่สุด ปีนี้นี่แหละ ที่เราจะได้ดูหนังไทยคุณภาพที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก อีกทั้งยังเป็นหนังไทยที่เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ควรสนับสนุนหนังไทย ฝีมือคนไทย”

อย่างที่ทราบกันว่า กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ยังคงเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนไทยอยู่มาก ยิ่งเป็นการนำเรื่องราวชีวิตของ โปรเม เอรียา จุฑานุกาล มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นภาพยนตร์สารคดีหรือเปล่า แต่พอได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ และ ได้มาดูในรอบกาล่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

ต้องบอกเลยว่า นี่คือภาพยนตร์ดราม่าที่แฝงไปด้วยความบันเทิง และ ยังสอดแทรกเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างลงตัว ไม่ใช่เพียงตัวของโปรเมเอง แต่ยังมีบุคคลที่รายล้อม เช่น โปรโม พ่อสมบูรณ์ แม่เปิ้ล อาพิษณุ เต้ พี่วิน ฯลฯ ที่สำคัญ ยังสามารถอธิบายให้กับคนที่ไม่รู้จักกีฬากอล์ฟ สามารถดูภาพยนตร์ได้อย่างสนุกสนาน ต้องยกนิ้วให้กับผู้กำกับ และ นักแสดงเลยครับ

ในส่วนของภาพยนตร์กันบ้าง ภาพยนตร์เริ่มด้วยภาพเหตุการณ์หลุม 18 ในการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2013 รอบสุดท้าย ขณะที่ “โปรเม” เอรียา วัยเพียง 17 ปี ในตอนนั้นกำลังขึ้นนำ หลังจากที่ผลัดกันขึ้นเป็นผู้นำกับ ปาร์ค อินบี ก้านเหล็กชาวเกาหลีใต้ ก่อนจะพลาดออกทริปเปิ้ลโบกี้ จบเกมด้วยการพ่ายแพ้ อินบี ไปเพียงหนึ่งสโตรก

เหตุการณ์ในวันนั้น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ภาพยนตร์ได้ทิ้งปมในใจนี้ไว้ให้กับตัวของโปรเม เอรียา ก่อนที่จะเล่าย้อนไปในสมัยเด็กของครอบครัว ที่ทุก ตี 4:30 จะต้องตื่นนอน มาวิ่ง 50 รอบ ก่อนไปโรงเรียนก็อยู่เรียนแค่ 12:00 เพราะต้องไปซ้อมกอล์ฟที่สนามกอล์ฟจนถึงเย็น ก่อนจะว่ายน้ำ ทำแบบนี้มาโดยตลอด

การนำทั้งสองไปเปิดโลกที่สหรัฐอเมริกา เดินทางแข่งขัน จนมาถึงปม 1 ปมที่มีการทะเลาะในภาพยนตร์ระหว่างโปรเม และ พ่อ ก่อนภาพยนตร์จะปูเรื่องของการเดินทางของตัวละคร ทุกตัว จนถึงวันที่ โปรเม สามารถปลดล็อก ตัวเองได้ในการแข่งขัน Yokohama Tire LPGA Classic

เรื่องย่อ

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

จุดเริ่มต้นทั้งหมด มันเกิดจากพ่อคนหนึ่ง พ่อที่เชื่อว่าจะทำให้ลูกสาวสองคนไปเป็นนักกอล์ฟระดับโลกให้ได้ คุณเริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมว่าเขาเริ่มกันยังไง เรื่องราวทั้งหมดของ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และ ครอบครัวของเธอที่เริ่มต้นจากการทิ้งโลกวัยเด็กของเธอไว้เบื้องหลัง และ เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดเวลาเม และ ครอบครัว ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งเรื่องกอล์ฟ และ บททดสอบ ความยากลำบากในการใช้ชีวิต

ช่วงเวลาที่บาดเจ็บการตกลงสู่จุดที่แทบจะเรียกได้ว่าต่ำที่สุดของชีวิต ครอบครัวของพวกเธอ พาหัวใจของเธอก้าวข้ามผ่านความล้มเหลวก้าวข้ามผ่านจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตนั้นมาได้อย่างไร

เพราะความพยายามที่ไม่เคยหยุดไม่ว่าจะผิดหวัง ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนเธอยังคงเดินหน้าจนติดท็อปเท็นของโลกไปได้ในตอนนี้ รวมถึงสร้างปรากฏการณ์ให้วงการกอล์ฟโลก และ ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวที่จะเป็นแรงผลักดันให้กับทุกคนที่มีฝัน ทำทุกอย่างทุกวิถีทาง เพื่อไปให้ถึงฝันนั้นแบบ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และ ครอบครัวของเธอ “โปรเม” อัจฉริยะต้องสร้าง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

หนังขาดการอธิบายหลาย ๆ สิ่งให้คนดูรู้สึกถึงเหตุ และ ผล จนเหลือแค่ชีวประวัติน้ำ ๆ ตามรอยเส้นทางการแข่งขันของโปรเมแบบผิวเผินเท่านั้น โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เต็มเรื่อง พากย์ไทย ซึ่งถ้าอยากรู้จักชีวิตโปรเม และ พี่สาว แค่ค้นหากูเกิลหาอ่านบทสัมภาษณ์ทั่วไปยังมีเรื่องราวด้านต่าง ๆ มากกว่าในหนังอีกด้วยซ้ำ (เปิดใจโปรกอล์ฟ 2 พี่น้องหนึ่งของโลก ‘โปรโม-โปรเม จุฑานุกาล’ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้ง่าย!!!)

แต่ยังดีที่นักแสดงที่เล่นเป็นโปรเมมีความเป็นธรรมชาติ ดูแล้วรู้สึกได้ถึงอินเนอร์ความมุ่งมั่นได้อยู่ ทำให้หนังยังมีความลื่นไหลจากการแสดงไม่ขัดตาของตัวละครหลัก ทำให้เอาใจช่วยได้อยู่บ้าง แต่ในส่วนของโม พี่สาวของโปรเมที่เป็นนักกอล์ฟกลับไม่มีบทที่ช่วยส่งเสริมเรื่องราวของน้องสาวเท่าใดนัก กลายเป็นเหมือนแค่ตัวประกอบในเรื่องราวที่โมอยู่ฝ่ายแม่ ตรงข้ามกับเม หลังถูกพ่อยึดตัวไป ซึ่งหนังเน้นแต่ชีวิตของโปรเมเป็นหลักเพียงเท่านั้น

นักแสดงนำทุกคนมีพลังการแสดงอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะคุณเอก ธเนศผู้เล่นเป็นพ่อของโปรโม-โปรเม คนนี้คือพลังล้นเหลือจริง เล่นดีจนกลัว เค้าไม่ได้อยู่ในหนังตลอดเรื่องเพราะมันจะมีช่วงที่สองโปรต้องห่างจากพ่อไป

แต่สิ่งที่เค้าสร้างมาตั้งแต่ต้น ทั้งความโหด ความกดดันต่าง ๆ มันสร้างบรรยากาศมาคุให้หนังตลอด สื่อให้เห็นชัดเจนเลยว่าพ่อมีอิทธิพลต่อโปรสาวทั้งสองแค่ไหน

เราชอบซีนระเบิดอารมณ์ระหว่างพ่อกับโปรเมที่ร้านอาหาร หลังจากพ่อเดินออกไป โปรเมนั่งกินสเต๊กที่พ่อกินค้างไว้ต่อทั้งน้ำตา ในจานของพ่อนั้น พ่อหั่นสเต๊กเป็นชิ้นพอดีคำไว้ก่อนแล้ว ชอบการสื่อความหมายที่จะบอกเป็นนัย ๆ ว่า โปรเมจะสานต่อความฝัน และ เป้่าหมายที่พ่อสร้างไว้

จุดเสียในหนังที่เห็นชัดมาก ๆ คือความคลุมเครือหลายอย่างที่ลืมเล่าให้เคลียร์แล้วทิ้งความสงสัยในใจคนดูแบบไม่จำเป็น อย่างตัวตนของพี่ยุ้ยที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามา นิสัยการเก็บฝาขวดของโปรเมที่ไม่ได้ขยายความ และ ที่หนักหนาสุดคือแรงจูงใจที่มาที่ไปในการมีเป้าหมายแรงกล้าของตัวละครพ่อว่าทำไมต้องยึดติดแชมป์โลกกีฬากอล์ฟขนาดนั้น ซึ่งกลายเป็นทำให้ตัวละครลึกไม่สุดมีมิติไม่สุดไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หนังเรื่อง โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง โปรเม ประวัติ ภายใต้การผลิตของค่ายหนังทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม (ตุ๊กแกรักแป้งมาก, มิสเตอร์เฮิร์ทฯ) จัดว่าดีเกินความคาดหมายของเรา และ ดีเกินมาตรฐานหนังไทยไปมาก มีหลายโมเมนต์ที่เรานึกว่ากำลังดูหนังต่างประเทศอยู่ สรุปสั้น ๆ ตรงนี้ได้เลยว่า รับรองว่าไม่ผิดหวัง และ ไม่เสียดายตังค์แน่นอน

โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง เป็นเสมือนหนังกึ่งชีวประวัติ สร้างจากเรื่องจริงอันเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจของสองพี่น้องนักกีฬากอล์ฟสาวไทยติดอันดับโลก “เม เอรียา & โม โมรียา จุฑานุกาล”

เราเองก็แทบไม่เคยดูกอล์ฟ และ มีความรู้เกี่ยวกับกอล์ฟเท่ากับศูนย์ แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้ และ ดูสนุกทั้งเรื่อง เพราะ โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง ไม่ใช่หนังเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ หากแต่เป็นหนังของคนคนหนึ่ง… ครอบครัวครอบครัวหนึ่ง… ที่ไม่ยอมแพ้

แม้ว่าหนังจะมีพาร์ทเกี่ยวกับกอล์ฟอยู่บ้าง แต่หนังก็เล่าส่วนนี้ออกมาได้เข้าใจง่ายโดยไม่ต้องเลคเชอร์ เอาเป็นว่า นี่เป็นหนังเล่าชีวิตนักกอล์ฟสาวไทยที่แม้แต่คนที่ดูกอล์ฟไม่เป็นเลยก็สามารถดูรู้เรื่อง คล้าย ๆ กับหนังฝรั่งเรื่อง Whiplash ที่เราก็ดูสนุกได้ ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องกลองหรือดนตรีแม้แต่น้อย

บทสรุป

เป็นภาพยนตร์ไทยคุณภาพอีกเรื่อง โปรเมย์ ที่สร้างแรงบันดาลใจ…โดยเฉพาะน้อง ๆ นักกอล์ฟเยาวชนควรมาดูอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกาล่า​พรีเมียร์​เมื่อวานนี้​ สำหรับองค์ประกอบรวมของภาพยนตร์ ผมมองว่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ (ในฐานะที่ผมไม่ค่อยดูหนังไทยเท่าไหร่)

การดำเนินเรื่องราว ปมของตัวละคร ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ต้นจนถึงจบ ไปดูแล้วได้รู้จักกับตัวตนของโปเม มากขึ้น ได้แรงบันดาลใจมากขึ้น สำหรับใครที่กำลังท้อแท้ หรือหมดแพชชั่น ลองไปดูนะครับ โดยเฉพาะน้อง ๆ นักกอล์ฟตัวเล็ก ๆ ที่ฝันอยากเป็นเหมือนพี่เม พี่โม คุณพ่อคุณแม่ยิ่งควรให้มาดูอย่างยิ่งขอให้คะแนน 8/10 เลยนะครับ

และ สำหรับใครที่กลัวไปดูแล้วจะไม่อินกับหนัง สามารถเข้าไปอ่านคอนเทนต์ ย้อนไทม์ไลน์ชีวิตจริง รู้ไว้ก่อนดู ‘โปรเม อัฉริยะ ต้องสร้าง’ ได้เลยครับ ผมให้คะแนนสำหรับหนังเรื่องนี้ 8/10

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2

สวัสดีครับพบกับหนังไทยสุดฮา อินดี้ ที่ว่ากันว่า ครั้งนึงในชีวิตต้องดูครับ เป็นเรื่องราวที่เป็นเรื่องครอบครัวนี่นับว่านักแสดงนำทำได้ดีทีเดียวแหละ เปลี่ยนจาก หนังไทยnetflix หนังดูชวนหัวเราะร่า ให้กลายเป็นช่วงเวลาซึ้งอินน้ำตาไหลได้อย่างไม่น่าเชื่อ จากเรื่องราวที่ดูไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่า ดูหนังฟรี พ่อที่ต้องการหาคนที่ดีให้ลูก เมื่อลูกบอกว่ามีแฟนแล้วจึงอยากรู้จักครอบครัวของแฟน เป็นหนังคอมเมดี้ที่คิดเร็วทำเร็วได้จริง ดูหนังออนไลน์ หลังจากไบค์แมนภาคแรกออกฉายเมื่อปีที่แล้ว ทำรายได้จากทั่วประเทศทะลุ 100 ล้านบาท นี่ยังไม่รวมรายได้ที่ขายสิทธิ์ให้ไปอีกหลายประเทศด้วยนะ ส ปอย หนัง ทำให้ “ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก” เป็นหนังคอมเมดี้ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในช่วงหลัง ๆ ของค่าย รฤก โปรดั๊กชั่น ของ ยอร์ช ฤกษ์ชัย เพราะเรื่องล่าสุดที่ทำรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ค่ายก็ต้องย้อนไปถึง “คุณนายโฮ” ปี 2555 นู่น รฤก โปรดั๊กชั่น ก็รีบคลอด ไบค์แมน2 ตามติดในปีต่อมา มอบหน้าที่ให้ พฤกษ์ เอมะรุจิ ผู้กำกับจากภาคแรกมาสานต่อความสำเร็จ

ด้วยความที่ได้ดูหนังตัวอย่างแล้วรู้สึกว่า หนังไทยเรื่องนี้จะสนุก แม้จะไม่ได้ดูภาคแรกมาก่อนก็ตามแต่ก็คิดไม่น่าจะเป็นปัญหาในการติดตามเรื่องราว วันนี้ผมจึงได้มาดูหนังไทยอีกเรื่อง แถมยังเป็นหนังไทยภาคต่ออีกด้วย ‘ไบค์แมน 2’ นั่นเองครับ อีกส่วนหนึ่งก็เพราะชื่นชอบในหน้าตา และ ผลงานของน้อง ฝน ศนันธฉัตร เป็นทุนอยู่แล้ว กับความน่าสนใจที่หนังไทยสักเรื่องจะได้ผลตอบรับจนมีภาคต่อ ทั้งหมดรวมกันกลายเป็นแรงผลักดันให้เดินทางฝ่ารถติดเพื่อไปดูหนังเรื่องนี้

ผู้กำกับภาพยนตร์: พฤกษ์ เอมะรุจิ
ควบคุมงานผลิต: ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์
ชื่อภาพยนตร์: ไบค์แมน 2 / Bikeman 2
นักแสดงนำ: พีช พชร จิราธิวัฒน์, เต๋า สมชาย เข็มกลัด, ฝน ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, ค่อม ชวนชื่น, โรเบิร์ต สายควัน

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2 ไบค์แมน 2 ภาคต่อของหนังไทยม้ามืดปีก่อน ที่แจ้งเกิดเป็นหนังตลกน้ำดีที่ซ่อนดราม่าประทับใจเอาไว้ในเรื่องราวอย่างไม่น่าเชื่อ หน้าหนังดูจากเทรลเลอร์ไม่มีส่วนนี้เลย แต่หนังกลับผูกปมเรียกน้ำตาไว้อย่างดีงาม ซึ่งเมื่อน้ำขึ้นก็ต้องรีบตัก ผู้สร้างก็ไม่รอช้าคิดบทสดด่วน ๆ เพื่อทำภาคต่อทันที กลายเป็นว่าจากหนังตลกน้ำดีที่หาได้ยากในเมืองไทย กลับกลายเป็นหนังตลกดาษดื่นตามท้องตลาดเมืองไทยไปซะงั้น

ภาคนี้เรื่องราวต่อจากตอนจบภาคแรกทันที ด้วยการมาของพ่อของจ๋าย (เต๋า สมชาย เข็มกลัด) ที่มากรุงเทพแล้วพบเจอศักรินทร์กำลังป้อล้อลูกสาวอยู่พอดี จึงตามไล่ล่าแล้วก็กลายเป็นเรื่องราวการขอทำความรู้จักครอบครัวของพระเอก ซึ่งก็กลายเป็นการยกเอาตัวตัวละครเก่ามายกก๊วน เรียกเสียงฮาให้เรื่องราวครั้งใหม่ที่มี “ศักดา” พ่อของจ๋ายเป็นศูนย์กลางของเรื่อง

หนังหยิบเอาสูตรสำเร็จจากภาคแรกมาใช้เพียบ อย่างประเด็นที่ว่าด้วยเรื่อง “การโกหก” รอบนี้ทั้งก๊วนแก๊ง ต้องแต่งเรื่องโกหกว่า จ๋ายกับศักดิ์ เป็นแฟนกันจริง ได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิกแก๊งที่ต้องช่วยกันแต่งเรื่องมาหลอกศักดาคุณพ่อของจ๋าย ศักดิ์เองก็เล่นตามน้ำไปซะยังงั้น ทั้งที่ในใจเขานั้นอยากเป็นแฟนกันจริงไม่ต้องมาโกหกแบบนี้ หนังก็เลยได้มุกแต่งเรื่องโกหกแบบภาคแรกมาประยุกต์ใช้อีกรอบ

เมื่อตัวละครหลักมารวมกันอยู่หมด การจะเขียนบทสร้างสถานการณ์ฮาก็ทำได้ง่ายขึ้น หนังก็เลยมีฉากเรียงเสียงฮาได้ถี่ ๆ ตลอด 1 ชั่วโมง 47 นาที หนังเรียกเสียงฮาได้จริง แต่พลังความฮายังด้อยกว่าภาคแรกนัก ฉากเด็ดที่สุดในภาคนี้ก็น่าจะเป็น “ฉากงูเห่า” นั่นแหละ

ในขณะที่หนังเดินหน้าไปด้วยเส้นเรื่องหลัก ว่าด้วยการสร้างสัมพันธ์ของ 2 ครอบครัว เส้นเรื่องรองก็คือเรื่องการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจ ระหว่างศักดากับเจ้าพ่อที่ต้องการซื้อเหมืองแร่ของศักดาในราคาต่ำ ก่อให้เกิดความอลหม่านยุ่งเหยิงในฉากท้ายเรื่อง ดูแล้วชวนให้นึกถึงสูตรสำเร็จแบบที่ แฟรนไชส์ “บุญชูสระอูยาว” ชอบใช้ในทุกภาค สร้างสถานการณ์ให้ตัวละครมารวมกัน เขียนบทให้หยอดมุกฮาเรี่ยไร่รายทางไปเรื่อย

แล้วจบด้วยความวุ่นวายยุ่งเหยิง แล้ววกเข้าแฮปปี้เอนดิ้งในตอนจบ ไบค์แมน2 ก็มาด้วยสูตรนี้แบบเป๊ะ ๆ แต่ด้วยเหตุที่ว่านี่คือหนังชื่อ “ไบค์แมน” พระเอกของเรื่องคือหนุ่มผู้รักความเร็วของมอเตอร์ไซค์ ฉะนั้นก็ต้องมีฉากให้ศักดิ์ได้โชว์ความสามารถในการขี่มอเตอร์ไซค์ ก็ถือว่าทีมงานหาทางใส่ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ให้ศักดิ์เข้าไปในเรื่องราวได้อย่างลงตัว

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว bikeman 2

ศักรินทร์ เมื่อสามารถสอบเข้าทำงานในธนาคารได้สำเร็จ (เนื้อเรื่องภาคที่ 1) ก็มาชีวิตที่ดี มีความสุข ไบค์แมน 3 พร้อมกับ “จ๋าย” หญิงสาวที่เขาหลงรักมาตลอด แต่ไม่กล้าบอก วันหนึ่งจ๋ายได้บังเอิญพบกับพ่อของเธอ และ ขอให้ศักรินทร์ขับมอเตอร์ไซด์หนี เมื่อพ้นสายตาพ่อของเธอ ศักรินทร์จึงถามจ๋ายถึงเหตุผลที่ไม่อยากเจอพ่อ และ เรื่องราวเกี่ยวกับพ่อของเธอ จ่ายจึงเล่าให้เพื่อนของเธอฟังว่า พ่อของเธอนั้นชอบบังคับเธอในทุก ๆ เรื่อง และ เรื่องแต่งงานกับผู้ชายคนอื่น

ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เธอกำลังจะถูกบังคับ เธอจึงขอให้ศักรินทร์ช่วยปลอมตัวเป็นแฟนปลอม ๆ ชองเธอเพื่อหลอกให้พ่อของเธอเชื่อ และ ปล่อยเธอในเรื่องนี้ การที่ศักรินทร์ตอบตกลง ทำให้เขา และ เธอต้องพบกับเรื่องราววุ่น ๆ ของ 2 ครอบครัวที่ตามมา และ นำพาไปผู้ชมทุกท่านร่วมลุ้นไปกับศักรินทร์ และ จ๋าย ในเรื่อง “ไบค์แมน 2” ซึ่งผู้ชมทุกท่านสามารถรับชมได้ทาง NETFLIX

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว bikeman 2

ยังคงรักษามาตรฐานความสนุก และ ตลกได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่รู้สึกขัดข้องใจเมื่อดูต่อจาก “ศักรินทร์ ตูดหมึก” ซึ่งเป็นภาคที่ 1 แม้เส้นเนื้อเรื่องจะต่างออกไป มีการขี่มอเตอร์ไซด์ซึ่งเป็นจุดเด่นของภาคที่ 1 น้อยลง แต่ในภาคนี้จะเน้นหนักไปที่แอคชั่นมากกว่า โดยจะมีฉากขับหนีการตามล่า หรือขับฝ่าระเบิด

ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งของหนังชุดนี้ Biker man 2 อย่างไรก็ตามจุดเด่นของเรื่องก็ยังคงเป็นความตลกขบขัน ที่มักจะเรียกเสียงฮาได้เกือบตลอดทั้งเรื่อง โดยนักแสดงทุกคนแสดงออกมาได้ดี และ เข้าถึงอารมณ์ของเรื่อง ส่งให้เรารู้สึกอินตามไปกับเนื้อเรื่อง การที่เน้นหนักไปที่ความรักของพ่อ และ ลูก อาจทำให้หลาย ๆ คนคิดถึงพ่อ หรือแม่ หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบก็เป็นได้ครับ

เนื้อหาความพยายาม ความรัก ความทุ่มเทของศักรินทร์ในการพิชิตใจจ๋ายจากภาคแรกก็หดหายไป เหลือแค่ฉากพยายามเอาใจพ่อตาในอนาคตของศักรินทร์ ซึ่งก็เข้าใจว่าบทหนังโฟกัสไปที่ภารกิจตรงนี้ แต่ก็น่าจะเกลี่ยบทมายังเรื่องราวของทั้งคู่ให้มากขึ้น ซึ่งพอมันแห้งแล้งมาก อารมณ์กุ๊กกิ๊กน่ารักของทั้งคู่ก็เลยหายไปเกือบหมด กว่าจะมาก็โผล่ตอนท้ายเรื่อง ซึ่งเป็นอะไรที่แฟนเรื่องนี้ในภาคแรกน่าจะต้องการมากที่สุด มากกว่าพวกมุกตลกทั้งหลายในเรื่องเสียด้วยครับ

สำหรับหนังเรื่องนี้ จุดด้อยของตัวเรื่อง คือบทละคร ที่ไม่มีความซับซ้อน สามารถคาดเดาได้ง่าย ซึ่งอาจจะขัดใจผู้ชมบางคนที่เสพเนื้อเรื่องเป็นหลัก อย่างไรก็ตามการที่ตัวหนังเป็นหนังตลกแนวครอบครัว ซึ่งจุดประสงค์หลักของเรื่อง คือการเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม จึงอยากจะให้ทุก ๆ คนมองข้ามจุดด้อยนี้ไปครับ

รีวิว bikeman 2

รีวิว bikeman 2 เนื้อหาหลักภาคนี้บทเล่นวงแคบลงมาก ๆ ทุกอย่างโฟกัสไปที่ภารกิจพิชิตใจพ่อจ๋าย ไบ ค์ แมน 2 HD 2019 ซึ่งบทศักดาพ่อจอมบงการชีวิต หวงลูกสาวเป็นที่ 1 ไม่ได้มีมุกตลกให้ตบให้ชงแล้วหัวเราะโดยตรง แต่เป็นตลกจากท่าทางขึงขังของคาแรกเตอร์แบบนี้เอง ซึ่งเต๋าสมชายก็เล่นได้ดี มีความกวนเฮี๊ยบ ๆ จนกลายมาเป็นหนึ่งในสมาชิกหนังไบค์แมนเพิ่มมาอีกคนได้สบาย ๆ (และ ก็เป็นตัวละครหลักหน้าใหม่คนเดียวที่เพิ่มเข้ามาด้วย)

เมื่อหนังเล่นเรื่องราวต่อจากภาคแรกทันที แถมเลือกเล่นหลัก ๆ อยู่แค่ที่โลเกชั่นเล็ก ๆ ในบ้านต่างจังหวัดกับเหมืองระเบิดหินของพ่อจ๋าย ก็เลยกลายเป็นการหยิบยืมมุกภาคเก่ามาซะเยอะ อย่างมุกปลอมตัวของก๊วนวินมอเตอร์ไซด์ของศักรินทร์ก็ยกมาใช้แบบรีไรท์ใหม่แค่นั้น ตัวละครก็แทบไม่ได้มีพัฒนาการอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย แต่ถ้าใครประทับใจรักในตัวละครแบบเดิม ๆ อยู่แล้ว ก็คงโอเคกับการยกมาทั้งกระบิชุดเดิมหมดแบบนี้

แต่ถ้าคาดหวังหนังตลกควบรวมกับดราม่าดี ๆ แบบที่ภาคก่อนมีให้ ก็คงต้องทำใจยาก เพราะภาคนี้แทบไม่มีความลึกซึ้งของเนื้อหาดราม่าเลย เนื้อหาส่วนหลักมีแต่ความพยายามยัดเยียดมุกตลกจากภาคก่อนเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นจากในหนังตัวอย่างกันไปเกือบหมดแล้ว กลายเป็นหนังตลกสูตรสำเร็จที่อาจจะไม่แป๊ก แต่ก็ไม่ได้สำเร็จน่าประทับใจไปพร้อมกับดราม่าดี ๆ ที่แฝงไว้ในเนื้อหาเนียน ๆ แบบภาคแรก ซึ่งนี่เป็นส่วนสำคัญที่ผมคาดหวังว่าหนังจะยังคงรักษาไว้ แต่กลายเป็นว่าหนังละทิ้งส่วนที่ทำให้หนังดูประทับใจบอกต่อกันปากต่อปากนี้ไป ซึ่งนี่เป็นหัวใจหลักเลยที่ทำให้หนังทำรายได้ยืนยาวจนประสบความสำเร็จแบบม้ามืด

บทสรุป

ในภาคนี้ยังมีความพยายามใส่สกิลนักบิดของพระเอกไว้กับเรื่องราวแอ็กชั่นช่วงไคลแม็กซ์ท้ายเรื่องเหมือนเดิม ไบค์แมน 1 แต่เพิ่มความเว่อร์เข้ามาหลายเท่า ซึ่งก็เป็นอีกสูตรสำเร็จเดิมที่หยิบมาใช้นอกจากมุกตลก ซึ่งก็โอเคเข้ากันดีไม่มีอะไรให้ติ แค่ติดลูกโอเวอร์มากไปเท่านั้น

นี่เป็นหนังตลกที่ยังมีมุกตลกพอขำ ๆ ไปตลอดเรื่อง แต่ออกจะเป็นมุกที่จงใจยัดเข้าฉากมากไปหน่อย กลายเป็นความพยายามให้ตลกแบบไม่เป็นธรรมชาติมากไป ซึ่งก็แล้วแต่เส้นหัวเราะของแต่ละคน (ผมขำพอสมควร) ถ้าดูในโรงก็รับว่ายังทำเอาคนค่อนโรงขำได้อยู่ ซึ่งหนังคงสอบผ่านไปได้

แต่ก็เสียดายเรื่องราวดราม่าลึกซึ้งที่ผูกปมไปกับเรื่องราวดี ๆ ในแบบภาคแรกหายไป แม้จะมีความพยายามยัดมาตอนท้าย แต่ก็ไม่ได้ประทับใจเท่ากับในภาคแรกที่ทำไว้ได้ดีมากนัก ถ้ามีทำต่อในภาค 3 ก็หวังว่าจะหวนกลับมาให้ความสำคัญกับส่วนนี้มากขึ้น ไม่งั้นหนังเรื่องนี้ก็คงกลายเป็นหนังตลกโหล ๆ อีกเรื่องหนึ่งของไทยไปจนได้ครับ

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

สวัดสีครับหากพูดถึงช่วงหยุดฤดูร้อน ใครๆก็คงนึกถึง ประเพณี นึง อย่าง สงกรานต์ วันนี้ผมจึงหยิบยกหนัง แสบสะท้านโลกันตร์ มาแนะนำ ซึ่งผมเชื่อลึก ๆ ว่าหาก หนังไทยnetflix เอ็มมานูเอล ลูบิซกี้ หรือ ลุงโรเจอร์ ดีกินส์ ได้ดูสงกรานต์สะท้านโลกันตร์ ก็ต่างต้องทบทวนการทำงานตัวเองเสียใหม่ ส ปอย หนัง เพราะกฎพื้นฐานในการคุมความต่อเนื่องของภาพไม่ได้อยู่พจนานุกรมของ พี่พชร์ ที่ถือว่า ความต่อเนื่องเป็นธุระของผู้ชม ดูหนังออนไลน์ เราเลยได้เห็นตำแหน่งตัวละครที่ถือเป็นอนิจจัง เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา ทิศทางการตัดต่อภาพแต่ละกล้อง ดูหนังฟรี พี่พชร์ให้อิสระกับระบบตัดต่อระบบ AI เต็มที่ ซึ่งถือเป็นมุมมองใหม่ที่มนุษย์อาจคิดไม่ได้ ซึ่งบรรดานักเรียนหนังควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่าง และ ถ้าจะให้ดีควรไปขับไล่อาจารย์ที่สอนวิชาตัดต่อตามโรงเรียนหนังหรือมหาวิทยาลัยที่ตามเทรนด์นี้ไม่ทันออกจากระบบการศึกษาให้หมด!

ภาพยนตร์ตลกอารมณ์ดีที่เข้าฉายในช่วงประเพณีสงกรานต์ปีก่อน (11 เมษายน 2019) นำแสดงโดยตัวเอก นิก คุณาธิป จับคู่ พิ้งกี้ สาวิกา พร้อมดาวตลกดัง อาทิ โรเบิร์ต สายควัน , น้าค่อม ชวนชื่น,นุ้ย เชิญยิ้ม,บอล เชิญยิ้ม ฯลฯ โดยเป็นเรื่องราวของค่ายมวย เสือ ส. วาเลนไทน์ ที่กำลังตกต่ำสุดขีด และ ต้องปลุกปั้นยอดนักมวยคนใหม่ขึ้นกอบกู้สถานการณ์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ นับว่า สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ เป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกในปีนี้ของผู้กำกับ พชร์ อานนท์ หลังจากปลายปีที่แล้วส่ง หอแต๋วแตก แหกต่อไม่รอแล้วนะ (2018) ที่คาดว่าจะเป็นการปิดฉากแฟรนไชน์ภาพยนตร์ ซึ่งได้กระแสตอบรับจากแฟนหนังขาประจำค่อนข้างดีทีเดียว

แม้ดีกรีความฮาจะลดลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นที่นิยม และ ถูกพูดถึงมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง

งานนี้ผู้กำกับร้อยล้านก็ยังไม่หยุดพัก สานต่อโปรเจกต์สร้างความฮากับ สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ ตามมาติด ๆ โดยคราวนี้ได้ดาวตลกฮาลำดับต้น ๆ ของวงการจากทีมบริษัทฮาไม่จำกัด ไม่ว่าจะเป็น น้าค่อม ชวนชื่น, ตั๊ก บริบูรณ์, บอล เชิญยิ้ม, โรเบิร์ต สายควัน รวมไปถึงนางเอกสาว พิ้งกี้ สาวิกา สองหนุ่มหล่อหน้าใส นิก คุณาธิป และ ยอร์ช ยงศิลป์

ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มาเป็นตัวละครหลัก และ ช่วยสร้างสีสันใหม่ ๆ จากตัวอย่างแรกก็พอจะทราบแนวทางการดำเนินเรื่องว่าจะไปในทิศทางใดบ้าง จะออกมาฮาถูกใจแฟน ๆ แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคลไป

ต้องยอมรับว่าหลาย ๆ คนน่าจะเกิดอาการเดียวกันหลังจากได้เห็นตัวอย่างหนังที่ถูกปล่อยออกมาให้ชมกันก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งเล็ก ๆ ในใจก็ได้แต่หวังว่า สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ จะทำให้เกิดความหวังในการสร้างเสียงหัวเราะได้สำเร็จ หลังจากผลงานส่วนใหญ่ที่ผ่าน ๆ มาของผู้กำกับค่อนข้างจะฝืด และ ฝืนพอสมควร

เมื่อได้รับชมเรื่องราวต่างใน สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ ต้องยอมรับว่าสิ่งที่หนังต้องการจะสื่อนอกเหนือจะไปจากความตลกที่ได้จากทีมบริษัทฮาไม่จำกัดแล้ว หนังสอดแทรกเรื่องราวความพยายาม ความตั้งใจ และ การพิสูจน์ตัวตนผ่านตัวละครหลาย ๆ ตัวที่ไม่แน่ใจว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันทำให้เราเห็นมุมดี ๆ อีกมุมหนึ่งก็ว่าได้

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

หลัง สมจริง จงจ้องหอย (สมจิตร จงจอหอ) นักมวยค่ายตัวเองต้องปราชัย เสือ ส. วาเลนไทน์ (น้าค่อม ชวนชื่น) เจ้าของค่ายมวยก็ดูจะหมดหวังกับการปั้นใครขึ้นมาแทน ยิ่งความแค้นทำให้พลั้งปากท้าส่งนักมวยไปต่อยกับค่ายของศัตรู (ตั๊ก บริบูรณ์) จนต้องปั้นนักมวยรายใหม่ขึ้นมา แต่จะเอาไอ้แหว่ง (บอล เชิญยิ้ม) เหยิน (นุ้ย เชิญยิ้ม) ก็ดูสิ้นหวัง สงกรานต์ แสบสะท้าน โล กันต์ เต็มเรื่อง

หรือจะเป็นสองลูกชายสุดหล่ออย่าง ปีใหม่ (ยอร์ช ยงศิลป์) หรือ ลอยกระทง (นิก คุณาธิป) ก็ดูจะไม่เอาในทางมวยเสียเลย คงเหลือแต่ สงกรานต์ (โรเบิร์ต สายควัน) ลูกชายที่เคยถูกจับในวันบวช เป็นความหวังสุดท้าย แต่จะได้ชัยชนะหรือไม่คงต้องลุ้นกันเหนื่อยหน่อย

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

ในส่วนของเรื่องราวความฮานั้นถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางฝืดเสียส่วนมาก สงกรานต์ แสบสะท้าน โล กันต์ เต็ม เรื่อง movie2free ซึ่งเสียงหัวเราะที่ได้ส่วนใหญ่มาจากบทบาทของ น้าค่อม ชวนชื่น และ โรเบิร์ต สายควัน แค่เปล่งออกมาเพียงไม่กี่ประโยคก็ได้ใจไปแล้ว ส่วนตัวละครอื่น ๆ ก็นับว่ามาช่วยสร้างสีสัน บางครั้งยังคิดเลยว่าไม่มีก็ได้ โดยเฉพาะบทบาทของสองหนุ่มหน้าหล่อ นิก และ ยอร์ช ดูช่างไร้มิติ เหมือนมาเพียงแค่เรียกกระแสจากสาว ๆ เท่านั้น

ในทางเขียนบท นักเรียนมักถูกกำหนดกรอบในการคิดเรื่องด้วยการวาง พลอต ไว้ก่อนซึ่งถือเป็นเป็นการตีกรอบความคิดที่ควรอิสระ ดังนั้นการได้ดู สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ น่าจะเป็นการเปิดโลกการศึกษาได้เป็นอย่างดีครับ เพราะหนังเรื่องนี้มีเหตุการณ์หลายอย่างที่อัดแน่นกันตลอดเวลาร่วมชั่วโมงกว่าๆ ทั้งค่ายมวยที่มีทั้งพ่อคอยด่าลูกๆ มีพระมาฉันเพลแต่ฉันไม่ทันเที่ยงจนหิวเพื่อให้คนหัวเราะ มีห้องน้ำที่สงกรานต์มักเข้าไปอัดควันแล้วเยิ้มออกมา

ซึ่งทุกเหตุการณ์ควรเล่นย้ำๆ อย่างน้อย 2 เที่ยวเพื่อไม่ให้ผู้ชมหลงลืม มีร้านอาหารที่ลอยกระทงเข้าไปจีบ เจ๊เมษา (พิ้งกี้ สาวิกา) อยู่ 1 ครั้งซึ่งไม่จำเป็นต้องอธิบายเหตุผลใดๆ และมีฉากห้องซ้อมดนตรีที่เราจะได้เห็น ลอยกระทง และเพื่อนๆ มีปัญหากับมอเตอร์ไซค์วินจนได้เมีย ซึ่งก็ไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลเช่นกัน

หรือแม้กระทั่งอาชีพพยาบาลของ เจ๊สิตางศ์ แต่งมา 1 ฉากเพื่อให้ถูกล้อว่าไปกินศพ เหล่านี้ถือเป็นการปลดล็อกกฎเกณฑ์การเขียนบทที่ว่าพลอตคือการวางเหตุการณ์อันเป็นเหตุเป็นผลกันลงโดยสิ้นเชิง ซึ่งถือเป็นคิดพลอตที่ก้าวล้ำมากๆ

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์

รีวิว สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ พจน์ อานนท์ ไม่ได้เป็นศูนย์กลางปัจจัยที่ทำให้หนังไทยไม่พัฒนาหรือไม่ถูกเหลียวแล ไม่ใช่เลย สงกรานต์แสบสะท้านโลกันต์ netflix คนทำหนัง นายทุน คนทำธุรกิจโรงหนัง รัฐบาล และ คนดูหนังต้องช่วยกันสนับสนุนการทำหนังที่กำลังค่อย ๆ หลากหลาย และ มีคุณภาพอื่น ๆ ให้จริงจัง และ จริงใจ

ขณะเดียวกันก็ต้องอ้าแขนยอมรับหนังแบบ พจน์ อานนท์ และ หนังอื่นที่ถูกมองว่าแย่ให้เป็นหนึ่งเดียวกันในนามของหนังไทยด้วย ไม่ต้องถึงขนาดกับโอบกอดปกป้องหรอก มีติบ้าง ด่าบ้าง และ ชมบ้างก็ได้ และ อย่างน้อยก็จริงใจที่จะให้หนังเหล่านี้ยังคงเป็นหนึ่งในความหลากหลายของหนังไทย และ เติบโตงดงามไปด้วยกัน

เชื่อลึก ๆ ว่าหาก เอ็มมานูเอล ลูบิซกี้ หรือ ลุงโรเจอร์ ดีกินส์ ได้ดู สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันตร์ ก็ต่างต้องทบทวนการทำงานตัวเองเสียใหม่ เพราะกฎพื้นฐานในการคุมความต่อเนื่องของภาพไม่ได้อยู่พจนานุกรมของ พี่พชร์ ที่ถือว่า ความต่อเนื่องเป็นธุระของผู้ชม

เราเลยได้เห็นตำแหน่งตัวละครที่ถือเป็นอนิจจัง เดี๋ยวซ้าย เดี๋ยวขวา ทิศทางการตัดต่อภาพแต่ละกล้อง พี่พชร์ให้อิสระกับระบบตัดต่อระบบ AI เต็มที่ ซึ่งถือเป็นมุมมองใหม่ที่มนุษย์อาจคิดไม่ได้ ซึ่งบรรดานักเรียนหนังควรศึกษาไว้เป็นตัวอย่าง และ ถ้าจะให้ดีควรไปขับไล่อาจารย์ที่สอนวิชาตัดต่อตามโรงเรียนหนังหรือมหาวิทยาลัยที่ตามเทรนด์นี้ไม่ทันออกจากระบบการศึกษาให้หมด!

สตานิสลาฟสกี้ เคยกล่าวว่านักแสดงควรรู้จักความจริงภายในเพื่อความสมจริง ซึ่งถือเป็นความเชื่อผิด ๆ ที่นักเรียนการแสดงทั่วโลกร่ำเรียนมา เพราะหากผ่านการกำกับของพี่พชร์ ผู้ปฏิเสธการสร้างความจริงภายใน หรือการทำสมาธิทุกรูปแบบเพราะกลัวทำหนังไม่ทัน

ดังนั้นจึงเกิดการกำกับแบบเอาความจริงตรงหน้า เช่น คิดบทไม่ออกช่วยพูด ๆ อะไรออกไปให้หน่อย หรือคิวถ่ายจะหมดจะทำอะไรก็ทำ เหล่านี้ถือเป็นงานกำกับชั้นสูงที่เหล่านักเรียนหนังอาจเข้าไม่ถึง หรือ อาจารย์อาจยังไม่เคยสอนเพราะถือเป็นทฤษฎีใหม่ โดยเป็นหน้าที่ของผู้กำกับในการหยิบเลือกเหตุการณ์ที่พอเป็นหนังมาร้อยเรียง แล้วโบ้ยงานในการจัดวางให้คนตัดต่ออีกทีเพื่อให้เงินค่าจ้างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์

บทสรุป

แต่ถึงอย่างไรหนทางที่จะทำให้ภาพรวมของหนังไทยนั้นหลากหลายขึ้นทั้งเรื่องราว ประเภทหนัง แนวการเล่า และ คุณภาพไม่ใช่การไปห้าม พจน์ อานนท์ ไม่ให้ทำหนังภาคต่อแบบ หอแต๋วแตก ห้าม หม่ำ จ๊กมก ไม่ให้ทำหนังแบบ สิ้นสามต่อนหรือห้าม ยอร์ช ฤกษ์ชัย ไม่ให้ทำหนังแบบ สงกรานต์ แสบสะท้านโลกันต์ 037 คุณนายโฮ ซึ่งเป็นหนังในแบบที่พวกเขาสนุกที่จะทำมันขึ้นมา และ คนดูที่สนับสนุนพวกเขาก็สนุกกับหนังในแบบที่เขาอยากดู

และ การห้ามมันก็เป็นการริดรอนสิทธิ์ และ อิสระในการเสพ และ การสร้างสรรค์ไม่ต่างกับการแบนหรือเซ็นเซอร์หนังที่เราเฝ้าก่นด่าหน่วยงานรัฐ อีกสิ่งหนึ่งที่รับไม่ได้เกี่ยวกับมุกตลกในหนังก็คือ การเล่นมุกที่เกี่ยวกับอาหาร เล่นกับของกิน ที่ต้องยอมรับกันตรง ๆ ว่ามันสกปรกมากจริง ๆ

หากหลีกเลี่ยงการนำมุกเหล่านี้มาเล่นมันน่าจะทำให้หนังดูทันสมัย และ น่าสนใจขึ้นไม่น้อยเลย เอาเป็นว่าท้ายที่สุดแล้วหนังจะสนุกหรือไม่สนุกนั้นคงต้องขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการมาดูหนัง หากต้องการความตลก และ เพลิดเพลินก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดี แต่ไม่ถึงขั้นดีมาก

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

สวัสดีจ้าส่วนตัวคิดว่าหลายๆคนคงจะเห็น หนังไทยnetflix หนังไทยเรื่องนี้มีชื่อนักแสดงปรากฏออกมาล่อตาล่อใจแฟนๆอยู่มากมายตั้งแต่เริ่มโปรโมตหนังแล้ว รวมถึงพล็อตหนัง บทหนัง เรื่องย่อที่ดูเหมือนจะง่าย ๆ ดูหนังฟรี แต่ส่วนตัวผมแล้วมันน่าสนใจมาก ว่าด้วย ชายผู้เป็นมะเร็งใกล้ตาย อยากตามหาแฟนเก่าเพื่อคืนของ เพื่อนก็ลงทุนบินจากเมกาเพื่อมาขับรถพาตะลอน ดูหนังออนไลน์ จากนั้น แล้วจะอะไรต่อ เชื่อว่า หลายคนคงมองไว้ก่อนแล้วว่า หนังเรื่องนี้ไม่ได้พูดแค่เรื่องเท่านี้แน่ ๆ แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่ตัวละครที่เดินทางพร้อมสำรวจชีวิตตนเอง ส ปอย หนัง ตัวเราคนดูก็ไม่ต่างกัน หนังทำให้เราหวนนึกไปว่า ที่ผ่านมา เราเคยใจร้ายกับใครบ้าง เราเคยทำใครผิดหวังเอาไว้บ้าง เคยทำตัวนิสัยเสียจนวันนึงทำให้ชีวิตใครต้องพังหรือเปล่า แน่นอนว่า ไม่มีใครย้อนอดีตได้ เราทำได้เพียงย้อนความทรงจำ หลังได้รับบทเรียนจากมัน เราก็ก้าวเดินต่อไป

วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ (อังกฤษ: One for the Road) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวดราม่า ผลิตโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส บล็อกทู ดิสทริบิวชัน และ เฮาส์ตัน สตูดิโอ ของ นัฐวุฒิ พูนพิริยะ อำนวยการสร้างโดย หว่อง ก๊า ไหว่ และ จัดจำหน่ายโดย เจ็ตโทน คอนเทนต์ส โดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า เป็นผู้รับสิทธิ์การจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย นำแสดงโดย ธนภพ ลีรัตนขจร และ ณัฐรัตน์ นพรัตยาภรณ์ เข้าฉายในประเทศไทยวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ตัวภาพยนตร์ว่าด้วยเรื่องของเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานตัดสินใจออกเดินทางด้วยรถยนต์ด้วยกันเพื่อตามหาเพื่อนเก่าเพื่อคืนของสำคัญ และ บอกลากันก่อนจากไป

ชื่อเรื่อง : One for the Road (วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ)
ผู้กำกับ : นัฐวุฒิ พูนพิริยะ
ความยาว : 2 ชั่วโมง 16 นาที
แนว : ชีวิต , ดราม่า , มิตรภาพ
วันที่ฉาย : 10 กุมภาพันธ์ 2022
ช่องทางการรับชม : วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ’ เดินเรื่องคล้าย ๆ ว่าไม่รีบร้อน แต่บทจะเข้าท่อนฮุคก็จัดเต็มแรง ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่แนวโรแมนซ์​ แต่เป็นดราม่าที่แทรกทั้งเรื่องราวความรัก ครอบครัว ฐานะ ความฝัน ความทรงจำ และ ความสัมพันธ์ รวมทั้งหมดเอาไว้ด้วยกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

จากตัวอย่างหรือช่วงเวลาเริ่มต้นของหนัง อาจบ่งบอกถึงความเป็นทริปแห่ง redemption ของผู้ชายนิสัยห่วย ๆ สองคน ที่คนดูหลายคนอาจมองอย่างไม่สบอารมณ์ว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องหาเรื่องกลับไปหาแฟนเก่าที่ตนเองเคยทำระยำทิ้งไว้ อาจไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะยินดีกับการกลับมาเจอกันเป็นครั้งสุดท้าย

แต่หนังก็ยังเล่าไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนอีกด้วย อู๊ดกับบอส ที่เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ใครจะรู้ว่าก่อนหน้าที่จะมีวันนี้ พวกเขาเคยผ่านอะไรกันมาบ้าง สิ่งใดที่พวกเขาทำต่อกัน และ พาให้ชีวิตของพวกเขาเดินมาถึงตรงนี้ หนังจะพาเราไปสำรวจ องก์ที่สามจึงดูหนักหน่วงแต่แตกต่างไปจากก่อนหน้า

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวของ อู๊ด (ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์) ที่ป่วยเป็นโรคร้าย และ มีเวลาอยู่ได้อีกไม่นาน เขาจึงตัดสินใจโทรตามเพื่อนของเขาที่เป็นเจ้าของบาร์อยู่ที่ New York อย่าง บอส (ต่อ ธนภพ) ให้กลับมาเมืองไทย เพื่อพาเขาขับรถไปเจอหน้าแฟนเก่าครั้งสุดท้ายก่อนตาย วันสุดท้ายก่อนบายเธอออนไลน์

เพราะหมอไม่อนุญาติให้เขาขับรถ เลยต้องให้เพื่อนมาขับให้ ซึ่งเขาจะไปหาแฟนเก่าทุกคนเพื่อเคลียร์ และ ไม่ให้มีอะไรค้างคาต่อกันอีก เรื่องราวของพวกเขาทั้งสองคนจะลงเอยอย่างไร และ จะทำได้สำเร็จตามที่คิดไว้หรือไม่ คงต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

บอกก่อนเลยว่า ดีเกินคาดมาก ๆ งานภาพสวยจริง ๆ ยอมรับเลย ไม่เสียชื่อหว่อง กาไว จริง ๆ งานละเอียด และ ดูสากลกว่าหนังไทยทั่วไปมาก ๆ วันสุดท้ายก่อนบายเธอ hd แต่ต้องบอกว่าเรื่องนี้งานภาพไม่ได้ออกมาสไตล์หว่องขนาดนั้น แต่ก็มีกลิ่นอายไม่น้อย แต่ไม่เหมือนไปซะทั้งหมด ซึ่งบอกเลยว่าไม่ได้มีดีแค่งานภาพที่สวยงาม แต่มันดีเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะบท ที่เขียนมาได้ดีมาก ๆ มีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย ทำให้ได้เห็นมิติของตัวละครทุกตัวได้อย่างชัดเจน และ ทำให้คนดูเข้าใจความรู้สึกของตัวละครได้อย่างถ่องแท้

แถมทุกอย่างยังมีความหมาย และ สื่อถึงกันแบบหมดจด ทำให้รู้เลยว่า คนทำหนังเขาตั้งใจให้มันออกมาดีจริง ๆ ในส่วนของนักแสดงก็แสดงดีกันทุกคน โดยเฉพาะซีนดราม่า ทำกันได้ดีไม่มีข้อกังขา แต่ขอติเรื่องบทพูดบางฉาก ที่บทพูดมันแปลกๆ ดูไม่ธรรมชาติยังไงไม่รู้ แต่ก็แค่บางฉากแหละ ภาพรวมคือดีหมด

นอกจากงานภาพที่ผมชอบมาก ๆ แล้ว อีกอย่างที่ชอบคือเพลง เสียงประกอบฉากต่าง ๆ ทำออกมาได้โคตรดีมาก ๆ เลือกเพลง และ เสียงประกอบฉาก และ อารมณ์ต่าง ๆ ได้ดี เหมาะกับภาพ และ สถานการณ์ที่กำลังดำเนินอยู่ไปอย่างลื่นไหล อีกอย่างคือการที่เอาเสียงของตัวละครพ่อที่เป็นดีเจคลื่นวิทยุมาใส่ประกอบเป็นเสียงพื้นหลังอยู่เป็นระยะ ๆ มันเป็นอะไรที่เท่ห์ และ ดีมาก ๆ จริง ๆ เพราะเสียงที่คลอนั้นมันซ่อนเรื่องราวและความรู้สึกของตัวละครหลักไว้ ทำให้หนังมันมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมามาก ๆ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ

รีวิว วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายรอบปฐมทัศน์ในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ 2021 เมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564 และ ได้รับรางวัล World Dramatic Special Jury Award จากงานดังกล่าว ผลตอบรับของภาพยนตร์อยู่ในระดับกลาง ๆ คิม ยูทานิ ผู้คัดเลือกหนัง และ จัดเทศกาลซันแดนซ์ ระบุว่าเป็นภาพยนตร์ที่เข้ามาไม่ทันตั้งตัว วันสุดท้ายก่อนบายเธอ netflix จึงถูกจัดให้ฉายในวันเปิดงาน และ ส่งเข้าประกวดในหมวดหนังจากทั่วโลก (นอกอเมริกา) ในประเภทดราม่า ตัวภาพยนตร์มีกลิ่นอายความเป็น หว่อง ก๊า ไหว่ โดยชัดเจน วาไรตี ระบุว่าตลอดเวลา 136 นาที

ภาพยนตร์มีความตื่นเต้น และ ชื่นชมในลูกเล่นการเล่าเรื่องที่ฉลาดของบาส ที่พลิกไปพลิกมาแถมบางครั้งยังกล้าล้มล้างพล็อตตั้งต้นอย่างมีรสนิยม ด้าน เดตไลน์ ระบุว่าแม้จะน่าเสียดายที่หว่องกาไวไม่ได้สร้างหนังอะไรมา 8 ปีแล้ว แต่การมาอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ก็งดงาม และ พิเศษไม่แพ้กันเลย แต่ อินดีไวร์ ให้คะแนนเพียง C+ โดยติว่า หนังมีความละมุนหวนให้อดีตที่สวยงาม ราวกับการพินิจรถคลาสสิกเรียบหรู

ทว่าเมื่อผู้กำกับเข้าเกียร์เดินเครื่องแต่ละทีกลับกระชากและ ให้อารมณ์ที่รุนแรงท่วมท้นไปพร้อมกัน รวมถึงความไม่เข้ากันของผู้รับบทสองคนคือ ธนภพ และ ณัฐรัตน์ รวมถึงการสับเปลี่ยนระหว่างพาร์ทเนื้อเรื่องของทั้งสองตัวละคร ทำให้บทสรุปของภาพยนตร์ในช่วงสุดท้ายดูไม่มีเหตุผล และ การที่ผู้กำกับใส่ความเป็นหว่องกาไวเข้ามา มันเยอะดูเหมือนจะยัดเยียดเกินไปซึ่งไม่เข้าท่า

บทสรุป

โดยรวมแล้วถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ แล้ว วันสุดท้าย ก่อนบายเธอ เต็มเรื่อง พากย์ไทย ผมชอบพอสมควร แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบมาก แต่รับรองว่าไม่เสียดายค่าตั๋วแน่นอน 100% ความดีงามของเรื่องนี้มันอยู่ระดับที่เอาไปฉายให้ต่างชาติดูได้แบบไม่อายเลย ผมมองว่าหนังไทยควรเริ่มจากหนังดราม่าเนี่ยแหละ เพราะใช้ทุนไม่เยอะ แต่สามารถทำออกมาให้ดีในระดับสากลได้

ถ้าอยากเห็นหนังไทยดีขึ้น และ สามารถแข่งขันกับนานาชาติได้ ก็อยากให้ทุกคนช่วยกันสนับสนุนหนังไทยกัน แต่ไม่ได้บอกว่าให้ดูทุกเรื่องนี้ แต่เรื่องนี้ควรดู เพราะมันดีจริง คนทำจะได้มีกำลังใจทำหนังดี ๆ ออกมาให้เราได้ดูอีก สุดท้ายนี้ ขอให้คะแนนไว้ที่ 9/10 เลยแล้วกันครับ

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม

สวัสดีครับ นี่ก็นับว่าเป็นหนังไทยม้ามืดอีกเรื่อง หนังไทยnetflix ที่โดยความรู้สึกส่วนตัวแล้วแอบรู้สึกเซอร์ไพรส์พอควรหลังจากปล่อยตัวอย่างมาแล้วมู้ด และ โทนหนังมันดูน่าสนใจดูดีมาก เป็นดราม่าธริลเลอร์ที่ดูเข้มข้นทีเดียว สำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Up Rank อาชญาเกม คือภาพยนตร์ไอเดียสุดเจ๋งจาก Kantana Motion Pictures และ XSpring โดยฝีมือของสองผู้กำกับ กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์ ส ปอย หนัง ที่หยิบนำเรื่องราวอีกด้านของวงการเกมอย่าง ‘การรับจ้างปั๊มแรงก์’ ดูหนังออนไลน์ ที่แม้จะผิดกฎเกมแต่ก็ไม่ผิดกฎหมายมานำเสนอ ดูหนังฟรี พร้อมได้ 4 นักแสดงนำรุ่นใหม่อย่าง เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ, กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ หรือ กิต Three Man Down, แจ็ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา และ มีน-สุดารัตน์ ผุงศิริ มาร่วมฟอร์มทีมรับจ้างครั้งนี้

หนังไทยม้ามืดที่ส่วนตัวรู้สึกเซอร์ไพรส์พอควรหลังจากปล่อยตัวอย่างมาแล้วมู้ด และ โทนหนังดูดีมาก เป็นดราม่าธริลเลอร์ที่ดูเข้มข้นทีเดียว แต่ก็คงเช่นเดียวกับผู้ชมกลุ่มเป้าหมายของหนังซึ่งคงเป็นวัยรุ่นที่เล่นเกมอยู่แล้วบ้าง ที่ดูแล้วก็เกิดคำถามตั้งแต่ตัวอย่างว่า การปั๊มแรงก์

ที่นำมาเป็นหัวใจของหนังนั้นมันเป็นปัญหา และ นำพามาถึงความรุนแรงอย่างที่เสนอได้เลยหรือ ? แน่นอนว่ามันก็ต้องให้โอกาสผู้สร้างในการนำเสนอก่อน ถ้าเขาเอาชนะความสงสัยนี้ได้ ที่เหลือก็สบายเพราะดูทรงแล้วทำได้ดี แต่ถ้าผ่านไม่ได้ก็จะทำให้หนังที่เหลือยืนอยู่บนข้อสงสัยว่ามันไม่น่าจะเกิดจริงได้ ซึ่งเป็นอันตรายพอควรถ้าอยากทำหนังบันเทิงให้คนอิน

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม หากภาพยนตร์เรื่อง Mother Gamer เกมเมอร์ เกมแม่ (2563) ของผู้กำกับ เสือ-ยรรยง คุรุอังกูร เป็นผลงานที่ทำหน้าที่พาผู้ชม (โดยเฉพาะผู้ใหญ่) ไปทำความรู้จักกับโลกของวงการเกมอีสปอร์ตไทย เพื่อยืนยันกับทุกคนว่า ‘เกม’ ไม่ได้เป็นเพียงสื่อบันเทิงชนิดหนึ่งเท่านั้น แต่มันยังสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพหรือเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตได้จริง ๆ

The Up Rank อาชญาเกม ของสองผู้กำกับ กัลป์ กัลย์จาฤก และ วทัญญู อิงควิวัฒน์ ก็ดูเหมือนจะเป็นผลงานที่กำลังนำเสนอ ‘มุมมองอีกด้าน’ ของวงการเกมให้เราได้ทำความรู้จักผ่านการหยิบประเด็นของการรับจ้างปั๊มแรงก์ หรือการรับจ้างเล่นเกมให้กับลูกค้าที่อยากให้ไอดีของตัวเองอยู่ในระดับแรงก์ที่สูงเหนือกว่าใคร ซึ่งผู้เขียนคิดว่าผู้กำกับ และ ทีมสร้างสามารถตีโจทย์ และ นำเสนอเรื่องราวดังกล่าวออกมาได้อย่างน่าสนใจ และชวนติดตามมาก ๆ

อย่างแรกคือการตัดสินใจที่จะไม่ลงรายละเอียดของ ‘รูปแบบการเล่น และ การแข่งขันภายในเกม’ มากนัก และ เลือกที่จะพาผู้ชมไปติดตามเรื่องราวของกลุ่มตัวละครหลักที่ต้องเผชิญกับปมปัญหาต่าง ๆ เป็นหลัก

มันจึงทำให้ตัวภาพยนตร์มีความชัดเจนในเนื้อหาที่อยากจะเล่า และ ไม่พาผู้ชมหลุดไปจากประเด็นดังกล่าวมากนัก ซึ่งหากว่ากันตรง ๆ มันก็คือการโกงนั่นแหละ และ หากถูกจับได้ บทลงโทษของคน ‘จ้าง’ หรือ ‘รับจ้าง’ ก็คือการถูกแบนออกจากเกมนั้น ๆ หรืออาจถูกแบนจากวงการเกม และ ดูเหมือนว่าผู้กำกับ และ ทีมสร้างจะไม่ได้หยุดอยู่แค่ประเด็นของการรับจ้างปั๊มแรงก์เท่านั้น แต่พวกเขาเลือกที่จะลอง ‘ขยายผล’ ของประเด็นดังกล่าวให้กว้างขึ้นว่าหากการรับจ้างปั๊มแรงก์มันสามารถทำเงินได้ดีจนเติบโตเป็นธุรกิจได้จริง ๆ มันจะเป็นอย่างไร

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว อาชญาเกม

หนังจะเล่าผ่านสายตาของ ยู (กิต-กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ หรือ กิต วง Three Man Down) เด็กหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ในการเล่นเกม แต่มักถูกคนรอบตัวมองว่าไม่มีอนาคตโดยเฉพาะจากพ่อของเขา (ดู๋-สัญญา คุณากร) ที่มองว่าเอาแต่เล่นเกมจนไม่ไปเรียนไม่หางานทำ โชคดีที่บ้านของยูมีธุรกิจงานพิมพ์เล็ก ๆ พ่อจึงใช้ยูไปส่งของให้ลูกค้าบ้าง

วันหนึ่งเขาได้รับข้อเสนอจาก โฮม (เอม-ภูมิภัทร ถาวรศิริ) ให้มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมรับจ้างปั๊มแรงก์ที่ชื่อ The Up Rank ร่วมกับ พีท (แจ๊ค-กิตติศักดิ์ ปฐมบูรณา) อดีตโปรเพลเยอร์อีสปอร์ตที่ยังมีฝีไม้ลายมือเป็นกำลังหลักของทีมปั๊มแรงก์ และ ทอย (มีน-สุดารัตน์ ผุงศิริ) สตีมเมอร์สาวสวยที่เป็นแฟนกับพีททำหน้าที่ประสานงานกับลูกค้า อาชญาเกม เต็มเรื่อง เมื่อกิจการไปได้ดีโฮมเริ่มคิดการใหญ่ขยายจำนวนทีมเพื่อรับจ้างปั๊มแรงก์ให้ได้มากขึ้นโดยไปกู้เงินนอกระบบจากมาเฟีย (เฟิด-คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ หรือ เฟิด วง Slot Machine) ซึ่งเป็นก้าวที่ทำให้โฮมถอยหลังไม่ได้อีกแล้ว และ เมื่ออะไร ๆ ไม่เป็นดังหวังจนทีมเริ่มแตก โฮมก็เริ่มใช้อำนาจจอมบงการเข้าควบคุมทุกคนโดยไม่เลือกวิธีการ

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว อาชญาเกม

จุดเด่นข้อต่อมาที่เราอยากชื่นชมเป็นการส่วนตัวคือ งานโปรดักชันที่เข้ามาเสริมให้บรรยากาศของภาพยนตร์จริงจัง และ เข้มข้นมากขึ้นหลายเท่า อาชญาเกม รีวิว ทั้งการเลือกใช้การตัดต่อแบบ Quick-Cut เพื่อให้เรื่องราวในบางฉากมีความกระชับ และ ดูน่าสนใจ หรือการเลือกใช้มุมกล้อง และ การจัดแสงเพื่อขับเน้นคาแรกเตอร์ของตัวละครให้โดดเด่นขึ้นมา ทั้งความน่าเกรงขามของเจ้าพ่อมาเฟียที่รับบทโดย เฟิด-คาริญญ์ยวัฒ ดุรงค์จิรกานต์ (เฟิด Slot Machine)

ที่แม้จะออกมาน้อย แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความอันตรายของตัวละครตัวนี้ได้ทุกครั้ง หรือจะเป็นการเปลี่ยนสีเสื้อผ้าที่ตัวละครยูสวมใส่เพื่อนำเสนออารมณ์ และ ความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปของตัวละคร ขณะเดียวกัน ภาพยนตร์ก็ยังมีจุดที่เรารู้สึกเสียดายในแง่ของการนำเสนอ Background และ ปมปัญหาของตัวละครให้ผู้ชมรู้จัก

ซึ่งเราคิดว่าผู้กำกับ และ ทีมสร้างใช้เวลาในการเล่าเนื้อหาส่วนนี้น้อยไปสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่น เหตุผลที่ผลักดันให้โฮมต้องการเงินจำนวนมาก เขาจึงทุ่มเททุกอย่างเพื่อธุรกิจปั๊มแรงก์ ภาพยนตร์ก็เลือกที่จะเล่าประเด็นดังกล่าวผ่านบทสนทนาสั้น ๆ ไม่กี่ประโยค และ ยังคลุมเครือไม่ชัดเจน หรือจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างยูและพ่อ (ดู๋-สัญญา คุณากร) ที่ภาพยนตร์พาเราไปรู้จักพวกเขาเพียงผิวเผินเท่านั้น

รีวิว อาชญาเกม

รีวิว อาชญาเกม เรื่องนี้เป็นการจับมือกันทำหนังของ 2 นักทำหนังรุ่นใหม่ อย่าง “กัลป์ กัลย์จาฤก” และ “โอ๊ต-วทัญญู อิงควิวัฒน์” ที่พวกเขาเลือกที่จะหยิบเอาวงการด้านมืดของวงการเกม อาชญาเกม pantip และ อีสปอร์ตมาตีแผ่ ผ่านวงการปั้มแรงค์เกมที่ถือว่าเป็นกิจการใต้ดินที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับผู้เล่นที่มีฝีมือ และ อาจจะต่อยอดให้กับตัวเอง เป็นด้านมืด ๆ เทา ๆ ที่นานครั้งจะเห็นวงการหนังไทยหยิบเล่นอะไรแบบนี้มาขึ้นจอใหญ่สักหน และ เรื่องนี้ก็กล้าที่จะนำเสนอประเด็นนี้ออกมาแบบขึงขัง

นอกจากนี้ผู้กำกับ และ ทีมสร้างก็สร้างสรรค์คาแรกเตอร์ของตัวละครหลักทั้ง 4 ตัวออกมาได้น่าสนใจ ไม่มีใครโดดเด่นมากน้อยไปกว่ากัน เช่น ยู เกมเมอร์หนุ่มที่เป็นตัวแทนในการพาผู้ชม (ทั้งคนที่เล่นเกมอยู่แล้วหรือไม่เล่นก็ตาม) เข้ามาทำความรู้จักพื้นที่สีเทาของวงการเกมภายในเรื่อง พร้อมชวนเราตั้งคำถามว่าสิ่งที่พวกเขาทำอยู่นั้นถูกต้องหรือไม่ และ เราควรจะทำอย่างไรหรือมีมาตรการอะไรเพื่อมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้อย่างเห็นผลที่สุด หรือ ทอย

ซึ่งเป็นตัวแทนของสตรีมเมอร์สาวที่เผยให้เราเห็นว่าแม้เธอจะสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองด้วยการเล่นเกมก็ตาม แต่ขณะเดียวกันเธอก็ต้องเผชิญกับคอมเมนต์บนโลกโซเชียลที่ไม่ให้เกียรติ จนหลายครั้งก็ลามไปถึงการใช้ถ้อยคำที่ส่อไปทางเหยียดเพศหรือคุกคามทางเพศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่ยังคงเกิดขึ้นจริงกับสตรีมเมอร์หลายคนในปัจจุบัน และ พีท อดีตโปรเพลเยอร์ที่ถูกเพื่อนร่วมทีมเหยียดหยามในความสามารถจนตัดสินใจลาออกมาทำงานรับจ้างปั๊มแรงก์ร่วมกับโฮม

เพียงแต่ว่าน่าเสียดายไปสักนิด เพราะในท้ายที่สุดแล้วนั้น The Up Rank อาชญาเกม กลายเป็นหนังที่ค่อนข้างจะเพลย์เซฟไปสักหน่อย หนังยังไม่สามารถเข้าถึงแก่น และ ด้านหม่นของวงการเกมที่หยิบมาชูเป็นประเด็นของหนังได้อย่างได้เข้มข้นสักเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกเหมือนยังกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะตีแผ่ สุดท้ายจึงกลายออกมาเป็นบทหนัง และ การเล่าเรื่องที่เพียงแค่นำเสนอในระยะผิวเผินของวงการนี้เท่านั้น ไม่ได้ยั้งลึก ไม่ได้สร้างมิติ และ ยังไม่มีแก่นสารที่หนักแน่นมากพอนัก

บทสรุป

ในภาพรวมแล้ว แม้ว่า The Up Rank อาชญาเกม จะมีจุดที่ทำให้เรารู้สึกติดขัดอยู่บ้าง แต่ด้วยกลวิธีนำเสนอที่สร้างสรรค์ งานโปรดักชันที่เก็บทุกรายละเอียด ปมปัญหาหลักของเรื่องที่นำเสนอได้น่าสนใจ รวมถึงการแสดงอันยอดเยี่ยมของนักแสดงทุกคนที่ชวนให้เราเข้าใจ และ มีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร อาชญาเกม ภาพยนตร์

ทั้งหมดนี้จึงส่งให้ The Up Rank อาชญาเกม เป็นภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่องของปีนี้ที่มีความแปลกใหม่ และ นำเสนอเรื่องราวอีกแง่มุมหนึ่งของวงการเกมออกมาได้อย่างน่าติดตามตลอดทั้งเรื่อง