รีวิว ต้มยำกุ้ง 2
หนังไทยย้อนยุค หากถามผมว่าส่วนตัวแล้วหนังแนวต่อสู้แอ็คชั่นบู๊ต่อสู้แหลกของไทยผมชอบเรื่องอะไร? ผมคงตอบได้อย่างเต็มปากเลยว่าก็ต้องตมยำกุ้งเนี่ยแหละครับ ถึงจะเก่าแต่พี่จา พนม เขาเล่นฉากคิวบู๊ สุดจริงๆ แต่น่าเสียดายหนังแอคชั่นไทยๆ แบบนี้กลับทำได้แค่ครั้งเดียว ก่อนที่ค่อยๆ ลดมาตรฐานลงไปตามกาลเวลาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุที่หนังขาดจิตวิญญาณในแบบดั้งเดิมลงไปจนทำให้สุดท้ายหนังแนวนี้กลับกลายเป็นแค่หนังเตะๆ ต่อยๆ ที่แทบหาแก่นสารใดๆ ไม่ได้อีกเลย ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีผลมาเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ผมคงบอกได้ไม่เต็มปากว่า ต้มยำกุ้ง 2 นั้นยังหลงเหลือความเป็นภาพยนตร์อีกต่อไปอยู่หรือไม่ เพราะสิ่งที่ได้สัมผัสในต้มยำกุ้งภาคนี้นั้นก็เปรียบเสมือน Action Stunt Show หรือถ้าหากยังจัดหมวดหมู่ว่าเป็นภาพยนตร์แล้วนั้นคงต้องบอกว่าหนังคัลท์มาก ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
ส ปอย หนัง ต้มยำกุ้ง 2 มีเนื้อเรื่องที่ดูเป็นเนื้อเรื่องมากกว่า ต้มยำกุ้ง อย่างชัดเจน ไม่ดูเป็น “ช้างกูอยู่ไหน” อีกต่อไป จนทั่วโลกเข้าใจไปว่าเรามีช้างเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านกันหมด แต่ถึงจะวางเนื้อเรื่องมาอย่างซับซ้อน แต่ความน่าเชื่อก็ยังดูน้อยเกินไป ผมเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องเชื่อมต่อเนื้อเรื่องมาจากต้มยำกุ้ง แต่ตรงนี้แหล่ะที่ถ้าได้วางเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด จาไม่ได้เลี้ยงช้าง หม่ำไม่ได้เป็นตำรวจสากล เนื้อเรื่องมันจะน่าเชื่อถือมากกว่านี้มากมาย เอาตรงๆคือ ส่วนตัวไม่อยากได้ช้างเข้ามาเกี่ยวอีกแล้ว แต่จะให้ขามคนเลี้ยงช้างกลายเป็นหน่วยซีล ก็เป็นไปไม่ได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2 ผ่านมา 8 ปี เพิ่งจะมีภาคสองกับเขา เมื่อผู้กำกับอย่าง ปรัชญา ปิ่นแก้ว หยิบเอาโปรเจ็กต์ที่พา จา พนม ไปอีกระดับขึ้นด้วยการมีนักแสดงจากต่างชาติมาร่วมด้วย มาสานต่อด้วย ‘ต้มยำกุ้ง 2’ ภาคที่สองที่ถ่ายทำในเมืองไทยล้วนๆ และยังเสริมทัพด้วยนักแสดงไทยอีกหลายหน้า โดยเฉพาะ จีจ้า ญาณิน และนักแสดงจากต่างชาติที่มาสมทบอีกมากมาย
เรื่องราวมันก็ผ่านมาเนิ่นนานจนแทบจะจดจำเนื้อหาของภาคแรกไม่ได้แล้ว นอกไปเสียจากวลีที่ติดปากไปเสียทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง “ช้างกูอยู่ไหน?” และฉากการต่อสู้ที่ถ่ายกันแบบลองช็อตอันน่าทึ่งฉากนั้น
นับเป็นโปรเจกต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดหลายปีที่ผ่านมาของค่ายสหมงคลฟิล์ม และขึ้นแท่นหนังที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุดในไทยไปแล้วสำหรับ ต้มยำกุ้ง 2 3D ด้วยเม็ดเงินกว่า 500 ล้านบาท ทีมงานคงแบกความกดดันพอสมควร
ความสำเร็จทางด้านรายรับทั้งในไทยและตลาดโลกของหนัง ต้มยำกุ้ง ภาคแรก และการห่างหายไปนานของ จา พนม หรือ โทนี่ จา ที่เราไม่ได้เห็นหนังของเขามานาน จึงไม่แปลกที่ ต้มยำกุ้ง 2 จะถูกคาดหวังจากคนดูชาวไทยมากเป็นพิเศษ การเลือกทำเป็นหนังแอ็คชั่น 3 มิติ ก็คือสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการจะสร้างจุดขายใหม่ๆ ให้กับตัวเอง รวมไปถึงการให้นักแสดงระดับโลกที่มีชื่อเสียงมาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า ต้มยำกุ้ง 2-3D ไม่ได้มองเพียงแต่ลูกค้าชาวไทยแต่ยังมองไปถึงตลาดระดับโลกเป็นสำคัญ
หากไม่นับปัญหาส่วนตัวเกี่ยวกับ จาพนม หรือ โทนี่จา ต้มยำกุ้ง 2 ถ่ายทำกันได้ราบลื่น มีองค์ประกอบที่จะเป็นหนังฟอร์มยักษ์แห่งปี ทว่า เมื่อฟังบทสัมภาษณ์ของ ปรัญชา ปิ่นแก้ว ก่อนหนังเข้าฉาย นํ้าเสียงมีความกังวล ทั้งเรื่องงบประมาณบานปลาย บทหนังที่ถูกแก้แล้วแก้อีก
ก่อนหน้านี้ ต้มยำกุ้ง ภาคแรกถูกวิจารณ์อย่างหนักเรื่องบทภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยน่าสนใจ ขายแต่แอ็คชั่น ภาคนี้ได้ เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ (13เกมสยอง,หลุด4หลุด) มือเขียนบทชั้นดีของค่ายมาร่วมงาน กระนั้น กรอบที่ถูกตีว่าไม่เอาช้างทำให้หนังขาดธีมหลัก สุดท้ายทีมงานก็หันมาใช้ช้างเป็นหลักในการดำเนินเรื่องเหมือนเดิม ทำให้ต้องเขียนบทใหม่หมด ซึ่งต่อมาสร้างปัญหาให้หนัง ต้มยำกุ้ง2 พอสมควร
เรื่องย่อ
เล่าถึง ขาม (จาพนม) จากภาคแรกที่ไปบู๊สนั่นในประเทศซิดนีย์ซึ่งกลับมาเมืองไทยใช้ชีวิตเรียบง่ายเป็นคนเลี้ยงช้างในชนบท จนกระทั่งมีกลุ่มนายทุนมาขอซื้อช้างของเขา แน่นอนเขาไม่ขาย ไม่นานช้างของเขาก็ถูกขโมยไป (ตัวเบอเร่อเอาไปกันง่ายๆ) และภารกิจตามล่าช้างสุดขอบฟ้าจึงเริ่มต้นขึ้น ดูหนังใหม่ ต้มยํากุ้ง 3
ความรู้สึกหลังรับชม
บทของหนังดำเนินเรื่องเร็วยิ่งกว่าหนังรถแข่ง จนอดคิดในใจไม่ได้ว่าว่า นี่พวกคุณจะไม่หยุดคุยกันให้รู้เรื่องหน่อยเหรอ เนื้อหาของหนังไม่มีอะไรใหม่จากภาคแรกเลย ตัวละครก็ซํ้าเดิม ที่เพิ่มมาก็ไม่มีใครโดดเด่น ไม่อาจโทษคนเขียนบทคนเดียว เพราะหนังเรื่องนี้ถูกสร้างมาให้ขายแอ็คชั่น ฉากจึงมาก่อนบทสนทนา
ฉากต่อสู้หลายๆฉากเหมือนเคยผ่านตามาในหนังบู๊ของเครือสหมงคลหลายเรื่อง เพียงแต่เปลี่ยนโลเคชั่น ซึ่งเมื่อใส่แอ็คชั่นทุกอย่างที่มีลงมาหมดโดยไม่สนใจแก่นของหนัง มันจึงดูมั่วและเยอะมากเกินไป ทำให้ผมนึกถึงประโยคติดปากของผู้กำกับหลายคน 5 4 3 2 แอ็คชั่น! คือซัดกันลูกเดียวเลย
จึงเป็นอย่างที่เห็น ต้มยำกุ้ง 2 นอกจากจะไม่น่าตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังมีส่วนที่น่าเบื่อและชวนงงอยู่มาก หนังไม่มีความสมจริงเลย อาทิ ทำไมผู้ร้ายจงใจจะเอาช้างตัวนี้ให้ได้ ทั้งที่ถ้าเอาตัวอื่นที่เจ้าของไม่ดุขนาดนี้งานคงง่ายกว่า จาพนมฆ่าไม่ตายครับ เด็กแว้นเป็นร้อยทำอะไรไม่ได้ โดดตึกก็ไม่ตาย ตกสะพานก็ชิว ไฟช็อตแค่สั่นๆ (อีกนิดเดียวเป็น มาเชเต้ ล่ะ) ในเรื่องยิงกันหูดับตับไหม้แต่แทบไม่มีใครตายด้วยอาวุธปืนเลย องค์กรลับของMr.LCดูยิ่งใหญ่มาก แต่ไหงมีคนน้อยจัง นับเบอร์อื่นๆหายไปไหนหมด และอื่นๆอีกมากมาย ภาพยนตร์ ต้มยำกุ้ง 2
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2
รีวิว ต้มยำกุ้ง 2 กลับมาคราวนี้ พวกเขายังเลือกที่จะเล่าเรื่องในพล็อตเดิม คือ ขาม (โทนี่ จา / จา พนม / พนม ยีรัมย์ / ทัชชกร ยีรัมย์) ผู้เติบโตมากับช้างน้อยผู้เป็นเสมือนน้องรัก แต่แล้ววันหนึ่งก็มีเศรษฐีมาขอซื้อช้าง เมื่อขามไม่ขายมันก็เลยถูกขโมย ตามท้องเรื่อง ขามก็จะต้องออกไปตามหาช้างของตนที่หายไป เมื่อเขาพบเจอผู้ที่เชื่อว่าเป็นผู้เอาช้างไป เขากลับพบว่าเศรษฐีผู้นั้นเสียชีวิตแล้ว
และนำมาซึ่งเงื่อนงำบางอย่างที่เกี่ยวกับประเทศที่โลกไม่รู้จัก และทีมนักสู้ที่ไม่เคยมีตัวตนในโลกจริง
นักแสดงสมทบที่เพิ่มเข้ามาในภาคนี้ มีบทบาทที่เกลี่ยๆ กันไปไล่ตั้งแต่ รฐา โพธิ์งาม (หรือ ญาญ่าหญิง), Marrese Crump, RZA, จีจ้า ญาณิน, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา และคนอื่นๆ อีกเยอะ แต่โดยรวม หลายคนก็คงพุ่งเป้าไปที่สาวญาญ่าหญิง เพราะในเรื่องนี้ เธอสวยสง่ามาในคอสตูมที่ดูเซ็กซี่แปลกตา บู๊ไม่โดดเด่นแต่หน้าตาและเสื้อผ้าเรียกร้องความสนใจคนดูเอามากๆ ขณะที่จีจ้า เรื่องนี้ไม่เน้นสวยแต่เน้นบู๊แทนเลยไม่ค่อยจะมีบทพูดนัก ส่วนดาราตลกอย่าง หม่ำ จ๊กมก ดูจะเป็นตัวละครที่ไม่ค่อยมีผลกับเรื่องโดยรวมมากเท่าที่ควรนะ
ขณะที่ดาราต่างชาติ กลับมีคนดำสองหน่อซึ่งบางทีก็ออกมาทำให้เราสับสนได้เหมือนกัน ต้มยํากุ้งภาค 3
สรุป
เป็นความพยายามที่จะดั้นด้นค้นหาภาพใหม่ๆ ในฉากบู๊แอ็คชั่นของ “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งถึงจะดูใหม่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก อีกทั้งบางครั้งยังดูแหม่งๆ กับเรื่องราวที่ดูไม่สมจริงในบางช่วงของการเชื่อมโยงบางฉากเข้าด้วยกัน และเช่นเดียวกับบทที่ไม่มีอะไรซับซ้อน เหมือนจะสร้างมาเพื่อปูเข้าสู่ฉากบู๊ที่ต้องการจะมีในเรื่องก็เท่านั้น
สิ่งที่พอจะหวังได้กับหนังที่ทุนระดับ 500 ล้านบาทเรื่องนี้ก็คงจะเป็นที่ฉากบู๊ที่จัดมาอย่างเต็ม จนหลังๆ เริ่มเหนื่อยที่ต้องดูอะไรซ้ำๆ เดิมๆ ขณะที่ CG ในหนังก็ยังดูไม่เนียมคมสมจริงนัก ผสมกับการตัดต่อที่ดูโดดๆ เลยยิ่งทำให้ดูแปลกๆ เข้าไปใหญ่ ด้านงานภาพ 3 มิติ จากการสังเกตกับแว่น 3 มิติที่ได้รับแจกในโรง SF World Cinema พบว่ามีภาพบางส่วนที่ดูเหลี่ยมๆ ไม่เนียนมากนัก แต่ถือว่าทำได้ค่อนข้างดีในเรื่องลูกเล่นที่นำมาใช้หลอกล่อกับสายตาคนดู
โดยรวม “ต้มยำกุ้ง 2” เป็นหนังที่พยายามเอาใจคอหนังบู๊ที่พล็อตเป็นเรื่องรอง พยายามจะสร้างความแปลกใหม่กับฉากบู๊ของตัวเอง แต่ก็ยังมีความไม่สมบูรณ์ที่เห็นได้ชัดอยู่มากพอควร ดูเพื่อความสนุก เอามัน กับดูการออกแบบฉากต่อสู้ ต้มยํากุ้ง 2 เต็มเรื่อง
ชื่อภาพยนตร์: ต้มยำกุ้ง 2 / The Protector 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พันนา ฤทธิไกร
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์
นักแสดงนำ: จา พนม ยีรัมย์ (ทัชชกร ยีรัมย์), Marrese Crump, จีจ้า ญาณิน, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, รฐา โพธิ์งาม, ชูพงษ์ ช่างปรุง, RZA
แนว/ประเภท: Action
ความยาว: 104 นาที