รีวิว Avengers Infinity War
รีวิวหนังดัง ในวันที่แฟนๆเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่นั้นจะได้เห็นหนังการรวมตัวของฮีโร่หนังรวมฮีโร่ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา สวัสดีครับวันนี้แอดมาแนะนำหนังมาเวลอเวนเจอร์ภาค 3 หลังจากที่ห่างหายกันไปเนิ่นนาน ครั้งนี้เหล่าฮีโร่ต้องเผชิญกับภัยร้าย หรือก็คือ โชคชะตาที่มิอาจเลี่ยง หลังรอคอยมายาวนานถึง 6 ปีนับตั้งแต่มีการเปิดตัวว่าจักรวาลมาร์เวลจะมีตัวร้ายชื่อทานอส เป็นบอสใหญ่ตัวสุดท้ายใน The Avengers ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงแล้วเมื่อ Avengers Infinity War เข้าฉาย และผลตอบรับของภาพยนตร์เรื่องมีเสียงแตกไปทั้งสองฝั่ง มีทั้งชอบสุดๆ และ ไม่ชอบเพราะผิดหวัง แล้วเราล่ะรู้สึกอย่างไรทำไมถึงให้ 7 เต็ม 10 อยากมาชวนแลกเปลี่ยนกันในรีวิวนี้
Avengers Infinity War เป็นภาพยนตร์ลำดับที่ 19 ของจักรวาล Marvel Cinematic Universe ซึ่งภาคนี้กำกับด้วยสองพี่น้อง ‘แอนโทนี รุสโซ’ และ ‘โจ รุสโซ’ ที่ผ่านมาพวกเขากำกับภาพยนตร์ฮีโร่มาแล้วสองเรื่องก่อนหน้านั้นคือ
Captain America : The Winter Soldier , Captain America : Civil War ครั้งนี้ทั้งคู่ได้รับความไว้ใจจาก Marvel Studio ให้กำกับหนังมหากาพย์ปิดตำนานฮีโณ่ นั่นแปลว่าพวกเขาต้องสามารถคุมหนังได้แบบเอาอยู่ หนังที่เชื่อมจักรวาล MCU ซึ่งถูกคาดหวังไว้สูง เว็บหนัง
รีวิว Avengers Infinity War
รีวิวหนังดัง เกริ่นนำสั้นๆ ก่อนว่าจักรวาลมาร์เวลเฟส 3 นั้นหนึ่งในโปรเจคต์ยักษ์คือ Infinity War ซึ่งแฟนมาร์เวลรู้ดีว่าที่ปูเรื่องมาทั้งหมดตั้งแต่ Iron Man จนถึงวันนี้ก็เพื่อที่จะมาเชื่อมจักรวาลทั้งหมดก่อนจะเปลี่ยนผ่านไปสู่เรื่องราวใหม่ของฮีโร่ตัวใหม่ที่รอการปั้นทั้งสไปร์เดอร์แมน แบล็คเเพนเธอร์ กัปตันมาร์เวล และ เเอนท์แมน
จึงไม่แปลที่คนจะคาดหวังความสมบูรณ์แบบ เพราะอุตสาห์ปูเรื่องมายาวนานตั้ง 10 ปี พูดถึงบทสรุปสุดท้ายสักทีก็ต้องยิ่งใหญ่หน่อย แน่นอนความคาดหวังนี่แหละที่นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์ในแง่ลบว่า Infinity War สนุกนะ แต่อาจจะยังไม่ดีพอ แม้ผู้กำกับจะเป็นสองพี่น้องรุสโซ ที่ทำกัปตันอเมริกาทั้งสองภาคออกมาได้สนุกสุดยอดก็มีคนรู้สึกผิดหวัง
หากมองในฐานะแฟนบอยที่ติดตามหนังมาร์เวลทุกเรื่อง (ไม่ได้โม้พูดจริง) เราก็คิดว่าเขาทำหนังออกมาได้สนุก ลุ้นมือจิกเบาะในบางฉาก แต่รู้สึกว่าขาดความยิ่งใหญ่ที่คิดไว้ในหัว ซึ่งไม่แน่ใจว่านี่คือการกั๊ก แล้วไปปล่อยหนัก ๆ ใน Avengers 4 หรือเปล่า ภาพรวมของเราจึงรู้สึกว่า “หนักมือกว่านี้อีกก็ได้นะพี่ อย่ายั้ง…”
เนื้อเรื่องเข้มข้น ไม่ยืดเยื้อแม้หนังจะนาน 150 นาที
ถึงแม้เราจะรู้สึกว่า ‘ไม่อิ่ม’ แต่อย่างไรก็ตามเนื้อเรื่องของ Infinity War นั้นกลับไม่น่าเบื่อเลย อาจจะเพราะเนื่องจากเรื่องราวของทานอสถูกปูมาแล้วในเอนเครดิตของหนังในจักรวาลมาร์เวลหลายเรื่องแล้วจึงไม่ต้องมานั่งปูเรื่องอะไรอีก มาถึงก็ใส่ยับโชว์ความโฉดของทานอสตั้งแต่ฉากแรก
แม้ฮีโร่จะออกมากันเยอะระดับหลักสิบกว่าตัว แต่มีการเฉลี่ยเรื่องราวออกมาได้เท่า ๆ กันไม่รู้สึกหนักหรือเอียงไปที่ใคร ในเรื่องจะแบ่งเรื่องราวของฮีโร่ออกเป็นสี่กลุ่มคือ กลุ่มบนดาวโลกที่นำทีมโดยกัปตันอเมริกา, กลุ่มที่ดาวไททันนำโดยไอรอนแมน ,กลุ่มที่พาธอร์ไปตีค้อนใหม่ และ กลุ่มที่ไปดาวไททัน
การดำเนินเรื่องนั้นไม่ได้ปล่อยให้เราพักหายใจหายคอ ไม่ได้รู้สึกเบื่อยิ่งสองฉากใหญ่ช่วงท้ายทั้งการต่อสู้บนดาวไททัน และ ดาวโลกยิ่งทำให้เราเอาใจช่วยฮีโร่ทุกคนอย่าใครตายไปมากกว่านี้เลย หรือถ้าตายก็อยากให้ตายเท่ ๆ อย่าตายแบบไม่ให้ราคาเลย
ปรากฎว่ามีฮีโร่ตาย (ไม่บอกว่ากี่คน) และ เป็นความตายที่เท่มาก ๆ มันต้องอย่างงี้ ตายคือตาย อย่าไปอิดออด (ถึงบางตัวเราจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ตายจริงหรอก)
แทรกความฮาสมกับเป็นมาร์เวล
หนังมาร์เวลมีเสน่ห์ที่ความฮาด้วยไม่ใช่แค่ซัดกันนัว ซึ่งใน Infinity War ก็ไม่ได้ทำให้หนังดูเครียดทั้งเรื่อง แต่ยังแฝงมุกอยู่ในทุกช่วงเวลา ต่อให้เป็นฉากต่อสู้หน้าสิ่วหน้าขวานแค่ไหน ก็ยังอุตสาห์จะเล่นมุกอีกเนอะ ซึ่งน่ารักดี หลายซีนติดอยู่ในใจเราแม้จะเดินออกจากโรงแล้วก็ตาม
สิ่งที่อยากชมมาร์เวลคือเซ้นส์ของมุกตลกนั้นมีเสน่ห์มากกว่าในหนังฮีโร่ของดีซี (เราขอบหนังฮีโร่ทุกเรื่องไม่เกี่ยวค่ายต้องออกก่อน เดี๋ยวจะหาว่าลำเอียง) อย่างใน Justice League เราก็ชอบในมุกที่แทรกอยู่ในหนังแต่มันไม่ได้มีจังหวะที่เราชอบทั้งหมด หลายมุกแค่หึหึ ไม่ได้ฮาก๊ากเหมือนใน Infinity War
มิติของตัวละคร และ การแบ่งความสำคัญทำได้ดี
ที่อยากจะชมมาก ๆ คือตัวละครใน Infinity War ไม่ได้แบนราบหรือเล่าแต่เรื่องราวของฮีโร่ แต่ยังแบ่งเวลากว่าครึ่งของหนังเพื่อเล่าเรื่องของทานอสทั้งความวิบัติฉิบหายที่ทานอสทำ และ จิตใจของทานอส ที่ทำให้เราได้เห็นว่า เฮ้ย! ทานอสก็มีจิตใจ มีความคิดนี่หว่า ไม่ใช่แค่ยักษ์บ้าไล่ล้างจักรวาล สิ่งที่ทานอสทำมีที่มาที่ไป มีเหตุผล แต่วิธีการมันสุดโต่งไปหน่อยเท่านั้นเอง
ซึ่งความมีมิติของตัวละครไม่แบนนี่แหละเป็นเสน่ห์ของมาร์เวล แต่ก็อยู่ที่ว่ามาร์เวลจะใช้มิติของตัวละครได้อย่างสมบูรณ์จนจบหรือไม่ แต่ในภาคนี้ทำได้ดีมากจนกระทั่งจบเรื่อง
เสน่ห์ของหนังฮีโร่ของมาร์เวลไม่ใช่ใครหมัดหนักกว่าก็ได้เปรียบ ดังนั้นต่อให้เป็นฮีโร่ระดับพลังมนุษย์อย่างแบล็ควิโดว์ ก็ยังมีบทบาทที่เป็นไปได้ในการต่อสู้ เว็บดูหนัง
ฉากใหญ่ทำได้มัน! ออกแบบการต่อสู้ได้สนุกลุ้นมือจิกเบาะ
ฉากต่อสู้นี่ต้องบอกว่า สนุกสัXcxv*76&cv-0e-gxbs90cspviaw มันฉิบห@vopwjpsauif88s59paovli0-3v;.av (ไม่ได้พิมพ์ผิดนะแต่ไม่รู้จะอธิบายยังไง) เอาเป็นว่าโคตรสนุกลุ้นเอาใจช่วยเพราะถ้าปกติหนังฮีโร่มันก็ออกมาแนวเดิมคือธรรมะชนะอธรรม แต่คราวนี้เหมือนจะไม่ใช่สักทีเดียว เพราะสถานการณ์เอียงไปทุกทาง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ฮีโร่บนโลกแทบจะจนมุม หาทุกสรรพวิธีมาใช้
บทสรุปใน Avengers Infinity War
รีวิวหนังดัง หนังเรื่องนี้มีตัวร้ายที่ร้ายสุด ๆ เก่งสุด ๆ และทำให้เราเกลียดน้อยลงได้ระหว่างการเดินไปของเรื่อง นี่มันคือรสแบบที่ไม่มีทางเจอในหนังเด็กน้อยอีกแล้ว นี่คือหนังที่โตมากับเด็กคนเมื่อ 10 ปีก่อน แล้วตอนนี้พร้อมรับอะไรหม่น ๆ ดาร์ก ๆ เข้าใจชีวิต เหมือนนักดื่มที่เข้าใจความสวยงามในรสขมของสุราแล้วนั่นล่ะ
ดังนั้นอาจมีทั้งคนที่รักมันและเกลียดมัน แบบที่ดิสนีย์เคยทำใน The Last Jedi เพราะหนังที่ยิ่งใหญ่มันสร้างแรงกระเพื่อมและข้อถกเถียงได้กว้างใหญ่กว่าตัวมันเสมอ และ Infinity War ก็เช่นกัน บอกเลยว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะอวย หรือจะเกลียด มันคือหนังที่ต้องดูแค่นั้น เรื่องหลังจากนั้นมันคือต้นทุนของแต่ละคนที่สร้างมาเพื่อเก็บบางอย่างกลับไป
บางคนอาจได้ประเด็นความเป็นเพื่อน บางคนความเป็นพ่อ บางคนความเป็นลูก หรืออะไรอื่น ๆ อีกมาก แต่มันจะไม่มีทางเป็นหนังแบบที่โคตรสนุกแล้วออกมาหัวโล่งเบาหวิวไม่มีอะไรติดกลับไปแน่นอนครับ ธานอส คือตัวร้ายที่มีมิติอย่างที่บอก ว่าเราค่อย ๆ เข้าใจการกระทำเขาขึ้นเรื่อย ๆ และ เกลียดเขาลดลง แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ทำให้เรารู้สึกรักขึ้นได้เลยแม้แต่สักนิด (นี่มันอะไรกัน!)
เรื่องราวนี้ยังตัวละครมากมายที่เข้ามาสานเรื่องราว บางเรื่องราวเราคิดว่าเราเดาได้แน่ ๆ แต่เอาจริงมันก็มีอะไรที่เหนือกว่าที่เราจะเดาไปอีก บางคนเรารู้ว่าเขาแสดงแน่ ๆ แต่พอเขาปรากฏตัวมันก็เซอร์ไพรส์กว่าที่คิดไปอีก มันคือการเดาความคาดหวังของคนดูแล้วใส่ +++ เข้าไป จนเราขนลุกได้ตลอดเวลา ดูหนัง
ส่วนที่ไม่ชอบก็มีครับตรงนี้คงพูดได้โดยไม่สปอยล์ เพราะซีจีบางอย่างมันดูโลว์จนน่าเกลียดเลยโดยเฉพาะ ฮัลค์บัสเตอร์ ในซีนท้าย ๆ ที่เปิดเกราะ กับความแก้ปัญหาได้ง่าย ๆ บางอย่างที่เราเคยรู้สึกผิดหวังเล็ก ๆ มาแล้ว ดีว่ามันไม่ใช่อะไรที่จะเป็นจะตายสำหรับหนังเรื่องนี้น่ะนะ
แล้วส่วนจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่เคยดูหนังพวกนั้นมาก่อน มันจะไม่ใช่แบบว่า อ่อไม่เป็นไร ตัวนั้นก็คือตัวร้าย นั้นคือฝั่งตัวดี เรื่องก็เดินไปแบบธรรมะชนะอธรรม เพราะตอนนี้มันเรียกร้องคนดูไปมากกว่านั้น มันไม่ย้อนความมันไม่เล่าเกริ่นอะไรอีกแล้ว เพราะมันคือหนังที่ใช้ประโยชน์จากเวลา 10 ปีอย่างคุ้มค่าทุกเม็ดทุกหน่วย แบบที่บอกว่าถ้ามาเมาไวน์ อย่าเสียเวลาเกริ่นด้วยน้ำองุ่น แล้วมันคือหน้าที่ของแฟนหนังที่ต้องพร้อมกับมันเองครับ ใครพาแฟนหรือเพื่อนที่ไม่เคยดูมาก่อนไป ก็ทำใจเลยครับว่าจะต้องตอบคำถามเพียบจนอาจเบื่อระหว่างดูไปเลย แนะนำให้ทำการบ้านกับคนที่พาไปดูสักนิดครับ แล้วจะเจริญใจกันทั้งสองฝ่ายแบบสุด ๆ
ในระหว่างต่อสู้มีเซอร์ไพร้ส์มากมาย โดยเฉพาะฉากใหญ่บนดาวไททันกับฉากที่วากานด้า เป็นการต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเป็นการแลกกันของจริง ไม่ได้ฝ่ายใดฝ่ายนึงโดนยำตีนอย่างเดียว แต่เป็นการสลับกันยำตีนวัดกันที่ความเท่ล้วน ๆ ในจังหวะทีเด็ดทีขาด หรือจังหวะจุดเปลี่ยนก็ทำได้ดีมาก กระทั่งตอนจบก็ทำให้เรารู้สึกว่า…. เมื่อไหร่จะปีหน้าโว้ยยย รอไม่ไหวแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่ายังไม่สุด มันยังใส่ยับได้อีกซึ่งเราคิดว่าภาคสองคงจะใส่ยับมากกว่านี้แน่ ๆ
บทสรุป
ไปดูเถอะถ้าคุณเป็นแฟนมาร์เวล แม้ไม่ดูมาครบทุกเรื่อง และ อาจจะต้องใช้ความคิดนึงนึงว่า “เอ้…เมื่อกี้หมายถึงอะไร” แต่คุณจะสนุกไปกับมัน ตอนจบบางคนอาจจะไม่ชอบ แม้จะจบเคลียร์มากแล้วก็เถอะ มีเอนเครดิต ต้องดูเลย!!