Category Archives: หนังไทยย้อนยุค

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

สวัสดีครับนี่คือหนังไทยอีกเรื่องที่ฮาขี้แตกเลยครับกับภาพยนตร์ หลวงพี่เท่ง หนังไทยย้อนยุค ที่มีอยู่ด้วยกันถึง 3 ภาค และครั้งนี้ ผู้เขียนจะมารีวิว หลวงพี่เท่ง ภาค 3 ให้สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยได้รับชมกัน ส ปอย หนัง หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ผลงานการกำกับของ โน้ต เชิญยิ้ม โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมาย ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ มาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นน้อย วงพรู ที่มารับบทเป็น น้อย ในอดีตเขาเคยเป็นนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ แต่เมื่อเขาเริ่มอยากพยายามจะหลีกหนีความวุ่นวาย และ ความจริงที่เขากำลังจะต้องเผชิญ เขาจึงเลือกทางที่หวังจะพบกับความสงบนั้นก็คือ การบวชเป็นพระ ซึ่งเมื่อเป็นพระแล้วเขาก็ยังเป็นพระที่ขวางโลก และ รักความยุติธรรมเช่นเดิม คนต่อมาคืออุ๋ย บูดาเบลส มารับบทเป็น พระประเสริฐ คนต่อมาคือโยกเยก เชิญยิ้ม มารับบทเป็น พระโยกเยก คนต่อมาคือโน้ต เชิญยิ้ม มารับบทเป็น ตาส่ง มัคนายกประจำวัด และ คนต่อมาคือเอ็ม บูดาเบลส และ แจ็ค แฟนฉัน ที่มารับบทเป็น เด็กวัดตัวแสบ ที่มักจะคอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่ประจำๆ โดยภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง 3 The Holy Man III เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2553

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2548 ภาพยนตร์เรื่องหลวงพี่เท่งได้ถูกฉายเป็นครั้งแรก ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ พระนครฟิล์ม และ กำกับภาพยนตร์โดย โน้ต เชิญยิ้ม ซึ่งทำรายได้จากการฉายไปมากถึง 141 ล้านบาท จนขึ้นแท่นเป็นหนังตลกของไทยเรื่องแรกที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท และ ติดอันดับหนังไทยทำเงินสูงสุดในอันดับที่ 16 (เคยขึ้นไปสูงสุดในอันดับที่ 5) ทั้งยังเป็น 1 ใน 100 หนังไทยแห่งทศวรรษจากการสำรวจของนิตยสารไบโอสโคป

หลวงพี่เท่ง 3 หลวงพี่ เท่ ง 3 037 (อังกฤษ: Holy Man 3) เป็นภาพยนตร์ภาค 3 ของชุด “หลวงพี่เท่ง” ออกฉายเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 กำกับโดย บำเรอ ผ่องอินทรกุล (โน้ต เชิญยิ้ม) โดยผู้แสดงเป็นหลวงพี่ในภาคนี้ คือ กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือ น้อย วงพรู นักเรียนนอก และ นักร้องชื่อดังที่หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาแห่งพุทธศาสนาเพื่อกล่อมเกลาจิตใจที่ว้าวุ่น และ หลีกหนีจากปัญหา โดยมีนิสัยเป็นคนขวางโลกนิดๆ แต่ก็มีความเข้าใจในหลักสัจธรรมหลายอย่าง

เรื่องย่อ

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

เรื่องราวของ “น้อย” (น้อย วงพรู) นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่พยายามจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย และ ความจริงที่ตนเองได้รับ โดยหนทางที่เค้าเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้น คือ การเปลี่ยนแปลง จากนักร้องหนุ่มเป็นพระ พระน้อย ผู้ซึ่งยังคงมีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นพระขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจากำปั้นทุบดิน เป็นคนตรงเหมือนไม้บรรทัด ที่มาบวชเพราะเบื่อสังคม เบื่อคนไทยไม่รักกัน เบื่อความแตกแยก

แต่เส้นทางในชีวิตเส้นนี้ของเค้าไม่เป็นไปดังหวัง เพราะในวัดที่เค้าบวช ยังมี “พระประเสริฐ” (นที เอกวิจิตร), “พระโยกเยก” (โยกเยก เชิญยิ้ม) มัคทายกประจำวัดของ “มัคทายกส่ง” (โน้ต เชิญยิ้ม) และ เด็กวัดตัวแสบ อีก 2 คนของ “เอ็ม” (กิตติพงษ์ คำสาตร์), “อู๊ด” (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ที่คอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่เสมอ ไม่เพียงเท่านั้นเค้ายังต้องพบกับเหตุการณ์อลม่านป่วนจิตจนต้องเข้าไปมีส่วนร่วม

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

อาจเป็นความโชคร้ายของหนังภาค 3 เรื่องนี้ด้วย ดู หนัง หลวงพี่ เท่ ง 4 ที่วางกำหนดฉายชนหนังภาค 3 คุณภาพยอดเยี่ยมอย่าง Toy Story เพราะฉะนั้นเมื่อดูสองเรื่องติดๆกัน จึงเกิดการเปรียบเทียบอย่างช่วยไม่ได้ และ กับหนังตลกเรื่องนี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เดินตามสัจธรรม “หนังภาคต่อมักจะแย่กว่าหนังภาคแรก” แถมภาคนี้ไม่ใช่แค่ภาคต่อธรรมดา แต่อาศัยชื่อเรื่องหากินมาถึงภาค 3 เข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณภาพจึงออกมาแย่ยกกำลังสามไปด้วย

โดยภาคนี้ได้ทีมนักแสดงใหม่ยกชุด และ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสองภาคแรกเท่าไหร่นัก ว่าด้วยพระบวชใหม่สองรูป ที่เข้ามาปกป้องทรัพย์สมบัติของวัดจากแกงค์ตัดเศียรพระ ขณะเดียวกันก็ศึกษาธรรมะ และ เทศน์สั่งสอนชาวบ้านให้ศรัทธาในศาสนาไปด้วย ซึ่งด้วยพล็อตเรื่องที่เบาบางว่างโล่งแบบนี้ จึงเปิดโอกาสให้หนังยัดมุขตลกแบบมุขชนมุขหากินได้ตลอดทั้งเรื่อง

ถ้าถามว่าหนังขำมั้ย ก็บอกได้ว่ามีส่วนที่พอจะทำให้หัวเราะได้อยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็มีมุขที่ซ้ำซาก และ ฝืดสุดๆอยู่ด้วยปะปนกัน หนังทำออกมาค่อนข้างฉาบฉวย และ สะเปะสะปะ การลำดับเรื่องยังดูวกวน และ ให้อารมณ์ที่ไม่ต่อเนื่อง รวมทั้งมีฉากไร้สาระที่ใส่มาเพื่อยืดเวลาของเรื่องออกไปมาก ซึ่งที่แย่ก็คือฉากเหล่านี้ค่อนข้างน่ารำคาญ และ ดูถูกสติปัญญาคนดูพอสมควร แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเีื่รื่องธรรมดาชาชินที่พบอยู่บ่อยๆ ในหนังตลกของพระนครฟิล์มก็ตาม

หนังพยายามแทรกประเด็นเรื่องการทำนุบำรุงศาสนา หรือถ่ายทอดกิจอันดีของสงฆ์เอาไว้ด้วย แต่ก็ทำได้เพียงผิวเผิน และ ไม่สามารถต่อยอดความคิดให้คนดูได้ เนื่องจากโดนมุขตลกในเรื่องกลบไปจนหมด

ดังนั้นหนังตลกเรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่คนดูไม่ได้อะไรติดกลับออกจากโรงไปเลย เว้นแต่ความบันเทิง คะแนนที่ผมมอบให้หลวงพี่เท่ง 3 จึงมาจากจังหวะดีๆในการยิงมุข และ ความบันเทิงแบบเบาๆเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องต้องส่ายหัวว่าน่ากลุ้มใจจริงๆครับ

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิวหลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก หลวงพี่เท่ง เป็นภาพยนตร์แนวตลก ดูหนัง หลวงพี่ เท่ ง เต็มเรื่อง เสนอวิถีชีวิตของชาวไทยในชนบทที่ละเลยศาสนาพุทธแต่ละกลับหันไปงมงายกับไสยศาสตร์ที่เกิดจากการหลอกลวง หลวงพี่เท่งพระหนุ่มที่พึ่งมาจำพรรษาที่วัดในชุมชนนี้จึงต้องต่อสู้กับความไม่รู้ และ ความงมงายของชาวบ้าน

สุดท้ายแล้วฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายมีชัย การเล่าเรื่องของเรื่องหลวงพี่เท่งดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย มีการสอดแทรกมุขตลกตามรสนิยมคนไทย ได้รับคำวิจารณ์ว่า เท่ง เถิดเทิง แสดงได้ดีมาก มุขตลกในเรื่องไม่ถึงกับตลกจนน้ำตาเล็ด แต่ก็สามารถดูได้อย่างคลายเครียดได้ และ มีข้อคิดอีกด้วย

แม้ว่าจะมีบางส่วนเห็นว่า หนังเรื่องดังกล่าวไม่สนุกเลย และ ไม่ตลก มีการตัดต่อก็กระโดดไปกระโดดมา ทั้งยังเป็นการนำวงการศาสนามานำเสนอในมุมที่ตลกโปกฮา แต่ถึงอย่างนั้นภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ คำวิจารณ์ และ ไม่มีปัญหาใดๆ จากการพิจารณาของกองเซ็นเซอร์ (ในขณะที่ภาค 2 และ 3 อาจจะมีการติดขัดบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ฉลุย)

บทสรุป

น่าจะบอกได้ว่าหนัง หลวงพี่ เท่ ง 2 เต็มเรื่อง หลวงพี่เท่ง 3 เป็นการรวมตัวของนักแสดงเยอะมาก แต่ทว่าน่าเสียดายที่ความเยอะนั้น ไม่ได้ช่วยเติมเต็มช่องว่างของหนังให้สมบูรณ์ ถึงแม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา และ ความปรองดองมาเป็นที่ตั้ง ซึ่งดูจะเข้ากับกระแสสังคมในตอนนี้

แต่แปลกมันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกลึกซึ้งไปกับเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอนี้เลย และ น่าเสียดาย “แอ๊ด คาราบาว” 1 ฉาก กับบัวลอย ที่ดูแล้วก็ไม่ได้ความรู้สึกเท่าที่ควร นอกจากขายสินค้า น่าจะให้มีอะไรมากกว่านี้ เพิ่มเนื้อหาในส่วนภููมิหลังความสัมพันธ์ของพระน้อยกับก๊วนฮาเล่ย์ให้มากขึ้น แล้วไปตัดส่วนที่เป็นตลกไม่จำเป็นออกจะดีกว่า

รีวิว ip man 1

รีวิว ip man 1

หากใครที่ชอบหนังแนวแอ็คชั่น ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ศิลปะการต่อสู้ และ ไม่อยากพลาดหนังดี ๆ ที่ในสมัยนี้ ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก ผมก็อยากจะส่งต่อหนังคุณภาพอีกเรื่อง ที่เผื่อใครจะยังไม่เคยรับชมได้ไปหารับชมกันนะครับ ส ปอย หนัง บอกตรง ๆ ว่า คนที่รักคนที่ชอบใน ศิลปะการต่อสู้ ห้ามพลาด ทุกประการ! สำหรับ Ip Man เป็นหนังแนวชีวประวัติ กึ่ง แอ็คชั่น ดราม่า ที่ตัวหนังจะกล่าวถึง “ยิปมัน”(ดอนนี่ เยน) ปรมาจารย์หมัดหย่งชุนที่ใช้ชีวิตอยู่กับภรรยา และ บุตรชายในเมืองฝอซาน มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ยิปมัน เจ้ากังฟูสู้ยิบตา กำกับโดย วิลสัน ยิป เขียนบทโดย เอ็ดมอนด์ หว่อง โดยเนื้อเรื่องดัดแปลงจากชีวประวัติของ ยิปมัน เจ้าสำนักศิลปะการต่อสู้ของจีน หมัดหย่งชุน ซึ่งต่อมายิปมันได้เป็นอาจารย์ของบรูช ลี พระเอกนักบู๊ผู้ล่วงลับไปแล้ว เป็นเรื่องราวของยิปมันช่วงวัยกลางคน เขาใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่กับภรรยา และ ลูกของเขาในบ้านหลังใหญ่ ไม่คุยโว ไม่รับลูกศิษย์ แต่ก็มียอดฝีมือมาท้าประลองบ่อย และ ชนะตลอด จนเป็นที่ล่ำลือไปทั่ว ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เข้ามารุกราน และ กดขี่ชาวจีน

หมวดหมู่ : Action Biography Drama
สัญชาติ : Chinese
กำกับโดย : Wilson Yip
ความยาว : 1 ชั่วโมง 46 นาที
นักแสดงนำ : Donnie Yen, Simon Yam, Siu-Wong Fan

รีวิว ip man 1

รีวิว ip man 1

รีวิว ip man 1 ภาพยนตร์ชุด ยิปมัน (Ip Man Film Series) เป็นซีรีส์ภาพยนตร์ ดูยิปมัน กำลังภายในหลายเรื่อง ที่มีจุดเริ่มต้นมาจากภาพยนตร์ชีวประวัติของ ยิปมัน เรื่อง ยิปมัน เจ้ากังฟูสู้ยิบตา ภาพยนตร์กำลังภายในของวิลสัน ยิป ที่ออกฉายเมื่อ ค.ศ. 2008 นำแสดงโดย เจิน จื่อตัน (ดอนนี่ เยน), เหริน ต๋าหัว และ ฝาน เส้าหวง

สำหรับ Ip Man ก็เป็นสุดยอดหนังกังฟูอีกเรื่อง ที่ใครชอบหนังจีนสไตล์หมัด ๆ มวย ๆ แล้วก็พลาดไม่ได้เลยจริง ๆ ด้วยเนื้อเรื่องที่สนุกเข้มข้น ฉากต่อสู้สุดมันส์ที่อัดกันแบบฉับไว และ ทีเด็ดการรัวหมัดสไตล์อาจารย์ยิป ก็เดือดปรอทแตกมาก ใครชอบหนังจีน ๆ หมัดมวยสไตล์ดอนนี่ เยน อย่าง Flashpoint, SPL หรือผลงานก่อน ๆ แล้ว เรื่องนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นบทบาทที่น่าจดจำที่สุดในการแสดงของเขาเลย

ภาพยนตร์มีเนื้อหาเกี่ยวกับชีวประวัติของ ยิปมัน ปรมาจารย์มวยกังฟูแบบหวิงชุน ที่มีตัวตนอยู่จริง และ ผ่านชีวิตในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สองมาแล้ว ซึ่งได้กลายมาเป็นอาจารย์ของบรูซ ลี ที่ต่อมากลายมาเป็นนักแสดงซูเปอร์สตาร์ชื่อดังระดับโลก

เรื่องย่อ

รีวิว ip man 1

ปรมาจารย์กังฟู ยิปมัน ที่แม้จะมีฝีมือกังฟูหย่งชุนระดับเทพ แต่ก็อยากจะใช้ชีวิตธรรมดากับภรรยา และ ลูกน้อยไม่สร้างปัญหากับใคร มีแต่ปัญหาที่เข้ามาหาเขาเองเสมอ ไม่ว่าจะไปการท้าทายจากสำนักต่าง ๆ ไปจนถึงวันหนึ่งที่เกิดสงครามกองทัพญี่ปุ่นบุกจีน

ทำให้เมืองฝอซานที่ยิปมัน และ ครอบครัวอาศัยอยู่จึงเกิดความยากลำบาก แถมนายพลมิฮุระจากญี่ปุ่นก็ยังเป็นผู้ที่คลั่งไคล้ในศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างมาก จึงทำให้มีการจัดการประลองที่ทำให้ยิปมันเองก็เลี่ยงไม่ได้ เขาจึงต้องใช้กังฟูของจีนมาเพื่อแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์ว่าวรยุทธของคนจีนนั้นไม่แพ้คนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว ip man 1

จุดที่น่าชื่นชมที่สุดของหนังคงหนีไม่พ้น ยิ ป มัน ทุก ภาค การเลือกแอคชั่นสตาร์อย่าง ดอนนี่ เยน ให้มารับบท ปรมาจารย์กังฟูยิบมัน ที่ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี แม้ว่า ดอนนี่ เยน เองจะมีหนังกังฟูที่ผ่านมากมาย และ มีโอกาสโชว์ความสามารถมาไม่น้อยในบทเด่น ๆ ทั้งจาก Dragon Tiger Gate, Flashpoint, SPL (และ หนังเก่า ๆ กว่านี้อีกมากมาย) แต่เรื่องนี้ก็ต้องเรียกได้ว่าบท และ คาแรคเตอร์แบบพูดน้อยต่อยหนักนี้ก็ส่งให้พี่แกเฉิดฉายได้จริง ๆ

ทั้งในมุมผู้ชายที่ดูสงบเรียบร้อย เป็นพ่อบ้านที่แสนดี ไปจนถึงการเป็นนักสู้ที่เพิ่มความดุดัน ดุเดือดในทันทีเมื่อขึ้นเวทีต่อสู้ จนเมื่อพูดถึงยิปมันขึ้นมา คนก็มักจะนึกถึง ดอนนี่ เยน มาก่อนเสมอ แม้ว่าหนังจะออกมาในหลากหลายเวอร์ชั่นก็ตาม

ตัวหนังมีการดำเนินเรื่องได้เข้าใจง่าย สบาย ๆ ไม่เครียด แต่ยังขาดเหตุผลไปอยู่หลายจุด เช่น ฉากที่ยิปมันต้มข้าวต้มให้ภรรยาซึ่งมีอาการป่วย แต่หนังไม่ได้บอกเลยว่า ภรรยาของยิปมันป่วยเพราะสาเหตุอะไร ซึ่งผมคิดว่าถ้าให้สาเหตุการป่วยของภรรยายิปมันได้ จะทำให้อารมณ์ดราม่าของหนังเรื่องนี้มากขึ้น หรือฉากที่เด็กหนุ่มคนหนึ่งในฝอซานที่หนีจากบ้านไปด้วยความอับอาย แล้วไปเข้าแก๊งอันธพาล

ตัวหนังไม่ได้บอกเลยว่า ไปเ้ข้าแก๊งได้ยังไง บอกแค่ว่าโผล่มาอีกทีก็กลายเป็นอันธพาลไปแล้ว แตุ่ถ้าพูดถึงอารมณ์ดราม่า ยิปมันก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะเช่นกัน แต่เป็นดราม่าที่อยู่ในลักษณะพองาม เพราะทุกฉากที่มีอารมณ์ดราม่าจะมีสาระปะปนอยู่ด้วย

รีวิว ip man 1

รีวิว ip man 1 ด้วยความที่หนังจีนในไทยนั้นหมด ยิ ป มัน พากย์ไทย ความรุ่งเรืองไปแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ในตอนที่ Ip Man ออกฉายนั้น จึงไม่มีค่ายไหนชายตามอง และ เอาลิขสิทธิมาฉายในไทย มันเลยมีเพียงคนดูในช่วงเริ่มต้นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ที่เมื่อได้ดูก็พบว่า เฮ้ย นี่มันหนังแอคชั่นกังฟูระดับ A List ที่สนุกมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งเลย จากฉากแอคชั่น คิวบู๊ที่ออกแบบมาดี ลื่นไหล เตะต่อยกันชัด ๆ ซัดกันอย่างรวดเร็ว (โดยเฉพาะในฉากรัวหมัดของอาจารย์ยิป) และ การนำมวยหยุ่งชุนมาให้ได้อย่างเต็มที่

จนไม่แปลกใจนักหากใครจะยกให้ Ip Man เป็นหนังกังฟูอีกเรื่องที่มีฉากการต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่มันส์ที่สุดในยุค

โดย ip man 1 เป็นหนังเก่าพี่เพิ่งเข้ามาใหม่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา Netflix ขนหนังเก่า ๆ หนังใหม่ ๆ เข้ามาเพียบเลย ครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะดูอะไรดีก็เลยหยิบหนังเก่าอย่างเรื่องนี้มาดู ปรากฏว่ามันก็สนุกใช้ได้เลยทีเดียว ก็เลยอยากแนะนำเพื่อน ๆ ให้มาดูกันครับ

บทสรุป

นับเป็นหนังกังฟูอีกเรื่อง ยิปมัน เจ้ากังฟูสู้ยิบตา ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แม้ว่าตัวหนังจะมีประเด็นชาตินิยม ความรักชาติจนเฟ้อไปนิด (ตามสไตล์หนังจีนอ่าเนอะ) แต่หากพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่น ๆ

โดยเฉพาะงานด้านศิลปะการต่อสู้แล้ว นับว่ามีความเฉพาะตัว จนหาได้ยากในหนังกังฟูเรื่องอื่น ๆ เพราะหลังจากที่ภาคแรกสร้างกระแสได้แม้ว่าจะไม่ได้ฉายในโรงของไทยแล้ว ภาคอื่น ๆ ก็ทยอยตามเข้ามากันหมด แทบจะทุกเวอร์ชั่นกันเลยทีเดียว แต่ก็รับรองได้เลยว่าไม่มีเวอร์ชั่นไหนที่มีฉากแอคชั่นมันส์เดือดเท่าฉบับของดอนนี่ เยน อีกแล้ว

สรุปแล้วเป็นหนังมวยจีนที่สุดยอดเลย ถึงแม้เนื้อเรื่องจะเดาง่ายไปหน่อย แต่มันก็รู้สึกสนุก และ ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ดังนั้น หนัง 1 ชั่วโมงกับอีก 46 นาทีเรื่องนี้จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

สวัสดีครับวันนี้ หนังไทยnetflix ผมจะมาเขียนแนะนำหนังไทย เก่า สุดยอด หนังยอดนิยม ที่ในเวลาต่อมา ส ปอย หนัง ไม่นานก็มีภาคต่อ อย่าง atm เออรัก เออเร่อ 2 แต่ที่มาแนะนำวันนี้คือ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ภาคแรก เรื่องราวของธนาคารสัญชาติญี่ปุ่น JNBC ซึ่งมีกฎบังคับข้อสำคัญว่า ‘พนักงาน ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ จะมีความสัมพันธ์เกินเลยมากกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้’ เพราะอาจจะเอื้อให้เกิดโอกาสในการทุจริตในองค์กร ย้อนกลับไปในวันนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว (19 กุมภาพันธ์ 2555) ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ ATM เออรัก..เออเร่อ ฝีมือการกำกับของ เมษ ธราธร เข้าฉายเป็นวันแรก และ ทันทีที่เข้าฉายหนังก็สร้างกระแสเสียงฮาจนโกยรายได้ในระดับปรากฏการณ์ไปกว่า 152.5 ล้านบาท ส่งให้ ATM เออรัก..เออเร่อ เคยขึ้นแท่นในทำเนียบภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ตลอดกาล ในอันดับที่ 6 (ปัจจุบันตกไปอยู่ในอันดับที่ 11) นอกจากนี้หนังเคยครองตำแหน่งภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดของ GTH (ก่อนหน้าที่ค่ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น GDH 559 ในปี 2559) ก่อนจะถูกโค่นแชมป์ลงโดยภาพยนตร์ พี่มาก..พระโขนง

หนังเรื่องที่ควรจะได้สร้างความฮารับปีใหม่ หลังได้พลังใจในการดำเนินชีวิตจาก ‘Top Secret วัยรุ่นพันล้าน’ แต่เมื่อเจอกับอุทกภัย จำต้องเลื่อนโปรแกรมมาฉายหลังปีใหม่แทน หนังรัก-ตลก-อารมณ์ดี ต้อนรับปีมังกรจากค่าย GTH มาถึงแล้ว ‘ATM เออรัก…เออเร่อ’

ผู้กำกับภาพยนตร์ : เมษ ธราธร
แนว/ประเภท : Comedy, Romance
ชื่อภาพยนตร์ : ATM เออรัก…เออเร่อ / ATM
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 19 มกราคม 2555
นักแสดงนำ : เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี,ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, เอิร์ธ ธวัช พรรัตนประเสริฐ, แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง, เผือก พงศธร จงวิลาส, ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด, ญาณี ตราโมช, โจ๊ก โซคูล

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ ATM เออรัก..เออเร่อ เป็นภาพยนตร์ไทย ATM เออรัก เออ เร่อ เต็มเรื่อง แนวโรแมนติกคอมเมดี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555 กำกับโดย เมษ ธราธร ผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และ จัดจำหน่ายโดยจีทีเอช ATM เออรัก เออเร่อ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้รวม 152.5 ล้านบาท

เป็นอันดับ 7 ของภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ตลอดกาล จากเวลาเข้าฉาย 4 สัปดาห์ 4 วัน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 มีละครซีรีส์ที่ดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาพยนตร์เรื่องนี้ในชื่อเรื่อง ATM 2 คู่เวอร์ เออเร่อ เออรัก ออกอากาศในช่อง จีทีเอชออนแอร์

และ เคยขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับ 1 ของ GTH (GDH) ก่อนจะโดนภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ เพื่อนร่วมค่ายเบียดไปอยู่ที่ 3 นอกจากนี้ยังรวมนักแสดงสายฮาเอาไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น ฝน ศนันธฉัตร, โจ๊ก โซคูล, เผือก พงศธ, ป๊อป ปองกูล, แจ๊ค เฉลิมพล ฯลฯ

เรื่องย่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

ATM เออรัก..เออเร่อ เล่าเรื่อง ธนาคารเจเอ็นบีซี สัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดสาขาในประเทศไทย มีกฎเหล็กตั้งเอาไว้ว่า ห้ามพนักงานเป็นแฟนกัน เพราะผลจากการวิจัยพบว่าคู่รักที่ทำงานที่เดียวกันมีแนวโน้มที่จะร่วมมือกันทุจริตได้มากกว่า แต่ภายใต้กฎเหล็กที่แน่นหนาก็ยังมีพนักงานที่แอบคบกันอย่างลับ ๆ

เมื่อความลับไม่มีในโลก เรื่องเกิดแดงขึ้นมาแถมยังมีหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา ทำให้ จิ๊บ หัวหน้าแผนกเอทีเอ็ม ต้องเรียกพนักงานคู่รักในแผนกมาสอบสวน ซึ่งผลลงโทษก็คือต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกไล่ออก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

สิ่งที่ ‘ATM เออรัก…เออเร่อ’ ทำได้อย่างชัดแจ้ง atm เออรัก เออ เร่อ เต็ม เรื่อง dailymotion และ เข้าเป้า คงไม่พ้น ความฮาที่ใส่มุขมาไม่ยั้งตั้งแต่ต้นจนท้ายเรื่อง ผู้ชมอย่างผมหัวร่องอหาย และ อารมณ์ดีกับหนังได้อย่างสุด ๆ โดยที่มุขตลกต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปพร้อมกับเนื้อเรื่อง ไม่มีสะดุดหยุดอยู่กับที่เพื่อจะปั้นมุขให้เต็มแต่เนื้อเรื่องไม่ไปไหน ตัวละครแต่ละตัวก็พยายามอย่างเต็มที่จะสร้างทั้งความน่ารัก รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะให้กับผู้ชม

ไม่ว่าจะเป็นตัวพระเอกอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ยังคงทะเล้นให้ฮาก๊ากตามเคย หรือจะเป็นน้อง ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ที่แม้จะเป็นมือใหม่ ก็ยังสวมบทบาทได้ดี แต่ยังต้องให้โอกาสในการปรับปรุงบ้าง หากความน่ารักของเธอก็เอาหัวใจคนดูไปมากพอควร ไม่ได้มาแบบสวยใสสไตล์ดราม่า แต่เธอก็มาในแบบ “ยัยตัวร้าย” ได้อยู่แหละ

ขณะที่ตัวแสดงประกอบตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็น โจ๊ก โซคูล, ป็อป ปองกุล สืบซึ้ง, เอิร์ธ ธวัช พรรัตนประเสริฐ และ แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีจนหลายครั้งพบว่า ต่างคนต่างแข่งขันที่จะแย่งซีนกันเอง ผลประโยชน์ตกที่ผู้ชม

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ยังทำหน้าที่ได้ไม่มากนัก ก็คงเป็นบทซึ้งเรียกอารมณ์ร่วมของคนดู เพราะหนังที่สนุกสนานมาทั้งเรื่อง เมื่อถึงเวลาต้องดราม่า กลับพบว่ามันพอทำได้แต่ยังไปไม่ถึงสักเท่าใดนัก อาจเพราะบทหนังที่เล่นกับเกมของพวกเขามากไปจนลืมที่จะเล่าถึงความรักที่สองคนต่างมีให้กันก็เป็นได้

กระนั้นก็ทำให้น้ำตาซึม ๆ ได้อยู่นะ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ เมื่อเหตุการณ์มาถึงช่วงวิกฤติ การคบกันอย่างลับ ๆ ATM เออรัก เออ เร่อ 1 เริ่มเป็นสิ่งน่าอึดอัด จนคำว่า “การแต่งงาน” กลับกลายเปลี่ยนเป็น “เกม” เพราะมันจะเกิดขึ้นได้ นั่นต้องมีใครคนใดคนหนึ่งลาออกเสียก่อน ประกอบกับเครื่องเอทีเอ็มในสาขาชลบุรีเกิดขัดข้อง “แจกเงินเบิ้ลให้ผู้กด” เงินหายไปเป็นแสน เกมชิงไหวชิงพริบจึงเกิดขึ้น เกมที่ว่าใครจะตามเงินกลับมาได้ก่อนคือ ผู้ชนะ และ ผู้แพ้ต้องลาออก

นอกจากบทภาพยนตร์ และ ฝีมือกำกับมุกของ เมษ ธราธร ที่ยอดเยี่ยม แต่อีกกุญแจแห่งความสำเร็จที่ถือเป็นเสน่ห์สำคัญของหนังคือ ‘เคมี’ ของนักแสดงนำ และ นักแสดงสมทบ อย่าง โจ๊ก โซคูล, เผือก-พงศธร จงวิลาส, ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง, แจ๊ค แฟนฉัน, เอิร์ธ-ธวัช พรรัตนประเสริฐ, ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, พุทธชาด พงศ์สุชาติ และ แอนนา ชวนชื่น ที่ทำให้ความโรแมนติก และ มุกสร้างเสียงหัวเราะนั้นเขย่าออกมาลงตัว

บทสรุป

โดยหลังจากที่ผมได้รู้มานั้น ตัวเรื่องนั้นเรียกได้ว่าจะปล่อยมุข ATM เออรัก เออ เร่อ 2 ตอนที่ 1 มาให้เรานั้นขำแทบทึกนาทีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของการแสดงออกของตัวละครนั้นเรียกได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นแค่บทตลก แต่การแสดงออกของตัวละครนั้นเรียกได้ว่าทำเราขำได้ตลอดเลย ก็ว่าได้แต่ความสมจริงของเรื่องนั้นเราก็อย่าไปคาดหวังเพราะว่าตัวหนังนั้นเป็นหนังที่ทางผู้สร้างอยากทำให้มันตลกจึงอาจขาดความสมจริงไปบ้าง ๆ

เรียกได้ว่าเรานั้นไม่ต้องคิดอะไรเพียงแค่ผ่อนคลายสมองของเรา และ ดูมันก็พอ ซึ่งโดยฉากที่ผมชอบนั้นคือฉากที่ เรียกได้ว่าเป็นตำนานเลยก็ว่าได้ ที่ เสือนั้นได้ปลอมตัวเป็นตำรวจ และ ทำการเข้าไปซื้อปืนในร้านขายของ และ มี เด็กในร้านมาขายของ ซึ่งเด็กในร้านนั้นก็ได้เล่นปล่อยมุขได้อย่างฮา เอาเป็นอย่างมาก

เป็นฉากในตำนานเลยก็ว่าได้ ส่วนฉากที่ผมไม่ชอบนั้น คือฉากที่ จิ๊บ ได้ทำการหลอกทุกคน ว่าจะไม่เอาเงินคืนแต่สุดท้ายก็ได้เอาเงินคืน ซึ่งเล่นทำผมนั้นเสียน้ำตาเลยทีเดียว

แต่โดยรวม ๆ แล้วนั้นผมก็คิดว่าเป็นหนังที่ดีมากเลยทีเดียวเลยครับ

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ

สวัสดีครับ สำหรับผมทั้ง ๆ ที่หนังผีเรื่องนี้ จะดูเหมือน ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ส ปอย หนัง แต่ต้องขอยอมรับเลยนะครับ ว่านี้เป็ยหนังผีไท ที่ผมกลัวมาก ๆ เลยครับ หนังเรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงมานมนาน หนังไทยnetflix ตั้งแต่เทรลเลอร์ “อาบัติ” ถูกปล่อยออกมาใหม่ ๆ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ว่าบังควรหรือไม่บังควร ดูหมิ่นหรือทำลายศาสนาหรือไม่ อย่างไร ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ แล้วมิหนำซ้ำ ต่อมา ก่อนการฉายรอบสื่อมวลชนเพียงหนึ่งวัน หนังก็ถูกกระทรวงไดโนเสาร์ถอดออกจากโปรแกรมฉายอย่างกะทันหันสายฟ้าแล่บ จนเป็นกระแสโจษจันกันทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามทางค่าย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ซึ่งเป็นผู้ผลิต ก็ต่อสู้ใจขาดดิ้น จนในที่สุด “อาบัติ” ก็ได้กลับมาฉายตามปกติ รอบแรกคือรอบ 20.30 น. ของคืนวันที่ 16 ต.ค. (จากกำหนดการเดิมคือ 15 ต.ค.) โดยเนื้อหาล่อแหลมถูกตัดออกไปนิดหน่อยภายหลังจึง เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อาปัติ” และ ตั้งเรท 18+

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ แก่นของเรื่องไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำผิด อาปัติ เต็มเรื่อง วินัยของพระสงฆ์ แต่ที่ผมสนใจก็คือ ความคิดของฝ้าย กับพระซัน ความคิดของฝ้ายนั้นอาจถือได้ว่าเป็นเสรีนิยมโดยแท้จริง เพราะรักจึงยอมทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในรูปใดก็ตาม เช่น ชวนพระซันหนีไปอยู่กรุงเทพฯ เป็นต้น

ความจริงสิ่งนี้ก็เหมือนกับสีกาพิน และ แม่ของตนเอง แต่หากจะวิจารณ์ในแนวโครงสร้าง เรื่องทั้งเรื่องถูกครอบงำอยู่ด้วยคตินิยมแบบพุทธดั้งเดิมด้วย หากทำอย่างที่ว่าฝ้ายต้องกลายเป็นเปรตไปโดยปริยาย

ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และ หั่นฉากที่ว่ากันว่าเป็นฉากสำคัญบางฉากออกไป นัยว่าเพื่อเลี่ยงความกระทบกระเทือนใจชาวพุทธ แต่หากจะพูดกันตรง ๆ แล้ว หลังจากผมดู “อาบัติ” จบ กลับพบว่าภาพรวมของหนังไม่ได้มีเนื้อหาอะไรที่ดูถูกดูหมิ่นพุทธศาสนาเลย

แต่กลับชี้ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษของคนที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม และ ออกแนวปกป้องศาสนาซะด้วยซ้ำไป สรุปคือหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาที่มุ่งโจมตีศาสนา แต่ออกจะเป็นหนัง แนวหนังสยองขวัญ ฆาตกรรมอำพราง ซับซ้อนซ่อนเงื่อนลับลวงพราง และ ออกแนวกฎแห่งกรรม ซะมากกว่า

จุดพีคของเรื่อง “อาบัติ” นี้อยู่ตรงกุฏิที่ “เณรซัน” ใช้จำวัดอยู่ เพราะเป็นกุฏิที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า กุฏินี้คือจุดรวมของเรื่องทั้งหมดใน “อาบัติ” ทั้งผี ทั้งเปรต ทั้งคนดี ทั้งคนบ้า ทั้งความสยอง ความหลอน เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึก และ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความลับของวัดแห่งนี้

ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และ จบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

เรื่องย่อ

รีวิว อาปัติ

ซัน (ชาลี ไตรรัตน์ หรือ แน็ค แฟนฉัน) เด็กหนุ่มเกเรวัย 19 ปี ถูกพ่อบังคับ ให้มาบวชเณรที่วัดต่างจังหวัดอย่างไม่เต็มใจ โดยมีหลวงพี่ทิน (กิก ดนัย จารุจินดา) เป็นเสมือนพระพี่เลี้ยงที่คอยดูแลเขาตั้งแต่วันแรก

ซันไม่อยากสุงสิงกับเณรรูปอื่น จึงขอพระอาจารย์ (หนุ่ม อรรถพร ธีมากร) ไปจำวัดอยู่กุฎิร้างท้ายวัด ที่นั่นห่างไกลจากผู้คน ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว จะมีก็แต่คนบ้าประจำหมู่บ้าน (เอก สรพงษ์ ชาตรี) ที่แอบมานอนอยู่ใต้ถุนกุฏิ และ ขโมยข้าววัดกิน

ต่อมา ซันได้รู้จักกับ ฝ้าย (พลอย ศรนรินทร์) เด็กสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับยาย ทั้งสองตกหลุมรักกัน ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่การพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัดมานานนับปี ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกาพิน (พิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) กับพระภิกษุในวัด, การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญ, รวมถึง “กรรม” ที่พวกเขากระทำกันขึ้นมาเอง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว อาปัติ

ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจ อาปัติ 2 ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และ จบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า

เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

ส่วนที่เขาว่าตัดต่อใหม่ เราก็ไม่รู้นะว่าเขาตัดอะไรออก คาดว่าคงเป็นฉากล่อแหลมเกินงามระหว่างสีกากับชายผู้ห่มผ้าเหลือง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูมาจนจบเรื่อง เราก็ไม่ติดขัดหรือรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป มีแต่ความรู้สึกเล็ก ๆ ว่า เรื่องยังเบาไปหน่อย ไม่หนักอย่างที่คาดสักเท่าไหร่

คือเราดูหนังฝรั่งมาก็หลายเรื่อง อาปัติจัดว่ามีความรุนแรงหรือความล่อแหลมน้อยมาก นี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าจุดไหนที่มันร้ายแรงมากถึงขั้นต้องจ้องจะแบนกันท่าเดียวแต่ทีแรกเชียวหรือ แต่เอาจริง ๆ นะ ไดโนเสาร์ควรให้ประชาขนได้รับข้อมูลต่าง ๆ หลาย ๆ ด้าน หรือหลาย ๆ มุมมองบ้าง ไม่จำเป็นต้องป้อนแต่อะไรสวย ๆ ปลอม ๆ ให้พวกเราเสมอไปก็ได้ นี่มันยุค 2015 แล้ว

อย่างที่เข้าใจได้ ด้วยปัจจัยภายนอกที่มาจำกัดศักยภาพของหนัง #คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ทำให้หนังยังไม่สามารถนำเสนอเรื่องราวทางศาสนาได้เต็มที่ กล่าวคือโชว์ process ณ ขณะกระทำผิดไม่ได้ โชว์ได้แต่ผลลัพธ์หรือ negative effects ที่เกิดจากการกระทำนั้น ๆ ผลออกมามันเลยยังพีคได้ไม่ค่อยสุด คนดูก็ยังอินได้ไม่มากเท่าที่ควร บอกเลยว่า น่าเสียดายบทดี ๆ นักแสดงดี ๆ และ ภาพสวย ๆ ในหนังแทนจริง ๆ

ความรู้สึกส่วนตัว ณ ขณะที่ดู และ หลังดูอาปัติจบแล้ว เราว่านี่เป็นหนังไทยคุณภาพเรื่องหนึ่งที่คนไทยหรือชาวพุทธทุกคนควรดูเลยแหละ ถ้าไม่สนับสนุนหนังแบบอาปัติแล้วล่ะก็ ประเทศไทยคงมีแต่หนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังแต๋วแตกแหกนะยะผลิตออกมาให้คนไทยบริโภคเพื่อความบันเทิงไปวัน ๆ อย่างเดียวจนเอียนไส้

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ เราเป็นชาวพุทธโดยกำเนิด แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัด หนัง อาบัติ เต็มเรื่อง 2015 พากย์ไทย อะไรกับศาสนามาก เพราะเกิดมาก็มีคนระบุศาสนาให้ทันทีในใบแจ้งเกิดนั่นแหละ แล้วแต่เล็กจนโต ไลฟ์สไตล์เราก็ไม่ค่อยจะผูกพันกับวัดสักเท่าไหร่ ในส่วนของหลักธรรมคำสอนต่าง ๆ ก็ได้เรียนครั้งสุดท้ายในสมัยมัธยมตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ พอขึ้นมหา’ลัยแล้ว เราก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือทบทวนอะไรพุทธ ๆ อีกเลย

ดังนั้นสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนอย่างเราได้เข้าใกล้ศาสนาของตนเองบ้างนะ ไม่มากก็น้อย อืม เราคิดว่าอย่างนั้น…

เราก็เหมือนกับเด็กฝ้ายในเรื่องนะ ที่ลึก ๆ แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเปรตหรือบาปกรรมสักเท่าไหร่เพราะเราไม่เคยเห็นผีเปรต และ ไม่เคยเห็นบาปกรรม พอไม่เคยเห็น เราก็เลยยังไม่เชื่อ 100% แต่ถามว่า แล้วกลัวรึเปล่า… อืม ก็กลัวนะ… มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เรามักจะกลัวในสิ่งที่เรามองไม่เห็น จริงมั้ย?

บทสรุป

โดยรวมแล้ว เราคิดว่าหนังอาปัติสอนเรื่อง “กรรม” ทั้งรูปธรรม และ นามธรรมให้ทั้งตัวละคร และ คนดูอย่างเรา อาปัติ สปอย ได้รู้แจ้งเห็นจริงในระดับหนึ่ง แถมยังดูเพลิน ๆ อีกต่างหาก ถือเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่บทดีเลยทีเดียว เรื่องราวปะติดปะต่อผูกกันโอเค ไม่มีช่องโหว่หรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ที่สำคัญเรื่องราวยังชวนคิดติดตามตลอดเรื่อง

ตามมาตรฐานหนังผีไทย พาร์ทผีในอาปัติจัดว่าน่ากลัวใช่หยอก ผีเปรตขอส่วนบุญออกไม่เยอะอย่างที่คิด แต่ผีอื่น ๆ ที่ไม่รู้มาเพื่ออะไรนี่สิน่ากลัว และ มาหาบ๊อยบ่อย สะดุ้งหลายช็อตเลย คืออาจจะด้วยซาวนด์ประกอบด้วยส่วนหนึ่งที่ชวนเราหลอนไปก่อนภาพ

แต่ที่สนุกจริง ๆ คือ เราสนุกที่ถูกหนังหลอก เดาเรื่องกันแทบไม่ถูกจนเลิกเดา หนังมันหลอกคนดูแล้วหลอกคนดูอีก บางฉากนี่สะดุ้งเป็นคลื่นอาฟเตอร์ช็อค

เราคิดว่าอาปัติจัดว่าโอเคเลยสำหรับหนังไทยที่ถูกจำกัด creativity นี่นั่นโน่นโดยชมรมไดโนเสาร์ขนาดนี้ ควรสนับสนุนให้มีหนังแนวสะท้อนความจริงของสังคมแบบนี้ออกมาอีกเรื่อย ๆ จรรโลงสังคมดี ไม่ทำลายสักกะนิด ไปดูเถอะไปดู

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

เห้อวันนี้หนังไทยก็ไม่พ้นค่ายเจ้าพ่อหนังไทยอย่าง gth อีกแล้ว ที่เรียกว่า gth อาจจะครองวงการหนังไทยไปแล้วก็ได้ 55 โดยเรื่องราวนี้ จะประกอบไปด้วย หนังสั้นเกี่ยวกับ หนังไทยnetflix ความรักสามเรื่องของสามผู้กำกับ โดยมีคียเวิร์ดเกี่ยวกับเลข 7 และ เล่นกับความเชื่อ ส ปอย หนัง  ที่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี การเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างจะเกิดขึ้น ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ในช่วงเวลานั้น คงจะมีค่ายหนังไม่กี่ค่าย บริษัทไม่กี่บริษัท ที่สามารถทำให้ผู้ชมหรือลูกค้ารู้สึกถึง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นครอบครัวกันได้ GTH เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาของ GTH ที่แบ่งปันร่วมกับผู้ชมก็ผ่านมาแล้วร่วม 7 ปี และ ด้วยเป็นการเฉลิมฉลองในรูปแบบของครอบครัวมากกว่าบริษัทเชิงพาณิชย์ พวกเขาจึงเลือกที่จะเฉลิมฉลอง และ กล่าวขอบคุณผู้ชมด้วยภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเลข 7 เช่นเดียวกับอายุของค่ายหนังพวกเขา และ นั่นก็ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้นี่เอง

ทุก 7 ปี ความรักมักมีการเปลี่ยนแปลง มีบางคนเชื่อกันแบบนั้น แต่มันจริงไหม ผมว่าถ้ามันจะจริงก็คงเพราะว่าการที่คนเราคบกันมานานขนาดนั้น ความสดใส ตื่นเต้น ซาบซ่าตอนที่คบกันใหม่ ๆ ได้จางลงแล้ว กลายเป็นความคุ้นเคย ชินชา และ อาจเลิกถึงขั้นเบื่อหน่ายจนเลิกรักกัน เพื่อให้ความรักก้าวผ่านหลัก 7 ปี ไปได้ คู่รักคงต้องหาอะไรที่แปลกใหม่มามอบให้แก่กัน และ นำพากันสู่ความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้น ซับซ้อนขึ้น เข้มข้นขึ้น

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน ด้วยความที่มาตรฐานของ GTH ในเรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน Pantip ก่อนๆ สร้างไว้ดีมาก + เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปี และ แน่นอนเพราะมีนิชคุณมาแสดงด้วย ทำให้ “รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่หลายคนตั้งความหวังเอาไว้สูง(มาก) ส่วนตัวที่เป็นแฟนตัวยงของ GTH ก็ตั้งความหวังไว้สูงเช่นกัน ซึ่งหลังจากได้ไปดูถึง 2 รอบ ก็ตอบกับตัวเองได้ว่า “ไม่ผิดหวัง”

สำหรับเรื่องแรก 14 แม้จะไม่ใช่อายุของตัวละครทั้งสองคนในเรื่อง แต่ดูเหมือนจะโยงความหมายเกี่ยวกับเรื่องของความรักครั้งแรกที่หนังได้ปุเอา ไว้ในตอนแรก เรื่องราวของเด็กวัยรุ่นในยุคโซเซี่ยลเน็ตเวิร์คกับเรื่องราวของเด็กหนุ่ม ที่เริ่มมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน แ

ต่ระหว่างโซเซี่ยลเน็ตเวิร์ค และ เทคโนโลยีที่เป็นพลังต่อชีวิตเค้าตลอดกับ แฟนสาวที่ก้าวผ่านมาในชีวิต

ใน 14 นี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบฉูดฉาด และ ทันสมัย ใช้อุปกรณ์ และ เครื่องมือ social media มากมายในการเล่าเรื่องเพื่อที่จะนำเสนอในความเป็นเด็ก วัยรุ่น และ ประชาชนหลายกลุ่มในปัจจุปัน ถ้าให้คาดเดาอย่างไม่เขอะเขิน หนังเรื่องนี้ก็คงมุ่งเน้นพุ่งจับไปที่อารมณ์ร่วมของกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในยุคนี้ หลังจากเมื่อ 7 ปีก่อน

หนังเรื่องแรกที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังอย่าง แฟนฉัน เองก็จับความรู้สึก และ อารมณ์ร่วมของผู้ใหญ่ที่ผ่านวัยเด็กอันหลากหลายมาแล้ว

ดังนั้นการเล่าเรื่องของ 14 นั้นจึงจะออกไปแนวรวดเร็ว ฉาบวย และ ฉูดฉาด จนบ่อยครั้งมันกลายเป็นมิวสิควีดีโอขนาดย่อม ๆ แม้จะเป็นการที่ทำให้ประเด็นเล็ก ๆ ของหนังที่ดูเผิน ๆ แล้วไม่มีอะไรน่าสนใจให้มีชีวิตชีวา และ น่าสนใจขึ้นมาได้ แต่บ่อยครั้งไปมันก็เหมือนกับการฆ่าเวลา แต่ไม่มีผลอะไรกับหนังโดยรวมเท่าไหร่เพราะเนื่องจากเนื้อหาของหนังเองก็ไม่ ได้มีอะไรมาก

ประเด็นของหนังที่ค่อนข้างชัดเจนแต่แรก จึงสามารถที่จะดึงอารมณ์ของผู้ชมเข้ามาร่วมกับหนังได้พอสมควร

เรื่องย่อ

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

เป็นหนังดราม่าโรแมนติกที่แบ่งออกเป็นเรื่องราว ๆ ต่าง 3 เรื่องอยู่ในหนังเรื่องเดียว ภายใต้คอนเซ็ปต์ตัวเลขที่มีช่องว่างระยะห่างกันทีละ 7 จำนวน แบ่งเป็นเรื่องแรก “14” เรื่องราวความรักของ ป่วน และ มิลค์ ที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อ ป่วน ตัดสินใจเปลี่ยน Status ใน Facebook เป็น ‘In Relationship’ เขาโพสต์คลิปเผยแพร่ความรักของตัวเองลงใน Youtube อย่างละเอียด ด้วยความภาคภูมิใจ และ ยอด Views ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ ป่วน ถลำลึกลงไปในโลกของฟีดแบ็คจากคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนคนที่เขารักนั้น ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งมีค่าน้อยกว่ายอดคลิก Like ในหน้า Facebook ของเขาเสียอีก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

แม้ว่าความน่าประทับใจของภาพรวมจะอยู่ในระดับ รัก 7 ปี ดี 7 หน Netflix ที่แกว่งขึ้นแกว่งลง รวมถึงมีจุดต่าง ๆ ที่ทางหนังใส่เข้ามาเพื่อเป็นการตอบแทนแฟนคลับของหนังค่ายนี้ให้วี้ดว้าย เต็มไปหมด (แต่ก็นับว่าโชคดีที่หนังไม่ได้ทำออกมาอย่างประเจิดประเจ้อว่าหนังเรื่องนี้ เราทำเพื่อขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ จุ๊บ ๆ แต่อย่างใด ยกเว้นฉากมิวสิควีดีโอหลังเครติดที่ค่อนข้างโจ่งแจ้งไปหน่อย

มีจุดที่น่าเสียดาย แต่ก็พอเข้าใจได้ เกี่ยวกับมุมมองด้านบวกของหนังที่หนังเลือกที่จะขึ้นไปจนสุดจนเรียกได้ว่า มองโลกในแง่บวกแบบสุด ๆ แต่พอมุมมองในแง่ลบหนังกลับดึงลงมาในระดับปานกลาง ความรู้สึกมันเลยดูไม่สมดุล แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียอะไรเท่าไหร่นักเพราะหนังเองก็พยายามประณีประนอมในบางจุด ไม่ให้ล้ำเส้นเกินความจำเป็น

แต่นับโดยภาพรวม นอกจากจะเป็นภาพยนตร์สำหรับสร้างความบันเทิง และ ความรู้สึกดี ๆ ได้แล้ว เพียงแค่ตอนแรกกับตอนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ก็พอจะสร้างความหวังได้ว่า บางทีอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่ที่ดีขึ้นทั้งแนวคิด และ วิธีการทำของหนังค่ายนี้ต่อไปอีกก็เป็นได้

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รัก 7 ปี ดี 7 หน ออกฉายครั้ง รัก 7 ปี ดี 7 หน doomovie แรกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ในปีนี้หนังก็มีอายุ 9 ปีเต็มแล้วพอดี หนังได้ 3 ผู้กำกับฝีมือดีแห่งค่ายจีทีเอช ไม่ว่าจะเป็น “กอลฟ์-ปวีณ ภุริจิตปัญญา”, “ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม” และ “เก้ง-จิระ มะลิกุล” มาแบ่งพาร์ตกันทำงานในหนังสั้นแต่ละเรื่อง พร้อมทั้งได้นักแสดงเกือบทั้งวงการมา ตบเท้ามาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ แม้จะโผล่มาแว่บ ๆ ก็ยังดี

แต่หนังได้นักแสดงนำหลัก ๆ อย่าง “เก้า จิรายุ”, “ปันปัน สุทัตตา”, “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์”, “คริส หอวัง”, “สู่ขวัญ บูลกุล”, “โอปอล์ ปาณิสรา” และ “นิชคุณ หรเวชกุล” ที่รายหลังนี้ได้แบ่งคิวจากการเป็นไอดอลเกาหลี มีรับงานแสดงหนังไทยเรื่องแรกในชีวิตก็เรื่องนี้ด้วย

บทสรุป

“รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่แทรกอะไร รัก 7 ปี ดี 7 หน เรื่องย่อ ไว้มากมาย ทั้งดารารับเชิญ การเอาประโยคเด็ด ๆ จากหนังเก่าของ GTH ภาพของหนังแฟนฉันที่เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัท รวมไปถึงการทำหนัง 3 เรื่องให้หลุดออกไปจากสูตรสำเร็จเดิม ๆ

ผลคือคนดูถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือที่ชอบก็จะชอบมาก คนที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย
ก็ไม่แปลกที่รายได้จะไม่สูงเหมือนที่หลายคนคาดคิด (7 วันไม่ถึง 50 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี “รัก 7 ปีดี 7 หน” คือหนังที่คุณภาพดีเยี่ยม มีอะไรมากมายให้เก็บระหว่างทาง สมกับที่เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปีของค่ายหนังที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ ดูจบก็แอบยิ้มเล็ก ๆ ได้ข้อคิดหน่อย ๆ

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม

สวัสดีครับเชื่อว่าคนไทยทุกคน หนังไทยย้อนยุค เคยเคยเจอผีเด็กหน้าขาว ผ่านจอทีวีกันมาทุกคนแล้ว นี้นับเป็นหนังผีในตำนานของไทยเลย จากชื่อผู้กำกับที่คุ้นหู และ คุ้นตากันดีในบทของตลกระดับ ส ปอย หนัง แนวหน้าของประเทศอย่าง จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก หรือชื่อ จาตุรงค์ พลบูรณ์ รับหน้าที่เขียนบท และ กำกับภาพยนต์เรื่องนี้ด้วย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ตนเองกับการเขียนบทที่สะสมเรื่องราวมากกว่า 2 ปี ทำให้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกจับตามองอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องการสร้างเนื้อหา และ การสร้างสรรค์บทที่แน่นอนต้องเป็นแนว Comedy หรือแนวขบขัน เพราะว่าตามความถนัด และ ความสามารถที่มีพื้นฐานมาจากตลก และ มีรุ่นพี่ในแวดวงตลกหลายคนเป็นต้นแบบ อย่างคุณ โน้ต เชิญยิ้ม ที่ผ่านการกำกับมาหลายเรื่องเช่น หลวงพี่เท่ง,คนปีมะ และ ตามติดมาด้วยหัวหน้าคณะผู้ปั้นเขามากับมือคุณ หม่ำ จ๊กม๊ก จากผลงาน บอร์ดดี้กาดหน้าเหลี่ยม จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจากภาพยนต์เรื่องนี้

ประเภท: ตลก / สยองขวัญ
นำแสดงโดย: จาตุรงค์ มกจ๊ก, ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ, โก๊ะตี๋ อารามบอย
กำกับโดย: จาตุรงค์ มกจ๊ก
ความยาว: 97 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 3 สิงหาคม 2549 (กำหนดฉายในประเทศไทย)

หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อวันนั้น เป็นการพาทุกคนย้อนกลับไปให้ชวนคิดถึงผลงานหนังเรื่องดังที่เคยออกฉายที่โรงภาพยนตร์เมืองไทย วันนี้มาเฮฮากับหนึ่งในหนังไทยที่เคยสร้างปรากฏการณ์เอาไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ด้วยสูตรสำเร็จของหนังไทยที่จับเอาผีมาผสมผสานกับความหรรษาหนีเตลิดตลก ๆ กลายออกมาเป็น “โกยเถอะโยม” หนังผีตลกในตำนานจากค่ายจีทีเอช ที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลาย โกยเถอะโยม

นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ประดับวงการหนังในปี 2549 ที่ถือว่าเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของวงการเลยทีเดียว หนังกวาดรายได้ตลอดทั้งโปรแกรมฉายไปได้กว่า 70 ล้านบาท จากทุนสร้างเพียงแค่ไม่กี่สิบล้าน จึงกลายเป็นความสำเร็จระดับตำนานอีกเรื่องนี้ของหนังผีไทยเลยทีเดียว

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม โกยเถอะโยม เป็นภาพยนตร์ไทย แนวตลก ดราม่า ที่ออกฉายเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2549 โกยเถอะโยม เต็มเรื่อง พากย์ไทย ผลงานกำกับเรื่องแรกโดย จาตุรงค์ มกจ๊ก และ นำแสดงโดย จตุรงค์ พลบูรณ์, น้องพี หรือ ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ, โก๊ะตี๋ อารามบอย หรือ เจริญพร อ่อนละม้าย, เจมมี่ – จามร ตันธนะศิริวงษ์, ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก พลบูรณ์, จิ้ม ชวนชื่น หรือ นพดล ทรงแสง, ค่อม ชวนชื่น, จอย ชวนชื่น, นก – วนิดา แสงสุข, พุดเดิ้ล – ปาจรีย์ ณ นคร, สุเมธ องอาจ, พิม Big Brother และ หยินมี่ Big Brother

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว โกยเถอะโยม

เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กเร่ร่อน ที่ต้องการตามหาพ่อซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ด้วยความเหงาและอยากมีเพื่อน ผีเด็กจึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน ซึ่งในการปรากฏตัวทุกครั้งได้สร้างความอลหม่านวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านทุกคนต้องรวมพลคนกลัวผีขึ้นมาและแห่กันไปพึ่งหลวงพ่อ (จตุรงค์ มกจ๊ก) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน

เรื่องราวความน่ากลัวต่าง ๆ ถูกเล่าผ่านบรรดาชาวบ้านที่นำทีมโดยเจ๊หลี (นก วนิดา) เจ้าของร้านขายของชำที่มีลูกสาวชื่อกิ๊ก (เฟิร์น ลูกสาวคุณจตุรงค์) ที่ไปแอบชอบกับเด็กวัดก้นกุฏิที่ชื่อ หรั่ง โดยมีกบ (โก๊ะตี๋) เด็กวัดคู่หูที่คอยช่วยเหลือทั้งสองจากการขัดขวางความรักของเจ๊หลี และตามขบวนมาด้วยลุงชู (จิ้ม ชวนชื่น) ภารโรงมาดเนี๊ยบที่แอบชอจ๊หลีจนออกนอกหน้า มาพร้อมกับเฮียเท๊งขายหมู (แอนนา ม๊กจ๊ก)

และชาวบ้านอีกมากมายที่ต่างเจอเรื่องวุ่น ๆ และความน่ากลัวของผีเด็ก จึงมารวมตัวกันที่ศาลาวัดและเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวเหล่านั้นด้วยมุขตลกต่าง ๆ และร่วมกันคิดหาวิธีกำจัดผีเด็ก สุดท้ายทุกคนจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับผีเด็ก ความสนุกสนาน บนความตื่นเต้น ระทึกขวัญ ที่อัดแน่นไปตลอดเรื่อง

จากนักแสดงที่รับประกันการเรียกเสียงหัวเราะจากผู้สร้าง และการให้ท้ายหนุนหลัง จาก GTH งานนี้ทุ่มสุดตัว แบบไม่กลัวหัวโกร๋นเลยโยม…..บรื๊อ…. นักแสดง จตุรงค์ พลบูรณ์ น้องพี (ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ) โก๊ะตี๋ อารามบอย (เจริญพร อ่อนละม้าย) เจมมี่ (จามร ตันธนะศิริวงษ์) ใบเฟิร์น (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) จิ้ม ชวนชื่น (นพดล ทรงแสง) ค่อม ชวนชื่น จอย ชวนชื่น นก (วนิดา แสงสุข) พุดเดิ้ล (ปาจรีย์ ณ นคร) สุเมธ องอาจ พิม Big Brother หยิมมี่ Big Brother กำกับการแสดง จตุรงค์ พลบูรณ์ (จตุรงค์ ม๊กจ๊ก)

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โกยเถอะโยม

เนื้อเรื่องของภาพยนต์เรื่องนี้เท่า ๆ ที่ทราบนะครับผู้เขียนตั้งใจสะท้อนสภาพสังคม โกยเถอะโยม เต็มเรื่อง1 hd ปัจจุบันของผู้หญิงที่ทำแท้ง ด้วยความตั้งใจหรือพลาดพลั้งจากความสนุกของคู่หนุ่มสาว หรือองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างที่นำพาผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องมาทำแท้ง

อีกนัยหนึ่งคือต้องการสอนลูกของเขาเองด้วยนะเหมือนเป็นการสอนไปในตัวเลยก็ว่าได้

ในแนวของวัยรุ่นปัจจุบันที่มองว่า Sex เป็นเรื่องของความสนุกหรืออะไรที่มากกว่านั้น เรื่องถูกถ่ายถอดออกมาจากแนวความคิดหลาย ๆ อย่างมาผสมจนได้เรื่องที่ดูมีสาระและขบขันตั้งแต่เริ่ม ว่าด้วย ผีเด็กตนหนึ่งที่เกิดอาการรู้สึกเหงาและต้องการค้นหาพ่อและแม่ที่แท้จริงว่าเขาทั้งสองเป็นใครบวกกับความสนุกของผีเด็กที่ระหว่างตามหาบุคคลทั้ง 2 ก็เลยแกล้งหลอกชาวบ้านไปอย่างนั้นนะ

จนเรื่องมาจบที่ความจริงหลายอย่างได้บอกและเล่าถึงที่มาของเรื่องทั้งหมด แน่นอนครับ มุขและการวางเรื่อง เหมือนที่เจ้าตัวเขาการันตีด้วยความจริงจังและจริงใจว่าภาพยนต์เรื่องนี้ มีดีกว่าที่คิดแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเดินเรื่อง มุข การเดินเรื่อง ภาพ และองค์ประกอบต่าง ๆ จะได้ขำและตลกอย่างบอกไม่ถูกกับภาพยนต์เรื่อง

เพราะว่ามุขที่คุณเขาบอกนะไม่เคยเห็นในภาพยนต์เรื่องไหนมาก่อนแน่นอนก็แหง่ละส้รางมากับมือนี้หน่า ตามภาษาภาพยนต์ผีตลก แต่บางมุขอาจจะเคยเห็นกันบ้างหรือคล้าย ๆ จากบ้านผีปอบ เช่น ผีเกาะหลัง เกาะมือ หรืออออกมาทำให้ตกใจแล้วหนีไป

แต่เรื่องนี้ไม่มีฉากไหนเลยที่ต้องสะดุ้งได้แต่หัวเราะอย่างเดี่ยวนะ แต่ที่ผิดคาดไปอย่างหนึ่งคือฉากที่ทุกคนเห็นจากโฆษณา คำพูดติดปากที่ว่า โกยเถอะโยม ไม่มีครับ ย้ำว่าไม่มี ไม่รู้หายไปไหนหรือว่ามัวแต่หัวเราะไม่ทันได้สังเกตุ เลยไม่ได้คิดอะไรมากแต่สิ่งที่ได้จากภาพยนต์เรื่องนี้มีเยอะมากเลยนะ

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม ในออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2549 ที่ได้สร้างปรากฏการณ์ โกย เถอะโยม เต็มเรื่อง facebook ให้กับวงการหนังไทยในตอนนั้นไม่เบาเลย โดยผลงานหนังเรื่องนี้เป็นการชิมลางการกำกับหนังเรื่องแรกของดาวตลก “จาตุรงค์ มกจ๊ก” ที่จูงมือเอาหลานรักคู่บุญ(ในตอนนั้น)อย่าง น้องพี มารับบทนำบทเด่นที่เป็นอีกหนึ่งบทบาทอันน่าจดจำของอดีตดาราตลกผู้นี้ ไม่เพียงเท่านั้น จาตุรงค์ มกจ๊ก ยังทำหน้าที่เขียนบทหนังและร่วมแสดงเองด้วย

หนังยังมาพร้อมกับทัพนักแสดงตลกแถวหน้าของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น “เฟิร์น พิมพ์ชนก”, “โก๊ะตี๋ อารามบอย”, “แอนนา มกจ๊ก”, “จิ้ม ชวนชื่น”, “เจมมี่ จามร”, “อุ้ม ลักขณา” และ “น้าค่อม ชวนชื่น” ก็เป็นทีมดาราในหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าหนังจะถูกมองว่าเป็นสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ ของหนังไทย แต่ในตัวหนังก็ยังมีฉากเด็ดฉากประทับใจที่น่าจดจำมาจนถึงทุกวันนี้อยู่หลายซีน

บทสรุป

ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ได้เห็น โกยเถอะโยม 037 และมองอะไรหลาย ๆ อย่างว่าในอนาคต หนังผีตลกหรือหนังแนวกวน ๆ อาจจะมาจากสาขาชีพตลกเท่านั้นหรือเปล่า หรืออาจจะเพิ่มเติมตรงที่ว่าบทตลกที่เกิดขึ้นคนที่รับบทอาจจะต้องเป็นตลกเท่านั้นเหมือนเป็นการขีดเส้นตายเอาไว้เลยว่าต้องเป็นในแนวนี้ถึงจะดี หรือกลายเป็นแบบสำเร็จไปแล้วนะ และอาจจะไม่ได้เห็นดาราหรือว่าดาวดวงใหม่ ๆ

เกิดจากภาพยนต์แนวนี้ในช่วงหลัง ๆ ความตายของหนังที่เป็นสูตรสำเร็จของการขายตลก ตลก แล้วก็ตลก มีแต่ตลกเต็มไปหมดเลย แต่ถ้าดูแบบไม่ได้หวังอะไรเลย จะเห็นการพัฒนาในหนังที่สร้างมาจาก ตลก โอเคยอมรับได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับหน้าใหม่ของเราคนนี้บอกพยายามบอกมาตลอดคือ “รับรองได้ว่าไม่เหมือนหนังตลกที่ผ่าน ๆ มาแน่นอน” แล้วก็ผิดหวังเหมือนกันเลย ถอดแบบหนังผีตลกมาเหมือนกันไม่ต่างกันเลย

หลายอย่าง หลายคนบอกมาหลังจากไปดูเขาก็บอกว่าเหมือนหนังตลกทั่ว ๆ ไปไม่มีอะไรหวือหวาหรือแตกต่างกันเลย สงสัยว่าจะตายตอนจบหรือเปล่า อ้าวมองกันไปอีกแบบ ความไม่สุดของหนังเกิดขึ้นจนได้เมื่อฉากจบของหนังในการดึงอารมณ์ของคนดูในฉากตอนที่ พ่อมาเจอลูกแล้วเกิดการนึกภาพความหลังขึ้นเหมือนผีเด็กจะร้องไห้แล้วไม่ร้องไห้กลายเป็นเรื่องตลกและว่าฉากนั้นดึงอารมณ์ได้ดีมาก ๆ

สังเกตจากการตั้งใจดูของผู้คนที่พร้อมใจกันเงียบแบบไม่ได้นัดหมาย คือดึงอารมณ์ได้แต่ไม่สุดครับ ไม่รู้ว่าพี่เขาจะอั้นไว้ทำไม ไม่ปล่อยให้สุดมาเลยละ ฉากตลกบางฉากไม่ต่อเนื่อง ปล่อยมาแบบกระปิดกระปอย กลายเป็นความไม่ต่อเนื่องและยังถือว่าไม่ครบเครื่องตามที่พี่เขาบอกมาและรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกเหมือนที่หลาย ๆ คนเขาบอกว่าการโฆษณาตอนนี้มีผลมากต่อการตีตั๋วเข้าไปดู

ถ้าจะว่ากันตามนั้นนะครับ แต่ยังไงถือว่าเป็นเรื่องที่ทำออกมารอดไม่ตายสำหรับเรื่องแรกและมือใหม่แบบนี้ จะเป็นกำลังใจให้ครับ ตามดูผลงานกันต่อไปครับ

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทย องค์บาก นักเป็น หนังไทยย้อนยุค ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของไทยเลยก็ว่าได้ เป็นหนังไทยที่ดังแบบระดับโลก ที่เป็นการตีแผ่วัฒนธรรม ไทยและการต่อสู้ ส ปอย หนัง ของไทย ออกสู่สายตาสากลคนทั่วโลก เล่าเรื่อง ราวของ องค์บาก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ของหมู่บ้านหนอง ประดู่ ได้ถูกขโมยตัดเศียรไป บุญทิ้ง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์หนุ่มบ้านหนองประดู่ จึงอาสาออกตามหามาจนถึงกรุงเทพฯ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี จนได้ เจออ้ายหำแหล่หรือ ยอร์จ ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่ทิ้งท้องนา และ กลิ่นโคลนสาปควายบ้านนอก มาร่วมทีมกับ หมวยเล็ก มาเป็น 18 มงกุฎ ต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้อง บุญทิ้งจึงไม่วายเป็นเหยื่อเพราะความซื่อ แต่ด้วยความที่เป็นคนดี และ เคยช่วยเหลือชีวิตทั้งสองไว้ ภายหลังเขาจึงได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองในการตามหาองค์บาก พร้อมถูกดึงเข้าสู่การต่อสู้กับเจ้าพ่อมาเฟียอิทธิพลมืดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด บุญทิ้งจึงขอต่อสู้ทั้งชีวิตด้วยศิลปะมวยไทยโบราณตลอดจนการเดินทางตามหาองค์บากเพื่อนำกลับคืนสู่หมู่บ้านให้ทันพิธีอุปสมบทหมู่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 7 วันให้ได้

ประเภท: แอคชั่น
นำแสดงโดย: จา พนม, หม่ำ จ๊กมก, ภุมวารี ยอดกมล
กำกับโดย: ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ความยาว: 105 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 31 มกราคม 2546

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ มีนัก ดู องค์บาก 1 แสดงอย่าง “จา-พนม ยีรัมย์” “แอร์-ภุมวารี ยอดกมล” และ “เพ็ชรทราย วงศ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก” แสดงนำ กับเรื่องราวของหนุ่มบ้านนอกที่ต้องออกมาตามหาเศียรองค์บากที่ถูกขโมยไปจากหมู่บ้าน

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเลยว่า เป็นอีกเรื่องที่ทางสหมงคลฟิล์มทุ่มเทสร้างอย่างมาก ทั้งในการถ่ายทำ การโปรโมท รวมถึงปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร อีกหนึ่งยอดนักบู๊ของไทย ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ในการปั้น จา-พนม ขึ้นมาเป็นพระเอกนักบู๊ครใหม่ของวงการ

ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้ครับว่า เรื่องนี้ตัวของ จา พนม นั้นเล่นฉากบู๊ทุกฉาก ฉากเสี่ยงตายทุกซีน ด้วยตัวเอง ไม่มีสแตนด์อินใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ที่เป็นจุดขาย และ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ดึงดูดให้คนเข้ามาดูอย่างล้นหลาม ซึ่งมันคุ้มค่าทุกหยาดเหงื่อของทีมงาน

เพราะทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 661,845,999 บาท และ ส่งให้ตัวของ จา-พนมนั้นโด่งดังเป็นพลุแตก จากลีลาแม่ไม้มวยไทย และ คิวบู๊ที่สุดงามดุดัน ซึ่งมันส่งผลให้มีภาพยนตร์อย่าง “ต้มยำกุ้ง” ตามมาในภายหลัง

การดำเนินเรื่อง

รีวิว องค์บาก 1

ในประวัติศาสตร์ “หมู่บ้านหนองประดู่” ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของ “ครูดำ” ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่าไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสะดม และ แย่งชิงไปจากหมู่บ้านเมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบากอยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ

ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าวคือบาดแผลจากการต่อสู้ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ที่รับแทนคมหอกคมดาบที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟันเข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง

ความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และ ผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขานสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้ว “องค์บาก” กลับถูก “ดอน” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน

และ ที่ร้ายแรงที่สุดคือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพฯ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บากที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต

ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธาที่หมุนเวียนบรรจบมาเพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และ พลังแห่งความดีงามของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรมจากองค์บากโดยตรงอย่าง “ทิ้ง” (จา-พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้าที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโตจนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก

รวมทั้งเคล็ดวิชา “นวอาวุธ” (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศีรษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และ ความคล่องแคล่วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจาก “พระครู” หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลักที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน

เส้นทางในการเสาะหาองค์บากดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น “เง็ก” (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิตที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวงกัดกินทั้งร่างกาย และ จิตใจ “หมวยเล็ก” (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้วที่งดงามทั้งหน้าตา และ จิตใจ “ไอ้เป๋ง” (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอยคู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ

ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่างออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงามจากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บากค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้งถลำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเกมการต่อสู้ และ การไล่ล่าที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้ายจากทั้งคนไทยด้วยกันเอง และ ชาวต่างชาติ

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว องค์บาก 1

หนังก็ยังมีข้อบกพร่องที่เกิดจาก องค์-บาก 1 ภาค-ไทย การลังเลระหว่างการทำให้มันเป็นหนังที่ดีตามมาตรฐาน และ การทำหนังเอาใจท่านผู้ชม ซึ่งผู้กำกับเลือกทางการเอาใจผู้ชมจนเอียงข้างไปเล็กน้อย เริ่มต้นง่าย ๆ จากการที่ไม่มีคนร้ายคนไหนใช้ปืนยิง จา พนม เลย ทุกคนเอาแต่วิ่งไล่จา พนม (แถมวิ่งไล่กันไม่ทันอีก) คือ ถ้ามีคนใช้ปืน จา พนม คงตายตั้งแต่ 15 นาทีแรกไปแล้ว

องค์บากอาจจะกลายเป็นหนังสั้นได้ ซึ่งตรงนี้จริง ๆ คนเขียนบทก็ต้องแก้ไขให้เมกเซนส์ให้ได้ เช่น ลูกสมุนถูกสั่งให้จับเป็นรึเปล่า เลยยิงให้ตายไม่ได้ นอกจากนี้ ฉากแอ็กชันมากมายที่ปรากฏในหนังนั้นมีการ Replay ซํ้าให้เราดูกันหลาย ๆ รอบ จากมุมกล้องต่าง ๆ ราวกับเป็นภาพกีฬามัน ๆ เวลาดูนี่ได้ยินเสียงประโยค ‘ลองจับตาดูกันอีกครั้งชัด ๆ

แต่อะไรที่ทำให้องค์บากภาคแรกเด็ดสุด? โดยส่วนตัวผมว่า “มันพอเหมาะพอดี” ครับ คือบทน่ะไม่มีอะไร แต่การเดินเรื่องมันไม่เยิ่นเย้อ ตามด้วยการมีฉากแอ็กชันแบบเล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้สลิง และ สแตนอิน Effect ก็ไม่ต้องครับ ทุกอย่างเนื้อซัดเนื้อ หมัดซัดหมัดกันไป

ฉากไล่ล่าก็มีลูกเล่นพอดี ๆ คือไม่ต้องระเบิดอลังการอะไรมากครับ แค่ให้พอหวาดเสียว ซึ่งจุดขายที่เด็ดสุด ๆ ยังไงก็คือการเล่นจริงนี่แหละ มันให้อารมณ์อีกแบบจริง ๆ นะครับ มันคืออารมณ์แบบที่คอหนังสไตล์เฉินหลงโปรดเป็นหนักหนา

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1 องค์บาก ถือว่าเป็นหนังไทยที่ประสบ องค์บาก 1 เต็มเรื่อง 037 ความสำเร็จสูงสุดในตลาดโลก แม้ว่าความสำเร็จนี้ยังไม่มากเท่าหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่องของหลายชาติ แต่เป็นความสำเร็จสูงสุดของหนังไทยในรอบประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยช่วงสัปดาห์แรกเข้าฉายกลางเดือนกุมภา หนังทำรายได้ในอันดับที่ 17 ของอเมริกา ทั้งที่เข้าฉายเพียง 361 โรงทั่วประเทศ หรือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของโรงฉายหนังที่ได้อันดับหนึ่ง

แม้ว่าหนังไทยเรื่องใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดโลก จะต้องสร้างสรรค์แนวทางของตัวเองเท่านั้น แต่การรับรู้ทัศนะของนักวิจารณ์ต่างประเทศที่มีต่อ ‘องค์บาก’ น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีเพื่อการก่อตัวความคิดใหม่ของนักสร้างภาพยนตร์ไทย

ที่หวังให้หนังเป็นที่ยอมรับของคนดูต่างชาติต่างภาษาด้วย

บทสรุป

“ปรัชญา ปิ่นแก้ว” รับหน้าที่เป็นผู้กำ องค์บาก1 ต้นฉบับ กับในโครงการหนังฟอร์มดีจากค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่ถือว่าเรื่องนี้เข็นออกมาฉายตั้งแต่ต้นปี เพื่อมาเป็นโปรแกรมทองต้อนรับเทศกาลตรุษจีนในปีนั้น และ ถือว่าเป็นความสำเร็จชั้นเยี่ยมให้กับแวดวงหนังไทย ที่ตอนนั้นถือว่าเป็นยุคทองของวงการเลยทีเดียว

หนังกวาดรายได้ทั่วประเทศไปได้กว่า 124 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 5 ของหนังทำเงินสูงสุดในไทยประจำปี 2546 และ เป็น 1 ในหนัง 5 เรื่อง ที่ทำเงินได้แตะร้อยล้านในปีนั้นด้วย

นอกจากจะได้ จา พนม มาเป็นนักแสดงนำหลักของเรื่องนี้ หนังยังมีดาราสมทบอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “หม่ำ จ๊กมก”, “แอร์ ภุมวารี”, “สุเชาว์ พงษ์วิไล”, “บ๊วย เชษฐวุฒิ” หรือ “ชุมพร เทพพิทักษ์” และ หนังยังได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำได้ถึง 4 สาขารางวัลด้วย

ไม่เท่านั้นหนังยังมีโอกาสได้เฉิดฉายในตลาดหนังโลก และ ออกฉายไปในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้กวาดรายได้จากทั่วโลกไปได้กว่า 20 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

สวัสดีครับ นี้เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ผมอยากมาแนะนำในวันนี้ ส ปอย หนัง หนังได้เรื่องนี้เล่าถึง สตั้นท์กลุ่มหนึ่ง ที่ได้ทำการเข้าแข่งขัน เพื่อที่จะได้เป็นนักแสดงหนังคิวบู๊ ดูหนังฟรี ซึ่งหลังจากฟาดฟันกันมา ก็เหลือสองทีมที่เก่งสุด มาชิงที่หนึ่ง ซึ่งการชิงที่หนึ่ง หนังไทยย้อนยุค คือการกระโดดปีนป่ายเพื่อแย่งของกันหนึ่งชิ้น 2นาทีจบ … เหอเหอ นึกว่าจะซัดอะไรกันมันส์กว่านี้ ดูหนังออนไลน์ พี่ชิงที่หนึ่งกันนะครับ แข่งเป็นทีมด้วยแต่ดันส่งคนเก่งแข่งคนเดียว เตรียมพบการกลับมาของหนังในตำนาน “โคตรสู้ โคตรโส” หรือ “Bangkok Knockout” ภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี 2553 และสร้างชื่อคว้ารางวัลรางวัลสตันต์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์แอ็คชั่น เฟสต์ ปี 2554 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีนักแสดงชื่อคุณภาพอย่าง ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, กระแต-ศุภักษร ไชยมงคลม, สรพงษ์ ชาตรี, เสนา หอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค, แพทริค คาซู แทงค์ และกลุ่มนักบู๊ไฟท์ติ้งคลับ ร่วมแสดง อีกทั้งยังได้ พันนา ฤทธิไกร นั่งแท่นผู้กำกับคิวบู๊ เรียกว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมกันเลยทีเดียว

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส โคตรสู้ โคตรโส (Bangkok Knockout) เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นไทย โครตสู้โครตโส 037 ที่ได้นำเสนอรูปแบบศิลปะการต่อสู้หลากรูปแบบไม่ว่าจะเป็น มาร์เชี่ยลอาร์ท, คาโปเอร่า, ฟรีรันนิ่ง, ไทเก็ก, เทควันโด, กังฟู และมวยไทย กำหนดฉายในประเทศไทยครั้งแรก 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ออกแบบฉากต่อสู้โดยพันนา ฤทธิไกรและมรกต แก้วธานี โดยใช้เวลาในการออกแบบกว่า 1 ปี ร่วมกับทีมสร้างภาพยตร์ชุด องค์บาก, ต้มยำกุ้ง, ช็อคโกแลต และจีจ้า ดื้อสวยดุ

ซึ่งมีนักแสดงสมทบอย่าง ชัชพล อภิชาติ, กิติศักดิ์ อุ่นจิตต์, สำเร็จ เมืองพุทธ, ธนวิช วงศ์สุวรรณ, ภุชงค์ ศาสตร์นอก, วิรัช เข็มกลัด, ศราวุธ คำสอน, ปุญญพัทร บุญคุณชนก และ วินัย เวียงย่างกุ้ง ที่ได้แสดงรูปแบบศิลปะการต่อสู้หลากแขนงในภาพยนตร์ชุดดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

กลุ่มของนักศึกษาผู้มีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้ซึ่งมีชื่อว่า “Fighting Club” ได้แยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของตนภายหลังจากสำเร็จการศึกษา ต่อมาพวกเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในการเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นฮอลลีวูด ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น

เมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมาก็พบว่างานสังสรรค์นี้ได้กลายเป็นสถานที่ที่มีแต่ความเงียบงัน เพื่อนของพวกเขาถูกจับตัวไป ทั้งยังมีมือสังหารคอยกำจัดพวกเขา นั่นได้ทำให้พวกเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเป็นฝีมือที่เกิดขึ้นจากพวกใด

และมีสาเหตุอะไรที่ต้องทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีเพียงทางเลือกเดียวในการช่วยเหลือพวกพ้องของตน

นั่นคือการร่วมมือกันต่อสู้กับเหล่าร้าย พร้อมกันนี้เหล่านักสู้ที่เหลือก็ต้องพบความจริงอันน่าเจ็บปวดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้มีบางคนในกลุ่มของพวกเขาหักหลังไปเข้ากับเหล่าร้ายพร้อมกับจัดฉากสร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้น

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

ถ้าเรามาพูดถึงในด้านของข้อเสียในเรื่องนี้ ชัชพล ศิริกุลวุฒิชัย อย่างเเรกเลยคือ “ฉากการชิงเเชมป์ในตอนเเรก” ใครที่ได้ดูมาเเล้วคงรู้ว่า คุณเหลืออยู่ 2 ทีมเเละชิงเเชมป์เพื่อไปเเสดง ฮอลลีวู้ด เเต่รอบชิงเเชมป์กลับทำได้เเค่ “ปืนเพื่อไปเก็บกล่อง” เเค่นี้หรอครับ คือ มันติ๊งต๊อง มากไปหน่อยไหมหละครับ

นอกจากนี้นั้นเรื่องใหญ่เลยคือ เรื่องบท ที่อ่อนมาก ๆ โดยเฉพาะ งานเลี้ยง นั้น อะไรมันจะไปตรงกัน เป๊ะ ๆ กับพวกที่ตัวร้ายจัดหรืออะไรเเบบนี้ บลา บลา ไม่รู้จะอธิบายยังไงเเล้ว กับบทที่อ่อนมาก ๆ กับเรื่องนี้ รวมทั้งการที่พยายามจะทำเป็น หักมุม ในตอนจบ ซึ่งใช้มุขเก่า ๆ + บทเนื้อเรื่อง ที่ออกไปเเนว หนังฮอลลีวู้ด นั้น ทำออกมาไม่ดีทั้งสิ้น

ซึ่งนอกจากความมันส์เเล้วนั้น นักเเสดงในเรื่องนี้ที่อยากพูดถึงเลยนั้นก็คือ พวกกลุ่มสตันท์ ทั้งหลายนั้นเเหละ รู้สึกเรื่องนี้เหมือนเอามาเป็น นักเเสดงทดลอง ยังไงไม่รู้เเหะ ให้สตันท์ มาเล่นเป็นพวกพระเอก อย่างบอกเลยว่า “ท่าของเหล่าสตันท์ นั้นสวยมาก โดยเฉพาะฉากเตะ ๆ ต่อย ๆ ไม่รู้ออกเเบบ + ทำมาได้อย่างไร”

เเต่ในด้านการเเสดงอยากบอกเลยว่า “สอบตก” อย่างเเรก + ขัดหู ขัดตา อย่างมากเลยหละครับ กับการเเสดง ฉากคุยกัน เหมือนกับ อ่านบท ยังไงยังงั้น เเต่ก็ต้องยอมรับกับเขาจริง ๆ เเหละ ว่าฉากเเอ็คชั่น เหล่าสตันท์ เล่นกันได้ดี + ลื่นไหล กันทุกคน โดยเฉพาะ คนนึงในกลุ่ม จำชื่อไม่ได้ เเต่ท่าสวยมากครับ

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส ได้มีโอกาสดูเรื่องนี้ตั้งเเต่ รอบสื่อ เเล้วหละครับ พอดีได้บัตรฟรีไปดูมานะครับ ดูหนัง โคด สู้ โคด โส เรื่องนี้ก่อนดูก็ไม่ได้ คิดอะไรอยู่เเล้ว ส่วนตัวเห็นตัวอย่าง เเล้วก็ออกเเนว เฉย ๆ เเนวโน้มไปด้าน อยากดู ก็มีบ้าง

เรื่องนี้นั้้นเป็นผลงานการออกเเบบฉากเเอ็คชั่นโดยผกก.ไทยมากมาย ส่วนหนังจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลยครับ

โคตรสู้ โคตรโส , เรื่องราวเริ่มต้นที่การเเข่งขัน เพื่อชิงการได้ไปเเสดงเป็น ดาราฮอลลีวู้ด โดยพระเอกของเรานั้น ที่มีกลุ่ม นักสู้ อย่าง Fighting Club นั้น ซึ่งพวกเขาก็ได้ผ่านเข้ามาในรอบสุดท้าย ซึ่งภายในตอนหลังนั้น พวกเขาก็ได้ ชนะ ทีมที่เขาเเข่งขันด้วย พวกเขา จึงได้จัดงานเลี้ยง

โดยในงานนั้น มีกลุ่ม Fighting Club ของพวกเขา + น้องสาวของเขาอย่าง “ใบเฟริน” เเละ เพื่อนหญิงอย่าง “จอย” รวมทั้ง นักดนตรีหลงทาง (เสนาหอย)

ซึ่งภายในวันต่อมานั้น พวกเขาได้ตื่นขึ้นมาเเละกลับพบว่า พวกเขาได้โดนมอบยา เเละ ถูกจับไปไว้ที่ไหนไม่รู้สักเเห่ง ซึ่งภายในตอนหลังพวกเขาก็ได้พบความจริงว่า นี้คือ “บททดสอบของพวกเขา”

โคตรสู้ โคตรโส ผลงานกำกับเอง เล่นเอง ของ พันนา ฤทธิไกร ที่ข้อดี ข้อเสีย มีมากมาย เเละ ต่างกันออกไปอีกเเล้ว ขอเริ่มจาก ข้อดี ง่าย ๆ ของหนัง เเละ การพัฒนา ของฉากเเอ็คชั่นไทย ซึ่งอย่างเเรกเลยคือ เรื่องนี้คนดูก็ต้องอยากรู้อยู่เเล้วว่า ฉากเเอ็คชั่น นั้นมันส์ไหม

ผมอยากบอกได้เลยครับว่า “มันส์” ไม่รู้เพราะอะไรนะครับ เเต่ว่า ช่วงนี้อยากชมเลยว่า “เเอ็คชั่นไทย” นั้นได้พัฒนาเเล้ว เเละเรื่องนี้ถ้าให้เทียบกับหนังที่เข้าฉายปีเดียวกันอย่าง “อินทรีเเดง”

ในด้านความมันส์เเล้วนั้นต้องบอกเลยว่า มันส์น้อยกว่า อินทรีเเดง เเค่นิดเดียวเท่านั้นเองครับ เเละถ้าให้เปรียบเรื่องนี้ไปกับหนังเเอ็คชั่นในค่ายของ สหมงคล ก็ต้องบอกเลยว่า มันส์เท่าเทียบกับพวกรุ่นพี่อย่าง องค์บาก หรือ ต้มยำกุ้ง ได้เลย (อันนี้นับเฉพาะความมันส์)

บทสรุป

โคตรสู้ โคตรโส เป็นเรื่องราวของ ไฟท์ติ้งคลับ โครตสู้โครตโส เต็มเรื่อง ที่เกิดจากการวมตัวของกลุ่มนักศึกษาผู้หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ หลังจากเรียนจบสมาชิกในคลับต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของชีวิต ก่อนที่ทุกคนจะได้รับเชิญให้มางานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองการได้เป็นนักแสดงแอคชั่นของฮอลลีวู้ด

จึงทำให้พวกเขาได้มีโอกาสรวมตัวกันอีกครั้ง โดยมีกลุ่มไฟท์ติ้งคลับ และน้องสาวของเขาอย่าง “ใบเฟิร์น” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เเละ เพื่อนหญิงอย่าง “จอย” (กระแต-ศุภักษร) รวมทั้ง นักดนตรีหลงทาง (เสนาหอย เกียรติศักดิ์) ร่วมปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเเอ็คชั่น เเนว ดูเพลิน ๆ มันส์ ๆ ที่มีข้อเสียเรื่องบท อย่างเเรง นักเเสดงที่บางตัวละครออกน่ารำคาญ พูดเหมือนอ่านบท เเต่ถ้าดูเฉพาะฉากเเอ็คชั่นอยากบอกเลยว่า คุ้มมากครับ เพราะว่ามันส์ดี

เเต่ถ้าใครชอบดูบทหนัก ๆ เรื่องนี้ปล่อยผ่านได้เลยครับ ถ้าดูเพลิน ๆ ก็ดูเลยค้าบ

รีวิว กดติดวิญญาณ

รีวิว กดติดวิญญาณ

หนังไทยย้อนยุค คุณเชื่อเรื่องผีมั้ย คุณเคยถ่ายภาพติดวิญญาณมั้ย สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมาแนะนำหนังไทยในตำนานอีกเรื่อง ที่ถ้าหากใครเป็นแฟนหนังผี เชื่อว่าคงจะเคยได้ยินชื่อของ “ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ” ผ่านหูกันมาก่อนอย่างแน่นอน แต่หลายคนอาจจะยังไม่มีโอกาสได้รับชมหนังเรื่องนี้ ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่มั่นใจว่าสนุกหรือเปล่า!? ถ้าหากใครกำลังลังเลใจว่าควรจะลองเปิดหนังผีเก่า ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณดูกันหรือเปล่า!? รับรองว่าการอ่านรีวิวจากบทความชิ้นนี้จะช่วยไขความกระจ่างได้เป็นอย่างดี อย่างแน่นอน…

ส ปอย หนัง คุณเคยสังเกตภาพถ่ายที่คุณมีอยู่หรือไม่ บางทีอาจมีบางสิ่งซ่อนอยู่โดยที่คุณไม่รู้ตัว เป็นเรื่องราวของ ธรรม์ ช่างภาพหนุ่มมาดเซอร์ กับ เจน แฟนสาวของเขา เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง แล้วตัดสินใจขับหนีไป ไม่นานทั้งคู่ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ประหลาด ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

เมื่อภาพถ่ายของ ธรรม์ นั้น ถ่ายติดแสงเงาประหลาดมาด้วย แรกเริ่มเขาก็คิดเพียงว่ามันเป็นแค่รูปเสีย แต่แล้วเขาก็พบว่ามันมีอะไรบางอย่างมากกว่านั้น คือมีเงาคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงติดมาในรูปด้วย ทั้งคู่เริ่มค้นพบว่าเงาที่ปรากฏในภาพทั้งหลายนั้นมีบางอย่างที่เชื่อมโยงถึงกัน ทั้งสองจึงเริ่มออกค้นหาว่าหญิงสาวในภาพคือใคร และ ต้องการสื่อสารอะไรกันแน่…

รีวิว กดติดวิญญาณ

รีวิว กดติดวิญญาณ

รีวิว กดติดวิญญาณ สำหรับ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ นั้น นับเป็นหนังผีสุดคลาสสิคอีกเรื่องของไทย ที่ในตอนฉายก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทะลุ 100 ล้านบาทไปแบบเต็ม ๆ อีกทั้งด้วยความสำเร็จบ้านตัวเอง ก็เลยได้รับความสนใจจากต่างประเทศทั้งจากฮอลลีวู้ด และ อินเดีย ที่ขอซื้อเอาลิขสิทธิไปสร้างต่ออีก ซึ่งหากใครที่ชอบหนังผี หนังสยองขวัญอยู่แล้ว Shutter ก็คงเป็นอีกเรื่องที่ต้องเก็บไว้ใน List ต้องดูอีกเรื่องอยู่เหมือนกัน ใครที่ชอบหนังสยองไทยพล็อตดี ๆ จากค่ายนี้อย่าง แฝด หรือ ลัดดาแลนด์ แล้ว ก็ควรเก็บเรื่องนี้เอาไว้อีกสักเรื่อง

ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ (อังกฤษ: Shutter) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวสยองขวัญในปี 2547 ร่วมเขียนบท และ กำกับโดย บรรจง ปิสัญธนะกูล และ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ นำแสดงโดย อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม ณัฐฐาวีรนุช ทองมี และ อชิตะ สิกขมานา สามารถทำรายได้ในประเทศไทย 107.1 ล้านบาท ยังขายลิขสิทธิ์ได้ใน 30 ประเทศทั่วโลก สร้างรายได้ ฉายในสิงคโปร์ได้ 33 ล้าน ที่เกาหลีติดอันดับ 5 หนังทำเงิน ฉายที่บราซิล 4 สัปดาห์แรก ทำรายได้สูงถึง 100 ล้านบาท

ชัตเตอร์ยังได้รับรางวัล Best Asian Film จากเทศกาล Fantasia Film Festival 2005 ที่แวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา และ รางวัลหนังแฟนตาซีที่ดีที่สุดในงาน Fantastic’s Arts Festival of Gerardmer ประเทศฝรั่งเศสภาพยนตร์ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2550 กำกับโดย Masayuki Ochiai ผู้กำกับชาวญี่ปุ่น นำแสดงโดย ราเชล เทย์เลอร์ นักแสดงชาวออสเตรเลีย ซึ่งมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง Transformer มีกำหนดออกฉายในปี พ.ศ. 2551 นอกจากนี้ยังมีผู้สร้างภาพยนตร์บอลลีวูด นำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ภาษาทมิฬ ออกฉายในปี พ.ศ. 2550 ชื่อเรื่อง Sivi กำกับโดย K. R. Senthil Nathan ผู้กำกับชาวอินเดีย

เรื่องย่อ

รีวิว กดติดวิญญาณ

ธรรม์ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพหนุ่มกับ เจน (ณัฐฐาวีรนุช ทองมี) แฟนสาวของเขา ทั้งคู่ขับรถชนหญิงสาวคนหนึ่งอย่างแรง แล้วตัดสินใจขับหนีไป ต่อมาทั้งคู่พบเหตุการณ์ประหลาด เมื่อภาพที่ธรรม์ถ่ายติดแสงเงาประหลาด และ บางภาพมีเงาคล้ายกับใบหน้าของผู้หญิงติดมาในรูปด้วย และ เป็นที่มาของการสืบเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่าง ๆ ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ part 2

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว กดติดวิญญาณ

ส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ มีความน่าสนใจมากขึ้น อาจเป็นเพราะในช่วงเวลานั้น หนังผีในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงซบเซาเป็นอย่างมาก การเข้ามาของหนังผีที่มีเรื่องราว และ ภาษาหนังที่ถ่ายทอดความรู้สึกในการเป็นหนังผี ในฉากที่ไม่น่าจะมีอะไรก็ทำให้น่ากลัวได้ รวมไปถึงตอนจบที่ทำให้หลายคนคาดไม่ถึง สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้หนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ กลายมาเป็นหนังที่น่ากลัว แม้จะไม่ได้ดีที่สุดแต่ก็เป็นแบบ “ลงตัว” เมื่อรวมเข้ากับการแสดงที่ดี ทำให้หนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ กลายมาเป็นหนังที่น่าดูมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างมากเลยทีเดียว

ในด้านความสยดสยองของภาพยนตร์ความน่ากลัวของผี ถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญที่สุดในชัตเตอร์กดติดวิญญาณ และ ขึ้นชื่อลือชาจนกลายเป็นหนังผีที่น่ากลัวที่สุดในใจของใครหลายคน มีฉากจำอยู่หลายฉากเช่น ฉากผีหลอกในสตูดิโอถ่ายภาพ ฉากผีหลอกในห้องเรียนวิชาถ่ายภาพ ฉากผีหลอกในห้องล้างฟิล์ม ฉากผีหลอกขณะขับรถตอนกลางคืน ผีหลอกในโรงแรมค่ำคืนวันฝนตก ผีหลอกในห้องแล๊ปชีววิทยาของมหาวิทยาลัย

และ ฉากเด็ดที่สุดที่อยู่ตอนท้ายเรื่องที่ทั่งหักมุม ทั้งตกใจ ทั้งอึ้ง ซึ่งทำให้หลายคนต้องตกตะลึงกับการเฉลยแบบนั้น การออกแบบผีนั้นมีความน่ากลัวสไตน์ญี่ปุ่น ซึ่งสไตล์การหลอกหลอนแบบญี่ปุ่นนั้น ได้รับความนิยมในช่วงเวลานั้นอย่างเช่นผีใน Juon หรือผีใน the Ring คือการใช้สาวผีผมยาว และ ผีมักคลานเข้าหาตัวละคร หลอนทุกที่ ทุกเวลาไม่เว้นกลางวันกลางคืน ในเรื่องของจังหวะจะโคนจังหวะตกใจ เขาทำได้ดีมาก สรุป ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ

รีวิว กดติดวิญญาณ

รีวิว กดติดวิญญาณ หนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ได้รับการยอมรับจากคนดูทั่วไป และ นักวิจารณ์ภาพยนตร์อย่างมากว่า เป็น “หนังผีที่น่ากลัวที่สุด” และ ชื่อเสียงดังกล่าว ก็ยังคงทำให้หนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ขึ้นแท่นหนังผีน่าชมมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ณ ปัจจุบัน แถมยังเป็นหนังผีที่ได้รับรางวัลมากมาย นอกจากนี้หนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ยังถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำไปสร้างใหม่ในเวอร์ชั่นของฮอลลี่วูด และ บอลลีวูดของอินเดียอีกด้วย

เรียกได้ว่าหนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ประสบความสำเร็จทั้งในเรื่องของความน่ากลัว และ พล็อตของเรื่องราว ที่ถูกใจชาวโลกเป็นอย่างมากเลยทีเดียว จากความน่าสนใจของเนื้อเรื่อง และ วิธีการเล่าเรื่องรวมถึงวิธีการหักมุมที่ชาญฉลาดนั้น ทำให้ชัตเตอร์กดติดวิญญาณเป็นหนังผีขึ้นทำเนียบความน่ากลัวที่สุดเรื่องหนึ่งของไทย และ เข้าไปอยู่ในทำเนียบหนังผีที่น่ากลัวที่สุดในดวงใจใครหลายคน ทำรายได้ในการฉายไปประมาณ 107 ล้านบาท ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ส ปอย

บทสรุป

สำหรับผู้เขียนแล้วหนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ เป็นหนึ่งในหนังผีในดวงใจตลอดกาลเรื่องหนึ่ง เพราะหนังผีเรื่องนี้ไม่ได้ขายเฉพาะ “ผีตุ้งแช่!” (ผีที่โผล่ออกมาหลอกให้ตกใจแบบไม่ทันตั้งตัว) แต่ในส่วนของเนื้อเรื่อง และปริศนายังมีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ part 1

จนทำให้ต้องคอยลุ้นแบบตัวโก่งไปจนกระทั่งจบเรื่องพร้อมกับความสงสัยว่าเรื่องราวจะจบลงอย่างไรกันแน่!? ดังนั้น ถ้าหากใครยังลังเลใจอยู่ว่าหนังผี ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณน่าดูหรือเปล่า!? อยากบอกเลยว่าไม่ต้องคิดแล้ว แนะนำให้หามาดูรับความหลอนกันเลย รับรองไม่มีผิดหวังกันอย่างแน่นอน…

ชื่อภาพยนตร์ : กดติดวิญญาณ
ประเภท : ผี / สยองขวัญ
ปีที่ฉาย : 2004
IMDb: 7.1/10

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

หนังไทยย้อนยุค สวัสดีครับหนังที่ผมจะมาแนะนำ เป็นหนังผีไทยที่เป็นหนังไทนเก่าอีกเรื่องที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเป็นที่พูดถึง หนังที่ถูกเรียกง่าย ๆ ว่าเป็น “หนังผี” แต่จริง ๆ แล้วผมคิดว่า เป็นหนังที่ผสมผสานกันระหว่างความเป็นหนังสยองขวัญกับหนังรักดราม่า นำเค้าโครงมาจากเรื่องเล่าบนอินเตอร์เน็ต ถ้าคนเรารักจะใกล้จะแต่งงานกัน แต่วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ คนหนึ่งตาย แต่อีกคนหนึ่งอยู่ และ นำดอกไม้ไปวางไว้ ณ จุดที่เธอตาย ผมกำลังพูดถึงหนังเรื่องนี้มีชื่อที่เป็นไทยปนอังกฤษว่า ‘I Miss U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน’ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

ส ปอย หนัง ผมติดตามหนังไทยเรื่อง I Miss You ตั้งแต่ตอนที่เป็น Teaser ซึ่งต้องขอยกขึ้นหิ้งว่าเป็น Teaser หนังไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยหวังในใจลึก ๆ ว่าตัวหนังน่าจะเป็นหนังรักที่ซาบซึ้งมากกว่าหนังผีหลอกหลอนตุ๊งแช่ตามสูตรซึ่งผลก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย เพราะ I Miss You ไม่ใช่หนังผีครับ แต่เป็นหนังรักที่มีเนื้อหาลึกซึ้ง และ เข้มข้นมาก เหมาะสำหรับคนที่ศรัทธาในความรักเต็มหัวใจ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์

ชื่อภาพยนตร์: I Miss U รักฉันอย่าคิดถึงฉัน
ผู้กำกับภาพยนตร์: มณฑล อารยางกูร
ผู้เขียนบทภาพยนตร์:
นักแสดง: เจษฎาภรณ์ ผลดี, ณัฐฐาวีรนุช ทองมี, อภิญญา สกุลเจริญสุข, ทราย – อินทิรา เจริญปุระ

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน ส่วนตัวไม่ได้ติดตามหนังของพี่อ๊อฟ(มลฑล อารยางกูล) อย่างสม่ำเสมอ หรืออีกนัยหนึ่งคือแทบจะไม่ได้ติดตามเลย หนังของพี่อ๊อฟเรื่องสุดท้ายที่ได้ดูต้องนับย้อนกลับไปโน่นเลย “ปักษาวายุ” เมื่อหลายปีมาแล้วซึ่งเป็นหนังแอ๊คชั่น/ไซไฟที่ดูได้แค่พอเพลิน ๆ หลังจากนั้นมาพี่อ๊อฟก็เปลี่ยนทางของตัวเองไปทำหนังผีอีกสองสามเรื่อง และ อย่างที่บอก ข้าพเจ้าไม่ได้ดูหนังผีสองสามเรื่องนั้น

จนกระทั่งหนังเรื่องล่าสุดนี้ซึ่งก็เป็นหนังผีอีกนั่นแหละ “ I Miss You…รักฉันอย่าคิดถึงฉัน เหตุผลก็เนื่องจากหนังตัวอย่างและเรื่องย่อที่ทำให้ต่อมอยากดูทำงานทันที และ เสริมความมั่นใจด้วยความคิดที่ว่า พี่อ๊อฟคืออีกหนึ่งผู้กำกับหนังไทยที่โชกโชนในการทำหนังผีมาค่อนข้างมาก ยังไง ๆ หนังเรื่องล่าสุดนี้จะต้องไม่ขี้ริ้วขี้เหร่หรือเอาแค่ไปวัดไปวาได้คงไม่ใช่เรื่องยากหากว่ากันตามท้องเรื่องที่ไม่ขอบอกใบ้เรื่องย่อ

แต่อยากกล่าวแค่สั้น ๆ ว่า นี่คือหนังที่เป็นส่วนผสมที่กระท่อนกระแท่น และ ขาดความลงตัวระหว่างหนังสยองขวัญกับงานโรแมนติคดราม่า มาพร้อมการเดินเรื่องแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เคล้าคลอไปกับดนตรีเบา ๆ ที่อาจจะทำให้คนอ่อนไหวรู้สึกเหงา และ อินไปกับตัวละคร หมอพันธนา(พี่ติ๊ก)ได้มากขึ้น

พี่ติ๊กทำได้ดีกับการแสดงในมาดของชายผู้ยังโหยหาในรักอมตะที่จากไป ดูเหงา และ โดดเดี่ยวในขณะเดียวกันก็เห็นได้ชัดว่าชายผู้นี้มีปมในใจปิดซ่อนไว้ แบบที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “แข็งนอกอ่อนใน” ควบคู่ไปกับการทำหน้าที่ในฐานะคนรักคือหน้าที่ในฐานะหมอ

บอกตรง ๆ ว่าพี่ติ๊กสอบไม่ผ่านกับการับบทหมอทั้ง ๆ ที่คุณสมบัติทางหน้าตา และ รูปร่างล้วนเอื้อให้พี่ติ๊กรับบทหมอได้อย่างไม่มีใครสงสัย แต่เอาเข้าจริง ๆ เมื่อยู่บนจอพี่ติ๊กกลับขาดราศีของหมออย่างไม่น่าจะเป็น และ ยิ่งฉากในห้องผ่าตัดที่แม้บทหนังจะยัดศัพท์เฉพาะทางลงมามากเท่าไหร่ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อให้หนังดูมีรายละเอียด

แต่เมื่อมันไม่ได้ถูกพ่นออกจากปากหมอจริง ๆ ฉากเหล่านั้นดูเก้ ๆ กัง ๆ และ ไม่น่าเชื่อถือ กับการพยายามใช้ศัพท์สูง(ที่คนดูมากมายคงได้แต่นั่ง งง) ได้อย่างพร่ำเพรื่อโดยไม่จำเป็น

เรื่องย่อ/การดำเนินเรื่อง

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

“บี” แพทย์สาวน้องใหม่ หน้าตาสะสวย เข้ามาทำงานในแผนกศัลยกรรมโรงพยาบาล โดยมี “หมอธนา” เป็นที่ปรึกษา ทำให้เธอได้รับรู้เรื่องราวความรัก ลึกซึ้ง สวยงาม ระหว่างอาจารย์หมอหนุ่มรูปงาม “หมอธนา” กับแพทย์สาวสุดสวย “หมอนก” ที่กลับกลายเป็นความเศร้า เพราะ..อุบัติเหตุได้คร่าชีวิตของ “หมอนก” ไปขณะที่ทั้งคู่กำลังจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกัน

“หมอธนา” กลายเป็นชายหนุ่มผู้มีความสุขอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ แต่ก็ปนไปด้วยความทุกข์ใจเพราะจมอยู่กับความรักความคิดถึงในตัวคนรักที่ตายไป

เรื่องราวความรักความคิดถึงที่สวยงามของ “หมอธนา” ที่มีต่อ “หมอนก” ทำให้ “บี” เผลอใจสงสาร คิดจะช่วยดึงเขาออกมาจากความเจ็บปวด แต่…เธอกลับพบว่า ความรัก ความเจ็บปวด และ ความยึดติดคนรักที่ตายไปของเขา กลับดึงเอาคนรักที่ตายไปของเขามาอยู่ข้างกายเสมอ…

ความกลัวที่ได้เห็นวิญญาณคนรัก ซึ่งตามติดอยู่ข้างกาย “หมอธนา” ความรู้สึกที่ก่อเกิดกับ “หมอธนา” “บี” จะทำอย่างไรต่อไป… เธอจะพัฒนาความสัมพันธ์กับ “หมอธนา” ไหม ทั้ง ๆ ที่เธอกำลังเผชิญกับความยึดติดของเขา และ ที่สำคัญเธอจะยอมเผชิญกับหัวใจของตนเองที่จะยอมเป็นเงาของคนอื่นไหม รักฉันอย่า คิดถึง ฉัน พากย์ไทย

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

เรื่องความสวยคงไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะหมอบีหรือหมอนก ก็สวยด้วยกันทั้งคู่ ดูแล้วเพลินดี (แม้ว่าจะหมอนกจะเป็นผีก็ตาม) ขณะที่ในส่วนของไดอะล็อกคำคม ๆ ก็นับว่ามีอยู่หลายประโยคที่ได้ฟังแล้วก็อึ้ง ๆ อยู่ แต่ฉากแรกที่หมอสองคนเจอกัน ผมว่าคำพูดมันดูขัด ๆ กันอยู่ยังไงไม่รู้อะถ้าเรื่องมุมกล้อง ก็ถือได้ว่า ทำออกมาได้ดี ถ่ายมุมมองน่าสนใจ แต่ก็พบว่าบางฉากหน้านักแสดงค่อนข้างมืดเกินไปทั้งที่ไม่ใช่ฉากที่ผีจะออกมา

สำหรับบทบาทการแสดง ถือได้ว่า นักแสดงหญิงค่อนข้างทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะสายป่าน ขณะที่แขกรับเชิญอย่าง ทราย ก็ทำตัวเป็นสีสันได้อย่างดีทีเดียวถ้าจะพูดถึงหนังผีไทย หลัง ๆ ผมเริ่มไม่ค่อยจะอินอะไรกับผีตุ้งแช่นักแล้ว ได้แต่สนุกกับการลุ้น และ เดาว่า ผีจะมาอีกตอนไหน ตรงหรือไม่ก็เท่านั้น

เรื่องการแต่งหน้าให้ดูน่ากลัวจึงไม่มีผลอะไรนักสิ่งที่สำคัญในการดูหนังผีสำหรับผมจึงกลายเป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือของตัวละคร มูลเหตุจูงใจ และ สิ่งที่ตัวละครกระทำ ถ้ามันเข้ากันไปได้ดีก็ถือว่าน่าพอใจ แต่ถ้ามันดูงง ๆ หรือแรงจูงใจมันดูไม่เข้ากันกับการกระทำ ผมก็คงไม่ประทับใจกับหนังสักเท่าไหร่ และ หนังเรื่องนี้ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ผมยังข้องใจในการเหตุจูงใจ และ การกระทำของผีอยู่ เพราะสิ่งที่เธอบอกว่าต้องการ กับสิ่งที่เธอกระทำนั้นดูไม่ใคร่จะไปด้วยกันนั่นเอง รักฉันอย่าคิดถึงฉัน ตอนจบ pantip

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน

รีวิว รักฉันอย่าคิดถึงฉัน อ๊อฟ-มณฑล อารยางกูร ผู้กำกับออกมาเปิดเผยว่าเนื้อเรื่องส่วนหนึ่งนำมาจากเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้น กับอุบัติเหตุบริเวณถนนเลียบทางด่วนแถวเอกมัย-รามอินทรา ที่มีรถตู้คันหนึ่งพลิกคว่ำ และ มีผู้เสียชีวิต ต่อมาก็ได้มีดอกไม้ช่อหนึ่งมาวางบริเวณที่เกิดเหตุ และ เมื่อนานวันไปดอกไม้เริ่มแห้ง ก็จะมีดอกไม้ช่อใหม่มาเปลี่ยน เป็นอย่างนี้อยู่ซักพัก

จนเป็นเรื่องเล่าในอินเทอร์เน็ตที่ดังมากเมื่อ 5 ปีก่อน อ่านเพิ่มเติมได้จากกระทู้ใน Pantip เรื่องได้นักแสดงที่ผู้คนรู้จักดีมาร่วมงานทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี แสดงเป็นหมอธนา, ณัฐฐาวีรนุช ทองมี แสดงเป็นหมอนก, อภิญญา สกุลเจริญสุข เป็นหมอบี แล้วยังมี ทราย อินทิรา เจริญปุระ รับเชิญมาแสดงเป็นตรีอีกด้วย

ขณะที่การดำเนินเรื่อง เหมือนจะน่าสนใจในช่วงแรก แต่กลับน่าแปลกที่ช่วงหลังเริ่มใส่เพลงเข้ามาบ่อยครั้ง และ ต่อเนื่อง จนดูคล้ายเป็น MV ประกอบหนังไป ขณะที่การสรุปเรื่องก็ค่อนข้างเยิ่นเย้อจนดูเหมือนไม่ค่อยเน้นไปกับจังหวะหนัง รักฉันอย่าคิดถึงฉัน วิเคราะห์

บทสรุป

I Miss You รักฉันอย่าคิดถึงฉัน เป็นหนังรักในบรรยากาศหลอน ที่ซึ้งกินใจ และ แทรกข้อคิดดี ๆ ให้ได้กลับไปนอนคิดที่บ้านว่า ความรักที่แท้จริงแล้ว คืออะไร ? คือการเป็นเจ้าของกัน และ กันคือการบอกว่ารักเธอทั้งหมดของหัวใจ หรือเพราะความรู้สึกผิดบาปจากอดีต หนังไทยคุณภาพเยี่ยม ขอแนะนำแรง ๆ ให้ไปดูกันครับ 8/10 เลยเรื่องนี้ รักฉันอย่าคิดถึงฉัน สปอย