Category Archives: หนังไทยnetflix

รีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

รีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

รีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

ซีรีส์ Youth of May เป็นละครนิยายอิงประวัติศาสต ร์ที่มีฉากหลังเป็นการจลาจลกวางจู youth of may เรื่องจริง ที่เกิดขึ้นในยุค 80 เนื่องจากฉันไม่รู้อะไรมาก เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลี ฉันจะไม่แสดงความคิดเห็นในส่วนนั้น แต่มุ่งเน้นไปที่ตัวละครนําและเรื่องราวของพวกเขาในเรื่อง และในฐานะหนึ่งในผลงานที่ได้รับรางวัลในปี 2021 นี้ Youth of May ควรค่าแก่การชม หนังไทยnetflix เพียงครั้งเดียว ฉันแนะนําสิ่งนี้หากคุณกําลังมองหาละครคุณภาพสูง และต้องการรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลี แต่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมดู เมื่อคุณอยู่ในสภาพจิตใจที่เหมาะสม

รีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

รีวิวซีรีส์ Youth of May ซีรีส์โรแมนติกและดราม่าเกาหลีใต้ 2021

Youth of May เป็นซีรีส์โรแมนติกและดราม่าเกาหลีใต้ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี 2021 ซีรีส์นี้มีเรื่องราวที่ตั้งอยู่ในช่วงเวลาพฤษภาคมในปี 1980 และเน้นเรื่องราวความรักและการปรับตัวของหนุ่มสาวในช่วงยุควัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และภัยคุกคามจากสถานการณ์ทางสังคม และการเมืองที่ยุติธรรมไม่ค่อยมีเท่าไร

ตัวอย่างบทนำของซีรีส์ Youth of May อาจมีส่วนสำคัญที่บอกเกี่ยวกับเนื้อเรื่องหรือตัวละครหลัก แต่ข้อมูลเกี่ยวกับบทนำของซีรีส์นี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงตามความเหมาะสมของผู้สร้างและโปรดิวเซอร์ คุณสามารถ ดูหนังใหม่ บทนำและตัวอย่างของซีรีส์ Youth of May ได้จากหลายแหล่งต่าง ๆ เช่น การโปรโมตทางทีวี หรือการแพร่ภาพโฆษณาออนไลน์ หรือดูทางสตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีสิทธิ์แสดง youth of may พากย์ไทย viu อาจมีคำบรรยายในภาษาต่าง ๆ ให้เลือกตามความต้องการของคุณได้ตามที่เหมาะสมรีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

เรื่องย่อ

youth of may เรื่องย่อ เป็นซีรีส์โรแมนติกและดราม่าที่เล่าเรื่องราวในช่วงวันที่ 3 ถึง 18 พฤษภาคม 1980 ในเมือง Gwangju ของเกาหลีใต้ ในช่วงเวลานี้เกิดเหตุการชุมนุมของประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาลทหาร ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ ติดตาม รีวิวซีรีส์ Racket Boys ได้ที่นี่

เรื่องเล่าถึงความรักและความท้าทายที่เจอกันระหว่าง Lee Soo Chan (รับบทโดย Lee Do Hyun) นักศึกษาแพทย์ที่กลับมาจากเมืองโซลเพื่อเยี่ยมเพื่อนเก่าของเขา May หรือ Kim Myung Hee (รับบทโดย Go Min Si) นักศึกษาที่ฝันถึงการเป็นนักแพทย์ และทุกคนที่กำลังต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขาเชื่อมั่น

เนื้อเรื่องชี้แจงถึงท้องที่ของความรัก ฝัน และความกล้าที่ต้องเผชิญหน้ากับความสับสนและภัยคุกคามที่เกิดขึ้นรอบตัว ในขณะที่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่กำลังจะเกิดขึ้นใน Gwangju กำลังพาพวกเขาไปสู่ทางตายและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยรู้ล่วงหน้า ซีรีส์นี้มีจุดประสงค์ที่จะตอบคำถามว่า เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สูญเสียและความยากลำบากทางชีวิต คุณจะสามารถรักอีกคนได้หรือไม่?

รีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

รีวิวซีรีส์ Youth of May มีหลายข้อดีที่โดดเด่นและทำให้ผู้ชมสนใจ

บทเรียนชีวิตและการเจริญเติบโต ซีรีส์นี้นำเสนอบทเรียนมากมายเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของเจ้าหน้าที่และการพัฒนาตนเองของบทบาทหลัก ทั้งเรื่องความรัก อุปสรรคทางชีวิต และการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่ท้าทาย

บทบาทและการแสดงท่าทีดี นักแสดงใน Youth of May มีความสามารถแสดงอารมณ์และกล้าที่ทำให้ผู้ชมหวานใจ และติดตามเรื่องราวไปกับพวกเขาได้โดยง่าย

บรรยากาศและดนตรี ซีรีส์นี้มีบรรยากาศที่ดีและดนตรีที่สอดคล้องกับเนื้อหา ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกและสร้างความมุ่งมั่นในบทบาทและเหตุการณ์ในซีรีส์ youth of may สนุกไหม

เนื้อเรื่องที่น่าสนใจ เนื้อเรื่องของซีรีส์นี้น่าสนใจและดึงดูด ซึ่งเป็นเรื่องราวของความรักและความท้าทายในช่วงเวลาที่สำคัญของประวัติศาสตร์เกาหลีใต้

การศึกษาประวัติศาสตร์ ซีรีส์นี้มีการผสมผสานระหว่างเรื่องราวส่วนตัวและบรรยากาศประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นจริงในปี 1980 ในเมือง Gwangju ซึ่งสามารถให้ความเข้าใจและความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเกาหลีใต้ในยุคนั้น

รีวิวซีรีส์ Youth of May กาลครั้งนั้น ณ ควังจู | เรื่องราวความรักเหนือกาลเวลา

ซีรีส์ Youth of May อาจมีข้อเสียบางอย่างที่บางคนอาจพบเมื่อชมซีรีส์นี้

ช่วงเวลาและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ บางคนอาจรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาและเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เป็นพื้นหลังของเรื่องนั้นไม่ได้ถูกเสนอในลักษณะที่เจาะจงมากพอ ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกเหมือนว่ายุคนั้นไม่ถูกสืบเสาะอย่างเพียงพอ

ความซับซ้อนของเรื่องราว บางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมีความซับซ้อนมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมต้องติดตามโครงเรื่องอย่างรอบคอบเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องอย่างถูกต้อง

รายละเอียดทางเทคนิค บางคนอาจรู้สึกว่ามีรายละเอียดทางเทคนิคที่ไม่ค่อยเหมาะสมหรือไม่จำเป็นในบางส่วนของเรื่อง อาจทำให้เกิดความสับสนหรือขัดข้องในการติดตามเนื้อเรื่อง

ความสะเพร่า สำหรับบางคนที่มองหาซีรีส์ที่มีความสนุกสนานและเบาบางมากกว่านี้ อาจรู้สึกว่า “Youth of May” มีความสะเพร่าหรือน่าเบื่อบ้าง

ตอนจบ บางคนอาจรู้สึกว่าวิธีที่เรื่องจบไม่ได้นำเสนอความสิ้นสุดที่ชัดเจนหรือเคร่งครัดตามคาดหวัง ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกไม่ได้รับความพึงพอใจจากการจบของเนื้อเรื่อง

การรับรู้ข้อเสียของซีรีส์นั้นขึ้นอยู่กับรสนิยมและความคาดหวังของแต่ละบุคคล และมีความแตกต่างอาจเป็นไปได้ว่าบางคนอาจรู้สึกดีกับซีรีส์นี้ในขณะที่คนอื่นอาจไม่ค่อยรับรู้คุณค่าเดียวกันตามที่คาดหวังไว้ได้

รีวิวซีรีส์ Youth of May นักแสดงหลักในซีรีส์ รวมถึงบทบาทของพวกเขา

  • Lee Do Hyun เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น Lee Soo Chan หนุ่มนักศึกษาแพทย์ที่กลับมาจากเมืองโซลเพื่อเยี่ยมเพื่อนเก่าของเขา ตัวละครหลักที่มีเรื่องราวความรักกับ May (Kim Myung Hee) และเผชิญกับท้าทายในช่วงวิกฤตการเมืองในปี 1980
  • Go Min Si รับบทเป็น Kim Myung Hee (May) นักศึกษาที่ฝันถึงการเป็นนักแพทย์ และเป็นหนึ่งในตัวละครหลักที่เกี่ยวข้องกับความรักและการปรับตัวในช่วงยุคที่ยุติธรรมไม่ค่อยมีเท่าไร
  • Lee Sang Yi รับบทเป็น Lee Soo Chan (ย้อนเวลา) หนุ่มนักศึกษาแพทย์ที่มีความสัมพันธ์กับ Myung Hee (May) ในช่วงวิกฤตการเมืองปี 1980
  • Keum Sae Rok รับบทเป็น Lee Soo Chan (ปัจจุบัน) นักศึกษาแพทย์ที่กลับมาจากต่างประเทศและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
  • Oh Man Seok รับบทเป็น Han Tae Soo พ่อของ Myung Hee (May) และเป็นทนายความชื่อดังใน Gwangju
  • Hwang Young Hee รับบทเป็น Kim Hee Tae น้องสาวของ Myung Hee (May) ที่เป็นสมาชิกในกลุ่มนักกวีและเจ้าของร้านหนังสือ
  • Song Young Kyu รับบทเป็น Kim Kyung Tae มีบทเป็นนักข่าวที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของ Gwangju
  • Shim Yi Young รับบทเป็น Kang Hye Ja แม่ของ Myung Hee (May) ที่รักลูกสาวและไว้วางใจในสิ่งที่เธอทำ
  • Uhm Hyo Sup รับบทเป็น Kim Chil Bong สามีของ Kang Hye Ja และเป็นคนที่ไว้วางใจและรักครอบครัว
  • Jung Woo Jin รับบทเป็น Park Seok Tae นักศึกษาแพทย์และเพื่อนสนิทของ Lee Soo Chan (ย้อนเวลา)

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรองและนักแสดงรับบทบทรองที่เข้าร่วมในซีรีส์ Youth of May อีกมาก ซึ่งบรรจุถึงบทบาทของเพื่อนร่วมชั้นเรียน ครอบครัว และบทบาทท่าทางหลากหลายที่เพิ่มความน่าสนใจในเรื่องราวนี้

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

  • ซีรีส์เรื่อง Youth of May / ในความทรงจำที่ควังจู / กาลครั้งนั้น ณ ควังจู / 오월의 청춘
  • ผู้กำกับการแสดง Song Min Yeop/ซงมินยอบ (เจ้าของผลงานซีรีส์เรื่อง Doctor Prisoner )
  • ผู้เขียนบท Lee Kang/อีคัง (เจ้าของผลงานซีรีส์เรื่อง Spy )
  • นักแสดง Lee Do Hyun/อีโดฮยอน, Go Min Si/โกมินซี, Lee Sang Yi/อีซังอี, Keum Sae Rok/กึมแซรก, Oh Man Seok/โอมันซอก
  • แนว/ประเภท Drama, History, Romance
  • จำนวนตอน ซีซัน 1 จำนวน 12 ตอน
  • ช่องทางรับชม Viu, Netflix
  • ช่วงเวลาเริ่มออกอากาศ May 3 – June 8, 2021
  • สังกัด/ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ KBS

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

สวัสดีครับแฟน ๆ ที่รักหนังกีฬาทุกคน วันนี้เราจะพาทุกคนมา ดูหนังใหม่ เรื่อง Racket Boys (แร็กเก็ต บอยส์) เป็น ซี รี ย์ เกาหลี เกี่ยวกับ แบดมินตัน แนวดราม่า และกีฬา เนื้อหาของซีรีส์ Racket Boys มุ่งเน้นเรื่องราวของนักกีฬาบาดมินตันที่มีปัญหา และประสบการณ์ของนักกีฬาเยาวชนที่พยายามต่อสู้เพื่อคว้าแชมป์ในการแข่งขันบาดมินตัน. นอกจากนี้ยังมีความสนุก และความอดทนของผู้เล่นที่ต้องผ่านการฝึกฝน และปรับตัวในสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุดในการแข่งขัน ซีรีส์นี้เน้นการสร้างสรรค์ตัวละครที่น่ารัก และสนุกสนาน, นำโดยตัวละครหลักคือ ลียูคึง, ฮันฮยอนจี, โซลบิน, และนักกีฬาบาดมินตันชาย และหญิงอื่นๆ ที่เป็นมิตรกันในทีม. รวมถึงครูฝึกสอนที่มีบทบาทสำคัญในการเสนอคำแนะนำ และช่วยเสริมกำลังใจให้แก่นักกีฬาในทีม เรื่องราวจะสนุก และน่าติดตามแค่ไหน อย่าลืมไปรับชมกันเยอะ ๆ นะครับ

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

รีวิวซีรีส์ Racket Boys ซีรีส์เกาหลีใต้ แนวดราม่า และกีฬาบาดมินตัน

รีวิวซีรีส์ Racket Boys หรือ แร็กเก็ต บอยส์ คือ ซีรีส์โทรทัศน์เกาหลีใต้ที่เป็นละครสมาคมแนวดราม่า และกีฬาบาดมินตัน ซีรีส์นี้มีจำนวนตอนทั้งหมด 16 ตอน และออกอากาศครั้งแรก Fantasy Boy EP2 ซับไทย ในช่วงเวลา 10 พฤศจิกายน 2021 ถึง 30 ธันวาคม 2021 บนช่อง SBS

ซีรีส์ Racket Boys นอกจากจะเป็นการเล่าเรื่องของการแข่งขันกีฬา ยังสะท้อนเรื่องราวของการเติบโต และเรียนรู้ของนักกีฬาในวัยรุ่น โดยมีการผสมผสานของความฮา และความเข้มข้นในเรื่องราวทั้งหมด ติดตาม รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) ได้ที่นี่

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

เรื่องย่อซีรีส์ Racket Boys

Racket boy เรื่องย่อ เป็นซีรีส์โทรทัศน์เกาหลีใต้ที่เล่าเรื่องราวของนักกีฬาเบ็ดบินตัน ที่มีปัญหา และประสบการณ์ของนักกีฬาเยาวชนที่พยายามต่อสู้เพื่อคว้าแชมป์ในการแข่งขันเบ็ดบินตัน นอกจากนี้ยังมีความสนุก และความอดทนของผู้เล่นที่ต้องผ่านการฝึกฝน และปรับตัวในสถานการณ์ที่ท้าทายที่สุดในการแข่งขัน

เนื้อเรื่องเริ่มต้นเมื่อทีมเบ็ดบินตันชื่อดังจากโรงเรียนแห่งหนึ่งถูกยุติ และต้องย้ายมาเรียนที่โรงเรียนน้ำตกดวงใจ ที่เป็นโรงเรียนเล็ก ๆ ที่ไม่มีทีมเบ็ดบินตัน นักกีฬาเบ็ดบินตันจากโรงเรียนเก่าต้องปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ และต้องร่วมมือกันสร้างทีมเบ็ดบินตันใหม่ที่จะต่อสู้ในการแข่งขัน

เซ็ตอยู่ในภูมิปัญญาของชุมชนที่ร่วมกันเพื่อสร้างทีมเบ็ดบินตันแข็งแกร่ง นำโดย ลียูคึง, ฮันฮยอนจี, โซลบิน และนักกีฬาเบ็ดบินตันชาย หญิงอื่น ๆ พวกเขาต้องเผชิญกับท้ายทาง และความท้าทายทั้งในแง่กีฬา และชีวิตประจำวันของพวกเขาในช่วงวัยรุ่น.

นอกจากความสนุก และตื่นเต้นของการแข่งขันกีฬา ซีรีส์ยังสะท้อนถึงความเป็นมาของ หนังไทยnetflix ผู้เล่นและการเติบโตทางส่วนตัว รวมถึงความรัก และมิตรภาพที่เสริมกำลังใจในการทำงานร่วมกัน

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

รีวิวซีรีส์ Racket Boys ข้อดีที่ทำให้ซีรีส์นี้น่าสนใจ และได้รับความนิยมจากผู้ชม

เรื่องราวน่าสนใจและ ดูหนัง ออนไลน์ Racket Boys ได้ทั้งครอบครัว เนื้อหาของ Racket Boys เน้นเรื่องราวของการแข่งขันกีฬา และการเติบโตของนักกีฬาในวัยรุ่น ทำให้เป็นซีรีส์ที่เหมาะกับทั้งครอบครัว และผู้ชมทั่วไป ตัวละครน่ารักและน่ารัก ตัวละครใน Racket Boys มีเสน่ห์และน่ารัก และมีความเป็นมิตรภาพที่น่ารักทำให้ผู้ชมหลงใหลในตัวละคร และเรื่องราวที่พวกเขาเป็นส่วนหนึ่ง

การเล่าเรื่องที่ดี ซีรีส์นี้มีการเล่าเรื่องที่ดี และยังคงเน้นการพัฒนาตัวละครอย่างมีความสมดุล โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตทางอารมณ์ และการเรียนรู้ของตัวละคร การสะท้อนชีวิตวัยรุ่น การแสดงถึงทั้งความอดทน และความท้าทายที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตวัยรุ่น โดยทำให้ผู้ชมได้เห็น และเข้าใจประสบการณ์ของนักกีฬาในวัยเยาวชน ภูมิปัญญาและความเป็นมา การสร้างตัวละคร และเรื่องราวในบริบทของภูมิปัญญา และการเป็นมาของชุมชนทำให้เรื่องราวมีความน่าสนใจและหลากหลาย

ทรัพย์สมบัติการฝึกฝน ซีรีส์นี้นำเสนอการฝึกฝน และการแข่งขันในกีฬาเบ็ดบินตันอย่างสมจริงจัง ทำให้ผู้ชมได้พบกับความหนัก และความพยายามที่นักกีฬาต้องใช้ในการเตรียมตัวและแข่งขัน ด้วยความน่าสนใจและเนื้อหาที่มีคุณภาพ ซีรีส์ Racket Boys ได้รับความนิยม และความรักจากผู้ชมทั่วโลก

รีวิวซีรีส์ Racket Boys แร็กเก็ต บอยส์ | การเติบโตของเด็กชายและเด็กหญิง

มีความนิยมและคุณค่ามากมาย แต่ก็อาจมีข้อเสียบางอย่างที่บางคนอาจพบเมื่อชมซีรีส์ Racket Boys

เนื้อหาสามารถทำนานได้ ซีรีส์นี้มีจำนวนตอนทั้งหมด 16 ตอน ซึ่งอาจทำให้เรื่องราวดูยาวนานสำหรับบางคน บางคนอาจรู้สึกว่ามีช่วงเนื้อหาที่เหมือนซ้ำซากในบางครั้ง ความต้องการในการเข้าใจกีฬาบาดมินตัน ถ้าคุณไม่เคยมีความรู้หรือความสนใจในกีฬาเบ็ดบินตันมาก่อน อาจจะมีบางส่วนของซีรีส์ที่คุณไม่เข้าใจหรือรู้สึกว่าซับไตเติลสอบสองข้างอาจทำให้สับสน

เนื้อหาอาจรู้สึกเรื่องราวโรแมนติกน้อย ซีรีส์นี้เน้นที่เรื่องราวของกีฬา และการเติบโตของนักกีฬาในวัยรุ่นมากกว่าเรื่องราวโรแมนติก ซึ่งอาจไม่เป็นที่นิยมสำหรับบางคนที่หวังจะดูเรื่องราวโรแมนติกมากกว่านี้ อาจมีฉากที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก มีบางฉากที่มีความรุนแรงหรือฉากที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก ดังนั้นผู้ปกครองควรตรวจสอบความเหมาะสมของเนื้อหากบรรยากาศในครอบครัว

เนื้อหามีภาษาเกาหลีและคำบรรยาย ถ้าคุณไม่รู้จักภาษาเกาหลี คุณจะต้องใช้คำบรรยายภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นเพื่อเข้าใจเนื้อหา ซึ่งอาจส่งผลให้สูญเสียบางส่วนของการสื่อสาร และรายละเอียดในเนื้อหา นั้นเป็นข้อเสียบางอย่างของซีรีส์ Racket Boys แต่ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องบุคคล และอาจจะไม่มีผลต่อความสนุกของคุณหรือความถนัดของคุณในการชมซีรีส์นี้

รีวิวซีรีส์ Racket Boys นักแสดงในซีรีส์

นักแสดงที่ร่วมแสดงในซีรีส์ Racket Boys ได้แก่

  • โอ นารา (Oh Na ra) เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น ฮันฮยอนจี ครูฝึกสอนทีมเบ็ดบินตันที่มีประสบการณ์และเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬาในทีม
  • คิม ซังคยอง (Kim Sang kyung) เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น ยูดองซอ ครูฝึกสอนทีมเบ็ดบินตันที่เคยเป็นนักกีฬาเบ็ดบินตันมืออาชีพ
  • ชเว ฮย็อนอุก (Choi Hyun wook) เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น โซลบิน นักกีฬาเบ็ดบินตันหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นแชมป์และต้องเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขัน
  • ทัง จุนซัง (Tang Jun sang) เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น ลียูคึง นักกีฬาเบ็ดบินตันที่มาจากโรงเรียนเก่าและเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งทีมใหม่
  • ยุน ฮยอนจี (Hyun Ji yoon) เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น แฮริน นักกีฬาเบ็ดบินตันหญิงที่มีความอยากชนะและประสบการณ์ที่หลากหลาย
  • ซอน ซังยอน (Son Sang yeon) เป็นนักแสดงที่รับบทเป็น แซมชูน นักกีฬาเบ็ดบินตันที่มีความพยายามและมุ่งมั่นในการทำให้ทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จ

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างเนื้อหาน่าสนใจและนำเสนอความสามารถแสดงที่ดีในซีรีส์ Racket Boys

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

  • ชื่อซีรีส์ Racket Boys / แร็กเก็ต บอยส์ / Racketsonyeondan / 라켓소년단
  • ผู้กำกับ Jo Young Gwang/โจยองกวัง (เจ้าของผลงานการกำกับซีรีส์ Heart Surgeons และ Defendant)
  • ผู้เขียนบท Jung Bo Hoon/จองโบฮุน (เจ้าของผลงานการเขียนบทซีรีส์ Prison Playbook)
  • นักแสดง คิม ซัง คยอง (Kim Sang kyung), ทัง จุน ซัง (Tang Jun sang), ซอน ซัง ยอน (Son Sang yeon), ชเว ฮย็อน อุก (Choi Hyun wook), โอ นา รา (Oh Na ra), ลี แจ อิน (Lee Jae In)
  • แนว/ประเภท Drama, Sports, Comedy
  • ประเทศ เกาหลีใต้
  • ซีซั่น1 16 ตอน
  • ช่องทางรับชม Netflix
  • ช่วงเวลาเริ่มออกอากาศ ออกอากาศในเกาหลีใต้ May 31 – July 20, 2021
  • สังกัด/ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ SBS

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) – หลุมดําลึกลับที่ปรากฏอยู่กลางป่า

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) - หลุมดําลึกลับที่ปรากฏอยู่กลางป่า

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) – หลุมดําลึกลับที่ปรากฏอยู่กลางป่า

สวัสดีคอ หนังไทยnetflix ทุกคนทุกท่านนะครับ วันนี้เราจะพาพวกคุณไปติดตาม Dark Hole Netflix ซีรีส์เกาหลี ปี 2021 เรื่องนึง ที่ส่วนตัวแล้วผู้เขียนชอบมาก ๆ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงนัก Dark Hole (2021) เป็นซีรี่ย์แนวแอ็คชั่น ลึกลับ ไซไฟ ผลงานจากสังกัต ผู้ผลิต OCN ที่ก็ไม่ค่อยมีใครรู้จักอีกนั่นแหละ 5555 โดยซีรี่ย์จะกล่าวถึง ในเมืองเล็ก ๆ ของ Mujishi ชาวบ้านเริ่มเปลี่ยนทีละคนเป็นสัตว์ประหลาดหลังจากสูดดมควันดําแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะมาจากหลุมขนาดใหญ่กลางพื้นดินในป่า อย่างไรก็ตามนักสืบ Hwa Sun สามารถต่อสู้กลับได้แม้ว่าเธอจะติดเชื้อก็ตาม และเธอพากลุ่มผู้รอดชีวิตที่ดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดท่ามกลางเหตุการณ์บ้าคลั่งเหล่านั้น เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป สามารถไปติดตาม ซีรีส์ Dark Hole (2021) ก่อนใครได้แล้ววันนี้ ที่ ดูหนังใหม่

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) - หลุมดําลึกลับที่ปรากฏอยู่กลางป่า

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) แฟนตาซีสยองขวัญ ปี 2021 ที่คุณไม่ควรพลาด

เรื่อง Dark Hole คือซีรีส์โทรทัศน์เรื่องเข้มข้นแนวสยองขวัญ และวิทยาศาสตร์ปริศนาจากประเทศเกาหลีใต้ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี 2021 นี่คือบทนำเกี่ยวกับซีรีส์ Dark Hole

Dark Hole (2021) เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากการระเบิดในทำเนียบที่เป็นตึกที่มีความลับเป็นอย่างมาก การระเบิดนี้ทำให้พื้นที่รอบตัวเต็มไปด้วย Dark Hole ซึ่งเป็นช่องโหว่ทางอากาศที่น่าสงสัยและอันตราย เมื่อคนที่ได้รับผลกระทบจาก Dark Hole ทำให้พลิกผันเป็นมนุษย์ล่าคนกลางคืนที่อยากล่าฆ่าผู้อื่นเพื่อรับพลังชีวิตและเพิ่มพลัง

เรื่องราวนำเสนอตำนานของกลุ่มคนที่ต้องทำทุกท่ามีชีวิตตามหลุมมืดเพื่อพยายามรอดตายในมัน ภายในซีรีส์นี้มีฉากที่ระทึกขวัญ และการต่อสู้เพื่อความรอดชีวิต และนำเสนอเรื่องราวที่ต้องเผชิญกับความสามารถเหนือธรรมชาติของมนุษย์ต่อต้านสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นธีมหลักที่น่าสนใจในซีรีส์นี้ หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับซีรีส์ Dark Hole

เรื่องย่อ

เรื่อง Dark Hole เป็นซีรีส์โทรทัศน์เรื่องลึกลับแนวดราม่า และสยองขวัญจากประเทศเกาหลีใต้ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี 2021 นี่คือ Dark Hole เรื่องย่อ ของซีรีส์

เรื่องเริ่มต้นเมื่อเมืองในเขตหนึ่งถูกระเบิดโดยระเบิดทำลายตึกที่เป็นความลับ ภายหลังการระเบิดนี้เกิด Dark Hole ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดปัญหา และอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ คนที่ได้รับผลกระทบจาก Dark Hole จะกลายเป็นมนุษย์ล่าคนกลางคืนที่อยากล่าฆ่าผู้อื่นเพื่อรับพลังชีวิต นับตั้งแต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น กลุ่มคนที่รอดชีวิตต้องเผชิญหน้ากับความผิดปกติ และภัยที่เกิดขึ้นในเมือง พวกเขาต้องทำทุกท่ามีชีวิตเพื่อรอดจากมนุษย์ล่าที่ก่อให้เกิดความหวาดระแวง และเชื่อมต่อกันเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหานี้ Dark Hole เป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นเต็มไปด้วยความลึกลับ และสังเวียนเรื่อง ท้าทายการเผชิญหน้ากับภัยที่มีต่อชีวิต และการค้นหาเส้นทางในการรอดตามเงื่อนไขที่เปลี่ยนไปของโลกที่ถูกทิ้งร้าง

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) - หลุมดําลึกลับที่ปรากฏอยู่กลางป่า

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) ความรู้สึกหลังรับชม

Dark Hole เป็นซีรีส์ที่มีหลายข้อดีที่ทำให้ผู้ชมทึ่งใจ และน่าสนใจ นี่คือบางข้อดีของซีรีส์ Dark Hol ความลึกลับและน่าสยองขวัญ Dark Hole นำเสนอบรรยากาศที่มืดมน และสยองขวัญในแบบฉบับที่น่าตื่นเต้น การแสดงผลและบรรยากาศที่เข้มข้นช่วยในการสร้างความลึกลับ และระทึกขวัญให้กับผู้ชม ภาพลวงตาและมุมมองท้าทาย การใช้ภาพลวงตา และมุมมองที่น่าสนใจทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่ตื่นเต้น และน่าตื่นตาตื่นใจจากความเฉียบของสถานการณ์และตัวละคร การแสดงและภาพยนตร์ การแสดงของนักแสดง และผลงานภาพยนตร์มีคุณภาพสูง ทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์การดูที่ดีทั้งในเรื่องราว และมุมมองทางสถานการณ์

สิ่งที่ประทับใจที่สุดในซีรีส์ Dark Hole (2021)

ภาพสีและฉากทำลายหลายมิติ การใช้ภาพสีและฉากทำลายทำให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่คาดไม่ถึง และเป็นการนำเสนอโลกที่ไร้ลำแสงและไร้ลำเอียง การพัฒนาตัวละคร ซีรีส์นี้นำเสนอการพัฒนาตัวละครที่น่าสนใจ โดยเฉพาะตัวละครหลักที่ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย และเหตุการณ์เกิดขึ้น แนวคิดที่น่าสนใจ การนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเผชิญหน้ากับความลึกลับ และสิ่งผิดปกติทางวิทยาศาสตร์ทำให้ผู้ชมติดตามเรื่องราวอย่างตั้งใจ รวมถึงนี้ Dark Hole มีจุดเด่นในด้านภาพลวงตา และการสร้างบรรยากาศที่สยองขวัญที่สามารถดึงดูดผู้ชมให้ติดตาม ดู Dark Hole หมอกปริศนา ลา กลายพันธุ์ พากย์ไทย ได้อย่างมีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้น

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) - หลุมดําลึกลับที่ปรากฏอยู่กลางป่า

สิ่งที่ผู้ชมหลาย ๆ คนไม่ชอบในซีรีส์ Dark Hole (2021)

เช่นเดียวกับซีรีส์อื่น ๆ ซีรีส์ Dark Hole ก็อาจมีข้อเสียบางประการที่อาจทำให้บางคนไม่ค่อยพึงพอใจ นี่คือบางข้อเสียที่อาจเจอในซีรีส์นี้ความซับซ้อน ซีรีส์นี้อาจมีกระแสเนื้อเรื่องที่ซับซ้อน และซับซ้อนมากเกินไปสำหรับบางคนที่ต้องการเรื่องราวที่ง่าย และสะดวกต่อการติดตาม ความรุนแรงและความเกรี้ยวกราด Dark Hole เน้นที่ความมืดและความสยองขวัญทำให้ซีรีส์นี้มีฉากที่รุนแรง และเกรี้ยวกราดมากๆ ซึ่งอาจไม่เหมาะสำหรับบางคนที่ไม่ชอบเนื้อเรื่องที่มีระดับความรุนแรงสูง

ฉากสยองขวัญมากเกินไป จนสามารถคาดเดาเนื้อเรื่องต่อไปได้

การใช้ฉากสยองขวัญเป็นหลัก ซีรีส์นี้อาจใช้ฉากที่สยองขวัญเป็นหลักมากเกินไปซึ่งอาจทำให้กลายเป็นลักษณะที่สามารถคาดการณ์ได้ และสูญเสียความน่าสนใจ นิยามของตัวละครที่ไม่ชัดเจน บางครั้งอาจมีความสับสนในการนำเสนอตัวละครหรือตัวละครที่ไม่ได้ถูกนิยามอย่างชัดเจน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น การเร่งรีบของเนื้อเรื่อง บางคนอาจรู้สึกว่าบางส่วนของเนื้อเรื่องถูกเร่งรีบหรือไม่ได้ถูกพัฒนาอย่างละเอียด ทำให้บางสถานการณ์ดูไม่น่าเชื่อถือ ข้อเสียเหล่านี้อาจทำให้บางคนไม่ค่อยพึงพอใจกับซีรีส์ Dark Hole แต่ก็ขึ้นอยู่กับรสนิยม และความสนใจของแต่ละบุคคลด้วยกันด้วย

รีวิวซีรีส์ Dark Hole (2021) แนะนำนักแสดง

นี้คือบางนักแสดงหลักที่มีบทบาทสำคัญในซีรีส์ Dark Hole

  • อี จุน ฮย็อก (Lee Joon hyuk) เป็นนักแสดงชายชื่อดังที่รับบทเป็น Yoo Tae han ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจที่ต้องเผชิญหน้ากับความหวาดระแวงจากมนุษย์ล่าที่กลายเป็นผู้มีพลังพิเศษจาก Dark Hole
  • คิม อก บิน (Kim Ok vin) เป็นนักแสดงหญิงที่รับบทเป็น Lee Hwa sun ซึ่งเป็นหนึ่งในตำรวจที่รับผลกระทบจาก Dark Hole และมีพลังพิเศษ
  • อิม วอน ฮี ((Lim Won hee) เป็นนักแสดงชายที่รับบทเป็น Park Soon il ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ศึกษาเกี่ยวกับการวิจัยเกี่ยวกับ Dark Hole
  • ซอน บยอง โฮ (Son Byung ho) เป็นนักแสดงชายที่รับบทเป็น Jung Han soo ซึ่งเป็นนักการเมืองและเป็นผู้มีอำนาจในพื้นที่ที่ถูกกระทบจาก Dark Hole
  • ยุน จุง ฮุน (Yoon Jung hoon) เป็นนักแสดงชายที่รับบทเป็น Soo ho ซึ่งเป็นช่างซ่อมแซมรถยนต์ และเป็นผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์ Dark Hole
  • อิม วอน ฮี (Im Won hee) เป็นนักแสดงชายที่รับบทเป็น Park Soon il ซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับ Dark Hole

นักแสดงทุกคนมีบทบาทสำคัญในการนำเสนอเนื้อเรื่องและพัฒนาตัวละครในซีรีส์ Dark Hole ซึ่งช่วยให้เรื่องราวน่าตื่นเต้นและน่าสนใจสำหรับผู้ชม

นักแสดงใน ซีรีส์ Dark Hole (2021)

ข้อมูลที่เกี่ยข้องอื่นๆ

ซีรีส์เรื่อง Dark Hole / 다크홀
ผู้กำกับการแสดง คิม บง จู (Kim Bong Joo) (เจ้าของผลงานหนังเรื่อง ‘The Phone’)
ผู้เขียนบท จอง อี โด (Jung Yi Do) (เจ้าของผลงาน Strangers From Hell, Item และ Save Me)
นักแสดง คิม อ๊ก บิน (Kim Ok Vin), อี จุน ฮยอก (Lee Joon Hyuk), อิม วอน ฮี (Lim Won Hee),
แนว/ประเภท แอคชัน, ทริลเลอร์, ลึกลับ, ไซไฟ
จำนวนตอน ซีซัน 1 จำนวน 12 ตอน
ช่องทางรับชม Viu, WeTV
ช่วงเวลาเริ่มออกอากาศ 30 April 2021 – 5 June 2021
สังกัด/ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ OCN

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

ซีรีส์ผจญภัยสยองขวัญเหนือธรรมชาติเรื่องใหม่ของ Netflix เรื่อง The Irregulars สร้างจากตัวละคร Baker Street Irregulars จากนวนิยาย Sherlock Holmes ของ Sir Arthur Conan Doyle The Irregulars เป็นโลกที่สดใหม่และน่าเกรงขามของ Sherlock Holmes เรื่องราวเกิดขึ้นใน London ยุควิคตอเรียน ติดตามแก๊งวัยรุ่นข้างถนน ที่มีปัญหาซึ่งถูกจัดการเพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรม สําหรับหมอวัตสันผู้ชั่วร้ายและหุ้นส่วนทางธุรกิจลึกลับ สามารถไปติดตามหนังเต็ม ๆ ได้แล้ววันนี้ที่ ดูหนังใหม่

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา

ซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซี แห่งปี 2021

เรื่อง The Irregulars หรือ แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา คือ ซีรีส์แนวดราม่าและแฟนตาซีชุดใหม่ที่ออกอากาศครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2021 บน Netflix Original ซีรีส์นี้ถูกสร้างขึ้นโดย Tom Bidwell และสร้างมาจากตัวละครที่สร้างโดย Sir Arthur Conan Doyle ที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะ Sherlock Holmes โดยส่วนใหญ่ ซีรีส์นี้มีเรื่องราวในช่วงทศวรรษที่ 19 ในลอนดอน และเน้นไปที่กลุ่มของคนหนุ่มสาวที่ถูกเรียกว่า The Irregulars ซึ่งเป็นกลุ่มของเยาวชนจากชนเผ่าต่างๆ ที่มีฝีมือพิเศษและถูกจ้างโดยด็อกเตอร์จอน Watson และ Sherlock Holmes เพื่อช่วยในการแก้ไขคดีลับและเหตุการณ์ลึกลับในลอนดอน ในเรื่องราวนี้ The Irregulars จะพบกับปราการของเวทมนตร์และสถานการณ์ลึกลับที่อาจมีผลกระทบให้โลกเปลี่ยนแปลงได้

Irene Adler และ Prince Leopold

นอกจากนี้ซีรีส์นี้ยังนำเสนอตัวละครที่น่าสนใจอย่าง Irene Adler และ Prince Leopold ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องราว นอกจากนี้ยังมีฉากจาก Sherlock Holmes และด็อกเตอร์จอน Watson ซึ่งกลายเป็นตัวละครสำคัญของเรื่องในบางส่วน The Irregulars เป็นซีรีส์ที่ผสมผสานความระทมโทรมและสยองขวัญในบรรยากาศของลอนดอนในสมัยที่ยังคงมีความลึกลับและสังเวียนของเวทมนตร์ ถ้าคุณชื่นชอบเรื่องราวของ Sherlock Holmes และเรื่องราวที่มีสไตล์นี้อาจจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคุณในการรับชมซีรีส์ หนังไทยnetflix นี้ครับ

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

เรื่องย่อ

The irregulars 2021 เป็นซีรีส์แฟนตาซีและดราม่าที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นในลอนดอนในทศวรรษที่ 19 โดยเน้นไปที่กลุ่มเยาวชนที่ถูกเรียกว่า The Irregulars ซึ่งคือคนหนุ่มสาวที่ถูกจ้างโดยด็อกเตอร์จอน Watson และ Sherlock Holmes เพื่อช่วยในการแก้คดีลับและเหตุการณ์ลึกลับในเมืองลอนดอน เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ The Irregulars ได้รับมอบหมายให้แก้คดีลับหลายราย เหตุการณ์ลึกลับนี้ที่เกิดขึ้นในเมืองมีลักษณะผูกพันกับเวทมนตร์และกำลังของความมืดที่น่าสยองขวัญ ในระหว่างการแก้ไขคดี เขาต้องเผชิญกับมอนสเตอร์ที่น่าสยองขวัญและเหตุการณ์ลึกลับที่เกิดขึ้นในที่เมือง

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา

The Irregulars มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ซีรีส์นี้มีนวัตกรรมในการนำเรื่องเล่าของ Sherlock Holmes มาปรับให้เข้ากับแนวนิยายเหนือธรรมดา โดยผสมเวทมนตร์ สยองขวัญ และความลึกลับอย่างลงตัว ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสประสบการณ์ที่ต่างและน่าติดตาม ตัวละครที่เป็นมิตรและน่ารัก นอกจาก Sherlock Holmes และด็อกเตอร์จอน Watson ซีรีส์นี้ยังมีตัวละคร The Irregulars ที่มีบทบาทที่น่าสนใจ ซึ่งมีบทบาทที่ทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นเพื่อนสนิทและรู้สึกใกล้ชิด

ความหลากหลายที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจ

ความหลากหลายในเรื่องราว ซีรีส์นี้มีความหลากหลายในเรื่องราวที่ผสมผสานระหว่างสงคราม ความลึกลับ แฟนตาซี และเวทมนตร์ ทำให้ไม่มีความเบื่อในการติดตามเนื้อเรื่อง ฉากตั้งแต่บรรยากาศ ซีรีส์นี้สร้างบรรยากาศที่มืดมิดและลึกลับของลอนดอนในทศวรรษที่ 19 ได้ดีมาก ซึ่งช่วยให้ผู้ชมต้องสัมผัสถึงความน่าสนใจและเกิดความตื่นเต้น

Sherlock Holmes และด็อกเตอร์จอน Watson

การแปลงตัวละครที่น่าสนใจ การนำเสนอ Sherlock Holmes และด็อกเตอร์จอน Watson ในมุมมองและบทบาทที่แตกต่างจากเรื่องเดิมทำให้ผู้ชมได้เห็นเส้นทางใหม่ของตัวละครที่คุ้นเคย โดยรวมแล้ว The Irregulars เป็นซีรีส์ที่น่าสนใจที่มีเนื้อหาที่หลากหลายและเสนอตัวละครที่น่ารักและน่าสนใจในบรรยากาศของลอนดอนในทศวรรษที่ 19 ที่ผสมผสานแนวนิยายและเวทมนตร์อย่างลงตัว

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา | แก๊งนักสืบจิ๋วแห่งลอนดอน

สิ่งที่ไม่ชอบใน The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา

เนื่องจากข้อมูลถึงซีรีส์ The Irregulars นี้ถูกจำกัดถึงปี 2021 ดังนั้นจึงยังไม่ทราบข้อเสียล่าสุดหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นต่อจากซีรีส์นี้ในปีหลังนั้น อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่เป็นไปได้สามารถมีดังนี้ความซับซ้อนและความยากในการติดตามเนื้อเรื่อง บางคนอาจพบว่าเนื้อเรื่องมีความซับซ้อนและวุ่นวายมากเกินไป ทำให้ลำบากในการติดตามเนื้อเรื่องหรือคำนวณเหตุการณ์บางอย่าง การนำเสนอตัวละครหลายคนทำให้เข้าใจลำบาก ซีรีส์นี้มีจำนวนตัวละครที่มากมายและมีพล็อตประกอบหลายเรื่อง นี้อาจทำให้บางคนเข้าใจลำบากว่าตัวละครใครเป็นใครและบทบาทของแต่ละคนคืออะไร

ความรู้สึกหลังรับชม

ความแตกต่างจากรากฐาน สำหรับบางคนที่เป็นแฟน Sherlock Holmes อาจรู้สึกว่าการนำเสนอตัวละครหรือเนื้อเรื่องในมุมที่แตกต่างนั้นไม่สอดคล้องกับฉบับต้นฉบับของ Arthur Conan Doyle การใช้ฉากและกราฟิก บางคนอาจมีคำแนะนำเกี่ยวกับคุณภาพของฉาก กราฟิก หรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิตซีรีส์นี้ ความคาดหวังที่สูง บางคนอาจมีความคาดหวังที่สูงต่อซีรีส์นี้เนื่องจากฐานแฟนของ Sherlock Holmes และอาจรู้สึกไม่พอใจหากไม่ได้รับสิ่งที่คาดหวัง อย่างไรก็ดี ควรทราบว่าความเห็นและความรู้สึกต่อซีรีส์นี้อาจแตกต่างกันไปตามคนแต่ละคน การสังเกตและพิจารณาด้านบวกและด้านลบของซีรีส์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อตัดสินว่ามีความเหมาะสมกับการรับชมของคุณหรือไม่

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา

นักแสดงในเรื่อง The Irregulars

นอกจากสองตัวละครหลักคือ The Irregulars ที่แสดงในชุดซีรีส์ The Irregulars นี้ ยังมีนักแสดงอื่นๆ ที่มีบทบาทสำคัญในการจับตามเหตุการณ์และสร้างความสนใจในเรื่องราวด้วยความแสดงที่น่าสนใจดังนี้

  • ทัดเดีย เกรแฮม (Thaddea Graham) เป็นแสดงบท Bea หนึ่งในสมาชิก The Irregulars ที่มีความสามารถพิเศษและมีบทบาทสำคัญในเรื่อง
  • ดาร์ซี ชอว์ (Darci Shaw) รับบท Jessie อีกหนึ่งสมาชิกของ The Irregulars ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
  • โจโจ้ มาคาริ (Jojo Macari) รับบท Billy ซึ่งเป็นสมาชิก The Irregulars ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
  • แมคเคลล์ เดวิด (Mckell David) รับบท Spike อีกหนึ่งสมาชิกของ The Irregulars ที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
  • แฮร์ริสัน ออสเตอร์ฟิลด์ (Harrison Osterfield) รับบท Leopold เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเรื่อง
  • รอยซ์ ปิแอร์เรสัน (Royce Pierreson) รับบท Dr. John Watson ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญและเป็นที่รู้จักในเรื่องราวของ Sherlock Holmes
  • เฮนรี ลอยด์ ฮิวจ์ส (Henry Lloyd Hughes) รับบท Sherlock Holmes ตัวละครที่มีบทบาทสำคัญและเป็นนักสืบเสมือนในเรื่องราวของ Sherlock Holmes

นอกจากนี้ยังมีนักแสดงอื่นๆ ที่มีบทบาทเสริมและเข้าร่วมในการนำเสนอเรื่องราวในซีรีส์นี้ด้วยความคงสภาพและน่าสนใจ

รีวิว The Irregulars แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

  • ชื่อซีรีส์ The Irregulars / แก๊งนักสืบไม่ธรรมดา
  • ผู้สร้าง Tom Bidwell
  • นักแสดง McKell David, Thaddea Graham, Jojo Macari, Harrison Osterfield, Darci Shaw, Royce Pierreson, Henry Lloyd-Hughes, Jonjo O’Neill
  • แนว/ประเภท Crime, Drama, Fantasy, Mystery
  • จำนวนตอน ซีซัน 1 จำนวน 8 ตอน
  • ช่องทางรับชม Netflix
  • ช่วงเวลาเริ่มออกอากาศ 26 มีนาคม 2021
  • สังกัด/ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ Drama Republic, Netflix

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

หนัง Fear Street Part II 1978 ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 เป็นภาคที่สองของภาพยนตร์ชุด Fear Street ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่นำเสนอเรื่องราวแบบอางอคต์ได้แก่ทั้งชีวิตประจำวันและเหตุการณ์ที่ลึกลับในเรื่องราวทางด้านผีนี้ เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นในปี 1978 ที่เป็นช่วงเวลาต่อจากเหตุการณ์ใน Fear Street Part I 1994 โดยมีการเล่าเรื่องต่อจากตอนที่ 1 ที่เกิดขึ้นในปี 1994 โดยผู้คนสามารถเห็นว่าเรื่องราวกำลังถูกเล่าโดย สาระสำคัญของเรื่องราว (The Myth of Shadysid

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

รีวิว Fear Street Part II 1978 ภาพยนตร์ดราม่า-โรแมนติก

เนื้อเรื่องของ Fear Street Part II 1978 ถนนความกลัว 1978 จะเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ายปีศาจชื่อ ค่ายนอร์ดวิน (Camp Nightwing) ในปี 1978 ที่ Shadyside Ohio โดยจะเป็นการเล่าเรื่องของชีวิตและประสบการณ์ของบรีท (Bree) และซูซี (Ziggy) สองพี่น้องที่เข้าค่ายนี้ และเพื่อนร่วมห้องพักอื่น ๆ ในค่าย พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความลึกลับและภาคีน้อยที่ตามมาโดยไม่คาดฝัน ซึ่งนำมาสู่ภาพจิตรกรรมร้ายแรงและมีการฆาตกรรมระหว่างน้องนี้และน้องนั้นที่เริ่มระบายโลหิตอย่างไม่ทันสักครู่ ความลับและเหตุการณ์ที่น่าสยดสยองในค่ายนี้จะแสนน่ากลัวและน่าตื่นตาตื่นใจในภาพยนตร์นี้ หนัง Fear Street Part II 1978 เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์สามส่วนที่ดัดแปลงจากนวนิยายของ R.L. Stine ชื่อ Fear Street ซึ่งเน้นดีเทลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทางเดียวกับความสยองขวัญและปริศนาในเมือง Shadyside

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

เรื่องย่อ Fear Street Part II 1978

Fear Street Part II 1978 (Sweet & Sour) เป็นภาพยนตร์เกาหลีที่เข้าฉายในปี ค.ศ. 2021 ภาพยนตร์เน้นดราม่า-โรแมนติก Fear Street ตอนที่สอง: 1978 เล่าเรื่องราวของความรักและความซับซ้อนในการคบกันระหว่างสองคู่รักที่ต้องเผชิญกับความท้าทายของชีวิตและการทำงาน เรื่องเริ่มต้นด้วยผู้ชายชื่อ จางฮยอน (Jang Hyuk) ที่ได้งานทำงานใหม่เป็นพนักงานในสำนักงาน และเขาได้พบกับ บยอนฮี (Chae Soo bin) ที่เป็นเพื่อนร่วมงานในทีม เขาเริ่มสนิทกันและเริ่มพัฒนาความสัมพันธ์เป็นรักแท้ แต่หลังจากนั้น จางฮยอนต้องเผชิญกับความแตกต่างของบางสิ่งที่เขาไม่รู้จักกันขณะทำงาน เช่น เวลาทำงานที่ยากลำบากและชีวิตส่วนตัวที่ยุ่งเหยิง ทำให้เขาต้องเลือกการตัดสินใจในการทำงานและความสัมพันธ์ของเขา หนังเน้นการแสดงบทบาทและความมีวินัยในชีวิตประจำวัน และเนื้อหาที่สะท้อนถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นในการรักและการงานของคนทั่วไปในสังคม นอกจากนี้ยังเป็นการสังเกตการณ์ต่อวิถีชีวิตที่แตกต่างระหว่างชายและหญิงในสถานที่ทำงาน

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

สิ่งที่ประทับใจใน Fear Street Part II 1978

กราฟิกและบรรยากาศ ภาพยนตร์นี้มีฉากและกราฟิกที่สวยงาม และถูกถ่ายทอดในลักษณะที่เหมาะสมและน่าสนใจ ทำให้ผู้ชมได้รับความพึงพอใจทางสายตาจากภาพและสถานที่ที่ถูกใช้ในเรื่อง นักแสดงและการแสดงบทบาท นักแสดงในภาพยนตร์นี้มีการแสดงบทบาทที่ดีอย่างน่าจับตาดึงดูดผู้ชม และสร้างความเชื่อมั่นในตัวละครและความสัมพันธ์ของพวกเขา

รีวิว Fear Street Part II 1978 | ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 ของ Netflix

คาแรกเตอร์ตัวละครมีเสน่ห์น่าสนใจ

นอกจากนี้การแสดงบทบาทด้วยความคิดอย่างชาญฉลาดและแสดงความรู้สึกอย่างชัดเจนทำให้ผู้ชมสามารถรับรู้และเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครได้ดี ความคิดริเริ่มและคำสคริปต์ ภาพยนตร์นี้นำเสนอเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงในสถานที่ทำงาน และมีการแสดงความลึกซึ้งเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์และความรัก ภาพยนตร์นี้สามารถเสนอแนวคิดและสคริปต์ที่น่าสนใจในรูปแบบที่สนุกสนาน

รีวิว Fear Street Part II 1978 หนังที่สะท้อนสังคมเมกายุค 90

การสะท้อนชีวิตประจำวัน ภาพยนตร์นี้สามารถสะท้อนถึงความยากลำบากในการรักและทำงานของคนทั่วไปในสังคม ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ผู้ชมสามารถสังเกตและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวันของตัวเอง ความสร้างสรรค์ การรับชม Fear Street Part II 1978 ที่จะช่วยให้ผู้ชมได้คิดและสรุปสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของตัวเอง และเรียนรู้ถึงความสำคัญของการดูแลและเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของคู่รักและคนรอบข้าง โดยรวม Fear Street Part II 1978 เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ชมที่ชื่นชอบเรื่องราวโรแมนติกและการสร้างสรรค์ที่คมชัดแนะนำให้ดู fear street 4 จะมีไหม

พลาดบางฉาก อาจดูไม่รู้เรื่องเลย

ความซับซ้อนและยากลำบากของเนื้อเรื่อง เนื้อเรื่องของภาพยนตร์นี้อาจจะซับซ้อนและซับซ้อนมากเกินไปสำหรับบางคนที่ต้องการเรื่องราวที่มีโครงสร้างเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน องค์ประกอบของความเป็นเรื่องโรแมนติก บางคนอาจเห็นว่าภาพยนตร์นี้มีมุมมองทางโรแมนติกที่ซับซ้อนและซับซ้อนมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้บางคนรู้สึกสับสนหรือไม่พอใจ

การดำเนินเรื่องที่ราบเรียบไม่หวือหวา

การดำเนินเรื่องราว บางคนอาจรู้สึกว่าระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินเรื่องราวนั้นนานเกินไปหรือไม่สมดุล ทำให้ภาพยนตร์ดูเรียบเท่าไรความยากในการเข้าถึงและเข้าใจ บางคนอาจมีความยากในการเข้าใจหรือเข้าถึงความสัมพันธ์และความรู้สึกของตัวละครในภาพยนตร์นี้ ภาษาและซับไตเติ้ล สำหรับบางผู้ชมที่ไม่ใช่ภาษาเกาหลี การต้องพึ่งพาซับไตเติ้ลหรือการแปลอาจทำให้เกิดความไม่สบายหรือสับสน นอกจากนี้ความเสียยิ่งโตขึ้นอยู่กับรสนิยมและความคาดหวังของแต่ละบุคคล แต่ภาพยนตร์นี้ยังมีคุณค่าเฉพาะตัวและสามารถดึงดูดความสนใจของบางกลุ่มผู้ชมได้

แนะนำนักแสดง

ear Street Part II 1978 (Sweet & Sour) เป็นภาพยนตร์เรื่องราวโรแมนติกจากเกาหลีใต้ที่มีนักแสดงที่มีนามว่า

  • จาง ฮยอกจิน (Jang Hyuk) รับบทเป็น จางฮยอน (Jang Hyun) นักเรียนแพทย์หญิงที่เป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย และเป็นหัวหน้าชั้น เขาพบกับปัญหาที่ซับซ้อนในการรักและการงาน
  • แช ซูบิน (Chae Soo bin) รับบทเป็น บยอนฮี (Bo yeong) นักเรียนที่ทำงานในบริษัทและเป็นเพื่อนร่วมงานของจางฮยอน เธอกลายเป็นคนที่มีผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างจางฮยอน
  • จุง อึยจอง (Jung Eui jeong) รับบทเป็น อันจีโฮ (An Ji ho) เป็นนักศึกษาแพทย์และเป็นเพื่อนร่วมชั้นของจางฮยอน
  • จู ยองอี (Lee Joo young) รับบทเป็น ลีจีซอก (Lee Ji seok) นักเรียนแพทย์ที่เป็นพี่ชายของจางฮยอน และเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญในชีวิตของเธอ
  • อัน ซูบิน (Ahn Su bin) รับบทเป็น อันซูนตาล (An Sun tae) นักเรียนที่มีความแตกต่างและมีบทบาทสำคัญในเนื้อเรื่อง
  • ชเว วูชิค (Choi Woo shik) รับบทเป็น ชอยอุน (Choi Yeon woo) เป็นพนักงานในบริษัทและมีความเกี่ยวข้องกับบยอนฮี

นักแสดงทั้งหมดนี้ได้นำเสนอบทบาทของพวกเขาอย่างโดดเด่นและช่วยสร้างความสมจริงให้กับเรื่องราวใน Fear Street Part II 1978

ข้อมลที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ Fear Street Part II 1978

  • ภาพยนตร์เรื่อง Fear Street Part II 1978 / ถนนอาถรรพ์ ภาค 2 1978
  • ผู้กำกับ Leigh Janiak
  • ผู้เขียนบท Leigh Janiak, Zak Olkewicz
  • นักแสดง McCabe Slye, Olivia Scott Welch, Kiana Madeira, Benjamin Flores Jr., Maya Hawke, Emily Rudd, Sadie Sink
  • ช่วงเวลาเริ่มออกอากาศ 9 กรกฎาคม 2021
  • สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย Chernin Entertainment, Netflix

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere

 

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

Girl from Nowhere Season 1 หรือ เด็กใหม่ เป็นซีรีส์ไทยที่ฉายครั้งแรกเมื่อปี 2018 ซึ่งเป็นซีรีส์แนวดราม่า ลึกลับ และสืบสวนปริศนา ผลิตโดยสตูดิโอ GMM Grammy และจัดทำโดย Pocket Watch Co, Ltd นำโดย โชเชียร์ นิภานันทน์ ในบทของ นักเรียนน่ากลัว ที่ชื่อตัวละครว่า นักเรียนใหม่ ซึ่งมีชื่อจริงว่า แนนโน๊ะ ผู้นำรับบทหลักอีกคนคือ พรรณวดี บุญโสภณ ในบทของ จริยา ผู้นำเล่าเรื่องต่างๆ

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere ทำไมถึงไม่ควรพลาดซีรีส์เรื่องนี้

เนื้อหาของซีรีส์ Girl From Nowhere Season 2 นำเสนอเรื่องราวที่มีลักษณะที่น่าสนใจและท้าทายทั้งในด้านสังคม จิตวิทยา และการเผชิญหน้ากับความจริงที่อาจเป็นทางลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้ได้รับความนิยมและคำประชดใจจากผู้ชมทั่วโลก เป็นซีรีส์ที่มีหลายเรื่องสั้นๆ แต่ลิ้งก์ที่เชื่อมโยงกันคือตัวละครหลักที่ชื่อ นักเรียนใหม่ หรือ แนนโน๊ะ ที่เข้าโรงเรียนแต่ละโรงเรียนและตีความคุณค่าทางศีลธรรมของผู้คนในโรงเรียนนั้นๆ

ด้วยวิธีที่น่าสนใจและอย่างลึกซึ้ง นานะนานมีความสามารถพิเศษในการแสวงหาความจริงและอดีตที่ถูกปกคลุมไปด้วยเรื่องลึกลับ โดยทำให้ผู้คนต้องเผชิญกับการเปิดเผยของความจริงและความชั่วของตนเอง เนื้อหาแต่ละตอนของ Girl From Nowhere มีความหลากหลายในเรื่องราวและเหตุการณ์ที่เป็นมิตรกับชีวิตประจำวันในโรงเรียน ตั้งแต่ความลึกลับของครอบครัว การแกล้งชั้นเรียน การคุกคามและการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่น

ทั้งนี้มีความรุนแรงและฉุนเฉียวในบางเรื่องที่อาจทำให้ผู้ชมต้องสับสนและตกใจ การสืบสวนสภาพสังคมและศีลธรรมใน Girl From Nowhere ทำให้ แนนโน๊ะ กลายเป็นตัวผู้เผชิญหน้ากับความเป็นจริงและความชั่วในโลกที่เต็มไปด้วยการบิดเบือน ล่อลวง และความโหดร้าย

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

เรื่องย่อ

เรื่องราวของ Girl From Nowhere เด็กใหม่เต็มเรื่อง เป็นการสืบสวนและเล่าเรื่องราวของนักเรียนและปราชญ์ชนในโรงเรียนทั่วไป ที่ได้รับผลกระทบจากกรรมกรละครในชีวิตจริง โดย นักเรียนใหม่ (แนนโน๊ะ) จะเข้าโรงเรียนแต่ละโรงเรียนและปูดวิธีการทำให้ปราชญ์ชนต่างๆ ต้องเผชิญกับความจริงและการเปลี่ยนแปลงในชีวิตของตนเอง เนื้อหาของซีรีส์นี้นำเสนอเรื่องราวที่มีลักษณะที่น่าสนใจและท้าทายทั้งในด้านสังคม จิตวิทยา และการเผชิญหน้ากับความจริงที่อาจเป็นทางลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ซีรีส์นี้ได้รับความนิยมและคำประชดใจจากผู้ชมทั่วโลก

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere แนะนำนักแสดง

มีนักแสดงหลายคนที่มีบทบาทสำคัญในซีรีส์นี้ นอกจากนี้ยังมีนักแสดงรับบทรองที่มีบทบาทสำคัญในแต่ละตอนด้วย Cherprang Areekul เป็นนักแสดงที่รับบทเป็นตัวละครหลัก แนนโน๊ะ หรือ นักเรียนใหม่ ซึ่งเป็นตัวเสนอเรื่องในทุกๆ ตอนของซีรีส์ Punpun Sutatta Udomsilp เป็นนักแสดงที่รับบท จริยา ผู้เป็นหนึ่งในตัวละครหลักที่มีความสัมพันธ์กับ แนนโน๊ะ

ในบางตอน Kitty Chicha Amatayakul รับบทบาท เทียนทา ในตอน สอนรักสอนผี และเป็นหนึ่งในตัวละครที่สำคัญในเรื่องนั้น Chanya McClory รับบทบาท เดรก ในตอน บันทึกนักฆ่า ซึ่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนั้น Morakot Liu รับบทบาท อีฟ ในตอน พี่ชาย ซึ่งเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญในเรื่องนั้น และนักแสดงอื่นๆ ที่รับบทบาทที่สำคัญในแต่ละตอนของซีรีส์ Girl From Nowhere

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere | แนนโน่ทําให้ฉันนึกถึงโทมิเอะ

สิ่งที่ประทับใจใน Girl From Nowhere

Girl From Nowhere มีหลายข้อดีที่ทำให้ซีรีส์นี้ได้รับความนิยมและความสนใจจากผู้ชมได้ดังนี้ เรื่องราวที่น่าสนใจและเฉพาะเจาะจง Girl From Nowhere นำเสนอเรื่องราวที่หลากหลายและน่าสนใจที่ได้รับการตีความโดยตัวละครหลัก แนนโน๊ะ ที่มีความสามารถในการเข้าถึงความจริงและอดีตที่ซ่อนอยู่ในแต่ละโรงเรียนที่เข้าไป การแสดงแบบอลังการ การแสดงของนักแสดงหลักและตัวละครรองมีความโดดเด่นและนำเสนอบทบาทอย่างเข้มข้น

โชเชียร์ นิภานันทน์ (แนนโน๊ะ) และพรรณวดี บุญโสภณ (จริยา) มีการแสดงที่น่าสนใจที่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ การสื่อความคิดเห็นสังคม ซีรีส์นี้ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงสภาพสังคมและศีลธรรมที่ท้าทาย โดยการสื่อความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาทางสังคมอย่างการแกล้งและความไม่เท่าเทียม การสืบสวนปราชญ์ชน นานะนานเป็นตัวละครที่สามารถสืบสวนความจริงที่อาจซ่อนอยู่ในแต่ละบทเรื่อง

และทำให้ผู้ชมต้องพิจารณาความฝันและความเชื่อของบุคคลในเรื่องนั้นๆ ความภูมิใจในตัวละครหลัก นานะนานมีฤทธิ์และความมั่นใจในตนเอง ซึ่งเป็นแบบอย่างในการแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้กับความอยุติธรรมและปัญหาในสังคม การสร้างเนื้อหาที่มีลักษณะเฉพาะและท้าทาย เพื่อส่งเสริมการแสดงและการเสนอความคิดเห็นต่อสภาพสังคมทำให้ Girl From Nowhere กลายเป็นซีรีส์ที่น่าติดตามและนึกถึงในแง่ความคิด

 

รีวิวซีรีส์ เด็กใหม่ Girl From Nowhere มีบางด้านที่ผู้ชมอาจพบว่าไม่พึงพอใจ ดังนี้

ความรุนแรงและเนื้อหาที่สามารถทำให้ไม่สบายใจ บางตอนของซีรีส์มีเนื้อหาที่มีความรุนแรงและเป็นที่น่าสะเทือน เช่น การแกล้ง ความรุนแรงในครอบครัว หรือการละเมิดสิทธิ์ของบุคคล ทำให้บางผู้ชมรู้สึกไม่สบายใจหรือไม่พึงพอใจ การนำเสนอภาพเชิงลึกลับและด้านจิตวิทยาที่ซับซ้อน ซีรีส์นี้มีการนำเสนอภาพเชิงลึกลับและด้านจิตวิทยาที่ซับซ้อน ทำให้บางคนอาจไม่เข้าใจหรือรับรู้เนื้อหาได้ลำบาก

การแสดงที่มีเนื้อหาที่ซับซ้อน บางครั้งการใช้วิธีการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนหรือมีทั้งความลึกลับและความซับซ้อนทางจิตวิทยา อาจทำให้บางผู้ชมไม่เข้าใจเนื้อหาในบางช่วง การสะท้อนภาพสังคมที่มืดมนและที่ทำให้ตกใจ ซีรีส์นี้สะท้อนภาพสังคมที่มืดมนและเต็มไปด้วยการละเมิดและความโหดร้าย ทำให้บางผู้ชมรู้สึกตกใจหรือไม่สบายใจ การมีความท้าทายต่อเนื้อหาและการแสดง

เนื้อหาและการแสดงในบางตอนมีความท้าทายทั้งทางจิตวิทยาและสังคมที่อาจทำให้บางผู้ชมรู้สึกไม่สะดวกหรือไม่พึงพอใจ การสร้างเนื้อหาที่มีลักษณะที่ท้าทายและเนื้อหาที่มีความซับซ้อน อาจทำให้บางคนไม่พึงพอใจ และควรพิจารณาในกรณีที่ไม่ต้องการรับชมเนื้อหาที่มีเนื้อร้ายหรือซับซ้อนเกินไป

ข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ

  • ชื่อซีรีส์ เด็กใหม่ / Girl From Nowhere
  • ผู้กำกับการแสดง (ซีซัน 1) ชัยอนันต์ สร้อยจำปา, ไพรัช คุ้มวัน, สิทธิศิริ มงคลศิริ, อภิวัฒน์ สุภธีระพงษ์, คมกฤษ ตรีวิมล, ธีร์ธวัช ใต้ฟ้ายงวิจิตร, จตุพงศ์ รุ่งเรืองเดชาภัทร์
  • ผู้กำกับการแสดง (ซีซัน 2) ปวีณ ภูริจิตปัญญา, สุรวุฒิ ตุงคะรักษ์, ศิววุฒิ เสวตานนท์, วรายุ รักษ์กุล
  • ผู้เขียนบท คงเดช จาตุรันต์รัศมี, อาทิชา ตันธนวิกรัย, ทินพัฒน์ บัญญัติปิยพจน์
  • นักแสดง คิทตี้ ชิชา อมาตยกุล, ชัญญา แม็คคลอรีย์, ธนเวชย์ สิริวัฒน์ธนกุล, ปาจรีย์ นันตรัตน์, มรกต หลิว, ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, ชนนิกานต์ เนตรจุ้ย, ภัณฑิรา พิพิธยากร, ฐิตินันท์ คลังเพชร, ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวณิชน์, ธัชพล ธิติอภิชัย, ชณิฌา บุญภานุวิจิตร, เอกวัฒน์ นิรัตน์วรปัญญา, อนุชิต สพันธุ์พงษ์, อวัช รัตนปิณฑะ, คลาวเดีย จักรพันธ์, ปิยะธิดา วรมุสิก, อาภาสิริ กิจติถานนท์, กันต์ชนุตม์ เก่งการค้า, ณัฐนิชา เหลืองอนันต์, เพ็ญพักตร์ ศิริกุล, แพทริเซีย ธัญชนก กู๊ด, ทสร กลิ่นเนียม, อภิชญา พานิชตระกูล, ภูมิภัทร ถาวรศิริ, ภัทรวรินทร์ ทิมกุล, พลอย ศรนรินทร์, ญารินดา บุนนาค, Naomi Amante, Rich Ting, Tris Ren
  • แนว/ประเภท Crime, Drama, Fantasy, Mystery, Thriller
  • จำนวนตอน ซีซัน 1 จำนวน 13 ตอน, ซีซัน 2 จำนวน 8 ตอน
  • ช่องทางรับชม Netflix
  • สังกัด/ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ GMM Grammy, Jungka Bangkok, SOUR Bangkok, Netflix, GMM 25, Bravo! Studios, GMM Studios

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : Thirty-Nine

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้เราจะมาแนะนำ ซีรี่ส์ใหม่ล่าสุด ทาง Netflix หนึ่งในรายการเรียลลิตี้เกาหลีรักสดใสสไตล์วัยรุ่น อย่าง Nineteen to Twenty Netflix ที่หลาย ๆ คนไม่ควรพลาด เป็นเรื่องราวการเกาะติดชีวิตหนุ่มสาวที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ ชวนเปิดกล่องความทรงจำในวันวาน สานต่อความฝัน และสัมพันธ์ฉันมิตร พร้อมสะกิดหัวใจผ่านกลิ่นอายความรักกุ๊กกิ๊ก บอกเลยว่าดูแล้วต้องฟินจิกหมอนเล็บเขียวกันถ้วนหน้า

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

Nineteen to Twenty เรียลลิตี้โชว์ความยาว 13 ตอน จาก Netflix

ยินดีต้อนรับสู่ความสนุกและตื่นเต้น ของซีรี่ส์สุดคูล แห่งปั 2023 เรียลลิตี้โชว์ความยาว 13 ตอน ออริจินอลคอนเทนต์ส่งตรงจาก Netflix ผลงานจาก พีดีคิมแจวอน ผู้โด่งดังจากรายการออกเดตสุดแซ่บ โอน้อยออก ใครโสดตกนรก หรือ Single’s Inferno (2021/2022) มาพร้อมกับทีมเบื้องหลังมากฝีมืออย่าง นักเขียนคิมจองฮยอน และ นักเขียนพัคซูจี โดยครั้งนี้เป็นการจับเด็กอายุ 19 ปี มาอยู่ร่วมกันในสถานที่ที่เรียกว่า โรงเรียนไนน์ทีน เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ พวกเขาต้องเรียนรู้วิชาชีวิตหลากหลายรูปแบบทั้งเศรษฐศาสตร์ การทำอาหาร มนุษยสัมพันธ์ รวมทั้งทักษะสำคัญเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่วัย 20 ปี อย่างเป็นทางการ ภายใต้กฎเพียงข้อเดียวนั่นคือ ห้ามคบหากัน

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

อันดับแรกคือตัวซีรี่ส์ ได้นักแสดงและศิลปินเลื่องชื่อมาทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการ นำทีมโดย คยูฮยอน Super Junior ที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตาจาก Single’s Inferno (2021/2022) กันดีอยู่แล้ว มาพร้อมกับ คิมจีอึน นางเอกหน้าหวานจากซีรีส์ One Dollar Lawyer (2022) เสริมทัพโดย อีซูฮยอน นักร้องสาวจากวงดูโอ้ AKMU รวมทั้งยังได้นักร้อง และนักแต่งเพลงหนุ่มหล่ออย่าง จองเซอุน มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์อีกหนึ่งคน แน่นอนว่าพวกเขาต่างเคยผ่านช่วงชีวิตวัย 19 ย่าง 20 กันมาก่อน เราจึงได้เห็นมุมมอง ทัศนคติ และความคิดเห็นของเหล่าพิธีกรพร้อมกับสถานการณ์อันน่าตื่นเต้นในเรียลลิตี้โชว์ชุดนี้

เรื่องย่อ

เป็นเรื่องราวของการนำเสนอ ผ่านรูปแบบรายการทีวีเรียลลิตี้วัยรุ่น โดยจะมีเหล่าผู้เข้าร่วมรายการ มาทำภารกิจด้วยกันในช่วงวัยตอนนี้ของพวกเขาคือ 19 ปี ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันนี้ ทุกคนมีเพียงข้อห้ามเดียวที่ต้องปฏิบัติร่วมกันคือ ห้ามรักกันเป็นอันขาด แน่นอนว่าวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่อยากรู้อยากลอง อยากจะทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เสมอ

ยิ่งเป็นข้อห้ามที่เกี่ยวกับความรักแล้วล่ะก็ เป็นสิ่งที่พวกเขาพร้อมต่อต้านอยู่ตลอดเวลา พวกเขาจะก้าวข้ามผ่านช่วงอายุ 19 นี้ไปได้หรือไม่ต้องตามเอาใจช่วยนะคะ ถ้าใครที่ผ่านพ้นไปได้ก็จะพบกับช่วงวัยผู้ใหญ่ในอายุ 20 อย่างสง่างาม เป็นช่วงเวลาชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง อยากทำอะไรก็สามารถทำได้ จะรักใครชอบใครก็ตามแต่ใจต้องการเลย ราวกับการหลุดพ้นจากเงื่อนไขชีวิตทั้งปวง

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

ซึ่งจะติดตามชีวิตที่สดใส และอ่อนเยาว์ของ Generation Z ในสัปดาห์สุดท้ายที่อายุ 19 ปีก่อนจะอายุครบ 20 ปี ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายนั้น พวกเขาเข้าเรียนที่ “19 School” เพื่อเรียนรู้สิ่งที่นำไปใช้ได้จริงเกี่ยวกับชีวิตในวัยผู้ใหญ่ และเตรียมตัวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ จากนั้นในวันที่ 1 มกราคม พวกเขาทั้งหมดจะอยู่ที่ “20 House” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พวกเขาเป็นอิสระจากพ่อแม่และครู 19/20 ได้รับความสนใจอย่างมากเมื่อเด็กอายุ 19 ปีเหล่านี้ซึ่งกำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ สร้างช่วงเวลาที่สดใส และชวนให้หวนคิดถึงอย่างคาดไม่ถึงตลอดการแสดง

แนะนำตัวละครหลัก Nineteen to Twenty

มุนเซยอน หนุ่มหล่อผู้มาพร้อมรอยยิ้มสดใสเป็นเอกลักษณ์ เขาเป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิส (ปิงปอง) ซึ่งเริ่มเล่นมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 นั่นทำให้เขามีประสบการณ์มานานกว่าสิบปี มุนเซยอนเพิ่งคว้าชัยชนะในการแข่งขันระดับมัธยมปลายทั่วประเทศ มากไปกว่านั้นยังเป็นสมาชิกของทีมชาติเยาวชนอีกด้วย การคว้าแชมป์โปรลีกถือเป็นเป้าหมายระยะสั้นของมุนเซยอน ขณะเดียวกันในอนาคตเขายังใฝ่ฝันจะไปอาศัยอยู่ต่างประเทศเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ นอกจากนี้เขายังเปิดเผยว่าเป็นคนขี้อายเมื่อต้องอยู่กับคนแปลกหน้า ทว่าเมื่อสนิทสนมกันแล้วจะเผยความขี้เล่นออกมาสร้างเสียงหัวเราะให้คนรอบข้างได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว

รีวิว Nineteen to Twenty (2023) รายการเรียลลิตี้โชว์เกาหลีของวัยรุ่น

อิมจองยุน หนุ่มหน้าใสขวัญใจสาว ๆ แรกเริ่มเดิมทีเขาหลงใหลในกีฬาเบสบอลจึงฝึกฝนทักษะมาตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะรู้สึกอิ่มตัวแล้วหันมาท้าทายตัวเองผ่านการเดินตามความฝันในการเป็นนักแสดงแทน หลังจากนั้นเขาจึงเริ่มเข้าคลาสเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้ มุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดเป็นตัวละครต่าง ๆ ขณะเดียวกันอิมจองยุนยังเป็นหนุ่มร่าเริง ช่างพูดช่างคุย แม้บางครั้งอาจจะยังไม่กล้าเข้าหาใครก่อนก็ตาม ที่สำคัญเขายังอ่อนประสบการณ์ในเรื่องความรัก ด้วยความที่เจ้าตัวเรียนโรงเรียนชายล้วนในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลาย ดังนั้นจึงแทบไม่มีโอกาสออกไปเที่ยวกับผู้หญิงเลย

แนะนำนักแสดง

จองซอยอง สาวน้อยน่ารัก จองซอยอง เธอเป็นอีกหนึ่งคนที่ใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดง อันเนื่องมาจากความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตของตัวละคร การเป็นนักแสดงที่น่าจดจำถือเป็นเป้าหมายหลักในอนาคตของเธอ นอกจากนี้จองซอยองยังเปิดเผยว่าเธอชอบลูกหมา และรู้สึกไม่ชอบเวลาที่ตัวเองรู้สึกหิว

ชเวซอฮยอน สาวสวยผู้มีความฝันอยากเป็นสถาปนิก หลังจากมีโอกาสไปเยี่ยมชมสตูดิโอของพ่อ เธอได้เห็นบ้านหลังหนึ่งที่สวยงามจึงอยากออกแบบสร้างที่อยู่อาศัยเช่นนั้นด้วยมือของตัวเอง เธอเปิดเผยว่าเมื่อเข้าสู่การเป็นผู้ใหญ่ เธออยากจะมีแฟนตอนเรียนมหาวิทยาลัย และเล่นเกมดื่มเหล้ากับเพื่อน ๆ ที่สำคัญเธอยังเป็นสาวฮอตจนหลายคนตั้งฉายาให้ว่า สาวงามแห่งโรงเรียนมัธยมซัมมยอง

โอซังวอน หนุ่มตี๋ผู้ชอบพบปะผู้คนใหม่ ๆ ผนวกกับบุคลิกร่าเริงสดใสทำให้หลายคนบอกว่าเขามีนิสัยเหมือนสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เขาเป็นนักเรียนหัวกะทิจึงสามารถสอบเทียบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้ก่อนคนอื่น หลังจากค้นพบว่าตนเองต้องการเป็นวิศวกรพัฒนาหุ่นยนต์ เขาจึงเข้าศึกษา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยโพฮัง (Pohang University of Science and Technology – POSTECH)

โนฮีจี สาวคนนี้มีความฝันอยากเป็นครูสอนพิลาทิสเช่นเดียวกับคุณแม่ เธอชอบออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ปั่นจักรยาน และยกน้ำหนัก ด้วยนิสัยสบาย ๆ ทำให้เธอเข้ากับคนอื่นได้ง่ายทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทว่าสิ่งหนึ่งที่เธอรู้สึกเสียดายคือการระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้นักเรียนหลายคนสูญเสียประสบการณ์ช่วงวัยรุ่นไปพอสมควร เธอจึงรู้สึกตื่นเต้นที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเพื่อน ๆ อีกครั้งเพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต

อีจีมิน หนุ่มสตรองผู้ฝึกฝนทักษะเทควันโดมานานหลายปี เขาใฝ่ฝันอยากเป็นคุณครูสอนกีฬา เนื่องจากไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชื่นชอบกิจกรรมหลายประเภทโดยเฉพาะฟุตบอลและเบสบอล สิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจให้เขามุ่งมั่นอยู่บนเส้นทางดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง มากไปกว่านั้นเขายังเป็นหนุ่มหล่อที่สาว ๆ หลงรัก ด้วยการเล่าอย่างภาคภูมิใจว่าตนได้รับขนมเปเปโร่มากที่สุดในเทศกาลดังกล่าวนั่นเอง

ชเวเยริน สาวสวยผู้มีความฝันที่จะเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นั่นเพราะเธอชอบการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนที่พูดภาษาต่าง ๆ จึงวางแผนที่จะเข้าเรียนหลักสูตรการบริการโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังมีงานอดิเรกเป็นการเล่นพิลาทิสอีกด้วย ชเวเยรินเป็นคนง่าย ๆ สายลุย เธอจึงเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเพื่อน ๆ มากไปกว่านั้นเธอยังเปิดเผยว่าไม่เคยรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายคนไหนมาก่อน เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่เธอจึงอยากสัมผัสจังหวะตกหลุมรักให้ได้สักครั้ง

สิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้ใน Nineteen to Twenty

ซีรี่ส์เกาหลีเรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าเมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม ให้ถือว่าพลเมืองเกาหลีทุกชีวิตที่มีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ ได้เปลี่ยนสถานะจากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่อย่างเป็นทางการ เป้าหมายแห่งเปลี่ยนผ่านของพวกเขา จึงมุ่งหน้าสู่กิจกรรมมากมายหลากหลาย บางคนได้ซื้อล็อตเตอรี่ใบแรก บางคนได้ดื่มเหล้าเข้าบาร์เป็นครั้งแรก หรือแม้กระทั่งการสิงอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตหลังสี่ทุ่มด้วยก็ตาม

ผู้ชมจะได้เรียนรู้วัฒนธรรม ระเบียบ และกฎหมายเกาหลีไปพร้อมกับเหล่าผู้ร่วมรายการ แน่นอนว่าหลังจากนี้พวกเขาต้องจบการศึกษาจากโรงเรียนไนน์ทีน แล้วออกเดินทางไปยังบ้านพักเพื่อเปลี่ยนโหมดสู่เรียลลิตี้จับคู่อย่างที่เราอยากเห็น จับตาดูกันต่อไปว่าทั้ง 10 ชีวิตจะต้องเจอกฎกติการูปแบบใด ใครจะได้คู่กับใคร จะเป็นไปตามที่เราคาดหวังหรือไม่ ต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยแบบห้ามกระพริบตา

ความรู้สึกหลังรับชม

ถือเป็นอีกหนึ่งเรียลลิตี้ระดับคุณภาพ ที่ขยายมุมมองต่อโลกให้กับคนดูอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะใครที่เคยผ่านช่วงวัยรุ่นมาก่อน น่าจะได้หวนคิดถึงความทรงจำในอดีต บรรยากาศในห้องเรียนที่เราต่างง่วงเหงาหาวนอนยามต้องจดจ่อกับวิชาที่ไม่ชอบ ความสนุกสนานที่ได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน ตลอดจนการสัมผัสประสบการณ์รักครั้งแรกด้วยก็ตาม

มากไปกว่านั้น รายการยังจำลองชีวิตจริงระหว่างช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ การพยายามค้นหาทางเดินอย่างยากลำบาก บาดแผลอันเกิดจากการไม่ประสบความสำเร็จ หลากหลายปัจจัยส่งผลให้เป้าหมายของเราไม่เป็นไปดั่งความคาดหวัง สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นบทเรียนอันล้ำค่าซึ่งแฝงมาพร้อมกับความบันเทิง การันตีว่าได้ทั้งแง่คิดและความเพลิดเพลินอย่างแท้จริง

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิวซีรีส์ The Real Has Come!

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนักกับ The Covenant 2023 Netflix หนังแนวแอคชั่นของทหารอเมริกา เรื่อง Guy Ritchie’s The Covenant 2023 ของผู้กำกับ “กาย ริตชี” เรื่องราวมาพร้อมกับโหมดขึงขัง พกกองกำลังทหารสหรัฐฯ มาอย่างมาดแมน แต่เนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้สอดแทรกไปด้วยประเด็นมิตรภาพ ความหวัง และโอกาสในสงคราม ที่เผลอ ๆ อาจจะต้องเสียน้ำตาให้ด้วย หากคุณเป็นคนที่โตมากับหนังแนวแอ็คชั่นทหารแบบนี้ ผมคิดว่าคุณควรจะลองดูเรื่องนี้นะ สามารถไปติดตามได้ที่ข้างล่างนี้เลย

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – หนังแนวแอคชั่นของทหารอเมริกา

“covenant” ตามชื่อเรื่อง The Covenant Netflix ซึ่งแปลว่า agreement หรือพันธะสัญญา ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่สัญญาที่อเมริกาบอกว่าจะให้วีซ่าพิเศษ (Special Immigrant Visas: SIVs) แก่ล่ามและครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ในอเมริกา แต่สุดท้าย การทำวีซ่าพิเศษนี้กลับมีความยุ่งยากและโปรเซสที่ล่าช้ากินเวลามาก ล่ามและครอบครัวจึงต้องหลบซ่อนจากพวกตาลีบัน บ้างก็โดนสังหารก่อนที่กระบวนการการขอวีซ่าจะเดินหน้า นำไปสู่พันธะสัญญาทางใจที่ John Kinley รู้สึกว่า มันคือหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาที่จะต้องช่วย Ahmed และครอบครัวให้ย้ายมาอเมริกาให้ได้เร็วที่สุด เพราะถ้าไม่ได้ Ahmed เขาก็คงไม่มีทางรอดกลับมารับเหรียญกล้าหาญและได้เจอหน้าลูกเมียอย่างนี้

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

หนังองก์แรกแค่ปูเรื่องราวความสัมพันธ์และภารกิจ จนกระทั่งทีมของ John Kinley ไปปะทะกับตาลีบันจนตายยกทีม เหลือแค่ John Kinley กับ Ahmed ที่หนีรอดไปได้ โดยองก์นี้รวม ๆ เหมือนหนังสงครามทั่วไป ในองก์สอง เราจะได้ร่วมลุ้นไปกับการหลบหนีการไล่ล่าและการเอาตัวรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ John Kinley ได้รับบาดเจ็บสาหัส จน Ahmed ต้องหาบเขาข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่ากว่าจะกลับไปเจอฐานทัพ ต่อมาองก์สาม John Kinley ซึ่งตัวกลับมาอยู่อเมริกาแล้ว ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ Ahmed ซึ่งกำลังถูกตาลีบันหมายหัวเป็นกบฏหมายเลขหนึ่งค่าหัวแพง ทั้งการโทรไปเร่งขอวีซ่าจากสถานทูตและบินกลับไปอัฟกานิสถานเพื่อช่วยพา Ahmed และครอบครัวมาอเมริกาด้วยตัวเอง (องก์สามนี้ ชัดเจนเลยว่าทำไมต้องเป็นพี่ Jake Gyllenhaal)

เรื่องย่อ

the covenant 2023 เรื่องย่อ The Covenant เป็นเรื่องราวของ จ่าสิบเอก จอห์น คินลีย์ กับ อาเหม็ด ล่ามภาษาชาวอัฟกัน ที่ต้องระหกระเหินฝ่าฟันดงตาลีบานร่วมกัน หลังจากกองกำลังของพวกเขาได้ถูกซุ่มโจมตีอย่างหนักหน่วง โดยที่อาเหม็ดได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะช่วยชีวิตจอห์นเอาไว้ให้ได้ แต่เมื่อจอห์นฟื้นขึ้นมาทราบว่า อาเหม็ดยังคงหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ที่อัฟกานิสถาน ที่ตาลีบานได้หมายหัวเขาเอาไว้จากวีรกรรมที่เขาได้ช่วยเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ ทำให้เขาเลือกที่จะกลับไปสู่สมรภูมิตัวเองอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือ…เพื่อนร่วมรบ

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ผลงานการเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือ

และก็อีกเช่นเคย The Covenant ก็ยังคงเป็นผลงานการเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือหน้าคุ้น กาย ริตชี ร่วมด้วย อิแวน แอตคินสัน กับ มาร์น เดวีส์ ที่พวกเขาทั้งสองคนต่างจับมือกันเขียนบทและพัฒนาบทมาด้วยกันในผลงานหลาย ๆ เรื่องนี้ สำหรับในหนังเรื่องนี้นั้นถือว่ามีกลิ่นอายที่ต่างไปจากงานเดิมของพวกเขาอยู่ไม่น้อย แม้ว่ามันจะยังสอดแทรกกลิ่นอายความเป็นหนังสุภาพบุรุษแนวถนัดอยู่ไปบ้าง แต่กับมีเส้นเรื่องและองค์ประกอบอื่นที่หนักแน่นยิ่งกว่า

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

อย่างที่ได้จั่วหัวข้างต้นไปแล้วว่า ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ ใช้ทีมเขียนบทเดียวกับหนังอีกเรื่องอย่าง ‘Operation Fortune’ ทั้ง ไอวาน แอตคินสัน (Ivan Atkinson), มาร์น เดวีส์ (Marn Davies) ที่มาเขียนบทร่วมกับ กาย ริตชี เอง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับหนังเรื่องนี้คือแม้มันจะไม่ได้เป็นหนังมาจากเรื่องจริงแต่กลับหยิบประเด็นที่น่าสนใจอย่างล่ามแปลภาษาในสงครามต่างแดนที่มักถูกดันไปเป็นตัวประกอบในหนังสงคราม ให้มีความสำคัญและเป็นภารกิจที่ตัวละครเอกอย่าง จ่าจอห์น คินลีย์ ต้องไปปฏิบัติภารกิจระห่ำตอนท้ายเรื่อง

โดยจะว่าไปแล้ว The Covenant ถือว่าเป็นหนังที่มีซีนและท่วงท่าที่เชิดชูกองทัพสหรัฐฯ อยู่ไม่เบา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำออกมาเป็นหนังกองทัพจ๋า ๆ แบบชวนเลี่ยนอะไรทำนอง แต่กลับสดุดหน้าที่เล็ก ๆ ที่สำคัญในสงครามกับตาลีบานที่น่าจะถูกมองข้ามไป อย่างเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาท้องถิ่น ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่เสียสละและเสี่ยงชีวิตกับการอยู่รอดในสังคม เพื่อมาทำหน้าที่ในการแปลภาษาให้กับฝ่ายศัตรูของบ้านเกิดของพวกเขา

พล็อตเรื่องง่าย ๆ แต่ทำออกมาให้สนุกก็เพียงพอแล้ว

ต้องยอมรับว่าพล็อตเรื่องง่าย ๆ ของหนังเป็นจุดที่ทำให้มันเวิร์กได้ดี เมื่อมาผนวกเข้ากับการเล่าเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน The Convenant จึงกลายเป็นหนังแอคชั่นทางการทหารที่ดูได้สนุกเพลินเอาการ เนื้อเรื่องค่อน ๆ ทวีคูณความเข้มข้นตามลำดับขั้นของสถานการณ์ที่หนังสร้างขึ้นมาในแต่ละซีน ถึงมันจะยังมีจุดที่เกินจริงและไม่สมเหตุสมผลปะปนอยู่ไปบ้าง แต่หนังก็มอบความบันเทิงแบบที่ผู้ชมต้องการได้เป็นอย่างดี โลเคชั่นของหนังเรื่องนี้ถือว่าแจ่มมาก แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางไปถ่ายทำในสถานที่จริงอยู่แล้ว แต่การจำลองบรรยากาศของอัฟกานิสถานในหนังเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างใช้ได้ทีเดียว

แม้ว่าจริง ๆ แล้วในหนังพวกเขาจะถ่ายทำอยู่ในสเปนเป็นหลัก ส่วนมุมภาพและมุมกล้องก็ยังไม่ทิ้งลวดลายของ กาย ริตชี เทคนิคต่าง ๆ อาจจะไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากเท่าไหร่ แต่มีส่วนในการช่วยบิวท์อารมณ์และบรรยากาศของหนังเอาไว้ในจังหวะที่ดี ยิ่งมาได้การแสดงที่เป็นมืออาชีพของ “เจค จิลเลนฮาล” เข้าไปด้วย ยิ่งทำให้หนังเต็มไปด้วยอรรถรสเข้าไปใหญ่ เขามอบการแสดงที่เฉียบขาดสไตล์ของเขา เล่นน้อยแต่ให้ออกมามาก ถึงจะไม่ได้เป็นการแสดงระดับมาสเตอร์พีชอะไร แต่เขาก็คือตัวละครหลักที่แบกหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ “ดาร์ ซาลิม” ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย

ถือว่าบทส่งให้เขาอยู่ไม่น้อย แต่คาแรกเตอร์นี้เต็มไปด้วยหลากหลายมุมให้น่าสำรวจ และเขาก็ทำออกมาได้ดี ในลักษณะพูดน้อยต่อยหนัก ที่สำคัญบทหนังยังมุ่งวิพากษ์การเมืองโลกต่างจากงานชิ้นก่อนที่มักไปสำรวจวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นชาวไอริช หรือทำหนังจากวรรณกรรมดัดแปลงให้มีความบ้าคลั่งไปเลย แต่กับ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ มันกลับมีแมสเซจด้านการเมืองชัดเจนตรงไปตรงมา

โดยเฉพาะตอนจบที่พูดถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของบรรดาล่ามแปลภาษาหลังอเมริกาถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน และพอหนังถูกห่อหุ้มด้วยความเป็นหนังสงคราม (War Film) ดราม่ามันจะถูกเผยออกมาผ่านการกระทำตัวละครที่ง่าย ๆ ตั้งแต่ความกลัวในแววตาของจ่าจอห์น คินส์ลีย์ ที่ เจก จิลเลนฮาล แสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมหรือความกล้าหาญและเมตตาธรรมของอาเหม็ดที่ถูกถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าชื่นชมของดาร์ ซาลิม

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ฝีมือการกำกับภาพสุดขั้นเทพของ เอ็ด ไวลด์

และที่ส่งเสริมดราม่าของหนังได้ดีมากคือการกำกับภาพของ เอ็ด ไวลด์ (Ed Wild) ที่ใช้ภาพมุมเงย (Worm Eye View) มาแทนสายตาของ จ่าจอห์น คินส์ลีย์ ตอนนอนอยู่บนเปลที่ถูกเอามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในฉากสำคัญของหนัง หรือความดีงามมาก ๆ อย่างหนึ่งในฐานะคนที่ต้องชมภาพยนตร์จากแถวที่ 3 ของหน้าจออย่างผมในรอบสื่อคือการออกแบบภาพของมันดันสอดรับกับการชมในระยะใกล้จอมาก ๆ ส่งผลต่ออารมณ์ในการรับชมได้ดีทีเดียว

อาจคาดคิดว่าหนังของกาย ริทชี่ จะต้องมีฉากเปิดเท่ๆ งานสโลว์โมชันต้องมา มีความตลกกวนๆ หรือต้องหักเหลี่ยมเฉือนคม แต่ไม่ใช่สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่แทบจะเหมือนหนังสงครามจากเรื่องราวจริงเลยด้วยซ้ำ นี่มันเป็นหนังแนวแอคชัน ผสมทริลเลอร์ และอาจจะรวมดราม่าเข้าไปด้วยซ้ำ หนังจึงดูเคร่งขรึมจริงจังแต่ก็มีมุกเล็กๆ แทรกเข้ามานิดหน่อย

มันคือภารกิจของทหารชาวอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจอยู่กลางแผ่นดินอัฟกัน พวกเขาคือคนขาวที่เป็นคนนอก ไม่เป็นที่ยอมรับของคนพื้นที่ และถือเป็นคนนอกศาสนา และแน่นอนว่า การที่คนในพื้นที่เลือกมาเป็นล่ามให้กับชาวอเมริกัน ย่อมถูกมองอย่างดูหมิ่น แต่สำหรับ อาห์เหม็ด ตัวเอกของเรื่อง เขามีเหตุผลที่ทำให้เกลียดตาลีบัน ซึ่งนั่นทำให้เขาทำงานร่วมกับทหารเมกันเหมือนแกงที่เคี่ยวจนเข้าเนื้อมากกว่าคนอื่น

ในความรู้สึกของนายแพท หนังเรื่องนี้ก็ดูไม่ได้เร่งรีบจะเล่าให้เดินเรื่องฉับไวอะไรขนาดนั้น แต่กลับให้เวลาเล่าถึงสิ่งที่ตัวละคร 2 ตัวต้องใช้ร่วมกัน เพื่อบอกเล่าความหนักแน่นที่จะเกิดขึ้นภายหลัง หนังใช้ทัศนียภาพในแถบสเปนที่ถ่ายทำออกมาให้เหมือนกับเป็นอัฟกานิสถาน ผ่านมุมกล้องสวยๆ และบางจุดก็ใช้แฮนด์เฮลด์ที่ชวนให้รู้สึกสมจริงเข้าไปอีก เสริมด้วยเสียงสกอร์ที่ชวนรู้สึกอึดอัดแกมลุ้นระทึก

เอาเป็นว่าหลังจากที่ได้เสพงานหนังของ กาย ริตชี มาหลายเรื่องที่ผ่านมา ก็ทำให้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีความหลากหลายในการผลิตอยู่ไม่น้อย ถึงจะถนัดในงานสร้างหนังแอคชั่นสไตล์สุภาพบุรุษ แต่เขาก็ยังหันมาทำหนังแฟนตาซีให้ดิสนีย์ได้ และล่าสุดมาจับทำหนังดราม่าเกี่ยวกับสงครามออกมาได้ดีอีกเช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กาย ริตชี ชื่อนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้ในวงการหนังอีกแล้ว

ความรู้สึกหลังรับชม Guy Ritchie’s The Covenant

ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว The Covenant ก็ถือว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างมอบผลลัพธ์ที่เซอร์ไพรส์อยู่ไม่เบา เพราะไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรแบบนี้ แต่หนังสามารถตอบโจทย์และสร้างความอิมแพคต่อใจคนดูได้เป็นอย่างดี แม้ว่าหนังจะยังค่อยข้างเพลย์เซฟกับสูตรสำเร็จที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ ก็ทำหนังออกมาได้สนุกและประทับใจ นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังทหารที่น่าจดจำเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งในยุคนี้เลยทีเดียว

ประเภท: แอคชั่น / ดราม่า / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: กาย ริตชี
นำแสดงโดย: เจค จิลเลนฮาน, ดาร์ ซาลิม
ความยาว: 123 นาที
กำหนดฉายในไทย: 20 เมษายน 2023

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิว Transformers: Rise of the Beasts

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน – ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน - ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน – ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

สวัสดีครับเพื่อน ๆ วันนี้เราจะมาพูดถึง หนังไทย แนวรักโรแมนติกย้อนยุค ฟีลกู้ดที่ดูแลอบอุ่นตลอดเวลา เรื่องวุ่น ๆ ของวัยรุ่น Y2K หนังไทยเรื่องใหม่ล่าสุด you & me & me (2023) เธอกับฉันกับฉัน ผลงานของผู้กำกับฝาแฝด แวววรรณ-วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์ ได้นักแสดงหน้าใหม่ ใบปอ ธิติยา จิรพรศิลป์ มารับบทนำ เรื่องราวของ ยู & มี ฝาแฝดที่มีกันและกัน 24 ชั่วโมง แต่แล้ววันหนึ่งโชคชะตาเล่นตลกให้ทั้งสองตกหลุมรักหนุ่มคนเดียวกัน เรื่องราวจะสนุกและน่าตื่นเต้นแค่ไหน อย่าลืมไปติดตามชมกันนะครับ

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน - ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน ภาพยนตร์ใหม่แกะกล่องจาก GDH

ภาพยนตร์ใหม่แกะกล่องจาก GDH “เธอกับฉันกับฉัน” (you and me and me) กำกับและเขียนบทโดย “วรรณแวว – แวววรรณ หงษ์วิวัฒน์” และโปรดิวเซอร์โดย “โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล” เรื่องนี้พามา “หมุนเข็มนาฬิกาย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1999 (พ.ศ. 2542) ยุคที่คนทั่วโลกต่างพูดถึงปัญหา Y2K และข่าวลือว่าโลกอาจจะแตกในวันสิ้นปี 1999 ผ่านตัวเอกของเรื่อง “ยู และ มี” (แสดงโดย ใบปอ ธิติยา) ฝาแฝดสาววัย ม.ต้น ที่สนิทกันมาก แชร์ทุกอย่างร่วมกัน ภาพยนตร์เธอกับฉันกับฉัน ผูกปมโยงเรื่องดี แค่ชื่อยูกับมีก็มีเอกลักษณ์แล้ว และเรื่องการชอบหนุ่มคนเดียวกัน ก็มีที่มาที่ไปจากการเข้าใจผิด

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน - ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

จนทำให้รู้สึกว่าเขาน่าจะชอบเรามากกว่าเธอ เล่าได้น่าติดตาม ถึงแม้การพบกันของหมากและยูจะเป็นความบังเอิญที่ดูจะเกิดขึ้นได้ยากก็ตาม โดยรวมมีดราม่าปานกลางไม่หน่วงจนเจ็บจี๊ด และถึงจะเป็นภาพยนตร์แนวรักโรแมนติก รักครั้งแรก แต่จะบอกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว และความสัมพันธ์ของการเป็นฝาแฝด หนังหยิบยกประเด็น Y2K ชวนให้นึกถึงวันวาน ทั้งทามาก็อตจิ เพลงและแฟชั่นโบ-จอยส์ นิตยสารเธอกับฉัน และเทปคลาสเซ็ต เป็นต้น ถ้าใครชอบหนังแนวนี้ก็น่าจะถูกใจ เธอกับฉันกับฉันเต็มเรื่อง

ปัญหาครอบครัวและความสัมพันธ์ของฝาแฝด

เธอกับฉันกับฉัน netflix ดูมีความพยายามที่จะจับยัดทุกอย่างที่อยากได้ใส่ลงไปหมด ทั้งปัญหาครอบครัว, ความสัมพันธ์ของฝาแฝด และ รักสามเส้า ท่ามกลางบรรยากาศย้อนยุคที่กำลังมาแรงอย่างยุค Y2K แต่คนทำหนังกลับไม่สามารถผสมผสานคลุกเคล้าทุกอย่างให้ออกมาได้อย่างกลมกล่อมและลงตัวเท่าไหร่นัก ออกมาในแนวเพลย์เซฟซะมากกว่า จะดราม่าก็ไปไม่สุด (ทั้งๆ ที่สามารถเล่นให้หนักกว่านี้ก็ได้ มีทางให้เล่นได้เยอะเลย) จะโรแมนติกรึก็ดูแปลกๆ

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน - ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

แถมเด็กก็ยังดูแรดเกินเบอร์ไปหน่อย (จริงๆ ด้วยบริบทของหนัง ไม่จำเป็นต้องมีฉากจูบกันก็ได้นะ หรือถ้าจะมี ก็เอาแค่ First Kiss แบบมุมน่ารักๆ ก็พอแล้วมั้ยอ่ะ ไม่จำเป็นต้องถึงขนาด French Kiss เลย) อีกประเด็นหนึ่งที่ไม่เข้าใจว่าคนทำหนังจะใส่เข้ามาทำไม นั่นคือฉากที่ตัวละคร ยู/มี ถอดเสื้อ แม้จะมีเฟิร์สบราหรือเสื้อซับในอยู่ก็ตาม (ตัวละครอายุน่าจะประมาณแค่ 13-14 ปีเท่านั้น) ซึ่งดูจากบริบทของหนังแล้วมันก็ไม่จำเป็นต้องใส่ซีนนี้เข้าไปก็ได้นะฮะ (แถมยังมีถึง 2 ฉากเลยทีเดียว ถ้าจำไม่ผิดนะ)

การดำเนินเรื่องและพลอตเรื่องง่าย ๆ ที่ไม่มีหักมุมอะไร

และด้วยพลอตเรื่องง่ายๆ ที่ไม่มีหักมุมอะไร บวกกับวิธีการเดินเรื่องคล้ายๆ กับหนังรักโรแมนติกของญี่ปุ่นที่เป็นลักษณะเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ เนือยๆ เนิบๆ นั่นจึงทำให้ถ้าใครที่ไม่สามารถโฟกัสอยู่กับเรื่องราวที่กำลังดำเนินไปได้ตลอดเวลา รับรองว่ามีช่วงเบื่อแน่นอนฮะ นอกจากการเดินเรื่องที่เรียบๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ก็คือเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครฝาแฝด ยู และ มี คือด้วยความที่ตัวละครทั้งสองเป็นฝาแฝด ดังนั้นทางด้านความสัมพันธ์แบบพี่น้องจึงควรที่จะถ่ายทอดออกมาให้ลึกกว่าคู่พี่น้องทั่ว ๆ ไป ยิ่งโดยเฉพาะผู้กำกับที่เป็นคนเขียนบทเองก็เป็นฝาแฝดด้วย

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน - ความรักและปัญหาของฝาแฝดไทย

แต่สิ่งที่เล่าออกมากลับกลายเป็นแค่เรื่องผิว ๆ ที่ไม่สามารถทำให้เราอินไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ดีพอ คือหนังมันให้ความรู้สึกแค่ประมาณหนังแนวรักสามเส้าของคู่พี่น้องธรรมดาๆ เท่านั้น ซึ่งจริงๆ การที่ใช้ตัวละครเป็นฝาแฝด มันควรจะสื่ออะไรให้ลึกกว่านี้ได้นะ อย่างเช่นเรื่องการสลับตัวกันแล้วไม่มีคนจับได้ หรือแม้กระทั่งพ่อและแม่เองที่บางครั้งยังจำผิดคนเลย ซึ่งตรงประเด็นเหล่านี้ก็พอเข้าใจแหละว่าคนทำหนังต้องการจะสื่ออะไร แต่มันยังไม่ค่อยทัชเท่าไหร่อ่ะ คือถ้าคนดูที่ไม่ใช่ฝาแฝดกันจริง น่าจะไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ของตัวละครในประเด็นเหล่านี้ได้อย่างชัดเจนพอ

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน สิ่งที่หนังแตกต่างจากหนังรักวัยรุ่นเรื่องอื่น ๆ

แต่สิ่งที่หนังทำออกมาได้แตกต่างจากหนังรักวัยรุ่นเรื่องอื่น ๆ คือการเล่าในมุมมองของความเป็นแฝดที่แชร์ทุกอย่างมาด้วยกันทั้งชีวิต จนสุดท้ายต้องเติบโตและพบว่าไม่มีอะไรในโลกสามารถแชร์กันได้ทั้งหมดอย่างที่เคยคิดเอาไว้เมื่อตอนยังเด็ก และที่สำคัญไม่มีใครสามารถอยู่ด้วยกันตลอดไปได้อย่างที่ใจคิด เราจะเห็นมุมมองของเด็กผู้หญิงที่กำลังจะก้าวข้ามไปสู่ความเป็นสาว เป็นช่วงวัยที่กำลังโตขึ้น ต้องผ่านการตัดสินใจที่ดูเหมือนง่ายแต่ยากมาก ๆ สำหรับเด็กสาวในวัยนั้น ที่บางครั้งก็คิดว่าฉันโตแล้วที่จะทำเรื่องหวือหวาบางเรื่อง หรือบางครั้งก็อาจสับสนจนทนไม่ไหวที่ต้องตัดสินใจบางอย่าง ซึ่งบรรยากาศของหนังสามารถสร้างให้เราคล้อยตามได้แบบนั้น

รีวิว เธอกับฉันกับฉัน ผลงาน วรรณแวว-แวววรรณ สองพี่น้องผู้กำกับมือดี

ต้องบอกว่า วรรณแวว-แวววรรณ สองพี่น้องผู้กำกับมือดีสามารถจับประเด็นเอาไว้ได้อยู่หมัด และมือเหนียวจนประเด็นต่าง ๆ ไม่มีหลุดหล่นอยู่ข้างทาง เรียกได้ว่าเป็นการจูงมือตามกันไปอย่างช้า ๆ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นกับ ‘ใจ’ ของความเป็นแฝด ให้เราได้เห็นความรู้สึกที่แท้จริงของแฝดคู่หนึ่งในความรู้สึกที่มีต่อกันโดยที่คนภายนอกอาจคิดไปเอง ความต้องการมีตัวตนที่เป็นของตนเองโดย ไม่ติดกับเงาแฝด การเติบโตที่ตามกันมาคล้ายกับตอนเกิด ด้วยการหยิบเอาเรื่องของรอบเดือนที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นสาวมาใช้อย่างง่าย ๆ แต่กลับเป็นจุดเล็ก ๆ ที่ขยายใจความได้ใหญ่มาก ๆ และความตื่นเต้นของกระแส Y2K ที่ทำให้เราย้อนอดีตไปนึกถึงการเคาต์ดาวน์ในวันนั้น

จะบอกว่าเรื่องนี้เป็นหนังภาพสวยอีกเรื่องหนึ่งก็ว่าได้ ด้วยการจัดแสงและการย้อมสีที่ดึงอดีตมาสู่หน้าจอได้แบบเนียนตา เราจะเห็นบรรยากาศความคลาสสิกของจังหวัดนครพนมในอีกมุมมองหนึ่งที่ไม่ได้ขายโลเคชันอย่างโจ่งแจ้ง แต่เราจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศสมจริงที่อยู่ในเรื่องถึงแม้ว่าโลเคชันในอดีตบางสิ่งบางอย่างอาจจะยังไม่มีในเวลานั้น แต่บรรยากาศโดยรวมก็สามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าเรากำลังยืนอยู่ที่นครพนมในปี 1999 จริง ๆ และถึงแม้ว่าในบางซีนจะลืมนำความเก่ามากลบความใหม่ที่ดันหลุดเข้าไปในยุคนั้นได้อย่างหน้าตาเฉย โดยเฉพาะอะไรเย็น ๆ หวาน ๆ ที่เราในยุคนั้นต่างล้อเลียนเมโลดี้ของเขาว่า อมแล้วดูด ลืมจริง ๆ ใช่ไหมล่ะ อ่ะให้อภัยก็ได้

ดาวรุ่งดวงใหม่ได้เกิดขึ้นแล้วแน่ ๆ และดาวรุ่งดวงนั้นชื่อ ใบปอ-ธิติยา ต้องบอกว่าสาวน้อยแสดงเป็นคู่แฝดที่ทำให้เราเชื่อได้อีกคู่หนึ่ง จนทำให้นึกเล่น ๆ ว่าถ้าหนังเรื่องนี้ใช้การการโปรโมตแบบไม่เฉลย จะเกิดอะไรขึ้น จะมีใครเข้าใจผิดบ้างไหมว่านี่คือแฝดจริงหรือแฝดเทียม น่าสนุกเหมือนกันนะคะถ้าจับตรงนี้มาเล่นแบบเอาเถิดเจ้าล่อ จุดนี้ต้องขอชมที่ตัวนักแสดงจริง ๆ ว่าเป็นมือใหม่ที่มีความพยายามและใส่ใจในคาแรกเตอร์จนเราสามารถเชื่อได้ว่านี่คือ ยู นี่คือ มี มากไปกว่านั้นยังโปรยเสน่ห์ความสดใจแจกจ่ายไปทั่วสารทิศ ทั้งรอยยิ้ม กิริยาท่าทางและความเป็นสาววัยนั้นที่พบรักกับเสื้อสายเดี่ยวและเพลงผ้าเช็ดหน้าของไทรอัมพ์ส คิงดอม

เส้นเรื่องที่ดำเนินอยู่ในช่วงปี 1999

จุดที่หลายคนชวนลุ้นคงจะเป็นเรื่องความรัก ซึ่ง “ยู” รู้อยู่แล้วว่า พระเอกชอบ “มี” แต่ด้วยความที่อาจจะไม่เคยมีใครมาชอบเอย หรือจะด้วยนิสัยที่ค่อนข้างจะเป็นคนจริงจังอยู่แล้ว พอเจอเข้าครั้งแรกก็รู้สึกอยากจะตอบรักในครั้งนี้ ส่วนทางด้าน “มี” ที่เคยเจอคนชอบมาบ่อยแล้ว แต่กับพระเอกก็ไม่สามารถบอกได้ว่า ความสัมพันธ์ที่จริงคืออะไร แต่ที่สำคัญคือ ไม่อยากเสียฝาแฝดให้ใคร และนี่คิดจุดพิสูจน์ในการเติบโตขึ้นอีกก้าวของเหล่าตัวละคร

ปัญหา Y2K (Year 2 kilo) หรือ ปัญหา 2000 ด้วยเส้นเรื่องที่ดำเนินอยู่ในช่วงปี 1999 ตรงกับยุคที่กำลังเกิดปัญหานี้ขึ้น สำหรับ Y2K เป็นปัญหาเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ ที่สมัยนั้นมีความเชื่อว่า หากขึ้นต้นปี ค.ศ.2000 ระบบทั่วโลกจะล่ม และผิดเพี้ยน โดยในเรื่องได้มีการกล่าวถึงเนื่องนี้ ราวกับพาย้อนไป ณ เวลานั้นจริงๆ ถ้าคนที่เกิดทันก็คงจะอินไม่ใช่น้อย แม้แต่คนที่อาจจะไม่ได้เกิดในยุคนั้น คงแบบ อ่อ มีเรื่องแบบนี้ด้วย และนี่คือที่มาจริงๆของ Y2K ในยุคนั้น

ภาพยนตร์เรื่อง : เธอกับฉันกับฉัน | You & Me & Me (2023)
แนว : รักโรแมนติก ฟีลกู๊ด ลึกซึ้งกินใจ
นักแสดง : ปอ ธิติยา, โทนี่ อันโทนี่
ผู้กำกับ : แวววรรณ-วรรณแวว หงษ์วิวัฒน์
หนังยาว : 2 ชั่วโมง

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิวหนัง M3GAN เมแกน

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน – ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน - ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน – ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

หลาย ๆ คนยังจำได้ดี กับปรากฏการณ์ตุ๊กตาผีอย่าง Chucky ที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งในปี 2023 สามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่า เทคโนโลยีในสมัยปัจจุบัน ก้าวหน้าขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับเมื่อหลายทศวรรษก่อน แล้วเทคโนโลยีก็ถูกนำมาใช้งานหลายรูปแบบ โดยทั่วไปคือเพื่อค้นหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อความสะดวกสบายของมนุษย์ และเพื่อสร้างอย่างหนังสยองขวัญที่มีงานแหวกแนวมากมาย อย่างเรื่อง m3gan netflix ตุ๊กตาที่เหมือนมีชีวิต สร้างความสยองขวัญที่ยากจะควบคุมได้ เรื่อง M3gan 2023 (เมแกน) เมื่อต้องรับเลี้ยงเด็กแต่รับมือไม่เป็น จึงสร้าง เมแกน มาเป็นเพื่อนแทน ก่อนจะเจอกับความสะพรึงที่ไม่คาดคิด

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน - ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน ภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ผสมไซไฟ

ยิ่งโลกก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไปเรื่อยๆ หนัง m3gan movie ที่เล่าเรื่องของเอไอก็ยิ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง คราวนี้ หันมาเล่าเรื่องของเล่นของเด็กมนุษย์ที่ถูกคิดค้นให้ฉลาดล้ำด้วยเอไอ  ความจริงแล้วมันก็คือหุ่นยนต์ นั่นแหละ และตัวต้นแบบนั้นชื่อ ‘M3GAN’ แต่สำหรับคนไทย เรียกกันว่ามันคือ ‘เมแกน’ ที่มีจุดก่อกำเนิดมาจากเด็กหญิงคนหนึ่ง

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน - ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

ภาพยนตร์แนวสยองขวัญที่ผสมไซไฟเข้าไปจากฝีมือการกำกับของ เจมส์ วาน เจ้าพ่อหนังกระตุกขวัญแห่งจักรวาล The Conjuring Universe สำหรับผลงานในครั้งนี้มีความแปลกใหม่อย่างมาก เพราะความสยองขวัญของเรื่องมี AI (ปัญญาประดิษฐ์) เป็นตัวเดินหน้าความหลอนอย่างบ้าระห่ำ แทนสิ่งลี้ลับหรือตุ๊กตาผีอย่างที่เราคุ้นชินกัน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องเมแกนได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย

เรื่องย่อ M3GAN เมแกน

m3gan เรื่องย่อ เจมมา คือหญิงสาวที่ทำงานในด้านพัฒนาของเล่นอัจฉริยะในบริษัทแห่งหนึ่ง ในวันที่เธอกำลังง่วนอยู่กับการเร่งพัฒนาให้ทันตามเดดไลน์ ก็ได้รับรู้ว่าตัวเองต้องรับเลี้ยง โคดี้ (Violet McGraw จากซีรีส์เรื่อง ‘The Haunting of Hill House’, หนังเรื่อง ‘Black Widow’ และ ‘Doctor Sleep’) หลานสาวของเธอผู้ที่เพิ่งจะสูญเสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุรถตักหิมะชน

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน - ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน การดำเนินเรื่อง

เจ็มมา ได้พัฒนาหุ่นยนต์พี่เลี้ยงเด็กขึ้นมา และให้ชื่อของมันว่า M3GAN เธอได้นำมันกลับบ้านไปเพื่อให้เป็นเพื่อนและพี่เลี้ยง เคดี้ หลานสาวของเธอ แต่ความดำมืดเริ่มคืบคลานมา เมื่อเจ้าหุ่น M3GAN เริ่มไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ็มม่า มันเลือกที่จะยึดถือคำสั่งที่ว่าจะไม่ยอมให้ใครทำอันตราย เคดี้ และใช้ความรุนแรงในการจัดการทุกอย่างที่เข้ามาคุกคาม พร้อมกับค่อยๆ เผยความชั่วร้ายของมันออกมา จนทำให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่า มันเป็นเพราะระบบ AI ที่ผิดพลาด หรือเป็นความชั่วร้ายอันแสนลึกลับกันแน่ เมื่อมองเห็นว่าตัวเองก็มีงานล้นมือ ไม่พร้อมจะดูแลเด็ก อีกทั้งยังได้แรงบันดาลใจจากคำของโคดี้เอง ทำให้เธอมุ่งมั่นพัฒนาของเล่นที่เป็นหุ่นยนต์ขึ้นเพื่อให้เป็นเพื่อนกับโคดี้ และตั้งชื่อให้มันว่า เมแกน (แสดงโดย Amie Donald พากย์เสียงโดย Jenna Davis) ด้วยเอไอที่ใส่เข้าไป ทำให้เมแกนทำได้ทุกอย่าง ฉลาดขึ้นทุกวัน และผูกพันกับโคดี้มากขึ้นทุกวัน จนมันกลายเป็นเหตุอันน่าพรั่นสะพรึง

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน - ไม่ว่าเธอจะอยู่ที่ไหนฉันจะอยู่ที่นั่น

การวางปมและคลายปมต่างตั้งแต่ต้นทาง

ในด้านการกำกับ เจอราร์ด จอห์นสโตน ต้องยอมรับว่าตัวบทภาพยนตร์เหมือนคะแนนที่บวกให้หนังไปพอสมควรอยู่แล้ว การวางปมและคลายปมต่าง ๆ ก็ครบจบมาตั้งแต่ต้นทาง ถ้าหากสังเกตดี ๆ หลายซีนเหมือนกันที่จอห์นสโตนเองก็เอาไม่อยู่โดยเฉพาะฉากระทึกหรือฉากที่ต้องใช้จัมป์สแกร์ซึ่งแทบจะเป็นเครื่องหมายของหนัง เจมส์ วาน โปรดิวเซอร์ แต่ความแม่นยำของจอห์นสโตนยังไม่มากนัก เลยฉากเลยเห็นแค่ความโหดแต่ขาดความตื่นเต้นหรือการกระตุ้นเร้าให้ผู้ชมลุ้นก่อนหลอกหลอนไปอย่างน่าเสียดาย

ด้านนักแสดงอย่าง วิโอเลต แม็คกรอว์ ที่เคยผ่าน ‘The Haunted of Hill House’ ซีรีส์สยองขวัญดราม่าทาง Netflix ก็ทำหน้าที่ได้ดี แม้ทั้งเรื่องน้องจะทำอยู่หน้าเดียวก็ตาม แต่ด้วยบทที่เอื้อเลยทำให้ใบหน้าไร้อารมณ์ของน้องเสริมบรรยากาศความไม่น่าไว้วางใจและสื่อหัวใจเรื่องการถูกเลี้ยงด้วยเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี ส่วน อัลลิสัน วิลเลียมส์ พอได้บทที่สีสันน้อยกว่า ‘Get Out’ เลยอาจน่าเสียดายไปหน่อยเพราะฝีมือการแสดงของเธอไม่ขี้เหร่เลย เพียงแต่หุ่นเมแกนมาดึงความสนใจผู้ชมไปเสียหมด

ทีนี้มาถึงน้อง เอมี โดนัลด์ (Amie Donald) นักแสดงวัย 9 ขวบที่ต้องสวมชุดใส่หน้ากากรับบทหุ่นแอนดรอยด์นักฆ่าที่แม้ไม่เห็นหน้าแต่การควบคุมมูฟเมนต์ต่าง ๆ ของเจ้าหุ่นเมแกนคือการฝึกการใช้ร่างกายที่ดูออกเลยว่าเธอมีวินัยขนาดไหนแบบไม่ให้เสียชื่อนักเต้นทีมเอ็นซี (NZ) ที่เคยร่วมแข่งขัน ‘the Dance World Cup’ ที่เมืองบรากา (Braga) ประเทศโปรตุเกสในปี 2019 จนทำให้หุ่นเมแกนมีความสยองภายใต้การเคลื่อนไหวที่ทั้งแข็งแรงและงดงามอย่างยิ่ง

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน ผลงานความร่วมมือระหว่าง เจมส์ วาน และ บลัมเฮาส์ โปรดักชันส์

‘M3GAN’ เป็นผลงานประเดิมความร่วมมือระหว่าง เจมส์ วาน (James Wan) กับทางบลัมเฮาส์ โปรดักชันส์ (Blumhouse Productions) สตูดิโอหนังสยองขวัญที่มีงานแหวกแนวมากมาย ภายใต้บ้านใหม่อย่างยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) ซึ่งวานเลือกปั้นโปรเจกต์หนังหุ่นเอไอนักฆ่าภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูเป็นมิตรกับเด็ก ๆ และเลือกเจอราร์ด จอห์นสโตน (Gerard Johnstone) ผู้กำกับที่เคยมีหนังสยองขวัญอย่าง ‘Housebound’และซีรีส์ ‘The New Legends of Monkey King’ ที่เล่าตำนานหงอคงในรูปแบบใหม่ฉายทาง Netflix มากุมบังเหียน แค่เห็นชื่อสองผู้อำนวยการสร้าง อย่าง James Wan แห่ง Atomic Monster และ Jason Blum แห่ง Blumhouse รวมถึงผู้กำกับ Gerard Johnstone ก็การันตีคุณภาพได้แล้ว สำหรับ M3GAN ภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญ ต้อนรับปี 2023 ซึ่งได้เรตการฉายในบ้านเราอยู่ที่ PG-13

รีวิวหนัง M3GAN เมแกน ความรู้สึกหลังรับชม

ด้วยพลอตและตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมา อาจทำให้หลายคนเข้าใจได้ว่า M3GAN ก็คงจะเหมือนกับหนังตุ๊กตาไล่เชือดเรื่องอื่นๆ ที่เคยผ่านตา แต่ทว่าในความเป็นจริง M3GAN จัดหนักแบบเล่นใหญ่มากกว่านั้นเยอะ! เพราะตลอดระยะเวลากว่า 102 นาที เราในฐานะคนดูรู้สึกได้เลยว่า ทุกๆ วินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และไม่ใช่แค่เพราะวิธีการดำเนินเรื่องที่กระชับเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องของฝีมือการแสดง ทั้งจากนักแสดงตัวแม่ Allison Williams และน้อง Violet McGraw ที่บอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา อีกทั้งยังมีมุกตลกถูกปล่อยออกมาเรียกเสียงหัวเราะตั้งแต่วินาทีแรกที่หนังเริ่มกันเลยทีเดียว

ขณะที่ตัวบทแม้จะดูเหมือนคาดเดาได้ง่ายสไตล์สูตรสำเร็จ แต่ตัวหนังกลับใช้วิธีการนำเสนอให้คนดูรู้สึกอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละครหลักทั้ง 3 ซึ่งก็คือ น้าเจ็มม่า น้องเคดี้ และ เมแกน ที่ต่างก็มีเหตุผลของตัวเองอย่างชัดเจน จนนำไปสู่จุดจบที่ทำให้คนดูอย่างเราอดไม่ได้ที่จะลุ้นและเอาใจช่วย สำหรับฉากการฆ่าที่คอหนังสยองใฝ่ฝัน แม้ว่า M3GAN จะไม่จัดหนักแบบเลือดสาดท่วมจอ เพราะเรต PG-13 (แถมส่วนใหญ่ก็ถูกปล่อยออกมาให้ได้เห็นกันบ้างแล้วจากตัวอย่างภาพยนตร์) แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออรรถรสในการดูเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างที่บอกงานนี้เขา เล่นใหญ่! ให้เยอะ! เน้นสาแก่ใจนัก!

ชื่อภาพยนตร์ M3GAN / เมแกน
กำกับ Gerard Johnstone/เจอร์ราด จอห์นสโตน
เขียนบท Akela Cooper (story & screenplay), James Wan (story)
แสดงนำ Allison Williams, Violet McGraw, Ronny Chieng, Amie Donald, Jenna Davis
แนว/ประเภท สยองขวัญ, ไซไฟ, ระทึกขวัญ
เรท PG-13
ความยาว 102 นาที
ปี 2023

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิวหนัง Run Rabbit Run