Category Archives: หนังไทยnetflix

รีวิว avenger age of ultron

รีวิว avenger age of ultron

รีวิว avenger age of ultron

หนังไทยnetflix หลังจากที่รอคอยมานานกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ก็ได้กลับมาอีกครั้งในภาคนี้ เชื่อว่าแฟนคลับ ทีม Avengers คงรอกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งเราตั้งใจว่าจะเขียนบทความตามความชอบของแต่ละคน ซึ่งตั้งใจว่าจะไม่ให้เกี่ยวกับ IT อย่างที่เคยเขียนกันเป็นประจำอยู่แล้ว วันนี้ผมเลยจะมารีวิวหนังให้อ่านกันเช่นเคยครับ

โดยจะรีวิวหนังที่หลายๆคนคงได้ไปดูกันแล้วนั่นก็คือ Avengers : Age of Ultron ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วที่จักรวาลในฉบับภาพยนต์จะแตกต่างจากในเนื้อเรื่องจริงโดยสิ้นเชิง ซึ่งนับเป็นเรื่องดีครับเพราะเราจะได้เห็นความแตกต่างและน่าลุ้นระทึกกับจักรวาลใหม่ในฉบับภาพยนต์อย่างเต็มอิ่ม โดยไม่จำเป็นต้องปักใจกับฉบับคอมมิคอีกแล้ว

เนื้อเรื่องใน Avengers: Age of Ultron เริ่มต้นที่ประเทศโซโคเวีย ซึ่งเหล่า Avengers ได้เข้าจู่โจมฐานทัพลับของ Baron Von Strucker ที่ได้ขโมยคฑาของ Loki ไปซึ่งภายในมี Mind Gem ซึ่งเป็นหนึ่งใน Infinity Gem ซึ่งมีพลังอำนาจเกินหยั่งถึง ซึ่งนอกจาก Mind Gem แล้วยังประกอบด้วย Space Gem, Soul Gem, Reality Gem, Time Gem, Power Gem ซึ่งอัญมณีเหล่านี้กำลังถูกรวบรวมอยู่อย่างลับๆ ซึ่งจะมีเฉลยอยู่ในหลังเครดิตของเรื่องครับ รอดูกันได้เลย (ผมไม่สปอยล์ครับ อิอิ) เว็บดูหนัง

รีวิว avenger age of ultron

รีวิวหนังดัง โดยเหล่า Avengers ต้องแย่งชิงคฑาคืนมาจาก Baron Von Strucker ให้ได้เพื่อคืนให้กับ Thor โดยในภารกิจครั้งนี้ Iron Man ได้ไปเจอยานรบต่างดาวจากภาคแรกที่ Baron Von Strucker นำมาเก็บซ่อนเอาใว้ และโดน Scarlet Witch เล่นงานทางจิตใจจนทำให้เขาหวาดกลัวว่าลำพังเพียงทีม Avengers จะไม่สามารถปกป้องโลกใบนี้ได้ และกลัวการสูญเสียเพื่อน

รวมทั้งความผิดที่ต้องแบกรับว่าเขาไม่สามารถช่วยใครได้เลย ซึ่งนำไปสู่การสร้าง Ultron ปัญญาประดิษฐ์ที่เขาได้ร่วมสร้างกับ Hulk เพื่อใช้ปกป้องโลกแทนเหล่า Avengers แต่กลับผิดคาด Ultron กลับคิดว่าปัญหาของโลกก็คือมนุษย์นั่นเอง จึงต้องการที่จะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สูญสิ้นไปจากโลก นำมาสู่มหาสงครามที่ยิ่งใหญ่ของเหล่า Avengers

รีวิว avenger age of ultron

สำหรับใน Avengers : Age of Ultron ตัวละครหลักกลับมาครบทีมเลยครับทั้ง Captain America, Iron Man, Hulk, Thor, Hawkeye, Black Widow และ Nick Fury โดยมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามาอีกหลายคนทั้ง QuickSilver, Scarlet Witch และ Vision (ช่างเป็นภาพยนต์ที่ตัวละครเยอะมากจริงๆ ไม่นับรวมลายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ทาง Marvel ใส่เข้ามาอีกนะครับ) นอกจากนี้ยังมีตัวละครอื่นๆที่เข้ามาเหมือนบทรับเชิญให้แฟนๆได้ปลื้มกันอีกหลายคนเลยทีเดียว แนะนำเลยว่าห้ามพลาดโดยเฉพาะแฟนๆ Marvel ด้วยแล้วนะครับ

สำหรับตัวละครใหม่อย่าง QuickSilver และ Scarlet Witch จะเป็นตัวละครที่มาจากเรื่อง X Men แต่จะมีที่มาแตกต่างจากต้นฉบับเพราะปัญหาลิขสิทธิ์ แต่ความสามารถยังคงเดิมครับ QuickSilver ความสามารถคือความเร็วเหนือมนุษย์ ซึ่งมีความเร็วเท่ากับความเร็วเสียงเลยทีเดียว

ส่วนทาง Scarlet Witch จะมีพลังควบคุมจิตใจ และปล่อยคลื่นพลัง และ Vision เป็นหุ่นยนต์ที่ผสมผสานกับร่างกายที่มีชีวิต โดยมี Mind Gem เป็นแหล่งพลังงานทำให้ทรงพลังอำนาจมากๆ สามารถปรับเปลี่ยนสภาพร่างกายได้ สามารถบิน หรือล่องหน รวมทั้งปล่องลำแสงพลังงานได้อีกด้วย ดูหนัง

สรุป avenger age of ultron

รีวิวหนังดัง Avengers : Age of Ultron เปิดเรื่องมาได้ชวนน่าสนุกครับ ฉากแอคชั่นใหญ่โตและดูน่าสนใจ ออกแบบมาได้ดีมากๆ และมีฉากที่ได้เห็นด้านที่อ่อนแอของเหล่า Avengers ซึ่งช่วยให้ภาพยนต์เรื่องนี้ดูมีมิติมากกว่าภาคที่แล้ว แต่ว่าโดยส่วนตัวผมมองว่ายังทำออกมาได้ไม่ดีนัก

เพราะโดยส่วนตัวผมไม่รู้สึกอินตามเลยจริงๆ ในภาคนี้ Hawkeye เด่นมากๆครับ เป็นพระเอกของภาคนี้เลยละ ได้บทที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในเหล่า Super Hero และได้แสดงออกในด้านที่อ่อนโยน ส่วนตัวละครหน้าใหม่ผมชอบที่หนัง ไม่ปูเรื่องมากนัก แต่ยังสามารถอธิบายให้คนดูเข้าใจและเห็นใจกับการตัดสินใจของทั้ง QuickSilver และ Scarlet Witch ที่จะอยู่ฝั่ง Ultron เสียดายที่ดูจนจบผมยังรู้สึกว่าหนังเล่าเรื่องได้ไม่ค่อยเคลียร์ ยังมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องที่ดูไม่ประติดประต่อนัก แต่ด้วยนักแสดงที่มากขนาดนี้ เรื่องราวที่เล่าเยอะขนาดนี้ผมว่าทำออกมาได้น่าพอใจแล้วละครับ

ในส่วนของงานภาพและเสียงประกอบภาพยนต์ทำได้สุดยอดมากครับ ออกแบบฉากต่างๆได้สวย ฉากใหญ่ๆในเรื่องจัดเต็มให้ดูกันแทบจะทั้งเรื่อง ซึ่งทำได้สมราคาคุยจริงๆ ยอดเยี่ยมมากๆ โดยเฉพาะฉากที่ Iron Man ต่อสู้กับ Hulk กลางเมืองดูสนุกและมันมากครับ ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมจนหนังตัวอย่างที่ตัดมาเป็นแค่น้ำจิ้มไปเลย ต้องไปดูกันจริงๆ

รีวิว avenger age of ultron

และฉากรถประจำทางตลุยกลางเมืองก็ออกแบบมาได้สุดยอดมากครับน่าตื่นตาตื่นใจ จนไปถึงฉากกองทัพ Ultron รุ่มโจมตีทีม Avengers ก็ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ ฉากสุดท้ายของเรื่องดูยิ่งใหญ่มากๆสมเป็นหนังภาคต่อที่หลายๆคนคาดหวังมากที่สุดเรื่องนึงจริงๆ ดูจนจบก็ไม่รู้สึกเบื่อเลยครับทั้งที่ภาพยนต์เรื่องนี้มีความยาวเกือบ 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว มุกตลกต่างๆในเรื่องดูน่ารักมากๆ และทำออกมาได้ลงตัวจริงๆ ผมว่าแฟนๆน่าจะติดใจแน่นอน แถมภาคนี้ยังมีเรื่องโรแมนติคที่แตกต่างจากในคอมมิคระหว่าง Hulk กับ Black Widow ด้วยนะเออ^^

สำหรับสิ่งที่ผมชอบที่สุดในภาคนี้ก็คือ Ultron ครับออกแบบตัวละครได้มีมิติมากๆ มีมิติมากยิ่งกว่าในคอมมิคด้วยซ้ำ เป็นตัวละครหุ่นยนต์ที่นำเสนอได้เหมือนว่ามีเลือดเนื้อ มีอารมณ์ และอุปนิสัยที่น่าสนใจมากๆ มีมิติทำให้เราเชื่อว่า Ultron ทำไปเพราะเขาเชื่อแบบนั้นจริงๆ ทำให้เป็นตัวร้ายที่ดูไม่กระจอกแต่มีอุดมการณ์ และมีสีสันจับต้องได้มากกว่าที่คาดใว้อีกครับ ขอชมเลยว่ายอดเยี่ยมมากๆ

แต่ที่ชมมาทั้งหมดต้องบอกว่า Avengers : Age of Ultron นั้นสร้างออกมาได้ยอดเยี่ยมแล้ว บทเขียนมาได้ดีแล้ว แต่ผมคิดว่าเพราะหนังยาวเกินไป จึงโดนตัดต่ออย่างกระชับเกินไป จนรายละเอียดที่ควรจะมีขาดหายจนผมรู้สึกว่าหนังยังไปได้ไม่สุด และทำให้บางส่วนของเรื่องราวดูหายไปจากความเข้าใจ เว็บหนัง

รีวิว avenger age of ultron

ซึ่งแม้จะไม่นับรวมเรื่องนี้ Avengers : Age of Ultron ก็ยังคงสนุกน้อยลงกว่า The Avengers ภาคก่อนหน้านี้พอสมควรเลยครับ แต่แม้ว่าจะสนุกน้อยกว่า แต่ก็ไม่ได้แปลว่า Avengers : Age of Ultron จะไม่สนุกนะครับ ต้องบอกว่ามันสนุกมากๆจนไม่ควรพลาดโดยเด็ดขาดเลยละครับ

Avengers : Age of Ultron เป็นหนังที่มีโฆษณาแฝงเยอะมากครับ ที่เห็นชัดๆเลยก็ Samsung และ Beats อิอิ ชัดแบบตั้งใจสุดๆกันไปเลย (มีแบรนด์อะไรอีกบ้างมาบอกต่อกันได้นะครับ) ท่าจะจ่ายเยอะนะครับเนี่ย ซึ่งผมว่าน่าจะมีใครหลายๆคนอาจจะไปซื้อ Samsung Galaxy S6 Edge เพราะดู Avengers : Age of Ultron ก็เป็นได้นะครับ^__^ และมารอชมขบวนภาพยนต์ Super Hero จาก Marvel กันครับมีให้ชมอีกเพียบ แถมทางฝั่ง DC ก็มีทีเด็ดเช่นกัน เป็นยุคทองของหนัง Super Hero จริงๆครับ

วันที่ผมไปดู Avengers : Age of Ultron ผมและเพื่อนๆเลือกดูโรง IMAX ก็เลยได้ชมตัวอย่างภาพยนต์ที่น่าสนใจมากๆ Tomorrowland ซึ่งตัดมาให้ชมนานกว่าหนังตัวอย่างปกติมากๆเลยครับ เชื่อว่าหลายๆคนได้ชมแล้วต้องอยากตามดูฉบับเต็มๆของ Tomorrowland แน่นอน (จะเข้าฉายเดือนนี้แล้ว)

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีครับวันนี้แอดมินเค มาแนะนำหนัง ซุปเปอร์ฮีโร่สุดคลาสสิค เรื่องกัปตันอเมริกา ภาค 3 ที่แอดมินชอบมากๆอีกเรื่องเลย ไม่ได้เขียนชื่อหนังผิดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนดูมาแล้วก็จะเข้าใจว่า พล็อตของคำว่า Civil War นั้นมันคลุมตัวหนัง กัปตันอเมริกาภาค 3 ได้ชัดเจนกว่ามาก ๆ จริง ๆ จนสมควรเอาชื่อภาคขึ้นนำเลยล่ะ Civil War เป็นอีเว้นท์ฮีโร่แบ่งพวกแล้วซัดกันเองของมาร์เวล คอมมิค ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการที่รัฐบาลต้องการควบคุมสิทธิ์การใช้พลังที่อิสระเสรีของเหล่าฮีโร่เพื่อความปลอดภัย และ ตรวจสอบได้

โดยมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมตัววายร้ายที่ผิดพลาดของฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรง และ มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่งผลให้กัปตันอเมริกากับไอออนแมนต้องแตกหักกัน เพราะกัปตันฯต้องการรักษาความมีอิสระในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไว้ ในขณะที่ไอออนแมนต้องการให้ฮีโร่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับ และ ลดความเสี่ยงในการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ลง

หนังจากการตีความบทใหม่โดย Christopher Markus และ Stephen McFeely สองมือเขียนบทที่ดูแลหนังกัปตันอเมริกามาแล้วตั้งแต่ภาคแรก และ ยิ่งนับวันยิ่งคม และ สนุกขึ้นเรื่อย ๆ พูดตรง ๆ ว่าภาคแรกนั้นน่าเบื่อเอามาก ๆ สำหรับผมนะ แต่พอมาภาคสองนี่ โห เข้มข้นแบบสร้างแนวทางหนังกัปตันฯให้แตกต่างชัดเจนจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ ไปเลย

รีวิว Captain America Civil War

เพราะจะมีความหม่น ๆ และ ดราม่าแบบการเมืองอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งพอมาภาค 3 ทันทีที่ประกาศว่าจะเป็นซีวิล วอร์ นี่แบบคือเชื่อมือเลยว่า บทหนังน่าจะแข็งแรง และ กดดันความขัดแย้งในตัวละครได้ดีแน่ ๆ ซึ่งก็ดีจริง ๆ ดีมาก ๆ ในขณะที่เราดูหนังไปเราเห็นภาพสะท้อนสังคมโลกอยู่ในนั้นเลย โดยเฉพาะประเด็นหน้าที่ และ ขอบเขตอำนาจตำรวจโลกอย่างอเมริกาที่แสดงผ่านตัวกัปตันฯ และ ไอออนแมนนั่นล่ะ และ คำพูดตัวละครหลาย ๆ คำก็เสียดแทงสังคมมนุษย์จริง ๆ ด้วยเรียกว่ามีคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดด้วยนะ

และ ความดีงามผิดหูผิดตาในหนังกัปตันฯ สองภาคหลังนั้น อาจยังต้องยกความดีความชอบให้การกำกับของสองพี่น้อง Anthony Russo และ Joe Russo ที่เข้ามากุมบังเหียนนับตั้งแต่หนังภาคสอง วินเทอร์โซลเยอร์ ด้วย ตรงนี้ต้องชื่นชมแมวมองของมาร์เวลสตูดิโอจริง ๆ ที่เอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาปลุกปั้นได้ถูกทุกทางจริง ๆ เชื่อว่าโลกเราจะได้ผู้กำกับ และ ทีมงานทำหนังสนุก ๆ ชั้นยอดที่เกิดจากค่ายนี้อีกหลายคนเลยทีเดียว

โดยไม่สปอยล์ คงพูดได้เพียงว่าหนังเอาหัวใจสำคัญจากคอมมิคชุดซีวิล วอร์ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแบบจักรวาลของหนังมาร์เวลที่มีทางของตัวเอง นั่นคือไม่เหมือนกับในคอมมิคแน่ ๆ นั่นทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกมาก ๆ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร เว็บหนัง

รีวิว Captain America Civil War

รีวิวหนังดัง โดยเนื้อเรื่องว่าด้วยความรู้สึกของตัวละครสองกลุ่ม และ ข้อขัดแย้งภายในจิตใจที่เกิดจากเหตุการณ์ผลกระทบในอดีต ทั้งความพินาศของเมืองต่าง ๆ ในการปฏิบัติการแต่ละครั้งของฮีโร่ โดยเฉพาะจากหนัง อเวนเจอร์ ภาคล่าสุดอย่าง เอจออฟอัลตรอน ที่ทำให้เมืองโซโคเวียไม่เหลือชิ้นดี ตรงนี้ก็เปิดช่องให้ขุมกำลังที่ชื่อสหประชาชาติ (ในฐานะตัวแทนมนุษยชาติในแง่มุมหนึ่งนะ) เข้ามาแสดงบทบาทในการทวงถามการตรวจสอบการทำงานของฮีโร่ด้วย

ผลกระทบของการปฏิบัติการโซโคเวียยังส่งผลมาหลายสายทางในหนังภาคนี้ โดยเฉพาะมากที่สุดกับโทนี่ สตาร์ก ที่เราจะเห็นความกลัวในใจของเขาในภาคเอจออฟอัลตรอนแล้วจากนิมิตที่เขาพบว่าตนเป็นต้นเหตุให้เพื่อน ๆ ตายกันหมด ความกลัวที่ตัวเขาจะสร้างผลกระทบกับคนที่รัก และ เหยื่อบริสุทธิ์นั้นถูกขยายอย่างมากในหนังภาคนี้ และ ทำให้โทนี่เป็นตัวละครที่เด่นไม่เป็นรองกัปตันอเมริกา ซึ่งถ้าดูให้ดีแล้วเขาคือตัวขับเคลื่อนเรื่องเสียด้วยซ้ำ

ตรงนี้พาดพิงแล้ว ขออวยหน่อย ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ไอออนแมนที่ขาดไม่ได้ในจักรวาลมาร์เวลเท่านั้น แต่ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่า ป๋าแกคือองค์ประกอบที่สำคัญโคตร ๆ ในการทำให้หนังมาร์เวลเชื่อมโยง และ สนุกมาก ๆ ด้วยเคมีของแกที่เข้าโคตรดีกับตัวละครต่าง ๆ แม้แต่กับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือไอ้แมงมุม ที่มาปรากฏกายครั้งแรกในหนังเรื่องนี้

รีวิว Captain America Civil War

การรับส่งบทมุกต่าง ๆ กับเฮียแกนี่ ทำให้ซีนธรรมดา ๆ อย่างคุยกันกลายเป็นการเปิดตัวที่น่าจดจำของสไปดี้คนใหม่อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอต้องพยายามดึงป๋ามาเล่นใน Spider-man: Homecoming ซึ่งเป็นการรีบูทใหม่ในปีหน้านี้ด้วย คือตรงนี้ต้องบอกเลย ต่อให้โทนี่ สตาร์กจะเลิกเป็นไอออนแมนก็ไม่เป็นไรเลย แต่ขอแค่ป๋ายังโผล่มาเป็นโทนี่ในหนังเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

แบล็กแพนเธอร์ สไปเดอร์แมน โผล่เข้ามาในเรื่องได้มีเหตุผลเข้าท่า ไม่ได้จับยัด ๆ เข้ามา แถมมีฉากโชว์ของตัวเองที่ติดตาด้วย ส่วนตัวละครอื่น ๆ ที่อยู่ประจำแล้วนั้นแบ่งเฉลี่ยบทได้ดี มีฉากขโมยซีนของตัวเองกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แอ๊นท์แมน อันนี้ต้องไปดูกันนะ ดูหนัง

สรุป Captain America Civil War

รีวิวหนังดัง ด้านความขัดแย้งของทั้งในตัวละคร และ ระหว่างตัวละครนี่โอเคหมดเลย สมจริง ไม่มีตรรกะอ่อนให้ต้องพูดแซวกันเลย คือหนังคุณภาพมาก ๆ แม้จะโคตรนานถึง 2 ชั่วโมง 26 นาทีก็เถอะ หาเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนี้เข้าโรงไปดูเลยคุ้มมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่หรือไม่ก็ตาม

ถามว่ามีส่วนให้ติงมั้ย ก็มีนะ ถ้าไม่ได้ตาเทพคอยจับผิดซีจีก็ถือว่าเนียนตามาก แต่ถ้าตาเทพก็มีดูลอยๆ บ้างเหมือนกันบางฉาก หนังบาลานซ์ฉากคุยกับฉากแอ๊กชั่นได้ดีนะ แต่ถ้าใครหวังจะแอ๊กชั่นรัวๆ หรือแอ๊กชั่นมโหฬารยิ่งใหญ่พังพินาศถล่มทลายไมเคิล เบย์ อันนี้ก็ไม่ขนาดนั้นนะ มันสมเหตุสมผลในสเกลพลังที่มาร์เวลตั้งไว้ล่ะ ว่าถึงจะซัดกันแต่ไม่มีใครอยากเอาอีกฝ่ายถึงตาย เพราะแต่ละหมัดที่อัดเพื่อนมันเกิดแผลฉกรรจ์ในใจตัวละครมากอยู่แล้ว คือจะเอาแบบอะพอคาลิปส์โลกแตกแบบตัวอย่างหนังเอ็กซ์เมนภาคใหม่นั่นก็คงไม่ใช่

แล้วก็สเกลพลังของแวนด้านั้นแม้จะปรับลดจากในคอมมิคลงมาเยอะแล้วก็ตามแต่เราก็ยังรู้สึกว่าโกง ๆ อยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉากสงครามใหญ่ ต้องไปชมเอง 555 หนังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แฟนพันธุ์แท้ติดตามเป็นอีสเตอร์เอ้กอยู่ประปราย พูดไปก็สปอยล์ ดูแล้วลองมาหาอ่านกระทู้หรือเพจพวกแฟน ๆ เทพ ๆ เขาอธิบายละกันนะ เว็บดูหนัง

สรุป

คือถ้าให้วิจารณ์ตัวหนังก็บอกเลยว่าดีทุกองค์ประกอบ สนุกทั้งที่เป็นแฟนมาร์เวล และ ไม่ได้เป็น (ไม่แน่ใจว่าคนที่โผล่มาดูภาคนี้เลยเป็นเรื่องแรกจะเก็ตไหมนะ แต่เชื่อว่าแนะความสัมพันธ์ของตัวละครนิดหน่อยก็ดูได้ลื่นแล้วล่ะ แต่ให้ดีควรดูเรื่องอื่นๆอย่างกัปตันอเมริกา1-2 และ เอจออฟอัลตรอนจะดีกว่า)

ภาพเสียงซีจีได้มาตรฐาน ขอชื่นชมการออกแบบฉากต่างๆ ที่วางปมไว้แบบนึกว่าไม่สำคัญในตอนต้นๆ ก็ดันมากลายเป็นฉากที่พลิกเหตุการณ์ในภายหลังได้อีก บทสนทนานี่ก็พูดน้อยต่อยหนัก ทำให้ตามเรื่องง่าย แต่ก็คม และ ถ่ายทอดความคิดและ มิติด้านลึกของตัวละครได้ดีมากๆ หลายๆประโยคอย่างที่บอกตอนต้นว่าเสียดแทงใจมากๆโดยเฉพาะจากคำพูดตัวร้ายสุดฉลาด และ เหี้ยมโหดสมการรอคอยอย่าง ซีโม่ ด้วย

ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหลายๆคนที่ปรามาสตัวร้ายในหนังมาร์เวลว่าอ่อนไม่น่ากลัวนี่เตรียมกลับคำได้เลย ตัวร้ายตัวนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ กลยุทธเทพๆ ที่อาศัยสมอง และ ความเป็นไปได้จริงๆ ไม่มีพลังเว่อวังใดๆ แต่สร้างความบรรลัยได้มโหฬารสุดๆ แถมเป็นตัวร้ายที่มีมิติลึกด้วย เรื่องราวของเขานี่ทำไซด์สตอรี่ได้เลยนะ

ปล. หนังมีท้ายเครดิตสองตอน นั่งรอดูเพลินๆ ไปนะ เปิดเรื่องหนังใหม่ที่กำลังจะมาได้ดีทีเดียวล่ะ

ปล.2 นี่สะกดความกรี๊ดตัวหนังไว้ในใจ พยายามเขียนให้ดูไม่อวยมากไปแล้วนะ หนังเขาสนุกจริงล่ะ 555

ปล.3 ช่วงนี้มันวันซีวิลวอร์แห่งสหประชาชาติจริงๆนะ ใครจะไปดูหนังแนะนำซื้อจองออนไลน์ไปก่อนเลย คนแน่นโรงยันแถวหน้าจริงๆ ผมนี่ซื้อออนไลน์ตั้งแต่ไก่โห่ยังได้โซนที่นั่งดีๆ ที่สุดท้ายเลย T^T

ปล.4 ท้ายขอบ่นๆ นิดหนึ่ง ผมล่ะอยากกราบให้ดีซีกับวอเนอร์มาศึกษาจริงๆ คืออันนี้ก็ไม่ได้พูดเองคือมีนักวิจารณ์ต่างชาติที่เขาดูรอบทดสอบเรื่องนี้เขาให้นิยามไว้ว่า “ซีวิลวอร์ คือ หนังแบทแมน เวอร์ซัส ซูเปอร์แมน ที่เจ๋งกว่า” คือผมก็แอบคิดในใจว่าถ้าอวยเกินจริงแล้วหนังมันไม่ได้ดีโคตรๆ ขนาดนั้นจะแซวให้ยับเลย แต่ว่านะเขาพูดถูกนะ คือเรื่องนี้ใช้คอนฟลิกต์เริ่มที่ไม่ต่างกับแบทซุปเลย แต่เล่าได้ดีมากลื่นไหลมาก กลมกล่อมมาก ตัวละครใหม่ก็ใส่มาแบบถูกที่ถูกทางไม่ได้ไม่มีปี่มีขลุ่ยจับยัดๆให้คนดูปะติดปะต่อเอาเองเลย ไงขอหนังรวมดาวร้ายที่จะเข้ามาให้เป็นความหวังคอหนังหนังซูเปอร์ฮีโร่หม่นๆ หน่อยเถอะนะครับ (ซึ่งล่าสุดวอเนอร์สั่งถ่ายซ่อม Suicide Squad ไปแล้วด้วยเหตุผลว่าอยากให้หนังสนุกขึ้นตลกขึ้น 555)

 

รีวิว guardians of the galaxy 2

รีวิว garden of the galaxy 2

รีวิว guardians of the galaxy 2

หนังไทยมาใหม่ ในที่สุดเหล่าแกงค์ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวป่วน ตัวปั่น แห่งจักรวาลก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นภาคต่อจากภาคแรก หลังจากอยู่ห่างจากโรงหนังมาราวสัปดาห์เศษ ดูเหมือนวันนี้จะได้ปลดปล่อยความคิดถึงโรงหนังให้หลุดหายไปจากใจเสียที เมื่อผมเดินทางไกลสู่ CentralPlaza Westgate เพื่อพบกับประสบการณ์ IMAX ในโรงภาพยนตร์ Westgate Cineplex แน่นอนว่านี่คือการเก็บตกหนังเรื่องที่อยากดูแต่ไม่ได้เจอกันในวันรอบสื่อ และ จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ หนังซูเปอร์ฮีโร่แบบกลุ่ม ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่มีความเป็นพวกรักเสียงเพลงย้อนยุค และ มีความกวนบาทาเป็นนิจ James Gunn ยังคงเป็นผู้กำกับฯ แล้วหนังก็ขึ้นชื่อมาจากภาคก่อนเรื่องของงานภาพ วิชวล และ ความเป็นสามมิติ เว็บดูหนัง

รีวิว guardians of the galaxy 2

รีวิวหนังดัง เรื่องย่อหนัง ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ เหล่านักสู้ทั้งห้ากลับมาอีกครั้งกับบทบาทของการพิทักษ์จักรวาล แต่ดูเหมือนอาการชอบขโมยของจะพาเรื่องกลับมาหาตัวพวกเขาได้อยู่เสมอ เหตุเพราะการหยิบฉวยแบตเตอรี่มา ทำให้พวกตัวทองตามไล่ล่าผู้พิทักษ์ทั้งห้าอย่างไม่เว้นวาง

แต่ปรากฏว่า พวกเขากลับได้การช่วยเหลือจาก อีโก้ (Kurt Russell) ผู้อ้างว่าเขาคือพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ (Chris Pratt) อีโก้คือคนที่พาเขาไปรู้จักกับดาวอันแสนเงียบสงบ และ สวยงาม แถมยังพาพวกเขาไปพบกับ แมนทิส (Pom Klementieff) คนรับใช้ที่มีเขาอยู่สองเส้น เธอมีความสามารถพิเศษในการสัมผัสแล้วซึมซับความรู้สึกคนอื่นได้

ในภาคนี้ กาโมรา (Zoe Saldana) บุตรบุญธรรมของทานอส จะได้พบกับ เนบิวล่า (Karen Gillan)​ พี่น้องที่ไม่เคยถูกคอกันเลยอีกครั้ง ความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานจะประสานได้หรือไม่ พร้อมตัวละครใหม่อีกตัวที่ถ้าไม่เคยรู้มาก่อนก็จะเซอร์ไพรส์ไม่หยอกทีเดียว

รีวิว garden of the galaxy 2

เรื่องมันก็ต่อจากภาคที่แล้ว เหล่านักสู้ทั้งห้าต่างคนต่างที่มาได้กลายมาเป็นทีมเดียวกัน นักสู้พิทักษ์จักรวาล หลังจากควิลล์หักหลังยอนดูหยิบเอาอัญมณีมาครอบครองเสียเอง ทำให้พวกเขาถูกตามล่า และ ได้รับรู้ว่าจะต้องป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับทั้งจักรวาลหากว่าอัญมณีตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดี

การมาของภาคที่สองย่อมจะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าภาคแรก ที่เห็นได้ชัดสุดก็คงจะเป็นการเพิ่มตัวละครใหม่ อย่าง อีโก้ (Kurt Russell) ที่ประกาศตนว่าเป็นพ่อของสตาร์ลอร์ด เขาคือผู้ชายที่เป็นคำตอบที่ปีเตอร์ ควิลล์ตามหามานาน ในที่สุดก็ได้พบ หนังสร้างเรื่องอีโก้มีความน่าสนใจตั้งแต่ฉากเริ่ม เคิร์ทมาในลุคที่หล่อเฟี้ยวในวัยที่ยังหนุ่มแน่น เขาพบรักกับชาวโลกก่อนจะหายตัวไป

รีวิว garden of the galaxy 2

ตัวร้ายตัวใหม่กลายเป็นพวกสีทอง ราชินีอเยชา (Elizabeth Debicki) ที่ตามไล่ล่าห้าผู้พิทักษ์เพียงเพราะขโมยของมา พวกนี้กลายเป็นผู้ควบคุมพวกมือรับจ้าง นัยว่ามาทำหน้าที่ในหนังแบบเดียวกับที่โรแนนทำไว้ในภาคก่อน พวกเขาดูไม่มีที่มาที่ไปสักเท่าไหร่ และ มีทีท่าจะได้อยู่ต่อในภาคหน้าเสียด้วย

อีกตัวอาจเรียกได้ว่าเป็นตัวละครลับ เขาคือผู้ชายที่คนบนโลกมนุษย์คุ้นเคยกันดี แม้เขาจะมาปรากฏว่าภาคนี้ แต่ก็ใช่จะมีบทบาทอะไรมากนัก คล้ายหนังจะปูให้เราได้พบกับบทบาทของเขาที่มากกว่าในภาคถัดไป (ก็หวังว่างั้นนะ) สิ่งที่พบเห็นว่าถูกขับเน้นมากขึ้นกว่าภาคแรกก็น่าจะเป็นเรื่องแง่มุมดราม่าของแต่ละตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวไหน ดูเหมือนว่าจะถูกหยิบจับมาเล่าถึงได้หมด ดูหนัง

สรุป guardians of the galaxy 2

รีวิวหนังดัง หลายดราม่าก็ชวนเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมการโหยหาความรักของร็อคเก็ตเจ้าแรคคูนมีปม แง่มุมของพี่น้องเนบิวล่ากับกาโมร่าที่ตัดกันไม่ขาด ที่ชัดเจนคงเป็นควิลล์กับพ่อที่เยิ่นเย้อจนชวนสงสัยว่าจะเล่นอะไรทำไมต้องปล่อยให้รอนาน ขณะที่แง่มุมของควิลล์กับยอนดูเสียอีกที่ชวนให้ซึ้งยิ่งกว่า

ในส่วนของเพลย์ลิสต์ของเพลงเก่า ๆ ที่หยิบมาใส่เต็มเรื่อง อาจไม่ถึงกับมีอะไรโดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับภาคแรก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นมิกซ์เทปที่ไม่เลวเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบก็คือความครีเอทในการสร้าง End Credit ของหนังเรื่องนี้ เพราะเขาใส่ฉากแถมเอาถึง 5 ฉาก แทรกไปกับ End Credit ที่ยืดยาวตามประสาหนังใหญ่ เพื่อเรียกให้คนดูนั่งอ่านรายชื่อผู้ร่วมงานไปด้วยระหว่างรอ ก็จะมีบางส่วนที่เขียนแปะไว้ว่า ‘I Am Groot’ ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นชื่อจริง ๆ

ความกลมกล่อมยังด้อยกว่าภาคแรก 3 มิติยังแจ่มเช่นเคย ถ้าจะมองดูกันแบบรวม ๆ บ้าง เราก็อาจจะพบว่าความสนุกของภาคสองนี่ยังไม่เท่าที่เคยได้จากภาคแรกนัก มีดร็อป ๆ ลงไปเป็นบางส่วน พิจารณาดู อาจจะพบว่า มันมีบางส่วนที่หนังใช้การสนทนากันมากไป แถมน่าสนใจน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะความน่าสงสัยของอีโก้ผู้อ้างตนเป็นพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ เพราะผมรู้สึกได้ในขณะดูหนังว่า นี่เขาจะมาอยู่กันทำไมที่นี่นานนัก เมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นเสียที

เรายอมรับเลยว่า ในตอนแรกนั้น เรามองว่าหนังเรื่อง Guardians Galaxy 2 หรือ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 นั้นเป็นหนังตลกปัญญาอ่อน จากการดูตัวอย่างภาพยนตร์ ที่ดูเหมือนว่าจะมีการปล่อยมุกฝืด ๆ ออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายของการต่อสู้ แต่พอได้มาดูหนังเรื่อง Guardians Galaxy 2 หรือ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 จนจบแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้ จนแทบอยากจะเขกกะโหลกตัวเองว่า นี่แกอคติเกินไปแล้วนะ เพราะเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

กลายเป็นหนังที่สนุก และ น่าติดตามมากกว่าที่คิดเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิงมุกเด็ด ๆ เกือบตลอดทั้งเรื่องเหมือนภาคที่แล้ว แต่กลับน่าติดตาม โดยตัวเนื้อเรื่องมีปมที่ซ้อนปมไว้ อะไร ๆ ที่ดูเหมือนจะคลี่คลาย กลับกลายว่ามีเบื้องหลังซ้อนเอาไว้อีกที ซึ่งเรายอมรับเราว่าคนเขียนพล็อตภาคนี้เจ๋งจริง ๆ ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ดูหนังความยาว 2 ชั่วโมงเรื่องนี้เพื่อเอามันอย่างเดียว แต่กลับได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพ และ ความเสียสละ จากคนที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้าย แต่ความจริงแล้ว จิตใจของเขากลับดีกว่าที่คิด ถือได้ว่าเป็นการจุดประกายได้ว่า อย่ามองคนแค่เปลือกเท่านั้น

หน้าที่ของหนังที่สร้างความบันเทิงแบบเกรียน ๆ ถือว่ายังสอบผ่านได้อยู่ เพลงประกอบอาจไม่โดดเด่นนัก น่าเสียดายที่ตัวละครบางตัว อุตส่าหเพิ่มเข้ามาทว่าก็ไม่ได้มีบทบาทเท่าที่ควร รวมทั้งตัวร้ายก็แทบจะไร้มิติ และ มีสถานะคล้าย ๆ กับภาคแรก ไม่ได้มีครีเอตอะไรกับตรงนี้สักเท่าไหร่ ไดอะล็อกคม ๆ ในหนังก็ดูเหมือนจะได้ยินมาจากเรื่องอื่นมาก่อนแล้ว มันเลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับตรงนี้เท่าที่ควรจะเป็น เว็บหนัง

สรุป

ถ้าจะมองดูกันแบบรวม ๆ บ้าง เราก็อาจจะพบว่าความสนุกของภาคสองนี่ยังไม่เท่าที่เคยได้จากภาคแรกนัก มีดร็อป ๆ ลงไปเป็นบางส่วน พิจารณาดู อาจจะพบว่า มันมีบางส่วนที่หนังใช้การสนทนากันมากไป แถมน่าสนใจน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะความน่าสงสัยของอีโก้ผู้อ้างตนเป็นพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ เพราะผมรู้สึกได้ในขณะดูหนังว่า นี่เขาจะมาอยู่กันทำไมที่นี่นานนัก เมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นเสียที

ชื่อภาพยนตร์: Guardians of the Galaxy Vol. 2 / รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: James Gunn
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: James Gunn
นักแสดงนำ: Chris Pratt, Zoe Saldana, Dave Bautista, Vin Diesel (voice), Bradley Cooper (voice), Michael Rooker, Karen Gillan, Sylvester Stallone, Kurt Russell, Elizabeth Debicki
ความยาว: 127 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ดนตรีประกอบ: Tyler Bates
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 26 เมษายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Studios, Walt Disney Pictures

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

หนังไทยnetflix สวัสดีครับสำหรับแอดมินนั้น เป็นคนชอบหนังแนวนี้มากๆแนวๆฮีโร่พลังเหนือมนุษย์และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องโปรดอีกเรื่องของแอดเลยทีได้ แอดเชื่อว่าคงจะมีคนรักเรื่องนี้เหมือนแอดไม่มากก็น้อย เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่แฟน ๆ รอคอยเรื่องล่าสุด จากมาร์เวลสตูดิโอ ซึ่งสานต่อการผจญภัย บนจอภาพยนตร์ของ “สตีฟโรเจอร์ส” หรือที่รู้จักในนาม “กัปตันอเมริกา” ในภาพยนตร์เรื่อง “กัปตันอเมริกา : มัจจุราชอหังการ” ดำเนินเรื่อง หลังจากเหตุการณ์ กลียุคในนิวยอร์กของเหล่า ดิ อเวนเจอร์ส และ การใช้ชีวิตเงียบ ๆ ของสตีฟโรเจอร์สในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพยายามที่จะ ปรับตัวเข้ากับโลกสมัยใหม่ ดูหนัง

แต่เมื่อเพื่อนร่วมงานในหน่วย S.H.I.E.L.D. ตกอยู่ภายใต้การโจมตีสตีฟเลยต้องเข้าไปติดร่างแหในแผนการอันลึกลับที่คุกคามโลกให้ตกอยู่ในความเสี่ยง ด้วยความร่วมมือของ นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว์, กัปตันอเมริกาพยายามที่จะเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องต้องสู้กับหน่วยจู่โจมที่ส่งมากำจัดเขาในทุกย่างก้าว เมื่อแผนการชั่วร้ายถูกเปิดเผยกัปตันอเมริกา และ แบล็ค วิโดว์ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตรใหม่ “เดอะ ฟอลคอน” อย่างไรก็ตามพวกเขาได้พบว่าตัวเองกำลังได้พบกับศัตรูอันน่ากลัว และ ไม่มีใครคาดคิด

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิวหนังดัง เรื่องราวต่อจากภาคแรก หลังจากที่กัปตันอเมริกาหรือสตีฟ ( Chris Evans ) หลับไหลไปยาวนานในสภาพถูกแช่แข็งถึง 70 ปี หลังจากตื่นขึ้นมา สตีฟ ก็ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ที่นิวยอร์ค เพื่อนในหน่วยชิลด์กำลังตกอยู่ในอันตราย สตีฟกับแบล็ควินโดว์ หรือ นาตาชา โรมานอฟ ( Scarlett Johansson ) ก็ร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงแผนลับบางอย่าง แต่เมื่อทั้งคู่กำลังจะตกหลุมพราง เขาทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจาก เดอะฟอลคอน ( Anthony Mackie ) ซึ่งจะนำไปสู่ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าที่คิด

หลังจากภาพยนตร์ภาคแรกที่ถูกฉายออกไปก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด แต่สังเกตไหมครับว่าภาคแรกถ่ายทำในบรรยากาศที่ดูเก่า ๆ ชวนอึดอัด และ ข้อสังเกตคือชุดของกัปตันเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเชย และ ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าคนอื่น นี่คงเป็นบทเรียนที่สำคัญ ทำให้ภาค 2 สร้างออกมาแก้ตัว และ ปรับปรุงภาพลักษณ์เก่า ๆ จากภาคแรก

ในส่วนของภาค 2 หนังฉีกแนวจากสงครามเก่า ๆ ไปเล่นกับการสืบสวนสอบสวน การหักหลัง และ การเป็นสายลับ เหมือนเป็นภาคที่เปิดตัวโรมานอฟนั่นเอง คล้าย ๆ เจมส์บอนด์แฟนตาซีเล็ก ๆ นั่นเอง หนังมาร์เวลส์หลัง ๆ มานี่ผมรู้สึกเหมือนดูการ์ตูนมากขึ้นทุกที สีสันมันก็มากไปทำให้ดูแฟนตาซีเกินมาก ๆ ซึ่งกัปตันภาคนี้ก็จะพยายามตบมาร์เวลส์ให้เข้าที่เข้าทาง

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

ใครที่ดู และ งงว่าหน่วยชิลด์คืออะไร ในเรื่องจะไม่บอกอะไรมาก แต่ว่ามาร์เวลส์มีซีรี่ส์ Agent of S.H.I.E.L.D ด้วย ใครที่ชอบองค์สืบสวนสอบสวนก็ลองไปหาดูกันนะครับ เพราะมีความเชื่อมโยงกับกัปตันภาค 2 ด้วย และ ด้วยเหตุผลที่หนังพยายามสอดแทรกแนวคิดการเป็นสายลับสืบสวนสอบสวน ก็อาจจะเป็นเพราะต้องการปรับพฤติกรรม และ ความไม่ทันโลกที่ต้องนอนแข็งไปตั้ง 70 ปี ให้กลับมาตามโลกทัน และ หนังภาคนี้ก็บอกใบ้เป็นนัย ๆ ด้วยนะครับว่าทำไมกัปตันอเมริกาถึงได้เป็นหัวหน้าทีมอเวนเจอร์ เพราะความเป็นผู้นำในภาค 2 นี่เอง

ความเป็นหนังแอ๊คชั่น และ หนังซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้หนังไม่สามารถขยายความเรื่องของมิตรแท้ได้มากเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะด้วยหนังจากค่ายมาร์เวลในระยะหลัง โดยเฉพาะหนังในสาย The Avengers ที่หนังให้ความสำคัญกับการดำเนินเรื่อง และ แจกแจงบุคลิกของตัวละคร แม้หนังจะมีฉากแอ๊คชั่นใหญ่ ๆ เพื่อผลทางการตลาด

แต่ก็ไม่ได้ละเลยความเข้มข้นของเนื้อหา Captain America: The Winter Soldier ( 2014 ) ก็เช่นกันที่เกือบตลอดเรื่องมีความพลิกผันอยู่ตลอดเวลา เนื้อหาของหนังจึงเดินหน้าไปอย่างน่าสนใจ ฉากแอ๊คชั่นที่มีก็ช่วยเสริมให้ความพลิกผันนั้นน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วยสตีฟ โรเจอร์ส อาจจะเป็นตัวละครที่แบนที่สุดในบรรดาสหายศึกจากทีม The Avengers คงเป็นเพราะเขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในอุดมคตินั่นเอง เว็บหนัง

ในขณะที่ซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ ต่างมีความเป็นมนุษย์มากกว่า โทนี่ สตาร์ค นั้นยโส และ อวดดี ดร.บรูซ แบนเนอร์ ก็หมกมุ่น และ ขี้กังวล ส่วนธอร์ก็บ้าบิ่น และ ทะนงตนจนเกินไป สำหรับแบล็ควิโดว์ก็ดูลึกลับด้วยภูมิหลังบางอย่างเช่นเดียวกับฮอว์คอาย และ สตีฟ โรเจอร์สในครั้งนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะความกล้าหาญเสียสละนั้นคือเสน่ห์ของกัปตันอเมริกาอยู่แล้ว

เรื่องราวใน Captain America The Winter Soldier

รีวิวหนังดัง Captain America: The Winter Soldier ( 2014 ) มีการพัฒนาขึ้นมาจากภาคที่ แล้ว โดยเฉพาะเรื่องราวที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาก ถึงแม้ตัวละครหลักอย่าง สตีฟ โรเจอร์ส จะยังคงความเป็นกัปตันอเมริกาเช่นเดิม และ จากเรื่องราวที่ทิ้งท้ายไว้ ภาคต่อไปของหนังชุดนี้รวมทั้งภาคต่อของ The Avengers ( 2012 ) คงยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงแรกของหนังปูมาแจ่มเลยครับ ทั้งเนื้อเรื่อง ความบู๊ แต่สิ่งที่ทำให้มาร์เวลส์ตกม้าตายก็คือฉากจบของหนัง คือมันซ้ำกันแทบจะหมดคือจบแต่มี End Credit ปูไปภาคต่อไปหรือหนังเรื่องต่อไป กลับมาที่สิ่งที่เป็นมุกใหม่ของภาคนี้คือพลิกบทมาเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน ข้อดีคือมันใหม่ ข้อเสียคือมันจบไว และ เดาง่ายครับ มันสนุกครับแต่มันไม่ค่อยลุ้นเท่านั้นเอง

และ สิ่งที่พลาด พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย คือตัวอย่างหนังที่เผยจุดสำคัญ และ ตัวละครสำคัญในตัวอย่าง ( ความเป็นจริงไม่ควรมี ) เลยทำให้ผมแค่เหมือนไปดูเฉย ๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย นี่เป็นเหตุผลที่ผมพยายามไม่อยากดูตัวอย่างหนังมากนัก แต่ไม่เป็นไร หนังก็คือหนัง ยังพอดูให้สนุกสนานได้

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 ตัดเรื่องการเดาง่ายของบทภาพยนตร์ออกไป หนังฉีกเรื่องจากสงครามยุคเก่ามาเป็นหนังสืบสวนสอบสวนในปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่กัปตันนอนแข็งมากว่า 70 ปี ถือว่าทำได้ไม่เลว แถมหนังยังแอบใบ้เป็นนัย ๆ สำหรับเหตุผลที่กัปตันได้เป็นหวัหน้าของทีมอเวนเจอร์

คะแนนเอฟเฟคต์ 8/10 หนังเพิ่มส่วนที่เป็น CG และ เอฟเฟคต์มากขึ้นเพราะหนังเพิ่มฉากบู๊ของกัปตันมากกว่าภาคเก่า และ ลีลาการต่อสู้ของโรมานอฟที่ถือว่าเป็นภาคเปิดตัวของเธอก็ทำได้ไม่เลวเลย ภาคนี้ทำให้ผมคิดว่า ภาคถัดไปอาจจะเป็นภาคที่เชื่อมโยงกับตัวละครอเวนเจอร์ เพื่อพาหนังกัปตันอเมริกาเข้าสู้ความเป็นBigBossของอเวนเจอร์นั่นเอง

สรุป หนังมาร์เวลตระกูล สายลับที่สนุกมาก เรื่องนึง ศูนย์รวมความบันเทิงทั้งในด้านพระเอกหล่อ และ ความมันส์ โดยเฉพาะตอนท้าย ๆ คือพีคมาก ขอบอกว่า “อลังการงานเริ่ด” งานนี้แฟนมาร์เวลมีเซอร์ไพร์ อย่าลืมดู end credit มีสองรอบเน่อ

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. ความเป็นผู้นำของกัปตันอเมริกา ภาคนี้การดำเนินเรื่องในแนวสืบสวนสอบสวน และ การทำงานกันเป็นทีมกับโรมานอฟ ทำให้เราเห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด และ แน่วแน่ของกัปตัน และ เป็นการตัดสินใจที่รอบคอบก่อนที่จะสั่งออกไป

2. ความสามารถของโรมานอฟ นอกจากจะสวย และ เก่งแล้ว โรมานอฟยังมีความฉลาดในแบบที่สายลับควรจะมี ทำให้โรมานอฟกลายมาเป็นตัว Mainหลักของทีมอเวนเจอร์เช่นกัน แม้จะไม่มีพลังพิเศษ แต่ความเป็นสายลับ และ ความสามารถของเธอก็โดดเด่นมากนั่นเอง

ภาคนี้ถือว่าทำได้ดีมากครับ แก้เกมส์จากภาคแรกได้อย่างดีเลิศ อย่างน้อยก็เปลี่ยนแนวจากหนังบู๊สงครามโบราณ มาเป็นการสืบสวนสอบสวน และ ทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น เว็บดูหนัง

รีวิว Iron Man 3

รีวิว Iron Man 3

รีวิว Iron Man 3

หนังไทยnetflix หนังไอร่อนแมนสุดมันนััน จนตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วอย่างภาค 3 นั้น หรือก็คือภาคสุดท้าย กันแล้วนะครับ ต้องบอกว่าสำหรับแอดมินนั้น นี่คือภาคที่ดีที่สุดของไอรอนแมน เลยก็ว่าได้ เพราะว่าหนังมีครบทุกรส ไม่ได้ดราม่าโดดหรือแอ็คชั่นโดดเหมือนเดิมแล้ว 1 ปีเต็ม ๆ ! นับตั้งแต่วันที่ Avengers ฉาย แฟน ๆคอมิคนั่งจ้องปฏิธินกันอย่างใจจด ใจจ่อ รอการมาเยือน ของหนังเรื่องนี้ ผมก็เป็๋นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

จนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้มาถึง เราแฟน ๆ ไออ้อนแมนทุก ๆ คนก็ร่วมแห่กันไป ยังหน้าโรงภาพยนตร์ทั้งโดยที่นัดหมาย และ ไม่ได้นัดหมาย วาดหวังไว้อย่างสูง ถึงหนังที่กำลังจะได้รับชม ผ่านไปสองชั่วโมงนิด ๆ ทุก ๆ คนก็ออกจากโรงภาพยนตร์ คนส่วนมาก เดินออกมา พร้อมรอยยิ้ม แต่มีผมเพียงคนเดียว หรืออย่างไรที่เดินออกมาพร้อม…..สีหน้า poker face

นับเป็นภาคที่ 3 แล้ว สำหรับมหาเศรษฐี หนุ่มหน้าแก่พร้อมชุดเกราะ รบสุดไฮเทค เหตุการณ์ในเรื่องนั้น เป็นผลกระทบ ที่ตามมาจากเหตุการณ์ใน Avengers โดยตรง หลังจากที่เอเลี่ยน Chitauri บุกถล่มนิวยอร์ก นอกจากมันจะสร้างบาดแผลทางกายให้กับโลกแล้ว

รีวิว Iron Man 3

มันยังได้สร้างบาดแผล ทางใจให้กับโทนี่ สตาร์กด้วย สุดยอดอัจฉริยะถึงกับต้องหัวหดเมื่อได้รู้ว่าในจักรวาลแห่งนี้ ยังมีสิ่งที่ตนไม่รู้ สิ่งที่เหนือกว่าตนอีกมากมาย สร้างปมสำคัญ อันนึงให้กับโทนี่ในภาคนี้ได้ เป็นอย่างดี และการโจมตีของพวกชิทอรินั้น ยังสั่นคลอนอเมริกาอีกด้วย จึงเป็น เหตุให้เจมส์ โร้ดส์ต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Iron Patriot เพื่อสร้างสัญลักษณ์ แห่งความหวังให้ประชาชน ว่าประเทศของตน ยังมีที่พึง เป็นมนุษย์เหล็กรักชาติผู้นี้เสมอ

ภาคนี้ยังมีเปิดตัววายร้าย ตัวใหม่ของเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน Mandarin จอมขมังเวทย์ตัวฉกาจ ศัตรูคู่อาฆาตของโทนี่จากในคอมิคมาสู่จักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวล แมนดารินมาได้ค่อนข้างเก๋า ด้วยการเปิดตัวอย่างเทพด้วยการแฮ็ก ทีวีทั่วประเทศแสดงแสนยานุภาพของตน

แสดงตน เป็นผู้ก่อการร้ายสุดเจ๋ง พร้อมด้วยวายร้ายของเรื่องอีกคน Aldrich Killian บอสใหญ่ของ A.I.M. ผู้พัฒนาโปรเจ็ก Extremis ที่ใช้ในการดัดแปลงดีเอ็นเอของมนุษย์ธรรมดาให้เหนือมนุษย์ได้ ทั้งสองร่วมกันระดมพลถล่มโทนี่อย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าเล่นซะเละทีเดียว เว็บหนัง

รีวิว Iron Man 3

รีวิวหนังดัง หนังเล่าเรื่องโทนี่ สตาร์ค/ไอรอน แมน (Robert Downey Jr.) เศรษฐีหนุ่ม และ นักปัญญาประดิษฐ์ ที่เสียรู้ให้กับศัตรูตัวใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา และ ทีสิ่งที่ทำให้โทนี่เดือดสุด ๆ ก็คือพวกศัตรูเหล่านี้กำลังต้องการทำลายชีวิตของเขา และ คนที่เขารัก

โทนี่จึงออกตามหาพวกนี้เพื่อมารับผิดชอบสิ่งที่ทำ งานนี้หนักหนาสาหัสมากเพราะโทนี่ต้องงัดเอาไม้เด็ดทุกสิ่งออกมาใช้เพื่อปกป้องตัวเอง และ คนที่ตัวเองรัก และ พยายามหาคำตอบว่าที่ผ่านมาเขาถูกหุ่นยนต์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาครอบงำหรือเปล่า

สิ่งที่ผมได้เห็น และ สัมผัสในภาคจบนี้ก็คือสิ่งที่โทนี่พยายามพัฒนามันขึ้นมาครับ ลำดับแรกก็คือชุดเกราะที่ต้องพัฒนา และ ปรับปรุงใหม่ เพราะว่ายิ่งเจอศัตรูที่แข็งแก่งเท่าไหร่ โทนี่ก็ต้องพัฒนาชุดเกราะของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นตามไป และ อีกหนึ่งสิ่งที่คาดไม่ได้คือ การใช้สติปัญญาแก้สถานการณ์เมื่ออยู่ภายใต้ชุดเกราะ

คงจะสังเกตเห็นกันใช่ไหมครับว่าเวลาที่โทนี่แกอยู่ในชุดเกราะ แกจะมีAutoBot ที่ชื่อว่าจาร์วิสอยู่เคียงข้างเสมอ คอยบอกกล่าวสถานการณ์และแนะนำตักเตือนโทนี่โดยเปรียบเสมือนสมองของโทนี่เลยก็ว่าได้ แต่โทนี่เองก็ไม่ได้ว่าอยู่ในชุดเกราะตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากเขาเผชิญหน้าศัตรูในช่วงเวลาที่เขา เป็นมนุษย์ธรรมดา

รีวิว Iron Man 3

เขาจะหาทางรอด และ แก้สถานการณ์อย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า โทนี่ไม่ได้มีพลังเหนือมนุษย์เหมือนกัปตันอเมริกา และ ไม่ได้เป็น เทพเจ้าเหมือนธอร์ สิ่งที่เขาต้องใช้ให้เป็น ประโยชน์ที่สุดคือการแก้สถานการณ์นั่นเอง เพราะบอกเลยครับว่าตัวร้ายภาคนี้ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเหมือนภาคที่ แล้ว ๆ มาแน่นอน

แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติของหนังมาร์เวลที่จะต้องมีการแทรกมุกตลกขำขันให้คนดูคลายเครียด แต่มัน เป็นมุกตลกแบบตลกร้าย ซึ่งการดูมุกตลกร้ายมันต้องตั้งใจดูจริง ๆ และ บางครั้งก็อาจจะต้องทำความเข้าใจกับมุกด้วย บางทีมุกก็แบมาไวเกิน ตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็ไม่ได้ฝืดนะครับ

สาเหตุที่บอกว่ามันจะมาไม่ทันตั้งตัว เพราะบางทีหนังกำลังดำเนินฉากเครียดอยู่ จู่ ๆ ก็มีมุกตลกแทรกเข้ามาซะอย่างนั้น แล้ว แบบนี้ใครมันจะไปตั้งตัวทัน ถ้านี่คือจุดด้อยก็อาจจะเรียกได้นะครับ เหมือนจังหวะในการแทรกมุกเพื่อเปลี่ยนอารมณ์คนดูกะทันหัน มันอาจจะทำให้มึนงงแทนที่จะฮาสำหรับบางคน

ซิกเนเจอร์ของภาคนี้คือถ้าโทนี่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยที่ตัวเองไม่มีชุดเกราะ เขาจะทำอย่างไร เรื่องนี้เลยน่าสนใจขึ้นทันที และ กลับทำให้ผมนึกย้อนไปในช่วงภาคแรกที่เข้าถูกจับตัวไป แล้ว ใช้ปัญญาประดิษฐ์ สร้างหุ่นยนต์ แล้ว หนีออกมาได้ แต่ว่าแน่นอนหนังคงไม่เอามุกเดิมมาเล่น

รีวิว Iron Man 3

คราวนี้หนังฉีกออกไปอีกมุมหนึ่ง นั่นก็คือการเป็น ฮีโร่ไม่ได้ว่าจำเป็น จะต้องมีเกราะป้องกัน เขาสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้าย และ อยู่รอดได้แม้ว่าจะไม่ต้องพึ่งชุดเกราะก็ตาม เพราะเขาคือไอรอนแมน ความเป็นไอรอนแมนอยู่ที่จิตใจไม่ใช่ชุดเกราะ ดูหนัง

ตัวอย่างของหนังแสดงให้เห็นแต่ความดาร์ก มากถึงมากที่สุด ว่าฮีโร่ของเราคนนี้จะโดนยำเละ ว่าฮีโร่คนนี้ต้องล้มลุกคลุกคลาน ให้อารมณ์เหมือน The Dark Knight Rises ของ Nolan ไม่มีผิด แต่เมื่อได้ดูจริงๆ แล้ว หนังไม่ได้ดาร์กหรือซีเรียสแบบที่คิดเลย

ยังคงเหมือนภาคก่อนๆแต่แตกต่างานิดเดียว ในภาคนี้เราจะได้เห็นโทนี่สวมเกราะน้อยลง เห็นเขามีการพัฒนาด้วยตัวของเขาเองมากขึ้น โทนี่ที่หยิ่งผยองได้เรียนรู้ว่าตนไม่ได้แกร่งล้นฟ้า แต่ก็เป็นแค่ชายในชุดหุ่นกระป๋องเท่านั้น

สรุป Iron Man 3

รีวิวหนังดัง บ่นมามากพอสมควร ถ้ามาพูดในด้านการรีวิวบ้าง บอกเลยว่าหนังสนุกมากครับ รู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวมากๆ บทพูดไม่เยอะน่ารำคาญ ฉากแอ็คชั่นเยอะแต่พองาม ไม่เยอะเกิน CGI เรียบเนียน ยังไม่นับมุกตลกมากมายที่ใส่ลงมาในหนังอย่างจุใจ เอาให้ฮาก๊ากกันไปเลย (แต่ผมยังคิดว่าอเวนเจอร์สตลกกว่านะ)

มีการหักมุมที่พอทำให้อ้าปากหวอได้ มีปมปัญหาที่สร้างความน่าสนใจให้กับหนัง บอกได้เลยว่าเป็น หนึ่งในหนังมาร์เวลที่สนุกที่สุด เปิด Phase 2 ของจักรวาลหนัง MCU ได้ดีเยี่ยม ถ้าในฐานะคนดูหนังธรรมดาๆผมให้คะแนนคือ 8/10 เลยนะ

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังมีครบทุกรสเลยครับ ทั้งดราม่า แอ็คชั่น แถมแทรกข้อคิดที่น่าฉงนสงสัย ว่าเกราะเหล็กที่เขาใส่สามารถป้องกันภัยเขาจากศัตรูทั้งมวลได้หรือไม่ หรือว่าจิตใจของเขาต่างหากคือไอรอนแมนที่แม้จริง โดยไม่จำเป็น ต้องมีชุดเกราะเขาก็คือไอรอนแมน

คะแนนเอฟเฟคต์ 9/10 บอกเลยว่าภาคนี้จัดเต็มในส่วนของเอฟเฟคต์ และ ความอลังการในการต่อสู้ เพราะว่าศัตรูคนใหม่ของไอรอนแมนนั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา และ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนเพราะอย่างฉับไวของโทนี่อีกด้วย นี่อาจจะเป็น จุดขายให้กับแฟน ๆ ชาวเกราะเหล็กเลยว่า โทนี่มีเกราะมากมายหลายรูปแบบที่ไว้พร้อมรับมือศัตรู และ แน่นอนว่าแต่ละเกราะนั้นสวยเท่ และ เด็ด ๆ ทั้งนั้น

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. ไอรอนแมนคือหัวใจของโทนี่ ไม่ใช่ชุดเกราะ อาจจะมีข้อกังขาว่าระหว่างโทนี่ที่เป็น ผู้สร้างเกราะขึ้นมา เขากำลังถูกเกราะครอบงำหรือไม่ หรือว่าเขาเป็น ไอรอนแมนด้วยหัวใจของเขา ต่อให้ไม่มีชุดเกราะแต่สติปัญญา และความเฉลียวฉลาดของเขาก็ทำให้เขาถูกเรียกว่าไอรอนแมนด้วยเช่นกัน

2. การทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก โทนี่ต้องพยายามพัฒนาตัวเอง และ ชุดเกราะของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง และ คนที่เขารัก เพราะศัตรูที่กำลังคลืบคลานเข้ามา และ ไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหนหรือจะร้ายกาจเพียงใด โทนี่ต้องเตรียมพร้อม และ ตื่นตระหนกอยู่เสมอ

เป็นการจบภาค 3 แบบไร้ที่ติ และ ข้อกังขาจริง ๆครับสำหรับไอรอนแมน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีแฟนคลับทั่วโลกขนาดนี้ เพราะนอกจากหนังจะมีหุ่นยนต์ เป็นจุดขายแล้ว หนังกำลังจะสื่อว่าต่อให้ไม่ เป็นเทพหรือมีพลังวิเศษก็สามารถ เป็นฮีโร่ได้ เว็บดูหนัง

รีวิว Iron Man 2

รีวิว Iron Man 2

รีวิว Iron Man 2

หนังไทยnetflix สวัสดีครับวันนี้แอดมินจะมารีวิวหนังฮีโร่หุ่นเหล็กบินได้สุดยอดฮีโร่สุดฮิตของเด็กๆ แอดก็ชอบเช่นกัน อย่างเรื่องไอร่อนแมน ของทางค่าย Marvel ที่มีชื่อว่า IRON MAN 2 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก ภาค 2 กำกับการแสดงโดย จอน แฟฟโรว์ เป็นหนังแนวแอคชั่นซูเปอร์ฮีโร ที่สร้างรายได้ถึง 623.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นำแสดงโดย

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ( โทนี่ สตาร์ค ),กวินเน็ธ พัล โทรว์ ( เปปเปอร์ พอต )ดอน ชีเดล ( เจมส์ โรดส์ นายทหารเพื่อนสนิทของโทนี่ สตาร์ค ) มิกกีย์ รูร์ก ( ไอแวน แวนโก้ ) สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ( นาตาชา โรมานอฟ ) ซามูเอล แอล. แจ็กสัน ( นิค ฟิวรี่ ) จอน ฟาฟาโร ( แฮปปี้ โฮแกน บริการ์ดคนสนิทของโทนี่ สตาร์ค ) แซม ร็อคเวล ( จัสติน แฮมเมอร์ ) และ ดาราฝีมือดีอีกมากมายที่จะมาสร้างความสนุกสุดมันส์ให้กับคุณในหนังแอคชั่นเรื่องนี้ เว็บหนัง

รีวิว Iron Man 2

รีวิวหนังดัง หลังจากภาคแรกของไอรอนแมนเมื่อปี 2008 ได้สร้างเสียงชื่นชมมากมายมา แล้ว นั้น มาถึงปี 2010 ที่ Ironman 2 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก 2 ได้ลงจอฉาย ยังคงเป็น ภาพยนตร์ ที่สร้างการรอคอยจากแฟน ๆ หนังฮีโร่เป็นอย่างดี

แอดมินจึงขอหยิบยก ภาพยนตร์ เรื่องนี้ขึ้นมารีวิวแม้จะเป็นหนังปี 2010 แต่หนังก็ยังเป็นที่น่ารับชมอยู่ในปัจจุบัน

รีวิว Iron Man 2

สำหรับคนที่ยังไม่เคยรับชมภาคแรกก็อาจจะต้องทำความเข้าใจอยู่สักพักหนึ่ง หรือคนที่เคยดู แล้ว ก็คงต้องรื้อฟื้นความทรงจำอยู่บ้างเล็กน้อย คงจะจำได้บ้างว่าตอนจบของภาคแรกนั้น พระเอกของเราประกาศตัวต่อหน้าสื่อว่าเป็นไอรอนแมน

แล้วหนังก็จบลงมาถึงภาคต่อเรื่องราวจะเป็นอย่างไรนั้นแอดมินขอรีวิวหนังสนุก ๆ เรื่องนี้ต่อนะครับ โดย ภาพยนตร์ เรื่องนี้ได้ผู้กำกับการแสดงอย่าง จอน แฟฟโรว์ และ ได้นักแสดงนำอย่าง โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ มารับบท โทนี่ สตาร์ค, กวินเน็ธ พัล โทรว์ รับบท เปปเปอร์ พอต, ดอน ชีเดล รับบท เจมส์ โรดส์, มิกกีย์ รูร์ก รับบท ไอแวน แวนโก้, สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน รับบท นาตาชา โรมานอฟ, ซามูเอล แอล แจ็กสัน รับบท นิค ฟิวรี่, จอน ฟาฟาโร รับบท แฮปปี้ โฮแกน และ นักแสดงอีกมากมายที่มาสร้างผลงานสุดมันส์อลังการเรื่องนี้

IRONMAN 2 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก จะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาคที่ แล้ว หลังจากที่โทนี่ได้ยอมรับว่าตัวเองนั้นเป็นไอรอนแมน ก็ทำให้คนทั่วโลกถึงกับตกตะลึง และ ชื่นชมในความฉลาดปราดเปรื่องของโทนี่

รีวิว Iron Man 2

ที่สามารถสร้างชุดเกาะที่มีประสิทธิภาพได้จะมีก็แค่สองพ่อลูกชาวรัสเซีย ซึ่งเคยมีความแค้นกับ (ฮาเวิร์ด สตาร์ค) พ่อของโทนี่ สตาร์ค เท่านั้น ที่ไม่ชอบ หลังจากที่ได้เห็นข่าวโทนี่ทางทีวี ไอแวน แวนโก้ นักฟิสิกส์ชาวรัสเซีย ก็ได้เตรียมสร้างอาวุธมหาประลัย เพื่อเอาไว้ใช้สำหรับทำร้ายโทนี่ทันที ทางฝ่ายโทนี่หลังจากที่ได้ประกาศ ตัวว่าตัวเองนั้นเป็นไอรอนแมนก็ได้ถูกทางรัฐบาลกดดัน

เรื่องชุดเกาะอย่างหนักบวกกับต้องต่อสู่กับอาการข้างเคียงจากเตาปฏิกรณ์อาร์คในอกเขา ซึ่งกำลังค่อย ๆ ฆ่าเขาอย่างช้า ๆ โทนี่รู้ตัวว่าจะอยู่ได้อีกไม่นานเขาจึงแต่งตั้ง (เปปเปอร์ พอต) เป็น CEO ของบริษัท

ตอนนั้นนิค ฟิวรี่ หัวหน้าหน่วยชิลล์เห็นว่าสถานการณ์ต่าง ๆ ของโทนี่ไม่สู้ดีจึงได้ส่ง (นาตาชา โรมานอฟ) สายลับแสนสวยมากความสามารถเข้ามาแทรกซึมอยู่กับ (เปปเปอร์ พอต ) เพื่อคอยดูการเคลื่อนไหว และ คอยประเมินนิสัยใจคอของโทนี่ และ บริษัทเพราะเห็นแก่ (ฮาเวิร์ด สตาร์ค) พ่อของโทนี่

รีวิว Iron Man 2

หลังจากได้ยกบริษัทให้เปปเปอร์ พอต ดูแลแล้ว โทนี่ก็พยายามหาความสุขด้วยการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และ ไร้สาระไปวัน ๆ โดยไม่กล้าบอกเรื่องที่ตัวเองกำลังจะตายกับเปปเปอร์ พอต วันหนึ่งโทนี่ได้ไปแข่งรถที่สนามแห่งหนึ่ง เพราะเป็นคนดังจึงทำให้มีนักข่าวไปถ่ายทอดสดออกอากาศ

ผลเสียก็คือ เมื่อแวนโก้ ได้เห็นข่าวว่าโทนี่แข่งรถอยู่จึงได้รีบไปทำร้ายโทนี่ทันที เมื่อไปถึงสนามแข่งแวนโก้ได้เข้าจู่โจมโทนี่ ด้วยอาวุธร้ายแรงที่เขาสร้างขึ้นทันที โชคยังดีที่โทนี่เอาชุดเกาะติดตัวไปด้วย ทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด สุดท้ายแวนโก้ก็ฝ่ายพ่ายแพ้ และ ได้ถูกจับเข้าคุก ดูหนัง

แต่ปัญหายุ่งยากก็ยังไม่หมดไป เพราะได้มีคนกลุ่มหนึ่งได้ช่วยแวนโก้ออกมาจากคุกได้สำเร็จโดยยื่นข้อเสนอให้กับแวนโก้ว่า จะต้องสร้างหุ่นยนต์ที่ทรงประสิทธิภาพให้เขาเป็นการแลกเปลี่ยน

แต่แวนโก้ได้เปลี่ยนเหล่านั้นเป็นอาวุธสังหาร เพื่อใช้ในการฆ่าโทนนี่แทน โทนนี่จะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ร้าย ๆ เหล่านี้ไปได้หรือไม่ สามารถติดตามกันต่อได้ใน IRON MAN 2 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก

สรุป Iron Man 2

รีวิวหนังดัง ข้อดีของหนังเรื่อง IRONMAN 2 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก ก็คือ การดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาคที่แล้ว ได้อย่างสอดคล้อง และ เข้าใจง่าย ต่อมาก็คือ ชุดเกาะในภาคนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ เพราะมีการพัฒนารูปร่างที่สวย และเท่ขึ้นกว่าภาคแรก ในด้านสเปเชียลเอฟเฟกต์ และ ซีจีก็ถือทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมสวยงาม เช่น ในฉากที่โทนี่ต้องต่อสู้กับกองทัพหุ่นยนต์ ก็ทำออกมาได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจ รวมทั้งชอบฉากการต่อสู้ของโทนี่ และ แวนโก้ในสนามแข่วรถก็ทำออกมาได้มันส์มาก

ข้อเสียของหนังเรื่อง สำหรับผู้เขียนมีข้อเดียว คือ บางฉากบางตอนดูไร้สาระเกินไป เช่น ฉากที่โทนี่จัดงานวันเกิด แล้ว ใส่ชุดเกาะเป็นดีเจเนี่ยะ มันดู แล้ว เสียลุคของคำว่า IRON MAN มาก ๆ

สรุปภาพรวมของหนังเรื่อง IRONMAN 2 มหาประลัยคนเกราะเหล็ก เป็นหนังแอคชั่นแนวซูปเปอร์ฮีโร่ที่สนุกมาก ๆ คุุ้มค่าแก่รับชมจริง ๆ แค่ค่าซีจี และ สเปเชียลเอฟเฟกต์ก็ถือว่าคนดูอย่างเราคุ้มค่า แล้ว นี่ยังไม่รวมค่าตัวของพระเอก โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (โทนี่ สตาร์ค) ซึ่งสูงปรี๊ด นอกจากนี้ในเรื่องนี้ยังต้องขอชมดารานักแสดงแต่ละคน เล่นได้ดีสมบทบาทมาก ๆ สม แล้ว ที่เป็นหนังที่สร้างรายได้มหาศาล ใครที่ชอบดูหนังซูปเปอร์ฮีโร่ของค่าย Marvel ห้ามพลาดเด็ดขาด เว็บดูหนัง

รีวิว The Dark Knight

รีวิว The Dark Knight

รีวิว The Dark Knight

หนังไทยnetflix สวัสดีครับ วันนี้แอดมิน มารีวิว หนังซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง เรื่องแบทแมน เป็นหนังแบทแมนที่หลายๆ สำนัก ต่าง ๆ ให้ขึ้นชื่อว่า เป็นหนังแบทแมน ที่ดีที่สุด เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลาย ๆ คนที่ชื่นชอบหนังมหากาพย์ซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง แบทแมน นั้น คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักหนังภาคต่อจากแบทแมน ในชื่อเรื่องว่า Batman: The Dark Knight ที่ได้ปล่อยฉายมาในปี 2008 ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนังชุดลำดับที่ 6

รีวิว The Dark Knight

จากมหากาพย์ภาพยนตร์แบทแมน ที่ได้ได้รับการขนานนามว่า เป็น หนังแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่ ที่สามารถสร้างตัวละครอย่าง โจ๊กเกอร์ ออกมาในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดได้ ตั้งแต่เคยมีการแสดงบทโจ๊กเกอร์มาแล้วหลายเวอร์ชั่น นั่งชมกันต่อเนื่องไปเลย หลังจากย้อนหลังกลับไปชม Batman Begins ภาคปฐมบทของแบทแมนฉบับ Christopher Nolan มาแล้ว คราวนี้ก็คงได้เวลาตามต่อกับภาคสอง The Dark Knight / อัศวินรัตติกาล

The Dark Knight | อัศวินรัตติกาล ในสไตล์ของ Christopher Nolan แบทแมน อัศวินรัตติกาลนี่คือภาคต่อของภาคแรก 2008 สามปีถัดมา Christopher Nolan ก็ส่งภาคต่อออกมาให้แฟนๆ ที่รอคอยได้ติดตามชมกัน หลังจากทิ้งท้ายไว้ด้วยไพ่ใบหนึ่งที่เป็นที่มาของชื่อ “โจ๊กเกอร์” ภาคนี้ วายร้ายนามนี้ก็ได้เวลาออกโรง ดูหนัง

รีวิว The Dark Knight

รีวิวหนังดัง ต้องบอกก่อนเลยว่า หนังแอคชั่นซุปเปอร์ฮีโร่อย่าง แบทแมน นั้น นอกจากมีตัวละครสำคัญอย่าง แบทแมท ที่เป็นตัวละครฝั่งผดุงคุณธรรมแล้วนั้น หนังเรื่องนี้ยังมีตัวละครชูโรง ที่มีผู้ชมส่วนมากให้ความสนใจอย่าง โจ๊กเกอร์ ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งหนังแบทแมนในภาคก่อน ๆ นั้น โจ๊กเกอร์ อาจจะเป็นเพียง ผู้ร้าย ที่คอยต่อกรกับแบทแมนเท่านั้น แต่สำหรับบทโจ๊กเกอร์ ในภาค Batman:The DarkKnight ตัวละครอย่าง โจ๊กเกอร์ กลับได้รับบทบาทที่มีความโหด ความดาร์ค ความฉลาด และมีทักษะเก่งกาจไม่แพ้ซุปเปอร์ฮีโร่อย่างแบทแมนเลยแม้แต่นิดเดียว

อีกทั้งนักแสดงที่ได้รับบท โจ๊กเกอร์ ในภาค Batman:The DarkKnight อย่าง ฮีธ เลดเจอร์ นั้น สามารถตีบทแตก แสดงออกถึงความดิบ โหด ป่าเถื่อน และความดาร์คขั้นสุด ที่มาพร้อมกับการตกตะกอนความคิด และวางแผนก่อการได้อย่างแนบเนียน โดยเฉพาะในเรื่องของการปั่นหัวเหล่าตัวละครภายในเรื่องนั่นเอง

ซึ่งหลังจากหนังเรื่องนี้ได้ปล่อยฉายออกมาแล้วนั้น ตัวละครอย่าง โจ๊กเกอร์ ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะเรื่องของการตีบทแตก ทำเอาคนดูอินไปกับการแสดงออกของตัวโจ๊กเกอร์ได้อย่างแท้จริง ที่ไม่ว่าจะเป็นฉากแอคชั่น การต่อสู้ต่าง ๆ หรือฉากของโจ๊กเกอร์ที่ชอบพูดจาเย้าหยอกปั่นหัวตัวละครอื่น ๆ ภายในเรื่อง ก็สามารถทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

รีวิว The Dark Knight

โจ๊กเกอร์ แบทแมน เดอะ ดาร์ค ไนท์
ถึงแม้ว่านักแสดงบท โจ๊กเกอร์ อย่าง ฮีท เลดเจอร์ จะได้เสียชีวิตลงไปหลังจากหนังออกฉายได้เพียงไม่นาน แต่บทบาทการแสดงเป็นโจ๊กเกอร์ของเขานั้น ยังคงตราตรึงใจผู้ชม และกลายเป็นนักแสดงที่รับบท โจ๊กเกอร์ ได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีบทโจ๊กเกอร์ออกมาเลยอีกด้วย

ต้องบอกเลยว่าหนังแอคชั่นอย่างเรื่อง Batman:The DarkKnight นั้นมีมากกว่าฉากบู๊แอคชั่นทั่ว ๆ ไป ที่นอกจากจะมีฉากการต่อสู้สุดตระการตาแล้วนั้น ตัวหนังยังแฝงถึงเรื่องราวความรู้สึกนึกคิดของตัวละครอย่าง โจ๊กเกอร์888 ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ถือว่าเป็นหนังแอคชั่นที่มอบทั้งความสนุกสุดมันส์ แต่ยังคงแฝงไปด้วยเรื่องราวความดาร์คตามชื่อเรื่องได้อย่างไม่มีที่ติเลยนั่นเอง

เริ่มต้นที่เหตุปล้นเงินในธนาคารอย่างอุกอาจ เปิดเผยโฉมหน้าของ “โจ๊กเกอร์ / Joker” ว่าประหลาดล้ำเพียงใด กับหน้าจริงที่ทาสีเพิ่ม พร้อมกับรอยแผลเป็นที่มุมปาก ใช่แล้ว เขาคือ Heath Ledger ผู้จากไปนั่นเอง ขณะที่ Batman กลับมาภาคนี้ Christian Bale ดูมีริ้วรอยบนใบหน้าเพิ่มเติมขึ้นนิดหน่อย และยังมีอัลเฟรดเป็นคนสนิทคนเดิมคอยดูแล ขณะที่อัยการเขตคนใหม่อย่าง ฮาร์วีย์ เดนท์ (Aaron Eckhart) กำลังได้ เรเชล ดอว์ส (ที่คราวนี้เปลี่ยนตัวเป็น Maggie Gyllenhaal) ไปเป็นแฟน

ส่วน จิม กอร์ดอน (Gary Oldman) เขากลายเป็นหัวหน้ากองปราบฯ ผู้รับรู้เรื่องการปล้นเงินของแก๊งมาเฟีย หลังทีมของพวกเขา (ที่ก็เลือกมาจากพวกโกงกินทั้งนั้น) และแบทแมนไปเล่นจุดตายคือเรื่องเงินของพวกมันเข้า จึงทำให้พวกมันคิดขโมยเงินในธนาคารออกมา เพื่อยักย้ายไปเก็บที่อื่นนั่นเอง เว็บหนัง

ภารกิจครั้งนี้ ขยายวงไปไกลถึงฮ่องกง หนังที่ยาวกว่าสองชั่วโมงครึ่ง พาเราไปพบกับเรื่องราววกวนซับซ้อนซ่อนเงื่อน ที่น่าฉงนแต่ดูแล้วสนุก

สรุป The Dark Knight

รีวิวหนังดัง โจ๊กเกอร์ ดูเป็นวายร้ายที่ไม่ค่อยเข้าพวกกะใคร มีวิธีคิดเป็นของตัวเองและเดาทางได้ยาก แต่นั่นล่ะ ทำให้ The Dark Knight ถูกเล่าในทิศทางที่คนดูเดาไม่ออก อีกทั้งการมีตัวละครอยู่มากมาย ทั้งร้ายทั้งดี ทำให้การเขียนบทยืดหยุ่นได้สูง แต่ก็ต้องได้มือเขียนที่เจ๋งด้วยเช่นกัน ที่จะเอาอยู่ทั้งหนังและคนดูแบบนี้

เราได้เห็นด้านที่อ่อนไหวของซูเปอร์ฮีโร่ชุดดำผู้มีคุณธรรม เขาคือคนที่สังคมเลือกไส เขาเลือกทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้–สิ่งที่ถูกต้อง ข้อเรียกร้องของโจ๊กเกอร์ คือ การให้แบทแมนเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริง เขาเกือบจะได้ทำมันไปแล้ว หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้สร้างให้เกิดอีกด้านหนึ่งของคนดีอีกคนขึ้นมา…

รีวิว The Dark Knight

หลายครั้งที่เราได้เห็นอัยการเขตคนนี้หยิบเหรียญขึ้นเสี่ยงทาย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาบอกว่า “เขาไม่ได้เสี่ยง” คือวันที่ยินดีไปเป็นตัวล่อเพื่อการจับกุมโจ๊กเกอร์ และหนังก็เฉลยว่า ทำไม หนังค่อนข้างยาวมาก แต่ก็เล่าอะไรได้ทรงพลังมากๆ อยู่หลายฉากเช่นกัน โดยเฉพาะการโยนความรู้สึกกระอักกระอ่วนให้คนดูลองเลือกเองในใจว่า ใครควรตายมากกว่ากัน ระหว่างคนปกติกับคนชั่วของสังคม ต่อมศีลธรรมต้องทำงานกันวุ่นเลยทีเดียว

ในส่วนของการถ่ายทำ นับว่าการถ่ายทำด้วยมุมกล้อง การตัดต่อ ผสานไปกับเสียงดนตรีประกอบ ทำให้นี่เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่ทำได้ “ถึงใจ” ที่สุดเรื่องหนึ่ง ครบเครื่องทั้งลีลาฉากแอ็คชั่น และซับซ้อนในด้านบท แม้ในขณะที่คนดูเชื่อว่าเรื่องกำลังจะจบ ก็ยังมีเรื่องต่อให้ลุ้นกันอีกเกือบครึ่งเรื่องเลยทีเดียว บางคนอาจจะว่าหนังดูเครียด แต่หนังก็สะท้อนให้เห็นโลกจริงๆ ว่ามันมีสิ่งเหล่านี้อยู่ และเราอาจจะต้องการฮีโร่สักคนขึ้นมาจริงๆ ก็ได้
คุณอยากตายไปในฐานะฮีโร่ หรืออยากอยู่ไปจนตัวเองกลายเป็นวายร้าย! เว็บดูหนัง

ชื่อภาพยนตร์ : The Dark Knight / อัศวินรัตติกาล
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Christopher Nolan
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Jonathan Nolan (screenplay), Christopher Nolan (screenplay), Christopher Nolan (story), David S. Goyer (story), Bob Kane (characters)
นักแสดงนำ : Christian Bale, Heath Ledger, Aaron Eckhart, Michael Caine, Maggie Gyllenhaal, Gary Oldman, Morgan Freeman
แนว/ประเภท : Action, Crime, Drama, Thriller
เรท : USA/PG-13
ความยาว : 152 นาที
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Warner Bros. Pictures, Legendary Pictures, Syncopy
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 17 July 20

รีวิว Joker

รีวิว Joker

รีวิว Joker

หนังไทยnetflix เมื่อสังคมและสภาพแวดล้อม ไม่เป็นใจ สังคมและผู้คนที่โหดร้าย ได้ก่อกำเนิดปีศาจ ที่ต้องทุกข์ทนทรมาณ กับความเจ็บปวดที่ต้องได้รับจนระเบิดออกมาในที่สุด ก็กลายเป็นโจ๊กเกอร์ เขาต้องเผชิญกับความอ้างว้างจนเปลี่ยนเขาจากที่เป็นคนอ่อนแอกลายเป็นคนโหดเหี้ยม เขารับจ้างแต่งชุดตัวตลกรายวัน จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เขาพยายามจะแสดงตลกเดี่ยว แต่กลับพบว่าตัวเองต่างหากที่เป็นเรื่องตลก เขาไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาที่มีผู้คนอยู่รายล้อม ซึ่งเห็นได้จากเสียงหัวเราะที่ควบคุมไม่ได้และดูไม่เหมาะสม

ยิ่งเขาพยายามควบคุมเท่าไหร่มันก็ยิ่งแสดงออกมามากขึ้น จนทำให้เขาแสดงความเยาะเย้ยและความรุนแรงออกมา อาร์เธอร์ทุ่มเทเวลาไปกับการดูแลแม่ที่ไม่ค่อยแข็งแรง และไขว่คว้าตามหาคนที่เหมาะจะเป็นพ่อซึ่งเขาไม่เคยมีมาก่อน ตั้งแต่นักธุรกิจมหาเศรษฐี โธมัส เวย์น ไปจนถึงพิธีกรรายการทีวี เมอร์เรย์ แฟรงค์ลิน เขาพบว่าตัวเองอยู่ปลายทางระหว่างโลกแห่งความจริงกับความบ้าคลั่ง การตัดสินใจที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียวกลายเป็นชนวนเหตุที่นำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงมากมาย

รีวิว Joker

ดูหนังจบคุณจะจำชื่อเขาอย่างหลอนหัว “อาร์เธอร์ เฟล็ก” (Arthur Fleck) AKA โจ๊กเกอร์ (Joker) สิ่งหนึ่งที่หนังจากคอมิก ดีซี โดยค่ายวอร์นเนอร์ทำได้อย่างดีเสมอมานับตั้งแต่ไตรภาค Dark Knight ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) คือการเป็นหนังที่ดาร์กเข้ม จริงจังทั้งความสมจริงและดราม่า การสร้างตัวละครที่มีมิติรายละเอียด

และวิช่วลที่ตระการตาในยุคของ แซ็ก ชไนเดอร์ (Zack Snyder) ซึ่งด้วยการไล่ตามความสำเร็จและกดดันจากมาร์เวล ทำให้ยังทำยิ่งเป๋หนักจากการทอดทิ้งแนวทางการสร้างตัวละครมิติเชิงลึก ไปเป็นแอ็กชันผาดโผนผสมอารมณ์ขันสไตล์มาร์เวล ซึ่งงก้ไม่ค่อยขำเพราะสวนทางดราม่าที่ยังพยายามยึดไว้ด้วย

เลยกลายเป็นการใส่ดราม่าแบบฉาบฉวยและพลอตที่ยัดเยียดให้เกิดดราม่าเสียแทน ที่ผู้ชมจะสมัครใจอิน แม้ในยุคของ Wonder Woman และ Aquaman จะเริ่มลงตัวมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังห่างไกลจากการเป็นดราม่าเข้มขึงที่เคยเป็นรากฐานของดีซีจริง ๆ เว็บหนัง

รีวิว Joker

รีวิวหนังดัง มาถึงตรงนี้ก็ต้องขออภัยในการที่ต้องเทียบกับทางมาร์เวล เพื่อให้เห็นว่านี่เป็นความกล้าขนาดไหนของวอร์นเนอร์ที่อาจยอมทิ้งรายได้มหาศาลจากการทำตามมาร์เวลไปเพื่ออนุมัติสร้างหนังเรื่องนี้
JOKER จึงเป็นการแสวงทางสู่ดราม่าจิตวิทยาแบบลงลึก ดิ่งจม ผสมเหล้าข้นปนยารักษาโรคประสาท ที่มีกลิ่นดินปืนคลุกละอองเลือดลอยคละคลุ้งในอากาศ ซึ่งเป็นสายทางหนังประกวดรางวัล เวทีที่ไม่น่าพลาดคงเป็นเวทีลูกโลกทองคำ

แต่สำหรับออสการ์ก็เรียกว่ามีลุ้นไม่น้อยทีเดียว ซึ่งจะว่าก็น่าเสียดายแทนแฟนหนังมาร์เวลที่ไม่สนใจในการทำหนังแนวคว้ารางวัลสาขาหนังยอดเยี่ยม ยิ่งความอ่อนไหวของดิสนีย์ที่ไม่ชอบเล่นประเด็นสุ่มเสี่ยง ขนาดเคยไล่ผู้กำกับอย่าง เจมส์ กันน์ (James Gunn) ออกจากค่ายมาแล้วเพราะผลการกระทำในอดีตที่แทบไม่ควรเอามาเป็นประเด็นอีก

เพราะแนวทางการสร้างของมาร์เวลก็เน้นรายได้ความนิยมมากกว่ารางวัลอยู่แล้ว จึงไม่มีวันคิดจะทำหนังสไตล์ Joker ได้สำเร็จแน่นอน

ดีไม่ดีทำแล้วจะเป๋จนเพี้ยนไปหมดด้วย นี่จึงต้องยอมรับในความกล้าของผู้บริหารของค่ายวอร์นเนอร์มาก ๆ ที่กล้าเสี่ยงเอาตัวละครดังมาทดลองกับแนวทางหนักหน่วงเช่นนี้

หนังสามารถคว้ารางวัลหนังยอดเยี่ยม สิงโตทองคำ (Golden Lion) จากเทศกาลหนังเมืองเวนิสปีล่าสุด พร้อมการยืนปรบมือยาวนานของผู้ชมหลายนาที ซึ่งคงเป็นเพียงระฆังสัญญาณแรกในการลุยเวทีรางวัลใหญ่ในปีนี้ของหนังที่อาจตามรอยรุ่นพี่อย่าง The Shape of Water (2017) และ Roma (2018) ซึ่งล้วนเคยคว้ารางวัลสิงโตทองคำก่อนไปชนะรางวัลใหญ่ในเวทีออสการ์สำเร็จมาแล้วทั้งคู่ก็เป็นได้ ต้องยอมรับว่าก่อนดูหนังมีความแคลงใจ และคิดไปล่วงหน้าว่าอาจไม่ชอบตัว
หนังไปเลยก็ได้

รีวิว Joker

แต่พอเข้าไปดูแล้วนั้นก็ต้องพูดโดยรวมว่า หนังประสบความสำเร็จอย่างมากในการพาเราจมดิ่งลงไปในตัวละครนำอย่าง อาร์เธอร์ เฟล็ก อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เราจึงทั้งเข้าใจ ต่อต้าน เห็นใจ ขัดแย้ง อยากโอบกอดเขา และดุด่าเขาไปพร้อมกัน และเหนืออื่นใดมันคือประสบการณ์มหัศจรรย์ที่เราจะได้เห็น วาคีน ฟินิกส์ (Joaquin Phoenix) ลอกคราบทีละชั้นจนกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดนาม โจ๊กเกอร์ ในที่สุด

ผู้กำกับทอดด์ ฟิลลิปส์ คว้ารางวัลสิงโตทองคำจากหนังเรื่องนี้ นี่คือผลงานการกำกับของ ทอดด์ ฟิลลิปส์ (Todd Phillips) ผู้กำกับชื่อดังที่สร้างชื่อตัวเองมาจากหนังแนวคอมเมดี้ไตรภาคอย่าง The Hangover นี่จึงเป็นการผันตัวมาทำหนังดราม่าหนักหน่วงจริงจัง โดยเฉพาะเป็นการนำคาแรกเตอร์จากคอมิกดังมาดัดแปลงครั้งแรกของเขาด้วย

สิ่งที่ต้องชื่นชมผู้กำกับอย่างมากคือ วิสัยทัศน์ด้านการนำเสนอ ทั้งฉาก ภาพ วิช่วล ที่พยายามให้นึกถึงนิวยอร์กในยุค 1970 อันเป็นปีแห่งความสับสนวุ่นวาย เส็งเคร็ง กักขฬะ ผู้คนแสวงหาคุณค่าในความดีงาม ในตัวเอง ในตัวผู้อื่น เป็นยุคแห่งการหลงทิศหลงทาง ทั้งสงครามเวียดนาม คดีวอร์เตอร์เกต สงครามเย็น ลัทธิคลั่งศาสนา

การนำยุคที่ถูกต้องมาสู่การสร้างฉากหลังให้ตัวละครที่ถูกตัว คือความสำเร็จที่งดงามที่สุด ยังไม่รวมว่างานด้านภาพและวิช่วลต่าง ๆ ทำออกมาได้อย่างงดงามในความล่มสลาย งดงามในความรุนแรง และงดงามดั่งหัวใจเลวทรามใสซื่อของตัวละครนำ

ทอดด์ และ สก็อตต์ ซิลเวอร์ (Scott Silver) มือเขียนบทรางวัลออสการ์จากหนัง The Fighter (2010) เลือกนำจิตวิเคราะห์มาสู่ตัวละคร และเขียนบทจากผิวแล้วเลาะเปลือกตัวละครลงทีละชั้นได้อย่างที่คนไม่ต้องเรียนจิตวิทยามากมายก็เข้าใจหัวจิตหัวใจอันน่าเวทนาของตัวละครได้ มีดที่เลาะคราบของตัวละครออกมีตั้งแต่

สังคมที่ข่มเหงเอารัดเอาเปรียบคนอ่อนแอ ความพิการทางกายและใจ ความถูกละเลยไม่แยแสจากทั้งคนและจากทั้งรัฐ ความเชื่ออันหลงผิด ความหวังอันจอมปลอม ความรักที่แท้เพียงการหักหลังทรยศ และคุณค่าความภูมิใจในตนเองที่ตกต่ำต้อยแดดิ้นยิ่งกว่าก้นบุหรี่ที่ถูกคายทิ้งแล้วเอาเท้าขยี้ซ้ำ มันคือการตกต่ำลงเรื่อง ๆ ของตัวละครไปพร้อมกันกับการสูญสลายความศรัทธาในความดีงามความถูกต้องใด ๆ ทั้งมวล ดูหนัง

สรุป Joker

รีวิวหนังดัง หนังสร้างตัวละครโจ๊กเกอร์บนโจทย์สำคัญที่ว่า เขาคือตัวละครที่ไร้ตัวตน ไม่มีอดีตที่ชัดเจนว่าคือใคร มีที่มาที่ไปเช่นใด เป็นสุญญากาศ เป็นความกลวงของสังคม เป็นความบ้าคลั่งไร้ทิศทาง และเป็นฮีโร่ของสังคมป่วย ๆ ที่พิทักษ์ความยุติธรรมอันเจ็บป่วยด้วยวิธีการอันเจ็บป่วยพร้อมกัน เหมือนทอดด์กับซิลเวอร์ถอดโจทย์จากคอมิกทุกเล่มไว้บนปลายทาง ก่อนเรียงร้อยสร้างสรรค์ระหว่างทางเพื่อบรรลุผลตอนท้าย จากเรื่องราวที่แปลกใหม่ไม่คุ้นเคยสู่ตอนจบที่แนบเนื้อเดียวกับตำนานในใจของผู้อ่านทุกคน

ความละเอียดของจิตวิเคราะห์ยังลงลึกไปในประเด็นความโหยหา พ่อ ของตัวละคร ที่พยายามเอาภาพพ่อในจินตนาการที่ไม่เคยได้พบเจอไปซ้อนทับกับไอดอลในชีวิตจริงทั้ง เมอร์เรย์ แฟลงคลินส์ (โรเบิร์ต เดอ นีโร Robert De Niro) พิธีกรเจ้าของรายการทอล์กโชว์ชื่อดังที่อาร์เธอร์ดูมาแต่เด็ก ตลอดจน โทมัส เวย์น มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยอันจะทำให้ทุกข์ในความยากจนของอาร์เธอร์และแม่ปลิวไปได้เพียงแรงลมผิวปากของโทมัสเท่านั้น

เพียงประเด็นเรื่องพ่อประเด็นเดียวเชื่อว่าก็มีคนวิเคราะห์กันได้ลึกได้ยาวเป็นบทความกันแล้วล่ะ นี่จึงเป็นความเจ๋งที่หนังเรื่องนี้ใส่ใจทุกเม็ดทุกซอกมุมของตัวละคร และการเล่าเรื่องผ่านตัวละครนำทั้งเรื่องจึงประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องพึ่งสูตรบารมีของตัวละครอื่นมาให้แฟนต้องว้าว อย่างเช่นผลงานซูเปอร์ฮีโรครอสโอเวอร์เรื่องอื่น ๆ ต้องใช้เลยก็ตาม

และอีกสิ่งที่คงปฏิเสธได้ยากคือ นี่เป็นผลงานการแสดงที่ต้องจารึกโลกอีกครั้ง ของ วาคีน ฟีนิกส์ (Joaquin Phoenix) นักแสดงผู้เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากหนัง Walk the Line (2006) และ The Master (2012) รวมถึงเคยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Gladiator (2000) มาแล้ว นี่น่าจะเป็นอีกครั้งที่เขาน่าจะเข้าใกล้รางวัลนี้มากที่สุด

เพราะโจ๊กเกอร์กลายเป็นบทที่ยากและลำบากในการแสดง เมื่อมันถูกตั้งมาตรฐานมาแล้วจากนักแสดงชั้นยอดในอดีต อย่าง แจ๊ก นิโคลสัน (Jack Nicholson) หรือ มาร์ก ฮามิลล์ (Mark Hamill) โดยเฉพาะที่ว่าการเป็นผลงานทุ่มสุดตัวครั้งสุดท้ายแห่งชีวิตของ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ด้วยแล้ว ต้องบอกว่าเป็นงานหินโคตร ขนาดว่านักแสดงที่ดีอย่าง จาเรด เลโต (Jared Leto) ที่เคยคว้าออสการ์มาแล้วก็ยังไม่ประสบความสำเร็จกับบทบาทนี้เท่าใด

แต่เชื่อมั้ยว่า วาคีน ฟินิกส์ เขาทำได้ แถมทำได้อย่างเปี่ยมเสน่ห์น่าขนลุก เขาค่อย ๆ กลายเป็นโจ๊กเกอร์ได้อย่างละเมียดมาก ๆ ใช่ เทคนิคคือเขาไม่ได้พยายามจะเป็นโจ๊กเกอร์แต่ต้น หากแต่เป็นคนธรรมดาที่มีความผิดปกติแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งทำให้เราเข้าใจและอินไปกับความใกล้เคียงมนุษย์ทั่วไปได้ จนสุดท้ายเขาค่อย ๆ กลืนยาที่เรียกว่าอุปสรรคและโชคชะตาลงไปในท้องทีละเม็ด

ก่อนจะกลายร่างเป็นตัวละครวายร้ายที่โด่งดังที่สุดในโลกคนหนึ่งอย่างงดงาม จุดสังเกตที่เราต้องทึ่งในรายละเอียดการถอดเทคนิคทางการแสดงของวาคีน ฟินิกส์ มีตั้งแต่สีหน้า ดวงตา กายภาพ ท่าทางต่าง ๆ โดยเฉพาะการเดิน การวิ่ง การใช้มือ การหัวเราะ คือทุกสัดส่วนการใช้กายและใจของเขามันถอดตัวละครออกมาเป็นชิ้น ๆ แล้วประกอบใหม่อยู่ซ้ำ ๆ จนอาร์เธอร์กลายเป็นโจ๊กเกอร์ได้ เชื่อว่าสายการแสดงมานั่งดูคงต้องจดเล็กเชอร์รายฉากกันเลยทีเดียว

นี่เป็นหนังที่เราอาจไม่ได้รู้สึกมีความสุขไปกับมัน ไม่ได้หัวเราะกับมัน ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจระเบิดตูมตามเร้าใจ ไม่ใช่หนังฮีโรในกระแสใด ๆ มันอาจเป็นหนังของคนธรรมดาที่เจอวันแย่ ๆ และผิดเพี้ยนจนกลายเป็นขบถต่อสังคมอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ มันจึงเป็นหนังที่อิ่มในความรู้สึก อิ่มในสมองที่ต้องการบทเรียนรู้สำคัญผ่านหนัง หนังที่เรานั่งนิ่งอึ้งเมื่อจบ พลันเมื่อรู้สึกตัวก็อยากปรบมือให้มันยาว ๆ ยาวนานเท่าที่จะทำได้ เว็บดูหนัง

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

 

หนังไทยnetflix มังกรหยก จัดว่าเป็นนิยายจีนกำลังภายในแถวหน้าที่ชาวยุทธต่างครอบครองมาเป็นเจ้าของจนตาเปียก เพราะความรักที่มีต่อโลกบู๊ลิ้มนั้นช่างเร้าใจ ก็กิมย้งแกช่างเล่าได้สนุกสนานแถมยังกระชับได้ใจความ ยิ่งอ่านยิ่งมันจนวางไม่ลงกันเลยเชียว

จักรวาลมังกรหยกที่กิมย้งแกได้สร้างไว้ก็มีถึง 3 ภาคกันเลยค่ะ เรียกว่าดูดเงินในกระเป๋าไปอย่างสนุกสนานตั้งแต่มังกรหยกภาค 1 เล่าเรื่องก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง ต่อด้วยภาค 2 เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่ง ที่เป็นรุ่นลูก และ ภาค 3 ‘ดาบมังกรหยก’ ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายเล่าถึง เตียบ่อกี้ กับกระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร และ บรรดาสาว ๆ ของเขา แถมด้วยแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ที่เป็นเรื่องราวก่อนยุคก๊วยเจ๋งไปอีกเรื่องหนึ่ง แน่นอนว่านิยายมัน ๆ ขนาดนี้เมื่อถูกนำมาทำซีรีส์หรือภาพยนตร์มันก็มักจะถูกนำมาทำซ้ำหลาย ๆ รอบซะด้วยสิ เว็บดูหนัง

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

เตียบ่อกี้/หลินฟง ดาบมังกรหยกเวอร์ชันนี้เสนอตอน ‘ประมุขพรรคมาร’ เล่าเรื่องราวห่างจากมังกรหยกทั้งสองภาคราว ๆ 70 ปีเห็นจะได้ (หรืออาจจะมากกว่านั้น) เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเคยดูมังกรหยกสองภาคแรกมาก่อนเลยจ้ะ ดูภาคนี้เลยก็ได้เพราะเป็นเอกเทศอยู่พอสมควร จุดเชื่อมโยงมีอยู่แค่เหล่าจอมยุทธในตำนาน เคล็ดวิชา และ สำนักต่าง ๆ ที่กล่าวถึงแค่นั้นเอง สำหรับ ‘ดาบมังกรหยก 1 : New Kung Fu Cult Master 1’ เป็นภาพยนตร์ที่ถูกปัดฝุ่นใหม่โดยฝีมือของ หวังจิง ผู้กำกับคนเดิมกับที่ทำดาบมังกรหยกเมื่อปี 1993 แล้วค้างภาค 2 ที่ปูว่าจะทำเอาไว้นานจนคนดูตายตกไปตามกันเยอะแยะแล้ว นำแสดงโดยหลี่เหลียนเจี๋ย และ เป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย กำกับคิวบู๊โดยหงจินเป่า

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

รีวิวหนังดัง ใช่จ้ะ ภาคนี้ภาคเดียวกันนี่แหละมันเคยออกสู่สายตาชาวโลกมาแล้วนานมาก การกลับมาคราวนี้หวังจิงร่วมมือกับ วีนัส เคียง รีเมกดาบมังกรหยก 1 เมื่อครั้งกระนู้น โครงเรื่องคล้ายเดิมแต่มีการปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่าเดิม อย่างน้อยภาคนี้ก็เอาเตียบ่อกี้คนดีคนเดิมของเรากลับมา ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ดุดัน ผยองเดชแบบเมื่อคราวที่หลี่เหลียนเจี๋ยแสดงนำ แหม นอกจากกิมย้งแกจะชอบปรับปรุงนิยายตัวเองอยู่บ่อย ๆ แล้ว คนเอามาทำหนังก็ยังสืบทอด DNA ของกิมย้งมาอีก ปรับกันไปจ้ะจนกว่าจะตายไปข้างนึง

ภาค 1 จบไปก็ต่อภาค 2 แบบไม่ต้องให้รอนาน ‘ดาบมังกรหยก 2 New Kung Fu Cult Master 2’ จะเริ่มในตอนที่เตียบ่อกี้ และ พรรคเม้งก่า ต้องหาทางช่วยยอดฝีมือจาก 6 สำนักใหญ่ที่ถูกกักขังไว้บนเจดีย์วัดบ้วนอัน ก็คือพรรคมารยกพวกตามมาช่วย 6 พรรคคนดีที่ราวีเม้งก่านั่นแหละ แต่มิกจ้อเจ้าสำนักง้อไบ๊ก็ตายลงในศึกครั้งนี้ โดยมีคำสั่งเสียให้จิวจี้เยี้ยก รับตำแหน่งเจ้าสำนักง้อไบ๊ต่อ พร้อมกับบอกความลับของ ‘กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร’ เตี๋ยเมี่ยง ก็อยากรู้ความลับเช่นกันจึงขอให้เตียบ่อกี้พาไปหาราชสีห์ขนทอง

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

เตียบ่อกี้ และ สามสาวเตี๋ยเมี่ยง จิวจี้เยี้ยก เสี่ยวเจียว จึงออกเดินทางไปยังเกาะน้ำแข็งอัคคี เพื่อค้นหาความลับของสองยอดศาสตราที่เหล่าจอมยุทธ์ทั่วหล้าหมายครอบครอง ในขณะเดียวกัน เซ่งคุน (ซื่อสิงอวี่) ก็รอคอยโอกาสที่จะกำจัดทุกคนที่ขวางทาง จนสุดท้ายสู้กันไปสู้กันมาพระเอกก็ต้องชนะอยู่วันยังค่ำ พร้อมกับรักสามเส้าของเตียบ่อกี้ที่ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องตีกันเองเลยจ้ะ เพราะนางทั้งสามสามัคคีกันรักพระเอกอย่างกับอะไรดีแน่ะ ถึงจะมีเรื่องราวดุเดือด และ การสูญเสียให้พระเอกต้องน้ำตาตกก็ตามที ดูหนัง

คิวบู๊ได้อยู่แต่ CG ล้ำเลิศกว่า ก็เป็นไปตามยุคสมัยนะคะที่ภาพยนตร์กำลังภายในสมัยนี้จะใช้ CG เข้ามาช่วยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสำหรับดาบมังกรหยกก็อลังการงานสร้างและเฟี้ยวฟ้าวได้อยู่กับ CG ที่ออกมามากมายจนหมัดและดาบหงอยไปเลยจ้ะ บอกตามตรงว่าก็แอบคาดหวังอยู่พอสมควรกับคิวบู๊ที่รอคอย ถึงจะสนองความต้องการไม่ได้มากอย่างที่คาดหวังเอาไว้แต่ไม่ได้ทำให้อกหักซะทีเดียว เพราะสิ่งที่ออกมาสู่สายตาก็ไม่ผิดไปจากสไตล์ของหนังจีน-ฮ่องกงสมัยใหม่ที่จะเน้นไปที่ CG ซะมากกว่า ก็ของมันมีให้ใช้แล้วจะฟาดฟันเหนื่อยทำไมละเนอะ

บทสรุปเรื่องราวใน ดาบมังกรหยก 2

รีวิวหนังดัง จุดนี้ก็เรียกจินตนาการในนิยายออกมาได้พอสมควร ปล่อยพลังกันอย่างมโหฬารไปเลย ถึงลีลาออกหมัด ฟาดดาบจะไม่สาแก่ใจป้าข้างบ้านเท่าไหร่แต่ให้อภัยในความอลังการเหนือมนุษย์ของเขาก็แล้วกัน ภาค 1 กำลังมัน ๆ อ้าวจบเว้ยเฮ้ยต้องรอภาค 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้การรอคอยต้องผิดหวัง เพราะเตียบ่อกี้ในฐานะประมุขพรรคมารนั้นเก่งกาจหาใครทัดเทียม เรียกว่าไร้พ่ายทั่วสารทิศ เรื่องนี้หลินฟงในบทเตียบ่อกี้ถูกบ่นว่า ทำไมแก่จังเลยจ๊ะเตียบ่อกี้ต้องหนุ่มกว่านี้สิ ก็ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าภาคนี้เขามารับบทในช่วงที่เตียบ่อกี้เป็นประมุขพรรคมารแล้ว ตัวจริงแก่กว่าในเรื่อง 10 ปีเอง หยวน ๆ น่า

บทปรับใหม่ที่รักสามเส้าเป็นจุดเด่น
เวอร์ชันนี้ เตียบ่อกี้ กลับมาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงและมีนิสัยอ่อนโยน แตกต่างปี 1993 ที่บทปรับให้เตียบ่อกี้ทะเยอทะยาน เจ้าคิดเจ้าแค้นซึ่งกลายเป็นคนละคนกับเตียบ่อกี้ในนิยายไปซะฉิบ พอมาเจอเตียบ่อกี้คนเดิมก็รู้สึกดีขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ และแน่นอนว่าสาว ๆ ทั้งสามนางสวยหยดจนถ้าเกิดเป็นเตียบ่อกี้อิชั้นก็เลือกไม่ถูกจริง ๆ จ้ะ แต่หากใครสงสัยว่าใครนะจะเป็นนางเอกก็นี่เลยเขาบอกไว้อยู่แล้วว่าคือ เตี๋ยเมี่ยง ธิดาแห่งอ๋องมองโกลนี่แหละค่ะ ตัวจริงของฮี แต่กว่าจะได้มาบรรจบสมกับที่เกิดมาคู่กัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามากมาย

เตี๋ยเมี่ยง/เหวินหย่งซาน
คือหนาวจริง ๆ เพราะไปผจญภัยกันถึงเกาะน้ำแข็งอัคคี ต้องผ่านการต่อสู่ แย่งชิงต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องความลับในกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกรที่ทำให้นางหนึ่งเปลี่ยนไป นางหนึ่งต้องเสียสละ ภาคแรกปูเรื่องไว้ถึงการฝ่าฟันจนถึงเตียบ่อกี้ได้รับตำแหน่งประมุขพรรคมาร พอมาภาค 2 ก็ไปที่การปกป้องบ้านเมืองจากอ๋องมองโกล ซึ่งนิยายกำลังภายในของกิมย้งก็มักจะสอดแทรกคุณธรรมความดีเอาไว้มากมาย และตัวละครบางตัวมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ให้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความจริงบนโลกที่เราเห็นกันอยู่แล้ว ว่าผู้ที่บอกว่าตนเป็นฝ่ายธรรมะก็ไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรมเสมอไป แถมยังต้องให้พรรคมารที่ตัวเองแสนรังเกียจมาคอยช่วยอีกต่างหาก

เสี่ยวเจียว/อวิ๋นเชียนเชียน
ในส่วนนี้ผู้สร้างไม่ได้ทิ้งรายละเอียดไป แต่น่าเสียดายที่การห้ำหั่นเพื่อคุณธรรมความดีและความถูกต้อง การปกป้องบ้านเมืองเบาบางกว่าความรักซะด้วยซ้ำ ก็เข้าใจได้จ้ะเพราะเตียบ่อกี้เขาก็ไม่เป็นสองรองใครในเรื่องนี้มันเด่นอยู่แล้วตั้งแต่นิยายเลยละ รักมั่นคงให้หญิงอีกคนก็ยังใช่ เสียดายความภัคดีของอีกนางก็ได้อยู่ ผูกสมัครกับอีกนางที่ร่วมทุกข์ก็ได้อีก เกิดเป็นเตียบ่อกี้นี่ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ และด้วยความที่เป็นหนังจะให้เล่าได้ครบถ้วนแบบนิยายมันยากมาก ในส่วนนี้ก็ทำให้เนื้อเรื่องขาดความกลมกล่อมไปอยู่สักหน่อย เพราะมันช่างรวบรัดเหลือเกิน พ่อคุณเอ้ย และหลาย ๆ ฉากที่ควรจะมีก็หายวับไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิว ดาบมังกรหยก 2

จิวจี้เยี้ยก/ชิวอี้หนง
ทำให้บทของเรื่องนี้ดูพร่องไปอย่างเห็นได้ชัด เราเข้าใจถึงการดัดแปลงอยู่แล้วละเพราะรายละเอียดในนิยายค่อนข้างเยอะ ที่เราจะเห็นในหนังเรื่องนี้ทั้งสองภาคผู้สร้างก็เลือกฉากใหญ่ ๆ มาให้ดูกันทั้งนั้น การปะติดปะต่อเรื่องราวก็รวดเร็วปรู๊ดปร๊าดและรวบรัดอยู่พอสมควร จุดนี้ถึงจะไม่ดุเดือดเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่น่าเบื่อ แต่ใด ๆ ก็ตามคิวบู๊ที่เฟี้ยวฟ้าวยังคงอยู่โดยเฉพาะช่วงต่อสู้ที่เม้งก่า และการออกลีลาของ ดอนนี่ เยนในบทเตียซำฮง ที่ต้องยอมรับเลยว่า ศิลปินชั้นครูผู้นี้ฝีมือไม่พร่องไปเลยจริง ๆ

เตียซำฮง/เจินจื่อตัน (ดอนนี่ เยน)
คอสตูมอลังการ สวยหยดจนไม่อาจละสายตา
ดูหนังกำลังภายในสมัยนี้ถ้าไม่เสพคอสตูมก็เห็นทีจะเสียของนะคะ และเรื่องนี้ก็ประเคนความสวยงามอลังการมาให้ได้เสพกันแบบเต็ม ๆ ตา โดยเฉพาะสาว ๆ ทั้งหลายในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกหรือไม่เอกก็ตาม การออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวแสดงทุกตัวจัดได้ว่าใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมและเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเก่าเมื่อนานมาแล้ว ที่เวอร์ชันนี้คุ้มค่าต่อสายตาจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะค้างคาวปีกเขียวที่อิชั้นชอบการดีไซน์ของตัวละครตัวนี้มาก และราชสีห์ขนทองที่สร้างภาพภายนอกให้ดูน่าเกรงขาม แต่ความจริงเป็นตาแก่ปวกเปียกที่ถ้าไม่มีวิชาราชสีห์คำรามก็เข่าทรุดกันเลยทีเดียว เว็บหนัง

มังกรเสื้อม่วง เสี่ยวเจียว ค้างคาวปีกเขียวและอินทรีคิ้วขาว
บวกกับความสวยงามของสาว ๆ ที่แต่ละนางนั้นบรรจงแต่งเหมือนจะมาแข่งกันประชันความงามก็ไม่ปาน และลุคเท่ ๆ ของเตียบ่อกี้ที่มาถึงวันนี้คงลบคำปรามาสเรื่องอายุไปได้แล้วเพราะเตียบ่อกี้ลุคนี้สร้างมาให้เราเชื่อได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่สาว ๆ สมควรจะตกหลุมรัก หล่อไม่มากแต่เร้าใจเพราะช่างอบอุ่นและแสนดีไปทุกหย่อมหญ้า ภาษาบ้านเราก็คงจะเรียกคุณพี่เขาได้ว่าพระเอกขี้อ่อย ที่ซื่อ ๆ ใส ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าความเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดีเลยจริงจริ้ง จนทำให้เรื่องนี้เป็นหนังกำลังภายในที่ฉาบด้วยความรักสามเส้าเราสามคนที่ต่างคนต่างเสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง รวมคนดีที่โลกต้องจำอ่ะจ้ะ ว่าอย่างนั้นแหละ

กำกับ หวังจิง
ความยาว 1 ชั่วโมง 52 นาที
แสดงนำ หลินฟง /เหวินหย่งซาน /ชิวอี้หนง /อวิ๋นเชียนเชียน
OUR SCORE 7.2

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

ปี 2020 นี้มีหนัง มีกาตูนน่าดูออกมามากมาย หนังไทยnetflix แต่เรื่องที่แอด อยากดูเป็นพิเศษก็คงจะหนีไม่พ้นอย่าง โซนิค โดยหลังจากที่ทีมงานได้ปล่อยให้เราปวดหัวกับโมเดลแบบเก่า จนทางสตูดิโอหนัง ยอมเลื่อนกำหนดฉาย เพื่อหอบเอาโมเดลโซนิคแบบเก่ากลับไปแก้จนถูกใจแฟน ๆ มากขึ้น ก็ถึงวันเข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ Sonic : The Hedgehog ฉบับภาพยนตร์ จะออกมาดีหรือแย่อย่างไร วันนี้ขอเชิญพบกับรีวิว Sonic : The Hedgehog

เนื่องจากต้นฉบับเกมไม่มีที่มาที่ไปของโซนิคที่ชัดเจนนัก และ พอถูกนำมาเล่าเป็นหนัง ทำให้ต้องมีการเล่าปูมหลัง และ ที่มาที่ไปของโซนิค ที่ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่สมเหตุสมผลไปบ้าง แต่เพียงไม่นานหลังจากนั้น เราก็จะดำดิ่งสู่โลกของโซนิคในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ อย่างแรกเลยคือ ใครที่ติดภาพลักษณ์ของเจ้าโซนิคในฉบับเกมที่หน้าตาห้าว ๆ หน่อย อาจจะต้องปรับระดับความคาดหวังลงมา โซนิคในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้น หน้าตาดูน่ารัก เหมือนเด็กวัยรุ่น ส่วนนึงก็เพราะนี่น่าจะเป็นหนังภาคแรก และ เป็นจุดกำเนิดของโซนิคด้วย ยังไม่เข้าสู่ช่วงห้าวเต็มวัยแบบภาพลักษณ์ที่เราเห็นในเกม

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ กับการยอมรับฟีดแบ็คของผู้ชม และ นำเอาโมเดลโซนิคกลับไปแก้ไข จนออกมาดูดี แม้จะยังไม่ดีที่สุด แต่ก็ทำให้คาแรคเตอร์โซนิคดูน่าจดจำขึ้นมาทันที ทั้งนี้เพราะผู้เขียนนึกภาพไม่ออก ว่าถ้าเป็นเจ้าโซนิคโมเดลเก่า แต่ถูกนำมาเล่าเรื่องในหนังเรื่องนี้ เราจะอินดีหรือไม่ เพราะหน้าตามันไม่ค่อยน่าเอ็นดูเหมือนเวอร์ชั่นใหม่เอาซะเลย เว็บดูหนัง

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

รีวิวหนังดัง ฉบับภาพยนตร์นั้น นำเสนอโซนิคให้เหมือนกับเด็กที่ได้พลังพิเศษ และ เพราะการที่เขามีพลังพิเศษแถมไม่ใช่คนนี่แหละ เลยทำให้เขาไม่อาจเปิดเผยตัวตนได้ และ ต้องอยู่คนเดียวอย่างเหงา ๆ ตลอดเวลา ทำให้คาแรคเตอร์ของโซนิคในหนังเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากตัวละครจำพวกเด็กมีพลังพิเศษ และ โดนรังเกียจในเรื่องอื่น เพียงแต่เขาไม่ได้เผยตัวตน และ ไม่ได้โดนรุมกลั่นแกล้งเท่านั้น

นักแสดงหลักของหนังเรื่องนี้คือ James Marsden อดีตผู้รับบท Cyclops จากหนังชุด X-MEN (เวอร์ชั่นเก่าปี 2000) และ อีกคนที่ขาดไม่ได้เลยคือ จิม แครีย์ แต่เราคงจะไม่บอกว่าจิม แครีย์แบกหนัง เพราะซีจีของโซนิค และ การแสดงของนักแสดงท่านอื่นก็ทำออกมาได้ดี เพียงแต่ จิม แครีย์ แกออกแนวจ้างร้อยเล่นล้าน เล่นจนล้นสุด ๆ เลยทำให้ดูเหมือนว่าตัวละครของเขานั้นแย่งซีนนักแสดงท่านอื่นก็เพียงเท่านั้น เพราะต้องยอมรับจริง ๆ ว่าทุกครั้งที่จิม แครีย์ออกมาในหนัง น้อยที่สุดก็ทำให้เราหัวเราะแห้ง ๆ ได้ หรือบางฉากก็ฮาลั่นโรงเลยก็มี

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

น่าจะเป็นหนังวีดิโอเกมที่ถูกจับตามองมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ สำหรับ Sonic the Hedgehog (2020) ที่ช่วงต้นปีที่แล้วมีประเด็นดราม่าจากเหล่าแฟนบอยของน้องเม่นสายฟ้าในตำนาน ซึ่งออกอาการไม่ปลื้มอย่างแรงหลังจากได้เห็นเทรลเลอร์เปิดตัว โดยเฉพาะดีไซน์ตัวโมเดลในแบบฉบับ live action

ที่ทำเอาโหงวเฮ้งหน้าตาของเจ้าโซนิคดูห่างไกลกับเวอร์ชันต้นฉบับในเกมหรือการ์ตูนมากจนถูกแฟน ๆ แห่เข้าไปกด dislike กันใหญ่ และ จากกระแสต่อต้านอย่างหนักนั้นก็ส่งผลให้ Jeff Fowler ผู้กำกับ และ ทีมผู้สร้างตัดสินใจยอมปรับดีไซน์ตามคำเรียกร้องให้ใกล้เคียงกับในเกมมากที่สุด เว็บหนัง

ซึ่งจากปัญหาเรื่องแก้ดีไซน์นี้ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายจากกำหนดเดิมราว 3 เดือน แถมทาง Sega เจ้าของแฟรนไชส์ต้องเข้ามาดูแลการดีไซน์รอบใหม่ด้วย โดย Paramount Pictures ใช้งบประมาณการออกแบบตัวละครใหม่อยู่ประมาณ 5 ล้านเหรียญฯ เจ้าเม่นสายฟ้ากับบทบาทที่ต้องออกมาเล่นกับคนจริง ๆ

ถือเป็นโจทย์ที่ท้าทายไม่น้อย โดยไลน์อัปก็ไม่ขี้เหร่ นอกจาก เจมส์ มาร์สเดน (James Marsden) พ่อหนุ่ม Cyclops และ ที่หลายคนอาจคุ้นเคยกับบทคาวบอยในซีรีส์ Westworld, ทิก้า ซัมพ์เตอร์ Tika Sumpter สาวผิสีทรงเสน่ห์จาก Gossip Girl, แล้วยังมีลุงจิม แคร์รี (Jim Carry) กับบท ดร.โรบอทนิกส์ คู่อริตลอดกาลของโซนิค ที่คาแรกเตอร์ของ ดร.สติเฟื่องนี่ดูเข้าทางลุงแกมาก ๆ

บทสรุป Sonic the Hedgehog 1

รีวิวหนังดัง เรื่องราวของ Sonic the Hedgehog เริ่มจากการปรากฏตัวขึ้นของโซนิค สิ่งมีชีวิตในต่างดาวอันไกลโพ้นหน้าตาคล้ายเม่น ที่มาพร้อมสกิลวิ่งเร็วระดับวาร์ปอันเลื่องชื่อ รวมทั้งมีพลังงานไฟฟ้าแรงสูง ต้องหลบหนีจากบ้านเกิดที่เติบโตตั้งแต่ยังเล็ก จับพลัดจับผลูหลุดมาอยู่ในโลกมนุษย์ที่เมืองกรีนฮิลล์ เมืองเล็ก ๆ ในรัฐมอนทาน่า โซนิคใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำเล็ก ๆ อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเพื่อน อยากเล่นอะไรทำอะไรก็ทำคนเดียว

จนกระทั่งเกิดเหตุไม่คาดฝันเผลอใช้พลังพิเศษในตัวระเบิดแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้ไฟฟ้าดับทั้งเมือง ซึ่งรัฐบาลสหรัฐช็อกกับเหตุการณ์ครั้งนี้มากจนเชิญนักวิทยาศาสตร์อย่าง ดร.โรบอทนิกส์ เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ ดร.แกะรอยจนรู้ว่าเป็นโซนิค และ ค้นเจอเบาะแสสำคัญที่ทำให้ตระหนักถึงพลังไร้ขีดจำกัดของเม่นจอมแสบรายนี้ จึงออกไล่ล่าเม่นสีน้ำเงินทันที

ขณะที่โซนิคเองก็ได้พบกับ ทอม วาชอวสกี้ (เจมส์ มาร์สเดน ) เจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มประจำเมืองกรีนฮิลล์ ซึ่งโซนิคขอร้องให้ทอมช่วยคุ้มครองความปลอดภัยจาก ดร.โรบอทนิกส์ ขณะเดียวกันก็ต้องออกตามหาเหรียญวาร์ปสีทองที่เคยนำพาเขามายังโลกมนุษย์ ซึ่งบังเอิญทำหล่นหายไปในเมืองซานฟรานซิสโก

สำหรับ โซนิค เวอร์ชันนี้ต้องบอกเลยว่าลบฝันร้ายหรือคำสาปสำหรับวิดีโอเกมที่มักออกมาเละเทะเมื่อดัดแปลงเป็นหนังจอเงิน ด้วยการถูกวางในพลอตสำเร็จรูปที่เข้าถึงง่าย ขายความน่ารักสมจริงกับกลุ่มคนที่โตมากับการ์ตูนหรือเกมมากกว่าโฟกัสเด็กรุ่นใหม่ ยิ่งหากต่อยอดจากตัวละครแบบนี้ที่มีความเป็น iconic จ๋าอยู่ในตัวสูงแล้ว

ความกดดันจากฐานแฟนบอยนี่แทบจะเป็นตัวกำหนดมาตรฐานไว้เลย นอกจากอาจจะมีบางเรื่องหลุดฟอร์มเลวร้ายจนกลายเป็นไปทำลายความฝันวัยเด็กซะงั้น อย่างพวก เต่านินจา, ดราก้อนบอล หรือนานกว่านั้นก็มาริโอ้ ที่แทบอยากจะลืม ๆ ไปเคยทำเป็นหนัง (ฮา)

รีวิว Sonic the Hedgehog 1

ความน่ารักแสบสันต์ และ แววตาก๋ากั่นของเจ้าโซนิคที่ต้องยกความดีความชอบให้ทีมผู้สร้างที่ตัดสินใจดีไซน์ใหม่ ตัวหนังเซอร์วิสแฟนดั้งเดิมของโซนิคเป็นอย่างดี โดยจะใส่รายละเอียดศัพท์แสงที่คนเคยเล่นเกมโซนิคสมัยเด็ก ๆ ในยุค 90s ต้องคุ้นเคยมาเป็นระยะ ทำให้รู้สึกอินได้ง่ายมาก ซีจีทำได้ค่อนข้างดีเลย แต่ยังมีส่วนที่รู้สึกลอย ๆ อยู่บ้าง

ซึ่งตรงนี้ไม่แน่ใจว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะการดีไซน์โซนิคใหม่ที่มีความเป็นตัวการ์ตูนมากกว่าเดิมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เหนือเรื่อง CGI ออกไป MVP ตัวจริงคือ ลุงจิม แคร์รี นี่แหละที่ขยันขโมยซีนมาก! บางฉากลุงแกฮาซะเอาน้องเม่นเจื่อนไปเลย (ฮา) เรียกว่าเข้ามาเป็นเดอะแบ็กตัวจริง และ เมื่อหักลบกับพลอตเบา ๆ ตัวละครแบน ๆ แบบดูขำ ๆ แล้ว ลุงจิม คือคนที่ยกระดับ Sonic the Hedgehog ขึ้นมาสู่ระดับที่เรียกว่า ‘ดีเกินคาด’ อย่างแท้จริง

ตัวละครหญิงผู้อยู่เบื้องหลังความพยายามของตัวเอกในอนิเมะ
นอกจากนี้ พาร์ตหนึ่งที่ประทับใจชนิดเซอร์ไพรส์หน่อย ๆ ก็คือเมสเซจเรื่องชีวิตที่ซุกซ่อนอยู่ โดยเฉพาะการตั้งคำถามกับการมีชีวิตอยู่ มันทรงพลังกว่าที่คิดไว้มาก ช่วงท้ายทำซึ้งเอาเรื่อง มันเป็นภาพจำใหม่ ๆ ของโซนิคในมุมที่แตกต่างออกไปจากยี่สิบกว่าปีก่อน เจ้าเม่นสายฟ้าไม่ได้เป็นเพียงตัวละครเท่ ๆ ที่มีไว้โชว์สปีดเร็วกว่านรกอีกต่อไป แต่จะได้เห็นโซนิคมีพัฒนาการหันเหมาเป็นซุปเปอร์ฮีโรคอยปกป้องเมืองกรีนฮิลล์แห่งนี้ด้วย แถมยังมีเครดิตแถมท้ายให้สาวกได้กรี๊ดกร๊าดกันอีก

Sonic : The Hedgehog ไม่ใช่หนังจากเกมที่แย่ และ ดูจากรายได้ ณ ตอนนี้ มันน่าจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และ น่าภูมิใจในฐานะที่เป็นหนังจากเกม แต่ถ้ามองมันเป็นภาพยนตร์ทั่วไป ก็คงต้องบอกว่ามันขาดอารมณ์ร่วม และ ไม่ค่อยน่าจดจำสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะต้องวางโครงสร้าง และ เนื้อเรื่อง และ เชื่อได้เลยว่าภาค 2 นี่ล่ะ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของโซนิคจริง ๆ ซึ่งเราก็หวังว่ามันจะประสบความสำเร็จ จนได้ทำออกมานะ

ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ หากอยากจะผละออกจากบ้านหรือคอมพิวเตอร์ และ เครื่องเกม เพื่อหาหนังดู ในสัปดาห์นี้ก็คงไม่มีอะไรที่จะเป็นตัวเลือกที่ดีไปกว่า Sonic : The Hedgehog แล้ว และ เราคงต้องย้ำกันอีกครั้งว่า แม้มันจะไม่ใช่หนังที่น่าจดจำอะไรนัก แต่มันเป็นหนังที่ “สนุก” ครับ ใครไปชมก็อย่าลืมมาพูดคุยกันได้ล่ะ! ดูหนัง