Category Archives: หนังไทยมาใหม่

รีวิว Captain Marvel

รีวิว Captain Marvel

รีวิว Captain Marvel

รีวิวหนังดัง หลังจากที่แอดมินได้กลับไปดูหนังมาเวลเรื่องนี้อีกครั้งนั้น ทำให้แอดรุ้สึกอยากรีวิวมาทันทีครับ ถึงแม้ว่าในตัวหนังนั้น จะดัดแปลงจากคอมิก Kree-Skrull War ปี 1971 มาเยอะ ของ รอย โธมัส แต่ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า Captain Marvel นั้น ก็ได้เลือกที่จะเซ็ตเรื่องราวของตัวเองขึ้นใหม่ และ ที่สำคัญมันยังตอบสนองกับแนวคิดเฟมินิสต์ที่ข้นขลั่กทั้งเรื่อง ทั้งที่มาของพลังพิเศษ หรือ เรื่องราวภูมิหลังที่อย่างกับหลุดมาจากโฆษณาเพื่อนหญิงพลังหญิง ไปจนรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยอย่างการแอบใส่ฉากที่ เวียส หรือ คารอล เดนเวอร์ ปล่อยพลังทำลายสแตนดี้หนัง True Lies ของเจมส์ คาเมรอน ในร้านบล็อคบัสเตอร์ หนังไทยมาใหม่

รีวิว Captain Marvel

รีวิวหนังดัง เวียส สตาร์ฟอร์ซ นักรบสาวแห่งเผ่าครี ได้ออกปฏิบัติการสู้รบกับเผ่าสโควล์ เธอพลาดท่าถูกเผ่าสโควลล์จับตัวได้และโดนจับไปค้นหาความทรงจำ ซึ่งมันทำให้ เวียส มองเห็นภาพที่เธอเห็นอยู่บ่อยครั้งในความฝันมันคือชีวิตบนโลกที่เธอจำไม่ได้เลย เมื่อเธอได้สติและหนีรอดจากเผ่าสโควล์ได้ เวียส มุ่งหน้าไปที่ดาวโลกด้วยกระสวย เพื่อไปค้นหาความจริง ดูหนัง

และได้พบกัน นิค ฟิวรี่ เจ้าหน้าที่หน่วยซีลด์ ที่ในตอนนั้นยังไม่ปิดตาข้างหนึ่ง ยังมีเจ้าหน้าที่โคลสัน ที่ยังเป็นเด็กใหม่ขององค์กรซีลด์อีกด้วย งานนี้เวียสและนิค ได้ร่วมกันค้นหาความจริงไปด้วยกัน และรู้ต่อมาว่าชื่อจริงของเวียส คือ แครอล เดนเวอร์ ก่อนที่ความทรงจำเธอจะหายไป หลังจากนี้เธอและนิคจะต้องช่วยกันค้นหาความจริง ซึ่งเกี่ยวพันกับใครบางคนที่กุมความลับเรื่องเครื่องสร้างพลังงานมหาศาล เพื่อยุติสงครามระหว่างเผ่าสโควล์และเผ่าครี ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

หนังให้กลิ่นไอของยุค 90 ที่ใครหลายๆ คนคุ้นเคย ยังคงมีการใช้เพจเจอร์ในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งในสมัยนี้คงไม่มีให้เห็นแล้ว เพลงที่ใช้ประกอบเป็นเพลงยุคนั้นด้วยเช่นกัน โดยหนังเป็นเรื่องราวภูมิหลังก่อนที่จะมีมนุษย์ต่างดาว หรือยอดมนุษย์ปรากฎบนโลก รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการอเวนเจอร์ส ซึ่งในเรื่องนี้มีฮีโร่หญิงเป็นตัวเอก ก็บอกเลยว่าเป็นหนังที่สนุกไม่แพ้ฮีโร่ชายเลย ทำให้หนังมีจุดขายที่ดี ยิ่งฉากแอคชั่น นักแสดงและทีมงานก็สร้างออกมาได้มันส์มาก กระตุ้นต่อมความตื่นเต้นออกมาแบบไม่สามารถกระพริบตาได้เลย

สำหรับการแสดงของ บรี ลาร์สัน ก็ถือว่าไม่ได้เสียยี่ห้อดาราออสการ์นะครับ เธอสามารถทำให้เราเชื่อได้ทั้งด้านที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ความดิบเถื่อน ไปจนถึงด้านที่เปราะบาง เมื่อเธอพบความจริงที่สั่นสะเทืิอน ความเชื่อของเธอไปตลอดกาล ยิ่งได้ แซมมวล แอล แจ็คสัน ที่ช่วยเพิ่มสีสันให้เรื่องราว ได้เป็นอย่างดีมาคอยรับส่งมุกกับเธอก็ยิ่งทำให้หนังดูสนุก โดยแทบไม่ต้องพึ่งพาฉากแอ็คชั่นมาคอยปลุกคนดูมากนัก รวมถึงนักแสดงสมทบทุกคนก็ทำหน้าที่ได้ดี จนกลายเป็นหนังมาร์เวลที่ภาพรวมทางการแสดงค่อนข้างแข๋็งแรง เรื่องหนึ่งในจักรวาลของหนังเลยทีเดียว

รีวิว Captain Marvel

สิ่งที่ดูจะถูกใจ และ แอบดักแก่ผมอยู่มิใช่น้อยคงหนีไม่พ้นการเล่นกับเซ็ตติ้งในปี 1995 ตั้งแต่ซีนบนโลกซีนแรกที่จงใจให้แครอล ตกลงมากลางร้านบล็อคบัสเตอร์แล้ว เดินผ่านเชลฟ์หนังแอ็คชั่น ดังที่กล่าวมาแล้ว ซึ่งนับ ๆ ดูก็แอบมีหลายเรืื่อง ในความทรงจำอยู่นะครับ ฮ่าาาา

แต่โดยนัยยะแฝงแล้ว การที่ Captain Marvel จะเป็นหนังเรื่องแรกของตระกูล Disney ที่ไม่ได้ลงสตรีมมิงทาง Netflix ยังเป็นการเสียดสีคู่แข่งตัวเองในอนาคตอย่างมีนัยยะสำคัญ เพราะหากจำกันได้ Netflix นี่แหละที่เริ่มบริการเช่าดีวีดีออนไลน์จนทำให้บล็อคบัสเตอร์ อยู่ไม่ได้ ดูหนังออนไลน์

และ การที่หนังไปเซ็ตเริ่มที่บล็อคบัสเตอร์เองก็เหมือนเป็นเทียบเชิญศึกไปถึง Netflix ว่าตัวเองพร้อมลงแข่งในนามดิสนีย์พลัสไม่นานเกินรอ หรือการเล่นตลอกกับยุคสมัย ทั้งอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ในยุคโมเด็มที่ทั้งอืด ทั้งไม่เสถียร หรือการปรากฎตัวของเครื่องมือสื่อสารยุคก่อนทั้งเพจเจอร์ และ โทรศัพท์หยอดเหรียญก็เรียกความทรงจำวัยหวานได้เป็นอย่างดี

แุถมยังทำให้เรารู้สึกเลยว่าเทคโนโลยีต่าง ๆ มาไกลเหลือเกินจนบางครั้งเราก็หลงลืมสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างจากนางเอกที่หลงลืมตัวเองในนามแครอล เดนเวอร์ไปหมดสิ้น นั่นทำให้การเซ็ตติ้งดังกล่าวไม่ได้ไร้ความหมายแต่กลับส่งเสริมการเล่าเรื่องได้เป็นอย่างดี เป็นธรรมเนียมที่หนังมาร์เวลจะแยกการเมืองไม่ออก

และแน่นอนว่าศัตรูหมายเลขหนึ่งก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล โดนัลด์ ทรัมป์ นั่นเองโดยคราวนี้ ประเด็นผู้อพยพที่กลายเป็นจุดพลิกผันของหนังยังทำให้เราสืบย้อนไปมองประวัติศาสตร์อเมริกาว่าด้วย อารยะชนกับเผ่าพื้นเมือง ซึ่งหนังทำตรงนี้ออกมาได้เข้มข้นมาก มันสามารถกินความไปถึงความหมายหรือผลพวงของสงครามต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

หรือแม้แต่ตัวละครซูพรีมอินเทลลิเจนต์ที่ถอดแบบมาจากคนที่ แครอล นับถือเอง ก็ยังมีแนวคิดเหมือน อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ที่พยายามคิดค้นอาวุธที่จะหยุดทุกสงครามก่อนจะพบว่าเหรียญมีสองด้านเสมอ จนทำให้หนัง Captain Marvel กลายเป็นหนังที่อิงการเมือง และ ประวัติศาสตร์มากที่สุดในจักรวาลมาร์เวลแล้วล่ะครับ ดูหนังออนไลน์

อีกจุดที่เชื่อได้เลยว่าเหล่าทาสแมวจะต้องเสียอาการคงหนีไม่พ้นการปรากฎตัวของน้องกู๊ส ซึ่งจากตัวอย่างเราจะเห็นน้องกู๊สโผล่มาเหมือนตัวประกอบผ่าน ๆ แต่บอกเลยว่านางแอบขโมยซีน และ โปรยเสน่ห์ให้คอหนังได้หลงไหลกับความลำไยบีมของนางกันแบบไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน ก่อนที่หนังจะเฉลยว่าแท้จริงแล้วความอันตรายของนางค่ืออะไรเท่านั้นแหละ โอ้โหทั้งโหด มันส์ ฮา แบบไม่กล้าสปอยล์เลย ที่สำคัญนางยังเป็นไฮไลต์เด็ดสำหรับช่วงเอนด์เครดิตด้วยน้าาาาา

สิ่งเดียวที่ขอเตือนแฟน ๆ หนังมาร์เวลไม่มีอะไรมากแค่อย่าดื่มน้ำเยอะก็พอ เพราะตามธรรมเนียมแล้ว เราจำเป็นมากที่จะต้องดูเอนด์เครดิต 2 ตัวให้หมด ซึ่งหนังมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 4 นาที โดยส่วนตัวมองว่าเอนด์เครดิตคราวนี้ทำไม่ยืดเยื้อเท่าไหร่ รอไม่นานมาก ส่วนใครเป็นแฟนมาร์เวล เชื่อว่าอาจจะต้องดูเกิน 1 รอบเพราะหนังซ่อนอีสเตอร์เอ็กไว้เต็มไปหมด ส่วนใครคิดถึงคุณปู่ สแตน ลี หนัง Captain Marvel จะพิสูจน์ให้เราเห็นว่า คุณปู่ไม่ได้จากเราไปไหนจริงๆ

การแสดงของฮีโร่สาวสุดแกร่ง ต้องยอมรับเลยว่า บรี ลาร์สัน แสดงออกมาได้ดีสมบทบาท เธอทำให้เห็นว่า ความแข็งแกร่งเป็นเช่นไร แม้ว่าจะล้มมาแล้ว กี่ครั้งก็ตาม ส่วนซามูเอล ที่รับบทนิค ฟิวรี่ ก็ยังคงกวนบาทาไม่ใช่น้อยเช่นเคย ด้วยการถาม-ตอบกวน ๆ ตามสไตล์แบบที่เราคุ้นเคย แล้วที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ ขวัญใจทาสแมวทั้งหลาย คือ กูส แมวตัวสีส้มที่เมื่อมีบทเมื่อไรก็แย่งซีนไปได้ตลอด มีความอ้อนเก่ง ยิ่งกับนิค ฟิวรี่ด้วยแล้ว คือเป็นมิตรกันสุด ๆ

บทส่งท้าย Captain Marvel

รีวิวหนังดัง แอดมินเทคะแนนให้กับ Captain Marvel ที่ 8/10 ยกให้เป็นหนังสนุกที่น่าติดตาม ฉากแอคชั่นใส่มาให้เยอะพอสมควร เอฟเฟคอลังการตระการตา แสงสีเสียงเลิศ ๆ เสียงประกอบตื่นเต้นเร้าใจ ดังกระหึ่ม ซีจีเนียน ไม่ลอย เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ควรพลาด ไม่ดูไม่ได้แล้ว และ ตอนนี้สามารถรับชมภาพยนตร์ผ่านช่องทาง DISNEY+ Hotstar ได้แล้ว จัดหนักไปเลย 2 ชั่วโมงเต็ม ถือว่าภาคนี้เป็นการเปิดตัวของฮีโร่หญิงที่แกร่งที่สุดในจักรวาล เพื่อสานต่อภาคต่อ ๆ ไป สำหรับวันนี้แอดมินก็ต้องขอตัวจบการรีวิวหนังสนุก ๆ ไว้เพียงเท่านี้ แล้วพบกันใหม่กับการรีวิวหนังปี 2021 ที่จะไม่ทำให้ผิดหวัง สวัสดีค่ะ ดูหนัง

รีวิว Captain Marvel

จุดเด่น
– เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่จำเป็นต้องดูหนังมาร์เวลมาก่อนก็สนุกได้
– บรี ลาร์สัน และ แซมมวล แอล แจ็คสัน รับส่งมุกได้อย่างไหลลื่น
– งานสเปเชียลเอฟเฟกต์วางใจได้ ใช้ ILM ของจอร์จ ลูคัส ทำทั้งเรื่อง
– น้องแมวกู๊สน่ารักมาก

จุดสังเกต
– บางทีกัปตันมาร์เวลก็เก่งไปนิด จนไม่ค่อยเห็นจุดอ่อนนางให้น่าเอาใจช่วยเท่าไหร่

ประเภทภาพยนตร์ : แนวแอคชั่นซูเปอร์ฮีโร่
ผู้กำกับภาพยนตร์โดย : แอนนา โบเดน, ไรอัน เฟล็ก
ผู้เขียนบทภาพยนตร์โดย : เม็ก เลอโฟฟว์นิโคล เพิร์ลแมนเจนีวา รอเบิร์ตสัน-ดวอเร็ตลิซ ฟลาไฮฟ์คาร์ลี เมนซ์แอนนา โบเดน ไรอัน เฟล็ก
บริษัทผู้สร้างโดย : มาร์เวล สตูดิโอ
คะแนนจาก IMDB : 6.8

รีวิว หลวงพี่เท่ง 2

รีวิว หลวงพี่เท่ง 2

รีวิว หลวงพี่เท่ง 2

หนังไทยย้อนยุค กราบสวัสดีครับญาติโยม พ่าม วันนี้แอดมินมารีวิวหนังแนวธีมหนัง 555 หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮาร่ำรวย แต่ไม่รู้ว่าจะร่ำรวยตามชื่อหรือเปล่า เหมือนจะมาผิดรุ่น มีอยู่คำถามหนึ่งที่ผมได้ยินบ่อยมากจากคอหนังในเว็บหรือจากคนรอบข้างผมที่ชอบดูหนังเหมือนๆ กัน เกี่ยวกับเรื่อง หลวงพี่เท่ง ภาค 2 นี้ว่า คุณโน้ต เชิญยิ้ม ซึ่งเป็นผู้กำกับหนังเรื่องนี้เอา คุณโจอี้บอย มาเล่นแทนคุณเท่ง เทิดเทิงแล้วจะสนุกเท่าภาคแรกไหม ดูหนัง

 

รีวิว หลวงพี่เท่ง 2

 

รีวิวหนังดัง ในความเห็นส่วนตัวของผม คุณเท่งนั้นเป็นนักตลกอาชีพ แค่เห็นหน้าก็อดขำไม่ได้แล้ว ส่วนคุณ โจอี้ บอย นั้นแม้ว่าจะเป็นนักร้องชื่อดัง แต่เทียบจำนวนครั้งในการปรากฏหน้าอยู่ตามสื่อต่างๆ แล้ว ยังเทียบไม่เท่าคุณเท่งเลย นั่นก็น่าจะแสดงว่าจะต้องมีคนรู้จักคุณเท่งมากว่าคุณ โจอี้ บอย อย่างแน่นอน ในส่วนของคุณ โน้ต เชิญยิ้ม นั้น หลังจากที่ประสบผลสำเร็จในการกำกับเรื่อง หลวงพี่เท่ง ภาคแรกมาแล้วด้วยรายได้สวยๆ อยู่ที่ 141 ล้านบาท

แต่ผลงานในชิ้นต่อๆ มาของคุณโน้ตก็ไม่ค่อยเข้าตากรรมการสักเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัวตัวดำ ก็ดำหน้ามืดไปแล้ว หรือ อีส้มสมหวัง ก็ท่าทางไม่ค่อยสมหวังนัก ซึ่งก่อนหน้าหลวงพี่เท่งภาคแรกคุณโน้ตก็ทำเรื่อง คนปีมะ มาก่อน และไม่ประสบผลสำเร็จเช่นเดียวกัน ก็คงมีเรื่องเดียวเท่านั้นที่พอจะกู้หน้าได้กับเรื่อง หลวงพี่เท่ง ภาค 2 รุ่นฮาร่ำรวย นี้

แต่เมื่อคุณโน้ตทำหลวงพี่เท่ง 2 ออกมาแล้วก็คงหนีไม่พ้นกับการที่ต้องถูกเปรียบเทียบระหว่าง ภาค 1 และ 2 ซึ่งหลังจากที่ผมได้ไปดูเรื่องหลวงพี่เท่ง ภาค 2 มาแล้ว ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การถ่ายภาพในเรื่องนี้ถ่ายได้ดีขึ้นอย่างมาก มีภาพสวยๆ ในเรื่องนี้หลายฉากเลยทีเดียว โดยเฉพาะภาพบรรยากาศที่มีแสงแห่งตะวัน ไม่ว่าจะเป็นยามเย็นหรือยามเช้า ต้องขอชมในเรื่องนี้ ในเรื่องของมุขตลกก็ยังคงถือว่า ฮาในระดับหนึ่ง ดูหนังออนไลน์

ซึ่งวัดจากจำนวนเสียงฮาในโรงภาพยนตร์ในวันที่ผมดู ( จำนวนคนเต็มโรง อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นวันแรกแห่งการฉายเรื่องนี้ ) ฮาก็ฮาอยู่หรอกนะ แต่ฮาแบบนับจำนวนครั้งได้ ส่วนความรู้สึกผมจะเหมือนว่าฮาน้อยกว่าภาคแรกนะครับ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า บางมุขเป็นมุขเก่าๆ ยังคงเอามาใช้อยู่ อย่างเช่น ตอนใส่บาตร แบบว่าจะต้องมีมาคุยกันเถียงกัน จนไม่ได้ใส่บาตรสักที มุขนี้ก็มีในหน้งหลายๆ เรื่องแล้ว เลยดูไม่ค่อยขำ แต่ก็ใช่ว่ามุขใหม่ๆ จะไม่มีไม่ขำ

ก็มีที่โดนเหมือนกันพอกล้อมแกล้มไปได้ แต่ด้วยหน้าตาของ โจอี้ บอย ที่ดูไม่ขำ แม้ว่าบางฉากจะพยายามให้ขำ อย่างเช่น ตอนที่ให้พระใส่หมวกแปลกๆ ( กันก้อนหินตกใส่หัว ) ก็ไม่ค่อยขำเท่าไหร่ ได้แค่ยิ้มๆ และที่ดูแล้วปัญญาอ่อนสุดๆ ก็ตรงมือปืนที่ถูกจ้างมาทั้ง 3-4 คน ที่แต่งตัวเลียนแบบหนังฝรั่ง ดูแล้วไม่ขำเลย ( ขำไม่ออกจริงๆ ) ฝืดมาก ทั้งที่นักแสดงพยายามทำให้มันตลกแล้ว แต่ก็ไม่ได้ดันอารมณ์ความชอบหรือขำออกมาได้เลยซักนิด

รีวิว หลวงพี่เท่ง 2

มันเป็นธรรมดาของหนังที่เอาพระเอาวัดมาเล่น ย่อมถูกเพ่งเล็งเสมอว่า เอาศาสนามาล้อเล่นเอาพระมาล้อเลียนหรือเปล่า ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน แต่ในตัวภาพยนตร์ก็ออกตัวไว้ก่อนแล้วว่า ไม่ได้เอาศาสนามาล้อเลียนเพื่อลบหลู่แต่ประการใด โดยการแจ้งไว้ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อเรื่องของภาพยนตร์

แต่ภาพที่ออกมาจะน่าเชื่อในสายตาของคนดูหรือเปล่าว่าไม่ได้เอาศาสนามาล้อเลียนอันนี้ผมไม่รู้ อย่างฉากที่พระโจอี้นั่งรถมากับคุณโน้ต พระโจอี้มีการเอาแขนมาอิงเบาะที่นั่งทั้งสองข้างด้วยในขณะที่ใส่ผ้าเหลืองอยู่ ผมดูแล้วรู้สึกว่าไม่สำรวมจริงๆ แต่คิดๆ ไปในเรื่องพระโจอี้มาจากนักร้องแร๊พ อาจจะติดนิสัยมาก็ได้ ก็เลย.. (ผ่านไป)

ในส่วนของธรรมะที่สอดแทรกเข้ามาในเรื่องนี้ก็มีเยอะเหมือนกัน ปกติแล้วหนังทุกเรื่องย่อมมีธรรมะเข้ามาสอดแทรกอยู่แล้ว อย่างเช่น ธรรมะย่อมชนะอธรรม, ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว อะไรประมาณนั้น แต่เรื่องนี้อาจจะมีเยอะหน่อย เพราะในตัวหนังก็เกี่ยวกับพระกับศาสนาโดยตรง ผมชอบตอนพระ 2 รูปช่วยกันเทศน์(แหล่)

เรื่องเกี่ยวกับ แม่ ให้ญาติโยมฟัง และในหมู่บ้านนั้น (หมู่บ้านโคกสะอาด) มีถึง 3 ศาสนาด้วยกัน คือ พุทธ อิสลาม และคริสต์ แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอยู่ศาสนาไหนก็อยู่ร่วมกันได้ แล้วความดีทั้ง 5 ที่สอดแทรกมาอีก ทำดี, คิดดี, พูดดี, คบคนดี, แล้วอยู่ในที่ดีๆ ก็เป็นสิ่งที่ผู้กำกับพยายามแทรกเข้ามา นักแสดงแสดงกันได้ดีทุกคน คุณโน้ตพยายามดึงพี่น้องและเพื่อนฝูงของคุณโน้ตออกมาเล่นฉากละนิดฉากละหน่อย ดูหนัง

รีวิว หลวงพี่เท่ง 2

แถมภาคนี้ยังเอาลูกสาวสุดที่รักของคุณโน้ตมาเล่นด้วย (น้องแตงกวา) เหมือนเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัวจริงๆ ส่วนดำตี10 คนนี้ผมจำได้ดี (คนที่เป็นลูกศิษย์วัด ขา-แขนพิการ) เพราะวันที่คุณดำประกวด “ดันดารา” ในรายการตี 10 ผมได้ดูในช่วงที่คุณดำเข้าประกวดพอดี ไม่คิดว่าคุณโน้ตจะเอามาเล่นในเรื่องนี้ด้วย ผมว่าเขาเป็นคนตลกดีนะ

แต่ในเรื่องนี้บทเขายังไม่เด่นเท่าไหร่ แต่แปลกที่เรื่องนี้ไม่มี โก๊ะตี้ เพราะปกติแล้วหนังของพระนครฟิล์ม จะมีโก๊ะตี๋เกือบทุกเรื่อง ส่วนเรื่องเพลงประกอบ เอ๋…!!ไม่มีนะถ้าไม่นับเพลงปิดท้ายเรื่อง กับเพลง “อาตมาไม่รู้สิ ทำให้ดูเหมือนขาดอะไรไปบางอย่างในการดูหนัง ไหนๆ ก็พูดถึงหนังของพระนครฟิล์มแล้ว อยากฝากไปถึงผู้บริหารสักหน่อย ผมว่าหนังของพระนครฟิล์มทุกเรื่อง บุคลากรในการทำงานในด้านต่างๆ ของพระนครฟิล์มที่เก่งๆ และดีๆ ก็มีอยู่มากนะครับ

 

บทสรุป หลวงพี่เท่ง 2

 

รีวิวหนังดัง จะเห็นว่าหนังของพระนครฟิล์มปีหนึ่งๆ มีออกมาหลายเรื่องด้วยกัน แต่ส่วนน้อยมากที่หนังจะประสบผลสำเร็จ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทางค่ายพระนครฟิล์มวัดจากตรงไหนว่าหนังเรื่องนั้นๆ ประสบความสำเร็จหรือเปล่า เพราะว่าบางบริษัทอย่างหนังลงทุน 20 ล้าน ขายได้ 30 ล้าน ก็ถือว่าเป็นผลสำเร็จแล้ว

แต่สำหรับนักวิจารณ์ผมคิดว่าน่าจะวัดจากคำติและคำชมตามสื่อต่างๆ นะครับ ถ้าโดนติมากกว่าชมก็แสดงว่าหนังเรื่องนั้นไม่ประสบผลสำเร็จ สำหรับค่ายพระนครฟิล์มผมคิดว่าทุกอย่างดีหมดยกเว้น บทภาพยนตร์ ครับ บทภาพยนตร์ของค่ายนี้น้อยมากครับที่ดีๆ ถ้าแก้ตรงจุดนี้ได้ ผมว่านักดูหนังไทยคงมีหนังดีๆ ดูกันอีกเยอะ ก็ขอฝากไว้ด้วยแล้วกันครับ ดูหนังออนไลน์

สรุปแล้วเรื่อง หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮาร่ำรวย บทยังไม่ค่อยดีเท่าที่ควร บางช่วงบางตอนยังไม่ค่อยสมเหตุสมผลนัก อาจจะเป็นเพราะว่าเป็นหนังตลกจะเอาฮาอย่างเดียว ผู้กำกับพยายามยัดเยียดความฮาแต่กลับฮาได้ไม่เท่าไหร่ ถ้าคิดว่าจะมาดูหนังตลกสุดๆ ล่ะก็ผิดหวังแน่ๆ แต่ถ้าคิดว่ามาดูเพื่อแก้เครียดกับเหตุบ้านการเมืองแล้วแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก ก็คงพอไหว หรือจะเครียดกว่าเดิมก็แล้วแต่มุมมอง

สำหรับผมคิดอยู่เหมือนกันว่าหนังเรื่องนี้ ฮา ไหม? ก็เลยพยายามนึกคาแร็คเตอร์เท่ง กับ โจอี้บอย ว่าถ้าสองคนนี้แต่งชุดพระมายืนอยู่ตรงหน้าผม แล้วให้ทำหน้าตลก ผมจะตลกเท่งหรือโจอี้บอยกันแน่ แล้วผมก็ได้คำตอบแล้วว่า เท่งน่าจะตลกกว่า นั่นก็แสดงว่าผมให้ หลวงพี่เท่ง ภาค 1 สนุกกว่า ภาค 2 ครับ แต่ถ้าให้คะแนนผมก็ขอให้เท่ากันก็แล้วกันคือ 7/10 ครับ

ผมแถมเกร็ดเล็กๆ น้อยให้นิดนึงนะครับ ไม่รู้ว่ารู้กันหรือยังนะครับเกี่ยวกับโลโก้ของค่ายหนัง พระนครฟิล์ม คำว่า พระนครฟิล์ม กลายเป็น พระนครฟิลม์ ในโลโก้ ตัวสะกดการันต์ จะไปอยู่ตรง ม.ม้า แทนที่จะอยู่ตรง ล.ลิง ที่ถูกต้องตามพจนานุกรม ที่เป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้สะกดผิดหรืออย่างไรนะครับ

เป็นเพราะว่าทางค่ายถือเคล็ดว่า ถ้ามีอะไรไปทับตรง ล.ลิง แล้วจะไม่ดี เพราะว่า ล.ลิง ในที่นี้ หมายถึง ล้าน (เงินล้าน) นั่นก็หมายความว่า ทางค่ายถือเคล็ดว่าหนังทุกเรื่องของค่ายต้องได้เงินล้าน (หลายล้าน) ทุกเรื่องนั้นเอง วิจารณ์หนัง โดย TCK

รีวิว ปริศนารูหลอน The Whole Truth

รีวิว ปริศนารูหลอน The Whole Truth

รีวิว ปริศนารูหลอน The Whole Truth

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีจ้า วันนี้มาแนะนำ มารีวิวหนังไทย ในค่ายแดง NETFILX หนังไทยหนังดี โดยได้มาถึงคิวออริจินัลหนังไทยเรื่องล่าสุดที่ได้ออกไปสู่สายต่อชาวโลก “The Whole Truth” (ปริศนารูหลอน) หนังระทึกขวัญซ่อนเงื่อน ผลงานการกำกับ และ เขียนบทของ “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” ที่ยังคงหยิบเอาสไตล์ และ ลายเซ็นแนวทางการสร้างหนังหลอนๆ ของเขาเองงัดมาใช้ได้ ภายใต้คอนเซ็ปต์หนังที่ดูน่าสนใจไม่เบา เพียงแต่ว่าภาพรวมนั้นยังห่างไกลจากคำว่ามาสเตอร์พีชอยู่ดี

เมื่อรูลึกลับบนกำแพงของบ้านตากับยายปรากฏขึ้น พิม และ พัทก็ได้พบความจริงสุดสะพรึงของครอบครัวที่ถูกเก็บซ่อนไว้มาเป็นเวลานาน เป็นหนังไทยทางเน็ตฟลิกซ์ที่เปิดตัวได้อย่างน่าสนใจอีกเรื่อง เพียงแค่ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ที่เคยเป็นไอคอนหนังไทยในช่วงเวลาหนึ่งก็ถือว่าคุ้มค่าการรอชม ดูหนัง

เพราะช่วงหลัง ๆ แกห่างหายไป และ ไปทำงานบริหารอยู่ข้างหลังเสียมากกว่า โดยนาน ๆ ทีจะมีหนังมาให้ชมกัน และ เราในฐานะแฟนหนังของแกตั้งแต่ ‘ฟ้าทะลายโจร’ (2540) และ ชอบมากในช่วง ‘หมานคร’ (2547) กับ ‘เปนชู้กับผี’ (2549) ก็ยังคงเฝ้าติดตาม และ ลุ้นให้แกกลับมาคืนฟอร์มอยู่เสมอ ยิ่งเป็นโปรเจกต์กับทางเน็ตฟลิกซ์ก็ยิ่งน่าสนใจว่าวิศิษฏ์จะช่วยกู้ศรัทธาคอหนังไทยในเน็ตฟลิกซ์ที่ตกต่ำลงได้ด้วยหรือไม่

จริงแล้ววิศิษฏ์ ศาสนเที่ยงเป็นอีกผู้กำกับที่เขียนบทเอง และ เขียนบทได้ดี เรียกว่าแกเป็นนักเล่าเรื่องที่เก่ง และ เข้าใจตลาดอีกคนหนึ่ง เพราะงานที่แกเขียนบทให้คนอื่นกำกับก็ถือว่าสร้างมาตรฐานในวงการหนังยุคหนึ่งเช่นกัน และ แม้แต่ในกรณีที่แกกำกับหนังจากบทของคนอื่นในเรื่อง ‘เปนชู้กับผี’ ก็ยังเห็นการกำหนดทิศทางหนังที่เก่งทีเดียว

รีวิว The Whole Truth ปริศนารูหลอน

รีวิวหนังดัง The Whole Truth ปริศนารูหลอน เล่าเรื่องราวของ 2 พี่น้อง พิม กับ พัท ที่ต้องจำใจไปอยู่กับตา และ ยายของพวกเขาชั่วคราว หลังจากที่แม่ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และ ได้รับบาดเจ็บอาการโคม่า ทั้งสองรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะแม่ไม่เคยเล่าเรื่องตากับยายให้พวกเขาได้รับรู้มาก่อน และ การย้ายเข้าไปพักอยู่ที่บ้านเก่าๆ ของคนชรานั้น ทำให้พวกเขาได้พบกับ “รู” ที่ปรากฏขึ้นอยู่ฝากำแพงบ้าน และ เมื่อมองส่องเข้าไปก็ได้พบกับเรื่องสุดสยอง

ก่อนอื่นต้องยอมรับเลยว่า The Whole Truth มีไอเดีย และ คอนเซ็ปต์ที่ชวนน่าติดตามมากๆ เลยทีเดียว การใช้ปริศนาของรูที่ปรากฏขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจมาเป็นส่วนเชื่อมโยงเรื่องราวทั้งหมด เป็นกิมมิกที่ค่อนข้างทำให้ผู้ชมใคร่ที่จะสืบรู้พิสูจน์ให้ชัดว่าเบื้องหลังรูนั้นคืออะไรกันแน่ เพียงแต่ว่าตัวหนังยังคงมีปัญหาขาดแรงจูงใจในการเสริมอรรถรสได้ดีเพียงพอที่จะออกมาได้ดีในทุกองค์ประกอบ

วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ถือว่าเขียนบทหนังของ The Whole Truth ออกมาได้ไม่แย่แต่ก็ยังไม่ได้สมบูรณ์แบบเสียทีเดียว บทหนังของเรื่องนี้ค่อนข้างมิติซับซ้อนที่วางเอาไว้บนพื้นฐานง่ายๆ ของอารมณ์นึกคิดของตัวละคร ดังนั้นจึงทำให้องค์ประกอบการแสดง และ การถ่ายทอดเรื่องนี้เป็นไฮไลต์เด่นที่จะพาหนังไปสู่ปลายทางที่คาดไว้ จึงไม่แปลกใจที่ได้ทำการแคสติ้งนักแสดงตัวใหญ่ๆ ออกมาได้อย่างน่าสนใจขนาดนี้

รีวิว ปริศนารูหลอน The Whole Truth

แต่ลำดับการเล่าเรื่อง และ บรรยากาศของหนังยังคงทำได้ในระดับกลางๆ ที่ยังดูไปสุดมากกว่านี้ได้อีก หนังมีการปูเรื่องราวเอาไว้หลายประเด็นที่น่าสนใจ แต่สุดท้ายก็มัวแต่ยุ่งเหยิงอยู่กับแกนเดียวที่เพียงแค่แกนนี้ก็ถือว่าเกือบจะพาหนังไปไม่รอดเสียแล้ว คอนเซ็ปต์ดีที่ของหนังถูกนำมาถ่ายทอดในแบบที่ค่อนข้างคลีเช่ทั่วไป อยากจะให้ดูระทึก และ หฤหรรษ์ตามไปด้วยแต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ถึงใจอีกอยู่ดี

The Whole Truth จึงออกมาเป็นเพียงหนังระทึกที่มีแนวเนื้อเรื่องซ้ำๆ ซากๆ พยายามที่หักเหตรงนั้นตรงนี้ แต่ยังทำได้ไม่ถึงจุดที่จะชวนให้ผู้ชมรู้สึกว้าวกับการคลี่คลายในแต่ละประเด็น เพราะโทนเรื่องที่ไม่ได้ชวนน่าตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น กับภูมิหลังของครอบครัวที่คนดูน่าจะเดาทางกันได้ตั้งแต่เริ่มต้นว่าตระกูลน่าจะมีความไม่ชอบมาพากล และ ความลับปกปิดเอาไว้อยู่แน่ๆ จึงทำให้การเฉลยปมต่างๆ ยังไม่ได้น่าตื่นเต้นขนาดนั้น

แต่จุดสตรองของหนังก็แน่นอนว่าต้องเป็นทีมนักแสดง “ปันปัน สุทัตตา” กับ “แม็ค ณัฐพัชร์” ถือว่าเป็นตัวยืนเรื่อง ที่บอกตามตรงว่าพวกเขาก็เกือบจะเอาหนังทั้งเรื่องไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน ต้องมาได้ความเป็นมืออาชีพของรุ่นใหญ่ “ก้อย ทาริกา” กับ “หมู สมภพ” มาช่วยซัพพอร์ต จึงทำให้ทั้งหมดต่างช่วยกันประคองหนังเรื่องนี้ไปตลอดรอดฝั่งได้สำเร็จ แม้ว่าทิศทางการแสดงของพวกเขาจะไม่ได้ชวนตื่นตาอะไรก็ตาม แต่ก็ทำได้ดีตามมาตรฐานของพวกเขา

เอาเป็นว่า The Whole Truth ปริศนารูหลอน เป็นหนังที่พยายามจะฉีกแนวออกมาในมุมมองที่ไม่ค่อยได้เห็นในหมู่หนังไทยสักเท่าไหร่ แต่ความพยายามนี้ถือว่ายังไม่ประสบสำเร็จเปี่ยมเลี่ยม เป็นความครึ่งๆ กลางๆ ที่ไม่ได้แย่แต่ก็ยังไม่ได้ดีเท่าที่ควร หนังที่สามารถดูได้สนุกเพลินๆ ตามการเล่าเรื่องแบบพยายามชวนให้ระทึก แต่หากว่าใครชอบหนังแนวสืบหาปมปริศนาความจริงก็น่าจะชอบเรื่องนี้พอได้อยู่

ฟังดูหนัง ‘ปริศนารูหลอน’ มีทรงหนังที่ดูดีไม่น้อย ทว่าสิ่งที่เหมือนกับหนังเรื่องก่อนอย่าง ‘สิงสู่’ ดันไม่ใช่เพียงแต่ความคมคายที่ซ่อนไว้ แต่ยังเป็นปัญหาการเล่าเรื่องที่พูดง่าย ๆ คือทั้งสองเรื่องดูไม่สนุก ซึ่งเป็นจุดที่น่าแปลกใจในงานยุคหลังของวิศิษฏ์ที่มักเล่าเรื่องไม่ราบรื่นหรือสร้างอารมณ์ร่วมเท่าไรนัก ดูหนังออนไลน์

รีวิว ปริศนารูหลอน The Whole Truth

การที่หนังมีทรงของหนังสยองขวัญที่มาพร้อมการหักมุม ท้ายที่สุดแล้วกลับกลายเป็นความล้มเหลวทั้งเรื่องสยองขวัญ และ การหักมุมเอง การจะให้ไปถึงจุดคนคิดวิเค ราะห์สัญญะที่ผู้สร้างต้องการโดยต้องทนทรมานกับความไม่บันเทิงของหนัง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมกับคนดูนัก ความล้มเหลวในแง่หนังสยองขวัญนั้น จริงแล้วในช่วงการสร้างปมของเรื่องต้องยอมรับว่าน่าสนใจทีเดียว และ เป็นทั้งหมดที่ตัวอย่างหนังนำมาใช้ทำให้ดูน่าสนใจด้วย ประกอบกับการแสดงของนักแสดงทั้งรุ่นเด็กรุ่นใหญ่ที่ถือว่าทำได้ดี

โดยเฉพาะรุ่นใหญ่อย่าง สมภพ เบญจาทิกุล และ ทาริกา ธิดาทิตย์ ที่รับบทตากับยาย ที่สามารถส่งพลังการแสดงออกมาจนต้องหยุดตามองทุกครั้งได้อย่างดี ส่วน ปันปัน สุทัตตา อุดมศิลป์ เองในฐานะตัวเดินเรื่องหลัก ร่วมกับ แม็ค ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ ในบทพิม และ พัท หลานที่เพิ่งพบว่าแม่ตนเองประสบอุบัติเหตุโคม่าจนต้องมาอยู่อาศัยบ้านของตากับยายที่ไม่เคยได้พบมาก่อนในชีวิต และ เพิ่งรู้ว่ายังมีชีวิตอยู่ ประกอบกับงานออกแบบศิลป์ และ การกำกับภาพที่ดูน่าสนใจก็เพียงพอกับวัตถุดิบตั้งต้นให้หนังยอดเยี่ยมมากแล้ว

ทว่าเมื่อหนังดำเนินไปจนรูบนผนังในเรื่องปรากฏตัวเป็นต้นไป หนังก็ลดระดับความขลังลงจากภาพต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นหลังรูที่ดูเป็นฉากประดิษฐ์เกินไป รวมถึงผีที่อยู่ในนั้นก็เป็นการแต่งหน้าที่ดูหลอกตาจนขาดความน่ากลัวพอประกอบกับซีจีที่หนังพยายามยัดเยียดใช้โดยไม่จำเป็นซึ่งก็ไม่ได้ทำได้ดีนัก เพราะเอาเข้าจริงการใช้เทคนิคพิเศษแบบไม่พึ่งซีจีอาจดูน่ากลัวกว่าเสียด้วย ทำให้หนังลดระดับจากหนังสยองมีรสนิยมในช่วงแรกกลายเป็นละครเย็นหลังข่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกขณะอย่างน่าเสียดาย ดูหนัง

สรุป The Whole Truth ปริศนารูหลอน

รีวิวหนังดัง ความล้มเหลวในด้านการเป็นหนังหักมุม ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่หนังดูไม่สนุกเพราะถึงฉากสยองจะไม่น่ากลัว แต่หากปริศนาตามชื่อเรื่องมันน่าสนใจก็ยังดึงคนดูให้ดูจนจบได้ และ บางทีอาจชอบหนังอยู่ไม่น้อย ทว่าหนังกลับเล่นกับปริศนาได้น่าผิดหวังเช่นกัน

คำว่ารูหลอนที่พยายามเล่นคำกับทฤษฎีรูหนอนก็ถูกเอามาอ้างแบบขอไปทีจนรู้สึกน่าเสียดาย การให้ดูเหตุการณ์เพื่อหลอกความเข้าใจของคนดูต่อความจริงบางอย่างในครอบครัวของตัวละครก็เป็นอะไรที่เดาได้ไม่ยาก ถึงขนาดว่าครึ่งเรื่องเราก็แทบรู้แล้ว และ มันน่าหงุดหงิดที่หนังตั้งใจทำให้ตัวละครดูคิดไม่ออก เหมือนว่าความลับนั้นยังดำมืดอยู่ทั้งที่ความน่าสนใจความอยากรู้ต่าง ๆ สำหรับคนดูมันเหือดหายไม่เหลือแล้ว

และ เมื่อมาถึงการเฉลยทุกอย่างจนหมดสิ้น มันก็ไม่ได้อัดหมัดหนักใส่คนดูได้อย่างที่คิด การแสดงของคนร้ายตัวจริงในช่วงหลังก็ออกแบบเสียจนกลายเป็นละครโทรทัศน์ขาดความเป็นหนังไปหมดแล้ว และ ว่ากันตามตรงเอาที่ตัวหนังอย่างเดียวไม่นับพวกระหว่างบรรทัดของหนังมันก็แทบไม่ได้เหลืออะไรทิ้งค้างคาไว้ในหัวเราเท่าไรเลย ทั้งที่จริงสาระต่าง ๆ ที่เป็นไอเดียสร้างหนังมานั้นมันดีมากทีเดียว เป็นอีกงานที่น่าเห็นใจนักแสดง และ ทีมงานสร้างที่พยายามแล้วก็คงแก้อะไรกับการเล่าเรื่องที่ไม่สนุก และ ไม่น่าเชื่อถือนี้ได้ ดูหนังออนไลน์

จุดเด่น
– การออกแบบศิลป์ และ การกำกับภาพช่วยให้หนังดูดี การแสดงทำได้น่าจดจำ ไอเดีย และ ข้อความระหว่างบรรทัดของหนังชวนคิด และ น่าตกตะลึง

จุดสังเกต
– ซีจีย่ำแย่ และ ไม่มีความจำเป็นต้องใช้เลยหลายฉาก การแต่งหน้าผีทำได้แย่ การเล่าเรื่องถือว่าผิดพลาดถ้ามองจุดประสงค์การเป้นหนังซ่อนความลับ และ ความสยองขวัญ

ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Whole Truth ปริศนารูหลอน

ประเภท: ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง
นำแสดงโดย: สุทัตตา อุดมศิลป์, ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์, นิโคล เทริโอ, ทาริกา ธิดาทิพย์, สมภพ เบญจาทิกุล
ความยาว: 125 นาที
กำหนดฉายในไทย: 2 ธันวาคม 2021 (ที่ Netflix)

รีวิว Stranger Things Season 4

รีวิว Stranger Things Season 4

รีวิว Stranger Things Season 4

หนังไทยnetflix สวัสดีครับนี่คือซีรีย์ที่มาแรงที่นสุดแห่งปีเลยก็ว่าได้ หนังสร้างชื่อให้กับ NETFLIX เลยหละครับ ถ้าเราได้ย้อนกลับไปดูซีซั่นก่อน ๆ นับไปนับมา ‘Stranger Things’ อยู่กับแฟน ๆ ซีรีส์ไซไฟสยองขวัญมาถึง 6 ปีแล้ว ซึ่งจากทั้งเทรลเลอร์ของซีรีส์ที่ปล่อยออกมาไปจนถึงโฉมหน้านักแสดง โดยเฉพาะเด็ก ๆ ในซีซันแรกต่างก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมด และ ไม่ใช่แค่อายุนักแสดงหรือตัวละครเท่านั้น การกลับมาในซีซัน 4 นี้ยังท้าทายเหล่าผู้สร้างเป็นอย่างยิ่งว่าจะยังเล่าเรื่องของชาวฮอว์กินส์ และ โลกกลับด้านต่อไปอย่างไร ดูหนังออนไลน์

รีวิว Stranger Things Season 4

รีวิวหนังดัง หลังเหตุการณ์เลือดสาดที่ห้างสตาร์คอร์ตในตอนท้ายของซีซัน 3 เหล่าแก๊งเด็กแสบแห่งฮอว์กินส์ต่างก็แยกย้ายไปมีเส้นทางของตัวเอง โดยแอล (มิลลี บอบบี บราวน์ Millie Bobby Brown) ไปอยู่กับบ้านบายเออร์สของจอยซ์ (วิโนนา ไรเดอร์ Winona Ryder) ที่มี วิล (โนอาห์ ชแนป Noah Schanapp) และ โจนาธาน (ชาร์ลี ฮีตัน Charlie Heaton) แต่ที่แคลิฟอร์เนียก็ไม่เหมือนฮอว์กินส์ และ แอลต้องปรับตัวกับสังคมไฮสคูลที่โหดร้ายในภาวะที่เธอไร้พลังใด ๆ จนกระทั่งแอลถูกจับหลังก่อเรื่อง ไมค์ (ฟินน์ วูลฟ์ฮาร์ด Finn Wolfhard) และ พวก จำต้องตามหาแอลก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป

ในขณะเดียวกัน ดัสติน (กาเทน มาทาร์ราซโซ Gaten Matarazzo) สตีฟ (โจ คีรี Joe Keery) แนนซี (นาตาลี ไดเออร์ Natalie Dyer) ลูคัส (เคเล็บ แมคลาฟลิน Caleb McLaughlin) และ แม็กซ์ (เซดี ซิงค์ Sadie Sink) จำต้องไขคดีปริศนาของฮอว์กินส์ที่มีคนตายอย่างต่อเนื่อง หลังการมาถึงของ เวคน่า อสูรร้ายตนใหม่ที่อาจเกี่ยวพันกับเหตุการณ์ฆาตกรรมในอดีตของฮอว์กินส์ และ ท้ายสุด จิม ฮอปเปอร์ (เดวิด ฮาร์เบอร์ David Harbour) จำต้องฝากความหวังที่จะแหกคุกโหดจัดรัสเซียไว้กับ จอยซ์ และ เมอร์เรย์ โบว์แมน (เบรท เจลแมน Brett Gelman) เนิร์ดสุดเพี้ยนที่ดันพูดรัสเซียได้

รีวิว Stranger Things Season 4

สำหรับ ‘Stranger Things’ กับการกลับมาในซีซันที่ 4 นี้ แม้ว่าจะแต่งแบ่งออกมาเป็น 2 พาร์ตแต่ก็ยังหาใช่จุดจบของเรื่องราว กระนั้นเจตนาที่ของพี่น้องดัฟเฟอร์ (The Duffer Brothers) ผู้สร้างซีรีส์ชุดนี้จริง ๆ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการล้างไพ่ และเริ่มต้นเรื่องราวบทใหม่อย่างแท้จริง จนเหมือนว่า 3 ซีซันที่ผ่านมาเป็นเหมือนปฐมบทที่ต้องการปูพื้นเรื่องราวของตัวละคร และ วิกฤติการณ์หลักอย่างการรั่วไหลของอีกมิติที่มีแต่เมืองฮอว์กินส์ ก่อนจะมาเร่ิมต้นสืบสาวราวเรื่อง และ ถักทอมันไปสู่บทสรุปอันน่าตื่นตาในซีซันที่ 5 ดูหนัง

สาเหตุหลัก ๆ ที่ผมมองว่าซีซัน 4 คือการเริ่มต้นเรื่องราวที่แท้จริงเพราะอะไรน่ะเหรอครับ ประการแรกเลยหากสังเกตในด้านการเล่าเรื่อง ซีซัน 1-3 เหมือนเรื่องจะวนอยู่ที่มิตรภาพของตัวละครเป็นหลัก ในขณะที่ิวิกฤตการณ์ปีศาจจากโลกกลับหัวหลุดมาที่ฮอว์กินส์เป็นเหมือนตัวพิสูจน์มิตรภาพของพวกเขา

ในขณะที่เรื่องในพาร์ตแรกของซีซัน 4 ที่แต่ละตอนกินความยาวตอนละไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมงเหมือนมันค่อย ๆ พาเราย้อนไปสู่จุดเริ่มต้นจริง ๆ ของมันเสียที ซึ่งทำให้ปริมาณความเข้มข้นของเหตุการณ์ในแต่ละตอนแทบไม่มีตอนไหนจืดจางไปกว่ากันเลย

รีวิว Stranger Things Season 4

เริ่มตั้งแต่ตัวละครอีเลฟเว่น หรือแอลเองที่คราวนี้เริ่มจากการเป็นมนุษย์ ไร้พลังอย่างที่เธอใฝ่ฝัน และ หวังจะได้ครองรักกับวิล แต่ยิ่งเธออยู่ท่ามกลางผู้คนปกติเธอยิ่งรู้สึกแปลกแยกซึ่งมันนำมาสู่คำถามว่าหรือที่ผ่านมาเธอจะเป็นเพียงแค่ปีศาจ เพราะหลังจากเกิดเรื่อง และ เธอถูกจับ ซีรีส์ก็เริ่มพาเราไปสำรวจที่มาที่ไป ภาพย้อนอดีตอันแสนโหดร้ายทารุณ ที่ทิ้งปริศนาให้คนดูต้องตามต่อว่า หรือแอลจะเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดจริง ๆ

หรือจะเป็นในส่วนของตัวละครวัยรุ่น อย่างแนนซี่ที่เคยเป็นเพียงไม้ประดับ และ ไม่ได้มีบทบาทในโลกกลับหัวมากไปกว่าแค่สถานะพี่สาวของไมค์ มาในซีซัน 4 เธอก็ได้แท็กทีมกับดัสติน และ คนรักเก่าอย่างสตีฟในการออกตามหาความจริงเกี่ยวกับเหตุฆาตกรรม ที่มีความเกี่ยวพันกับเวคน่า อีกหนึ่งจอมอสูร ที่ซีรีส์ได้แง้มมาแล้วว่ามันยังไม่ใข่ตัวบอส แต่จากข้อมูลเบื้องหลังพบว่า ผู้ที่มาสวมบทเวคน่าสุดน่ากลัวครั้งนี้ไม่ใช่ใครแต่เป็น โรเบิร์ต อิงลันด์ (Robert Englund) เจ้าของบท เฟรดดี ครูเกอร์ จาก ‘ Nightmare on Elm Street ’ ที่เหมือนเป็นพิมพ์เขียว ให้ความโหดในซีซันนี้นั่นเอง ดูหนังออนไลน์

สรุป Stranger Things Season 4

รีวิวหนังดัง เห็นบอกว่าซีซีนนี้จะโหดจัดรัสเซีย แต่ก็ใช่ว่าซีรีส์จะขาดอารมณ์ขันเสียทีเดียวนะครับ เพราะมันก็ยังเซอร์วิสแฟน ๆ ด้วยเสียงหัวเราะอยู่นอกจากความฮา และ น่ารักของดัสตินที่ กาเทน มาทาราซโซ่ ยังคงขโมยซีนได้เหมือนเดิมแล้ว เรายังจะได้เห็นตัวละครสาวสายป่วนอย่าง โรบิน ที่ได้ มายา ฮอว์ค (Maya Hawk) มาโปรยเสน่ห์พร้อมเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างดี

เสริมทัพด้วยตัวละครใหม่ทั้งอาไกล์เพื่อนสายเขียวของ โจนาธาน บายเออร์ส ที่ได้ เอดัวร์โด ฟรังโก (Eduardo Franco) มาปล่อยมุกเมาๆ มึน ๆ สร้างเสียงหัวเราะตลอดซีซันรวมถึง เอ็ดดี มันสัน ที่ได้ โจเซฟ ควินน์ (Joseph Quinn) มาสวมบทเด็กโข่งแห่งเฮลล์ไฟร์คลับที่กลายเป็นแพะรับบาปในคดีฆาตกรรมก็สร้างความบันเทิงให้คนดูได้ไม่แพ้ตัวละครเก่า ๆ เลย

กล่าวอย่างง่าย ๆ หากจะนิยามซีซัน 4 ในพาร์ตแรกของ ‘Stranger Things’ ก็คือการปล่อยของที่อั้นไว้ใน 2 ซีซันหลังที่เราต้องยอมรับว่านอกจากลุ้นเด็ก ๆ เอาชนะเดโมกอร์กอนแล้วซีรีส์ก็ดูแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด จะโหดก็ยังไม่โหดสุด จะสยองก็ยังเหมือนอั้น ๆ ดูหนัง

จนกระทั่งซีรีส์ก็ได้อานิสงส์จากโกรวธ์ฮอร์โมนของเด็ก ๆ ที่เพิ่มอายุ และ การเติบโตได้ทันใช้พอดี จนกระทั่งซีซัน 4 นี่แหละที่ถือเป็นการเปิดศักราชการเป็นซีรีส์ไซไฟสยองขวัญที่ไม่กั๊กความโหดแบบสากะใจสายสยองขวัญสไตล์หนังยุค 80s เลยล่ะ

จุดเด่น

– ซีซันนี้ปล่อยของรัว ๆ แทบทุกตอน
– แม้ความยาวตอนละ 1 ชั่วโมง แต่เข้มข้นน่าติดตามตลอด
– ตัวละครใหม่มีเสน่ห์ไม่แพ้ตัวละครเก่า ๆ
– กล้านำเสนอภาพความสยองโหดจัดกว่าซีซันก่อน

จุดสังเกต

– ภาพสยดสยองน่ากลัวขึ้น อาจไม่เหมาะกับผู้ชมอายุน้อย ๆ

RELEASE DATE 27/05/2022
EPISODES 7 Episodes
CREATOR The Duffer Brothers
CAST Millie Bobby Brown Gaten Matarazzo David Harbour Winona Ryder
STREAMING SERVICE Netflix
OUR SCORE 9

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

 

หนังไทยมาใหม่ ในที่สุดหนังไทยที่แอดมินรอคอยมาเนิ่นนานก็มาถึงแล้ว หลังจากที่แอดเฝ้ารอหนังไทย แนว ๆ นี้มาแสนนาน หากจะพูดถึงหนังไทยในยุคนี้นั้น ก็เดินทางไปไกลแล้ว โดยหนังเรื่องนี้บอกเล่า ในยุคสมัยแห่งการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ อโยธยาตกอยู่ในความวุ่นวาย และการเข้ามาของต่างชาติ ยังมีตำนานความรักที่ไม่เคยถูกบอกเล่าที่ไหน ‘เรียวสึ’ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ชายหนุ่มผู้ออกตามหาชาติกำเนิดอันคลุมเครือ โดยมีคมดาบและคาถาเป็นศาสตราคู่กาย ระหว่างทางเขาได้พบรักกับ ‘ออสายสร้อย’ (เมลดา สุศรี) ดูหนังออนไลน์

หญิงงามที่กำลังจะตกไปเป็นคู่ครองของ ชายสูงศักดิ์ผู้เป็นหน่อเชื้อชนชั้นสูงในราชสำนัก ผู้เพียบพร้อมทั้งอำนาจ บริวาร ศิลปะการต่อสู้และมนตร์อาคมระดับพระกาฬ ทำให้เรียวสึต้องต่อสู้ด้วยทั้งชีวิตและศักดิ์ศรี เพื่อให้ได้มาซึ่งรักแท้หนึ่งเดียว และคำตอบว่า เขาคือใคร

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

รีวิวหนังดัง ‘อโยธยา มหาละลวย’ ผลงานการกำกับของ ‘ภวัต พนังคศิริ’ ที่แจ้งเกิดจากการกำกับละครพีเรียด ‘บุพเพสันนิวาส’ และ ‘เฮ้ย!ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ’ (2563) ตัวเรื่องเล่าเรื่องในช่วงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (ปลายราชวงศ์ปราสาททอง) ที่เต็มไปด้วยชาวต่างชาติมากมายที่เข้ามาอาศัยและทำงานถวายบนแผ่นดินอโยธยา

‘ออกญาคชบาล’ (ศรุต วิจิตรานนท์) ได้กระทำตามสัจจะที่ให้ไว้แก่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (ต้นราชวงศ์ปราสาททอง) ว่าจะออกกวาดล้างตระกูลชาวญี่ปุ่น ‘ยามาดะ’ ที่ถวายความจงรักภักดีมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (ราชวงศ์สุโขทัย) เพื่อหวังไม่ให้ก่อการกบฏ ดูหนังออนไลน์

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

เหลือแต่เพียงเด็กน้อย ‘เรียวสึ’ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) ที่รอดชีวิตมาได้ และได้รับการชุบเลี้ยง สอนวิชาคาถาอาคมให้ เมื่อโตเป็นหนุ่ม เขาและ ‘ทอง’ (สพล อัศวมั่นคง) วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงตามอบให้ จึงต้องออกตามหาแม่ที่แท้จริง พร้อมกับตามหา ‘ออสายสร้อย’ (เมลดา สุศรี) อี้จี (คณิกาชั้นสูง) ผู้งดงามประจำโรงชำเรา ที่กำลังถูก ‘ขวัญ’ (ธนบดี ใจเย็น) บุตรของออกญาคชบาลชิงตัวไป โดยมีชาวอินเดียอย่าง ‘อาซิม’ (พงศกร วงศ์เพียร) และ ‘จีนล้ง’ (วิศรุต หิมรัตน์) เพื่อนชาวจีนคอยตามติดไปช่วยเหลือเรียวสึด้วย

จริง ๆ แล้วจะเห็นว่าตัวหนังมีจุดเด่นสำคัญคือเรื่องของการหยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มีบันทึกอยู่จริงมาต่อยอดได้อย่างน่าสนใจครับ อย่างเช่นเรื่องของชาวต่างชาติที่ติดต่ออาศัยมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม จนกลายเป็นชุมชนใหญ่ในแผ่นดินพระนารายณ์ รวมทั้งตัวละครที่สร้างขึ้นจากบุคคลจริง เช่น ‘ออกญาคชบาล’ ที่จะครองราชย์เป็น ‘สมเด็จพระเพทราชา’ (ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง) (พระเพทราชาในละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ก็แสดงโดย ศรุต วิจิตรานนท์ ด้วยเช่นกัน) ส่วน ‘ขวัญ’ (ธนบดี ใจเย็น) บุตรชาย ก็หยิบเอาคาแรกเตอร์มาจาก ‘เดื่อ’ ที่จะขึ้นครองราชย์เป็น ‘สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8’ หรือ ‘พระเจ้าเสือ’ ที่ครองราชย์ต่อจากผู้เป็นพ่อนั่นเอง ดูหนัง

รีวิว อโยธยา มหาละลวย

โดยที่ผู้กำกับ (ภวัต พนังคศิริ) เองได้หยิบเอาเกร็ดเบี้ยบ้ายรายทางจากในละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ที่เคยกำกับเอาไว้ และที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์มารวมกัน พร้อมกับแต่งเรื่องขึ้นใหม่ ซึ่งเกร็ดประวัติศาสตร์นี่แหละที่ผู้เขียนมองว่าเป็นจุดเด่นที่ทำได้ค่อนข้างดีเลยครับ เป็นเกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ น่าค้นหาเรื่องอ่านต่อเลยแหละ โดยเฉพาะเกร็ดเกี่ยวกับชาวต่างชาติในอโยธยา หรือการเรียก ‘ออสายสร้อย’ ว่าเป็น ‘อี้จี’ ที่เป็นคณิกาชั้นสูงที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์จีนมาผสมผสานใหม่ รวมทั้งการผสมผสานเรื่องของคาถาอาคม คาถา รอยสัก ของขลัง อย่างที่หน้าหนัง จั่วหัวเอาไว้ว่าหนังเรื่องนี้เป็น ‘ภาพยนตร์รักสายมู’ (มูเตลู) ซึ่งมันก็มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย

เพราะเรามักจะคุ้นเคยกับหนังไทยที่มักจะเล่าเรื่องไสยศาสตร์ คาถาอาคม เล่ห์กลมนตร์ขลังในโทนและเรื่องราวด้านมืดทั้งนั้น น้อยมากที่จะเห็นใครเอาไสยศาสตร์แบบไทย ๆ มาเล่าในมุมมองของความเป็นแอ็กชันโรแมนติกคอเมดี เป็นแนวมูเตลูสายขาวว่างั้นเถอะ แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ตัวธีมมูเตลูนั้นกลับไม่ได้ถูกพูดถึงหรือให้ความสำคัญใน 2 องก์แรกของหนังเสียอย่างนั้น ต้องรอจนถึงตอนไคลแมกซ์จริง ๆ ถึงจะรู้ว่าสายมูในหนังมันสำคัญอย่างไรต่อเนื้อเรื่องบ้าง ซึ่งผู้เขียนมองว่า ค่อนข้างน่าเสียดายที่น่าจะเอาธีม ‘หนังรักสายมู’ มาใช้ให้ได้มากกว่านี้

สรุป อโยธยา มหาละลวย

รีวิวหนังดัง การดีไซน์การนำเสนอมูเตลูอีกอย่างที่ผู้เขียนมองว่าแปลก ๆ ดีนั่นก็คือ การให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นหนุ่มหล่อที่ชื่อว่า ‘ทอง’ ที่ไม่ใช่แค่ห้อยคอ แต่ออกมาเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มีตัวตน เป็นเพื่อนคุย และบางครั้งก็คอยเตือนคอยห้ามเรียวสึไม่ให้ทำอะไรห่าม ๆ ได้ ซึ่งผู้เขียนยอมรับว่าแอบคิดถึง ‘โดเรมอน’ นิดหน่อยเหมือนกันนะครับ (555)

โดยเฉพาะที่ทองที่คอยเตือน และแอบมาช่วยเหลือเรียวสึในยามขับขัน นี่มันโดเรมอนกับโนบิตะ แบตแมนกับโรบินชัด ๆ (555) ผู้เขียนคิดว่าทองเป็นคาแรกเตอร์ที่น่าสนใจครับ แต่เสียดายที่ตัวบททำให้ทองมีบทบาทในหนังน้อยไปหน่อย และก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธีมสายมูของหนังถูกลดบทบาทลงใน 2 องก์แรกไปด้วย

ส่วนในแง่ตัวละคร จริง ๆ ผู้เขียนเองแอบเทความประทับใจให้กับตัวละครรองมากกว่าตัวละครหลักครับ โดยเฉพาะ ‘อาซิม’ และ ‘จีนล้ง’ ที่สร้างสีสันได้ดี ส่วนตัวละครหลักอย่าง ‘โบว์ เมลดา’ และ ‘เจมส์ จิรายุ’ นั้นถือว่าเคมีเข้ากันได้ค่อนข้างโอเคครับ แม้ว่าจะมีเกร็ง ๆ บ้าง ซึ่งโดยส่วนตัวผู้เขียนเองมองว่า น้องโบว์นี่ขึ้นกล้องดีแฮะ ส่วนเรื่องแอ็กชัน ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐาน

แต่สิ่งที่ผู้เขียนเองรู้สึกว่าไม่ค่อยเวิร์กก็คือ การแสดงโดยใช้บทพูดแนวพีเรียด ที่ดันใช้คำอ่านมาแทนคำพูด แถมยังใช้ในหนังแบบไม่สม่ำเสมออีกต่างหาก ผลก็คือมันทำให้การแสดงโดยรวมดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ซ้ำร้าย ยิ่งพาให้ตัวละครบางตัวที่คาแรกเตอร์จัด ๆ เช่นเป็นคนจีนพูดไทย

หรือนักแสดงสมทบที่ฝีมือการแสดงยังไม่แน่นพอนี่ถึงกับกลายเป็น “เล่นแข็ง” โดยไม่เจตนาซะงั้น ลำพังเล่นแข็งอยู่แล้ว เจอภาษาโบราณเข้าไปนี่คือเหมือนอ่านพงศาวดารให้ฟังเลย รวมทั้งบทบาทในหลาย ๆ ฉากที่ไม่เมกเซนส์ และฉากที่ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าไม่ต้องมีก็ได้คือ ฉากมิวสิคัลต่อเพลงฉ่อยในโรงชำเรา คือเนื้อเพลงกับการร้องมันดูแปร่งจริง ๆ นะครับ

แต่สิ่งที่ทำให้มนตร์คาถาของหนังเรื่องนี้จะดูไม่ค่อยขลังเท่าไหร่ก็คือบท พล็อต และการตัดต่อครับ แม้ว่าตัวหนังเองจะมีธีมที่น่าสนใจ แต่ด้วยตัวบทเองกลับมีปัญหา นอกจากเรื่องธีมที่ยังนำเสนอได้ไม่ค่อยสุดแล้ว ก็ยังมีปัญหาเรื่องพล็อตที่จริง ๆ แล้วมีอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ตัวบทกลับจับจุดหนังได้ไม่ดีพอ ทำให้ตัวหนังเกิดอาการมนตร์คาถาเสื่อมจนไม่รู้ว่าจะโฟกัสว่าจะเล่าเรื่องรัก ๆ ดี จะเล่าเรื่องการตามหาแม่ดี หรือจะเล่าเรื่องการแก้แค้นระหว่างเรียวสึกับออกญาคชบาลกันแน่

รวมถึงตัวบทที่เล่าอย่างเนิบช้าและไม่ได้ให้ส่งให้คนดูเห็นว่าตัวละครแต่ละตัวเป็นอย่างไร ก็ยิ่งทำให้ตัวละครขับเคลื่อนไปแบบแห้งและเนิบช้า และยิ่งกระหน่ำซ้ำด้วยการตัดต่อที่ทำให้การเล่าเรื่องไม่ลื่นไหลเลย ทำให้ตัวหนังเล่าเรื่องแบบตัดปะ ถ้าดูเจาะเป็นซีน ๆ ก็โอเค แต่มันทำให้การเดินเรื่องในภาพรวมติดขัดมาก ๆ ทั้งหมดนี้ก็เลยทำให้ตัวหนังยังมีรอยโหว่ และทำให้เนื้อเรื่องโดยรวมเกิดอาการขาดห้วงและเล่าเรื่องได้ไม่กลมเท่าไหร่ ดูหนัง

โดยรวมแล้ว สำหรับแฟน ๆ ของ ‘เจมส์ จิรายุ’ และ ‘โบว์ เมลดา’ ก็น่าจะชื่นชอบการแสดงของทั้งคู่นะครับ เพราะโดยรวม ๆ ก็ถือว่าเป็นหนังที่ดูเอาเพลิน ๆ หรือดูแล้วก็อาจจะเกิดความอยากไปศึกษาด้านประวัติศาสตร์อยุธยาต่อ อะไรแบบนี้ แต่ด้วยบทและการตัดต่อที่มีปัญหา ธีมสายมูที่ดูจะยังไม่ค่อยจริงจังลงลึกเท่าที่ควร รวมทั้งไดอะล็อกและการแสดงที่ยังขาด ๆ เกิน ๆ ก็เลยทำให้หนังเรื่องนี้กลายเป็นหนังมูเตลู ที่ยังไม่ทันท่องมนต์จบ ก็ดันเป่าเสกคาถาโอมเพี้ยงเสียก่อนแล้ว

จุดเด่น

– ตัวธีมหนังแปลกใหม่ เป็นหนังมูเตลูสายสว่าง
– หยิบเอาเกร็ดประวัติศาสตร์มาต่อยอดได้น่าสนใจ
– แอ็กชันถือว่าโอเค ตัวละครรองมีสีสันดี ส่วนเจมส์จิ-โบว์ เคมีถือว่าโอเค

จุดสังเกต

– พล็อตเรื่องธรรมดาไม่ได้หวือหวา
– การเล่าเรื่องค่อนข้างช้า พล็อต บท และการตัดต่อยังมีรอยโหว่ เนื้อเรื่องโดยรวมห้วนไม่ค่อยกลม
– เสียดายธีมความเป็นสายมู ที่น่าจะสอดแทรกได้มากและน่าสนใจกว่านี้
– ฉากต่อเพลงฉ่อยดูแปร่ง ๆ ไม่ต้องมีก็ได้

รีวิว ส้ม ปลา น้อย

รีวิว ส้ม ปลา น้อย

รีวิว ส้ม ปลา น้อย

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีครับ นี่เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ไทย สายฮา สุดเกรียน ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ส่งท้ายปี แล้ว ก็มีหลายๆ เรื่องเลยที่ขนขบวนมาเสิร์ฟเสียงฮาความตลกมาให้กับทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นผู้บ่าไทบ้านอีสานจ้วด ส้มป่อย ซึ่งทั้งหมดคือหนังภาษาถิ่นที่ทำออกมาได้อย่างน่ารักละมุนละไม ส้ม ปลา น้อย ก็คงจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ต่อแถวมาเสิร์ฟความตลกขบขันให้กับทุก ๆ คน

ด้วยฝีมือการกำกับ และ การแสดงของคุณหม่ำพร้อมครอบครัว จากโปรดักชั่นของบั้งไฟฟิล์ม ซึ่งหลายๆ คนคงทราบดีว่าเป็นอีกหนึ่งค่ายหนังที่มักนำเสียงหัวเราะมามอบให้เราในช่วงวิกฤตแบบนี้ แม้ว่าจะแผ่วบ้างปังบ้าง แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนดูมีรอยยิ้มได้อย่างต่อเนื่องครับ ดูหนัง

สำหรับ ส้ม ปลา น้อย เป็นอีกหนึ่งหนังตลกคลายเครียด ที่อยู่ร่วมกันในจักรวาลของส้ม สืบเนื่องต่อเรื่องราวกันมาจาก ส่ม ภัค เสี้ยน ที่ทำรายได้ค่อนข้างดีเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้น ได้คุณเอ็ม ลูกสาวคุณหม่ำมาขึ้นแท่นผู้กับกับ และ ยังได้รับกระแสการตอบรับ ที่ค่อนข้างจะดีอีกด้วย

จนถูกยกให้เป็นหนังคอมเมดี้แห่งปีเลยก็ว่าได้ ซึ่งครั้งนี้ กลับมาสานต่อเรื่องราวอีกครั้ง โดยผู้กำกับเปลี่ยนเป็นพี่หม่ำแทน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแอบมีกระแสที่ติดลบไปพอสมควร เพราะว่าบางเรื่องที่ผ่านมาทำกระแสได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เช่น คุณชายใหญ่ รวมทั้งขุนบันลือ ที่รายได้อาจจะไม่สูงเท่าที่ควร

รีวิว ส้ม ปลา น้อย

รีวิวหนังดัง โดยเรื่องย่อของ ส้ม ปลา น้อย นั้นเป็นเรื่องราวของ ส้ม แม่ค้าส้มตำหน้าตาดี ที่จู่ๆ ก็เกิดรักสามแต่ยังไม่เศร้าขึ้น เพราะความสวยของเธอดันไปสะดุดตากับชายหนุ่มรูปงามที่หน้าตาดีไม่แพ้กันถึงสองคน นั่นคือ น้อย ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้เป็นเพื่อนบ้าน นอกจากจะหน้าตาดี แล้วยังเป็นคนที่เอาการเอางาน ขยันขันแข็ง และ รักส้มมากแบบถวายชีวิต นำแสดงโดย โตโน่ ภาคิน หนุ่มเดอะสตาร์ที่หันมารุ่งเรืองด้านการแสดง

ส่วนพระเอกอีกคนที่เข้ามาทำคะแนนให้สาวส้มหน้ามนคนสวยเราได้หวั่นไหวก็คือ ปลา นำแสดงโดยครูเต้ย อภิวัฒน์ ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งด้วยฐานะ นิสัยดีอบอุ่น แต่แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อทั้งสองคนก็ต่างคืบคลานมาปรากฏตัวอยู่ในหัวใจของส้ม แถมพ่อแม่ของเธอ ก็ต่างคนต่างชอบผู้ชายคนละคนอีก ดูหนังออนไลน์

งานนี้เรื่องราวความรักต้องวุ่นวายเพราะเธอไม่รู้ใจตัวเองจนต้องเข้าวัดเข้าวาไปปรึกษามหาชัย พระประจำวัดที่รับบทโดยผู้กำกับของเราเอง งานนี้ถ้ายังเคลียร์ไม่จบ ส้มอาจจะต้องเศร้าเพราะควบสองไม่ได้แน่ๆ ติดตามหนังตลกไทยที่ยกสารพัดมุกมาเสิร์ฟ และ ให้กำลังใจทั้งส้ม ปลา น้อย ได้เลย

รีวิว ส้ม ปลา น้อย

นักแสดงหลักในเรื่อง ส้ม ปลา น้อย
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง ส้ม ปลา น้อย นักแสดงก็ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหน เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาในแวดวงบันเทิงของเรานี่เอง แถมยังเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในดาวค้างฟ้าของวงการบันเทิงทางภาคอีสาน และ ระดับประเทศอีกด้วย ยิ่งนำมารวมกันแล้วยิ่งทำให้เรื่องราวมันถูกดึงดูดด้วยตัวของนักแสดงเองส่วนหนึ่งก็ว่าได้ครับ

น้อย (โตโน่ ภาคิน)

บักน้อย ชายหนุ่มหน้ามนคนซื่อ ที่มีหน้าตาอันหล่อเหลา และ คารมคมคายที่เรียกได้ว่าจัดจ้าน รักน้องส้มสุดหัวใจแบบพร้อมจะพลีทุกๆ อย่าง เป็นชายหนุ่มที่จริงจัง ตั้งมั่น เอาการเอางาน และ แน่นอนว่านอกจากจะเอาหัวใจส้มไปแล้วครึ่งหนึ่ง ยังสามารถเอาชนะใจว่าที่พ่อตาได้แล้วอีกด้วย

ส้ม (อุ้ม อิษยา)

สาวน้อยหน้าสวยผู้ทำอาชีพเป็นแม้ค้าขายส้มตำมหาเสน่ห์ เธอสวยขนาดที่ว่ามีผู้ชายเข้ามาชอบพร้อมๆ กับทั้งสองคน เมื่อคนหนึ่งเปรียบเสมือนเทวดา อีกคนก็ไม่ต่างจากเทพบุตร งานนี้ความรักที่ไม่สามารถแยกร่างได้ และ ไม่สามารถควบสองได้จึงต้องร้อนไปถึงหูพระมหาชัย

ปลา (ครูเต้ย อภิวัฒน์)

ครูเต้ย อาจารย์หน้าหล่อที่แจ้งเกิดจากคลิปไวรัลจนกลายมาเป็นนักร้องสุดฮิตที่สาวๆ ต่างกรี๊ดกร๊าดกันไปครึ่งค่อนประเทศ วันนี้เขากลับมาในมาดของหนุ่มหน้าตาดีแถมยังนิสัยรวยอีกด้วย ท่าทีสุภาพอ่อนน้อม แต่ว่าไม่ได้เลยทีเดียว เมื่อสบโอกาสเมื่อไหร่ ปลาก็พร้อมที่จะหยอดมุกจีบสาวส้มอย่างไม่ต้องตั้งตัว ก็หล่อขนาดนี้ ทำไมจะไม่หลง ถูกไหม ?

ผมต้องบอกก่อนเลยว่า ก่อนที่จะมาดูเรื่อง ส้ม ปลา น้อย เรื่องล่าสุดที่ผมดูของพี่หม่ำก็คือ คุณชายใหญ่ ก่อนหน้านั้นก็เป็นขุนบันลือ และ แน่นอนว่าผมเองค่อนข้างจะผิดหวังพอสมควรเลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นมุกคลาสสิคที่ตลกแต่ฝืดไปบ้าง ทำให้ผมแอบกังวลกับการรีวิว ส้ม ปลา น้อย มากพอสมควร ทว่าในเมื่อผมเป็นคนชอบอุดหนุนหนังไทยอยู่แล้ว จึงต้องเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด อย่างหนึ่งที่ต้องบอกคือผมอุดหนุนอุตสาหกรรมหนังไทยอยู่แล้ว การรีวิวของผมจึงอาจจะดูบ้านๆ ไปบ้าง แต่ก็ตามสไตล์ครับ เน้นเล่าสู่กันฟังเหมือนเดิม

ผมต้องบอกก่อนเลยว่า ก่อนที่จะมาดูเรื่อง ส้ม ปลา น้อย เรื่องล่าสุดที่ผมดูของพี่หม่ำก็คือ คุณชายใหญ่ ก่อนหน้านั้นก็เป็นขุนบันลือ และ แน่นอนว่าผมเองค่อนข้างจะผิดหวังพอสมควรเลยก็ว่าได้ ด้วยความเป็นมุกคลาสสิคที่ตลกแต่ฝืดไปบ้าง ทำให้ผมแอบกังวลกับการรีวิว ส้ม ปลา น้อย มากพอสมควร ทว่าในเมื่อผมเป็นคนชอบอุดหนุนหนังไทยอยู่แล้ว จึงต้องเข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอด อย่างหนึ่งที่ต้องบอกคือผมอุดหนุนอุตสาหกรรมหนังไทยอยู่แล้ว การรีวิวของผมจึงอาจจะดูบ้านๆ ไปบ้าง แต่ก็ตามสไตล์ครับ เน้นเล่าสู่กันฟังเหมือนเดิม ดูหนัง

สรุป ส้ม ปลา น้อย

รีวิวหนังดัง ส้ม ปลา น้อย ทำได้ดีเกินคาดครับ แม้ว่าจะเข้าไปดูด้วยความที่ไม่คาดหวังอะไรมากก็ตาม แต่กลับสามารถนำเสนอความรักวุ่นๆ ออกมาได้อย่างสนุกสนาน และ มีสีสันมาก ถึงจะมีมุกตลกสุดคลาสสิกเข้ามาร่วมด้วย หรือบทสนทนาที่อาจจะฟังดูแล้วจงใจให้ตลกแต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้นปะปนเข้ามา

แต่มวลรวมก็ยังเรียกได้ว่าประทับใจกว่าสองเรื่องก่อนที่ได้ดูมาครับ ไม่มีจุดที่ต้องร้องอู้ว หรือตั้งคำถามว่าอิหยังวะในเรื่องนี้เลย นักแสดงแต่ละคนเต็มที่กับเรื่องมากๆ บทแต่ละส่ง ส่งนักแสดง นักแสดงส่งอารมณ์มาถึงคนดู ผสมผสานทั้งความตลก ความรัก และ ความซึ้งได้ลงตัวขึ้นจริงๆ

สำหรับใครที่ยังไม่ได้ ดูหนังเรื่องส้มปลาน้อยเต็มเรื่อง หรือยังไม่ได้ ไปให้กำลังใจ เหล่านักแสดงอารมณ์ดีเหล่านี้ น่าจะต้องหาเวลา จูงมือคนสำคัญ ไปขยับเหงือกขยับกราม กับหนังดีอีกเรื่อง ของคนไทย ใครที่ต้องการจะ Feel Good ชั่วโมงนี้ต้องยกให้เค้าเลยค่ะ แต่หากบางท่าน ยังเป็นกังวลเรื่องการแพร่ระบาด สำหรับการไปชม ในโรงภาพยนตร์ ก็คงต้องรอ ส้ม ปลา น้อย เต็ม เรื่อง ออนไลน์ ตามเว็บหรือแอพดูหนัง ที่คุณถนัดหรือ เป็นสมาชิกอยู่ได้เลยนะคะ

รีวิว ส้ม ปลา น้อย

รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ สำหรับหนังเรื่องนี้ ถือว่าเป็น choice ที่ไม่เลวที่จะเลือกชม ลองดูว่าหนังเรื่องนี้ ใช่ทางของคุณหรือไม่ เค้าเริ่มเข้าฉายกันมาตั้งแต่ 30 ธันวาคมที่ผ่านมา แล้วนะคะ และ กำลังฉาย อยู่ในขณะนี้ ตามโรงภาพยนตร์ชั้นนำ ในเครือ Major Cineplex เรียกว่าเป็นหนังไทย ที่ดูแล้วผ่อนคลาย หัวเราะทั้งเรื่อง แค่เห็นชื่อนักแสดง และ ผู้กำกับก็รู้เลยว่า หนังเรื่องนี้จะฮามากแค่ไหน ใครที่ยังไม่ได้ไปดู ต้องหาเวลา พาครอบครัวไปดูนะ เพราะเป็นภาพยนตร์ ที่ดูสนุกทั้งครอบครัวจริงๆ

สรุปความประทับใจส้ม ปลา น้อย
ผมไม่ได้ว้าวอีกแล้วครับ กับเรื่องนี้ อาจเพราะว่าเรามีหนังที่ทำให้เราหัวเราะได้มากกว่านี้ ดังนั้นสุดท้ายแล้วผมเลยไม่ได้ยกให้นี่คือหนังที่ตลกที่สุดแห่งปี แต่ส้ม ปลา น้อย เป็นหนังที่สามารถดูเพื่อความเพลิดเพลินได้อย่างดีเลยครับ เรียกเสียงหัวเราะได้พอประมาณ ถึงเรื่องพล็อตมันจะมีขาดบ้างเกินบ้างก็มีส่วนดีมากๆ เข้ามาทำให้มองข้ามไปได้บ้าง ถือว่าน่าไปลองสักครั้งครับ เป็นหนังตลก2021 ที่น่าสนใจเรื่องหนึ่ง เคาะคะแนนไปที่ 7/10 ครับ ดูหนังออนไลน์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

 

หนังไทยมาใหม่ หนังภาพยนตร์แอคชั่น แฟนตาซี เรื่องนี้นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ของวงการหนังไทยเลยกะว่าได้ เนื่องจากกราฟฟิกสุดอลังกาลที่ใช้ CG ขั้นสูงมาใช้อย่างที่ไม่เคยมีหรือน้อยมากๆ ในวงการหนังไทย หนังมอนสเตอร์ไทย กำกับโดย ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์ นักแสดงนำ กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า และ ปาล์ม – ศุภชัย สุวรรณอ่อน ดูหนังออนไลน์ โคตรแย้ยักษ์

สัตว์ประหลาดแย้ยักษ์สัญชาติไทย ที่ถ่ายทำ โดยเทคนิค CG ขั้นสูง ฝีมือคนไทยกับการเปิด สำหรับเทศกาล หนังนูชาเทล แฟนตาสติก นานาชาติ ได้จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2000 โดยมีเป้าหมายหลักคือนำเสนอภาพยนตร์แนวฌอง (Gnere) จากทั่วโลกให้ประชาชนชาวสวิสเซอร์แลนด์ และ ทั่วยุโรปได้ชม ตลอดระยะ 22 ปีที่ผ่านมา ดูหนังออนไลน์

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

มีภาพยนตร์ดัง ๆ ที่เคยถูกเลือกฉายในเทศกาล ไม่ว่าจะเป็น “Valhalla Rising” ของผู้กำกับ นิโคลัส ไวน์ดิง เรฟน, “Under the Shadow” ของผู้กำกับ บาบัค อันวารี, “Enter the Void” ของ กัสปาร์ โน หรือ หนังไทย “ฉลาดเกมส์โกง” ของ ณัฐวุฒิ พูนพิริยะ เป็นต้น

ทั้งนี้ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เป็นตัวแทนหนังไทยเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ร่วมเทศกาลหนังดังกล่าวในปีนี้ โดยมีคิวฉายรอบปฐมทัศน์โลกในวันที่ 5 กรกฎาคม และ ยังมีฉายอีกรอบในเทศกาลในวันที่ 8 กรกฎาคม ตามลำดับ โดยนับว่าเป็นการเปิดตัวฉายอย่างเฉิดฉายในต่างแดน ก่อนกลับมาลงโรงในแฟนหนังชาวไทยได้ดูกันอย่างเต็มตาในวันที่ 28 กรกฏาคมนี้

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิวหนังดัง ที่เกิดขึ้นในดินแดนอีสานที่แห้งแล้ง ณ จังหวัดเลย ที่ประสบปัญหากับภัยแล้งเป็นประจำทุกปี จึงเกิดกลุ่มคนที่แย่งชิงการขุดเจาะหาแหล่งน้ำบาดาลเกิดขึ้น กลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำบาดาลที่จะสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาล เพียงเพราะต้องการหาแหล่งน้ำบาดาลพวกเขาจึงต้องตระเวน เจาะ ขุด หาแหล่งน้ำให้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน

แต่ใครจะรู้เลยว่าการขุดเจาะ ในครั้งนี้จะเปลี่ยนจากดินแดนสวรรค์ ให้กลับกลายเป็นนรก ในทันที เมื่อสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ ตื่นจากการจำศีลเพราะการถูกปลุก จากพวกเขา โดยเนื้อหาของ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ที่เปิดเผยออกมาในตอนนี้ จะว่าด้วยเรื่องราวของ เก้า (กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล) แรปเปอร์หนุ่มที่กำลังเผชิญกับปัญหาชีวิตมากมาย ดูหนัง

รีวิว LEIO โคตรแย้ยักษ์

เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อพักผ่อนจิตใจ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเก้าต้องมาเผชิญหน้ากับแย้ยักษ์ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน และ เข้าทำร้ายชาวบ้าน ภาพยนตร์จะได้ ชาลิต ไกรเลิศมงคล และ ชิตพล เรืองกัลป์ มานั่งแท่นผู้กำกับ พร้อมด้วย กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล

จากซีรีส์ The Graduates บัณฑิตเจ็บใหม่ (2563), ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ ดูหนังฟรี จากซีรีส์ Me Always You รักวุ่นวาย ยัยตัวป่วน (2564), จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า จากซีรีส์ Bangkok รัก Stories ตอน Please (2560) และ ปาล์ม-ศุภชัย สุวรรณอ่อน จากละคร ไปให้ถึงดวงดาว (2564) มารับบทนำ

สรุป LEIO โคตรแย้ยักษ์

รีวิวหนังดัง สำหรับ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ เป็นหนังแอคชั่นไซไฟ ระทึกขวัญที่ว่าด้วยการค้นพบเจ้าแย้ตัวใหญ่ยักษ์ออกมาอาละวาด โดยเป็นผลงานการกำกับ หนังใหญ่ครั้งแรกของ “ชาลิต ไกรเลิศมงคล” และ “ชิตพล เรืองกัลป์” ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการเทคนิคพิเศษ และมิวสิควิดีโอ

ซึ่งจะได้ Fatcats Studio ผู้สร้างงานเทคนิคพิเศษอันดับต้น ๆ ของไทยมาสร้างสรรค์ผลงานร่วมด้วย พร้อมกับมี “กอล์ฟ พิชญะ” และ “ฟาง ธนันต์ธรญ์” แสดงนำ โดยในงาน “I am monster Line up 2022” ที่เพิ่งจัดขึ้นเพื่อเปิดตัวจักรวาลหนังสัตว์ประหลาด 3 เรื่อง ได้แก่ Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์, แสงกระสือ 2, The One Hundred นั้น ทาง เนรมิตรหนัง ฟิล์ม ได้ปล่อยทีเซอร์ตัวอย่างภาพยนตร์เรื่อง Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์ ให้ดูกันเป็นครั้งแรก

ผลปรากฎว่าได้รับความสนใจมากถึงขนาดมีผู้เข้ามาคลิกชมทีเซอร์ตัวอย่างภาพยนตร์วันแรก “1วัน 1ล้านวิว” ไปเป็นที่เรียบร้อย “Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น ณ ดินแดนสุดแห้งแล้งแถบภาคอีสานในจังหวัดเลยที่ประสบปัญหากับภัยแล้งเป็นประจำทุกปี จึงเกิดกลุ่มคนที่แสวงหาผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำบาดาลที่จะสร้างรายได้ให้พวกเขาอย่างมหาศาลเกิดขึ้น

พวกเขาตระเวน เจาะ ขุด หาแหล่งน้ำให้ลึกลงไปถึงชั้นใต้ดิน แต่ใครจะรู้เลยว่าการขุดเจาะในครั้งนี้จะเปลี่ยนดินแดนสวรรค์ให้กลับกลายเป็นนรกในทันที เมื่อสัตว์ประหลาดร้ายสายพันธุ์ดึกดำบรรพ์ตื่นจากการจำศีลเพราะการถูกพวกเขาปลุกนั่นเอง สัตว์นักล่าสายพันธุ์ใหม่ขนาดมหึมาที่ล่าใครแล้วโอกาสรอดยาก พวกเขาต้องหาทางรับมือกับมันอย่างไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่จะรอดคือต้องสู้! ดูหนังออนไลน์

“Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” นำแสดงโดย กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล ประกบ ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ โดย กอล์ฟ-พิชญะ รับบท เก้า ศิลปินหนุ่มตกอับ ผู้ที่กลับมาบ้านเกิดเพื่อหวังจะล่าเงินล้านจากการขุดหาน้ำบาดาล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ รับบท ฝน อินฟลูเอ็นเซอร์สาว เจ้าของโปรเจกต์ล่าเงินล้าน

“Leio ไลโอโคตรแย้ยักษ์” เป็นการจับมือกับ Fatcat Studios บริษัทสตูดิโอสเปเชียลเอฟเฟกต์ชั้นนำของเมืองไทย ผู้อยู่เบื้องหลังผลงานคอมพิวเตอร์กราฟิก (CG) สุดยิ่งใหญ่มากมาย อย่าง นาคี 1- 2 และ ขุนแผน ฟ้าฟื้น ผนึกกำลังสร้างภาพยนตร์สัตว์ประหลาดสัญชาติไทย แนวแอ็คชั่น-ผจญภัย ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบคอมพิวเตอร์กราฟิก ฉีกกรอบจากแนวหนังเดิม ๆ เพิ่มความแปลกใหม่ และ รสชาติใหม่ ๆ ให้กับคนดู พร้อมผลักดันวงการซีจีภาพยนตร์ไทยสู่สากล ดูหนัง

รายละเอียดหนัง
ฉายวันที่ : 28 กรกฎาคม 2022
ผู้กำกับ : ชาลิต ไกรเลิศมงคล, ชิตพล เรืองกัลป์
นำแสดงโดย : กอล์ฟ-พิชญะ นิธิไพศาลกุล, ฟาง-ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์, จีน่า-ณัฐชา เดอซูซ่า, ปาล์ม – ศุภชัย สุวรรณอ่อน
ชื่อหนัง : LEIO (2022)
IMDB : N/A

รีวิว pacific rim

รีวิว pacific rim

รีวิว pacific rim

รีวิวหนังดัง หลังจากที่ผมได้ลองกลับไปดูแปซิฟิก ริม ใหม่อีกรอบนึงก็ทำให้ผมนึกย้อนถึงไวเด็กๆเลย และผมคิดว่า แปซิฟิก ริม นั้น ทำให้ผมนึกถึงการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่องนี้ มาชีนก้า ซี ( หรือแซด ) กับ เกรท มาชีนก้า มากๆ โดยเฉพาะฉากที่ปล่อยยานบังคับที่มีคนควบคุมอยู่ภายใน ( 2 คน ) ลงไปที่ส่วนศีรษะของหุ่น ไม่แน่นะ ต่อไปอาจมีหุ่นแนว ยานหลายลำมาต่อเป็นส่วนแขนส่วนขาของหุ่น ถ้าไม่คล้าย กับ Getter robo ก็อาจจะคล้ายพวก เรนเจอร์ไปเลย

“เจ้าสัตว์ประหลาดแกตายซะเถอะ” นี่เป็นคำพูดที่หลุดออกมาจากความทรงจำของเด็กผู้ชายในวัยเพิ่งสิ้นกลิ่นน้ำนม ของขวัญที่แม่มอบให้ในวันนั้นยังคงคุกกรุ่นอยู่ในวันนี้ หุ่นประกอบที่เราเลือกจับมาหยิบต่อสู้กับเจ้าสัตว์ประหลาดยังระรานอยู่ในความทรงจำครั้งเยาว์วัย ไม่มีช่วงเวลาใดที่มอบความสุขให้เท่าโลกจินตนาการที่เราปั้นแต่งขึ้นมา แล้ว ดำรงอยู่ด้วยตัวของมันเองตลอดระยะที่เรารับบทผู้สร้างสรรค์ เราเลือกแบ่งฝักฝ่ายให้กับหุ่นประกอบของเรา เราใช้สังเวียนที่นอนเป็นที่ต่อสู้เติมเต็มจินตนาการของเรา ดูหนังออนไลน์

รีวิว pacific rim

รีวิวหนังดัง Pacific Rim เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เมื่อกองทัพสัตว์ประหลาดที่โหดร้ายในนามของ ไคจู อุบัติขึ้นมาจากทะเล จึงเกิดสงครามที่คร่าชีวิตคนนับล้าน และ ทำลายทรัพยากรของมนุษย์มานานหลายปี ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวยักษ์ ไคจู

ทำให้ต้องมีการประดิษฐ์คิดค้นอาวุธพิเศษขึ้นมา หุ่นยนต์ยักษ์ที่เรียกว่า เจเกอร์ส ซึ่งต้องควบคุมพร้อมกันโดยผู้ควบคุม 2 คน จิตของพวกเขาจะถูกเชื่อมต่อกับสะพานกระแสจิต แต่ถึงแม้เจเกอร์สจะพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่สามารถปกป้องผู้คนให้พ้นจากไคจูจอมอึดได้ บนเส้นทางแห่งความพ่ายแพ้

รีวิว pacific rim

กองกำลังแห่งมนุษยชาติไม่มีทางเลือก ต้องหวนไปหากลุ่มฮีโร่ที่ไม่น่าเชื่อ ทั้ง 2 คนอย่างอดีตนักบินตกอับ ( ชาร์ลี ฮันแนม ) และ ผู้ฝึกหัดที่ยังไม่ผ่านการทดสอบ ( ริงโกะ คิคูชิ ) ผู้ต้องมาร่วมทีมกันสร้างตำนานเจเกอร์สที่ตกยุคจากอดีต และ พวกเขายังยืนหยัดอยู่เป็นความหวังสุดท้ายของเหล่ามวลมนุษย์ที่ต้องต่อสู้กับหายนะล้างโลกที่กำลังทวีคูณ

ภาพยนตร์ใช้เวลาเปิดเรื่องโดยให้น้ำหนักไปกับ ราลีห์ เบ็กเก็ตต์ ( ชาลี ฮันแนม ) คนบังคับหุ่นที่ชะล่าใจทำให้สัตว์ไคจูมาทำร้ายจนสูญเสียพี่ชาย และ ไม่สามารถกลับมาร่วมงานคู่กับใครได้อีก จนกระทั่งพบกับหญิงญี่ปุ่นมาโกะ โมริ ( ริงโกะ คิคูจิ ) ที่มีภูมิหลังไม่ดีเกี่ยวกับความทรงจำเช่นกัน

ไซไฟหรือแฟนตาซี

ภาพยนตร์ใช้วิธีพ่นคำว่าวิทยาศาสตร์มากมายเพื่อให้เรื่องเกิดความสมจริงซึ่งถือเป็นมาตรฐานของหนังฮอลลีวู้ดที่ทำให้หนังหลายเรื่องที่มีเนื้อแท้เป็นนิทานเรื่องเล่าแบบแฟนตาซีถูกดัดแปลงให้เข้าใกล้ความจริงมากขึ้นด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเรื่องนี้ในแง่เรื่องราวที่เราเห็นมีนิมิตรหมายเป็นแฟนตาซีอยู่มากพอสมควรอาจเพราะเรารู้สึกได้ว่าหนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากญี่ปุ่นอยู่หลายส่วน ผู้เขียนรู้สึกว่ายิ่งพยายามมากเกินไปเท่าไรยิ่งทำให้เรื่องราวมันเสียความบริสุทธิ์ของตัวมันเองมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งมันก้ำกึ่งระหว่างความเป็นหนังไซไฟก้ำกึ่งกับหนังแฟนตาซี จนอาจพูดได้ว่ามันไม่ดีเด่นสักทาง

รีวิว pacific rim

แอคชั่นแบกหนังทั้งเรื่อง

ในแง่เรื่องราวหรือความหนักแน่นของบทก็ ต้องบอกว่าไม่ใช่ที่ทางของภาพยนตร์เรื่องนี้เลยเพราะสิ่งที่เป็นความโดดเด่นคือฉากแอคชั่นหุ่นยักษ์ และ หุ่นสร้าง 3 มิติ ที่ประเคนใส่ผู้ชมตลอดเรื่อง การตัดต่อ ฉับไวถูกระดมใส่เข้ามาไม่หยุดยั้ง การตัดสลับหนักหนาสาหัสเพราะ ต้องเปลี่ยนภาพจากตัวหุ่นเข้ามาสู่ผู้บังคับบัญชารวมถึงสถานการณ์ของการต่อสู้ด้วย จึงทำให้การเลือกช็อตมานั้นมหาศาลถึงขึ้นระรานตาหรือมองแทบไม่ทัน ดูหนัง

ข้อสังเกตบางประการ

สิ่งที่น่าสงสัยสำหรับประเด็นนี่คือ ทำไมตัวไคจูมักออกมาในช่วงที่ฟ้าสางหรือกลางค่ำกลางคืนที่มืดมิดจนมีปัญหาในความชัดเจนที่ทำให้ผู้ชมไม่ได้รับอย่างเต็มรูสองตา จนผู้เขียนจำไม่ได้ว่ามีฉากไหนหรือไม่ที่เราเห็นฉากต่อสู้เด่นชัดจน เห็นรายละเอียดของหุ่นที่ทุ่มเงินไปมหาศาลอย่างมากมายได้ประจักษ์ชัด เพราะเราถูกความมืดปกคลุมจนแทบจะต้อง ใช้จินตนาการรับชม หากเป็นความตั้งใจของการออกแบบงานสร้างเพื่อเรียกร้องจินตนาการก็ถือว่าจัดเต็มได้ดี แต่ผู้เขียนเคยได้ยินมาว่าการที่ฉาก Cg นั่นต้อง อยู่ในสภาพมืดเพื่อป้องกันเห็นรอยแผลจากงานสร้างที่ทำหน้าที่ไม่ได้เต็มประสิทธิภาพมากนัก

สรุป pacific rim

รีวิวหนังดัง ปัญหาอีกประการที่ผู้เขียนรู้สึกตะหงิดใจตลอดเวลาการรับชมคือ ขณะที่ ราลีห์ เบ็กเก็ตต์ กับ มาโกะ โมริ เข้าคู่แท็คทีมบังคับหุ่นกันในช่วงสำคัญของเรื่อง หรือแทบจะตลอดเรื่อง ทำไมเราไม่เห็นการบังคับหุ่นของมาโกะ ที่มากพอ เห็นแค่เฉพาะตัว ราลีห์ สั่งการเท่านั้น นี่คือความต้องการที่เราจะเห็นแต่เราไม่ได้รับการตอบสนองที่เพียงพอ จนเสมือนว่ามาโกะไม่ได้ถ่ายทำฉากเหล่านั้นด้วยซ้ำไป นี่ทำให้เรารู้สึกเสมอว่ามันมีรายละเอียดงานสร้าง ๆ ที่ขาด ๆ เกิน ๆ เสมอในภาพยนตร์เรื่องนี้

ผู้เขียนให้ความสำคัญจับผิดละเล็กละน้อยเพราะฉากเหล่านั้นที่กล่าวไปคือหัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้จริง ๆ เพราะอย่างที่แซ่ซ้องไปแล้วว่า เรื่องราวหรือบทของภาพยนตร์ไม่มีส่วนใดให้น่าติดตามหรือดึงดูดความสนใจกระทั่งเก็บมาเขียนต่อ ได้ยาว ๆ เลย จะมีความน่าสนใจในส่วนเรื่องของการแชร์ความทรงจำร่วมกันในการบังคับหุ่นซึ่งเราเห็นว่าภาพยนตร์ใช้เวลาเน้นน้ำหนักไปกับตัวมาโกะมากมาย ในความทรงจำยามเด็กซึ่งเป็นการสร้างความน่าสนใจของภูมิหลังของเธอ แต่หาใช่เพื่อทำให้เธอเรียนรู้ที่จะผ่านไปหรือไม่ แต่อย่างใดเพราะ ต้องการเพิ่มน้ำหนักให้กับความเป็นคนดีของผู้การสแตร๊คเกอร์ (ไอดริส เอลบา) เสียมากกว่านั่นเอง

ตรงดิ่งสู่เป้าหมาย

อีกส่วนที่ขอกล่าวถึงคือการดำเนินเรื่อง และ ความสำคัญของเรื่องราว ผู้ชมถูกรับรู้ว่ามีการบุกรุกของตัวไคจู ซึ่งแน่นอนเป้าหมายคือการกำจัด และ การกำจัดคือเป้าหมายแรกตั้งแต่ต้นยันจบเรื่อง แล้ว หนังก็ให้น้ำหนักเทไปตั้นแต้ต้นเรื่องเลย ซึ่งทำให้ผู้ชมคาดเดา แล้ว โฟกัสไปถึงที่หมายได้รวดเร็วตั้งแต่ต้น แต่ด้วยระยะเวลาที่ยาวนาน ทำให้ฉากแอคชั่น ต้องแบกหนังไว้ทั้งเรื่องเพราะเนื้อเรื่องมันเป็นสิ่งตรงดิ่งเส้นเดียวคือต้อง กำจัดไคจูสถานเดียว ไม่ได้ลัดเลาะเลียบทางด่วนหรือที่เรียกว่าชั้นเชิงไปยังจุดหมายอื่นใด อาจมีบ้างตรงที่ขายความตลกของ ชาร์ลี เดย์,เบิร์น กอร์แมน และ รอน เพิร์ลแมน ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนผ่อนคลาย ต่อเส้นเรื่องหลักได้เป็นอย่างมาก เพราะเส้นเรื่องมันเดินตรงแข็งทื่อจนขาดชั้นเชิงมากไป และ เชื่อว่าถ้าหนังขาดตัวละครทั้งสามนี่ไปมีสิทธ์ที่จะ ต้องลาหลับกันได้เลยทีเดียว

ผู้การเหมือนใคร ?

ประเด็นสุดท้ายที่กล่าวถึงคือเรื่องความยิ่งใหญ่ของการทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมที่เป็นแก่นหลักขอหนังจนถึงฉากสำคัญสุดท้ายซึ่งหนังเน้นย้ำโดยใช้ผู้การสแต๊คเกอร์เป็นแกนนำ ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ถูกถ่ายทอดด้วยความยิ่งใหญ่ในฐานะผู้ผลิตหนังส่งออกอย่างฮอลลีวู้ดอีกครั้ง ตัวละครตัวนี้เป็นภาพสะท้อนถึงคุณงามความดีตั้งแต่ฉากแรกจนฉากสุดท้ายที่ทำเพื่อโลกหรือชาติด้วยความเสียสละเป็นจุดศูนย์รวมอย่างยิ่งใหญ่ที่สำคัญมีฉากการกล่าวสุนทรพจน์ย่อม ๆ ต่อคนงานสหประชาชาติเสียด้วย ทำให้อดคิดไปไม่ได้เลยว่า ความหมายแฝงของผู้การสแต๊คเกอร์นั่นคล้ายคลึงกับใครที่มากกว่าเพียงแค่สีผิวเท่านั้น

เร้าอารมณ์ไม่ดีพอ

และ ปัญหาสำคัญของเรื่องนี้คือใช้การทำหน้าที่แบบ Complimentary ได้ไม่สมประกอบนั่นคือชักจูงด้วยองค์ประกอบทางภาพยนตร์เพื่อแสดงอารมณ์ให้เรถึงที่สุดได้ไม่เพียงพอซึ่งผู้เขียนคิดว่ายังทำหน้าที่ได้ย่ำแย่กว่า Transformer ด้วยซ้ำไป มันทำให้ในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานที่เรา ต้องยินดี ต่อความสำเร็จหรือโศกเศร้า ต่อความเสียใจไปไม่ถึงคุณภาพของหนังระดับนี้เลย จนขนาดถึงขั้นเข็นลากชักจูงเราไปมากกว่าให้เรารู้สึกสมยอมแต่โดยดี ดูหนังออนไลน์

ทั้งหมดที่กล่าวมาทำให้เห็นว่าภาพยนตร์ Pacific Rim ให้ความสำคัญการฉากแอคชั่น และ กระบวนการผลิตหุ่น และ งานด้านคอมพิวเตอร์ เป็นสำคัญซึ่งทำได้ในระดับที่เกินหน้าเกินตาเพียงแต่มันไม่ได้ช่วยหรือไปพร้อมกับส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ควรเป็น และ ถึงแม้หนัง กิลเลอร์โม่ เดอโทโร่ จะทิ้งประเด็นเรื่องหุ่นอนาล็อก กับหุ่นดิจิ ตอลไว้น่าคิด นั่นคือแค่ไฟดับลงความดิจิตอล ก็แทบมลาย ต่างจากเครื่องใช้อนาล็อกที่พร้อมใช้ตลอดเวลาไม่ว่าจะผ่านไปนานเพียงไร ซึ่งเป็นประเด็นร่วมสมัยที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางอีกนานเท่านาน

ถ่ายทำ
การถ่ายทำเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 และ ดำเนินต่อ ไปในโตรอนโตจนถึงเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เดล โทโรให้ข้อมูลอัปเดตหลังจากสัปดาห์ที่สองของการถ่ายทำเสร็จสิ้น ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกว่าSilent Seas และ Still Seasในระหว่างการผลิต

del Toro ไม่เคยยิงฟิล์มในเวลาน้อยกว่า 115 วัน แต่มีเพียง 103 ในการถ่ายภาพPacific Rim เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ เดล โทโรจึงกำหนดหน่วยเสี้ยนที่เขาสั่งได้ตั้งแต่เช้า ก่อนหน่วยหลัก และ ในวันหยุดของเขา ผู้กำกับทำงาน 17 ถึง 18 ชั่วโมงต่อวัน เจ็ดวันต่อสัปดาห์ สำหรับตารางส่วนใหญ่ เดล โทโรใช้แนวทางใหม่ในการกำกับนักแสดง อนุญาตให้เคลื่อนไหว “หลวม” และ ด้นสด ผู้กำกับยังคงควบคุมการผลิต อย่างเข้มงวด: “ทุกอย่าง 100% จะผ่านฉันไปไม่ช้าก็เร็ว ฉันไม่ได้มอบหมายอะไร บางคนชอบมัน บางคนไม่ชอบ แต่ต้องทำแบบนั้น”

+++++++++++++++++++++++++++++++

Pacific Rim ได้พยายามสร้างภาพจินตนาการขึ้นอีกครั้งให้เด่นชัดขึ้นมาในสิ่งที่เรียกว่าภาพยนตร์ แต่บางครั้งภาพยนตร์ก็ต่างจากจินตนาการ เพราะภาพยนตร์ได้สร้างภาพขึ้นให้จินตนาการมีตัวตนดั่งความจริง ซึ่งใช้ได้เพียงบางเรื่องราว และ โอกาส เท่านั้น เพราะบางครั้งจินตนาการก็มีมนต์ขลังสุดเสน่ห์ ซึ่งภาพของเครื่องจักรไม่สามารถเนรมิต และ ดัดแปลงได้เลย ดูหนัง

รีวิว Godzilla vs Kong

รีวิว Godzilla vs Kong

รีวิว Godzilla vs Kong

 

รีวิวหนังดัง หากจะพูดถึงหนังสัตว์ประหลาดถล่มโลกหนังมอนเตอร์นั้น ก็อตซิล่านั้นเป็นหนึ่งในนั้น เป็นมอนเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ โดยใน Godzilla: King of the Monsters นั้นเราจะได้เห็นการต่อสู้ของบรรดาเจ้าสัตว์ยักษ์จนบ้านเมืองพังถล่มทลาย และ ท้ายที่สุด Godzilla ได้รับการอนุเคราะห์ังจาก Mothraื จึงสามารถเอาชนะ Ghidorah อสูรกายจากต่างดาวลงได้ จนในท้ายที่สุด ก็ได้ขึ้นเป็นราชันย์ ปกครองเหล่าอสูรยักษ์ทั้งมวล แล้วเจ้า Godzilla ก็กลับไปอยู่ในที่ ๆ ควรอยู่

ในช่วงแรกที่เราได้ยินข่าวของหนังภาคต่อว่า Kong ขวัญใจชาวอเมริกา จะมาต่อสู้กับเจ้า Godzilla ขวัญใจชาวญี่ปุ่น ทุกคนก็ตื่นตาตื่นใจ แล้วตั้งคำถามว่า เจ้า Kong นั้นจะสู้ได้หรือไม่ เพราะขนาดของตัวนั้นต่างกันเหลือเกิน แต่เมื่อเราได้เห็นตัวอย่างก็เห็นว่า Kong กลับมีร่างกายใหญ่โตที่สูสีกัน แถมยังมีอาวุธเป็นขวานหน้าตาประหลาด แถมยังต่อย Godzilla หน้าหงายอีกด้วย

ทั้งนี้ เราอาจจะได้รู้เสียทีว่าใครกันแน่คือราชันย์แห่งสัตว์ยักษ์ซึ่งเรื่องราวจะเป็นอย่างไร และ ความสนุกจะสะใจสมการรอคอยหรือไม่ วันนี้ทา Super Review Channel จะมาขอรีวิวแบบไม่มีสปอยกันครับ

รีวิว Godzilla vs Kong

รีวิวหนังดัง เรื่องย่อของ Godzilla vs. Kong ว่าด้วยเรื่องราวที่อยู่ดี ๆ ก็อดซิลล่าก็โจมตีโรงงานของ Apex บริษัทชี้นนำด้านเทโนโลยี วิศวพันธุกรรม และ นวัตกรรมล้ำหน้า ทำให้ เจ้าของบริษัทต้องไปหานักวิทยาศาสตร์ เพื่อหาทางหยุดยั้งเจ้า Godzilla ไม่ให้ทำลายโลกนี้เป็นทางไปก่อน

นักวิทยาศาสตร์สุดหล่อก็เกิดไอเดียว่าต้องพา Kong ไปกลับไปยังโลกโบราณที่อยู่ใกล้กับแกนโลก เพื่อผลบางอย่าง แต่ในระหว่างที่พา Kong เดินทางทางเรือ เจ้า Godzilla ก็เข้าโจมตีขบวนเรือทันที และ นี่ก็เป็นยกที่ 1 ของการต่อสู้กันระหว่าง Godzilla vs. Kong นึกว่ายังมีอย่างนี้อีกหลายยก ซึ่งใครจะเป็นฝ่ายชนะ ใครจะเป็นเจ้าแห่ง Monster ขอให้ทุกท่านไปติดตามชมในโรงภาพยนตร์เองได้เลยครับ

รีวิว Godzilla vs Kong

หากใครเป็นแฟนหนังสัตว์ยักษ์ต่อสู้กัน MonsterVerse ก็คงจะเข้าใจธรรมชาติของหนังแนวนี้ดีคือ หนังเน้นไปที่การต่อสู้กัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดกับมนุษย์ หรือว่าสัปปะหลาดกับสัปหลาดด้วยกันเอง

แน่นอนว่าบ้านเมืองจะต้องพังถล่มทลาย ด้วยกันทั้งสิ้น และ ความสนุกมันก็มีอยู่แค่นั้น อย่าไปคาดหวังกับเนื้อเรื่องหรือความสมเหตุสมผลอะไรเลย หากเราไปใส่ใจกับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้ดูหนังแล้วไม่สนุกได้

ซึ่งใน Godzilla vs. Kong บอกเลยว่าราชาแห่งสัตว์ประหลาดยักษ์ทั้งสองนี้สู้กันมันส์หยด เรียกได้ว่าแลกกันหมัดต่อหมัด และ มันก็ค่อยทวีคูณความมันสะใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเราดูตัวอย่างที่ Godzilla vs. Kong เอาออกมาสายนั้นมันยังไม่พอ มันยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกเยอะ ดูหนังออนไลน์

และ ยิ่งช่วงไคลแมกซ์ของเรื่อง ที่มีการเฉลยตัวละครปริศนาออกมาด้วย เรียกได้ว่ามันหยดติ๋งนั่งหลังไม่ติดเบาะ แถมยังมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นออกมาให้อีกด้วย จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร มีความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากน้อยแค่ไหน ต้องไปชมเอาเอง

เชื่อว่าคำถามคาใจหลายคน ที่ตั้งคำถามกับการต่อสู้กันของ Godzilla vs. Kong ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นราชาแห่งสัตว์ยักษ์ทั้งสองว่าใครจะ เป็นฝ่ายแพ้หรือชนะ หนังเรื่องนี้ในส่วนตัวของผมแล้วถือว่ามีคำตอบ แต่คำตอบนี้จะถูกใจใครหลายคนหรือเปล่านั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครชอบใคร แต่ถ้าใครชอบทั้งคู่ก็ถือว่า Win Win ดูแล้วมีความสุข

รีวิว Godzilla vs Kong

แต่ขอแอบบอกหน่อยว่า Kong โตขึ้น และ เก่งขึ้น แถมยังมีขวานสายฟ้าที่เป็นสุดยอดไอเทมด้วยแล้ว บอกเลยว่าใครจะสู้ได้ ส่วนเจ้า Godzilla ที่มีพลังในการยิงลำแสงที่มีพลังมหาศาลสีฟ้า นี่ก็อึดมาก

ฉากซักนั้นเรียกได้ว่านัวเนีย ความเก่งกาจนั้นเรียกได้ว่าสมศักดิ์ศรี ไม่มีใครยอมใครไม่มีใครก็หัวให้ใคร หนังทำให้เราเห็นฉากแบบกลางวัน ท้องฟ้าสว่าง เห็นการต่อสู้แบบจะ ๆ แต่ความนัวเนียในข้างต้นที่กล่าวไปนะ ผมมองว่าทั้ง 2 ตัว สู้กันแบบมีอารยะ ไม่ได้บ้าบิ่นแบบสัตว์ประหลาดไร้สติ เรียกว่าดีงาม การสู้แต่ละครั้งก็สร้างความประทับใจให้กับคนอื่น ไม่ว่าคุณจะอยู่ฝั่ง Godzilla หรือ Kong คุณก็เชียร์ได้สนุกไม่แพ้กัน ดูหนัง

ถ้าใครตั้งใจมาชมฉากแอ็คชั่น ฉากการต่อสู้แบบบ้านเมืองพังถล่มทลาย เรียกได้ว่าไม่มีทางผิดหวังแน่นอน โดยเฉพาะการชื่อในช่วงท้าย ห้ามกระพริบตาเด็ดขาด

สรุป Godzilla vs Kong

รีวิวหนังดัง ส่วนเรื่องคนในภาคนี้ผมก็ว่าทำได้ดี คนในที่นี้หมายถึงคนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ เขาไม่ได้ใส่มามากจนน่ารำคาญ หากย้อนกลับไปใน Godzilla: King of the Monsters เราจะเห็นได้ว่าผู้คนมีความวุ่นวายมาก ในขณะที่เจ้าสัตว์ยักษ์ต่อสู้กัน คนก็ไปเพ่นพ่าน ขับรถวิ่งลอดแข้งลอดขา ตัดสลับฉากไปมาระหว่างคนกับสัตว์ประหลาด ดูแล้วน่าปวดหัว

แต่ใน Godzilla vs. Kong ทำได้ดี เวลาที่เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์ต่อสู้กันคนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งยาก เราจะได้เห็นสัตว์ประหลาดต่อสู้กันแบบเต็ม ๆ ไม่มีอะไรขัดจังหวะ ส่วนคนก็เป็นตัวเสริมได้อย่างดี หากจะเทียบกับ MonsterVerse ในภาคก่อน ๆ แล้ว Godzilla vs. Kong จัดระเบียบจัดความสำคัญของคนไว้ได้ดี ซึ่งในเรื่องนี้ พระเอกของเรื่องจริง ๆ ก็คือ เจ้าสัตว์ประหลาดยักษ์นั่นแหละ

แต่จะว่าคนไม่สำคัญก็ไม่ได้ เพราะคนเข้าไปช่วยเจ้าสัตว์ประหลาดได้ถูกที่ ถูกเวลา และ ถูกจังหวะ โดยเฉพาะ เจีย น้องผู้หญิงที่หน้าตาออกไปทางเอเชีย ซึ่งในตัวอย่างทำให้เราเห็นว่าเธอมีความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งทางใจกับเจ้า Kong น้องคนนี้ มีความสำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะการแสดงของเธอนั้นยอดเยี่ยม โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าเธอโดดเด่นมากที่สุดในหนังเลยก็ว่าได้ บทที่เธอจะเรียกน้ำตาคนดูก็ทำได้ดี ดูหนังออนไลน์

ในส่วนตัวแล้วผมชอบโลกใต้ดิน ที่เจ้า kong พาพวกเราลงไปมาก ดูแล้วก็อดคิดถึงหนังเรื่อง Journey to the Center of the Earth ดิ่งทะลุสะดือโลก ไม่ได้แต่ Godzilla vs. Kong ทำได้สวยกว่า และ อีกจุดหนึ่งก็คือในหลาย ๆ ฉาก เช่นแสงไฟ หรือบางสิ่งบางอย่าง ที่ไม่สามารถบอกได้ในที่นี้ หรือการต่อสู้ในเมือง ก็ทำให้คิดถึงหนัง Pacific Rim

อย่างไรก็ตามหนังมีประมาณ 3-4 จุดที่ดูแล้วผมมีความรู้สึกเบื่อ มีความยืดมากเกินไป เล่าเรื่องยานเกินไป อีกจุดหนึ่งที่รู้สึกว่ามันไม่เต็มอิ่มก็คือ เหล่าบรรดาสัตว์ประหลาดยักษ์ที่อยู่ในใจกลางโลกนั้นเห็นน้อยเกินไป เธอเข้าใจได้ว่าเขาต้องการจะมาโฟกัสที่ Godzilla กับ Kong มากกว่า ตัวละครหลายตัวก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความจำเป็น ตัดทิ้งไปบ้างก็ได้เพราะเสียเวลาไปเล่าเรื่องถึง

ส่วนเรื่องทั้งหมด หากใครดูหนังใน monsterverse แบบเก็บครบตั้งแต่ Godzilla (2014), Kong: Skull Island (2017) และ Godzilla: King of the Monsters (2019) ผมว่าน่าจะดูสนุกมากขึ้น เพราะผู้กำกับใน Godzilla vs. Kong เขาได้นำประเด็นสำคัญของทุกภาคมาเป็นรายละเอียดสำคัญได้ดี

กล่าวโดยสรุป Godzilla vs. Kong เป็นภาพยนตร์การต่อสู้ของราชาแห่งสัตว์ยักษ์ มีความตระการตาในด้านฉากการต่อสู้ ความสวยงามด้านภาพ ความประทับใจในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ยักษ์ ที่ดีงาม โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบภาคนี้สนุกมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา 7.5/10 ดูหนัง

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิวหนังดัง สวัสดีครับนี้คือการกลับมาของราชาสัตว์ประหลาดผู้ยิ่งใหญ่ นั้นก็คือเจ้า Godzilla และดูแล้วท่าทางจะประตูบานใหญ่ที่ตั้งใจเปิดออกสู่ “Monsterverse” ดูจะมีวี่แววไม่ดีเสียแล้ว กับโปรเจกต์สำคัญของค่ายลีเจนดารี่ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ ที่คาดหวังจะมีจักรวาลเป็นของตัวเอง ด้วยการซื้อสัญญาร่วมกับโตโฮ ค่ายหนังใหญ่ของญี่ปุ่นที่เป็นเจ้าของตัวประหลาดยักษ์มากมายในจักรวาลก็อดซิลล่าของเขา ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ยุค 60s หลังจากปูทางมาตั้งแต่ Godzilla (2014)

ต่อเนื่องมาถึง Kong : Skull Island (2017) แล้วก็ถือโอกาสเปิดตัวเต็ม ๆ ว่านี่คือการเปิดจักรวาลสัตว์ประหลาดยักษ์ ด้วยการดึงเหล่าตัวประหลาดยักษ์ของโตโฮมาโชว์โฉมกันเพียบทั้งก็อดซิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า และ โรดัน แถมยังมีอีกหลายตัวที่มาเดินโชว์โฉมแต่ไม่ได้มีการแนะนำชื่อเสียงเรียงนามให้ได้รู้จัก เว็บดูหนัง

รีวิว Godzilla King of the Monsters

รีวิวหนังดัง หนังสานต่อเรื่องราวจาก Godzilla (2014) ตามช่วงเวลาจริง หนังเว้นห่างกัน 5 ปี เหตุการณ์ในหนังก็ห่างกัน 5 ปี หลังจากการปรากฏตัวของ ก็อดซิลล่า วิทยาการขององค์กรโมนาร์ชก็พัฒนาขึ้น สามารถค้นเจออสูรยักษ์ที่หลบซ่อนอยู่ตามมุมต่าง ๆ ของโลกได้ถึง 17 ตัว และ ภายในช่วง 5 ปีนี่ ดร.เอ็มม่า ก็สามารถพัฒนาอุปกรณ์ที่สามารถสร้างคลื่นความถี่ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับอสูรยักษ์ได้

เรียกอุปกรณ์นี้ว่า “ออการ์” ในระหว่างที่ใช้ออการ์สื่อสารกับม็อธร่า โจนาห์ อลัน หัวหน้ากลุ่มผู้ก่อการร้ายก็มาชิงออการ์ และ จับตัว ดร.เอ็มมา กับเมดิสัน ลูกสาวไป และ ใช้ออการ์ในการปลุกอสูรยักษ์ทั่วโลก ทำให้ก็อดซิลล่าต้องลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อกำราบเหล่าอสูรยักษ์ทั่วโลก และ หนึ่งในนั้นคือ คิงกิโดร่า มังกร 3 หัว คู่ปรับตลอดกาลของก็อดซิลล่า ที่รอบนี้เล่นเอาพี่ก็อดเกือบแย่อยู่หลายครั้ง

หลังจาก Godzilla (2014)ออกฉาย ก็มีเสียงบ่นจากผู้ชมว่าได้เห็นตัวก็อดซิลล่าน้อยเกินไปไม่จุใจเลย ทางค่ายก็รับฟังเสียงจากผู้ชม มาถึง Godzilla: King of the Monsters ก็เลยจัดให้แบบสะใจกันไปเลย หนังปูเรื่องเพียงแค่ 10 นาที บรรดาอสูรยักษ์ก็ทยอยกันปรากฏตัว พี่ก็อดก็ออกมาพะบู๊กันตั้งแต่ต้นเรื่องไปเลย

ทำให้บรรยากาศของภาคนี้ดูห่างไกลจาก Godzilla (2014)ไปมาก แม้นี่คือหนังภาคต่อเนื่องกัน จากภาคที่แล้วเห็นก็อดซิลล่ากันแบบวับ ๆ แวม ๆ มืด ๆ ภาคนี้ก็เลยมายืนจังก้าให้เห็นกันเต็ม ๆ ไป เน้นขายเหล่าอสูรยักษ์ตีกันแบบจริงจัง แม้ว่าในเทรลเลอร์บอกว่าโมนาร์ชค้นพบอสูรยักษ์ทั่วโลก 17 ตัว แต่ก็มีบทบาทจริง ๆ แค่ 4 ตัวหลักคือ ก็อดซิลล่า , คิงกิโดราห์ , ม็อธร่า และ โรดัน เท่านั้น ที่เหลือก็เดินผ่านกล้องให้เห็นแค่ 2-3 ฉาก

โทนหนังของภาคนี้น่าจะถูกใจผู้ชมในกลุ่มเด็กผู้ชาย ที่ชอบตัวประหลาดยักษ์เสียมากกว่า เพราะบรรยากาศหนังออกไปแนวอุลตร้าแมนมาก จากภาคก่อน ๆ ที่วางบทบาทของก็อดซิลล่าให้เป็นสัตว์ประหลาดยักษ์ยุคดึกดำบรรพ์ซุกตัวอยู่ใต้ทะเลลึก เพื่อหนีห่างจากมนุษย์โลก ดูหนัง

รีวิว Godzilla King of the Monsters

ตัวก็อดซิลล่ายังมีความลึกลับน่ากลัวให้สัมผัสได้ ในโทนที่ใกล้เคียงกับบรรดาไดโนเสาร์ในแฟรนไชส์ Jurassic Park ทุกครั้งที่แนะนำไดโนเสาร์พันธุ์ใหม่ ก็ต้องลุ้นกับภาพลักษณ์ และ พิษสงของมัน แต่กับบรรดาอสูรยักษ์ใน Godzilla: King of the Monsters กลับไม่มีความลึกลับน่ากลัวเหลือให้สัมผัสเลย

แต่ละตัวเหมือนสัตว์ประหลาดในหนังอุลตร้าแมนที่ออกมาตบตีกันตุ้บตั้บ แล้วมีท่าไม้ตายด้วยการปล่อยแสง เป็นภาคที่พาเหล่าอสูรยักษ์ยกระดับไปไกลจนไม่คงความเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ให้เห็นอีกต่อไป ฉากที่บรรดาอสูรยักษ์ตีกันก็พอบันเทิงดี ชอบที่สุดคือฉากโรดันต่อสู้กับเครื่องบินรบเป็นฉากที่ยาว และ สนุกแม้จะทำใจไว้แล้วว่านี่คือหนังสัตว์ประหลาดที่สร้างโดยฮอลลีวู้ด ต้องปล่อยวางเรื่องตรรกะความเป็นจริงให้มากที่สุด

แต่ในรายละเอียดของหนังเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละคร ความคิดการตัดสินใจของตัวละคร ที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ก็ช่างดูไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดต้องชี้นิ้วไปที่คนเดียวคือ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับที่เหมาหน้าที่เขียนบทเองด้วย กับการเพิ่มตัวละครบุคคลเข้าไปอีกมากในหนังที่มีอสูรยักษ์วิ่งกันเต็มจอไปหมดแบบนี้ ตัวละครมนุษย์หลาย ๆ ตัวก็ดูใส่เข้ามาให้เกินความจำเป็น

แต่ว่าภาคนี้ดึงตัวละครจากภาคที่แล้วมาเกือบครบ แล้วยังเพิ่มตัวละครใหม่ ๆ เข้าไปทั้ง จางซิยี่ , โอเชียร์ แจ็คสัน และ ชาร์ล แดนซ์ ที่แต่ละคนก็เล่นกันด้วยอารมณ์หน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนกันหมด พอเพิ่มเรื่องราวของฝั่งมนุษย์ก็เลยกลายเป็นความกังวลที่จะต้องแบ่งน้ำหนักเฉลี่ยมาให้บรรดาตัวละครมนุษย์

โดยเฉพาะฉากดราม่าที่ไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วมเลยแม้เพียงนิด ฉากการเสียสละชีวิตของตัวละครหลักก็ใส่เข้ามาตามสูตรสำเร็จในหนัง ตามธรรมเนียมหนังภัยพิบัติ ฉากดราม่าพ่อแม่ลูกก็เช่นกันตามสูตรเป๊ะที่จะต้องเห็นอกเห็นใจกันท่ามกลางภัยพิบัติ บทเมดิสัน ของมิลลี่ บ็อบบี้ บราวน์ ยังคงเอกลักษณ์ของตัวละครเด็กสาวในหนังภัยพิบัติที่เป็นตัวสร้างภาระความวุ่นวายในหนังประเภทนี้ กรี๊ด กรี๊ด

สรุป Godzilla King of the Monsters

รีวิวหนังดัง สำหรับหนังในแนวนี้ที่ชื่อเรื่องยังสปอยล์ให้คนดูรู้ผลลัพธ์กันตั้งแต่ชื่อเรื่องว่าใครคือผู้ชนะ ฉะนั้นบทภาพยนตร์คือสิ่งสำคัญอันดับหนึ่ง ว่าจะเล่าเรื่องราวที่คนดูรู้บทลงเอยอยู่แล้ว ให้สนุก ชวนลุ้น น่าติดตามได้อย่างไร ก็ต้องถือว่า ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ยังไม่ใช่ผู้กำกับที่เหมาะสมกับหนัง 200 ล้านเรื่องนี้ และ เป็นตัวอย่างด้านลบต่อกระแสความนิยมของค่ายหนังในช่วง 10 – 20 ปีหลังมานี่ ที่ชอบดึงผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จจากหนังเทศกาล หนังฟอร์มเล็กแล้วได้เงิน ให้มากำกับหนังทุนสูงระดับบล็อคบัสเตอร์ ซึ่งหลาย ๆ คนก็ประสบความสำเร็จ

รีวิว Godzilla King of the Monsters

ชวนให้ชื่นชมผู้บริหารค่ายที่มีสายตาเฉียบคม และ กล้าเสี่ยง ได้ผู้กำกับมือใหม่ไฟแรงมีวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ โดยไม่ต้องไปจ่ายผู้กำกับมือเก๋าค่าตัวแพง ๆ ยกตัวอย่างให้เห็นอย่าง สก็อตต์ เดริคสัน จาก sinnister ก็ไปกำกับ doctor Strange , เจมส์ วาน จาก The Conjuring ก็ได้ไปกำกับ Fast 7 , ไรอัน จอห์นสัน จาก Looper ก็ได้ไปกำกับโคตรหนังอย่าง Star Wars: Episode VIII – The Last Jedi หรือแม้ แต่ แกเร็ธ เอ็ดเวิร์ดจาก Godzilla (2014) ก็มาจากหนังสายรางวัล Monster (2010) แต่กับ ไมเคิล โดเฮอร์ตี้ ผู้กำกับเรื่องนี้ เคยมีผลงานมาแค่ Krampus ,trick ‘r Treat เป็นหนังที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้ และ รางวัล แต่ทางค่ายก็โยนโปรเจกต์ระดับ 200 ล้านให้ทำ ผลก็ออกมาแบบนี้ล่ะครับ เว็บหนัง

Godzilla: King of the Monsters เหมาะจูงลูกจูงหลานเข้าไปดูสัตว์ประหลาดยักษ์ตีกัน 2 ชั่วโมงกว่า ๆ ห้ามคาดหวังความสมเหตุสมผลของเนื้อหา อย่าคิดตามการตัดสินใจของตัวละคร ดูโรงธรรมดาก็พอ ไม่ต้อง 3 มิติ ไม่ได้เพิ่มอรรถรสใด ๆ ให้กับหนังเลย หนังมีฉากหลังเครดิต 1 ตัว ปูทางไป Godzilla vs. Kong ที่วางกำหนดฉายไว้ปีหน้า ถ้าเรื่องนี้ได้ตังค์อ่ะนะ

จุดเด่น

– บทไร้ซึ่งความสมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง
– บรรดาอสูรยักษ์พากันหลุดโลกกลายเป็นสัตว์ประหลาดปล่อยแสงกันไปหมด
– ไม่สามารถบาลานซ์บทส่วนมนุษย์ และ อสูรยักษ์ได้
– ดราม่าในหนังดูพยายามยัดเยียดจนเกินไป

จุดสังเกต

– หนังน่าจะถูกใจคนดูรุ่นเยาว์ ได้มาดูสัตว์ประหลาดตีกันอย่างจุใจ