Tag Archives: ดูหนังออนไลน์ฟรีไม่กระตุก

รีวิว The Avengers 1

รีวิว The Avengers 1

รีวิว The Avengers 1

หนังไทยย้อนยุค สวัสดีครับวันนี้แอดมินจะมารีวิวหนังฮีโร่มาเวล อเวนเจอร์ การรวมตัวของเหล่าฮีโร่ ที่จะต้องปกป้องโลกจากภัยร้าย หลังจากที่ได้ห่างเหินกันไปหลายปีวันนี้จึงขอนำพาเพื่อน ๆ ย้อนกลับมาชมกันกับทีม The Avengers ภาคแรกกันครับ มาดูกันว่าก่อนที่พวกเขาจะมาเป็นทีม The Avengers ที่สามัคคี และ สู้ด้วยกันอย่างเข้าขา พวกเขาเป็นอย่างไร เมื่อถูกโลกิบุกเข้ามาตอนแรก ไม่สามารถอดทนรอไปนานกว่านี้ได้แล้ว หลังจาก ‘The Avengers’ เข้าฉายในประเทศไทยวันแรกเป็นวันแรงงานแห่งชาติ วันหยุดของหลาย ๆ คน ทำให้ทุกคนเฮโลกันเข้าโรงหนังแล้วออกมาทวีตกันเป็นทิวแถว ในที่สุดก็ต้องไปดูในโรงด้วยตัวเองให้ได้ …ในวันนี้ เว็บดูหนัง

รีวิว The Avengers 1

รีวิวหนังดัง The Avengers (ดิ อเวนเจอร์ส) เป็นภาพยนตร์ของค่าย มาร์เวล สตูดิโอ ที่รวมเอาเหล่าฮีโร่ทั้งหลายร่วมมือกันปราบโลกิ และ กองทัพจากต่างมิติ ที่ผ่านประตูมิติเข้ามา โดยมี ไอรอนแมน, กัปตัน อเมริกา, ทอร์, ฮัคล์, ฮอว์คอาย และ แบล็ควิโดว์ ซึ่งเป็นหนังที่ออกฉายในปี 2012 ที่กำกับโดย จอสส์ วีดอน แสดงนำโดย รอเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, คริส เฮมสวอร์ธ, คริส อีแวนส์, สการ์เลต โจแฮนส์สัน, มาร์ค รัฟฟาโล, ทอม ฮิตเดิ้ลสตัน และ ซามูเอล แอล. แจ็กส์สัน

รีวิว The Avengers 1

เมื่อศัตรูที่ไม่คาดคิดได้คุกคามความมั่นคง และ ความปลอดภัยของโลกใบนี้ นิค ฟิวรี่ ผู้อำนวยการหน่วยรักษาความสงบ และ สันติระหว่างประเทศหรือที่รู้จักกันในชื่อ หน่วยชีลด์ จึงต้องรวมพลเหล่าซูเปอร์ฮีโร่เพื่อที่จะมาปกป้องโลกให้พ้นจากหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น การรวมตัวครั้งสำคัญของสุดยอดวีรบุรุษได้เริ่มต้นขึ้น โดย นิค สามารถรวบรวมได้ทั้ง โทนี่ สตาร์ค หรือ ไอรอน แมน, สตีฟ โรเจอร์ส หรือ กัปตัน อเมริกา, คลินต์ บาร์ตัน หรือ ฮอร์คอาย, บรูซ แบนเนอร์ หรือ ฮัลค์, นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว์ และ ธอร์ มาร่วมเป็นหนึ่งทีมเฉพาะกิจที่ยิ่งใหญ่ เพื่อยับยั้งเหล่าร้ายที่มี โลกิ เทพผู้น้องของ ธอร์ เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เว็บดูหนัง

ซึ่งหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องโดยที่โลกิ และ กองทัพจากต่างมิติเข้ามาบุกโลก หน่วยซีลด์ และ ทอร์จึงต้องออกมาปกป้องโลก เป็นหนังที่มีเนื้อเรื่องที่เข้มข้นแต่ก็ไม่ซับซ้อนดูเข้าใจได้ง่าย ด้วยการเผยเป้าหมายของโลกิตั้งแต่แรก แต่ที่ทำให้สนุกคือเรื่องราวของหนัง และ อุปสรรคที่เหล่าฮีโร่ต้องเจอว่าจะหยุดโลกิได้อย่างไร และ มีพล็อตเรื่องเริ่มต้นขึ้นมาด้วยความเรียบง่าย พบกับความสุข ได้รับชัยชนะ แล้วก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้ ความเศร้า ก่อนที่จะต้องเจอกับอุปสรรคจริง ๆ ที่ต้องฝ่าฟัน สำหรับฉากต่อสู้นั้นทำได้ยิ่งใหญ่อลังการมาก การสู้กันก็สุดมัน และ ดุเดือด แต่ก็ไม่ถึงกับเครียด ดูแล้วสนุก มีมุขฮา ๆ ออกจากปากตัวละครให้ได้คลายความตึงเครียดเป็นระยะ ๆ

สรุป The Avengers 1

รีวิวหนังดัง โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่สนุกมาก ๆ มีฉากประกอบที่ยิ่งใหญ่อลังการ และ การต่อสู้ที่สุดมันระทึกใจ และ ดุเดือด มีเนื้อหาที่เข้มข้น ดูแล้วสนุกไม่เครียด ที่ผมชอบมากที่สุดก็ฉากการต่อสู้นี่แหล่ะ ชอบที่เหล่าฮีโร่ซัดศัตรูกระจุยกระจาย ผมนี่ดูแทบไม่กระพริบตาเลย กลัวพลาดชอร์ตเด็ด ฮ่า ฮ่า และ โดยเฉพาะการเหาะ การขว้างค้อน และ ยิงสายฟ้าของทอร์ ต้องบอกเลยว่าความสนุก และ ความมันนี้ให้เต็ม 10+ ไปเลยครับ สำหรับหนังแอ็คชั่นแนวแฟนตาซีเรื่องนี้

รีวิว The Avengers 1

สำหรับข้อคิดดี ๆ ที่ได้จากหนังเรื่องนี้ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือความสามัคคี ซึ่งในตอนแรกเหล่าฮีโร่ถูกโลกิครอบงำจิตใจให้ทะเลาะกัน สุดท้ายต้องพ่ายแพ้ให้กับโลกิ และ ความปรารถนาในอำนาจ และ ความแค้นของโลกิ ที่สุดท้ายก็เป็นภัยแก่ตัวเอง

สำหรับผม เห็นว่าเขาเกลี่ยบทได้ดี พร้อมทั้งยังใส่มุขฮา ๆ เข้าไปมากพอที่จะทำให้คนดูอารมณ์ดีสลับกับการลุ้นในฉากต่อสู้ได้อย่างลงตัว สำหรับฉากแอ็คชั่นนั้นก็มีตั้งแต่เริ่มต้นไปจนท้ายเรื่อง ตัดสลับด้วยฉากดำเนินเรื่องเป็นช่วง ๆ เพียงแต่ช่วงท้าย เราจะได้ลุ้นกันมัน ๆ ยาว ๆ หน่อยเท่านั้นเอง ขณะที่งานด้านเทคนิคพิเศษเนียนดี เทคนิคภาพ 3 มิติในโรง RealD 3D ถือว่าโอเคแม้จะไม่มากมายนักก็ตาม ที่สำคัญคือ ควรดูฉากเพิ่มเติมหลังเครดิตชื่อนักแสดงด้วยนะ ก่อนจะออกจากโรง

หนังเรื่องนี้จึงเป็นหนังดีมาก ๆ อีกเรื่องหนึ่งที่มีความสนุก มันส์ ระทึกใจ ที่ฉากแต่ละฉากยิ่งใหญ่อลังการ และ การต่อสู้ที่ดุเดือด ที่อยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันครับ เว็บหนัง

ชื่อภาพยนตร์: The Avengers / ดิ เอเวนเจอร์ส
ผู้กำกับภาพยนตร์: Joss Whedon
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Zak Penn (story), Joss Whedon (story),
ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์:
นักแสดง: Chris Hemsworth, Robert Downey Jr., Chris Evans, Scarlett Johansson, Jeremy Renner, Tom Hiddleston, Mark Ruffalo, Samuel L. Jackson
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
ความยาว: 142 นาที
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Enterprises, Marvel Studios, Paramount Pictures
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 1 พฤษภาคม 2555

นักแสดงนำ

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รับบท โทนี่ สตาร์ก / ไอรอนแมน
คริส อีแวนส์ รับบท สตีฟ โรเจอร์ส / กัปตันอเมริกา
มาร์ค รัฟฟาโล รับบท ดร. บรูซ แบนเนอร์ / ฮัลค์
คริส เฮมส์เวิร์ธ รับบท ธอร์
สการ์เลตต์ โจแฮนสัน รับบท นาตาชา โรมานอฟฟ์ / แบล็กวิโดว์

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

รีวิว Captain America Civil War

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีครับวันนี้แอดมินเค มาแนะนำหนัง ซุปเปอร์ฮีโร่สุดคลาสสิค เรื่องกัปตันอเมริกา ภาค 3 ที่แอดมินชอบมากๆอีกเรื่องเลย ไม่ได้เขียนชื่อหนังผิดแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนดูมาแล้วก็จะเข้าใจว่า พล็อตของคำว่า Civil War นั้นมันคลุมตัวหนัง กัปตันอเมริกาภาค 3 ได้ชัดเจนกว่ามาก ๆ จริง ๆ จนสมควรเอาชื่อภาคขึ้นนำเลยล่ะ Civil War เป็นอีเว้นท์ฮีโร่แบ่งพวกแล้วซัดกันเองของมาร์เวล คอมมิค ซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากการที่รัฐบาลต้องการควบคุมสิทธิ์การใช้พลังที่อิสระเสรีของเหล่าฮีโร่เพื่อความปลอดภัย และ ตรวจสอบได้

โดยมีเหตุการณ์การเข้าจับกุมตัววายร้ายที่ผิดพลาดของฮีโร่วัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง จนทำให้เกิดเหตุระเบิดรุนแรง และ มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ส่งผลให้กัปตันอเมริกากับไอออนแมนต้องแตกหักกัน เพราะกัปตันฯต้องการรักษาความมีอิสระในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไว้ ในขณะที่ไอออนแมนต้องการให้ฮีโร่เป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับ และ ลดความเสี่ยงในการทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ลง

หนังจากการตีความบทใหม่โดย Christopher Markus และ Stephen McFeely สองมือเขียนบทที่ดูแลหนังกัปตันอเมริกามาแล้วตั้งแต่ภาคแรก และ ยิ่งนับวันยิ่งคม และ สนุกขึ้นเรื่อย ๆ พูดตรง ๆ ว่าภาคแรกนั้นน่าเบื่อเอามาก ๆ สำหรับผมนะ แต่พอมาภาคสองนี่ โห เข้มข้นแบบสร้างแนวทางหนังกัปตันฯให้แตกต่างชัดเจนจากหนังมาร์เวลเรื่องอื่น ๆ ไปเลย

รีวิว Captain America Civil War

เพราะจะมีความหม่น ๆ และ ดราม่าแบบการเมืองอยู่ในนั้นด้วย ซึ่งพอมาภาค 3 ทันทีที่ประกาศว่าจะเป็นซีวิล วอร์ นี่แบบคือเชื่อมือเลยว่า บทหนังน่าจะแข็งแรง และ กดดันความขัดแย้งในตัวละครได้ดีแน่ ๆ ซึ่งก็ดีจริง ๆ ดีมาก ๆ ในขณะที่เราดูหนังไปเราเห็นภาพสะท้อนสังคมโลกอยู่ในนั้นเลย โดยเฉพาะประเด็นหน้าที่ และ ขอบเขตอำนาจตำรวจโลกอย่างอเมริกาที่แสดงผ่านตัวกัปตันฯ และ ไอออนแมนนั่นล่ะ และ คำพูดตัวละครหลาย ๆ คำก็เสียดแทงสังคมมนุษย์จริง ๆ ด้วยเรียกว่ามีคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดด้วยนะ

และ ความดีงามผิดหูผิดตาในหนังกัปตันฯ สองภาคหลังนั้น อาจยังต้องยกความดีความชอบให้การกำกับของสองพี่น้อง Anthony Russo และ Joe Russo ที่เข้ามากุมบังเหียนนับตั้งแต่หนังภาคสอง วินเทอร์โซลเยอร์ ด้วย ตรงนี้ต้องชื่นชมแมวมองของมาร์เวลสตูดิโอจริง ๆ ที่เอาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาปลุกปั้นได้ถูกทุกทางจริง ๆ เชื่อว่าโลกเราจะได้ผู้กำกับ และ ทีมงานทำหนังสนุก ๆ ชั้นยอดที่เกิดจากค่ายนี้อีกหลายคนเลยทีเดียว

โดยไม่สปอยล์ คงพูดได้เพียงว่าหนังเอาหัวใจสำคัญจากคอมมิคชุดซีวิล วอร์ มาใช้ได้อย่างเหมาะสม ในแบบจักรวาลของหนังมาร์เวลที่มีทางของตัวเอง นั่นคือไม่เหมือนกับในคอมมิคแน่ ๆ นั่นทำให้เราดูหนังได้อย่างสนุกมาก ๆ เพราะไม่รู้เลยว่าจะเป็นอย่างไร เว็บหนัง

รีวิว Captain America Civil War

รีวิวหนังดัง โดยเนื้อเรื่องว่าด้วยความรู้สึกของตัวละครสองกลุ่ม และ ข้อขัดแย้งภายในจิตใจที่เกิดจากเหตุการณ์ผลกระทบในอดีต ทั้งความพินาศของเมืองต่าง ๆ ในการปฏิบัติการแต่ละครั้งของฮีโร่ โดยเฉพาะจากหนัง อเวนเจอร์ ภาคล่าสุดอย่าง เอจออฟอัลตรอน ที่ทำให้เมืองโซโคเวียไม่เหลือชิ้นดี ตรงนี้ก็เปิดช่องให้ขุมกำลังที่ชื่อสหประชาชาติ (ในฐานะตัวแทนมนุษยชาติในแง่มุมหนึ่งนะ) เข้ามาแสดงบทบาทในการทวงถามการตรวจสอบการทำงานของฮีโร่ด้วย

ผลกระทบของการปฏิบัติการโซโคเวียยังส่งผลมาหลายสายทางในหนังภาคนี้ โดยเฉพาะมากที่สุดกับโทนี่ สตาร์ก ที่เราจะเห็นความกลัวในใจของเขาในภาคเอจออฟอัลตรอนแล้วจากนิมิตที่เขาพบว่าตนเป็นต้นเหตุให้เพื่อน ๆ ตายกันหมด ความกลัวที่ตัวเขาจะสร้างผลกระทบกับคนที่รัก และ เหยื่อบริสุทธิ์นั้นถูกขยายอย่างมากในหนังภาคนี้ และ ทำให้โทนี่เป็นตัวละครที่เด่นไม่เป็นรองกัปตันอเมริกา ซึ่งถ้าดูให้ดีแล้วเขาคือตัวขับเคลื่อนเรื่องเสียด้วยซ้ำ

ตรงนี้พาดพิงแล้ว ขออวยหน่อย ป๋าโรเบิร์ต ดาวนี่ย์ จูเนียร์ ไม่ใช่แค่ไอออนแมนที่ขาดไม่ได้ในจักรวาลมาร์เวลเท่านั้น แต่ ณ จุดนี้ต้องบอกเลยว่า ป๋าแกคือองค์ประกอบที่สำคัญโคตร ๆ ในการทำให้หนังมาร์เวลเชื่อมโยง และ สนุกมาก ๆ ด้วยเคมีของแกที่เข้าโคตรดีกับตัวละครต่าง ๆ แม้แต่กับปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ หรือไอ้แมงมุม ที่มาปรากฏกายครั้งแรกในหนังเรื่องนี้

รีวิว Captain America Civil War

การรับส่งบทมุกต่าง ๆ กับเฮียแกนี่ ทำให้ซีนธรรมดา ๆ อย่างคุยกันกลายเป็นการเปิดตัวที่น่าจดจำของสไปดี้คนใหม่อย่าง ทอม ฮอลแลนด์ ได้เลย นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่สตูดิโอต้องพยายามดึงป๋ามาเล่นใน Spider-man: Homecoming ซึ่งเป็นการรีบูทใหม่ในปีหน้านี้ด้วย คือตรงนี้ต้องบอกเลย ต่อให้โทนี่ สตาร์กจะเลิกเป็นไอออนแมนก็ไม่เป็นไรเลย แต่ขอแค่ป๋ายังโผล่มาเป็นโทนี่ในหนังเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

แบล็กแพนเธอร์ สไปเดอร์แมน โผล่เข้ามาในเรื่องได้มีเหตุผลเข้าท่า ไม่ได้จับยัด ๆ เข้ามา แถมมีฉากโชว์ของตัวเองที่ติดตาด้วย ส่วนตัวละครอื่น ๆ ที่อยู่ประจำแล้วนั้นแบ่งเฉลี่ยบทได้ดี มีฉากขโมยซีนของตัวเองกันทั้งนั้น โดยเฉพาะ แอ๊นท์แมน อันนี้ต้องไปดูกันนะ ดูหนัง

สรุป Captain America Civil War

รีวิวหนังดัง ด้านความขัดแย้งของทั้งในตัวละคร และ ระหว่างตัวละครนี่โอเคหมดเลย สมจริง ไม่มีตรรกะอ่อนให้ต้องพูดแซวกันเลย คือหนังคุณภาพมาก ๆ แม้จะโคตรนานถึง 2 ชั่วโมง 26 นาทีก็เถอะ หาเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงนี้เข้าโรงไปดูเลยคุ้มมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะชอบหนังซูเปอร์ฮีโร่หรือไม่ก็ตาม

ถามว่ามีส่วนให้ติงมั้ย ก็มีนะ ถ้าไม่ได้ตาเทพคอยจับผิดซีจีก็ถือว่าเนียนตามาก แต่ถ้าตาเทพก็มีดูลอยๆ บ้างเหมือนกันบางฉาก หนังบาลานซ์ฉากคุยกับฉากแอ๊กชั่นได้ดีนะ แต่ถ้าใครหวังจะแอ๊กชั่นรัวๆ หรือแอ๊กชั่นมโหฬารยิ่งใหญ่พังพินาศถล่มทลายไมเคิล เบย์ อันนี้ก็ไม่ขนาดนั้นนะ มันสมเหตุสมผลในสเกลพลังที่มาร์เวลตั้งไว้ล่ะ ว่าถึงจะซัดกันแต่ไม่มีใครอยากเอาอีกฝ่ายถึงตาย เพราะแต่ละหมัดที่อัดเพื่อนมันเกิดแผลฉกรรจ์ในใจตัวละครมากอยู่แล้ว คือจะเอาแบบอะพอคาลิปส์โลกแตกแบบตัวอย่างหนังเอ็กซ์เมนภาคใหม่นั่นก็คงไม่ใช่

แล้วก็สเกลพลังของแวนด้านั้นแม้จะปรับลดจากในคอมมิคลงมาเยอะแล้วก็ตามแต่เราก็ยังรู้สึกว่าโกง ๆ อยู่เหมือนกันนะ โดยเฉพาะฉากสงครามใหญ่ ต้องไปชมเอง 555 หนังมีรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้แฟนพันธุ์แท้ติดตามเป็นอีสเตอร์เอ้กอยู่ประปราย พูดไปก็สปอยล์ ดูแล้วลองมาหาอ่านกระทู้หรือเพจพวกแฟน ๆ เทพ ๆ เขาอธิบายละกันนะ เว็บดูหนัง

สรุป

คือถ้าให้วิจารณ์ตัวหนังก็บอกเลยว่าดีทุกองค์ประกอบ สนุกทั้งที่เป็นแฟนมาร์เวล และ ไม่ได้เป็น (ไม่แน่ใจว่าคนที่โผล่มาดูภาคนี้เลยเป็นเรื่องแรกจะเก็ตไหมนะ แต่เชื่อว่าแนะความสัมพันธ์ของตัวละครนิดหน่อยก็ดูได้ลื่นแล้วล่ะ แต่ให้ดีควรดูเรื่องอื่นๆอย่างกัปตันอเมริกา1-2 และ เอจออฟอัลตรอนจะดีกว่า)

ภาพเสียงซีจีได้มาตรฐาน ขอชื่นชมการออกแบบฉากต่างๆ ที่วางปมไว้แบบนึกว่าไม่สำคัญในตอนต้นๆ ก็ดันมากลายเป็นฉากที่พลิกเหตุการณ์ในภายหลังได้อีก บทสนทนานี่ก็พูดน้อยต่อยหนัก ทำให้ตามเรื่องง่าย แต่ก็คม และ ถ่ายทอดความคิดและ มิติด้านลึกของตัวละครได้ดีมากๆ หลายๆประโยคอย่างที่บอกตอนต้นว่าเสียดแทงใจมากๆโดยเฉพาะจากคำพูดตัวร้ายสุดฉลาด และ เหี้ยมโหดสมการรอคอยอย่าง ซีโม่ ด้วย

ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหลายๆคนที่ปรามาสตัวร้ายในหนังมาร์เวลว่าอ่อนไม่น่ากลัวนี่เตรียมกลับคำได้เลย ตัวร้ายตัวนี้เป็นอะไรที่น่าจับตามองมากๆ กลยุทธเทพๆ ที่อาศัยสมอง และ ความเป็นไปได้จริงๆ ไม่มีพลังเว่อวังใดๆ แต่สร้างความบรรลัยได้มโหฬารสุดๆ แถมเป็นตัวร้ายที่มีมิติลึกด้วย เรื่องราวของเขานี่ทำไซด์สตอรี่ได้เลยนะ

ปล. หนังมีท้ายเครดิตสองตอน นั่งรอดูเพลินๆ ไปนะ เปิดเรื่องหนังใหม่ที่กำลังจะมาได้ดีทีเดียวล่ะ

ปล.2 นี่สะกดความกรี๊ดตัวหนังไว้ในใจ พยายามเขียนให้ดูไม่อวยมากไปแล้วนะ หนังเขาสนุกจริงล่ะ 555

ปล.3 ช่วงนี้มันวันซีวิลวอร์แห่งสหประชาชาติจริงๆนะ ใครจะไปดูหนังแนะนำซื้อจองออนไลน์ไปก่อนเลย คนแน่นโรงยันแถวหน้าจริงๆ ผมนี่ซื้อออนไลน์ตั้งแต่ไก่โห่ยังได้โซนที่นั่งดีๆ ที่สุดท้ายเลย T^T

ปล.4 ท้ายขอบ่นๆ นิดหนึ่ง ผมล่ะอยากกราบให้ดีซีกับวอเนอร์มาศึกษาจริงๆ คืออันนี้ก็ไม่ได้พูดเองคือมีนักวิจารณ์ต่างชาติที่เขาดูรอบทดสอบเรื่องนี้เขาให้นิยามไว้ว่า “ซีวิลวอร์ คือ หนังแบทแมน เวอร์ซัส ซูเปอร์แมน ที่เจ๋งกว่า” คือผมก็แอบคิดในใจว่าถ้าอวยเกินจริงแล้วหนังมันไม่ได้ดีโคตรๆ ขนาดนั้นจะแซวให้ยับเลย แต่ว่านะเขาพูดถูกนะ คือเรื่องนี้ใช้คอนฟลิกต์เริ่มที่ไม่ต่างกับแบทซุปเลย แต่เล่าได้ดีมากลื่นไหลมาก กลมกล่อมมาก ตัวละครใหม่ก็ใส่มาแบบถูกที่ถูกทางไม่ได้ไม่มีปี่มีขลุ่ยจับยัดๆให้คนดูปะติดปะต่อเอาเองเลย ไงขอหนังรวมดาวร้ายที่จะเข้ามาให้เป็นความหวังคอหนังหนังซูเปอร์ฮีโร่หม่นๆ หน่อยเถอะนะครับ (ซึ่งล่าสุดวอเนอร์สั่งถ่ายซ่อม Suicide Squad ไปแล้วด้วยเหตุผลว่าอยากให้หนังสนุกขึ้นตลกขึ้น 555)

 

รีวิว guardians of the galaxy 2

รีวิว garden of the galaxy 2

รีวิว guardians of the galaxy 2

หนังไทยมาใหม่ ในที่สุดเหล่าแกงค์ซุปเปอร์ฮีโร่ตัวป่วน ตัวปั่น แห่งจักรวาลก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เป็นภาคต่อจากภาคแรก หลังจากอยู่ห่างจากโรงหนังมาราวสัปดาห์เศษ ดูเหมือนวันนี้จะได้ปลดปล่อยความคิดถึงโรงหนังให้หลุดหายไปจากใจเสียที เมื่อผมเดินทางไกลสู่ CentralPlaza Westgate เพื่อพบกับประสบการณ์ IMAX ในโรงภาพยนตร์ Westgate Cineplex แน่นอนว่านี่คือการเก็บตกหนังเรื่องที่อยากดูแต่ไม่ได้เจอกันในวันรอบสื่อ และ จะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ หนังซูเปอร์ฮีโร่แบบกลุ่ม ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัวที่มีความเป็นพวกรักเสียงเพลงย้อนยุค และ มีความกวนบาทาเป็นนิจ James Gunn ยังคงเป็นผู้กำกับฯ แล้วหนังก็ขึ้นชื่อมาจากภาคก่อนเรื่องของงานภาพ วิชวล และ ความเป็นสามมิติ เว็บดูหนัง

รีวิว guardians of the galaxy 2

รีวิวหนังดัง เรื่องย่อหนัง ‘Guardians of the Galaxy Vol. 2’ เหล่านักสู้ทั้งห้ากลับมาอีกครั้งกับบทบาทของการพิทักษ์จักรวาล แต่ดูเหมือนอาการชอบขโมยของจะพาเรื่องกลับมาหาตัวพวกเขาได้อยู่เสมอ เหตุเพราะการหยิบฉวยแบตเตอรี่มา ทำให้พวกตัวทองตามไล่ล่าผู้พิทักษ์ทั้งห้าอย่างไม่เว้นวาง

แต่ปรากฏว่า พวกเขากลับได้การช่วยเหลือจาก อีโก้ (Kurt Russell) ผู้อ้างว่าเขาคือพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ (Chris Pratt) อีโก้คือคนที่พาเขาไปรู้จักกับดาวอันแสนเงียบสงบ และ สวยงาม แถมยังพาพวกเขาไปพบกับ แมนทิส (Pom Klementieff) คนรับใช้ที่มีเขาอยู่สองเส้น เธอมีความสามารถพิเศษในการสัมผัสแล้วซึมซับความรู้สึกคนอื่นได้

ในภาคนี้ กาโมรา (Zoe Saldana) บุตรบุญธรรมของทานอส จะได้พบกับ เนบิวล่า (Karen Gillan)​ พี่น้องที่ไม่เคยถูกคอกันเลยอีกครั้ง ความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานจะประสานได้หรือไม่ พร้อมตัวละครใหม่อีกตัวที่ถ้าไม่เคยรู้มาก่อนก็จะเซอร์ไพรส์ไม่หยอกทีเดียว

รีวิว garden of the galaxy 2

เรื่องมันก็ต่อจากภาคที่แล้ว เหล่านักสู้ทั้งห้าต่างคนต่างที่มาได้กลายมาเป็นทีมเดียวกัน นักสู้พิทักษ์จักรวาล หลังจากควิลล์หักหลังยอนดูหยิบเอาอัญมณีมาครอบครองเสียเอง ทำให้พวกเขาถูกตามล่า และ ได้รับรู้ว่าจะต้องป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดกับทั้งจักรวาลหากว่าอัญมณีตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดี

การมาของภาคที่สองย่อมจะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าภาคแรก ที่เห็นได้ชัดสุดก็คงจะเป็นการเพิ่มตัวละครใหม่ อย่าง อีโก้ (Kurt Russell) ที่ประกาศตนว่าเป็นพ่อของสตาร์ลอร์ด เขาคือผู้ชายที่เป็นคำตอบที่ปีเตอร์ ควิลล์ตามหามานาน ในที่สุดก็ได้พบ หนังสร้างเรื่องอีโก้มีความน่าสนใจตั้งแต่ฉากเริ่ม เคิร์ทมาในลุคที่หล่อเฟี้ยวในวัยที่ยังหนุ่มแน่น เขาพบรักกับชาวโลกก่อนจะหายตัวไป

รีวิว garden of the galaxy 2

ตัวร้ายตัวใหม่กลายเป็นพวกสีทอง ราชินีอเยชา (Elizabeth Debicki) ที่ตามไล่ล่าห้าผู้พิทักษ์เพียงเพราะขโมยของมา พวกนี้กลายเป็นผู้ควบคุมพวกมือรับจ้าง นัยว่ามาทำหน้าที่ในหนังแบบเดียวกับที่โรแนนทำไว้ในภาคก่อน พวกเขาดูไม่มีที่มาที่ไปสักเท่าไหร่ และ มีทีท่าจะได้อยู่ต่อในภาคหน้าเสียด้วย

อีกตัวอาจเรียกได้ว่าเป็นตัวละครลับ เขาคือผู้ชายที่คนบนโลกมนุษย์คุ้นเคยกันดี แม้เขาจะมาปรากฏว่าภาคนี้ แต่ก็ใช่จะมีบทบาทอะไรมากนัก คล้ายหนังจะปูให้เราได้พบกับบทบาทของเขาที่มากกว่าในภาคถัดไป (ก็หวังว่างั้นนะ) สิ่งที่พบเห็นว่าถูกขับเน้นมากขึ้นกว่าภาคแรกก็น่าจะเป็นเรื่องแง่มุมดราม่าของแต่ละตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นตัวไหน ดูเหมือนว่าจะถูกหยิบจับมาเล่าถึงได้หมด ดูหนัง

สรุป guardians of the galaxy 2

รีวิวหนังดัง หลายดราม่าก็ชวนเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมการโหยหาความรักของร็อคเก็ตเจ้าแรคคูนมีปม แง่มุมของพี่น้องเนบิวล่ากับกาโมร่าที่ตัดกันไม่ขาด ที่ชัดเจนคงเป็นควิลล์กับพ่อที่เยิ่นเย้อจนชวนสงสัยว่าจะเล่นอะไรทำไมต้องปล่อยให้รอนาน ขณะที่แง่มุมของควิลล์กับยอนดูเสียอีกที่ชวนให้ซึ้งยิ่งกว่า

ในส่วนของเพลย์ลิสต์ของเพลงเก่า ๆ ที่หยิบมาใส่เต็มเรื่อง อาจไม่ถึงกับมีอะไรโดดเด่นมากนักเมื่อเทียบกับภาคแรก แต่ก็ถือได้ว่าเป็นมิกซ์เทปที่ไม่เลวเลยทีเดียว สิ่งหนึ่งที่ชื่นชอบก็คือความครีเอทในการสร้าง End Credit ของหนังเรื่องนี้ เพราะเขาใส่ฉากแถมเอาถึง 5 ฉาก แทรกไปกับ End Credit ที่ยืดยาวตามประสาหนังใหญ่ เพื่อเรียกให้คนดูนั่งอ่านรายชื่อผู้ร่วมงานไปด้วยระหว่างรอ ก็จะมีบางส่วนที่เขียนแปะไว้ว่า ‘I Am Groot’ ก่อนจะเปลี่ยนกลับไปเป็นชื่อจริง ๆ

ความกลมกล่อมยังด้อยกว่าภาคแรก 3 มิติยังแจ่มเช่นเคย ถ้าจะมองดูกันแบบรวม ๆ บ้าง เราก็อาจจะพบว่าความสนุกของภาคสองนี่ยังไม่เท่าที่เคยได้จากภาคแรกนัก มีดร็อป ๆ ลงไปเป็นบางส่วน พิจารณาดู อาจจะพบว่า มันมีบางส่วนที่หนังใช้การสนทนากันมากไป แถมน่าสนใจน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะความน่าสงสัยของอีโก้ผู้อ้างตนเป็นพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ เพราะผมรู้สึกได้ในขณะดูหนังว่า นี่เขาจะมาอยู่กันทำไมที่นี่นานนัก เมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นเสียที

เรายอมรับเลยว่า ในตอนแรกนั้น เรามองว่าหนังเรื่อง Guardians Galaxy 2 หรือ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 นั้นเป็นหนังตลกปัญญาอ่อน จากการดูตัวอย่างภาพยนตร์ ที่ดูเหมือนว่าจะมีการปล่อยมุกฝืด ๆ ออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายของการต่อสู้ แต่พอได้มาดูหนังเรื่อง Guardians Galaxy 2 หรือ รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2 จนจบแล้วจริง ๆ ก็รู้สึกดีกับหนังเรื่องนี้ จนแทบอยากจะเขกกะโหลกตัวเองว่า นี่แกอคติเกินไปแล้วนะ เพราะเรื่องที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

กลายเป็นหนังที่สนุก และ น่าติดตามมากกว่าที่คิดเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ยิงมุกเด็ด ๆ เกือบตลอดทั้งเรื่องเหมือนภาคที่แล้ว แต่กลับน่าติดตาม โดยตัวเนื้อเรื่องมีปมที่ซ้อนปมไว้ อะไร ๆ ที่ดูเหมือนจะคลี่คลาย กลับกลายว่ามีเบื้องหลังซ้อนเอาไว้อีกที ซึ่งเรายอมรับเราว่าคนเขียนพล็อตภาคนี้เจ๋งจริง ๆ ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้ดูหนังความยาว 2 ชั่วโมงเรื่องนี้เพื่อเอามันอย่างเดียว แต่กลับได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพ และ ความเสียสละ จากคนที่ดูเหมือนจะเป็นตัวร้าย แต่ความจริงแล้ว จิตใจของเขากลับดีกว่าที่คิด ถือได้ว่าเป็นการจุดประกายได้ว่า อย่ามองคนแค่เปลือกเท่านั้น

หน้าที่ของหนังที่สร้างความบันเทิงแบบเกรียน ๆ ถือว่ายังสอบผ่านได้อยู่ เพลงประกอบอาจไม่โดดเด่นนัก น่าเสียดายที่ตัวละครบางตัว อุตส่าหเพิ่มเข้ามาทว่าก็ไม่ได้มีบทบาทเท่าที่ควร รวมทั้งตัวร้ายก็แทบจะไร้มิติ และ มีสถานะคล้าย ๆ กับภาคแรก ไม่ได้มีครีเอตอะไรกับตรงนี้สักเท่าไหร่ ไดอะล็อกคม ๆ ในหนังก็ดูเหมือนจะได้ยินมาจากเรื่องอื่นมาก่อนแล้ว มันเลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับตรงนี้เท่าที่ควรจะเป็น เว็บหนัง

สรุป

ถ้าจะมองดูกันแบบรวม ๆ บ้าง เราก็อาจจะพบว่าความสนุกของภาคสองนี่ยังไม่เท่าที่เคยได้จากภาคแรกนัก มีดร็อป ๆ ลงไปเป็นบางส่วน พิจารณาดู อาจจะพบว่า มันมีบางส่วนที่หนังใช้การสนทนากันมากไป แถมน่าสนใจน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะความน่าสงสัยของอีโก้ผู้อ้างตนเป็นพ่อของปีเตอร์ ควิลล์ เพราะผมรู้สึกได้ในขณะดูหนังว่า นี่เขาจะมาอยู่กันทำไมที่นี่นานนัก เมื่อไหร่จะเกิดอะไรขึ้นเสียที

ชื่อภาพยนตร์: Guardians of the Galaxy Vol. 2 / รวมพันธุ์นักสู้พิทักษ์จักรวาล 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: James Gunn
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: James Gunn
นักแสดงนำ: Chris Pratt, Zoe Saldana, Dave Bautista, Vin Diesel (voice), Bradley Cooper (voice), Michael Rooker, Karen Gillan, Sylvester Stallone, Kurt Russell, Elizabeth Debicki
ความยาว: 127 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ดนตรีประกอบ: Tyler Bates
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 26 เมษายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Studios, Walt Disney Pictures

รีวิว guardians of the galaxy 1

รีวิว guardians of the galaxy 1

รีวิว guardians of the galaxy 1

หนังไทยย้อนยุค สวัสดีครับวันนี้แอดมินจะมาแนะนำหนังมาเวล ที่ถ้าแฟนมาเวล แฟนๆหนังฮีโร่ท่านไหน ชอบฮีโร่สายฮา สายเกรียน แอดอยากแนะนำเรื่องนี้เลย หนังจากมาร์เวล สตูดิโอส์ ผู้สร้างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่บล็อคบัสเตอร์ที่ครองใจแฟน ๆ มาแล้วทั่วโลกอย่าง ไอรอนแมน, ธอร์, กัปตันอเมริกา และ ดิ อเวนเจอร์ส สู่ทีมนักสู้กลุ่มใหม่ “การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี” มหากาพย์ภาพยนตร์แอ็คชั่นผจญภัยในห้วงอวกาศ มาร์เวลส์ การ์เดียนส์ ออฟ เดอะ กาแล็กซี ได้ขยายจักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวลสู่ห้วงอวกาศ เว็บหนัง

รีวิว guardians of the galaxy 1

รีวิวหนังดัง เหมือนหนังซัมเมอร์ทั่วๆ ไปที่หวังเป็นจ่าฝูงในตารางบ็อกออฟฟิศ และ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มคนดูทั่วไปทุกเพศทุกวัยทั้งบนแผ่นดินโลก และ ทั้งกาแล็กซี่หากเป็นไปได้ โครงสร้างของหนังจึงไม่ถูกออกแบบให้แปลกแหวกแนวหรือซับซ้อนได้มากไปกว่าการรีไซเคิลโครงสร้างเดิม และ เสริมแต่งด้วยมุกต่างๆนานา เลือกตัวละครที่สามารถฮ็อตฮิต สร้างสรรค์เทคนิคภาพพิเศษให้เพลินตา และ ฉากแอคชั่นอวกาศลุ้นระทึกเพลินใจ คนทำรู้ดีว่าเมื่อรวมร่างอะไหล่พิเศษเหล่านี้ได้เมื่อไหร่ก็แน่นอนว่าจะได้ยานอวกาศลำงามเดินทางพาหนังให้มีโอกาสกอบโกยรายได้มหาศาลได้ง่ายดาย

เมื่อมองตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้มีหนังที่ให้ความบันเทิงในแบบเดียวกันเพิ่มมากขึ้นๆ จนเรียกได้ว่าซ้ำซาก ทั้งเรื่องราว และ รูปแบบการนำเสนอ ซึ่งถ้าไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากการ์ตูนยอดฮิตของมาร์เวล คงมีกระแสเปรียบเทียบกับหนังผจญภัยในอวกาศเรื่องก่อนหน้ามากกว่านี้ทั้ง Star Wars (George Lucas, 1977)/ Serenity (Joss Whedon, 2005) / Star Trek (JJ. Abrams, 2009 / A+25)

รีวิว garden of the galaxy 1

รวมไปถึงหนังในอาณาจักรซูปเปอร์ฮีโร่ฝั่ง Marvel อย่าง Thor (Kenneth Branagh, 2011 / B) ที่การออกแบบกายภาพตัวละครที่คล้ายคลึงกัน และ The Avengers (Joss Whedon, 2012 / A+30) ที่โครงสร้างลักษณะตัวละครแบบฉบับกลุ่มฮีโร่ต่างคาแร็กเตอร์มารวมกันเพื่อทำภารกิจ นอกจากนั้นยังมี Green Lantern (Martin Campbell, 2011 / C+) จากฝั่ง DC ที่หลายฉากในหนัง และ ความตลกเฮฮาทำให้นึกถึง แต่ Guardians of the Galaxyทำได้ลงตัวกว่าฮีโร่ชุดเขียวห่างกันหลายขุมอุกาบาตนัก ดูหนัง

เมื่อ ปีเตอร์ ควิลล์ นักท่องอวกาศจอมสะเพร่า ตกเป็นเป้าของการตามล่า หลังจากที่เขาได้ขโมยวัตถุทรงกลมลึกลับมาจาก โรแนน จอมวายร้ายผู้ทรงพลังที่ต้องการคุกคามทั้งจักรวาล ในการหลบหนีจากการตามล่าของโรแนน ควิลล์ต้องจำใจปรองดองกับเหล่าผู้นอกคอกทั้ง 4, ร็อคเก็ต – แรคคูนกระสุนเดือด, กรู้ท – ฮิวแมนนอยด์ที่มีรูปร่างเหมือนต้นไม้, กาโมร่า ผู้อันตราย และ ซับซ้อน และ แดรกซ์ เดอะเดสทรอยเยอร์ ผู้มุ่งมั่นต่อการแก้แค้น แต่เมื่อควิลล์ได้ค้นพบพลังที่แท้จริงของวัตถุลึกลับ และ อันตรายอันใหญ่หลวงที่มันจะนำมาสู่จักรวาล เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะรวมทีมกับเหล่าอริที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันทั้ง 4 โดยมีชะตาของจักรวาลเป็นเดิมพัน

รีวิว garden of the galaxy 1

นอกจากความเป็นหนังแอคชั่น ไซ-ไฟแล้ว ความสัมพันธ์ของ ’สตาร์ลอร์ด’ กับ ‘กาโมร่า’ รวมถึงมนุษย์ต่างดาวที่สืบสายพ่อแม่ลูกต่างสายพันธ์ต่างๆ ก็มีความน่าสนใจในเรื่องของชาติพันธุ์ ทำให้นึกถึงปฏิกิริยาของเหล่ามนุษย์ชายที่มีต่อรูปร่างของเอเลี่ยนที่ปลอมเปลือกเป็นมนุษย์สาว ‘สกาเล็ต โจแฮนซัน’ ในหนังเรื่อง Under the Skin (Jonathan Glazer, 2013 / A+30)

ซึ่งเหล่ามนุษย์ต่างดาวใน Guardians of the Galaxy มีความรักใคร่โดยมองข้ามรูปร่างภายนอกที่แตกต่าง แม้กระทั่งสตาร์ลอร์ดที่เคยอยู่ในฐานะเด็กชาวโลกในนาม ปีเตอร์ ควิลล์ แต่ชีวิตที่เติบโตผจญภัยในอวกาศก็ทำให้เขาได้ลิ้มรสสวาทสาวๆมาทั่วกาแล็กซี่ คือมองในมุมกลับกันชายทั้งหลายที่ถูกเอเลี่ยนจัดการใน Uder the Skin ไม่มีทางจะพิศวาทมนุษย์ต่างดาวตัวเขียวอย่างกาโมร่าได้ง่ายๆ เป็นมุมมองเล็กๆที่น่าสนใจดี

สรุป guardians of the galaxy 1

รีวิวหนังดัง ผู้กำกับ James Gunn ขึ้นยานลำเดียวกันกับคนเขียนบทพา Guardians of the Galaxy เอาตัวรอดได้ด้วยการรัวเร้าความสนุกเฮฮาแบบไม่ยั้ง ผ่านสถานการณ์ที่สนุกสนานน่าตื่นเต้น และ ความยั่วยวนกวนเท้าของแต่ละตัวละครผู้พิทักษ์จักรวาลที่บริหารเสน่ห์ความเป็นลูสเซอร์กันได้พอดีๆ อาจมียานแตกบ้างเมื่อรวมกลุ่มกันยิงมุกผ่านบทสนทนาที่ตั้งใจปูพื้นจนจับทางได้

อย่างเช่น มุก ‘I am Groot’ ของ ‘กรู๊ท’ ที่เรียกเสียงฮาได้ในช่วงแรกๆก่อนที่จะเบื่อ จนถูกนำไปใช้ในบทซาบซึ้งในตอนท้ายที่ออกอาการจั๊กจี้ได้เหมือนกัน แต่ก็กลับมาลอยลำได้เมื่อถึงคิวมุกที่เล่นล้อด้วยจังหวะซ่อน และ การตัดต่อ อย่างเช่น มุกอาวุธพิฆาตของ ’ยอนดู’ ที่กั๊กไว้ไม่ปล่อยมุกให้เห็น เป็นอาวุธที่ดูทึ่มๆแต่อีกมุมเหมือนซ่อนพิษสงก่อนที่จะมาเท่สุดทางอย่างร้ายกาจในฉากท้ายๆ เว็บดูหนัง

รีวิว garden of the galaxy 1

และ มุกเพลงของสตาร์ลอร์ดที่ฟีตเจอริ่งร่วมกับการอ้างชื่อ Kevin Becon ซึ่งถ้าขาดส่วนนี้ไปเรื่องทั้งเรื่องอาจไม่มีอะไรพิเศษให้น่าจดจำนัก แต่ตอนท้ายก็เอามาใช้ได้กวนฮาที่สุดครั้งหนึ่งจากมุกทั้งหมดในเรื่อง แม้มันจะกึ่งๆความงี่เง่าไปหน่อยก็ตามรวมถึงฉากแหกคุกในช็อตที่สตาร์ลอร์ดไปเจรจาขอขาเทียมด้วยท่าทีประนีประนอม ขณะที่ตัดกลับมาภายนอกทุกคนกำลังยิงถล่มวิ่งสู้วิ่งหนีกันวุ่นวาย แต่ในฉากวุ่นเดียวกันนี้ยังมีบางแผลเล็กๆน้อยให้มองเห็นซึ่งถูกละเลยในการรักษา

ชอบอะไร

– หนังเรื่องนี้เป็นหนังฮีโร่ของมาร์เวลล์ที่มีสไตล์ ไม่เหมือนฮีโร่เรื่องอื่นๆ คือเรื่องนี้มันจะดูเก่าๆ เรทโทรดูเชยๆ แต่โคตรเทห์อ่ะ ถ้าชอบสไตล์ย้อนยุคจะชอบเรื่องนี้
– แน่นอนว่าม้วนเทป อาจจะกลับมาฮิตอีกครั้งนึง และ เพลงที่หนังเลือกมาประกอบก็เทห์ ถ้าชอบฟังเพลงยุค 70 อัพก็จะรู้จักเพลงพวกนี้ฮะ
– ความโดดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้คือคาแรกเตอร์เข้าใจทำให้มันกวนตีน และ ตลก ตัวละครเด่นสุดๆเลยก็คือ กรู๊ท อีต้นไม้เนี่ยแหล่ะ คือดูแล้วเชื่อว่าหลายคนต้องหลงรักฮี #ฮีน่ารักฮีมุ้งมิ้ง
– ฉากสงครามก็เจ๋งนะฮะ ฉากสงครามช่วงท้ายเนี่ยอลังกาลพอๆกะพวกอเวเจอร์เลยทีเดียว คือเทคนิคภาพโอเค ฉากอวกาศก็สวย ไม่ค่อยเห็นฉากอวกาศเป็นสีแบบนี้เท่าไหร่
– แถมเรื่องนี้แอดแมวว่า 3D โอเคกว่าหนังมาร์เวลลทั่วไปนะฮะ มีกระจก มีอะไร…”แตกใส่หน้า” เยอะแยะเลย
– แอดแมวดูแบบ 4DX นี่เรียกว่าคุ้มเพราะจัดเต็ม เสียว- สั่น- ซาบซ่าน-ซอกหู เอคเฟคนวดหลังสบายไม่ต้องไป healthland อีกสักระยะเลยฮะ

ไม่ชอบอะไร ???

– คือเนื้อเรื่อง มันโคตรธรรมดาเลย พล็อตหนังแอคชั่นอวกาศทั่วไปเลยฮะ และ ด้วยหนังสไตล์แบบนี้ เหตุผลแรงจูงใจตัวละครไม่ต้องพูดถึง แค่ตลก และ มันส์ก็โอเคแล้ว
– กว่าจะรู้สึกสนุกกะหนังก็เกือบครึ่งเรื่องแล้วหล่ะ ช่วงแรกๆ จังหวะการเล่าตัดต่อ ยังไม่ดึงดูดเท่าไหร่ฮะ รู้สึกตาลายด้วย
– เสียดายนักแสดงบางคน อย่าง อีป้ารองพื้นไม่ทาคออย่าง Glenn Close ระดับคนที่เข้าชิงออสการ์ 6 ครั้งอย่างนาง น่าจะมีบทบาทที่เด่นกว่านี้นะฮะ
– สงสัยนางเอก โซอี ซัลดานา นางเป็นอะไรกะกิ้งก่ารึเปล่า คือชอบเปลี่ยนสีผิวตัวเองเรื่องที่แล้ว avatar ก็สีฟ้า เรื่องนี้ก็เป็นชะนีสีเขียวไม่แต่งหน้าแต่มาสคราร่าเป๊ะ…แล้วเรื่องหน้าจะสีอะไรอีก 5555

สรุป
– สนุกกว่าที่คิดไว้เยอะมาก ด้วยความที่เป็นคนไม่ถูกจริตกะหนังแนวแอคชั่นไซไฟ คือคาดกว่าจะหลับ
– แต่เรื่องนี้มีแอบง่วงในช่วงแรก หลังจากนั้นสนุกดูเพลินเลยทีเดียว คือไม่กะโหลกกะลามาม่าปลากระป๋องเลยนะฮะ
– ดูได้ทุกระบบ 4DX ก็คุ้มเพราะสั่นทั้งเรื่อง IMAX ก็น่าจะคุ้มเพราะฉากสงครามช่วงท้ายอลังการลานกว้างแอโรบิกหลังโลตั้สยังสู้ไม่ได้ 3D ก็ดีกว่าที่คิดเยอะเลย
– ให้คะแนนความชอบ 8 /10

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

หนังไทยnetflix สวัสดีครับสำหรับแอดมินนั้น เป็นคนชอบหนังแนวนี้มากๆแนวๆฮีโร่พลังเหนือมนุษย์และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องโปรดอีกเรื่องของแอดเลยทีได้ แอดเชื่อว่าคงจะมีคนรักเรื่องนี้เหมือนแอดไม่มากก็น้อย เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่แฟน ๆ รอคอยเรื่องล่าสุด จากมาร์เวลสตูดิโอ ซึ่งสานต่อการผจญภัย บนจอภาพยนตร์ของ “สตีฟโรเจอร์ส” หรือที่รู้จักในนาม “กัปตันอเมริกา” ในภาพยนตร์เรื่อง “กัปตันอเมริกา : มัจจุราชอหังการ” ดำเนินเรื่อง หลังจากเหตุการณ์ กลียุคในนิวยอร์กของเหล่า ดิ อเวนเจอร์ส และ การใช้ชีวิตเงียบ ๆ ของสตีฟโรเจอร์สในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อพยายามที่จะ ปรับตัวเข้ากับโลกสมัยใหม่ ดูหนัง

แต่เมื่อเพื่อนร่วมงานในหน่วย S.H.I.E.L.D. ตกอยู่ภายใต้การโจมตีสตีฟเลยต้องเข้าไปติดร่างแหในแผนการอันลึกลับที่คุกคามโลกให้ตกอยู่ในความเสี่ยง ด้วยความร่วมมือของ นาตาชา โรมานอฟ หรือ แบล็ค วิโดว์, กัปตันอเมริกาพยายามที่จะเปิดเผยแผนการสมรู้ร่วมคิด ในขณะเดียวกัน ก็ต้องต้องสู้กับหน่วยจู่โจมที่ส่งมากำจัดเขาในทุกย่างก้าว เมื่อแผนการชั่วร้ายถูกเปิดเผยกัปตันอเมริกา และ แบล็ค วิโดว์ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตรใหม่ “เดอะ ฟอลคอน” อย่างไรก็ตามพวกเขาได้พบว่าตัวเองกำลังได้พบกับศัตรูอันน่ากลัว และ ไม่มีใครคาดคิด

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

รีวิวหนังดัง เรื่องราวต่อจากภาคแรก หลังจากที่กัปตันอเมริกาหรือสตีฟ ( Chris Evans ) หลับไหลไปยาวนานในสภาพถูกแช่แข็งถึง 70 ปี หลังจากตื่นขึ้นมา สตีฟ ก็ต้องพยายามเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับยุคใหม่ที่นิวยอร์ค เพื่อนในหน่วยชิลด์กำลังตกอยู่ในอันตราย สตีฟกับแบล็ควินโดว์ หรือ นาตาชา โรมานอฟ ( Scarlett Johansson ) ก็ร่วมมือกันเพื่อเปิดโปงแผนลับบางอย่าง แต่เมื่อทั้งคู่กำลังจะตกหลุมพราง เขาทั้งคู่ได้รับการช่วยเหลือจาก เดอะฟอลคอน ( Anthony Mackie ) ซึ่งจะนำไปสู่ศัตรูที่ร้ายกาจกว่าที่คิด

หลังจากภาพยนตร์ภาคแรกที่ถูกฉายออกไปก็ได้รับการตอบรับดีเกินคาด แต่สังเกตไหมครับว่าภาคแรกถ่ายทำในบรรยากาศที่ดูเก่า ๆ ชวนอึดอัด และ ข้อสังเกตคือชุดของกัปตันเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างเชย และ ความสามารถก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าคนอื่น นี่คงเป็นบทเรียนที่สำคัญ ทำให้ภาค 2 สร้างออกมาแก้ตัว และ ปรับปรุงภาพลักษณ์เก่า ๆ จากภาคแรก

ในส่วนของภาค 2 หนังฉีกแนวจากสงครามเก่า ๆ ไปเล่นกับการสืบสวนสอบสวน การหักหลัง และ การเป็นสายลับ เหมือนเป็นภาคที่เปิดตัวโรมานอฟนั่นเอง คล้าย ๆ เจมส์บอนด์แฟนตาซีเล็ก ๆ นั่นเอง หนังมาร์เวลส์หลัง ๆ มานี่ผมรู้สึกเหมือนดูการ์ตูนมากขึ้นทุกที สีสันมันก็มากไปทำให้ดูแฟนตาซีเกินมาก ๆ ซึ่งกัปตันภาคนี้ก็จะพยายามตบมาร์เวลส์ให้เข้าที่เข้าทาง

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

ใครที่ดู และ งงว่าหน่วยชิลด์คืออะไร ในเรื่องจะไม่บอกอะไรมาก แต่ว่ามาร์เวลส์มีซีรี่ส์ Agent of S.H.I.E.L.D ด้วย ใครที่ชอบองค์สืบสวนสอบสวนก็ลองไปหาดูกันนะครับ เพราะมีความเชื่อมโยงกับกัปตันภาค 2 ด้วย และ ด้วยเหตุผลที่หนังพยายามสอดแทรกแนวคิดการเป็นสายลับสืบสวนสอบสวน ก็อาจจะเป็นเพราะต้องการปรับพฤติกรรม และ ความไม่ทันโลกที่ต้องนอนแข็งไปตั้ง 70 ปี ให้กลับมาตามโลกทัน และ หนังภาคนี้ก็บอกใบ้เป็นนัย ๆ ด้วยนะครับว่าทำไมกัปตันอเมริกาถึงได้เป็นหัวหน้าทีมอเวนเจอร์ เพราะความเป็นผู้นำในภาค 2 นี่เอง

ความเป็นหนังแอ๊คชั่น และ หนังซูเปอร์ฮีโร่ ทำให้หนังไม่สามารถขยายความเรื่องของมิตรแท้ได้มากเท่าที่ควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะด้วยหนังจากค่ายมาร์เวลในระยะหลัง โดยเฉพาะหนังในสาย The Avengers ที่หนังให้ความสำคัญกับการดำเนินเรื่อง และ แจกแจงบุคลิกของตัวละคร แม้หนังจะมีฉากแอ๊คชั่นใหญ่ ๆ เพื่อผลทางการตลาด

แต่ก็ไม่ได้ละเลยความเข้มข้นของเนื้อหา Captain America: The Winter Soldier ( 2014 ) ก็เช่นกันที่เกือบตลอดเรื่องมีความพลิกผันอยู่ตลอดเวลา เนื้อหาของหนังจึงเดินหน้าไปอย่างน่าสนใจ ฉากแอ๊คชั่นที่มีก็ช่วยเสริมให้ความพลิกผันนั้นน่าสนใจมากขึ้นอีกด้วยสตีฟ โรเจอร์ส อาจจะเป็นตัวละครที่แบนที่สุดในบรรดาสหายศึกจากทีม The Avengers คงเป็นเพราะเขาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในอุดมคตินั่นเอง เว็บหนัง

ในขณะที่ซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น ๆ ต่างมีความเป็นมนุษย์มากกว่า โทนี่ สตาร์ค นั้นยโส และ อวดดี ดร.บรูซ แบนเนอร์ ก็หมกมุ่น และ ขี้กังวล ส่วนธอร์ก็บ้าบิ่น และ ทะนงตนจนเกินไป สำหรับแบล็ควิโดว์ก็ดูลึกลับด้วยภูมิหลังบางอย่างเช่นเดียวกับฮอว์คอาย และ สตีฟ โรเจอร์สในครั้งนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะความกล้าหาญเสียสละนั้นคือเสน่ห์ของกัปตันอเมริกาอยู่แล้ว

เรื่องราวใน Captain America The Winter Soldier

รีวิวหนังดัง Captain America: The Winter Soldier ( 2014 ) มีการพัฒนาขึ้นมาจากภาคที่ แล้ว โดยเฉพาะเรื่องราวที่มีความซับซ้อนมากขึ้นทำให้หนังน่าสนใจขึ้นมาก ถึงแม้ตัวละครหลักอย่าง สตีฟ โรเจอร์ส จะยังคงความเป็นกัปตันอเมริกาเช่นเดิม และ จากเรื่องราวที่ทิ้งท้ายไว้ ภาคต่อไปของหนังชุดนี้รวมทั้งภาคต่อของ The Avengers ( 2012 ) คงยิ่งทวีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม

ช่วงแรกของหนังปูมาแจ่มเลยครับ ทั้งเนื้อเรื่อง ความบู๊ แต่สิ่งที่ทำให้มาร์เวลส์ตกม้าตายก็คือฉากจบของหนัง คือมันซ้ำกันแทบจะหมดคือจบแต่มี End Credit ปูไปภาคต่อไปหรือหนังเรื่องต่อไป กลับมาที่สิ่งที่เป็นมุกใหม่ของภาคนี้คือพลิกบทมาเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวน ข้อดีคือมันใหม่ ข้อเสียคือมันจบไว และ เดาง่ายครับ มันสนุกครับแต่มันไม่ค่อยลุ้นเท่านั้นเอง

และ สิ่งที่พลาด พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย คือตัวอย่างหนังที่เผยจุดสำคัญ และ ตัวละครสำคัญในตัวอย่าง ( ความเป็นจริงไม่ควรมี ) เลยทำให้ผมแค่เหมือนไปดูเฉย ๆ ไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย นี่เป็นเหตุผลที่ผมพยายามไม่อยากดูตัวอย่างหนังมากนัก แต่ไม่เป็นไร หนังก็คือหนัง ยังพอดูให้สนุกสนานได้

รีวิว CaptainAmerica The Winter Soldier

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 ตัดเรื่องการเดาง่ายของบทภาพยนตร์ออกไป หนังฉีกเรื่องจากสงครามยุคเก่ามาเป็นหนังสืบสวนสอบสวนในปัจจุบัน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ที่กัปตันนอนแข็งมากว่า 70 ปี ถือว่าทำได้ไม่เลว แถมหนังยังแอบใบ้เป็นนัย ๆ สำหรับเหตุผลที่กัปตันได้เป็นหวัหน้าของทีมอเวนเจอร์

คะแนนเอฟเฟคต์ 8/10 หนังเพิ่มส่วนที่เป็น CG และ เอฟเฟคต์มากขึ้นเพราะหนังเพิ่มฉากบู๊ของกัปตันมากกว่าภาคเก่า และ ลีลาการต่อสู้ของโรมานอฟที่ถือว่าเป็นภาคเปิดตัวของเธอก็ทำได้ไม่เลวเลย ภาคนี้ทำให้ผมคิดว่า ภาคถัดไปอาจจะเป็นภาคที่เชื่อมโยงกับตัวละครอเวนเจอร์ เพื่อพาหนังกัปตันอเมริกาเข้าสู้ความเป็นBigBossของอเวนเจอร์นั่นเอง

สรุป หนังมาร์เวลตระกูล สายลับที่สนุกมาก เรื่องนึง ศูนย์รวมความบันเทิงทั้งในด้านพระเอกหล่อ และ ความมันส์ โดยเฉพาะตอนท้าย ๆ คือพีคมาก ขอบอกว่า “อลังการงานเริ่ด” งานนี้แฟนมาร์เวลมีเซอร์ไพร์ อย่าลืมดู end credit มีสองรอบเน่อ

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. ความเป็นผู้นำของกัปตันอเมริกา ภาคนี้การดำเนินเรื่องในแนวสืบสวนสอบสวน และ การทำงานกันเป็นทีมกับโรมานอฟ ทำให้เราเห็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด และ แน่วแน่ของกัปตัน และ เป็นการตัดสินใจที่รอบคอบก่อนที่จะสั่งออกไป

2. ความสามารถของโรมานอฟ นอกจากจะสวย และ เก่งแล้ว โรมานอฟยังมีความฉลาดในแบบที่สายลับควรจะมี ทำให้โรมานอฟกลายมาเป็นตัว Mainหลักของทีมอเวนเจอร์เช่นกัน แม้จะไม่มีพลังพิเศษ แต่ความเป็นสายลับ และ ความสามารถของเธอก็โดดเด่นมากนั่นเอง

ภาคนี้ถือว่าทำได้ดีมากครับ แก้เกมส์จากภาคแรกได้อย่างดีเลิศ อย่างน้อยก็เปลี่ยนแนวจากหนังบู๊สงครามโบราณ มาเป็นการสืบสวนสอบสวน และ ทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้น เว็บดูหนัง

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

หนังไทยย้อนยุค ภาพยนตร์ที่แอดและหลายๆคนชื่นชอบนั้น แอดคงคิดว่า คงต้องมีหนังซุปเปอร์ฮีโร่อยู่ในนั้นด้วย อย่างเรื่องนี้เลย เรื่อง กัปตันอเมริกา นั้นที่ได้กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และได้มาติดอันดับได้รับความนิยมบน Disney+ Application Streaming ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นแอพพลิเคชั่นที่เพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานอย่าง Disney+ ด้วยเหตุนี้ทำให้ภาพยนตร์มาร์เวลมากมายกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะ จักรวาลฮีโร่อย่าง Avengers แต่จากการจัดอันดับ ภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทยบน Application ดังกล่าวนั้น คือภาพยนตร์ที่ไม่ใช่ภาพยนตร์รวมฮีโร่แต่อย่างใด แต่กลับเป็นภาพยนตร์ ของกัปตันอเมริกาภาคแรกอย่าง Captain America: The First Avenger ยอมรับก่อนเลย ว่าสนใจภาพยนตร์ Captain America: The First Avenger เพราะพล็อตเรื่องการเปลี่ยนมนุษย์ ตัวแห้งร่างกายอ่อนแอเป็นทหารหนุ่ม ร่างกายกำยำด้วยวิธีการทดลองแบบวิทยาศาสตร์ ดูหนัง

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

รีวิวหนังดัง หนังเล่าถึง สตีฟ โรเจอร์ ( Chris Evans ) เด็กผู้ชายตัวผอมแห้ง แถมยังขี้โรคแต่ดันอยากเป็นทหาร เขาพยายามเข้าโปรแกรมการฝึกในแบบที่ทหารทั่วไปทำ แต่ด้วยสภาพร่างกายของเขาที่ไม่ไหว ทำให้กองทัพปฎิเสธ และ เขาถูกล้อเลียนจากเพื่อนทหาร อยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ และ จริงจังของสตีฟ ทำให้นายพลเชสเตอร์ ฟิลลิปส์ ( Tommy Lee Jones ) ซึ่งมีโครงการทดลองเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของร่างกายมนุษย์สนใจ และ ในความมุ่งมั่นของสตีฟ เพราะเขามองว่าคนที่อ่อนแอจะเห็นคุณค่าของความแข็งแกร่ง

หลัง ๆ มานี้มาร์เวลขยันมากที่จะปล่อยหนังซูเปอร์ฮีโร่ออกมาสู่สายตาแฟน ๆ และ บอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งในจักรวาลหลักของมาร์เวลที่จะมาครองใจแฟนคลับอีกตัวหนึ่งแน่นอน และ ลำดับแรกเลยคือCG ที่น่าสนใจสุด ๆ ก็คือการนำคริส อีแวนส์พระเอกหนุ่มร่างบึ้กมาย่อส่วนเหลือนิดเดียว เหมือนเป็นเด็กชายขี้โรคที่แคระแกร็น ตัวเขาเองอยากเป็นทหารที่แข็งแรง ช่วยชาติต่อสู้กับนาซี แน่นอนว่าไม่มีใครให้เข้าผ่านไปเป็นแม้แต่ทหารเกณฑ์ด้วยซ้ำ เพราะด้วยน้ำหนักส่วนสูง และ สภาพร่างกายแบบนั้นไปฝึกก็มีแต่ตายเปล่า แต่เหมือนโชคช่วยที่ยังมีคนเห็นความพยายาม และ จิตใจที่มุ่งมั่นของเขา

ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการเปิดตัวกัปตันอเมริกาโดยจะเล่าย้อนกลับไปตั้งแต่ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าที่มาที่ไปของชายที่ถูกแช่แข็งเป็นเวลาร่วม 70 ปีผู้นี้เป็นอย่างไร ด้วยความที่ตัวละครกัปตันอเมริกานั้นเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในภาพยนตร์รวมฮีโร่อย่าง The Avengers ตีคู่มากับไอรอนแมน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจนักภาพยนตร์ต้นกำเนิดของฮีโร่สงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้นี้จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

กัปตันอเมริกานั้นหากเทียบกับฮีโร่คนอื่นในจักรวาลเดียวกันเขาแทบจะเป็นคนธรรมดาคนนึงที่มีพละกำลัง และ ร่างกายที่แข็งแรงมากเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้มีพลังพิเศษในการเหาะเหินเดินอากาศแต่อย่างใด เมื่อเทียบความสามารถในการต่อสู้ แล้ว เขากลับเป็นอีกหนึ่งคนที่มีทักษะการต่อสู้ที่โดดเด่น ไม่เพียงเท่านั้นยังเป็นฮีโร่ที่มีความเด๋อด๋าเพราะถูกแช่แข็งมาเป็นเวลายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่โลกนั้นพัฒนาเทคโนโลยีไปแบบก้าวกระโดด เขาจึงมีความซื่อ และ ความน่ารักที่ทำให้ผู้รับชมรู้สึกเอาใจช่วย

ด้วยความที่ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่ แล้ว เรื่องราวจะไปจบลงอย่างไร ทำให้เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่นำเอาตัวละครสมมติอย่างองค์กรไฮดราเข้ามาเพิ่มความน่าตื่นเต้น และ ความลุ้นระทึกในการทำภารกิจของกัปตันอเมริกาเท่านั้น และ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเรารู้ดีอยู่ แล้ว ว่าสุดท้ายกัปตันอเมริกาจะถูกแช่แข็งในมหาสมุทรเพราะดันเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ในปัจจุบัน การติดตามเรื่องราวจึงเป็นการติดตามว่าในระหว่างทางตั้งแต่ต้นจนจบนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดึงดราม่าได้เป็นอย่างดี มีการเล่าถึงสภาวะสงครามที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนมากมาย การจัดการของรัฐบาลที่ต้องการจะเอาเงินทุนจนทางให้ในช่วงแรกของการสร้างสุดยอดทหารอย่างกัปตันอเมริกากับกลายมาเป็นมาสคอตแทนอยู่หลายเดือน โดยรวม แล้ว ถือว่าเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่สามารถทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว เว็บหนัง

ในส่วนของเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเยอะแยะ เนื้อเรื่องหลายอย่างค่อนข้างเดาง่ายมากด้วยซ้ำ เพราะหนังภาคนี้ส่วนมากจะเทความสนใจไปในเรื่องของอดีตซะเยอะ มุกตลกมีสอดแทรกมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็เสริมจุดดราม่าเข้ามาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงกับน้ำตาร่วง แต่ผิดคาดไปนิดหน่อยว่าสตีฟจะได้แปลงร่างช้ากว่านี้ และ อาจจะให้คนดูได้เอาใจช่วย และ เรียกคะแนนสงสารให้กับสตีฟ แต่หนังตัดจบให้สตีฟแปลงร่างไวไปหน่อย

หลังจากสตีฟแปลงร่างเป็นกัปตันอเมริกาเรียบร้อย แน่นอนว่าเขามีอาวุธประจำกายคือโล่นั่นเอง ช่วงแรกกัปตันยังไม่มีประโยชน์อะไรเท่าที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นเครื่องปลุกใจให้ชาวอเมริกันฮึกเหิมมากกว่า ดูไปดูมาเหมือนหนังสงครามดราม่ามากกว่าครับ

ตัวหนังบอกได้เลยว่ายาวเกินความจำเป็นไปเยอะเลยมันเลยทำให้หนังดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ เดี๋ยวเอื่อย เดี๋ยวได้ลุ้น อ้อผมขอวิจารณ์ในส่วนของช่วงที่สตีฟจะแปลงร่างหน่อยนะครับ ค่อนข้างคาดหวังว่าจะเห็นความทรมานจากการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์มากกว่านี้ เพื่อที่จะให้ผมรู้สึกอินกับกัปตันอเมริกามากกว่านี้หน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ เข้าตู้ไป มีแสงวูบวาบ ออกมาตู้ม กลายเป็นกัปตันอเมริกา คือมันง่ายไปมั้ย

บทสรุปเรื่องราวใน Captain America The First Avenger

รีวิวหนังดัง Captain America: The First Avenger เป็นภาพยนตร์ฮีโร่ที่มีบรรยากาศแตกต่างจากภาพยนตร์ฮีโร่ในจักรวาล Marvel เรื่องอื่นอย่างสิ้นเชิง หลายคนแซวว่าภาพยนตร์มาร์เวลนั้นแทบจะเป็นภาพยนตร์ตลกอยู่ แล้ว แต่ในเรื่องกัปตันอเมริกานั้น เรากลับแทบจะไม่ได้สัมผัสกับความตลกเลยแม้แต่น้อย เรื่องราวนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด กดดัน และ ความดราม่า มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ เมื่อกัปตันอเมริกามาพบเจอกับเจ้าพ่อมุกตลกอย่างไอรอนแมน แล้ว ทั้งสองคนจะไม่ถูกกัน

ด้วยความที่ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ทุกคนต่างก็รู้ดีอยู่ แล้ว เรื่องราวจะไปจบลงอย่างไร ทำให้เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรที่ทำให้เรารู้สึกอยากรู้อยากเห็น เพียงแต่นำเอาตัวละครสมมติอย่างองค์กรไฮดราเข้ามาเพิ่มความน่าตื่นเต้น และ ความลุ้นระทึกในการทำภารกิจของกัปตันอเมริกาเท่านั้น และ ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือเรารู้ดีอยู่ แล้ว ว่าสุดท้ายกัปตันอเมริกาจะถูกแช่แข็งในมหาสมุทรเพราะดันเปิดเรื่องมาด้วยเหตุการณ์ในปัจจุบัน การติดตามเรื่องราวจึงเป็นการติดตามว่าในระหว่างทางตั้งแต่ต้นจนจบนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดึงดราม่าได้เป็นอย่างดี มีการเล่าถึงสภาวะสงครามที่ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนมากมาย การจัดการของรัฐบาลที่ต้องการจะเอาเงินทุนจนทางให้ในช่วงแรกของการสร้างสุดยอดทหารอย่างกัปตันอเมริกากับกลายมาเป็นมาสคอตแทนอยู่หลายเดือน โดยรวม แล้ว ถือว่าเป็นภาพยนตร์เปิดตัวที่สามารถทำได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

รีวิว CaptainAmerica The First Avenger

ในส่วนของเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรโดดเด่นเยอะแยะ เนื้อเรื่องหลายอย่างค่อนข้างเดาง่ายมากด้วยซ้ำ เพราะหนังภาคนี้ส่วนมากจะเทความสนใจไปในเรื่องของอดีตซะเยอะ มุกตลกมีสอดแทรกมาบ้างแต่ก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ก็เสริมจุดดราม่าเข้ามาเล็กน้อยแต่ไม่ได้ถึงกับน้ำตาร่วง แต่ผิดคาดไปนิดหน่อยว่าสตีฟจะได้แปลงร่างช้ากว่านี้ และ อาจจะให้คนดูได้เอาใจช่วย และ เรียกคะแนนสงสารให้กับสตีฟ แต่หนังตัดจบให้สตีฟแปลงร่างไวไปหน่อย ดูรีวิวหนังสุดมันได้ที่นี่

หลังจากสตีฟแปลงร่างเป็นกัปตันอเมริกาเรียบร้อย แน่นอนว่าเขามีอาวุธประจำกายคือโล่นั่นเอง ช่วงแรกกัปตันยังไม่มีประโยชน์อะไรเท่าที่ควรจะเป็น เหมือนเป็นเครื่องปลุกใจให้ชาวอเมริกันฮึกเหิมมากกว่า ดูไปดูมาเหมือนหนังสงครามดราม่ามากกว่าครับ

ตัวหนังบอกได้เลยว่ายาวเกินความจำเป็นไปเยอะเลยมันเลยทำให้หนังดูครึ่ง ๆ กลาง ๆ เดี๋ยวเอื่อย เดี๋ยวได้ลุ้น อ้อผมขอวิจารณ์ในส่วนของช่วงที่สตีฟจะแปลงร่างหน่อยนะครับ ค่อนข้างคาดหวังว่าจะเห็นความทรมานจากการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์มากกว่านี้ เพื่อที่จะให้ผมรู้สึกอินกับกัปตันอเมริกามากกว่านี้หน่อย แต่สิ่งที่ได้คือ เข้าตู้ไป มีแสงวูบวาบ ออกมาตู้ม กลายเป็นกัปตันอเมริกา คือมันง่ายไปมั้ย

น่าเสียดายที่ชุดของ Captain America อาจจะดูไม่สวยงามเทียบเท่ากับซูเปอร์ฮีโร่รายอื่น ๆ ความสามารถอาจจะไม่ได้สูงส่งจนเทพเวอร์เหมือนบางราย แต่การต่อสู้แบบบ้าน ๆ นี่แหละที่ดูจะทำให้เราเข้าถึงความสนุกลุ้นของหนังเรื่องนี้ อีกจุดที่น่าเสียดาย คือหนังเล่นเอาความเป็นชาติอเมริกามาใส่อย่างเต็มที่ ในฐานะที่คนดูผู้ไม่ใช่อเมริกัน ก็อาจจะตะขิดตะขวงนิดหน่อย จนบางทีอยากให้มีทหารเป็นซูเปอร์ฮีโร่แบบไทย ๆ ให้มันรู้ แล้ว รู้รอดไปซะเลย

พล็อตเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจครับ แต่สิ่งที่กลบความน่าสนใจจนหมดก็คือในส่วนของการดำเนินเรื่องที่ขาดความน่าสนใจติดตาม เพราะหนังที่พล็อตเรื่องดีก็ควรจะเดินจับมือไปพร้อมกันกับการดำเนินเรื่องที่ดีเช่นกัน และหนังก็โกยรายได้ทั่วโลกไปที่ประมาณ 370 ล้านเหรียญฯ ถือว่าดีทีเดียว คาดว่าน่าจะเป็นเพราะยี่ห้อมาร์เวลนั่นเอง

น่าเสียดายที่หนังซูเปอร์ฮีโร่หนึ่งในMainหลักของอเวนเจอร์ กลับเปิดตัวออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก หนังไม่ได้มีความดราม่า แต่การเดินเรื่อง และ ดำเนินเหตุการณ์ที่ค่อนข้างช้า และ อืดไปหน่อย เอาเป็นว่ามีหาวคาโรงภาพยนตร์ไปบ้างบางซีน แต่ก็พยายามขยี้ตากลับมาตั้งใจดู ประเดี๋ยวจะงงครับเพราะรู้มาว่าตัวละครตัวนี้ค่อนข้างมีโอกาสต่อยอดไปทำหนังรวมฮีโร่

คะแนนเนื้อเรื่อง 7/10 พล็อตเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้มีความน่าสนใจครับ แต่สิ่งที่กลบความน่าสนใจจนหมดก็คือในส่วนของการดำเนินเรื่องที่ขาดความน่าสนใจติดตาม เพราะหนังที่พล็อตเรื่องดีก็ควรจะเดินจับมือไปพร้อมกันกับการดำเนินเรื่องที่ดีเช่นกัน และ หนังก็โกยรายได้ทั่วโลกไปที่ประมาณ 370 ล้านเหรียญฯ ถือว่าดีทีเดียว คาดว่าน่าจะเป็นเพราะยี่ห้อมาร์เวลนั่นเอง เว็บดูหนัง

คะแนนเอฟเฟคต์ 7/10 หนังเน้นให้ความสำคัญกับการเดินทางโปรโมทกัปตันอเมริกา และ การเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากไป แต่หนังมาแก้ตัวได้ช่วงท้ายในฉากบนเครื่องบิน และ เครื่องบินกำลังจะโหม่งโลก ก่อนหน้านั้นจะมีซีนต่อสู้ระหว่างกัปตันอเมริกากับศัตรู ก็ถือว่าทำได้ไม่เลวทีเดียวครับ

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. คนอ่อนแอก็มักจะคู่ควรกับพลังที่แข็งแกร่ง ยกตัวอย่างจากพระเอกของเรื่องอย่างสตีฟเลยครับ เพราะมีนายพลทหารที่เล็งเห็นว่าพลังที่แข็งแกร่งคู่ควรกับคนอ่อนแอที่ต้องการมันนั่นเอง

2. สตีฟไม่เย่อหยิ่งในพลังของตน หลังจากที่เขากลายร่างเป็นกัปตันอเมริกา แทนที่เขาจะเบ่งใส่พวกเพื่อทหารที่เคยล้อเลียนเขา แต่เขาก็ไม่เคยที่จะไปเบ่ง หรือ เอาคืนเลย เพราะจุดมุ่งหมาย หรือ เป้าหมายของเขาคือเป็นทหารที่ดี

นี่ก็เป็นภาคแรกของกัปตันอเมริกาที่ผมไม่เคยปลาบปลื้มเท่าไหร่ แต่ถ้าถามว่ามีภาคต่อจะไปชมไหม แน่นอนว่าต้องไปชมครับเพราะว่าผมเป็นแฟนหนังมาร์เวลนั่นเอง และ หวังว่าภาคที่สองจะแก้ตัวได้ครับ

รีวิว Thor Ragnarok

รีวิว Thor Ragnarok

รีวิว Thor Ragnarok

หนังไทยมาใหม่ สวัสดีครับสิ้นสุดการรอคอยของหนังธอร์เทพเจ้าสายฟ้า Thor Ragnarok หรือก็คือ ธอร์ ภาค 3 นั้นหลังจากภาคก่อนหน้านี้ทำรายได้ถล่มยับ แอดคิดว่าจริง ๆ แล้วการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกสมดั่งที่นักรีวิวเมืองนอก หรือแฟน ๆ เขารู้สึกกัน คือการไม่รู้อะไรก่อนไปดูเลย ไม่ควรรู้ว่าหนังจะมาสายตลก ไม่ควรรุู้ว่าหนังจะมีตัวละครนู้นนี้นั้นมาแจม แล้วไปรอรับสิ่งเหนือความคาดหมายจากหนังแบบเต็ม ๆ ดังนั้นใครอยากรู้สึกว้าวจริง ๆ ควรตรงไปโรงดูเลย อย่าเพิ่งไปอ่านรีวิวหรือสปอยล์ที่ไหนครับ แต่ถ้าใครไม่ได้แฟนพันธุ์สดขนาดนั้น อ่านรีวิวไปก่อนก็ทำให้รู้จักตัวหนังมากขึ้นครับ ไม่ผิดอันใด ดูหนัง

Thor: Ragnarok หรือในคอมมิคก็คืออีเว้นท์ที่ทำลายล้างเหล่าเทพและแอสการ์ดจนพินาศ กลายเป็นหนังภาคที่ 3 ที่ดำเนินเรื่องโดย ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าเป็นตัวหลัก ต่อจาก Thor (2011) และ Thor: The Dark World (2013) ที่จบด้วยการที่ตัวร้าย โลกิ ปลอมตัวเป็น โอดิน กษัตริย์แห่งแอสการ์ดโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ และถ้าว่ากันตามไทม์ไลน์ของจักรวาลมาร์เวล หนังภาคนี้ก็เป็นการเดินหน้าต่อจาก Avengers: Age of Ultron (2015) ในส่วนของตัวละครหลักอย่าง ฮัลค์ ที่ขึ้นยานทะยานออกสู่อวกาศหลังอาละวาดจนมนุษย์โลกหวาดกลัวไปพร้อมกันด้วย

รีวิว Thor Ragnarok

รีวิวหนังดัง หนังภาคนี้ว่าด้วย ธอร์ ที่ต้องกลับแอสการ์ดมากู้วิกฤตตามคำทำนายที่ชื่อว่า แร็กนาร็อก ซึ่งจะทำลายแอสการ์ดและเหล่าเทพจนสิ้น โดยภัยที่ว่ามาในรูปของราชินีแห่งความตายนามว่า เฮล่า ซึีงได้รับการปลดปล่อยจากคุมขังกลับมา นอกจากนั้นยังมีภัยข้างกายอย่างโลกิคอยแทงข้างหลังตลอดเวลาอีก

ธอร์พลาดท่าถูกทำลายอาวุธประจำกายทั้งยังหลุดหายไปในกาลอวกาศจนไปโผล่ยังดาวซาคาร์ที่เป็นสนามกลาดิเอเตอร์จับเอเลี่ยนมาสู้กัน จนจับพลัดจับผลูต้องมาเผชิญหน้ากับสหายเก่าอย่างฮัลค์ที่ลืมเขาจนหมดสิ้น ธอร์จึงต้องหาทางกลับไปแอสการ์ดให้ทันเวลาก่อนทุกอย่างจะสายไป นั่นคือเท่าที่ตัวอย่างหนังบอกเราครับ

ในภาคนี้ผู้กำกับและนักแสดงสายตลกอย่าง ไทก้า ไวทีตีิ ที่เคยมีผลงานผ่านตาเราอย่างสารคดีปลอมเอาฮาว่าด้วยเหล่าปีศาจที่ต้องปรับตัวในยุคปัจจุบันเรื่อง What We Do in the Shadows (2014) ก็ได้รับความไว้วางใจให้มาสานต่อเรื่องราวที่ว่าไปก็คือไตรภาคที่มักเป็นบทสรุปของตัวละครหลักของหนัง

รีวิว Thor Ragnarok

ในกรณีนี้คือ ธอร์ ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหญ่เหมือนกัน เพราะสำหรับแฟนธอร์คงจำได้ว่าหนังธอร์นั้นค่อนข้างอยู่บนพลอตจักร ๆ วงศ์ ๆ ของเหล่าเทพที่แสนเชย พี่ชายน้องชายทะเลาะกันแย่งตำแหน่งว่าที่ราชาพระเอกถูกใส่ร้ายและลงทัณฑ์ให้ไร้พลังตกสู่โลกมนุษย์ และตกหลุมรักสาวมนุษย์ในภาคแรก ก่อนจะมาเพิ่มความดราม่าดุดันด้วยศัตรูที่แกร่งกล้าและทรงพลังขึ้นในภาคสอง แล้วก็มากลายเป็นหนังตลกในภาคสาม!!

ว่าตามตรงหนังตระกูลธอร์ที่ผ่านมา ก็เป็นหนังมาร์เวลที่ดูไปให้มันเติมเต็มจักรวาลเท่านั้น มันไม่ได้สนุกที่สุดดีที่สุดแต่อย่างใด การปิดท้ายและลองของโดยโยนบรรยากาศที่คล้ายหนังฮิตอย่าง Guardians of the Galaxy ซึ่งเน้นในทีมหลากสไตล์หลายบุคลิกตัวละครที่แค่ขัดกันเองก็สนุกแล้ว

บรรยากาศโลกที่สีสันฉูดฉาดแบบการ์ตูนจัดจ้าน มุกตลกยิงกระจายกันทั้งเรื่อง เพื่อมากู้อารมณ์อันแสนจืดชืดของธอร์ แล้วตัดทิ้งตัวละครฝั่งมนุษย์ที่น่าเบื่อทั้งหลายออกไปจนเหี้ยน (ขอโทษแฟน ๆ ของ นาตาลี พอร์ตแมน นางเอกภาคก่อนหน้ามา ณ ที่นี้) ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ Ragnarok รากฐานของตระกูลหนังธอร์เอามาก ๆ และต้องยอมรับว่าทำได้ค่อนข้างดีด้วย

แต่ตรงนี้ก็ต้องบอกไปเลยว่า พอเน้นเอาฮาเอารั่ว ทำให้หนังมันเพี้ยน ๆ ไปเยอะเหมือนกัน ตัวละครทั้งเก่าทั้งใหม่ถูกจับให้ได้ยิงมุกกันถ้วนหน้า จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคณะเชิญยิ้มกันเลยทีเดียว มันทำให้ความเชื่อในตัวละครที่ถูกสร้าง ๆ มาก่อนหน้าในภาคเก่าถูกทำลายลง มันไม่ค่อยกลมกลืนหรือลื่นไปกันดีนัก

รีวิว Thor Ragnarok

ยิ่งบางอย่างที่ภาคก่อนทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจที่โลกิกลายเป็นราชาของแอสการ์ด กลับถูกเอาไปใช้ในภาคนี้อย่างกับแมนดารินในไอออนแมนอย่างไรอย่างนั้น คืออะไรที่ดูจะซีเรียสเกินไปถูกถอดไปแทบหมดเลย และจากบทสัมภาษณ์ผู้กำกับว่ามีการใส่ฉากตลกเข้าไปทำให้จากเดิมหนังยาว 100 นาที กลายเป็น 130 นาทีในปัจจุบัน นั่นเท่ากับแค่มุกเสริมเรื่องอย่างเดียวก็ปาไป 30 นาทีแล้ว นี่น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างทีเดียว เว็บหนัง

คือถ้าเอามาดูต่อกัน 3 ภาค ต้องสงสัยล่ะว่าพวกนี้ไปเมาปุ๊นอวกาศกันตอนไหน ซึ่งในแง่ความบันเทิงมันก็ให้คุ้มค่าตั๋วมาก ๆ ยิ่งมีเซอร์ไพร้สที่เอาตัวละครนู้นนี้ในมาร์เวลทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารับเชิญมาแจม ทั้งคนทำก็กล้าเปลี่ยนมู้ดอารมณ์ล้อเลียนตัวเองด้วย (ฉากละครจำลองเหตุการณ์ในภาคก่อนตลกมาก ยิ่งดารารับเชิญมาก็กวนส้นขั้นสุดเช่นกัน) มันยิ่งดูเจ๋งดูคูลสุด ๆ แต่พอมองในแง่ความเป็นหนังธอร์ภาคต่อมันก็ไม่ลงตัวนัก การที่รู้ไปก่อนว่าหนังจะตลกมาก เลยเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายพอควร เพราะสร้างความคาดหวังเกินจำเป็นให้คนดู ซึ่งยากที่หนังจะเอาชนะความคาดหวังของคนดูได้

สิ่งที่ดีอื่น ๆ ของหนังเช่นฉากต่อสู้ งานซีจี การแสดงยังคงได้มาตรฐานแบบมาร์เวล คือสนุก โดยเฉพาะเหล่าตัวละครนั้นสร้างสีสันได้มาก และเหล่าตัวละครหญิงอย่าง วัลคิวรี และเฮล่า ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากกว่าหนังมาร์เวลเรื่องไหน ๆ น่าจะเป็นการปูทางสู่ยุคฮีโร่หญิงในหนังมาร์เวลเฟสถัดไปที่จะมี กัปตันมาร์เวล เป็นแกนกลางก็เป็นได้ ส่วนด้าน ฮัลค์ กับโลกิ ก็กลายเป็นวายร้ายที่ทั้งน่ารักน่าชังคือเกลียดไม่ลงรักไม่สุดไปได้อย่างมีมิติเช่นกัน ต้องยอมรับเรื่องการสร้างตัวละครของมาร์เวลจริง ๆ

สรุป Thor Ragnarok

รีวิวหนังดัง สุดท้ายคือ Thor: Ragnarok ถือเป็นสุดยอดของหนังในตระกูลธอร์ที่ภาคอื่นน่าจะเทียบยาก ในแง่ความบันเทิงก็เป็นหนังมาร์เวลที่น่าจะบันเทิงที่สุดในขณะนี้ แต่ถามความน่าจดจำนั้นกลับต้องบอกว่า ไม่ค่อยมีอะไรเหลือให้ตกค้างเท่าไหร่นัก ยังคงเป็นหนังดูเติมเต็มจักรวาลมาร์เวลที่ดูสนุกกว่าเดิมเท่านั้นเองครับ แล้วถามว่าต้องดูมั้ย ต้องดูล่ะถ้าอยากจะตามเรื่องอื่นของมาร์เวลได้แบบไร้รอยต่อน่ะ

หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิต 2 รอบ ครั้งแรกคือหลังกราฟิกชื่อตัวละครหลักจบลง อันนี้สำคัญต้องดูเลยเพราะส่งบทไป Avengers: Infinity War (2018) และหลังจากนั้นต้องนั่งรอเครดิตยาวจบ ก็จะเป็นฉากที่ 2 อันนี้ออกแนวเน้นฮาไม่ค่อยมีผลกับเรื่องมากเท่าไหร่ครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป มันไม่สำคัญหรอกว่าประเทศจะตั้งอยู่ที่ไหน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนนั่นเอง ในส่วนของตัวละคร เราก็ยอมรับว่าโอเคในระดับหนึ่ง แต่ดูไปดูมา เหมือนคอสทูมจะทำให้หนังเรื่องธอร์เป็นส่วนผสมระหว่าง Ironman กับ Game of Thorn ยังไงก็ยังงั้นเลย ไม่เชื่อก็ลองตีตั๋วไปพิสูจน์กันได้ในโรงภาพยนตร์นะเออ

สรุป : สำหรับเรื่อง Thor: Ragnarok นั้น เหมาะสำหรับคนที่ชอบฉากแอคชั่นแบบจัดเต็ม โดยที่มุมกล้องมีความน่าสนใจ ไม่ใช่ฉากแบบเดิมๆ ที่สามารถเห็นได้ตามหนังทั่วๆ ไป หนุ่มๆ น่าจะชอบหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้ชวนสาวไปดูด้วย เธออาจจะไม่ได้เข้าใจในความมันในส่วนนี้มากนัก หากแค่มีความหล่อของตัวละครชายมาช่วยทำให้จิตใจชุ่มฉ่ำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าจะชวนเพื่อนไปดูก็สนุก จะชวนแฟนไปดูก็ดี แถมไม่มีฉาก NC เด็กๆ ก็ไปดูได้ และคอนเฟิร์มว่าหนังมีความพิเศษ ด้วยฉากและบทที่น่าสนใจ ถึงขนาดที่ว่าคุณอาจจะลืมไปเลยว่าตอนเดินเข้าโรงภาพยนตร์มาน่ะอยากเข้าห้องน้ำ เว็บดูหนัง

ชื่อภาพยนตร์: Thor: Ragnarok / ศึกอวสานเทพเจ้า
ผู้กำกับภาพยนตร์: Taika Waititi
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Eric Pearson, Craig Kyle, Christopher Yost,
นักแสดงนำ: Chris Hemsworth, Tom Hiddleston, Cate Blanchett, Idris Elba, Jeff Goldblum, Tessa Thompson, Karl Urban, Mark Ruffalo, Anthony Hopkins, Benedict Cumberbatch, Taika Waititi
ดนตรีประกอบ: Mark Mothersbaugh
ความยาว: 130 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Comedy, Sci-Fi
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ปี: 2017
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 2 พฤศจิกายน 2017
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Entertainment, Marvel Studios, Walt Disney Pictures

รีวิว Thor 2

รีวิว Thor 2

รีวิว Thor 2

หนังไทยย้อนยุค แอดนั้นชอบอย่างมากฮีโร่ตัวนี้ในวันนี้แอดจึงจะมาแนะนำธอร์หนังเทพเจ้าฮีโร่สุดเท่ที่อยากให้ทุกๆคนได้ดู แต่แล้วในที่สุด ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ภาคต่อที่ทุกคนรอคอยก็ได้เวลาเข้าโรงมาฉายให้ได้ดูกันสักที ‘Thor The Dark World’ คือ ภาคที่สองของเทพเจ้าสายฟ้าที่มีค้อนมหาประลัยเป็นอาวุธคู่กาย แต่มันก็ไม่ได้ภาคสองเสียทีเดียว เพราะมันเป็นเรื่องราวต่อจาก ‘The Avengers’ มาอีกทีหนึ่งนั่นเอง

ใครๆ ก็รู้ว่า Marvel Studios คือเจ้าของแฟรนไชส์ของธอร์ (Thor) และ ซูเปอร์ฮีโร่อีกหลายๆ ตัว แต่ธอร์ดูจะเป็นตัวที่อยู่ในโลกที่ประหลาดสุดแล้ว เพราะเขาไม่ใช่คนธรรมดาแต่เป็นถึงเทพเจ้า (แม้ผู้กำกับมักจะมองว่าพวกนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวที่มีเทคโนโลยีก้าวล้ำกว่ามนุษย์ก็ตามที) และ พวกเขาก็ร่วมอยู่ในระบบสุริยะเดียวกันกับเรา แต่ผมยังเดาไม่ได้ว่า ดาวของพวกเขาคือดาวไหนเท่านั้นเอง ดูหนัง

กลับมาต่อกันที่ภาคสองของหนังฮีโร่มาร์เวล Thor กันนะครับ หลังจากที่ภาคแรกสร้างตำนานบทใหม่ และ ความประทับใจไปทั่วโลก และ ภาคนี้ธอร์จะกลับมาสานต่อความมันส์ในรูปแบบที่ดาร์คกว่าเก่า และ ในภาคนี้ก็มีเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์ The Avengers นั่นเองครับ

รีวิว Thor 2

รีวิวหนังดัง หนังเล่าต่อจากภาคแรก เมื่อธอร์ (Chris Hemsworth) ที่ร่วมมือกับทีมอเวนเจอร์ส โดยการปกป้องโลกรวมถึงดินแดนทั้ง 9 จากศัตรูที่ต้องการจะยึดจักรวาล เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นเหมือนความสงบสุขจะตามมา ก็ใช่ว่าเรื่องจะจบ จักรวาลยังมีศัตรูที่ร้ายกาจอยู่นั่นคือมาเลคิธ (Christopher Eccleston) เขาต้องการให้จักรวาลต้องพบความสิ้นหวัง และ เข้าสู่ความมืดอีกครั้ง มีฤทธิ์ร้ายกาจชนิดที่ว่า โอดิน (Anthony Hopkins) ราชาแห่งแอสการ์ดก็ไม่สามารถต่อกรได้ ธอร์เมื่อรู้เรื่องเข้าก็ดับเครื่องชนทันทีโดยได้รับความร่วมมือจากโลกิ (Tom Hiddleston) น้องชายที่เคยเป็นคู่ปรับกันในภาคแรก และ ทำให้เขาได้มีโกาสพบกับ เจน ฟอสเตอร์ (Natalie Portman) หญิงคนรักอีกครั้ง

เปิดเรื่องมาก็ซัดกันนัวเลยครับ เพราะไม่ต้องมาเสียเวลาเล่าเรื่องภูมิหลังของนักแสดงนำอีก หนังเกริ่นให้เห็นว่า มาเลคิธต้องการใช้พลังที่เรียกว่าอีเธอร์ อำนาจของอีเธอร์จะสามารถทำให้จักรวาลกลับสู่ความมืดมิดได้อีกครั้ง แต่ในครั้งแรกแอสการ์ดสามารถยับยั้ง และ นำอีเธอร์ขุมพลังเจ้าปัญหาไปซ่อนไว้ เพราะมันทำลายไม่ได้

ภาคนี้ต้องการสื่อว่าดาร์คสมชื่อ หนังให้น้ำหนักไปกับการทำสงคราม เลยทำให้หนังมีความเข้มข้นน่าตื่นเต้นกว่าภาคแรก เพราะศัตรูใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา มีพลังอำนาจร้ายกาจ แน่นอนว่าถูกใจแฟนธอร์แน่นอน เพราะธอร์จะไม่ได้เกรียนแตกเหมือนภาคแรกอีกต่อไป เขาคือธอร์ชายที่เติบโต และ มีคุณสมบัติที่จะเป็นราชา และ ภาคนี้หนังจะเน้นไซไฟผสมผสานกับวามแฟนตาซีมากขึ้นกว่าเก่า

ไม่ใช่แค่ความแฟนตาซีไซไฟอย่างเดียวนะครับที่จะมีให้เห็นในภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังยังแทรกมุกตลกโปกฮาตามฉบับมาร์เวลมาด้วย แต่มันอาจจะดูเหมือนตลกร้าย แต่ก็เป็นตลกร้ายที่ทำให้ขำได้ไม่ขาดสายแน่นอน และ ที่มาสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีก็คือทอม ฮิลเดลตัน ที่มาเป็นคู่กัดกับธอร์เหมือนเดิม เหมือนพี่น้องทะเลาะกันทั่วไปเลยครับ จากเดิมที่ผมชอบโลกิอยู่แล้ว ภาคนี้ผมชอบมากกว่าเดิมอีก เพราะหนังกำลังทำให้เรารู้จักโลกิมากยิ่งขึ้น ในภาคแรกที่โลกิพยายามที่จะยึดบัลลังค์ และ มีความแค้นต่อธอร์ มีความเย็นชาเหมือนไร้หัวใจ แต่ที่จริงแล้วโลกิเหมือนมีนิสัยชอบเก็บงำความรู้สึก ไม่แสดงออกให้เห็นถึงความอ่อนแอ

รีวิว Thor 2

ฉากสงครามที่มีมากขึ้นในภาคนี้แสดงให้เห็นถึงเนื้อเรื่องที่เข้มข้น แต่ฉากเครื่องบินที่บินกันเต็มน่านฟ้าแอสการ์ดคือความแอ็คชั่นแฟนตาซีที่ผู้กำกับเน้นความสวยงามเป็นพิเศษ แต่ก็ยังไม่สุดเท่าไหร่นัก

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังเข้มข้นขึ้นเพราะศัตรูตัวฉกาจที่ยากจะรับมือ และ เราจะได้เห็นพี่น้องที่เคยตีกันกลับมาร่วมแรงร่วมใจอีกครั้ง ทำให้เสน่ห์ของหนังมีเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ภาคนี้เราอาจจะไม่เห็นฉากโรแมนติคเท่าที่ต้องการ แถมหนังต้องการให้ครบทุกรสชาติเพื่อให้เกิดความดราม่ามากยิ่งกว่าเก่าโดยการที่มีตัวละครสำคัญตาย

คะแนนเอฟเฟคต์ 10/10 ภาคนี้หนังได้คะแนนเอฟเฟคต์เต็มไปเลยครับ หนังเน้นที่ความดาร์คของดวงดาว อารมณ์ดาร์คบลูนะครับ ไม่ได้ไซไฟแฟนตาซีโดดเด่น แต่ว่าภาพสวยถูกใจแน่นอน ฉากการต่อสู้ในต่างดาวคือจิตนาการใหม่ ๆ ที่ทีมงานต้องการสื่อนั่นเอง และ สิ่งที่เป็นเสน่ห์ของเอฟเฟคต์ในภาคนี้คือซากปรักหักพังของยานอวกาศที่อยู่บนดาวที่ธอร์จะสู้กับศัตรู

หนังเรื่องนี้มีฉายในหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็น 4DX, IMAX 3D รวมทั้ง Digital ที่มีระบบเสียงแบบ ATMOS ผมเองมีโอกาสได้ชมในแบบ IMAX 3D ซึ่งก็พบว่า ได้ความสะใจของจอฉายขนาดใหญ่ แต่ระบบเสียงยังไม่หนำใจนัก ขณะที่ภาพในแบบ 3D ก็ยังไม่ได้ถึงขั้นประทับใจมากเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงระบบความเนียนของ CG ก็ถือว่าทำได้ดีพอสมควรแหละครับ เว็บหนัง

สรุปใน Thor 2

รีวิวหนังดัง ในด้านของเนื้อเรื่องนั้น ก็จัดได้ว่าภาคนี้เน้นหนักไปที่การสงครามมากขึ้น ทำให้เรื่องราวดูตื่นเต้น และ เข้มข้นมากขึ้น มีฉากแอ็คชั่นมากขึ้น ซึ่งดู ๆ ไปก็อาจจะรู้สึกได้ว่า เหมือนกำลังดู Star Wars ภาคเทพเจ้าอยู่ยังไงยังงั้น แถมยังมีนางเอกเป็น Natalie Portman ยิ่งใช่เข้าไปใหญ่เลยนะเนี่ย

และ เมื่อหนังเป็นช่วงสงคราม ชุดเกราะจีงดูเก่า ๆ ไม่เงาวิ้งอย่างภาคแรก ทั้งนี้เพราะภาคใหม่นี้เป็นฝีมือการกำกับของ Alan Taylor ผู้มีเครดิตมาจากงานกำกับ Game of Thrones นั่นเอง สเปเชี่ยลเอฟเฟกตส์อลังการตระการตา ภาคนี้ เราได้เห็นว่า หนังแอ็คชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่มีมุขตลกติดมาด้วย ทำให้เราสนุกสนานกับการติดตามเนื้อเรื่องยังไง จริง ๆ แล้ว เป็นส่วนผสมที่เคยใช้จนประสบความสำเร็จมาแล้วใน Iron Man นั่นแหละ

โลกิ กลายเป็นตัวละครที่แย่งซีนทุกตัวในภาคนี้ เขาสร้างสีสันให้กับเรื่องราวทุกช่วง มันคงจะหมดสีสันไปเลยทีเดียวหากไม่มีตัวละครนี้ แถมยังปรับเปลี่ยนตัวเองมาเป็นตัวละครที่กวนตีนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ น่าเสียดายที่ช็อตดราม่ากลับไม่สามารถทำเราอินได้เท่าไหร่ เว็บดูหนัง

รีวิว Thor 2

ตามสไตล์หนังของมาร์เวล นั่งรอดูจนหมด End Credit คุณจะได้พบกับของแถมปรากฏอยู่ 2 จุด หลังรายชื่อตัวละครที่มาพร้อมกับกราฟิกสไตล์ภาพวาด 3 มิติ และ ท้ายสุดหลังเครดิตคนทำงานอันมากมายมหาศาลก็จะพบได้อีกจุด

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์

1. โลกิผู้เย็นชาก็มีหัวใจ ภาคนี้โลกิต้องพบกับความสูญเสียคนที่เขารักที่สุด นั่นทำให้เราได้เห็นมุมอ่อนแอของโลกิว่าเขาก็มีหัวใจ มีความรัก และ ความรู้สึก เพียงแค่เขาไม่ต้องการให้ใครเห็นความอ่อนแอ

2. สายสัมพันธ์ของพี่น้อง ภาคนี้ธอร์ และ โลกิหันหน้ามาคุยกันในฐานะพี่น้องมากขึ้น ทำให้เราได้เห็นมุมที่อบอุ่นของทั้งคู่ เพราะทั้งคู่เคยตีกันในภาคแรก และ ภาคนี้ก็กลับมาร่วมมือกันสามัคคีกันครับ

ภาคนี้หนังจะเน้นความดาร์คหน่อยนะครับ แต่หนังแฝงความเข้มข้น และ สาระไว้หลาย ๆ อย่าง เราจะได้เห็นธอร์ชายหนุ่มที่มีความสุขุมนุ่มลึกมากกว่าเดิม เพราะภาคที่แล้วเขาใจร้อน และ เกรียนเหลือเกิน

ชื่อภาพยนตร์: Thor: The Dark World / ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าโลกาทมิฬ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Alan Taylor
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Christopher Yost (screenplay), Christopher Markus (screenplay), Stephen McFeely (screenplay), Don Payne (story), Robert Rodat (story), Stan Lee (comic book), Larry Lieber (comic book), Jack Kirby (comic book)
นักแสดงนำ: Chris Hemsworth, Natalie Portman, Tom Hiddleston, Anthony Hopkins, Christopher Eccleston
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Fantasy
ความยาว: 112 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 7 พฤศจิกายน 2556
ผู้สร้าง/สตูดิโอ/ผู้จัดจำหน่าย: Marvel Entertainment, Marvel Studios

รีวิว Thor 1

รีวิว Thor 1

รีวิว Thor 1

หนังไทยย้อนยุค กราบสวัสดีครับ นักอ่าน Marvel comic ทุกท่านทั้งหลาย วันนี้แอดจะมาแนะนำหนัง มาเวล สุดมันอย่างเทพสายฟ้าธอร์นั้นเอง นเนื่องจากผมได้รับอภินันทนาการ จาก Star Movies Thailand เป็นบัตรชม Thor 3D รอบพิเศษมาเมื่อคืน ผมและ Doc Holliday ก็ได้ไปดูมาเรียบร้อย ทีนี้ก็ขอพูดถึงซะหน่อย อาจจะมี Spoil นะครับ

ในช่วงแรกที่ Thor โปรโมทผมชอบมากในเรื่องชุดการแต่งกายของ Thor ที่มันดูไม่โบราณจนเกินไป และ มาดเท่ ๆ ของพระเอกแต่พอได้เห็นตัวอย่างแรกผมชักจะลังเล ว่าจะไปดูดีไหม เพราะทุกอย่างมันดูธรรมดามาก ไม่ดึงดูดเหมือนตัวอย่างหนังทั่วไป และ ตัวอย่างหลาย ๆ อันที่ออกมาก็ตอกย้ำความคิดผมว่า ไม่ไปดูมันล่ะ ดูหนัง

รีวิว Thor 1

รีวิวหนังดัง พอเข้าสู่มนุษย์โลก ความสนุกก็เริ่มมาไม่หยุดหย่อนครับ มีการใส่มุขตลกฮา ๆ ที่เราจะเห็นได้ใน Iron Man และ ความเฉิ่ม ๆ ของ Thor ที่ยังคงกร่างไม่เลิกเมื่อมาถึงโลก หนังเริ่มตัดสลับไปมา ระหว่างโลก และ Asgard แต่ไม่สะดุดหรืออึดอัดเหมือนช่วงแรกครับ ลงตัวพอดี การอธิบายตำนานเทพเจ้าให้เป็นวิทยาศาสตร์ ผมว่าโอเคเลยล่ะ ในหนังมีฮีโร่รับเชิญหนึ่งคนขอไม่บอกว่าเป็นใครให้ไปลุ้นในหนังเอา และ มีมีการเอ่ยชื่อ Tony Stark และ Bruce Banner แบบอ้อม ๆ ให้เราต้องอมยิ้ม

หลังจากได้ยินเสียงตอบรับในทำนองชื่นชม ต่อภาพยนตร์เรื่องนี้หนาหู ประกอบกับซื้อบัตรล่วงหน้าไว้ใบนึง เมื่อหนังเข้าฉาย ก็ต้องตามไปดูจนได้ ‘Thor’ หรือ ‘ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า’ จึงได้เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าที่ข้าพเจ้า นายแพท จ่ายเงินเข้าไปดูในโรงมาในวันนี้

ผมเดินทางจากบ้านด้วยรถไฟฟ้า มุ่งหน้าสู่โรงภาพยนตร์อลังการ Paragon Cineplex เจ้าเก่าเจ้าเดิม จากที่คิดว่าจะชมโรงธรรมดา ไป ๆ มา ๆ คนซื้อตั๋วกันเยอะจนต้องหลีกไปชมในโรง Digital 3D แทน เอาน่า แพงหน่อย แต่ก็ได้ลองดูกับแว่นตา 3 มิติก็แล้วกัน…

รีวิว Thor 1

หนังจากหนังสือการ์ตูนในเครือมาร์เวลมักจะมีแต่ซูเปอร์ฮีโร่ แต่ครั้งนี้ ธอร์ดูเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ไม่เหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะเขาดูเป็นบุตรของเทพเจ้า เรื่องราวมันจึงดูเป็นหนังแฟนตาซีกึ่งเทพนิยายเสียมากกว่า จนดูงง ๆ ว่า ถ้าเอามารวมกันเป็นทีม ‘The Avengers’ มันจะลักลั่นเกินไปหรือเปล่า

Thor (Chris Hemsworth) บุรุษหล่อร่างกายกำยำ ชนิดที่ผู้หญิงทุกคนที่ได้ดูต้องเข็ดฟันกันไปตาม ๆ กัน เขาเป็นทายาทของเทพเจ้า Odin (Anthony Hopkins) บิดาผู้ปกครองแอสการ์ด และ บิดาของธอร์นี่ล่ะ ที่หวังรวมอาณาจักรทั้งเก้าให้เป็นหนึ่ง บุกไปยังดินแดนน้ำแข็งนามโยธันไฮม์ ขนาดยึดอาวุธของพวกมันมาเก็บไว้ได้ แต่บุตรชายที่มีสองคนต่างหากที่จะเป็นตัวแปร

ทั้งธอร์ และ โลกิ ต่างก็บุตรชายผู้ถูกคาดหวังให้สืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากผู้พ่อ แต่ผู้รับสืบทอดมีได้เพียงคนเดียว ดูท่าทางธอร์จะได้รับความไว้วางใจให้สืบทอดมากกว่า แต่ความหุนหันพลันแล่น กระทำการใดๆ โดยไร้ความยั้งคิด นั่นทำให้บิดาของเขาหวั่นใจจะส่งต่อบัลลังก์ให้ ขณะที่โลกิก็ดูจะหวังในบัลลังก์นี้เช่นกัน ต่อหน้านั้นดูจริงใจต่อธอร์ แต่สหายทั้งหลายก็ไม่มีใครไว้ใจทายาทผู้เจ้าเล่ห์คนนี้เลย

ความหุนหันพลันแล้วของธอร์ ทำให้เขาเลือกบุกดินแดนที่เอาชนะได้ยาก ซึ่งนั่นเป็นการก่อสงครามใหญ่ครั้งใหม่อย่างเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้ราชาโอดินคิดว่า เขายังไม่เหมาะในเวลานี้ จึงเนรเทศเขาไปยังโลกเพื่อให้ปรับปรุงนิสัยเสียก่อน พร้อมอาวุธค้อนมหาประลัยที่จะยังใช้ไม่ได้หากไม่ถึงเวลา เว็บหนัง

และ บนโลก เขาได้พบกับนางเอก Jane Foster (Natalie Portman) นักวิทยาศาสตร์สาวสวยกระทบใจเทพเจ้าขุนค้อน… ด้วยพล็อตที่อาจเรียกได้ว่า ไม่มีอะไรมากนัก เน้นย้ำไปที่เรื่องราวบนโลกของเทพเป็นหลัก และ ใช้โลกมนุษย์เป็นเหมือนสถานกักกันให้เทพ “ได้คิด” ความสัมพันธ์ของพระ และ นางที่ดูไร้น้ำหนักเกินไป ที่จะทำให้เทพสักตนเกิดพัฒนาการทางความคิด แต่นั่นกลับส่งผลต่อเรื่องทั้งหมดหลังจากนั้น

สรุป Thor 1

รีวิวหนังดัง ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ทำได้ไม่น่าเบื่อ ติดตามเรื่องได้เรื่อย ๆ มีมุขตลกขำ ๆ แซมบ้าง ซึ่งก็เรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ดี แต่เรื่องความสนุก กลับไม่มีคำตอบในด้านนี้ให้มากนัก ฉากแอ็คชั่นที่ควรสร้างมาให้คนดูได้ลุ้นก็มีไม่มากนัก เพราะใช้เวลาไปกับการดำเนินเรื่องเสียมากกว่า หรือมาก็เพียงช็อตสั้น ๆ แล้วก็ไปต่อ หากในด้านของ CG หรืองานด้านภาพนับว่า ทำได้เนียนสวยไร้ที่ติจริง ๆ

แม้เราอาจจะไม่ได้รู้จักผลงานของผู้กำกับฯ Kenneth Branagh คนนี้มากนัก (แต่เขามีชื่อในทั้งด้านงานแสดง และ กำกับฯ เลยเชียวนะ) และ เราอาจไม่ได้รู้จักพระเอกหุ่นล่ำ Chris Hemsworth คนนี้เท่าไหร่ แต่การแสดงของนางเอกระดับออสการ์อย่าง Natalie Portman ในเรื่องนี้ ก็สะกดใจคนดูไปได้อย่างเพียบ นอกจากความสวย ยิ้มหวาน ๆ แล้ว ช็อตเปิ่น ๆ เขิน ๆ อาย ๆ เธอก็ทำได้อย่างดี และ เป็นสีสันหนึ่งของหนังเรื่องนี้ไปอย่างปฏิเสธไม่ลง

รีวิว Thor 1

แต่ช็อตที่น่าประทับใจที่สุด กลับเป็นช่วงเครดิตปิดท้าย ภาพของเอกภพในรูปแบบ 3 มิตินั้นสวยสดงดงามยิ่ง ขณะที่ฉาก 3 มิติในตัวหนังกลับไม่มากนักที่น่าสนใจ ยิ่งช่วงไหนเป็นแค่ช็อตเล่าเรื่องธรรมดา ๆ ซึ่งก็กินไปเกือบครึ่งเรื่อง ความจำเป็นของ 3 มิติยิ่งแทบไม่เห็น หากคุณเลือกดูหนังเรื่องนี้ รอบ และ โรง 3 มิติหาใช่สิ่งจำเป็นไม่ต่ออรรถรสการรับชม เว็บดูหนัง

อย่าลืมดูหนังจนจบเครดิต แล้วจะพบกับอีกฉากที่ซ่อนไว้ เพื่อนำไปสู่ภาพยนตร์เรื่องถัด ๆ ไปของ Marvel

ชื่อภาพยนตร์ : Thor / ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้า
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Kenneth Branagh
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Ashley Miller (screenplay), Zack Stentz (screenplay), Don Payne (screenplay), J. Michael Straczynski (story), Mark Protosevich (story)
นักแสดงนำ : Chris Hemsworth, Tom Hiddleston, Natalie Portman, Anthony Hopkins, Jaimie Alexander
แนว/ประเภท : Action, Fantasy, Adventure
เรท : USA PG-13 , ไทย น15+
ความยาว : 114 นาที
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 28 เมษายน 2554
ปี : 2011

รีวิว Iron Man 3

รีวิว Iron Man 3

รีวิว Iron Man 3

หนังไทยnetflix หนังไอร่อนแมนสุดมันนััน จนตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วอย่างภาค 3 นั้น หรือก็คือภาคสุดท้าย กันแล้วนะครับ ต้องบอกว่าสำหรับแอดมินนั้น นี่คือภาคที่ดีที่สุดของไอรอนแมน เลยก็ว่าได้ เพราะว่าหนังมีครบทุกรส ไม่ได้ดราม่าโดดหรือแอ็คชั่นโดดเหมือนเดิมแล้ว 1 ปีเต็ม ๆ ! นับตั้งแต่วันที่ Avengers ฉาย แฟน ๆคอมิคนั่งจ้องปฏิธินกันอย่างใจจด ใจจ่อ รอการมาเยือน ของหนังเรื่องนี้ ผมก็เป็๋นหนึ่งในนั้นเช่นกัน

จนวันที่ 1 พฤษภาคมนี้มาถึง เราแฟน ๆ ไออ้อนแมนทุก ๆ คนก็ร่วมแห่กันไป ยังหน้าโรงภาพยนตร์ทั้งโดยที่นัดหมาย และ ไม่ได้นัดหมาย วาดหวังไว้อย่างสูง ถึงหนังที่กำลังจะได้รับชม ผ่านไปสองชั่วโมงนิด ๆ ทุก ๆ คนก็ออกจากโรงภาพยนตร์ คนส่วนมาก เดินออกมา พร้อมรอยยิ้ม แต่มีผมเพียงคนเดียว หรืออย่างไรที่เดินออกมาพร้อม…..สีหน้า poker face

นับเป็นภาคที่ 3 แล้ว สำหรับมหาเศรษฐี หนุ่มหน้าแก่พร้อมชุดเกราะ รบสุดไฮเทค เหตุการณ์ในเรื่องนั้น เป็นผลกระทบ ที่ตามมาจากเหตุการณ์ใน Avengers โดยตรง หลังจากที่เอเลี่ยน Chitauri บุกถล่มนิวยอร์ก นอกจากมันจะสร้างบาดแผลทางกายให้กับโลกแล้ว

รีวิว Iron Man 3

มันยังได้สร้างบาดแผล ทางใจให้กับโทนี่ สตาร์กด้วย สุดยอดอัจฉริยะถึงกับต้องหัวหดเมื่อได้รู้ว่าในจักรวาลแห่งนี้ ยังมีสิ่งที่ตนไม่รู้ สิ่งที่เหนือกว่าตนอีกมากมาย สร้างปมสำคัญ อันนึงให้กับโทนี่ในภาคนี้ได้ เป็นอย่างดี และการโจมตีของพวกชิทอรินั้น ยังสั่นคลอนอเมริกาอีกด้วย จึงเป็น เหตุให้เจมส์ โร้ดส์ต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อ Iron Patriot เพื่อสร้างสัญลักษณ์ แห่งความหวังให้ประชาชน ว่าประเทศของตน ยังมีที่พึง เป็นมนุษย์เหล็กรักชาติผู้นี้เสมอ

ภาคนี้ยังมีเปิดตัววายร้าย ตัวใหม่ของเรื่อง ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน Mandarin จอมขมังเวทย์ตัวฉกาจ ศัตรูคู่อาฆาตของโทนี่จากในคอมิคมาสู่จักรวาลภาพยนตร์ของมาร์เวล แมนดารินมาได้ค่อนข้างเก๋า ด้วยการเปิดตัวอย่างเทพด้วยการแฮ็ก ทีวีทั่วประเทศแสดงแสนยานุภาพของตน

แสดงตน เป็นผู้ก่อการร้ายสุดเจ๋ง พร้อมด้วยวายร้ายของเรื่องอีกคน Aldrich Killian บอสใหญ่ของ A.I.M. ผู้พัฒนาโปรเจ็ก Extremis ที่ใช้ในการดัดแปลงดีเอ็นเอของมนุษย์ธรรมดาให้เหนือมนุษย์ได้ ทั้งสองร่วมกันระดมพลถล่มโทนี่อย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าเล่นซะเละทีเดียว เว็บหนัง

รีวิว Iron Man 3

รีวิวหนังดัง หนังเล่าเรื่องโทนี่ สตาร์ค/ไอรอน แมน (Robert Downey Jr.) เศรษฐีหนุ่ม และ นักปัญญาประดิษฐ์ ที่เสียรู้ให้กับศัตรูตัวใหม่ที่กำลังคลืบคลานเข้ามา และ ทีสิ่งที่ทำให้โทนี่เดือดสุด ๆ ก็คือพวกศัตรูเหล่านี้กำลังต้องการทำลายชีวิตของเขา และ คนที่เขารัก

โทนี่จึงออกตามหาพวกนี้เพื่อมารับผิดชอบสิ่งที่ทำ งานนี้หนักหนาสาหัสมากเพราะโทนี่ต้องงัดเอาไม้เด็ดทุกสิ่งออกมาใช้เพื่อปกป้องตัวเอง และ คนที่ตัวเองรัก และ พยายามหาคำตอบว่าที่ผ่านมาเขาถูกหุ่นยนต์ที่ตัวเองสร้างขึ้นมาครอบงำหรือเปล่า

สิ่งที่ผมได้เห็น และ สัมผัสในภาคจบนี้ก็คือสิ่งที่โทนี่พยายามพัฒนามันขึ้นมาครับ ลำดับแรกก็คือชุดเกราะที่ต้องพัฒนา และ ปรับปรุงใหม่ เพราะว่ายิ่งเจอศัตรูที่แข็งแก่งเท่าไหร่ โทนี่ก็ต้องพัฒนาชุดเกราะของเขาให้แข็งแกร่งขึ้นตามไป และ อีกหนึ่งสิ่งที่คาดไม่ได้คือ การใช้สติปัญญาแก้สถานการณ์เมื่ออยู่ภายใต้ชุดเกราะ

คงจะสังเกตเห็นกันใช่ไหมครับว่าเวลาที่โทนี่แกอยู่ในชุดเกราะ แกจะมีAutoBot ที่ชื่อว่าจาร์วิสอยู่เคียงข้างเสมอ คอยบอกกล่าวสถานการณ์และแนะนำตักเตือนโทนี่โดยเปรียบเสมือนสมองของโทนี่เลยก็ว่าได้ แต่โทนี่เองก็ไม่ได้ว่าอยู่ในชุดเกราะตลอดเวลา เพราะฉะนั้นหากเขาเผชิญหน้าศัตรูในช่วงเวลาที่เขา เป็นมนุษย์ธรรมดา

รีวิว Iron Man 3

เขาจะหาทางรอด และ แก้สถานการณ์อย่างไร เพราะต้องยอมรับว่า โทนี่ไม่ได้มีพลังเหนือมนุษย์เหมือนกัปตันอเมริกา และ ไม่ได้เป็น เทพเจ้าเหมือนธอร์ สิ่งที่เขาต้องใช้ให้เป็น ประโยชน์ที่สุดคือการแก้สถานการณ์นั่นเอง เพราะบอกเลยครับว่าตัวร้ายภาคนี้ไม่ได้กระจอกงอกง่อยเหมือนภาคที่ แล้ว ๆ มาแน่นอน

แน่นอนว่า เป็นเรื่องปกติของหนังมาร์เวลที่จะต้องมีการแทรกมุกตลกขำขันให้คนดูคลายเครียด แต่มัน เป็นมุกตลกแบบตลกร้าย ซึ่งการดูมุกตลกร้ายมันต้องตั้งใจดูจริง ๆ และ บางครั้งก็อาจจะต้องทำความเข้าใจกับมุกด้วย บางทีมุกก็แบมาไวเกิน ตั้งตัวไม่ทัน แต่มันก็ไม่ได้ฝืดนะครับ

สาเหตุที่บอกว่ามันจะมาไม่ทันตั้งตัว เพราะบางทีหนังกำลังดำเนินฉากเครียดอยู่ จู่ ๆ ก็มีมุกตลกแทรกเข้ามาซะอย่างนั้น แล้ว แบบนี้ใครมันจะไปตั้งตัวทัน ถ้านี่คือจุดด้อยก็อาจจะเรียกได้นะครับ เหมือนจังหวะในการแทรกมุกเพื่อเปลี่ยนอารมณ์คนดูกะทันหัน มันอาจจะทำให้มึนงงแทนที่จะฮาสำหรับบางคน

ซิกเนเจอร์ของภาคนี้คือถ้าโทนี่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูโดยที่ตัวเองไม่มีชุดเกราะ เขาจะทำอย่างไร เรื่องนี้เลยน่าสนใจขึ้นทันที และ กลับทำให้ผมนึกย้อนไปในช่วงภาคแรกที่เข้าถูกจับตัวไป แล้ว ใช้ปัญญาประดิษฐ์ สร้างหุ่นยนต์ แล้ว หนีออกมาได้ แต่ว่าแน่นอนหนังคงไม่เอามุกเดิมมาเล่น

รีวิว Iron Man 3

คราวนี้หนังฉีกออกไปอีกมุมหนึ่ง นั่นก็คือการเป็น ฮีโร่ไม่ได้ว่าจำเป็น จะต้องมีเกราะป้องกัน เขาสามารถเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่เลวร้าย และ อยู่รอดได้แม้ว่าจะไม่ต้องพึ่งชุดเกราะก็ตาม เพราะเขาคือไอรอนแมน ความเป็นไอรอนแมนอยู่ที่จิตใจไม่ใช่ชุดเกราะ ดูหนัง

ตัวอย่างของหนังแสดงให้เห็นแต่ความดาร์ก มากถึงมากที่สุด ว่าฮีโร่ของเราคนนี้จะโดนยำเละ ว่าฮีโร่คนนี้ต้องล้มลุกคลุกคลาน ให้อารมณ์เหมือน The Dark Knight Rises ของ Nolan ไม่มีผิด แต่เมื่อได้ดูจริงๆ แล้ว หนังไม่ได้ดาร์กหรือซีเรียสแบบที่คิดเลย

ยังคงเหมือนภาคก่อนๆแต่แตกต่างานิดเดียว ในภาคนี้เราจะได้เห็นโทนี่สวมเกราะน้อยลง เห็นเขามีการพัฒนาด้วยตัวของเขาเองมากขึ้น โทนี่ที่หยิ่งผยองได้เรียนรู้ว่าตนไม่ได้แกร่งล้นฟ้า แต่ก็เป็นแค่ชายในชุดหุ่นกระป๋องเท่านั้น

สรุป Iron Man 3

รีวิวหนังดัง บ่นมามากพอสมควร ถ้ามาพูดในด้านการรีวิวบ้าง บอกเลยว่าหนังสนุกมากครับ รู้สึกว่าทุกอย่างมันลงตัวมากๆ บทพูดไม่เยอะน่ารำคาญ ฉากแอ็คชั่นเยอะแต่พองาม ไม่เยอะเกิน CGI เรียบเนียน ยังไม่นับมุกตลกมากมายที่ใส่ลงมาในหนังอย่างจุใจ เอาให้ฮาก๊ากกันไปเลย (แต่ผมยังคิดว่าอเวนเจอร์สตลกกว่านะ)

มีการหักมุมที่พอทำให้อ้าปากหวอได้ มีปมปัญหาที่สร้างความน่าสนใจให้กับหนัง บอกได้เลยว่าเป็น หนึ่งในหนังมาร์เวลที่สนุกที่สุด เปิด Phase 2 ของจักรวาลหนัง MCU ได้ดีเยี่ยม ถ้าในฐานะคนดูหนังธรรมดาๆผมให้คะแนนคือ 8/10 เลยนะ

คะแนนเนื้อเรื่อง 9/10 หนังมีครบทุกรสเลยครับ ทั้งดราม่า แอ็คชั่น แถมแทรกข้อคิดที่น่าฉงนสงสัย ว่าเกราะเหล็กที่เขาใส่สามารถป้องกันภัยเขาจากศัตรูทั้งมวลได้หรือไม่ หรือว่าจิตใจของเขาต่างหากคือไอรอนแมนที่แม้จริง โดยไม่จำเป็น ต้องมีชุดเกราะเขาก็คือไอรอนแมน

คะแนนเอฟเฟคต์ 9/10 บอกเลยว่าภาคนี้จัดเต็มในส่วนของเอฟเฟคต์ และ ความอลังการในการต่อสู้ เพราะว่าศัตรูคนใหม่ของไอรอนแมนนั้นบอกได้เลยว่าไม่ธรรมดา และ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนเพราะอย่างฉับไวของโทนี่อีกด้วย นี่อาจจะเป็น จุดขายให้กับแฟน ๆ ชาวเกราะเหล็กเลยว่า โทนี่มีเกราะมากมายหลายรูปแบบที่ไว้พร้อมรับมือศัตรู และ แน่นอนว่าแต่ละเกราะนั้นสวยเท่ และ เด็ด ๆ ทั้งนั้น

ข้อคิดที่ได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้

1. ไอรอนแมนคือหัวใจของโทนี่ ไม่ใช่ชุดเกราะ อาจจะมีข้อกังขาว่าระหว่างโทนี่ที่เป็น ผู้สร้างเกราะขึ้นมา เขากำลังถูกเกราะครอบงำหรือไม่ หรือว่าเขาเป็น ไอรอนแมนด้วยหัวใจของเขา ต่อให้ไม่มีชุดเกราะแต่สติปัญญา และความเฉลียวฉลาดของเขาก็ทำให้เขาถูกเรียกว่าไอรอนแมนด้วยเช่นกัน

2. การทำทุกอย่างเพื่อปกป้องคนที่ตัวเองรัก โทนี่ต้องพยายามพัฒนาตัวเอง และ ชุดเกราะของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง และ คนที่เขารัก เพราะศัตรูที่กำลังคลืบคลานเข้ามา และ ไม่รู้ว่าจะมาในรูปแบบไหนหรือจะร้ายกาจเพียงใด โทนี่ต้องเตรียมพร้อม และ ตื่นตระหนกอยู่เสมอ

เป็นการจบภาค 3 แบบไร้ที่ติ และ ข้อกังขาจริง ๆครับสำหรับไอรอนแมน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงมีแฟนคลับทั่วโลกขนาดนี้ เพราะนอกจากหนังจะมีหุ่นยนต์ เป็นจุดขายแล้ว หนังกำลังจะสื่อว่าต่อให้ไม่ เป็นเทพหรือมีพลังวิเศษก็สามารถ เป็นฮีโร่ได้ เว็บดูหนัง