รีวิว A Christmas Gift from Bob
รีวิวหนังดัง สวัสดีครับวันนี้มารีวิวหนังชีวิต ความรักของเพื่อน มิตรภาพ ระหว่าง คน กับ แมว ที่บอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี หนังแมวที่เคยเป็นปรากฎการ์ณเมื่อปี 2016 หนังที่สร้างจากนิยายจากชีวิตจริง เรื่องดัง ที่เชียนโดย เจมส์ โบเว็น หนุ่มไร้บ้านชาวเมืองลอนดอน ตอนนี้ได้เข้านสู่ภาค 2 แล้ว ที่ใช้ชีวิตระหกระเหิน หาเลี้ยงชีพด้วยการดีดกีตาร์ร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ข้างถนน จนได้มาเจอกับเจ้าบ๊อบ แมวส้มที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเขา แล้วจากนั้นชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
ภาคแรกจบลงตอนที่ บ๊อบได้รับคำแนะนำให้เขียนบันทึกชีวิตของเขา และ บ๊อบออกมาเป็นเรื่องเป็นราว และ ได้ผลจริง หนังสือของเขาขายดี เจมส์กลายเป็นคนมีชื่อเสียง สภาพความเป็นอยู่ดีขึ้น พอมาในภาคต่อนี้ เจมส์ในวันที่ประสบความสำเร็จในชีวิต โดนสำนักพิมพ์คะยั้นคะยอให้เขียนหนังสือเล่ม 2 ออกมา แต่เขาไม่คุ้นชินกับการเป็นคนมีชื่อเสียง และ ต้องเข้างานสังคมบ่อยครั้ง ทำให้ยังไม่มีไอเดีย และ ยังไม่มีอารมณ์ที่จะเขียน ดูหนังออนไลน์
ระหว่างเดินทางกลับจากงานเลี้ยงฉลองของสำนักพิมพ์ เจมส์ได้เจอหนุ่มไร้บ้านยืนเล่นกีตาร์ร้องเพลงเปิดหมวก กำลังโดนตำรวจจับ ทำให้เจมส์ได้หวนนึกถึงตัวเองในอดีต เขาได้ไปช่วยเหลือหนุ่มรายนั้นออกมา พามาทานอาหารแล้วเจมส์บอกว่าเขาเข้าใจชีวิตลำบากแบบนี้ดี
เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยอยู่ในจุดนี้ จากนั้นเจมส์ก็เริ่มเล่าอดีตของตัวเอง แต่ระบุเจาะจงเป็นช่วงคริสต์มาสในปีสุดท้ายที่เขาเพิ่งจะเลิกยาได้สำเร็จ น่าจะเป็นช่วงต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในภาคแรกนั่นแหละครับ เพราะเจมส์ยังหาเลี้ยงชีพด้วยการร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ หนังไทยย้อนยุค
รีวิว A Christmas Gift from Bob
รีวิวหนังดัง ถึงวันนี้เจมส์ โบเว็น มีผลงานหนังสือออกมาแล้ว 9 เล่ม แต่ส่วนใหญ่จะเป็นสมุดภาพ และ หนังสือสำหรับเด็ก ที่เป็นรูปแบบนิยายเล่าเรื่องราวจริง ๆ นั้นก็มีแค่ 3 เล่มเท่านั้น 2 เล่มแรก A Street Cat Named Bob (2010) และ The World According to Bob (2013) ถูกดัดแปลงเป็นหนัง A STREET CAT NAMED BOB ไปแล้ว ส่วน A Christmas Gift from Bob ภาคต่อนี้ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้น A Gift from Bob วางแผงมาเมื่อปี 2014
หนัง A Christmas Gift from Bob เป็นอีกเรื่องที่โดนผลกระทบจาก โควิด-19 จากแผนการเดิมที่จะเข้าฉายในวงกว้าง แล้วเลื่อนไปฉายในปี 2021 แต่สุดท้ายสตูดิโอเจ้าของหนังก็ถอดใจ เอาหนังออกฉายทางสตรีมมิง และ ออกเป็น DVD ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน มีเข้าฉายตามโรงหนังแค่บางประเทศ หนึ่งในนั้นก็คือประเทศไทย
ในภาคนี้ ลุค ทรีดอเวย์ กลับมารับบทนำเป็น เจมส์ โบเว็น เช่นเดิม และ เจ้าเหมียวบ๊อบ ก็กลับมารับเป็นตัวเองเช่นกัน มีการเปลี่ยนตัวผู้กำกับจาก โรเจอร์ สปอตทิสวูด มาเป็น ชาร์ล มาร์ติน สมิธ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากเพราะชาร์ล นี่ผ่านงานกำกับหนังสัตว์มาเยอะมาก
เรื่องดัง ๆ ก็เช่น Air Bud ทั้ง 2 ภาค Dolphin Tale ทั้ง 2 ภาค และ A Dog’s Way Home สำหรับ A Christmas Gift from Bob เป็นหนังภาคต่อที่แนะนำว่า “ควรจะ” ดูภาคแรกมาก่อน ถึงแม้ว่าในภาคนี้จะแวดล้อมไปด้วยตัวละครใหม่ทั้งหมดก็ตาม สามารถติดตามเนื้อหาในภาคนี้ได้อย่างเข้าใจ ดูหนัง
แต่สิ่งที่จะขาดไปคือการได้ซาบซึ้งความรักความผูกพันของเจมส์ และ บ๊อบ ที่ถูกยกมาเป็นประเด็นหลักในภาคนี้ ที่ยังคงตอกย้ำเรื่องกำลังใจจากบ๊อบที่เข้ามาในชีวิตของเจมส์ แล้วผลักดันให้เขามีแรงฮึดต่อสู้กับชีวิตแล้วมุ่งมั่นที่จะเป็นคนที่ดีขึ้น
ส่วนคนที่ไม่เคยดูภาคแรกมาก่อน ก็ต้องเตือนกันก่อนว่าหนังเจ้าเหมียวบ๊อบทั้ง 2 ภาคนี้จะแตกต่างจากหนังสัตว์เรื่องอื่น ๆ ในแง่การเล่าเรื่อง หนังสัตว์ทุกเรื่องมักจะเล่าเรื่องจากมุมมองของสัตว์ที่ต้องออกผจญภัยหรือเผชิญวิบากกรรม แต่กับหนังบ๊อบทั้ง 2 ภาคนั้น จะเล่าชีวิตของเจมส์ โบเว็น เป็นหลัก ที่ได้บ๊อบเข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเขาให้ดีขึ้นอย่างไรบ้าง
แม้ว่าจะมีเจ้าเหมียวส้มเป็นจุดขาย แต่บทบาทของบ๊อบก็จะเป็นบทรองนะครับ ไม่ใช่บทหลัก ไม่ใช่หนังสัตว์แสนรู้ ไม่มีฉากโชว์ความสามารถของบ๊อบ แต่สำหรับคนรักแมวได้เห็นเจ้าบ๊อบตอนใส่ชุดแซนต้า ก็อดยิ้มไม่ได้ ชวนให้หลงรักเจ้าเหมียวน่ากอดตัวนี้ไปแล้ว
หนังยังคงเดินตามกฏเหล็กของ “หนังสัตว์” ที่ว่าด้วยความผูกพันของคน และ สัตว์ และ สำคัญยิ่งก็ต้องมีตัวร้ายมาเป็นมารคอยพรากทั้งคู่ออกจากกัน ตัวร้ายในภาคนี้ตกเป็นหน้าที่ของหน่วยงานเพื่อสวัสดิภาพสัตว์ (animal welfare) ที่คอยสอดส่องกิจวัตรของเจมส์ โบเว็น ที่มักเอาบ๊อบออกมาตระเวนร้องเพลงเปิดหมวกท่ามกลางสภาพอากาศหนาวจัดอยู่เสมอ เลยออกตัวว่าหน่วยงานจะสอดส่อง และ สอบสวนข้อมูลจากบุคคลรอบข้างถึงสภาพความเป็นอยู่ของบ๊อบว่าเข้าข่ายทารุณกรรมสัตว์หรือไม่ ซึ่งอาจะจบลงด้วยการเอาตัวบ๊อบไปคุ้มครองดูแลในหน่วยงาน
สำหรับคนรักหมารักแมว เวลาดูหนังที่มีตัวร้ายมาแบบนี้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่บีบหัวใจแล้วก็ชวนอินให้เกลียดบุคคลในหนังประเภทนี้เสียจริง แต่ก็ต้องบอกว่าตัวร้ายในภาคนี้ก็ทำหน้าที่ให้เรื่องราวมีสีสันพอประมาณ ไม่ถึงกับเลวร้ายนัก ในทางกลับกันก็เป็นตัวจุดชนวนให้หนังอบอวลไปด้วยความรักความอบอุ่นอัดแน่นไปหมด
มีสมาชิกใหม่หลัก ๆ ในภาคนี้ 2 คน รายแรกคือ บี สาวหมวยที่เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิเพื่อคนไร้บ้าน ที่ดูแววจะมีความเสน่หากับ เจมส์ โบเว็น พอควร ก็ทำหน้าที่ให้คนดูได้ลุ้นได้เชียร์ว่าทั้งคู่จะลงเอยมั้ยเนี่ย และ อีกรายคือ มูดดี้ แขกเจ้าของร้านชำผู้ใจดี ดูหนัง
เพื่อนสนิทคนใหม่ของเจมส์ โบเว็น ที่คอยช่วยเหลือเจมส์ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง แถมยังเป็นนักเล่านิทานที่ให้ข้อคิดดี ๆ อีกด้วย ต้องบอกเลยว่านายมูดดี้นี่สร้างรอยยิ้มให้กับหนังได้มาก หนังยังมีบทสมทบอีกจำนวนมาก ซึ่งล้วนเป็นแฟนคลับของบ๊อบที่โผล่มากันคนละนิดคนละหน่อย แต่ทั้งหมดก็ทำหน้าที่ค่อย ๆ เติมเต็มรอยยิ้มจนถึงจุดพีคได้ในฉากสุดท้ายของเรื่องได้สัมฤทธิ์ผล เป็นหนังที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ได้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ คุ้มกับเวลา และ ค่าตั๋วหนัง
A Christmas Gift from Bob เป็นหนังสั้น ๆ ความยาวรวมเครดิตแค่ 91 นาที แต่ก็เป็นหนังที่เข้าฉายได้ถูกจังหวะเวลา ในช่วงอากาศเย็น ๆ คลอไปด้วยเสียงเพลงคริสต์มาสในช่วงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่หลายคนกำลังเคร่งเครียดกับข่าวการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 A Christmas Gift from Bob จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากกับการหลบหนีความเครียดไปยิ้มกับภาพความน่ารักบนจอหนัง กับช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เต็มไปด้วยภาพสวย ๆ เพลงเพราะ ๆ และ ความน่ารักของเจ้าเหมียวบ๊อบ
สรุปหนัง A Christmas Gift from Bob
รีวิวหนังดัง หนังจบด้วยข้อความระลึกถึงต่อการจากไปของเจ้าบ๊อบ ที่ถึงแก่อายุขัยตามธรรมชาติของมันเองเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี่เอง A Christmas Gift from Bob เลยเป็นที่จดจำมากขึ้นในฐานะผลงานการแสดงเรื่องสุดท้ายของเจ้าเหมียวบ๊อบ ด้วยความรู้สึกของทาสแมวคนหนึ่ง ดูจบแล้วรีบกลับบ้านไปกอดเหมียวเลยล่ะครับ
ซึ่งดูแล้วก็แอบมีน้ำตาคลอบ้าง โดยเฉพาะช่วงครึ่งเรื่องแรก ที่ต้องยอมรับว่า Luke Treadaway เล่นได้ดีมากๆ เข้าถึงบทบาทและทุกความรู้สึกของตัวละคร จนผู้ชมสัมผัสเข้าถึงอย่างจัง ว่าตัวละครนั้นมีความอยากพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นมากแค่ไหนเพื่อตัวเขาเองและครอบครัว แต่มักขาดโอกาส และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง เขาก็ไม่ยอมที่จะปล่อยมันหลุดมือไป เขาเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ
นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ ดูหนังออนไลน์