Tag Archives: The Covenant Netflix

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนักกับ The Covenant 2023 Netflix หนังแนวแอคชั่นของทหารอเมริกา เรื่อง Guy Ritchie’s The Covenant 2023 ของผู้กำกับ “กาย ริตชี” เรื่องราวมาพร้อมกับโหมดขึงขัง พกกองกำลังทหารสหรัฐฯ มาอย่างมาดแมน แต่เนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้สอดแทรกไปด้วยประเด็นมิตรภาพ ความหวัง และโอกาสในสงคราม ที่เผลอ ๆ อาจจะต้องเสียน้ำตาให้ด้วย หากคุณเป็นคนที่โตมากับหนังแนวแอ็คชั่นทหารแบบนี้ ผมคิดว่าคุณควรจะลองดูเรื่องนี้นะ สามารถไปติดตามได้ที่ข้างล่างนี้เลย

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – หนังแนวแอคชั่นของทหารอเมริกา

“covenant” ตามชื่อเรื่อง The Covenant Netflix ซึ่งแปลว่า agreement หรือพันธะสัญญา ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่สัญญาที่อเมริกาบอกว่าจะให้วีซ่าพิเศษ (Special Immigrant Visas: SIVs) แก่ล่ามและครอบครัวได้ย้ายไปอยู่ในอเมริกา แต่สุดท้าย การทำวีซ่าพิเศษนี้กลับมีความยุ่งยากและโปรเซสที่ล่าช้ากินเวลามาก ล่ามและครอบครัวจึงต้องหลบซ่อนจากพวกตาลีบัน บ้างก็โดนสังหารก่อนที่กระบวนการการขอวีซ่าจะเดินหน้า นำไปสู่พันธะสัญญาทางใจที่ John Kinley รู้สึกว่า มันคือหน้าที่ความรับผิดชอบของเขาที่จะต้องช่วย Ahmed และครอบครัวให้ย้ายมาอเมริกาให้ได้เร็วที่สุด เพราะถ้าไม่ได้ Ahmed เขาก็คงไม่มีทางรอดกลับมารับเหรียญกล้าหาญและได้เจอหน้าลูกเมียอย่างนี้

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

หนังองก์แรกแค่ปูเรื่องราวความสัมพันธ์และภารกิจ จนกระทั่งทีมของ John Kinley ไปปะทะกับตาลีบันจนตายยกทีม เหลือแค่ John Kinley กับ Ahmed ที่หนีรอดไปได้ โดยองก์นี้รวม ๆ เหมือนหนังสงครามทั่วไป ในองก์สอง เราจะได้ร่วมลุ้นไปกับการหลบหนีการไล่ล่าและการเอาตัวรอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่ John Kinley ได้รับบาดเจ็บสาหัส จน Ahmed ต้องหาบเขาข้ามเขาลูกแล้วลูกเล่ากว่าจะกลับไปเจอฐานทัพ ต่อมาองก์สาม John Kinley ซึ่งตัวกลับมาอยู่อเมริกาแล้ว ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ Ahmed ซึ่งกำลังถูกตาลีบันหมายหัวเป็นกบฏหมายเลขหนึ่งค่าหัวแพง ทั้งการโทรไปเร่งขอวีซ่าจากสถานทูตและบินกลับไปอัฟกานิสถานเพื่อช่วยพา Ahmed และครอบครัวมาอเมริกาด้วยตัวเอง (องก์สามนี้ ชัดเจนเลยว่าทำไมต้องเป็นพี่ Jake Gyllenhaal)

เรื่องย่อ

the covenant 2023 เรื่องย่อ The Covenant เป็นเรื่องราวของ จ่าสิบเอก จอห์น คินลีย์ กับ อาเหม็ด ล่ามภาษาชาวอัฟกัน ที่ต้องระหกระเหินฝ่าฟันดงตาลีบานร่วมกัน หลังจากกองกำลังของพวกเขาได้ถูกซุ่มโจมตีอย่างหนักหน่วง โดยที่อาเหม็ดได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะช่วยชีวิตจอห์นเอาไว้ให้ได้ แต่เมื่อจอห์นฟื้นขึ้นมาทราบว่า อาเหม็ดยังคงหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ที่อัฟกานิสถาน ที่ตาลีบานได้หมายหัวเขาเอาไว้จากวีรกรรมที่เขาได้ช่วยเหลือทหารอเมริกันเอาไว้ ทำให้เขาเลือกที่จะกลับไปสู่สมรภูมิตัวเองอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือ…เพื่อนร่วมรบ

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ผลงานการเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือ

และก็อีกเช่นเคย The Covenant ก็ยังคงเป็นผลงานการเขียนบทหนังของ 3 ทหารเสือหน้าคุ้น กาย ริตชี ร่วมด้วย อิแวน แอตคินสัน กับ มาร์น เดวีส์ ที่พวกเขาทั้งสองคนต่างจับมือกันเขียนบทและพัฒนาบทมาด้วยกันในผลงานหลาย ๆ เรื่องนี้ สำหรับในหนังเรื่องนี้นั้นถือว่ามีกลิ่นอายที่ต่างไปจากงานเดิมของพวกเขาอยู่ไม่น้อย แม้ว่ามันจะยังสอดแทรกกลิ่นอายความเป็นหนังสุภาพบุรุษแนวถนัดอยู่ไปบ้าง แต่กับมีเส้นเรื่องและองค์ประกอบอื่นที่หนักแน่นยิ่งกว่า

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant - ภาพยนตร์แอ็คชั่นระทึกขวัญปี 2023

อย่างที่ได้จั่วหัวข้างต้นไปแล้วว่า ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ ใช้ทีมเขียนบทเดียวกับหนังอีกเรื่องอย่าง ‘Operation Fortune’ ทั้ง ไอวาน แอตคินสัน (Ivan Atkinson), มาร์น เดวีส์ (Marn Davies) ที่มาเขียนบทร่วมกับ กาย ริตชี เอง แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดสำหรับหนังเรื่องนี้คือแม้มันจะไม่ได้เป็นหนังมาจากเรื่องจริงแต่กลับหยิบประเด็นที่น่าสนใจอย่างล่ามแปลภาษาในสงครามต่างแดนที่มักถูกดันไปเป็นตัวประกอบในหนังสงคราม ให้มีความสำคัญและเป็นภารกิจที่ตัวละครเอกอย่าง จ่าจอห์น คินลีย์ ต้องไปปฏิบัติภารกิจระห่ำตอนท้ายเรื่อง

โดยจะว่าไปแล้ว The Covenant ถือว่าเป็นหนังที่มีซีนและท่วงท่าที่เชิดชูกองทัพสหรัฐฯ อยู่ไม่เบา แต่พวกเขาก็ไม่ได้ทำออกมาเป็นหนังกองทัพจ๋า ๆ แบบชวนเลี่ยนอะไรทำนอง แต่กลับสดุดหน้าที่เล็ก ๆ ที่สำคัญในสงครามกับตาลีบานที่น่าจะถูกมองข้ามไป อย่างเจ้าหน้าที่ล่ามภาษาท้องถิ่น ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่เสียสละและเสี่ยงชีวิตกับการอยู่รอดในสังคม เพื่อมาทำหน้าที่ในการแปลภาษาให้กับฝ่ายศัตรูของบ้านเกิดของพวกเขา

พล็อตเรื่องง่าย ๆ แต่ทำออกมาให้สนุกก็เพียงพอแล้ว

ต้องยอมรับว่าพล็อตเรื่องง่าย ๆ ของหนังเป็นจุดที่ทำให้มันเวิร์กได้ดี เมื่อมาผนวกเข้ากับการเล่าเรื่องที่ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน The Convenant จึงกลายเป็นหนังแอคชั่นทางการทหารที่ดูได้สนุกเพลินเอาการ เนื้อเรื่องค่อน ๆ ทวีคูณความเข้มข้นตามลำดับขั้นของสถานการณ์ที่หนังสร้างขึ้นมาในแต่ละซีน ถึงมันจะยังมีจุดที่เกินจริงและไม่สมเหตุสมผลปะปนอยู่ไปบ้าง แต่หนังก็มอบความบันเทิงแบบที่ผู้ชมต้องการได้เป็นอย่างดี โลเคชั่นของหนังเรื่องนี้ถือว่าแจ่มมาก แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางไปถ่ายทำในสถานที่จริงอยู่แล้ว แต่การจำลองบรรยากาศของอัฟกานิสถานในหนังเรื่องนี้ถือว่าค่อนข้างใช้ได้ทีเดียว

แม้ว่าจริง ๆ แล้วในหนังพวกเขาจะถ่ายทำอยู่ในสเปนเป็นหลัก ส่วนมุมภาพและมุมกล้องก็ยังไม่ทิ้งลวดลายของ กาย ริตชี เทคนิคต่าง ๆ อาจจะไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากเท่าไหร่ แต่มีส่วนในการช่วยบิวท์อารมณ์และบรรยากาศของหนังเอาไว้ในจังหวะที่ดี ยิ่งมาได้การแสดงที่เป็นมืออาชีพของ “เจค จิลเลนฮาล” เข้าไปด้วย ยิ่งทำให้หนังเต็มไปด้วยอรรถรสเข้าไปใหญ่ เขามอบการแสดงที่เฉียบขาดสไตล์ของเขา เล่นน้อยแต่ให้ออกมามาก ถึงจะไม่ได้เป็นการแสดงระดับมาสเตอร์พีชอะไร แต่เขาก็คือตัวละครหลักที่แบกหนังเรื่องนี้เอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับ “ดาร์ ซาลิม” ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย

ถือว่าบทส่งให้เขาอยู่ไม่น้อย แต่คาแรกเตอร์นี้เต็มไปด้วยหลากหลายมุมให้น่าสำรวจ และเขาก็ทำออกมาได้ดี ในลักษณะพูดน้อยต่อยหนัก ที่สำคัญบทหนังยังมุ่งวิพากษ์การเมืองโลกต่างจากงานชิ้นก่อนที่มักไปสำรวจวัฒนธรรมเฉพาะถิ่นชาวไอริช หรือทำหนังจากวรรณกรรมดัดแปลงให้มีความบ้าคลั่งไปเลย แต่กับ ‘Guy Ritchie’s The Covenant’ มันกลับมีแมสเซจด้านการเมืองชัดเจนตรงไปตรงมา

โดยเฉพาะตอนจบที่พูดถึงชะตากรรมอันน่าเศร้าของบรรดาล่ามแปลภาษาหลังอเมริกาถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน และพอหนังถูกห่อหุ้มด้วยความเป็นหนังสงคราม (War Film) ดราม่ามันจะถูกเผยออกมาผ่านการกระทำตัวละครที่ง่าย ๆ ตั้งแต่ความกลัวในแววตาของจ่าจอห์น คินส์ลีย์ ที่ เจก จิลเลนฮาล แสดงไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมหรือความกล้าหาญและเมตตาธรรมของอาเหม็ดที่ถูกถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าชื่นชมของดาร์ ซาลิม

รีวิว Guy Ritchie’s The Covenant – ฝีมือการกำกับภาพสุดขั้นเทพของ เอ็ด ไวลด์

และที่ส่งเสริมดราม่าของหนังได้ดีมากคือการกำกับภาพของ เอ็ด ไวลด์ (Ed Wild) ที่ใช้ภาพมุมเงย (Worm Eye View) มาแทนสายตาของ จ่าจอห์น คินส์ลีย์ ตอนนอนอยู่บนเปลที่ถูกเอามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในฉากสำคัญของหนัง หรือความดีงามมาก ๆ อย่างหนึ่งในฐานะคนที่ต้องชมภาพยนตร์จากแถวที่ 3 ของหน้าจออย่างผมในรอบสื่อคือการออกแบบภาพของมันดันสอดรับกับการชมในระยะใกล้จอมาก ๆ ส่งผลต่ออารมณ์ในการรับชมได้ดีทีเดียว

อาจคาดคิดว่าหนังของกาย ริทชี่ จะต้องมีฉากเปิดเท่ๆ งานสโลว์โมชันต้องมา มีความตลกกวนๆ หรือต้องหักเหลี่ยมเฉือนคม แต่ไม่ใช่สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่แทบจะเหมือนหนังสงครามจากเรื่องราวจริงเลยด้วยซ้ำ นี่มันเป็นหนังแนวแอคชัน ผสมทริลเลอร์ และอาจจะรวมดราม่าเข้าไปด้วยซ้ำ หนังจึงดูเคร่งขรึมจริงจังแต่ก็มีมุกเล็กๆ แทรกเข้ามานิดหน่อย

มันคือภารกิจของทหารชาวอเมริกันที่ปฏิบัติภารกิจอยู่กลางแผ่นดินอัฟกัน พวกเขาคือคนขาวที่เป็นคนนอก ไม่เป็นที่ยอมรับของคนพื้นที่ และถือเป็นคนนอกศาสนา และแน่นอนว่า การที่คนในพื้นที่เลือกมาเป็นล่ามให้กับชาวอเมริกัน ย่อมถูกมองอย่างดูหมิ่น แต่สำหรับ อาห์เหม็ด ตัวเอกของเรื่อง เขามีเหตุผลที่ทำให้เกลียดตาลีบัน ซึ่งนั่นทำให้เขาทำงานร่วมกับทหารเมกันเหมือนแกงที่เคี่ยวจนเข้าเนื้อมากกว่าคนอื่น

ในความรู้สึกของนายแพท หนังเรื่องนี้ก็ดูไม่ได้เร่งรีบจะเล่าให้เดินเรื่องฉับไวอะไรขนาดนั้น แต่กลับให้เวลาเล่าถึงสิ่งที่ตัวละคร 2 ตัวต้องใช้ร่วมกัน เพื่อบอกเล่าความหนักแน่นที่จะเกิดขึ้นภายหลัง หนังใช้ทัศนียภาพในแถบสเปนที่ถ่ายทำออกมาให้เหมือนกับเป็นอัฟกานิสถาน ผ่านมุมกล้องสวยๆ และบางจุดก็ใช้แฮนด์เฮลด์ที่ชวนให้รู้สึกสมจริงเข้าไปอีก เสริมด้วยเสียงสกอร์ที่ชวนรู้สึกอึดอัดแกมลุ้นระทึก

เอาเป็นว่าหลังจากที่ได้เสพงานหนังของ กาย ริตชี มาหลายเรื่องที่ผ่านมา ก็ทำให้เห็นว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้กำกับที่มีความหลากหลายในการผลิตอยู่ไม่น้อย ถึงจะถนัดในงานสร้างหนังแอคชั่นสไตล์สุภาพบุรุษ แต่เขาก็ยังหันมาทำหนังแฟนตาซีให้ดิสนีย์ได้ และล่าสุดมาจับทำหนังดราม่าเกี่ยวกับสงครามออกมาได้ดีอีกเช่นกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า กาย ริตชี ชื่อนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะทำไม่ได้ในวงการหนังอีกแล้ว

ความรู้สึกหลังรับชม Guy Ritchie’s The Covenant

ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว The Covenant ก็ถือว่าเป็นหนังที่ค่อนข้างมอบผลลัพธ์ที่เซอร์ไพรส์อยู่ไม่เบา เพราะไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่อะไรแบบนี้ แต่หนังสามารถตอบโจทย์และสร้างความอิมแพคต่อใจคนดูได้เป็นอย่างดี แม้ว่าหนังจะยังค่อยข้างเพลย์เซฟกับสูตรสำเร็จที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรก็ตาม แต่อย่างน้อย ๆ ก็ทำหนังออกมาได้สนุกและประทับใจ นี่น่าจะเป็นอีกหนึ่งหนังทหารที่น่าจดจำเอาไว้อีกเรื่องหนึ่งในยุคนี้เลยทีเดียว

ประเภท: แอคชั่น / ดราม่า / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: กาย ริตชี
นำแสดงโดย: เจค จิลเลนฮาน, ดาร์ ซาลิม
ความยาว: 123 นาที
กำหนดฉายในไทย: 20 เมษายน 2023

แนะนำเว็บดูหนังออนไลน์ : ดูหนังใหม่
แนะนำเว็บรีวิวหนัง : หนังไทยnetflix
แนะนำบทความรีวิวหนัง : รีวิว Transformers: Rise of the Beasts