Tag Archives: รีวิวหนังระทึกขวัญ

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

นับเป็นมหกรรมยำ (เละ) ครั้งใหญ่ แบบไม่สน หนังไทยมาใหม่ อะไรเลยจริง ๆ 5555 สำหรับหนังเรื่องนี้ ที่ตั้งแต่ Trailer ออกมาแรก ๆ นั้น ยอมรับเลย ส ปอย หนัง ว่ารู้สึก น่าดู สำหรับหนังไทยแบบนี้ คือตั้งตารอ เฝ้ารออยู่ทุกวันเลยจริง ๆ แต่หลังจากหนังฉาย วันที่ 1 กันยา ได้ไปดูในโรง จบแล้วชวนเกาหัวมากกว่าที่จะเอ็นจอยไปกับมัน ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี คือมันแบบ อิหยังวะ จริง ๆ ปกติไม่ค่อยได้เห็นหนังสยองขวัญ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ไล่เชือดไทยออกมาบ่อยนัก การมาของเรื่องนี้ตอนได้เห็นโปสเตอร์และตัวอย่างก็นับว่าน่าสนใจดี มีความคาดหวังเล็ก ๆ ว่ามันจะพอสร้างความแปลกใหม่ได้อยู่ พอดูจบแล้วมันก็แปลกใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ในทางที่ดี แต่เป็นในทางที่แย่ โดยเรื่องคร่าว ๆ คือหนังว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ได้มาพบเจอกันในรอบหลายปีที่บ้านกลางป่า แต่แล้วพวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับฆาตกรหน้าหมีที่ตามไล่ล่าเอาชีวิตพวกเขาอยู่

ชื่อเรื่อง คืนหมีฆ่า The World of Killing People
ประเภท ตลก / เขย่าขวัญ
นำแสดงโดย ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, ภัชทา จันทร์เงิน, ชนกันต์ อาพรสุทธินันธ์
กำกับโดย ลี ทองคำ, กานต์พงศ์ บรรจงพินิจ

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า คืนหมีฆ่า The World of Killing People หนังเลือดสาดเรื่อง คืนหมีล่าเต็มเรื่อง ล่าสุดที่กล้าทำออกมาลงโรงฉาย ที่บอกตรง ๆ คอนเซ็ปต์ และ นักแสดงก็ชวนไปพิสูจน์อยู่ไม่น้อย แต่ดันมาสะดุดตรงชื่อทีมผู้สร้าง ที่เพิ่งเจ็บตัวไปล่าสุดกับหนังสัตว์ประหลาดทุนกว่า 80 ล้านบาท จึงแอบตั้งแง่แต่ก็ไม่อคติที่จะเปิดใจให้กว้าง ๆ แล้วไปเสพกระเซ็นคราบเลือดในหนังเรื่องนี้

และ หนังเรื่องนี้ก็คือผลงานการกำกับ และ สร้างโดย “ลี ทองคำ” (เจ้าเก่าเจ้าเดิมจากหนังสัตว์ประหลาดที่เจ็บหนักไปหมาด ๆ อย่าง ‘บีงกาฬ’) กับ “กานต์พงศ์ บรรจงพินิจ” ที่ในคราวนี้ปรับโหมดในหนังแนว Slasher หรือหนังเขย่าขวัญเลือดสาด ที่จะว่าไปเราก็เคยเห็นฝั่งฮอลลิวูดสร้างอะไรทำนองนี้มาหลายทศวรรษแล้ว

ทั้งหนังเกรดเอและเกรดบี ในวงการหนังไทยก็เคยมีอยู่บ้าง แต่ก็แค่ประปรายและยังไม่ค่อยมีหนังแนวนี้เป็นที่ตราตรึงใจให้จดจำได้มากสักเท่าไหร่

แน่นอนว่า ลี ทองคำ ที่ยังควบตำแหน่งร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วยนั้น เขาได้ทำการละเลงจิตนาการ และ ภาพที่อย่างจะเล่าในหนังเรื่องนี้แบบหมดจด ก็คือเข้าให้อยู่นั่นแหละว่า Scream หวีดสุดขีด ที่เป็นเหมือนพ่อของหนังแนวนี้ ๆ ทุกเรื่องก็คือต้นแบบที่อยากจะนำมาปรุงแต่งเป็นหนังไทยดูบ้าง และ มันก็ได้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็น คืนหมีฆ่า The World of Killing People ที่บอกเลยว่า…เข็ดขยาดจริง ๆ

เรื่องย่อ คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

ภายใต้หน้ากากหมี ที่ถูกปิดบังเอาไว้ กำลังจะนำมาซึ่งชะตากรรมที่เปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาล ‘ความลับ’ ที่คุณไม่อยากให้ใครรู้ เรื่องราวที่คุณไม่อยากให้ใครเห็น กำลังถูกเฝ้ามอง จากสายตาคู่หนึ่ง ในสถานที่ปิดตายแห่งนี้ เรื่องราวของกลุ่มเพื่อนรัก ที่ตัดสินใจจะไปใช้เวลาช่วงวันหยุดด้วยกัน ในบ้านหลังหนึ่งกลางป่าใหญ่

แต่เรื่องราวกลับไม่ได้สนุกสนานอย่างที่พวกเขาคิด เพราะพวกเขากับถูกจ้องมองจากอะไรบางอย่างตลอดเวลา และ เหมือนยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่ สิ่งที่พวกเขาพยายามจะปิดซ่อนไว้ กลับกำลังจะถูกเปิดเผยออกมา การไล่ล่าสุดแสนระทึกในสถานที่ปิดตาย จึงเริ่มก่อตัวขึ้น พวกเขาจะหนีได้ไหม หรือจะลุกขึ้นสู้กันมันได้หรือเปล่า

ความรู้สึกหลังรับชม คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า

ความรู้สึกหลังดูจบ คือแบบ มันบอกไม่ถูกรวม ๆ ก็เป็นหนังสยองขวัญ คืนหมีล่า ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร แต่ก่อนจะมาถึงข้อเสียว่าทำไมถึงทำให้รู้สึกผิดหวังขอกล่าวด้วยข้อดีของหนังเรื่องนี้กันไปก่อน ข้อดีของหนังเรื่องนี้คือฉากโหดไล่ล่าต่าง ๆ ถือว่าทำได้โหด และ สยองสะใจสาแก่คอหนังสยองขวัญเป็นอย่างมาก พร้อมยังหยิบดีเทลต่าง ๆ จากหนังสยองขวัญยอดฮิตที่แฟน ๆ เห็นแล้วต้องร้องอ้อว่าพวกเขาหยิบมาจากหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้

จะบรรยายไปก็อาจจะใจร้ายสักหน่อย แต่สารภาพตรง ๆ ว่า ณ เวลาชั่วโมงครึ่งของหนัง คืนหมีฆ่า The World of Killing People ช่างเป็นอะไรที่ทรมานในการนั่งดูดีแท้ แม้ว่าโดยส่วนตัวนั้นจะมีภูมิคุ้มกันมาแล้วจากผลงานชิ้นก่อนของผู้สร้างชุดนี้ แต่พอมาถึงหนังเรื่องนี้ทิศทาง และ องค์ประกอบอะไรต่าง ๆ ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นสักเท่าไหร่นัก เพราะหนังยังค่อนข้างวนอยู่ในอ่างกับปัญหาหลัก ๆ ก็คือหาความเป็นตัวตนของตัวเองไม่เจอ

แล้วก็มาถึงข้อเสียของหนังเรื่องนี้คือเมื่อพวกเขาต้องการจะหยิบมุขนั้นมุขนี้จากเรื่องอื่นมาใส่หนังเรื่องนี้มันเลยกลายเป็นการยำรวมที่เละเอามาก ๆ เหมือนเขาไม่แน่ใจว่าจะเอาเรื่องไหนเอามาเป็นธีมหลักเรื่องนี้ดีเดิ๋ยวก็ SCREAM เดิ๋ยวก็ I KNOW WAHT YOU DID LAST SUMMER , THE PURGE และ ก็มาบู๊แบบ YOU RE’ NEXT อีก และ การที่ใช้ชื่อ The World of Killing People ธีมหลักคงต้องเป็น THE PURGE จริงไหม

แต่กลับไปเล่นแบบอื่นที่ไม่ควรเอามารวมด้วยเลยกลายเป็นยำเมนูนึงที่ดูเยอะแต่รสชาติยังไม่โดนใจพอที่อยากจะลิ้มลองอีกรอบ อีกทั้งด้านบรรยากาศ เพลงประกอบ และท่าทางของหน้ากากหมี ก็ไม่ได้ชวนน่ากลัวชวนขนหัวลุกเอาชะเลย มันไปในทางตลกมาด้วยซ้ำ

จุดอ่อนที่โดดเด่นที่สุดของ คืนหมีฆ่า The World of Killing People ไม่ได้เป็นแค่บทหนัง แต่ยังคงเป็นในส่วนการตัดต่อ และ ลำดับที่สร้างความยุ่งเหยิงขนานหนัก และ นี่ก็คือปัญหาเดียวกันกับที่เคยเจอมาแล้วในหนัง บึงกาฬ เรื่องที่ผ่านมา การตัดต่อเรื่องนี้ค่อนข้างมีปัญหา หลายจุดไร้การเชื่อมต่อ และ เชื่อมโยง

กลายเป็นหนังทื่อ ๆ ที่ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าผ่านรอบทดสอบก่อนฉายมาหรือไม่ เพราะบางจุดก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะปล่อยผ่านออกมาได้

ซึ่งถึงจะมีด้านแย่ ๆ เยอะ แต่หนังก็ยังมีสิ่งดี ๆ ให้จดจำบ้าง ทางด้านตัวละครผมชอบตัวละครของ “แคร์ ปาณิสรา” รับบทเป็น “แนน” มากที่สุดซึ่งถึงแม้หลายคนจะนึกถึงตัวละครแบบนี้ในเรื่อง YOU RE NEXT แต่ผมคิดว่าเธอคล้าย “ซูกี้ วอเตอร์เฮ้าส์” จาก SEANCE | คืนปลุกผี ชะมากกว่า อาจจะเพราะด้วยบุคลิกท่าทางต่าง ๆ นา ๆ อีกทั้งนางก็ได้ออกลีลาบู๊ไปฉากนึงด้วยซึ่งถือว่าเป็นฉากที่ผมชอบที่สุดเลย จนไม่แปลกใจเลยที่ผมไปนึกถึงเรื่องนั้นเป็นหลัก

รีวิว คืนหมีฆ่า

รีวิว คืนหมีฆ่า ภาพยนตร์เรื่อง คืนหมีฆ่า The World Of Killing People เป็นหนังไทย คืนหมี ล่า ดูหนังออนไลน์ แนว “Slasher” ซึ่งก็มีหลายคนงงว่า มันคือหนังอะไร? แต่ถ้าบอกว่า หนังแนวสยองขวัญอย่างเช่นเรื่อง “บอสฉันขยันเชือด” หรือ My Boss is a Serial Killer (2021) ที่นำแสดงโดย พี่ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา แล้วละก็ คงจะพอนึกออก ร้องอ๋อกันได้บ้าง

ความจริงแล้วหนังแนว “Slasher” เป็นอะไรที่เจอบ่อยมาก ๆ โดยเฉพาะหนังสยองขวัญจากต่างประเทศอย่าง The Texas Chain Saw Massacre, Halloween, Happy Death Day, Scream หรือแม้แต่ Friday the 13th สังเกตดูแล้วก็จะรู้เลยว่าพล็อตเรื่องจะมีความคล้ายกันในช่วง “ฆาตกรโรคจิต” ออกไล่ล่าฆ่าคนแบบไม่เลือกหน้า

บางทีก็ตั้งปมปริศนาการฆ่าไว้มากมาย โดยในช่วงระหว่างปี 1980 และ 1990 หนังแนวนี้เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ก่อนจะค่อย ๆ ถูกภาพยนตร์แนวอื่น ๆ ที่เข้ามาครองตลาดในที่สุด

บทสรุปหนัง คืนหมีฆ่า

คืนหมีฆ่า The World of Killing People ก็ไม่ใช่อะไร the world of killing นักแสดง ที่เกินคาดเดาเลย เพราะมันคือสูตรสำเร็จเดิม ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ คือถ้าใครเป็นแฟนหนังประเภทนี้ได้มาดูนั้น เชื่อว่าเพียงแค่ 10 นาทีที่หนังเข้าสู่เนื้อหาของเรื่องนั้น ก็น่าจะคาดเดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง แต่มันคงจะเอ็นจอยกว่านี้ ถ้าองค์ประกอบต่าง ๆ ในหนังไม่ออกมาผิดที่ผิดทางไปหมดเช่นนี้

ในขณะที่นักแสดงยอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่เสริมสมทบเข้ามาแจมในหนังนั้น ไม่ว่าจะเป็น “บี๋ ธีรพงศ์”, “แพนเค้ก เขมนิจ” หรือ “เต๋า เศรษฐพงศ์” ก็คือไม่เข้าใจเหมือนว่าหนังจะใส่พวกเขาเข้ามาทำไม เพราะถ้าหากไม่มีพวกเขา หนังก็น่าจะยังเดินไปต่อได้ เพราะในท้ายที่สุดตัวละครต่าง ๆ เหล่านี้ก็ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ในคนดูคลุมเครือและงงงวยว่า..คืออะไรกันนะ?

คืนหมีฆ่า The World of Killing People” ถือเป็นหนังสยองขวัญไล่เชือดของไทยที่บางอย่างเหมือนออกมาโอเคแล้ว แต่กลับตกม้าตายเพราะการนำเสนอของหนัง การเล่าเรื่องที่ตะกุกตะกักตลอดทาง อีกทั้งจังหวะหนังที่ไม่คม และ ไม่แม่นยำจนทำให้ความสนุกแทบจะไม่เหลือ

แม้หนังจะตั้งตัวไว้ว่ามันเป็นหนัง ไม่สนตรรกะเหตุผลใด ๆ ก็ตาม แต่เพราะการกำกับของหนัง มันเลยเป็นหนังที่ตกอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่มากกว่าสถานะของหนังคัลท์ที่สนุก สำหรับเราให้คะแนนหนังเรื่องนี้ที่ 5/10

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

สวัสดีครับวันนี้ หนังไทยnetflix ผมจะมาเขียนแนะนำหนังไทย เก่า สุดยอด หนังยอดนิยม ที่ในเวลาต่อมา ส ปอย หนัง ไม่นานก็มีภาคต่อ อย่าง atm เออรัก เออเร่อ 2 แต่ที่มาแนะนำวันนี้คือ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ภาคแรก เรื่องราวของธนาคารสัญชาติญี่ปุ่น JNBC ซึ่งมีกฎบังคับข้อสำคัญว่า ‘พนักงาน ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ จะมีความสัมพันธ์เกินเลยมากกว่าเพื่อนร่วมงานไม่ได้’ เพราะอาจจะเอื้อให้เกิดโอกาสในการทุจริตในองค์กร ย้อนกลับไปในวันนี้เมื่อ 7 ปีที่แล้ว (19 กุมภาพันธ์ 2555) ภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดี้ ATM เออรัก..เออเร่อ ฝีมือการกำกับของ เมษ ธราธร เข้าฉายเป็นวันแรก และ ทันทีที่เข้าฉายหนังก็สร้างกระแสเสียงฮาจนโกยรายได้ในระดับปรากฏการณ์ไปกว่า 152.5 ล้านบาท ส่งให้ ATM เออรัก..เออเร่อ เคยขึ้นแท่นในทำเนียบภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ตลอดกาล ในอันดับที่ 6 (ปัจจุบันตกไปอยู่ในอันดับที่ 11) นอกจากนี้หนังเคยครองตำแหน่งภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดของ GTH (ก่อนหน้าที่ค่ายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง และ เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น GDH 559 ในปี 2559) ก่อนจะถูกโค่นแชมป์ลงโดยภาพยนตร์ พี่มาก..พระโขนง

หนังเรื่องที่ควรจะได้สร้างความฮารับปีใหม่ หลังได้พลังใจในการดำเนินชีวิตจาก ‘Top Secret วัยรุ่นพันล้าน’ แต่เมื่อเจอกับอุทกภัย จำต้องเลื่อนโปรแกรมมาฉายหลังปีใหม่แทน หนังรัก-ตลก-อารมณ์ดี ต้อนรับปีมังกรจากค่าย GTH มาถึงแล้ว ‘ATM เออรัก…เออเร่อ’

ผู้กำกับภาพยนตร์ : เมษ ธราธร
แนว/ประเภท : Comedy, Romance
ชื่อภาพยนตร์ : ATM เออรัก…เออเร่อ / ATM
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 19 มกราคม 2555
นักแสดงนำ : เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี,ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร, เอิร์ธ ธวัช พรรัตนประเสริฐ, แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์, ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง, เผือก พงศธร จงวิลาส, ตุ๊ยตุ่ย พุทธชาด, ญาณี ตราโมช, โจ๊ก โซคูล

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ ATM เออรัก..เออเร่อ เป็นภาพยนตร์ไทย ATM เออรัก เออ เร่อ เต็มเรื่อง แนวโรแมนติกคอมเมดี้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555 กำกับโดย เมษ ธราธร ผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และ จัดจำหน่ายโดยจีทีเอช ATM เออรัก เออเร่อ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ทำรายได้รวม 152.5 ล้านบาท

เป็นอันดับ 7 ของภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ตลอดกาล จากเวลาเข้าฉาย 4 สัปดาห์ 4 วัน ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 มีละครซีรีส์ที่ดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากภาพยนตร์เรื่องนี้ในชื่อเรื่อง ATM 2 คู่เวอร์ เออเร่อ เออรัก ออกอากาศในช่อง จีทีเอชออนแอร์

และ เคยขึ้นเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับ 1 ของ GTH (GDH) ก่อนจะโดนภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ เพื่อนร่วมค่ายเบียดไปอยู่ที่ 3 นอกจากนี้ยังรวมนักแสดงสายฮาเอาไว้เพียบ ไม่ว่าจะเป็น ฝน ศนันธฉัตร, โจ๊ก โซคูล, เผือก พงศธ, ป๊อป ปองกูล, แจ๊ค เฉลิมพล ฯลฯ

เรื่องย่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

ATM เออรัก..เออเร่อ เล่าเรื่อง ธนาคารเจเอ็นบีซี สัญชาติญี่ปุ่นที่เปิดสาขาในประเทศไทย มีกฎเหล็กตั้งเอาไว้ว่า ห้ามพนักงานเป็นแฟนกัน เพราะผลจากการวิจัยพบว่าคู่รักที่ทำงานที่เดียวกันมีแนวโน้มที่จะร่วมมือกันทุจริตได้มากกว่า แต่ภายใต้กฎเหล็กที่แน่นหนาก็ยังมีพนักงานที่แอบคบกันอย่างลับ ๆ

เมื่อความลับไม่มีในโลก เรื่องเกิดแดงขึ้นมาแถมยังมีหลักฐานมัดตัวอย่างแน่นหนา ทำให้ จิ๊บ หัวหน้าแผนกเอทีเอ็ม ต้องเรียกพนักงานคู่รักในแผนกมาสอบสวน ซึ่งผลลงโทษก็คือต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกไล่ออก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

สิ่งที่ ‘ATM เออรัก…เออเร่อ’ ทำได้อย่างชัดแจ้ง atm เออรัก เออ เร่อ เต็ม เรื่อง dailymotion และ เข้าเป้า คงไม่พ้น ความฮาที่ใส่มุขมาไม่ยั้งตั้งแต่ต้นจนท้ายเรื่อง ผู้ชมอย่างผมหัวร่องอหาย และ อารมณ์ดีกับหนังได้อย่างสุด ๆ โดยที่มุขตลกต่าง ๆ ยังคงดำเนินไปพร้อมกับเนื้อเรื่อง ไม่มีสะดุดหยุดอยู่กับที่เพื่อจะปั้นมุขให้เต็มแต่เนื้อเรื่องไม่ไปไหน ตัวละครแต่ละตัวก็พยายามอย่างเต็มที่จะสร้างทั้งความน่ารัก รอยยิ้ม และ เสียงหัวเราะให้กับผู้ชม

ไม่ว่าจะเป็นตัวพระเอกอย่าง เต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ยังคงทะเล้นให้ฮาก๊ากตามเคย หรือจะเป็นน้อง ไอซ์ ปรีชญา พงษ์ธนานิกร ที่แม้จะเป็นมือใหม่ ก็ยังสวมบทบาทได้ดี แต่ยังต้องให้โอกาสในการปรับปรุงบ้าง หากความน่ารักของเธอก็เอาหัวใจคนดูไปมากพอควร ไม่ได้มาแบบสวยใสสไตล์ดราม่า แต่เธอก็มาในแบบ “ยัยตัวร้าย” ได้อยู่แหละ

ขณะที่ตัวแสดงประกอบตัวอื่น ไม่ว่าจะเป็น โจ๊ก โซคูล, ป็อป ปองกุล สืบซึ้ง, เอิร์ธ ธวัช พรรัตนประเสริฐ และ แจ็ค เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์ ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดีจนหลายครั้งพบว่า ต่างคนต่างแข่งขันที่จะแย่งซีนกันเอง ผลประโยชน์ตกที่ผู้ชม

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ยังทำหน้าที่ได้ไม่มากนัก ก็คงเป็นบทซึ้งเรียกอารมณ์ร่วมของคนดู เพราะหนังที่สนุกสนานมาทั้งเรื่อง เมื่อถึงเวลาต้องดราม่า กลับพบว่ามันพอทำได้แต่ยังไปไม่ถึงสักเท่าใดนัก อาจเพราะบทหนังที่เล่นกับเกมของพวกเขามากไปจนลืมที่จะเล่าถึงความรักที่สองคนต่างมีให้กันก็เป็นได้

กระนั้นก็ทำให้น้ำตาซึม ๆ ได้อยู่นะ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ

รีวิว atm เออรัก เออเร่อ เมื่อเหตุการณ์มาถึงช่วงวิกฤติ การคบกันอย่างลับ ๆ ATM เออรัก เออ เร่อ 1 เริ่มเป็นสิ่งน่าอึดอัด จนคำว่า “การแต่งงาน” กลับกลายเปลี่ยนเป็น “เกม” เพราะมันจะเกิดขึ้นได้ นั่นต้องมีใครคนใดคนหนึ่งลาออกเสียก่อน ประกอบกับเครื่องเอทีเอ็มในสาขาชลบุรีเกิดขัดข้อง “แจกเงินเบิ้ลให้ผู้กด” เงินหายไปเป็นแสน เกมชิงไหวชิงพริบจึงเกิดขึ้น เกมที่ว่าใครจะตามเงินกลับมาได้ก่อนคือ ผู้ชนะ และ ผู้แพ้ต้องลาออก

นอกจากบทภาพยนตร์ และ ฝีมือกำกับมุกของ เมษ ธราธร ที่ยอดเยี่ยม แต่อีกกุญแจแห่งความสำเร็จที่ถือเป็นเสน่ห์สำคัญของหนังคือ ‘เคมี’ ของนักแสดงนำ และ นักแสดงสมทบ อย่าง โจ๊ก โซคูล, เผือก-พงศธร จงวิลาส, ป๊อบ-ปองกูล สืบซึ้ง, แจ๊ค แฟนฉัน, เอิร์ธ-ธวัช พรรัตนประเสริฐ, ฝน-ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล, พุทธชาด พงศ์สุชาติ และ แอนนา ชวนชื่น ที่ทำให้ความโรแมนติก และ มุกสร้างเสียงหัวเราะนั้นเขย่าออกมาลงตัว

บทสรุป

โดยหลังจากที่ผมได้รู้มานั้น ตัวเรื่องนั้นเรียกได้ว่าจะปล่อยมุข ATM เออรัก เออ เร่อ 2 ตอนที่ 1 มาให้เรานั้นขำแทบทึกนาทีเลยทีเดียว ส่วนเรื่องของการแสดงออกของตัวละครนั้นเรียกได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นแค่บทตลก แต่การแสดงออกของตัวละครนั้นเรียกได้ว่าทำเราขำได้ตลอดเลย ก็ว่าได้แต่ความสมจริงของเรื่องนั้นเราก็อย่าไปคาดหวังเพราะว่าตัวหนังนั้นเป็นหนังที่ทางผู้สร้างอยากทำให้มันตลกจึงอาจขาดความสมจริงไปบ้าง ๆ

เรียกได้ว่าเรานั้นไม่ต้องคิดอะไรเพียงแค่ผ่อนคลายสมองของเรา และ ดูมันก็พอ ซึ่งโดยฉากที่ผมชอบนั้นคือฉากที่ เรียกได้ว่าเป็นตำนานเลยก็ว่าได้ ที่ เสือนั้นได้ปลอมตัวเป็นตำรวจ และ ทำการเข้าไปซื้อปืนในร้านขายของ และ มี เด็กในร้านมาขายของ ซึ่งเด็กในร้านนั้นก็ได้เล่นปล่อยมุขได้อย่างฮา เอาเป็นอย่างมาก

เป็นฉากในตำนานเลยก็ว่าได้ ส่วนฉากที่ผมไม่ชอบนั้น คือฉากที่ จิ๊บ ได้ทำการหลอกทุกคน ว่าจะไม่เอาเงินคืนแต่สุดท้ายก็ได้เอาเงินคืน ซึ่งเล่นทำผมนั้นเสียน้ำตาเลยทีเดียว

แต่โดยรวม ๆ แล้วนั้นผมก็คิดว่าเป็นหนังที่ดีมากเลยทีเดียวเลยครับ

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ

สวัสดีครับ สำหรับผมทั้ง ๆ ที่หนังผีเรื่องนี้ จะดูเหมือน ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก ส ปอย หนัง แต่ต้องขอยอมรับเลยนะครับ ว่านี้เป็ยหนังผีไท ที่ผมกลัวมาก ๆ เลยครับ หนังเรื่องนี้เป็นที่ถกเถียงมานมนาน หนังไทยnetflix ตั้งแต่เทรลเลอร์ “อาบัติ” ถูกปล่อยออกมาใหม่ ๆ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ว่าบังควรหรือไม่บังควร ดูหมิ่นหรือทำลายศาสนาหรือไม่ อย่างไร ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ แล้วมิหนำซ้ำ ต่อมา ก่อนการฉายรอบสื่อมวลชนเพียงหนึ่งวัน หนังก็ถูกกระทรวงไดโนเสาร์ถอดออกจากโปรแกรมฉายอย่างกะทันหันสายฟ้าแล่บ จนเป็นกระแสโจษจันกันทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามทางค่าย “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บาแรมยู” ซึ่งเป็นผู้ผลิต ก็ต่อสู้ใจขาดดิ้น จนในที่สุด “อาบัติ” ก็ได้กลับมาฉายตามปกติ รอบแรกคือรอบ 20.30 น. ของคืนวันที่ 16 ต.ค. (จากกำหนดการเดิมคือ 15 ต.ค.) โดยเนื้อหาล่อแหลมถูกตัดออกไปนิดหน่อยภายหลังจึง เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “อาปัติ” และ ตั้งเรท 18+

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ แก่นของเรื่องไม่มีอะไรมากไปกว่าการทำผิด อาปัติ เต็มเรื่อง วินัยของพระสงฆ์ แต่ที่ผมสนใจก็คือ ความคิดของฝ้าย กับพระซัน ความคิดของฝ้ายนั้นอาจถือได้ว่าเป็นเสรีนิยมโดยแท้จริง เพราะรักจึงยอมทุกอย่างไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในรูปใดก็ตาม เช่น ชวนพระซันหนีไปอยู่กรุงเทพฯ เป็นต้น

ความจริงสิ่งนี้ก็เหมือนกับสีกาพิน และ แม่ของตนเอง แต่หากจะวิจารณ์ในแนวโครงสร้าง เรื่องทั้งเรื่องถูกครอบงำอยู่ด้วยคตินิยมแบบพุทธดั้งเดิมด้วย หากทำอย่างที่ว่าฝ้ายต้องกลายเป็นเปรตไปโดยปริยาย

ถึงแม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ และ หั่นฉากที่ว่ากันว่าเป็นฉากสำคัญบางฉากออกไป นัยว่าเพื่อเลี่ยงความกระทบกระเทือนใจชาวพุทธ แต่หากจะพูดกันตรง ๆ แล้ว หลังจากผมดู “อาบัติ” จบ กลับพบว่าภาพรวมของหนังไม่ได้มีเนื้อหาอะไรที่ดูถูกดูหมิ่นพุทธศาสนาเลย

แต่กลับชี้ให้เห็นถึงบาปบุญคุณโทษของคนที่ไม่อยู่ในศีลในธรรม และ ออกแนวปกป้องศาสนาซะด้วยซ้ำไป สรุปคือหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีเนื้อหาที่มุ่งโจมตีศาสนา แต่ออกจะเป็นหนัง แนวหนังสยองขวัญ ฆาตกรรมอำพราง ซับซ้อนซ่อนเงื่อนลับลวงพราง และ ออกแนวกฎแห่งกรรม ซะมากกว่า

จุดพีคของเรื่อง “อาบัติ” นี้อยู่ตรงกุฏิที่ “เณรซัน” ใช้จำวัดอยู่ เพราะเป็นกุฏิที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า กุฏินี้คือจุดรวมของเรื่องทั้งหมดใน “อาบัติ” ทั้งผี ทั้งเปรต ทั้งคนดี ทั้งคนบ้า ทั้งความสยอง ความหลอน เบื้องหน้า เบื้องหลัง เบื้องลึก และ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความลับของวัดแห่งนี้

ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และ จบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

เรื่องย่อ

รีวิว อาปัติ

ซัน (ชาลี ไตรรัตน์ หรือ แน็ค แฟนฉัน) เด็กหนุ่มเกเรวัย 19 ปี ถูกพ่อบังคับ ให้มาบวชเณรที่วัดต่างจังหวัดอย่างไม่เต็มใจ โดยมีหลวงพี่ทิน (กิก ดนัย จารุจินดา) เป็นเสมือนพระพี่เลี้ยงที่คอยดูแลเขาตั้งแต่วันแรก

ซันไม่อยากสุงสิงกับเณรรูปอื่น จึงขอพระอาจารย์ (หนุ่ม อรรถพร ธีมากร) ไปจำวัดอยู่กุฎิร้างท้ายวัด ที่นั่นห่างไกลจากผู้คน ไม่มีคนอยู่มานานแล้ว จะมีก็แต่คนบ้าประจำหมู่บ้าน (เอก สรพงษ์ ชาตรี) ที่แอบมานอนอยู่ใต้ถุนกุฏิ และ ขโมยข้าววัดกิน

ต่อมา ซันได้รู้จักกับ ฝ้าย (พลอย ศรนรินทร์) เด็กสาวชาวบ้านที่อาศัยอยู่กับยาย ทั้งสองตกหลุมรักกัน ซึ่งนำพาพวกเขาไปสู่การพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัดมานานนับปี ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกาพิน (พิม พิมพ์พรรณ ชลายนคุปต์) กับพระภิกษุในวัด, การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญ, รวมถึง “กรรม” ที่พวกเขากระทำกันขึ้นมาเอง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว อาปัติ

ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญอันเป็นหัวใจ อาปัติ 2 ของหนังเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร และ จบลงแบบไหน เชิญท่านไปดูกันเองซึ่งรับรองว่าสนุกตื่นเต้น กว่าที่ผมเล่ามานี้เยอะเลย แต่อยากจะกระซิบบอกล่วงหน้าสักนิดว่า

เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นอย่างที่ตัวอย่างหนังได้ถูกปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ คือ ไม่มีทั้งเรท x เรต R วูบวาบหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่รู้ว่าเพราะโดนหั่นฉากแรง ๆ ออกไปก่อนหน้านี้เพื่อให้หนังได้ฉายหรือเปล่า)

ส่วนที่เขาว่าตัดต่อใหม่ เราก็ไม่รู้นะว่าเขาตัดอะไรออก คาดว่าคงเป็นฉากล่อแหลมเกินงามระหว่างสีกากับชายผู้ห่มผ้าเหลือง อย่างไรก็ตาม เท่าที่ดูมาจนจบเรื่อง เราก็ไม่ติดขัดหรือรู้สึกว่ามีอะไรขาดหายไป มีแต่ความรู้สึกเล็ก ๆ ว่า เรื่องยังเบาไปหน่อย ไม่หนักอย่างที่คาดสักเท่าไหร่

คือเราดูหนังฝรั่งมาก็หลายเรื่อง อาปัติจัดว่ามีความรุนแรงหรือความล่อแหลมน้อยมาก นี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าจุดไหนที่มันร้ายแรงมากถึงขั้นต้องจ้องจะแบนกันท่าเดียวแต่ทีแรกเชียวหรือ แต่เอาจริง ๆ นะ ไดโนเสาร์ควรให้ประชาขนได้รับข้อมูลต่าง ๆ หลาย ๆ ด้าน หรือหลาย ๆ มุมมองบ้าง ไม่จำเป็นต้องป้อนแต่อะไรสวย ๆ ปลอม ๆ ให้พวกเราเสมอไปก็ได้ นี่มันยุค 2015 แล้ว

อย่างที่เข้าใจได้ ด้วยปัจจัยภายนอกที่มาจำกัดศักยภาพของหนัง #คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ทำให้หนังยังไม่สามารถนำเสนอเรื่องราวทางศาสนาได้เต็มที่ กล่าวคือโชว์ process ณ ขณะกระทำผิดไม่ได้ โชว์ได้แต่ผลลัพธ์หรือ negative effects ที่เกิดจากการกระทำนั้น ๆ ผลออกมามันเลยยังพีคได้ไม่ค่อยสุด คนดูก็ยังอินได้ไม่มากเท่าที่ควร บอกเลยว่า น่าเสียดายบทดี ๆ นักแสดงดี ๆ และ ภาพสวย ๆ ในหนังแทนจริง ๆ

ความรู้สึกส่วนตัว ณ ขณะที่ดู และ หลังดูอาปัติจบแล้ว เราว่านี่เป็นหนังไทยคุณภาพเรื่องหนึ่งที่คนไทยหรือชาวพุทธทุกคนควรดูเลยแหละ ถ้าไม่สนับสนุนหนังแบบอาปัติแล้วล่ะก็ ประเทศไทยคงมีแต่หนังรักกุ๊กกิ๊กหรือหนังแต๋วแตกแหกนะยะผลิตออกมาให้คนไทยบริโภคเพื่อความบันเทิงไปวัน ๆ อย่างเดียวจนเอียนไส้

รีวิว อาปัติ

รีวิว อาปัติ เราเป็นชาวพุทธโดยกำเนิด แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัด หนัง อาบัติ เต็มเรื่อง 2015 พากย์ไทย อะไรกับศาสนามาก เพราะเกิดมาก็มีคนระบุศาสนาให้ทันทีในใบแจ้งเกิดนั่นแหละ แล้วแต่เล็กจนโต ไลฟ์สไตล์เราก็ไม่ค่อยจะผูกพันกับวัดสักเท่าไหร่ ในส่วนของหลักธรรมคำสอนต่าง ๆ ก็ได้เรียนครั้งสุดท้ายในสมัยมัธยมตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการ พอขึ้นมหา’ลัยแล้ว เราก็แทบไม่มีโอกาสได้สัมผัสหรือทบทวนอะไรพุทธ ๆ อีกเลย

ดังนั้นสื่อต่าง ๆ เช่น ภาพยนตร์ ถือเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้คนอย่างเราได้เข้าใกล้ศาสนาของตนเองบ้างนะ ไม่มากก็น้อย อืม เราคิดว่าอย่างนั้น…

เราก็เหมือนกับเด็กฝ้ายในเรื่องนะ ที่ลึก ๆ แล้วก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีเปรตหรือบาปกรรมสักเท่าไหร่เพราะเราไม่เคยเห็นผีเปรต และ ไม่เคยเห็นบาปกรรม พอไม่เคยเห็น เราก็เลยยังไม่เชื่อ 100% แต่ถามว่า แล้วกลัวรึเปล่า… อืม ก็กลัวนะ… มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่เรามักจะกลัวในสิ่งที่เรามองไม่เห็น จริงมั้ย?

บทสรุป

โดยรวมแล้ว เราคิดว่าหนังอาปัติสอนเรื่อง “กรรม” ทั้งรูปธรรม และ นามธรรมให้ทั้งตัวละคร และ คนดูอย่างเรา อาปัติ สปอย ได้รู้แจ้งเห็นจริงในระดับหนึ่ง แถมยังดูเพลิน ๆ อีกต่างหาก ถือเป็นหนังไทยเรื่องหนึ่งที่บทดีเลยทีเดียว เรื่องราวปะติดปะต่อผูกกันโอเค ไม่มีช่องโหว่หรือจุดที่ไม่สมเหตุสมผลเลย ที่สำคัญเรื่องราวยังชวนคิดติดตามตลอดเรื่อง

ตามมาตรฐานหนังผีไทย พาร์ทผีในอาปัติจัดว่าน่ากลัวใช่หยอก ผีเปรตขอส่วนบุญออกไม่เยอะอย่างที่คิด แต่ผีอื่น ๆ ที่ไม่รู้มาเพื่ออะไรนี่สิน่ากลัว และ มาหาบ๊อยบ่อย สะดุ้งหลายช็อตเลย คืออาจจะด้วยซาวนด์ประกอบด้วยส่วนหนึ่งที่ชวนเราหลอนไปก่อนภาพ

แต่ที่สนุกจริง ๆ คือ เราสนุกที่ถูกหนังหลอก เดาเรื่องกันแทบไม่ถูกจนเลิกเดา หนังมันหลอกคนดูแล้วหลอกคนดูอีก บางฉากนี่สะดุ้งเป็นคลื่นอาฟเตอร์ช็อค

เราคิดว่าอาปัติจัดว่าโอเคเลยสำหรับหนังไทยที่ถูกจำกัด creativity นี่นั่นโน่นโดยชมรมไดโนเสาร์ขนาดนี้ ควรสนับสนุนให้มีหนังแนวสะท้อนความจริงของสังคมแบบนี้ออกมาอีกเรื่อย ๆ จรรโลงสังคมดี ไม่ทำลายสักกะนิด ไปดูเถอะไปดู

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์

สวัสดีครับนับเป็นอีกหนึ่งผลงานจาก ผู้กำกับที่มากฝีมือ หนังไทยnetflix อย่างคุณ ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ ที่มีหนังมากมาย ออกมาให้เราได้รับชม ส ปอย หนัง ทั้งที่กระแสตอบรับดี และกระแสไม่ดี ภาพยนตร์ทริลเลอร์แฟนตาซี เรื่องแรกของค่าย gdh ได้รับแรงบันดาลใจ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี และดัดแปลงมาจาก เรื่องราว ของกวรรณกรรมญี่ปุ่น ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ วิธีการเล่าเรื่องเปิดซีน แรกมาก็สามารถทำได้น่าสนใจ มี CG ให้เห็นตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ตอนต้นเรื่องคือซีจี ที่อลังการที่เราได้เห็น ในตัวอย่างนั้นพอได้เห็น ในหนังแล้ว สวยงามกว่าในตัวอย่างมาก งานละเอียดสุด ๆ ไปเลย และ ความน่าดูอีกอย่าง ก็คงจะเป็นการรับบทแสดงของ เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง BNK48 และเจมส์ นักแสดงจากเรื่องที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา เขาเป็นอย่างดีจากเรื่องฮอร์โมนวัยว้าวุ่น อีกทั้งเนื้อเรื่องนั้นดำเนิน ไปอย่างเข้มข้น ทั้งบรรยากาศ และ เพลงประกอบก็ทำให้น่าติดตาม

เรื่อง : Homestay | โฮมสเตย์
ผู้กำกับ : ภาคภูมิ วงศ์ภูมิ
แนว : แฟนตาซี ระทึกขวัญ ดราม่า
นักแสดงนำ : ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, เฌอปราง อารีย์กุล, สู่ขวัญ บูลกุล
รางวัลที่ได้รับจากเวทีสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 : นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม, เทคนิคการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์ เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายของญี่ปุ่นเรื่อง Colorful ผลงานของนักเขียน Mori Eto เป็นเรื่องราวของวิญญาณ โฮมสเตย์ เต็มเรื่อง 037 เร่ร่อนที่ได้รับรางวัลจากผู้คุมวิญญาณให้กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งหนึ่ง ในร่างของเด็กหนุ่มมัธยมปลาย มิน เด็กที่เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย

โดยมีเงื่อนไขว่าเขาสามารถอยู่ในร่างนี้ได้เพียง 100 วัน และ ต้องหาให้ได้ว่ามินฆ่าตัวตายเพราะใคร ไม่เช่นนั้นเขาจะกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนไม่ได้ผุดได้เกิดอีกเลย อุปสรรคนอกจากระยะเวลาที่จำกัดแล้วเขายังต้องถูกผู้คุมวิญญาณลบความทรงจำอีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไปเขาได้พบเจอเรื่องแปลกใหม่ เริ่มคุ้นชิน และ มีความสุขกับร่างใหม่นี้ แต่ทำไมมินถึงฆ่าตัวตาย เขาจะสามารถหาสาเหตุการตายของมินได้ทันเวลาหรือไม่

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว homestay โฮมสเตย์

ผู้ชายท่าทางลึกลับ ที่เรียกตัวเองว่า ผู้คุม (นพชัย ชัยนาม) บอกผม ในขณะที่เรายืนประจันหน้ากันบนผนังตึกของโรงพยาบาลที่หมุนพลิกราวกับแรงโน้มถ่วงกลับด้าน! ผู้คุมไม่รอให้ผมปะติดปะต่อเรื่องราวในหัว เขากระชากคอเสื้อผมให้มาฟังคำอธิบายถึงรางวัลที่วิญญาณเร่ร่อนอย่างผมได้รับ

นั่นก็คือการได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของเด็กม.ปลายที่ชื่อ มิน (ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) ที่นอนนิ่งอยู่ในตู้เก็บศพของโรงพยาบาลแห่งนี้ จะว่าไปการได้มาอยู่ในร่างใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการอยู่โฮมสเตย์ คืออยู่ได้แค่ชั่วคราว แถมยังไม่ได้อยู่ฟรี ๆ เพราะผมต้องหาคำตอบให้ได้ภายใน 100 วัน ว่า “มินตายเพราะใคร” ถ้าตอบไม่ได้ ผมจะต้องตาย และ จากร่างโฮมสเตย์นี้ไปตลอดกาล

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว homestay โฮมสเตย์

กราฟฟิก CG ในภาพยนตร์โฮมสเตย์คือดีย์ ตั้งแต่ฉากต้น Homestay 2 เรื่องที่วิญญาณเร่ร่อนคุยกับผู้คุมวิญญาณบนกำแพงของโรงพยาบาล และ ฝนตกกำลังตกในแนวเฉียง ภาพได้อารมณ์เหมือนดูหนังฝรั่งอย่าง Doctor Strange (2016) หรือไม่ก็ซีรีส์เกาหลีอย่าง Goblin (2016) มีหลายฉากที่ล้ำ ๆ อย่างน้ำหยุดนิ่ง ฝนตกกลับด้าน จัดว่าเป็นหนังโปรดักชันคุณภาพ

ความโดดเด่นของหนังไทยอย่าง ‘โฮมสเตย์’ นั่นมีอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น CG เทคนิคพิเศษที่เนียนเป็นพิเศษ เพลงประกอบที่ลื่นไหลไปกับภาพ นักแสดง พระนางที่เล่นเข้าคู่เคมีดูเข้ากันได้ดี ถ้านับว่าเป็นผลงานหนังใหญ่เรื่องแรกของเฌอปราง อาจจะไม่ถึงกับสมบูรณ์แบบ บางฉากยังดูไม่อินมากพอ แต่ก็ถือว่าเธอมีความพยายาม เอาชนะกำแพงของตัวเองได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่เจมส์ กลับเป็นคนที่ทำได้ดีกว่าที่เคย

ส่วนนักแสดงสมทบมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่พกเอาฝีมือมาทุ่มสุดตัวลงเล่นประชันกันทั้งนั้น แถมบทยังชวนให้คิดตาม ค้นตาม ว่าสิ่งที่วิญญาณตนนี้ต้องตามหาคืออะไร จะใช่คำตอบที่ถูกหรือไม่ และ สิ่งที่มันค้นเจอคือความจริงที่ถูกต้องหรือยัง มันหาใช่แค่หนังทริลเลอร์ชวนตื่นเต้น

ส่วนตัวแอบคาดหวังตลอดการดูว่าหนังจะตีความใหม่อย่างไร โดยเฉพาะการเล่นคำว่าโฮมสเตย์ หรือมึงอย่าอินสิมันแค่ร่างชั่วคราว แต่สุดท้ายหนังก็ไม่สามารถดึงจุดนี้ขึ้นไปแทนที่ในช่วงไคลแม็กส์ของหนังได้ เพราะมันต้องยุติที่ว่าใครฆ่าซึ่งจริง ๆ เป็นเพียงทางผ่านของแก่นแท้เท่านั้น ยิ่งการที่ผู้กำกับเน้นมาทางนี้ยิ่งขยายด้วยปรัชญาแบบพุทธได้คมคายมากกว่าด้วย อันนี้ก็เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวครับ เพราะเป็นทางเลือกของผู้กำกับอยู่แล้วว่าอยากจะเล่นแค่ตรงนี้

ความน่าดูต่อมา คือการที่มันเป็นหนังไทยเรื่องแรกที่นำวรรณกรรมญี่ปุ่นยุคใหม่อย่าง Colorful ของ เอโตะ โมริ หรือนิยายฉบับแปลไทยใช้ชื่อว่า เมื่อสวรรค์ให้รางวัลผม ทั้งยังเคยถูกนำไปสร้างเป็นหนังแอนิเมชั่นญี่ปุ่นในชื่อ Colorful (2010) มาก่อนด้วย

นับเป็นก้าวเปลี่ยนสำคัญสำหรับหนังไทยเหมือนกันนะ เพราะก่อนหน้าแม้จะมี อุโมงก์ผาเมือง ก็เป็นการดัดแปลงจากหนังญี่ปุ่น ราโชมอน มากกว่าตัวนิยายโดยตรง แถมยังเป็นนิยายยุคเก่าด้วย

การดำเนินเรื่องค่อย ๆ เปิดปมให้หาสาเหตุการตาย จากนั้นค่อย ๆ เล่าเรื่องของมินผ่านความสัมพันธ์กับตัวละครต่าง ๆ เริ่มจากความสัมพันธ์กับเพื่อน และ รุ่นพี่ ต่อจากนั้นเป็นความสัมพันธ์กับครอบครัว พี่ชาย พ่อ แม่ และ มีปม ทวิสต์เล็ก ๆ ในตอนท้าย ดูแล้วน่าติดตามทั้งเรื่อง ได้ครบทุกอารมณ์ สุข เศร้า เสียใจ เหงา โดดเดี่ยว

หนังดำเนินเรื่องดีส่งผลให้ ได้รับรางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม จากรางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 28 ใครชอบแนวระทึกขวัญไม่ควรพลาด หรือหากไม่ใช่แนวระทึกขวัญก็ดูได้ เพราะดำเนินเรื่องสนุก น่าติดตาม ชอบการสอดแทรกข้อคิดการใช้ชีวิต เช่นการมีชีวิตคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ ถึงมันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราฝันไว้ทุกอย่างก็ตาม

รีวิว homestay โฮมสเตย์

รีวิว homestay โฮมสเตย์ จากจุดเริ่มต้นที่เราได้เห็นการเข้ามา “อยู่” ของวิญญาณ Homestay รีวิว เร่ร่อน ผู้ไม่รู้เรื่องไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนแรก จนผู้คุมมาเล่าให้ฟังว่ามันคือรางวัล ที่มันจะได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งไม่ต้องเร่ร่อนเหมือนที่ผ่าน แต่ต้องแลกด้วยการค้นหาว่า “เจ้าของร่างเดิม” นั่นตาเพราะใคร โดยไม่ทิ้งข้อมูลอะไรไว้เลย นอกจากมันชื่อ “มิน”

เหมือนจะเป็นเรื่องดีนะกับการที่ไม่มีชีวิตอีกครั้ง แต่ก็เป็นภาระที่หนักอึ้งพอควรการสืบหาอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเลยสักนิด ร่างชั่วคราวนี้คือประตูที่เปิดไปสู่การมีครอบครัวใหม่ มีเพื่อนใหม่ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับการได้รู้จักกับ พาย ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากพักอยู่โฮมสเตย์นี้ตลอดไป

การเล่าอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ทำให้เข้าใจหนังที่เล่นท่ายากได้ง่ายขึ้นพอสมควร จากที่ได้รู้จักกับโฮมสเตย์แล้ว ก็ได้มารู้จักกับครอบครัวของมิน ก่อนจะได้มารู้จักกับพาย จากที่มันไม่เคยรู้จักกับโลกของมินเลย มันก็ต้องค่อย ๆ สืบหาทีละอย่าง

แต่ก็ดูเหมือนการมีพายจะทำให้วิญญาณอย่างมันไขว้เขวไปจากจุดมุ่งหมายไปบ้าง

แต่การเป็นมนุษย์มันก็ย่อมมีเผลอไผลกันไปได้ ก็พี่รหัสออกจะน่ารักขนาดนั้นนี่นา ถ้าไม่มีผู้คุมที่ชอบเล่นสิงเขาไปทั่ว เปลี่ยนร่างเป็นว่าเล่น ก็อาจจะทำให้หนังไร้กิมมิกมากพอ ถ้าจะถามว่า ชอบผู้คุมร่างไหนมากที่สุด ก็คงต้องตอบว่าคือ พี่เอก ธเนศ วรากุลนุเคราะห์

บทสรุป

สำหรับเรื่องแรก โฮม สเตย์ ภาพยนตร์ ของการแสดงหนังของ เฌอปราง ถือว่าเธอทำได้ดีในระดับหนึ่ง มีความน่ารักเป็นธรรมชาติ เบสท์ ณัฐสิทธิ์ ที่รับบทเป็นพี่ชายของมิน ก็สามารถแสดงบทบาทความเป็นพี่ชายที่ทั้งโกรธ และ เกลียดน้องได้สมจริงมาก คุณสู่ขวัญ ก็เล่นดีมาก ๆ รู้สึกเชื่อได้เลยว่าเป็นแม่ สื่ออารมณ์ความรู้สึกผู้เป็นแม่ออกมาทางสีหน้า และ แววตาได้ดีมาก

ฉากดราม่าสู่ขวัญก็สามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้ ส่วนนักแสดงหลักตัวจริงอย่าง เจมส์ ธีรดนย์ ก็สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไปได้อย่างดี เขาสามารถทำให้เราร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตัวละครผ่านการแสดงของเขาได้

โดยภาพรวมแล้วนักแสดงทุกคนเล่นดีเลยทีเดียว ต้องขอชื่นชมจริง ๆ

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

เห้อวันนี้หนังไทยก็ไม่พ้นค่ายเจ้าพ่อหนังไทยอย่าง gth อีกแล้ว ที่เรียกว่า gth อาจจะครองวงการหนังไทยไปแล้วก็ได้ 55 โดยเรื่องราวนี้ จะประกอบไปด้วย หนังสั้นเกี่ยวกับ หนังไทยnetflix ความรักสามเรื่องของสามผู้กำกับ โดยมีคียเวิร์ดเกี่ยวกับเลข 7 และ เล่นกับความเชื่อ ส ปอย หนัง  ที่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป 7 ปี การเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่างจะเกิดขึ้น ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ในช่วงเวลานั้น คงจะมีค่ายหนังไม่กี่ค่าย บริษัทไม่กี่บริษัท ที่สามารถทำให้ผู้ชมหรือลูกค้ารู้สึกถึง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียว เป็นครอบครัวกันได้ GTH เองก็เป็นหนึ่งในนั้น และ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เวลาของ GTH ที่แบ่งปันร่วมกับผู้ชมก็ผ่านมาแล้วร่วม 7 ปี และ ด้วยเป็นการเฉลิมฉลองในรูปแบบของครอบครัวมากกว่าบริษัทเชิงพาณิชย์ พวกเขาจึงเลือกที่จะเฉลิมฉลอง และ กล่าวขอบคุณผู้ชมด้วยภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเลข 7 เช่นเดียวกับอายุของค่ายหนังพวกเขา และ นั่นก็ออกมาเป็นหนังเรื่องนี้นี่เอง

ทุก 7 ปี ความรักมักมีการเปลี่ยนแปลง มีบางคนเชื่อกันแบบนั้น แต่มันจริงไหม ผมว่าถ้ามันจะจริงก็คงเพราะว่าการที่คนเราคบกันมานานขนาดนั้น ความสดใส ตื่นเต้น ซาบซ่าตอนที่คบกันใหม่ ๆ ได้จางลงแล้ว กลายเป็นความคุ้นเคย ชินชา และ อาจเลิกถึงขั้นเบื่อหน่ายจนเลิกรักกัน เพื่อให้ความรักก้าวผ่านหลัก 7 ปี ไปได้ คู่รักคงต้องหาอะไรที่แปลกใหม่มามอบให้แก่กัน และ นำพากันสู่ความสัมพันธ์ที่เติบโตขึ้น ซับซ้อนขึ้น เข้มข้นขึ้น

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รีวิว รัก7ปี ดี7หน ด้วยความที่มาตรฐานของ GTH ในเรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน Pantip ก่อนๆ สร้างไว้ดีมาก + เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปี และ แน่นอนเพราะมีนิชคุณมาแสดงด้วย ทำให้ “รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่หลายคนตั้งความหวังเอาไว้สูง(มาก) ส่วนตัวที่เป็นแฟนตัวยงของ GTH ก็ตั้งความหวังไว้สูงเช่นกัน ซึ่งหลังจากได้ไปดูถึง 2 รอบ ก็ตอบกับตัวเองได้ว่า “ไม่ผิดหวัง”

สำหรับเรื่องแรก 14 แม้จะไม่ใช่อายุของตัวละครทั้งสองคนในเรื่อง แต่ดูเหมือนจะโยงความหมายเกี่ยวกับเรื่องของความรักครั้งแรกที่หนังได้ปุเอา ไว้ในตอนแรก เรื่องราวของเด็กวัยรุ่นในยุคโซเซี่ยลเน็ตเวิร์คกับเรื่องราวของเด็กหนุ่ม ที่เริ่มมีแฟนสาวเป็นตัวเป็นตน แ

ต่ระหว่างโซเซี่ยลเน็ตเวิร์ค และ เทคโนโลยีที่เป็นพลังต่อชีวิตเค้าตลอดกับ แฟนสาวที่ก้าวผ่านมาในชีวิต

ใน 14 นี้ใช้วิธีการเล่าเรื่องแบบฉูดฉาด และ ทันสมัย ใช้อุปกรณ์ และ เครื่องมือ social media มากมายในการเล่าเรื่องเพื่อที่จะนำเสนอในความเป็นเด็ก วัยรุ่น และ ประชาชนหลายกลุ่มในปัจจุปัน ถ้าให้คาดเดาอย่างไม่เขอะเขิน หนังเรื่องนี้ก็คงมุ่งเน้นพุ่งจับไปที่อารมณ์ร่วมของกลุ่มเป้าหมายกลุ่มใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในยุคนี้ หลังจากเมื่อ 7 ปีก่อน

หนังเรื่องแรกที่สร้างชื่อเสียงเป็นที่โด่งดังอย่าง แฟนฉัน เองก็จับความรู้สึก และ อารมณ์ร่วมของผู้ใหญ่ที่ผ่านวัยเด็กอันหลากหลายมาแล้ว

ดังนั้นการเล่าเรื่องของ 14 นั้นจึงจะออกไปแนวรวดเร็ว ฉาบวย และ ฉูดฉาด จนบ่อยครั้งมันกลายเป็นมิวสิควีดีโอขนาดย่อม ๆ แม้จะเป็นการที่ทำให้ประเด็นเล็ก ๆ ของหนังที่ดูเผิน ๆ แล้วไม่มีอะไรน่าสนใจให้มีชีวิตชีวา และ น่าสนใจขึ้นมาได้ แต่บ่อยครั้งไปมันก็เหมือนกับการฆ่าเวลา แต่ไม่มีผลอะไรกับหนังโดยรวมเท่าไหร่เพราะเนื่องจากเนื้อหาของหนังเองก็ไม่ ได้มีอะไรมาก

ประเด็นของหนังที่ค่อนข้างชัดเจนแต่แรก จึงสามารถที่จะดึงอารมณ์ของผู้ชมเข้ามาร่วมกับหนังได้พอสมควร

เรื่องย่อ

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

เป็นหนังดราม่าโรแมนติกที่แบ่งออกเป็นเรื่องราว ๆ ต่าง 3 เรื่องอยู่ในหนังเรื่องเดียว ภายใต้คอนเซ็ปต์ตัวเลขที่มีช่องว่างระยะห่างกันทีละ 7 จำนวน แบ่งเป็นเรื่องแรก “14” เรื่องราวความรักของ ป่วน และ มิลค์ ที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป เมื่อ ป่วน ตัดสินใจเปลี่ยน Status ใน Facebook เป็น ‘In Relationship’ เขาโพสต์คลิปเผยแพร่ความรักของตัวเองลงใน Youtube อย่างละเอียด ด้วยความภาคภูมิใจ และ ยอด Views ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ ป่วน ถลำลึกลงไปในโลกของฟีดแบ็คจากคนที่เขาไม่รู้จัก ส่วนคนที่เขารักนั้น ยิ่งนานวันเธอก็ยิ่งมีค่าน้อยกว่ายอดคลิก Like ในหน้า Facebook ของเขาเสียอีก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

แม้ว่าความน่าประทับใจของภาพรวมจะอยู่ในระดับ รัก 7 ปี ดี 7 หน Netflix ที่แกว่งขึ้นแกว่งลง รวมถึงมีจุดต่าง ๆ ที่ทางหนังใส่เข้ามาเพื่อเป็นการตอบแทนแฟนคลับของหนังค่ายนี้ให้วี้ดว้าย เต็มไปหมด (แต่ก็นับว่าโชคดีที่หนังไม่ได้ทำออกมาอย่างประเจิดประเจ้อว่าหนังเรื่องนี้ เราทำเพื่อขอบคุณทุกคนนะจ๊ะ จุ๊บ ๆ แต่อย่างใด ยกเว้นฉากมิวสิควีดีโอหลังเครติดที่ค่อนข้างโจ่งแจ้งไปหน่อย

มีจุดที่น่าเสียดาย แต่ก็พอเข้าใจได้ เกี่ยวกับมุมมองด้านบวกของหนังที่หนังเลือกที่จะขึ้นไปจนสุดจนเรียกได้ว่า มองโลกในแง่บวกแบบสุด ๆ แต่พอมุมมองในแง่ลบหนังกลับดึงลงมาในระดับปานกลาง ความรู้สึกมันเลยดูไม่สมดุล แต่ก็ไม่ใช่ข้อเสียอะไรเท่าไหร่นักเพราะหนังเองก็พยายามประณีประนอมในบางจุด ไม่ให้ล้ำเส้นเกินความจำเป็น

แต่นับโดยภาพรวม นอกจากจะเป็นภาพยนตร์สำหรับสร้างความบันเทิง และ ความรู้สึกดี ๆ ได้แล้ว เพียงแค่ตอนแรกกับตอนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้ก็พอจะสร้างความหวังได้ว่า บางทีอาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแง่ที่ดีขึ้นทั้งแนวคิด และ วิธีการทำของหนังค่ายนี้ต่อไปอีกก็เป็นได้

รีวิว รัก7ปี ดี7หน

รัก 7 ปี ดี 7 หน ออกฉายครั้ง รัก 7 ปี ดี 7 หน doomovie แรกเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2555 ในปีนี้หนังก็มีอายุ 9 ปีเต็มแล้วพอดี หนังได้ 3 ผู้กำกับฝีมือดีแห่งค่ายจีทีเอช ไม่ว่าจะเป็น “กอลฟ์-ปวีณ ภุริจิตปัญญา”, “ปิ๊ง-อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม” และ “เก้ง-จิระ มะลิกุล” มาแบ่งพาร์ตกันทำงานในหนังสั้นแต่ละเรื่อง พร้อมทั้งได้นักแสดงเกือบทั้งวงการมา ตบเท้ามาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ แม้จะโผล่มาแว่บ ๆ ก็ยังดี

แต่หนังได้นักแสดงนำหลัก ๆ อย่าง “เก้า จิรายุ”, “ปันปัน สุทัตตา”, “ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์”, “คริส หอวัง”, “สู่ขวัญ บูลกุล”, “โอปอล์ ปาณิสรา” และ “นิชคุณ หรเวชกุล” ที่รายหลังนี้ได้แบ่งคิวจากการเป็นไอดอลเกาหลี มีรับงานแสดงหนังไทยเรื่องแรกในชีวิตก็เรื่องนี้ด้วย

บทสรุป

“รัก 7 ปีดี 7 หน” เป็นหนังที่แทรกอะไร รัก 7 ปี ดี 7 หน เรื่องย่อ ไว้มากมาย ทั้งดารารับเชิญ การเอาประโยคเด็ด ๆ จากหนังเก่าของ GTH ภาพของหนังแฟนฉันที่เป็นจุดเริ่มต้นของบริษัท รวมไปถึงการทำหนัง 3 เรื่องให้หลุดออกไปจากสูตรสำเร็จเดิม ๆ

ผลคือคนดูถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน คือที่ชอบก็จะชอบมาก คนที่ไม่ชอบก็จะไม่ชอบไปเลย
ก็ไม่แปลกที่รายได้จะไม่สูงเหมือนที่หลายคนคาดคิด (7 วันไม่ถึง 50 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี “รัก 7 ปีดี 7 หน” คือหนังที่คุณภาพดีเยี่ยม มีอะไรมากมายให้เก็บระหว่างทาง สมกับที่เป็นหนังฉลองครบรอบ 7 ปีของค่ายหนังที่ล้มลุกคลุกคลานมาตลอด กว่าจะประสบความสำเร็จในวันนี้ได้ ดูจบก็แอบยิ้มเล็ก ๆ ได้ข้อคิดหน่อย ๆ

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม

สวัสดีครับเชื่อว่าคนไทยทุกคน หนังไทยย้อนยุค เคยเคยเจอผีเด็กหน้าขาว ผ่านจอทีวีกันมาทุกคนแล้ว นี้นับเป็นหนังผีในตำนานของไทยเลย จากชื่อผู้กำกับที่คุ้นหู และ คุ้นตากันดีในบทของตลกระดับ ส ปอย หนัง แนวหน้าของประเทศอย่าง จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก หรือชื่อ จาตุรงค์ พลบูรณ์ รับหน้าที่เขียนบท และ กำกับภาพยนต์เรื่องนี้ด้วย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ตนเองกับการเขียนบทที่สะสมเรื่องราวมากกว่า 2 ปี ทำให้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ภาพยนต์เรื่องนี้ถูกจับตามองอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเรื่องการสร้างเนื้อหา และ การสร้างสรรค์บทที่แน่นอนต้องเป็นแนว Comedy หรือแนวขบขัน เพราะว่าตามความถนัด และ ความสามารถที่มีพื้นฐานมาจากตลก และ มีรุ่นพี่ในแวดวงตลกหลายคนเป็นต้นแบบ อย่างคุณ โน้ต เชิญยิ้ม ที่ผ่านการกำกับมาหลายเรื่องเช่น หลวงพี่เท่ง,คนปีมะ และ ตามติดมาด้วยหัวหน้าคณะผู้ปั้นเขามากับมือคุณ หม่ำ จ๊กม๊ก จากผลงาน บอร์ดดี้กาดหน้าเหลี่ยม จึงกลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หลาย ๆ คนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจากภาพยนต์เรื่องนี้

ประเภท: ตลก / สยองขวัญ
นำแสดงโดย: จาตุรงค์ มกจ๊ก, ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ, โก๊ะตี๋ อารามบอย
กำกับโดย: จาตุรงค์ มกจ๊ก
ความยาว: 97 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 3 สิงหาคม 2549 (กำหนดฉายในประเทศไทย)

หนังเรื่องนี้ฉายเมื่อวันนั้น เป็นการพาทุกคนย้อนกลับไปให้ชวนคิดถึงผลงานหนังเรื่องดังที่เคยออกฉายที่โรงภาพยนตร์เมืองไทย วันนี้มาเฮฮากับหนึ่งในหนังไทยที่เคยสร้างปรากฏการณ์เอาไว้เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ด้วยสูตรสำเร็จของหนังไทยที่จับเอาผีมาผสมผสานกับความหรรษาหนีเตลิดตลก ๆ กลายออกมาเป็น “โกยเถอะโยม” หนังผีตลกในตำนานจากค่ายจีทีเอช ที่กวาดรายได้ไปอย่างถล่มทลาย โกยเถอะโยม

นับว่าเป็นอีกหนึ่งหนังไทยที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ ประดับวงการหนังในปี 2549 ที่ถือว่าเป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของวงการเลยทีเดียว หนังกวาดรายได้ตลอดทั้งโปรแกรมฉายไปได้กว่า 70 ล้านบาท จากทุนสร้างเพียงแค่ไม่กี่สิบล้าน จึงกลายเป็นความสำเร็จระดับตำนานอีกเรื่องนี้ของหนังผีไทยเลยทีเดียว

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม โกยเถอะโยม เป็นภาพยนตร์ไทย แนวตลก ดราม่า ที่ออกฉายเมื่อ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2549 โกยเถอะโยม เต็มเรื่อง พากย์ไทย ผลงานกำกับเรื่องแรกโดย จาตุรงค์ มกจ๊ก และ นำแสดงโดย จตุรงค์ พลบูรณ์, น้องพี หรือ ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ, โก๊ะตี๋ อารามบอย หรือ เจริญพร อ่อนละม้าย, เจมมี่ – จามร ตันธนะศิริวงษ์, ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก พลบูรณ์, จิ้ม ชวนชื่น หรือ นพดล ทรงแสง, ค่อม ชวนชื่น, จอย ชวนชื่น, นก – วนิดา แสงสุข, พุดเดิ้ล – ปาจรีย์ ณ นคร, สุเมธ องอาจ, พิม Big Brother และ หยินมี่ Big Brother

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว โกยเถอะโยม

เรื่องราวเกี่ยวกับผีเด็กเร่ร่อน ที่ต้องการตามหาพ่อซึ่งไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ด้วยความเหงาและอยากมีเพื่อน ผีเด็กจึงชอบปรากฏตัวให้ผู้คนได้เห็นอย่างซุกซน ซึ่งในการปรากฏตัวทุกครั้งได้สร้างความอลหม่านวุ่นวายและความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน จนชาวบ้านทุกคนต้องรวมพลคนกลัวผีขึ้นมาและแห่กันไปพึ่งหลวงพ่อ (จตุรงค์ มกจ๊ก) เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน

เรื่องราวความน่ากลัวต่าง ๆ ถูกเล่าผ่านบรรดาชาวบ้านที่นำทีมโดยเจ๊หลี (นก วนิดา) เจ้าของร้านขายของชำที่มีลูกสาวชื่อกิ๊ก (เฟิร์น ลูกสาวคุณจตุรงค์) ที่ไปแอบชอบกับเด็กวัดก้นกุฏิที่ชื่อ หรั่ง โดยมีกบ (โก๊ะตี๋) เด็กวัดคู่หูที่คอยช่วยเหลือทั้งสองจากการขัดขวางความรักของเจ๊หลี และตามขบวนมาด้วยลุงชู (จิ้ม ชวนชื่น) ภารโรงมาดเนี๊ยบที่แอบชอจ๊หลีจนออกนอกหน้า มาพร้อมกับเฮียเท๊งขายหมู (แอนนา ม๊กจ๊ก)

และชาวบ้านอีกมากมายที่ต่างเจอเรื่องวุ่น ๆ และความน่ากลัวของผีเด็ก จึงมารวมตัวกันที่ศาลาวัดและเล่าเรื่องราวความหวาดกลัวเหล่านั้นด้วยมุขตลกต่าง ๆ และร่วมกันคิดหาวิธีกำจัดผีเด็ก สุดท้ายทุกคนจึงตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับผีเด็ก ความสนุกสนาน บนความตื่นเต้น ระทึกขวัญ ที่อัดแน่นไปตลอดเรื่อง

จากนักแสดงที่รับประกันการเรียกเสียงหัวเราะจากผู้สร้าง และการให้ท้ายหนุนหลัง จาก GTH งานนี้ทุ่มสุดตัว แบบไม่กลัวหัวโกร๋นเลยโยม…..บรื๊อ…. นักแสดง จตุรงค์ พลบูรณ์ น้องพี (ประสิทธิโชค มานะสันทัดชาติ) โก๊ะตี๋ อารามบอย (เจริญพร อ่อนละม้าย) เจมมี่ (จามร ตันธนะศิริวงษ์) ใบเฟิร์น (พิมพ์ชนก พลบูรณ์) จิ้ม ชวนชื่น (นพดล ทรงแสง) ค่อม ชวนชื่น จอย ชวนชื่น นก (วนิดา แสงสุข) พุดเดิ้ล (ปาจรีย์ ณ นคร) สุเมธ องอาจ พิม Big Brother หยิมมี่ Big Brother กำกับการแสดง จตุรงค์ พลบูรณ์ (จตุรงค์ ม๊กจ๊ก)

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โกยเถอะโยม

เนื้อเรื่องของภาพยนต์เรื่องนี้เท่า ๆ ที่ทราบนะครับผู้เขียนตั้งใจสะท้อนสภาพสังคม โกยเถอะโยม เต็มเรื่อง1 hd ปัจจุบันของผู้หญิงที่ทำแท้ง ด้วยความตั้งใจหรือพลาดพลั้งจากความสนุกของคู่หนุ่มสาว หรือองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างที่นำพาผู้หญิงหลาย ๆ คนต้องมาทำแท้ง

อีกนัยหนึ่งคือต้องการสอนลูกของเขาเองด้วยนะเหมือนเป็นการสอนไปในตัวเลยก็ว่าได้

ในแนวของวัยรุ่นปัจจุบันที่มองว่า Sex เป็นเรื่องของความสนุกหรืออะไรที่มากกว่านั้น เรื่องถูกถ่ายถอดออกมาจากแนวความคิดหลาย ๆ อย่างมาผสมจนได้เรื่องที่ดูมีสาระและขบขันตั้งแต่เริ่ม ว่าด้วย ผีเด็กตนหนึ่งที่เกิดอาการรู้สึกเหงาและต้องการค้นหาพ่อและแม่ที่แท้จริงว่าเขาทั้งสองเป็นใครบวกกับความสนุกของผีเด็กที่ระหว่างตามหาบุคคลทั้ง 2 ก็เลยแกล้งหลอกชาวบ้านไปอย่างนั้นนะ

จนเรื่องมาจบที่ความจริงหลายอย่างได้บอกและเล่าถึงที่มาของเรื่องทั้งหมด แน่นอนครับ มุขและการวางเรื่อง เหมือนที่เจ้าตัวเขาการันตีด้วยความจริงจังและจริงใจว่าภาพยนต์เรื่องนี้ มีดีกว่าที่คิดแน่นอนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตัวเดินเรื่อง มุข การเดินเรื่อง ภาพ และองค์ประกอบต่าง ๆ จะได้ขำและตลกอย่างบอกไม่ถูกกับภาพยนต์เรื่อง

เพราะว่ามุขที่คุณเขาบอกนะไม่เคยเห็นในภาพยนต์เรื่องไหนมาก่อนแน่นอนก็แหง่ละส้รางมากับมือนี้หน่า ตามภาษาภาพยนต์ผีตลก แต่บางมุขอาจจะเคยเห็นกันบ้างหรือคล้าย ๆ จากบ้านผีปอบ เช่น ผีเกาะหลัง เกาะมือ หรืออออกมาทำให้ตกใจแล้วหนีไป

แต่เรื่องนี้ไม่มีฉากไหนเลยที่ต้องสะดุ้งได้แต่หัวเราะอย่างเดี่ยวนะ แต่ที่ผิดคาดไปอย่างหนึ่งคือฉากที่ทุกคนเห็นจากโฆษณา คำพูดติดปากที่ว่า โกยเถอะโยม ไม่มีครับ ย้ำว่าไม่มี ไม่รู้หายไปไหนหรือว่ามัวแต่หัวเราะไม่ทันได้สังเกตุ เลยไม่ได้คิดอะไรมากแต่สิ่งที่ได้จากภาพยนต์เรื่องนี้มีเยอะมากเลยนะ

รีวิว โกยเถอะโยม

รีวิว โกยเถอะโยม ในออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2549 ที่ได้สร้างปรากฏการณ์ โกย เถอะโยม เต็มเรื่อง facebook ให้กับวงการหนังไทยในตอนนั้นไม่เบาเลย โดยผลงานหนังเรื่องนี้เป็นการชิมลางการกำกับหนังเรื่องแรกของดาวตลก “จาตุรงค์ มกจ๊ก” ที่จูงมือเอาหลานรักคู่บุญ(ในตอนนั้น)อย่าง น้องพี มารับบทนำบทเด่นที่เป็นอีกหนึ่งบทบาทอันน่าจดจำของอดีตดาราตลกผู้นี้ ไม่เพียงเท่านั้น จาตุรงค์ มกจ๊ก ยังทำหน้าที่เขียนบทหนังและร่วมแสดงเองด้วย

หนังยังมาพร้อมกับทัพนักแสดงตลกแถวหน้าของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น “เฟิร์น พิมพ์ชนก”, “โก๊ะตี๋ อารามบอย”, “แอนนา มกจ๊ก”, “จิ้ม ชวนชื่น”, “เจมมี่ จามร”, “อุ้ม ลักขณา” และ “น้าค่อม ชวนชื่น” ก็เป็นทีมดาราในหนังเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน แม้ว่าหนังจะถูกมองว่าเป็นสูตรสำเร็จแบบเดิม ๆ ของหนังไทย แต่ในตัวหนังก็ยังมีฉากเด็ดฉากประทับใจที่น่าจดจำมาจนถึงทุกวันนี้อยู่หลายซีน

บทสรุป

ภาพยนต์เรื่องนี้ทำให้ได้เห็น โกยเถอะโยม 037 และมองอะไรหลาย ๆ อย่างว่าในอนาคต หนังผีตลกหรือหนังแนวกวน ๆ อาจจะมาจากสาขาชีพตลกเท่านั้นหรือเปล่า หรืออาจจะเพิ่มเติมตรงที่ว่าบทตลกที่เกิดขึ้นคนที่รับบทอาจจะต้องเป็นตลกเท่านั้นเหมือนเป็นการขีดเส้นตายเอาไว้เลยว่าต้องเป็นในแนวนี้ถึงจะดี หรือกลายเป็นแบบสำเร็จไปแล้วนะ และอาจจะไม่ได้เห็นดาราหรือว่าดาวดวงใหม่ ๆ

เกิดจากภาพยนต์แนวนี้ในช่วงหลัง ๆ ความตายของหนังที่เป็นสูตรสำเร็จของการขายตลก ตลก แล้วก็ตลก มีแต่ตลกเต็มไปหมดเลย แต่ถ้าดูแบบไม่ได้หวังอะไรเลย จะเห็นการพัฒนาในหนังที่สร้างมาจาก ตลก โอเคยอมรับได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้กำกับหน้าใหม่ของเราคนนี้บอกพยายามบอกมาตลอดคือ “รับรองได้ว่าไม่เหมือนหนังตลกที่ผ่าน ๆ มาแน่นอน” แล้วก็ผิดหวังเหมือนกันเลย ถอดแบบหนังผีตลกมาเหมือนกันไม่ต่างกันเลย

หลายอย่าง หลายคนบอกมาหลังจากไปดูเขาก็บอกว่าเหมือนหนังตลกทั่ว ๆ ไปไม่มีอะไรหวือหวาหรือแตกต่างกันเลย สงสัยว่าจะตายตอนจบหรือเปล่า อ้าวมองกันไปอีกแบบ ความไม่สุดของหนังเกิดขึ้นจนได้เมื่อฉากจบของหนังในการดึงอารมณ์ของคนดูในฉากตอนที่ พ่อมาเจอลูกแล้วเกิดการนึกภาพความหลังขึ้นเหมือนผีเด็กจะร้องไห้แล้วไม่ร้องไห้กลายเป็นเรื่องตลกและว่าฉากนั้นดึงอารมณ์ได้ดีมาก ๆ

สังเกตจากการตั้งใจดูของผู้คนที่พร้อมใจกันเงียบแบบไม่ได้นัดหมาย คือดึงอารมณ์ได้แต่ไม่สุดครับ ไม่รู้ว่าพี่เขาจะอั้นไว้ทำไม ไม่ปล่อยให้สุดมาเลยละ ฉากตลกบางฉากไม่ต่อเนื่อง ปล่อยมาแบบกระปิดกระปอย กลายเป็นความไม่ต่อเนื่องและยังถือว่าไม่ครบเครื่องตามที่พี่เขาบอกมาและรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูกเหมือนที่หลาย ๆ คนเขาบอกว่าการโฆษณาตอนนี้มีผลมากต่อการตีตั๋วเข้าไปดู

ถ้าจะว่ากันตามนั้นนะครับ แต่ยังไงถือว่าเป็นเรื่องที่ทำออกมารอดไม่ตายสำหรับเรื่องแรกและมือใหม่แบบนี้ จะเป็นกำลังใจให้ครับ ตามดูผลงานกันต่อไปครับ

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทย องค์บาก นักเป็น หนังไทยย้อนยุค ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของไทยเลยก็ว่าได้ เป็นหนังไทยที่ดังแบบระดับโลก ที่เป็นการตีแผ่วัฒนธรรม ไทยและการต่อสู้ ส ปอย หนัง ของไทย ออกสู่สายตาสากลคนทั่วโลก เล่าเรื่อง ราวของ องค์บาก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่เคารพบูชา ของหมู่บ้านหนอง ประดู่ ได้ถูกขโมยตัดเศียรไป บุญทิ้ง ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์หนุ่มบ้านหนองประดู่ จึงอาสาออกตามหามาจนถึงกรุงเทพฯ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี จนได้ เจออ้ายหำแหล่หรือ ยอร์จ ลูกชายผู้ใหญ่บ้านที่ทิ้งท้องนา และ กลิ่นโคลนสาปควายบ้านนอก มาร่วมทีมกับ หมวยเล็ก มาเป็น 18 มงกุฎ ต้มตุ๋นชาวบ้านเพื่อเลี้ยงปากท้อง บุญทิ้งจึงไม่วายเป็นเหยื่อเพราะความซื่อ แต่ด้วยความที่เป็นคนดี และ เคยช่วยเหลือชีวิตทั้งสองไว้ ภายหลังเขาจึงได้รับความช่วยเหลือจากทั้งสองในการตามหาองค์บาก พร้อมถูกดึงเข้าสู่การต่อสู้กับเจ้าพ่อมาเฟียอิทธิพลมืดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด บุญทิ้งจึงขอต่อสู้ทั้งชีวิตด้วยศิลปะมวยไทยโบราณตลอดจนการเดินทางตามหาองค์บากเพื่อนำกลับคืนสู่หมู่บ้านให้ทันพิธีอุปสมบทหมู่ซึ่งจะจัดขึ้นในอีก 7 วันให้ได้

ประเภท: แอคชั่น
นำแสดงโดย: จา พนม, หม่ำ จ๊กมก, ภุมวารี ยอดกมล
กำกับโดย: ปรัชญา ปิ่นแก้ว
ความยาว: 105 นาที
เข้าฉายครั้งแรก: 31 มกราคม 2546

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1 ภาพยนตร์ที่กำกับโดย “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ มีนัก ดู องค์บาก 1 แสดงอย่าง “จา-พนม ยีรัมย์” “แอร์-ภุมวารี ยอดกมล” และ “เพ็ชรทราย วงศ์คำเหลา หรือหม่ำ จ๊กมก” แสดงนำ กับเรื่องราวของหนุ่มบ้านนอกที่ต้องออกมาตามหาเศียรองค์บากที่ถูกขโมยไปจากหมู่บ้าน

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเลยว่า เป็นอีกเรื่องที่ทางสหมงคลฟิล์มทุ่มเทสร้างอย่างมาก ทั้งในการถ่ายทำ การโปรโมท รวมถึงปรัชญา ปิ่นแก้ว และ พันนา ฤทธิไกร อีกหนึ่งยอดนักบู๊ของไทย ก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ในการปั้น จา-พนม ขึ้นมาเป็นพระเอกนักบู๊ครใหม่ของวงการ

ซึ่งอย่างที่หลายคนรู้ครับว่า เรื่องนี้ตัวของ จา พนม นั้นเล่นฉากบู๊ทุกฉาก ฉากเสี่ยงตายทุกซีน ด้วยตัวเอง ไม่มีสแตนด์อินใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งตรงนี้ที่เป็นจุดขาย และ จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ดึงดูดให้คนเข้ามาดูอย่างล้นหลาม ซึ่งมันคุ้มค่าทุกหยาดเหงื่อของทีมงาน

เพราะทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 661,845,999 บาท และ ส่งให้ตัวของ จา-พนมนั้นโด่งดังเป็นพลุแตก จากลีลาแม่ไม้มวยไทย และ คิวบู๊ที่สุดงามดุดัน ซึ่งมันส่งผลให้มีภาพยนตร์อย่าง “ต้มยำกุ้ง” ตามมาในภายหลัง

การดำเนินเรื่อง

รีวิว องค์บาก 1

ในประวัติศาสตร์ “หมู่บ้านหนองประดู่” ที่ยาวนานตั้งแต่ครั้นสมัยสงครามไทยกับพม่า ตำนานของ “ครูดำ” ผู้แกร่งกล้าด้วยศิลปะการต่อสู้ คือชายไทยผู้กล้าที่เคยแหวกฝ่ากองทัพพม่าไปแย่งชิงเอาองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทหารพม่าบุกมาปล้นสะดม และ แย่งชิงไปจากหมู่บ้านเมื่อคราครั้งกระโน้นได้เป็นผลสำเร็จ จนเกิดปาฏิหาริย์แห่งรอยบากอยู่บนพระพักตร์ขององค์พระ

ว่ากันว่าร่องรอยดังกล่าวคือบาดแผลจากการต่อสู้ที่เกิดจากอิทธิฤทธิ์ขององค์พระศักดิ์สิทธิ์ที่รับแทนคมหอกคมดาบที่ทหารพม่าถาโถมฟาดฟันเข้าใส่ร่างของครูดำนั่นเอง

ความเชื่อดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับครูดำ และ ผู้คนในหมู่บ้านได้ถูกเล่าขานสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แต่แล้ว “องค์บาก” กลับถูก “ดอน” (วรรณกิตย์ ศิริพุฒ) อดีตลูกหลานบ้านหนองประดู่ที่ปัจจุบันหันหน้าเข้าสู่โลกแห่งความชั่วช้าอย่างเต็มรูปแบบทั้งเรื่องของยาเสพติด การพนัน

และ ที่ร้ายแรงที่สุดคือการแอบตัดเศียรองค์พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ไปให้กับนักสะสมวัตถุโบราณที่มีจิตใจชั่วช้าในกรุงเทพฯ ในคืนก่อนงานเฉลิมฉลองงานบุญที่ชาวหนองประดู่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองศรัทธาต่อองค์บากที่ได้หมุนเวียนมาครบ 24 ปี ส่งผลให้เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจต่อทุกชีวิตในบ้านหนองประดู่ โดยเฉพาะบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่รอวันนี้มาค่อนชีวิต

ราวกับว่านี่คือกงล้อแห่งศรัทธาที่หมุนเวียนบรรจบมาเพื่อทดสอบในศรัทธาแห่งความความผูกพัน และ พลังแห่งความดีงามของผู้คนในบ้านหนองประดู่อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกับผู้ที่ได้รับการสืบทอดชะตากรรมจากองค์บากโดยตรงอย่าง “ทิ้ง” (จา-พนม ยีรัมย์) เด็กหนุ่มลูกกำพร้าที่ได้รับการชุบเลี้ยงเติบโตจนมีสายเลือดของบ้านหนองประดู่อย่างข้นคลั่ก

รวมทั้งเคล็ดวิชา “นวอาวุธ” (อาวุธที่ก่อเกิดจากอวัยวะสำคัญในร่างกายของมนุษย์ทั้ง 9 อันประกอบไปด้วย 1 ศีรษะ 2 หมัดกร้าวแกร่ง 2 แรงกระทุ้งของศอก ตอกย้ำความหนักหน่วงของ 2 เข่า และ ความคล่องแคล่วว่องไวของ 2 เท้า) ผสมผสานกับศิลปะมวยไทยโบราณที่ได้รับการถ่ายทอดจาก “พระครู” หลวงพ่อผู้เป็นดั่งเสาหลักที่เคารพนับถือของผู้คนในหมู่บ้านหนองประดู่ลูกศิษย์คนสำคัญของครูดำ ปูชนียบุคคลที่มีคุณอนันต์ของหมู่บ้าน

เส้นทางในการเสาะหาองค์บากดึงเอาทิ้งเข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนอันหลากหลายในเมืองใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น “เง็ก” (รุ่งระวี บริจินดากุล) หญิงสาวสู้ชีวิตที่ถูกความเหลวแหลกของเมืองหลวงกัดกินทั้งร่างกาย และ จิตใจ “หมวยเล็ก” (ภุมวารี ยอดกมล) เด็กสาวแก่นแก้วที่งดงามทั้งหน้าตา และ จิตใจ “ไอ้เป๋ง” (เชษฐวุฒิ วัชรคุณ) นักเลงหัวไม้หัวโจกของบรรดาจิ๊กโก๋คุมซอยคู่ปรับคนสำคัญของยอร์จ

ความเป็นจริงในความหวังที่ไม่เพียงดูริบหรี่ แต่กลับเริ่มไกลห่างออกไปจากตัวทิ้งมากขึ้นทุกที เมื่อจิตศรัทธาแห่งความดีงามจากคนรอบข้างที่มีต่อองค์บากค่อยรางเลือนมากยิ่งขึ้น กลับกันกับชักนำให้ทิ้งถลำเข้าไปสู่วังวนแห่งการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะขัดกับถ้อยคำที่พร่ำสอนจากพระครู เมื่อทิ้งถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับเกมการต่อสู้ และ การไล่ล่าที่อบอวลไปด้วยความชั่วร้ายจากทั้งคนไทยด้วยกันเอง และ ชาวต่างชาติ

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว องค์บาก 1

หนังก็ยังมีข้อบกพร่องที่เกิดจาก องค์-บาก 1 ภาค-ไทย การลังเลระหว่างการทำให้มันเป็นหนังที่ดีตามมาตรฐาน และ การทำหนังเอาใจท่านผู้ชม ซึ่งผู้กำกับเลือกทางการเอาใจผู้ชมจนเอียงข้างไปเล็กน้อย เริ่มต้นง่าย ๆ จากการที่ไม่มีคนร้ายคนไหนใช้ปืนยิง จา พนม เลย ทุกคนเอาแต่วิ่งไล่จา พนม (แถมวิ่งไล่กันไม่ทันอีก) คือ ถ้ามีคนใช้ปืน จา พนม คงตายตั้งแต่ 15 นาทีแรกไปแล้ว

องค์บากอาจจะกลายเป็นหนังสั้นได้ ซึ่งตรงนี้จริง ๆ คนเขียนบทก็ต้องแก้ไขให้เมกเซนส์ให้ได้ เช่น ลูกสมุนถูกสั่งให้จับเป็นรึเปล่า เลยยิงให้ตายไม่ได้ นอกจากนี้ ฉากแอ็กชันมากมายที่ปรากฏในหนังนั้นมีการ Replay ซํ้าให้เราดูกันหลาย ๆ รอบ จากมุมกล้องต่าง ๆ ราวกับเป็นภาพกีฬามัน ๆ เวลาดูนี่ได้ยินเสียงประโยค ‘ลองจับตาดูกันอีกครั้งชัด ๆ

แต่อะไรที่ทำให้องค์บากภาคแรกเด็ดสุด? โดยส่วนตัวผมว่า “มันพอเหมาะพอดี” ครับ คือบทน่ะไม่มีอะไร แต่การเดินเรื่องมันไม่เยิ่นเย้อ ตามด้วยการมีฉากแอ็กชันแบบเล่นจริงเจ็บจริง ไม่ใช้สลิง และ สแตนอิน Effect ก็ไม่ต้องครับ ทุกอย่างเนื้อซัดเนื้อ หมัดซัดหมัดกันไป

ฉากไล่ล่าก็มีลูกเล่นพอดี ๆ คือไม่ต้องระเบิดอลังการอะไรมากครับ แค่ให้พอหวาดเสียว ซึ่งจุดขายที่เด็ดสุด ๆ ยังไงก็คือการเล่นจริงนี่แหละ มันให้อารมณ์อีกแบบจริง ๆ นะครับ มันคืออารมณ์แบบที่คอหนังสไตล์เฉินหลงโปรดเป็นหนักหนา

รีวิว องค์บาก 1

รีวิว องค์บาก 1 องค์บาก ถือว่าเป็นหนังไทยที่ประสบ องค์บาก 1 เต็มเรื่อง 037 ความสำเร็จสูงสุดในตลาดโลก แม้ว่าความสำเร็จนี้ยังไม่มากเท่าหนังต่างประเทศอีกหลายเรื่องของหลายชาติ แต่เป็นความสำเร็จสูงสุดของหนังไทยในรอบประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ของประเทศไทย โดยช่วงสัปดาห์แรกเข้าฉายกลางเดือนกุมภา หนังทำรายได้ในอันดับที่ 17 ของอเมริกา ทั้งที่เข้าฉายเพียง 361 โรงทั่วประเทศ หรือเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ของโรงฉายหนังที่ได้อันดับหนึ่ง

แม้ว่าหนังไทยเรื่องใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดโลก จะต้องสร้างสรรค์แนวทางของตัวเองเท่านั้น แต่การรับรู้ทัศนะของนักวิจารณ์ต่างประเทศที่มีต่อ ‘องค์บาก’ น่าจะเป็นพื้นฐานที่ดีเพื่อการก่อตัวความคิดใหม่ของนักสร้างภาพยนตร์ไทย

ที่หวังให้หนังเป็นที่ยอมรับของคนดูต่างชาติต่างภาษาด้วย

บทสรุป

“ปรัชญา ปิ่นแก้ว” รับหน้าที่เป็นผู้กำ องค์บาก1 ต้นฉบับ กับในโครงการหนังฟอร์มดีจากค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่ถือว่าเรื่องนี้เข็นออกมาฉายตั้งแต่ต้นปี เพื่อมาเป็นโปรแกรมทองต้อนรับเทศกาลตรุษจีนในปีนั้น และ ถือว่าเป็นความสำเร็จชั้นเยี่ยมให้กับแวดวงหนังไทย ที่ตอนนั้นถือว่าเป็นยุคทองของวงการเลยทีเดียว

หนังกวาดรายได้ทั่วประเทศไปได้กว่า 124 ล้านบาท อยู่ในอันดับที่ 5 ของหนังทำเงินสูงสุดในไทยประจำปี 2546 และ เป็น 1 ในหนัง 5 เรื่อง ที่ทำเงินได้แตะร้อยล้านในปีนั้นด้วย

นอกจากจะได้ จา พนม มาเป็นนักแสดงนำหลักของเรื่องนี้ หนังยังมีดาราสมทบอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น “หม่ำ จ๊กมก”, “แอร์ ภุมวารี”, “สุเชาว์ พงษ์วิไล”, “บ๊วย เชษฐวุฒิ” หรือ “ชุมพร เทพพิทักษ์” และ หนังยังได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ทองคำได้ถึง 4 สาขารางวัลด้วย

ไม่เท่านั้นหนังยังมีโอกาสได้เฉิดฉายในตลาดหนังโลก และ ออกฉายไปในหลาย ๆ ประเทศ ทำให้กวาดรายได้จากทั่วโลกไปได้กว่า 20 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม

สวัสดีครับหากพูดถึงหนังไทยในสมัยนี้นั้นเรียกได้ว่าไปไกลเอามากๆแล้ว ซึ่งภาพยนตร์ไทยสไตล์ GANGSTER นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นหนังไทย gen ใหม่เลยก็ว่าได้ จากผู้กำกับ หนังไทยnetflix ภาพยนตร์สยองขวัญ หากคนไทยแล้วเราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าไม่มีภาพยนตร์สยองขวัญ ส ปอย หนัง สัญชาติไหนที่น่ากลัวไปกว่าภาพยนตร์สัญชาติไทยของเราอีกแล้วไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมความเชื่อหรือแม้แต่ความใกล้เคียงกันเขาสิ่งแวดล้อมในภาพยนตร์ และ ที่ขาดไปไม่ได้เลย ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ก็คือฝีมือของผู้กำกับทำให้ภาพยนตร์เหล่านี้สามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับเราได้เป็นอย่างดีดังนั้นเราจึงสามารถพูดได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ แบบเต็มปากว่าผู้กำกับภาพยนตร์สยองขวัญที่ประสบความสำเร็จในไทยนั้นถือว่าเป็นผู้กำกับที่มีความสามารถในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

หนังเรื่องนี้บอกตามตรงว่าตอนที่ได้ดูตัวอย่างไม่ได้หวังเลยว่ามันจะดี พอได้มาดูจริงก็พบว่าไม่ผิดหวังแต่อย่างใด หนังเต็มไปด้วยคนดัง (ที่ผู้โพสท์ต้องขออภัยไม่ค่อยรู้จักจึงไม่ได้เน้นในการพูด) คงเป็นจุดขายของหนัง

เพราะก่อนหน้านี้ได้ยินกระแสว่ามีเด็ก ๆ อยากดูกันมาก และ เรียกร้องให้มีรีวิวเพื่อการตัดสินใจเทียบกับร่างทรง เราดูแล้วก็อยากบอกเด็ก ๆ ว่า ถ้าตัวเลือกในการตัดสินใจของน้องนี้มีแค่ 2 เรื่อง ก็ฉีกกระดาษคำตอบเสียเถอะครับ

ถ้าน้องมีใจที่ตั้งใจสนับสนุนผลงานคนไทยไม่สนใจดูหนังเรื่องอื่นที่คงต้องเป็นหนังต่างประเทศก็เก็บเงินค่าดูไว้ซื้อผลิตภัณฑ์โอท็อปหรือทำอย่างอื่นอาจช่วยเหลืออนาคตประเทศชาติได้ดีกว่า

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม โกงพลิกเกม Game Changer เป็นหนังสไตล์แอคชั่น game changer หนังไทย ระทึกขวัญ ที่โฟกัสเรื่องราวของกลุ่มอันธพาลเพื่องพ้องในเมืองที่เต็มไปด้วยอาชญากรรม และ กลุ่มแก๊งครองอิทธิพลไปทั่วเมือง พวกเขาทั้ง 4 คนเป็นหนึ่งในสมาชิกที่ทำงานให้กับบอส ที่คอยควบคุมแก๊งต่าง ๆ ในพื้นที่ให้อยู่ในความสงบ และ ทุกแก๊งจะต้องส่งส่วยให้เป็นประจำ แต่เกมเปลี่ยนไปเหมือนกระดานพลิก เมื่อเกิดอุบัติเหตุกับบอส พวกเขาจึงได้วางแผนเล่นเกมโกงบ้า ๆ กันต่อ โดยที่นำตัวเองเข้าสู่อันตรายที่แทบจะไม่มีทางรอดตายได้เลย

นี่คือผลงานใหม่ของผู้กำกับ “ทิวา เมยไธสง” (จาก เกมปลุกผี) ที่ช่ำชองกับการถ่ายทอดงานสไตล์ดิบ ๆ เถื่อน ๆ กับประสบการณ์ที่สั่งสมในหนังหลายเรื่อง

แต่สำหรับในเรื่องนี่อาจจะเปลี่ยนแนวเล็กน้อย ตรงที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องผีสางวิญญาณที่มองไม่เห็นตามฉบับในหนังหลาย ๆ เรื่องที่เขาเคยสร้าง แต่พลิกมาเล่นกับพฤติกรรม และ ผลการกระทำของมนุษย์แทน ที่น่าจะค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับในระดับหนึ่งเลย

เรื่องย่อ

รีวิว โกงพลิกเกม

‘โกงพลิกเกม’ เป็นเรื่องราวของแก๊งเพื่อนติดเกม ‘ตี๋’ (โต้ง Twopee), ‘คิด’ (ทอม อิศรา), ‘ตึก’ (ปอนด์ คุณพัทธ์) และ ‘ซิม’ (ซิม คิวเท) ที่อยู่ดี ๆ ต้องกลายมาเป็นลูกน้องคนสนิทของ ‘บอส’ นายใหญ่ประจำเมืองสมมติ ที่ภายในเมืองนั้นมีกลุ่มแก๊งมากมายอาศัยอยู่

โดยแต่ละแก๊งต่างก็ยึดครอง และ ทำธุรกิจมืดแตกต่างกันไป พร้อม ๆ กับการหวังจะแย่งชิงพื้นที่หากิน โดยแก๊งวัยรุ่นทั้ง 4 ต้องออกตระเวน ‘เก็บเหรียญ’ หรือเก็บเงินค่าคุ้มครองจากทุกแก๊ง

จนกระทั่งวันหนึ่ง บอสเกิดเสียชีวิตกะทันหัน คิด หัวสมองของแก๊งจึงได้เริ่มต้นคิดวางแผนยึดเมือง และ ใช้ ‘เกม’ ในการเปลี่ยนแปลงระบบที่เคยเป็นมาแต่เดิม พร้อมกับสวมรอยทำหน้าที่แทนบอสเสียเอง

พร้อม ๆ กับการที่ตี๋กำลังจะมี ‘รักต้องห้าม’ ซึ่งอาจนำพาเขา และ เพื่อนไปเผชิญกับอันตรายมากมาย รวมถึงการกลับมาของ ‘จอห์นนี่’ (เดย์ ไทเทเนียม) ขาใหญ่อีกคนที่ต้องการกลับมาประกาศศักดาอีกครั้งหลังจากพ้นคุก

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โกงพลิกเกม

โกงพลิกเกมเป็นภาพยนตร์ที่หาก game changer พากย์ไทย พิจารณาดูให้ดีแล้วมันแทบจะไม่มีอะไรแตกต่างจากภาพยนตร์เจ้าพ่อในยุค 80 เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นเส้นเหลืองหรือแม้แต่ตัวละครแต่ละตัวนั้นมีกลิ่นอายความเป็นภาพยนตร์เจ้าพ่อฮ่องกงเป็นอย่างมากโดยเฉพาะการที่ตัวละครเอกของภาพยนตร์ต้องหลุดเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้มีอิทธิพลใต้ดินการมีความลับกับหญิงต้องห้ามการแย่งชิงอำนาจการทำมาหาเงินของเหล่าแก๊งผู้มีอิทธิพล

เรียกได้ว่ามีกลิ่นอายหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยุค 80’s อะไรแบบนั้นเลย โดยเฉพาะพอยต์หลักของหนังแก๊งสเตอร์ที่พระเอกต้องหลุดเข้าไปอยู่ในอิทธิพลมืด มีความรักต้องห้ามกับหญิงสาวที่อยู่เหนือกว่าตน และ การแย่งชิงอำนาจ แย่งชิงทรัพยากรทำมาหากิน

แต่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้เอาพล็อตหนังเจ้าพ่อมาใช้เลยก็ไม่ขนาดนั้น ด้วยการปรุงแต่งบท และ วิธีการนำเสนอ ทำให้หนังเรื่องนี้มีความเป็นแก๊งสเตอร์ยุคใหม่ ภายใต้บทหนังเจ้าพ่อแบบดั้งเดิม

แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะว่าภาพยนตร์ได้มีการปรับแต่งบทรวมไปถึงการนำเสนอให้มีความเป็นภาพยนตร์สมัยใหม่มากยิ่งขึ้น แต่มีกลิ่นอายภาพยนตร์เจ้าพ่อแบบเดิมความโดดเด่นที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้คือส่วนของงานภาพไม่ว่าจะเป็นการออกแบบการใช้มุมกล้องการจัดวางองค์ประกอบภาพงานคอมพิวเตอร์กราฟิกสามารถถ่ายทอดภาพแนวใหม่ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมแม้ว่ามันจะมีความแปลกตา

หนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่น่าสนใจก็คืองานด้านภาพครับ ทั้ง กราฟิกซีจีต่าง ๆ รวมถึงการออกแบบภาพ มุมกล้อง การวางองค์ประกอบภาพ การครีเอตภาพแนวทางใหม่ ๆ ที่บ้าพลัง และ ทำออกมาได้ดี รวมถึงฉากลองเทกที่ดูแปลกใหม่

อาจจะเพราะว่าผู้กำกับเองก็มีเครดิตในฐานะผู้ที่คลุกคลีกับงานด้านภาพของภาพยนตร์ไทยมาแล้วหลายเรื่อง หนังเรื่องนี้จึงถือว่าเป็นการปล่อยของที่หวือหวาน่าสนใจดีไม่ใช่น้อย

และ ไม่เหมือนใครก็ตามเนื้อเรื่องที่มีความน่าสนใจไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ที่เน้นการใช้สติปัญญาฟาดฟันกันมากกว่าการหยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้มีการผสมผสานมุขตลกเข้ามาแบบกำลังพอดี แต่สิ่งที่น่าเสียดายมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงที่เล่นใหญ่จนเกินไปทำให้ในบางฉากเรื่องราวดูโอเวอร์ และ ไม่สมจริง

อีกจุดที่เป็นจุดสังเกตก็คือ หนังเรื่องนี้มีตัวละครเยอะมากครับ เยอะแบบชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องคิดจะจำชื่อตัวละครกันเลยแหละ เพราะลำพังแค่เจ้าพ่อก๊กต่าง ๆ ที่คุมธุรกิจมืดก็ล่อเข้าไปตั้งกี่คนแล้ว ไหนจะสายสัมพันธ์ต่าง ๆ ระหว่างกัน ที่หนังอธิบายไว้เพียงหลวม ๆ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่า นอกจากนักแสดงหลักแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีตัวละครเยอะขนาดนั้นไปทำไม เพราะต่อให้เขาไปฆ่าใครหรือโดนใครฆ่า ก็ดูจะไม่มีผลต่อเนื้อเรื่องหลักเท่าไหร่ (ซึ่งเป็นที่มาของซีนลอย ๆ บางซีน)

ฝีมือการแสดงที่พอจะยกนิ้วโป้งให้ได้ ก็คงเป็น’ทอม อิศรา’ ที่มีฝีมือด้านการแสดงเป็นต้นทุน และ ‘ปีเตอร์-นพชัย ชัยนาม’ ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง แม้จะโผล่มาในหนังน้อยมากก็ตาม ส่วน ‘คิวเทโอปป้า’ ก็คือ ‘คิวเทโอปป้า’ นั่นแหละครับ…

รีวิว โกงพลิกเกม

รีวิว โกงพลิกเกม โกงพลิกเกม’ คือผลงานเรื่องใหม่ Game changer VALORANT กับค่ายห้าดาว ‘ไฟว์สตาร์ โปรดักชัน’ ของผู้กำกับที่เราอาจไม่คุ้นชื่ออย่าง ‘ทิวา เมยไธสง’ แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการแต่อย่างใด เพราะประสบการณ์การทำงานด้านการเป็นตากล้องภาพยนตร์ ตัดต่อ รวมทั้งยังเขาเองก็ยังเคยเป็นผู้กำกับหนังคุ้นชื่อ

โดยเฉพาะแนวสยองขวัญมากมายหลายเรื่องด้วยกัน เช่น ‘ผีช่องแอร์‘ (2005) ‘เชือดก่อนชิม‘ (2009) ‘วงจรปิด‘ (มรดกผี) (2012) ‘เกมปลุกผี‘ (2014) จะมีก็เพียงแต่ ‘รักเอาอยู่‘ (2012) ที่แหวกแนวเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ และ ผลงานใหม่ล่าสุดอย่าง ‘โกงพลิกเกม’ เรื่องนี้นี่แหละครับ

หนึ่งในองค์ประกอบของหนังเรื่องนี้ที่ต้องชื่นชมเลยก็คงจะเป็นงานการถ่ายภาพ ที่ผู้กำกับก็รับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพด้วยตัวเอง เพราะชิ้นงานที่ออกถือว่าคมคาย โดยเฉพาะการถ่ายทอดภาพ และ จัดแสงองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แปลกตา และ น่าสนใจ สร้างสรรค์มุมมองของเมืองพัทยาในรูปแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นในหนังไทยสักเท่าไหร่ มุมกล้องกับมุมภาพต่าง ๆ จึงทำออกมาได้น่าประทับใจเลยทีเดียว

แต่นั้นก็น่าจะเป็นเพียงองค์ประกอบหลัก ๆ อย่างเดียวที่เป็นข้อดีของหนังเรื่องนี้ เพราะ โกงพลิกเกม Game Changer ยังเต็มไปด้วยข้อบกพร่องอยู่ในหนังเต็มไปหมด เริ่มต้นที่ปัญหาหลัก ๆ คือบทหนัง ที่ยังเต็มไปด้วยรูรั่วที่ไม่มีความสมเหตุสมผลอยู่มาก ไม่สามารถขับเคลื่อนตัวละคร และ สร้างมิติให้คาแรกเตอร์ต่าง ๆ ได้ดีเท่าที่ควร แม้ประเด็นจะค่อนข้างดี แต่ยังล้มเหลวในการนำเสนออยู่ในบางจุด

บทสรุป

คงต้องบอกว่า โกงพลิกเกม Game Changer มีวัตถุดิบ Game Changer Netflix ที่ดีมาก ๆ อยู่ในมือ สามารถปลุกปั้นสร้างให้เป็นหนังแก๊งสเตอร์ดิบ ๆ เถื่อน ๆ หักเหลี่ยมเฉือนคมสนุก ๆ แบบหนังของผู้กำกับ ‘กาย ริชชี่’ ทางฝั่งฮอลลิวูดได้เลย แต่หนังก็ยังไม่มีพลังขับเคลื่อนไปถึงระดับนั้น กลายเป็นหนังที่มาแค่เพียงโจทย์ความท้าทายแบบทื่อ ๆ ง่าย ๆ แบบสูตรสำเร็จที่ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่อะไรสักเท่าไหร่

แม้หนังจะมีปัญหาเล่นใหญ่แบบเลยเถิดบ้าง แต่ในแง่ของพาร์ตแอ็กชันก็ต้องถือว่าไม่เสียหายนะครับ ทำได้ดีในระดับที่โอเคเลยแหละ แต่ก็นั่นล่ะครับ ถ้าจะดูเอาพาร์ตแอ็กชันสไตล์แก๊งสเตอร์ ก็น่าจะพอไปวัดไปวาได้

แต่ก็อาจจะต้องยอมให้สมองทำงานหนักนิดหน่อยในการเข้าใจทุกปม ทุกความสัมพันธ์ ทุกที่มา และ ที่ไปทั้งหมดของหนังเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ เพื่อทำการปะติดปะต่อเรื่องราวให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าใครรับได้กับการเล่นใหญ่ใส่ยับ (เยิน) ของหนังเรื่องนี้ ก็คงไม่น่าจะผิดหวังล่ะครับ

โดยในภาพรวมแล้ว โกงพลิกเกม Game Changer ก็จัดได้ว่าเป็นหนังไทยที่น่าเสียดายที่ยังถูกนำเสนอออกมาได้ไม่ค่อยเต็มที่เท่าที่ควรนัก แม้จะมีโครงเรื่อง และ ประเด็นที่น่าสนใจไม่น้อย แต่หนังขาดความน่าสนใจในการเล่าเรื่อง และ นำเสนอ การร้อยเรียงเรื่องของหนังยังน่าเบื่อ และ สะเปะสะปะอยู่ไม่น้อย จึงทำให้คนดูยังไม่รู้สึกคล้อยตามไปกับท้องเรื่อง และ สถานการณ์เท่าที่ควร

แต่ก็ต้องยอมรับว่า หนังก็พยายามมอบประสบการณ์ความดิบเถื่อน และ โหดเหี้ยมในแบบที่หนังสไตล์นี้ควรจะมี หนังได้หยิบใส่เข้ามาได้ดีอยู่ แม้ว่าจะยังใส่เพิ่มเข้ามาได้มากกว่านี้ก็ตาม ดังนั้นบทหนังจึงยังเป็นปัญหาหลักในการขับเคลื่อนหนังเรื่องนี้ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ถึงแม้จะชวนให้นึกถึงหนังไทยยุค 90 แนว ๆ นี้อยู่บ้าง แต่กลายเป็นว่า โกงพลิกเกม Game Changer ก็ยังไม่ใช่หนังที่น่าจดจำสักเท่าไหร่

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

หากล่าวถึงภาพยตร์ไทยกึ่งสารคดีที่เล่าชีวประวัติ ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้รับชมได้มากมาย โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หนังไทยnetflix ภาพยนตร์ที่ทาง transformation films สร้างจาก ส ปอย หนัง เค้าโครงเรื่องจริงของ ‘โปรเม’ เอรียา จุฑานุกาล ที่ก้าวจากจุดที่เล็กที่สุด สู่ความเป็นมือ 1 ของโลก ที่ถูกผู้กำกับนำเรื่องราวมาถ่ายทอดเบื้องหลัง ว่ากว่าที่จะเห็นประสบความสำเร็จอยู่ ปัจจุบันที่งดงาม ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี เป็นที่รู้จักในวงการกอล์ฟ จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้างจนมายืนถึงจุดนี้ได้ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ ผมไม่คิดว่าผู้กำกับจะกล้าที่จะนำเรื่องราวของกีฬากอล์ฟ ออกมาถ่ายทอดผ่านตัวละคร ที่จะทำให้คนทั่วไปรู้จักกีฬากอล์ฟมากขึ้น

ต้องแลกอะไรบ้างเพื่อความฝัน” อาจเป็นคำถามที่หนักหนาเพียงพอแล้ว แต่หนังยังเพิ่มความหนักอึ้งลงไปอีกด้วยคำถามว่า ความฝันเป็นสิ่งที่เราต้องการเอง หรือเป็นเพียงความต้องการของใครที่ฝังหัวเรามา แล้วความฝันนี้ยังมีค่ากับเราแค่ไหน ซึ่งนี้น่าจะเป็นโจทย์ที่ทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจริง ๆ มากกว่าผลงานความสำเร็จของโปรเมในชีวิตจริงที่ก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 ของโลกในวัยเพียง 21 ปี ซึ่งเป็นผิวเคลือบอันหอมหวานเชิญชวนผู้ชมให้ใคร่รู้เท่านั้น และ นั่นจึงทำให้หนังเรื่องนี้มีของ แตกต่าง และ น่าสนใจกว่าหนังแนวชีวประวัติเรื่องอื่น ๆ เพราะมีภูมิหลังดรามาที่เฉพาะตัวในแบบครอบครัวเอเชียมาก ๆ

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หลายครั้งที่เราบ่น และ เห็นหลายคนบ่น ว่าเมื่อไหร่ที่บ้านเราจะมีหนังไทยที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เต็มเรื่อง ออกมาให้ได้ดูกันบ้าง ในที่สุด ปีนี้นี่แหละ ที่เราจะได้ดูหนังไทยคุณภาพที่ไม่ใช่หนังรัก หนังผี หรือหนังตลก อีกทั้งยังเป็นหนังไทยที่เราสามารถพูดได้เต็มปากว่า “ควรสนับสนุนหนังไทย ฝีมือคนไทย”

อย่างที่ทราบกันว่า กีฬากอล์ฟเป็นกีฬาที่ยังคงเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับคนไทยอยู่มาก ยิ่งเป็นการนำเรื่องราวชีวิตของ โปรเม เอรียา จุฑานุกาล มาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่า เป็นภาพยนตร์สารคดีหรือเปล่า แต่พอได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์ และ ได้มาดูในรอบกาล่า เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา

ต้องบอกเลยว่า นี่คือภาพยนตร์ดราม่าที่แฝงไปด้วยความบันเทิง และ ยังสอดแทรกเรื่องราวของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างลงตัว ไม่ใช่เพียงตัวของโปรเมเอง แต่ยังมีบุคคลที่รายล้อม เช่น โปรโม พ่อสมบูรณ์ แม่เปิ้ล อาพิษณุ เต้ พี่วิน ฯลฯ ที่สำคัญ ยังสามารถอธิบายให้กับคนที่ไม่รู้จักกีฬากอล์ฟ สามารถดูภาพยนตร์ได้อย่างสนุกสนาน ต้องยกนิ้วให้กับผู้กำกับ และ นักแสดงเลยครับ

ในส่วนของภาพยนตร์กันบ้าง ภาพยนตร์เริ่มด้วยภาพเหตุการณ์หลุม 18 ในการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2013 รอบสุดท้าย ขณะที่ “โปรเม” เอรียา วัยเพียง 17 ปี ในตอนนั้นกำลังขึ้นนำ หลังจากที่ผลัดกันขึ้นเป็นผู้นำกับ ปาร์ค อินบี ก้านเหล็กชาวเกาหลีใต้ ก่อนจะพลาดออกทริปเปิ้ลโบกี้ จบเกมด้วยการพ่ายแพ้ อินบี ไปเพียงหนึ่งสโตรก

เหตุการณ์ในวันนั้น คือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ภาพยนตร์ได้ทิ้งปมในใจนี้ไว้ให้กับตัวของโปรเม เอรียา ก่อนที่จะเล่าย้อนไปในสมัยเด็กของครอบครัว ที่ทุก ตี 4:30 จะต้องตื่นนอน มาวิ่ง 50 รอบ ก่อนไปโรงเรียนก็อยู่เรียนแค่ 12:00 เพราะต้องไปซ้อมกอล์ฟที่สนามกอล์ฟจนถึงเย็น ก่อนจะว่ายน้ำ ทำแบบนี้มาโดยตลอด

การนำทั้งสองไปเปิดโลกที่สหรัฐอเมริกา เดินทางแข่งขัน จนมาถึงปม 1 ปมที่มีการทะเลาะในภาพยนตร์ระหว่างโปรเม และ พ่อ ก่อนภาพยนตร์จะปูเรื่องของการเดินทางของตัวละคร ทุกตัว จนถึงวันที่ โปรเม สามารถปลดล็อก ตัวเองได้ในการแข่งขัน Yokohama Tire LPGA Classic

เรื่องย่อ

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

จุดเริ่มต้นทั้งหมด มันเกิดจากพ่อคนหนึ่ง พ่อที่เชื่อว่าจะทำให้ลูกสาวสองคนไปเป็นนักกอล์ฟระดับโลกให้ได้ คุณเริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมว่าเขาเริ่มกันยังไง เรื่องราวทั้งหมดของ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และ ครอบครัวของเธอที่เริ่มต้นจากการทิ้งโลกวัยเด็กของเธอไว้เบื้องหลัง และ เริ่มเล่นกอล์ฟตั้งแต่ยังเด็ก ตลอดเวลาเม และ ครอบครัว ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก ทั้งเรื่องกอล์ฟ และ บททดสอบ ความยากลำบากในการใช้ชีวิต

ช่วงเวลาที่บาดเจ็บการตกลงสู่จุดที่แทบจะเรียกได้ว่าต่ำที่สุดของชีวิต ครอบครัวของพวกเธอ พาหัวใจของเธอก้าวข้ามผ่านความล้มเหลวก้าวข้ามผ่านจุดที่ต่ำที่สุดในชีวิตนั้นมาได้อย่างไร

เพราะความพยายามที่ไม่เคยหยุดไม่ว่าจะผิดหวัง ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหนเธอยังคงเดินหน้าจนติดท็อปเท็นของโลกไปได้ในตอนนี้ รวมถึงสร้างปรากฏการณ์ให้วงการกอล์ฟโลก และ ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวที่จะเป็นแรงผลักดันให้กับทุกคนที่มีฝัน ทำทุกอย่างทุกวิถีทาง เพื่อไปให้ถึงฝันนั้นแบบ “เม เอรียา จุฑานุกาล” และ ครอบครัวของเธอ “โปรเม” อัจฉริยะต้องสร้าง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

หนังขาดการอธิบายหลาย ๆ สิ่งให้คนดูรู้สึกถึงเหตุ และ ผล จนเหลือแค่ชีวประวัติน้ำ ๆ ตามรอยเส้นทางการแข่งขันของโปรเมแบบผิวเผินเท่านั้น โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง เต็มเรื่อง พากย์ไทย ซึ่งถ้าอยากรู้จักชีวิตโปรเม และ พี่สาว แค่ค้นหากูเกิลหาอ่านบทสัมภาษณ์ทั่วไปยังมีเรื่องราวด้านต่าง ๆ มากกว่าในหนังอีกด้วยซ้ำ (เปิดใจโปรกอล์ฟ 2 พี่น้องหนึ่งของโลก ‘โปรโม-โปรเม จุฑานุกาล’ กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ได้ง่าย!!!)

แต่ยังดีที่นักแสดงที่เล่นเป็นโปรเมมีความเป็นธรรมชาติ ดูแล้วรู้สึกได้ถึงอินเนอร์ความมุ่งมั่นได้อยู่ ทำให้หนังยังมีความลื่นไหลจากการแสดงไม่ขัดตาของตัวละครหลัก ทำให้เอาใจช่วยได้อยู่บ้าง แต่ในส่วนของโม พี่สาวของโปรเมที่เป็นนักกอล์ฟกลับไม่มีบทที่ช่วยส่งเสริมเรื่องราวของน้องสาวเท่าใดนัก กลายเป็นเหมือนแค่ตัวประกอบในเรื่องราวที่โมอยู่ฝ่ายแม่ ตรงข้ามกับเม หลังถูกพ่อยึดตัวไป ซึ่งหนังเน้นแต่ชีวิตของโปรเมเป็นหลักเพียงเท่านั้น

นักแสดงนำทุกคนมีพลังการแสดงอย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะคุณเอก ธเนศผู้เล่นเป็นพ่อของโปรโม-โปรเม คนนี้คือพลังล้นเหลือจริง เล่นดีจนกลัว เค้าไม่ได้อยู่ในหนังตลอดเรื่องเพราะมันจะมีช่วงที่สองโปรต้องห่างจากพ่อไป

แต่สิ่งที่เค้าสร้างมาตั้งแต่ต้น ทั้งความโหด ความกดดันต่าง ๆ มันสร้างบรรยากาศมาคุให้หนังตลอด สื่อให้เห็นชัดเจนเลยว่าพ่อมีอิทธิพลต่อโปรสาวทั้งสองแค่ไหน

เราชอบซีนระเบิดอารมณ์ระหว่างพ่อกับโปรเมที่ร้านอาหาร หลังจากพ่อเดินออกไป โปรเมนั่งกินสเต๊กที่พ่อกินค้างไว้ต่อทั้งน้ำตา ในจานของพ่อนั้น พ่อหั่นสเต๊กเป็นชิ้นพอดีคำไว้ก่อนแล้ว ชอบการสื่อความหมายที่จะบอกเป็นนัย ๆ ว่า โปรเมจะสานต่อความฝัน และ เป้่าหมายที่พ่อสร้างไว้

จุดเสียในหนังที่เห็นชัดมาก ๆ คือความคลุมเครือหลายอย่างที่ลืมเล่าให้เคลียร์แล้วทิ้งความสงสัยในใจคนดูแบบไม่จำเป็น อย่างตัวตนของพี่ยุ้ยที่อยู่ดี ๆ ก็โผล่เข้ามา นิสัยการเก็บฝาขวดของโปรเมที่ไม่ได้ขยายความ และ ที่หนักหนาสุดคือแรงจูงใจที่มาที่ไปในการมีเป้าหมายแรงกล้าของตัวละครพ่อว่าทำไมต้องยึดติดแชมป์โลกกีฬากอล์ฟขนาดนั้น ซึ่งกลายเป็นทำให้ตัวละครลึกไม่สุดมีมิติไม่สุดไปอย่างน่าเสียดาย

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง

รีวิว โปรเม อัจฉริยะต้องสร้าง หนังเรื่อง โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง โปรเม ประวัติ ภายใต้การผลิตของค่ายหนังทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม (ตุ๊กแกรักแป้งมาก, มิสเตอร์เฮิร์ทฯ) จัดว่าดีเกินความคาดหมายของเรา และ ดีเกินมาตรฐานหนังไทยไปมาก มีหลายโมเมนต์ที่เรานึกว่ากำลังดูหนังต่างประเทศอยู่ สรุปสั้น ๆ ตรงนี้ได้เลยว่า รับรองว่าไม่ผิดหวัง และ ไม่เสียดายตังค์แน่นอน

โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง เป็นเสมือนหนังกึ่งชีวประวัติ สร้างจากเรื่องจริงอันเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจของสองพี่น้องนักกีฬากอล์ฟสาวไทยติดอันดับโลก “เม เอรียา & โม โมรียา จุฑานุกาล”

เราเองก็แทบไม่เคยดูกอล์ฟ และ มีความรู้เกี่ยวกับกอล์ฟเท่ากับศูนย์ แต่ก็ชอบหนังเรื่องนี้ และ ดูสนุกทั้งเรื่อง เพราะ โปรเม อัจฉริยะ/ต้อง/สร้าง ไม่ใช่หนังเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ หากแต่เป็นหนังของคนคนหนึ่ง… ครอบครัวครอบครัวหนึ่ง… ที่ไม่ยอมแพ้

แม้ว่าหนังจะมีพาร์ทเกี่ยวกับกอล์ฟอยู่บ้าง แต่หนังก็เล่าส่วนนี้ออกมาได้เข้าใจง่ายโดยไม่ต้องเลคเชอร์ เอาเป็นว่า นี่เป็นหนังเล่าชีวิตนักกอล์ฟสาวไทยที่แม้แต่คนที่ดูกอล์ฟไม่เป็นเลยก็สามารถดูรู้เรื่อง คล้าย ๆ กับหนังฝรั่งเรื่อง Whiplash ที่เราก็ดูสนุกได้ ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องกลองหรือดนตรีแม้แต่น้อย

บทสรุป

เป็นภาพยนตร์ไทยคุณภาพอีกเรื่อง โปรเมย์ ที่สร้างแรงบันดาลใจ…โดยเฉพาะน้อง ๆ นักกอล์ฟเยาวชนควรมาดูอย่างยิ่ง หลังจากที่ได้มีโอกาสได้ร่วมงานกาล่า​พรีเมียร์​เมื่อวานนี้​ สำหรับองค์ประกอบรวมของภาพยนตร์ ผมมองว่า เป็นภาพยนตร์ไทยที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลยครับ (ในฐานะที่ผมไม่ค่อยดูหนังไทยเท่าไหร่)

การดำเนินเรื่องราว ปมของตัวละคร ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ต้นจนถึงจบ ไปดูแล้วได้รู้จักกับตัวตนของโปเม มากขึ้น ได้แรงบันดาลใจมากขึ้น สำหรับใครที่กำลังท้อแท้ หรือหมดแพชชั่น ลองไปดูนะครับ โดยเฉพาะน้อง ๆ นักกอล์ฟตัวเล็ก ๆ ที่ฝันอยากเป็นเหมือนพี่เม พี่โม คุณพ่อคุณแม่ยิ่งควรให้มาดูอย่างยิ่งขอให้คะแนน 8/10 เลยนะครับ

และ สำหรับใครที่กลัวไปดูแล้วจะไม่อินกับหนัง สามารถเข้าไปอ่านคอนเทนต์ ย้อนไทม์ไลน์ชีวิตจริง รู้ไว้ก่อนดู ‘โปรเม อัฉริยะ ต้องสร้าง’ ได้เลยครับ ผมให้คะแนนสำหรับหนังเรื่องนี้ 8/10

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

สวัสดีครับ นี้เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ผมอยากมาแนะนำในวันนี้ ส ปอย หนัง หนังได้เรื่องนี้เล่าถึง สตั้นท์กลุ่มหนึ่ง ที่ได้ทำการเข้าแข่งขัน เพื่อที่จะได้เป็นนักแสดงหนังคิวบู๊ ดูหนังฟรี ซึ่งหลังจากฟาดฟันกันมา ก็เหลือสองทีมที่เก่งสุด มาชิงที่หนึ่ง ซึ่งการชิงที่หนึ่ง หนังไทยย้อนยุค คือการกระโดดปีนป่ายเพื่อแย่งของกันหนึ่งชิ้น 2นาทีจบ … เหอเหอ นึกว่าจะซัดอะไรกันมันส์กว่านี้ ดูหนังออนไลน์ พี่ชิงที่หนึ่งกันนะครับ แข่งเป็นทีมด้วยแต่ดันส่งคนเก่งแข่งคนเดียว เตรียมพบการกลับมาของหนังในตำนาน “โคตรสู้ โคตรโส” หรือ “Bangkok Knockout” ภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี 2553 และสร้างชื่อคว้ารางวัลรางวัลสตันต์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลภาพยนตร์แอ็คชั่น เฟสต์ ปี 2554 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีนักแสดงชื่อคุณภาพอย่าง ใบเฟิร์น – พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์, กระแต-ศุภักษร ไชยมงคลม, สรพงษ์ ชาตรี, เสนา หอย-เกียรติศักดิ์ อุดมนาค, แพทริค คาซู แทงค์ และกลุ่มนักบู๊ไฟท์ติ้งคลับ ร่วมแสดง อีกทั้งยังได้ พันนา ฤทธิไกร นั่งแท่นผู้กำกับคิวบู๊ เรียกว่าเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมกันเลยทีเดียว

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส โคตรสู้ โคตรโส (Bangkok Knockout) เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นไทย โครตสู้โครตโส 037 ที่ได้นำเสนอรูปแบบศิลปะการต่อสู้หลากรูปแบบไม่ว่าจะเป็น มาร์เชี่ยลอาร์ท, คาโปเอร่า, ฟรีรันนิ่ง, ไทเก็ก, เทควันโด, กังฟู และมวยไทย กำหนดฉายในประเทศไทยครั้งแรก 16 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ออกแบบฉากต่อสู้โดยพันนา ฤทธิไกรและมรกต แก้วธานี โดยใช้เวลาในการออกแบบกว่า 1 ปี ร่วมกับทีมสร้างภาพยตร์ชุด องค์บาก, ต้มยำกุ้ง, ช็อคโกแลต และจีจ้า ดื้อสวยดุ

ซึ่งมีนักแสดงสมทบอย่าง ชัชพล อภิชาติ, กิติศักดิ์ อุ่นจิตต์, สำเร็จ เมืองพุทธ, ธนวิช วงศ์สุวรรณ, ภุชงค์ ศาสตร์นอก, วิรัช เข็มกลัด, ศราวุธ คำสอน, ปุญญพัทร บุญคุณชนก และ วินัย เวียงย่างกุ้ง ที่ได้แสดงรูปแบบศิลปะการต่อสู้หลากแขนงในภาพยนตร์ชุดดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

กลุ่มของนักศึกษาผู้มีทักษะด้านศิลปะการต่อสู้ซึ่งมีชื่อว่า “Fighting Club” ได้แยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของตนภายหลังจากสำเร็จการศึกษา ต่อมาพวกเขาได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในการเป็นนักแสดงภาพยนตร์แอ็คชั่นฮอลลีวูด ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นคือได้มีเสียงระเบิดดังขึ้น

เมื่อทุกคนฟื้นขึ้นมาก็พบว่างานสังสรรค์นี้ได้กลายเป็นสถานที่ที่มีแต่ความเงียบงัน เพื่อนของพวกเขาถูกจับตัวไป ทั้งยังมีมือสังหารคอยกำจัดพวกเขา นั่นได้ทำให้พวกเขาเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าเป็นฝีมือที่เกิดขึ้นจากพวกใด

และมีสาเหตุอะไรที่ต้องทำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็มีเพียงทางเลือกเดียวในการช่วยเหลือพวกพ้องของตน

นั่นคือการร่วมมือกันต่อสู้กับเหล่าร้าย พร้อมกันนี้เหล่านักสู้ที่เหลือก็ต้องพบความจริงอันน่าเจ็บปวดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้มีบางคนในกลุ่มของพวกเขาหักหลังไปเข้ากับเหล่าร้ายพร้อมกับจัดฉากสร้างเรื่องราวทั้งหมดขึ้น

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

ถ้าเรามาพูดถึงในด้านของข้อเสียในเรื่องนี้ ชัชพล ศิริกุลวุฒิชัย อย่างเเรกเลยคือ “ฉากการชิงเเชมป์ในตอนเเรก” ใครที่ได้ดูมาเเล้วคงรู้ว่า คุณเหลืออยู่ 2 ทีมเเละชิงเเชมป์เพื่อไปเเสดง ฮอลลีวู้ด เเต่รอบชิงเเชมป์กลับทำได้เเค่ “ปืนเพื่อไปเก็บกล่อง” เเค่นี้หรอครับ คือ มันติ๊งต๊อง มากไปหน่อยไหมหละครับ

นอกจากนี้นั้นเรื่องใหญ่เลยคือ เรื่องบท ที่อ่อนมาก ๆ โดยเฉพาะ งานเลี้ยง นั้น อะไรมันจะไปตรงกัน เป๊ะ ๆ กับพวกที่ตัวร้ายจัดหรืออะไรเเบบนี้ บลา บลา ไม่รู้จะอธิบายยังไงเเล้ว กับบทที่อ่อนมาก ๆ กับเรื่องนี้ รวมทั้งการที่พยายามจะทำเป็น หักมุม ในตอนจบ ซึ่งใช้มุขเก่า ๆ + บทเนื้อเรื่อง ที่ออกไปเเนว หนังฮอลลีวู้ด นั้น ทำออกมาไม่ดีทั้งสิ้น

ซึ่งนอกจากความมันส์เเล้วนั้น นักเเสดงในเรื่องนี้ที่อยากพูดถึงเลยนั้นก็คือ พวกกลุ่มสตันท์ ทั้งหลายนั้นเเหละ รู้สึกเรื่องนี้เหมือนเอามาเป็น นักเเสดงทดลอง ยังไงไม่รู้เเหะ ให้สตันท์ มาเล่นเป็นพวกพระเอก อย่างบอกเลยว่า “ท่าของเหล่าสตันท์ นั้นสวยมาก โดยเฉพาะฉากเตะ ๆ ต่อย ๆ ไม่รู้ออกเเบบ + ทำมาได้อย่างไร”

เเต่ในด้านการเเสดงอยากบอกเลยว่า “สอบตก” อย่างเเรก + ขัดหู ขัดตา อย่างมากเลยหละครับ กับการเเสดง ฉากคุยกัน เหมือนกับ อ่านบท ยังไงยังงั้น เเต่ก็ต้องยอมรับกับเขาจริง ๆ เเหละ ว่าฉากเเอ็คชั่น เหล่าสตันท์ เล่นกันได้ดี + ลื่นไหล กันทุกคน โดยเฉพาะ คนนึงในกลุ่ม จำชื่อไม่ได้ เเต่ท่าสวยมากครับ

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส

รีวิว โคตรสู้ โคตรโส ได้มีโอกาสดูเรื่องนี้ตั้งเเต่ รอบสื่อ เเล้วหละครับ พอดีได้บัตรฟรีไปดูมานะครับ ดูหนัง โคด สู้ โคด โส เรื่องนี้ก่อนดูก็ไม่ได้ คิดอะไรอยู่เเล้ว ส่วนตัวเห็นตัวอย่าง เเล้วก็ออกเเนว เฉย ๆ เเนวโน้มไปด้าน อยากดู ก็มีบ้าง

เรื่องนี้นั้้นเป็นผลงานการออกเเบบฉากเเอ็คชั่นโดยผกก.ไทยมากมาย ส่วนหนังจะเป็นอย่างไรนั้นไปดูกันเลยครับ

โคตรสู้ โคตรโส , เรื่องราวเริ่มต้นที่การเเข่งขัน เพื่อชิงการได้ไปเเสดงเป็น ดาราฮอลลีวู้ด โดยพระเอกของเรานั้น ที่มีกลุ่ม นักสู้ อย่าง Fighting Club นั้น ซึ่งพวกเขาก็ได้ผ่านเข้ามาในรอบสุดท้าย ซึ่งภายในตอนหลังนั้น พวกเขาก็ได้ ชนะ ทีมที่เขาเเข่งขันด้วย พวกเขา จึงได้จัดงานเลี้ยง

โดยในงานนั้น มีกลุ่ม Fighting Club ของพวกเขา + น้องสาวของเขาอย่าง “ใบเฟริน” เเละ เพื่อนหญิงอย่าง “จอย” รวมทั้ง นักดนตรีหลงทาง (เสนาหอย)

ซึ่งภายในวันต่อมานั้น พวกเขาได้ตื่นขึ้นมาเเละกลับพบว่า พวกเขาได้โดนมอบยา เเละ ถูกจับไปไว้ที่ไหนไม่รู้สักเเห่ง ซึ่งภายในตอนหลังพวกเขาก็ได้พบความจริงว่า นี้คือ “บททดสอบของพวกเขา”

โคตรสู้ โคตรโส ผลงานกำกับเอง เล่นเอง ของ พันนา ฤทธิไกร ที่ข้อดี ข้อเสีย มีมากมาย เเละ ต่างกันออกไปอีกเเล้ว ขอเริ่มจาก ข้อดี ง่าย ๆ ของหนัง เเละ การพัฒนา ของฉากเเอ็คชั่นไทย ซึ่งอย่างเเรกเลยคือ เรื่องนี้คนดูก็ต้องอยากรู้อยู่เเล้วว่า ฉากเเอ็คชั่น นั้นมันส์ไหม

ผมอยากบอกได้เลยครับว่า “มันส์” ไม่รู้เพราะอะไรนะครับ เเต่ว่า ช่วงนี้อยากชมเลยว่า “เเอ็คชั่นไทย” นั้นได้พัฒนาเเล้ว เเละเรื่องนี้ถ้าให้เทียบกับหนังที่เข้าฉายปีเดียวกันอย่าง “อินทรีเเดง”

ในด้านความมันส์เเล้วนั้นต้องบอกเลยว่า มันส์น้อยกว่า อินทรีเเดง เเค่นิดเดียวเท่านั้นเองครับ เเละถ้าให้เปรียบเรื่องนี้ไปกับหนังเเอ็คชั่นในค่ายของ สหมงคล ก็ต้องบอกเลยว่า มันส์เท่าเทียบกับพวกรุ่นพี่อย่าง องค์บาก หรือ ต้มยำกุ้ง ได้เลย (อันนี้นับเฉพาะความมันส์)

บทสรุป

โคตรสู้ โคตรโส เป็นเรื่องราวของ ไฟท์ติ้งคลับ โครตสู้โครตโส เต็มเรื่อง ที่เกิดจากการวมตัวของกลุ่มนักศึกษาผู้หลงใหลในศิลปะการต่อสู้ หลังจากเรียนจบสมาชิกในคลับต่างแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของชีวิต ก่อนที่ทุกคนจะได้รับเชิญให้มางานปาร์ตี้เลี้ยงฉลองการได้เป็นนักแสดงแอคชั่นของฮอลลีวู้ด

จึงทำให้พวกเขาได้มีโอกาสรวมตัวกันอีกครั้ง โดยมีกลุ่มไฟท์ติ้งคลับ และน้องสาวของเขาอย่าง “ใบเฟิร์น” (พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เเละ เพื่อนหญิงอย่าง “จอย” (กระแต-ศุภักษร) รวมทั้ง นักดนตรีหลงทาง (เสนาหอย เกียรติศักดิ์) ร่วมปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน

หนังเรื่องนี้เป็นหนังเเอ็คชั่น เเนว ดูเพลิน ๆ มันส์ ๆ ที่มีข้อเสียเรื่องบท อย่างเเรง นักเเสดงที่บางตัวละครออกน่ารำคาญ พูดเหมือนอ่านบท เเต่ถ้าดูเฉพาะฉากเเอ็คชั่นอยากบอกเลยว่า คุ้มมากครับ เพราะว่ามันส์ดี

เเต่ถ้าใครชอบดูบทหนัก ๆ เรื่องนี้ปล่อยผ่านได้เลยครับ ถ้าดูเพลิน ๆ ก็ดูเลยค้าบ