Tag Archives: หนังฝรั่ง netflix โรแมนติก

รีวิว สาระแนสิบล้อ

รีวิว สาระแนสิบล้อ

สำหรับ ภาพยนตร์ไทย อย่างยาวนานที่อยู่คู่กับเรา ๆ มาก็คงจะเป็นเรื่อง หนังไทยย้อนยุค สาระแน ที่มีหลายต่อหลายภาคเอามาก ๆ แต่วันนี้ที่ผมจะมารีวิวให้กับทุก ๆ คนคือ สาระแนสิบล้อ ส ปอย หนัง ซึ่งจะด้วยว่าฟ้าสั่งมา ฤา สวรรค์กำหนดก็ยากที่จะหยั่งรู้ แต่อยู่ ๆ ดูหนังออนไลน์ อารมณ์ขันที่แสนพิลึกพิลั่น และ เต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือความคาดหมาย ดูหนังฟรี ก็พร้อมระเบิดขึ้นนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ เชไอ้สิบล้อ (เปิ้ล-นาคร ศิลาชัย) พร้อม อู๊ด (หอย เกียรติศักดิ์ อุดมนาค) แอ๊ด (โก๊ะตี๋) แฝดนรก เด็กรถคู่กัดสุดแสบขันอาสาเปลี่ยน เอก (มาริโอ้ เมาเร่อ) หลานแท้ ๆ จากเด็กติ๋มไก่อ่อนให้กลายเป็นแมนอย่างเต็มตัวตามคำขอของครูสมชาย พี่ชายแท้ ๆ ของเชที่กลัวว่าลูกชายของตนจะกลายเป็นตุ๊ด!!!

รีวิว สาระแนสิบล้อ

รีวิว สาระแนสิบล้อ

รีวิว สาระแนสิบล้อ สาระแนสิบล้อ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2553 จัดจำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล กำกับโดยนฤบดี เวชกรรม

นำแสดงโดย มาริโอ้ เมาเร่อ, นาคร ศิลาชัย, เกียรติศักดิ์ อุดมนาค, เจริญพร อ่อนละม้าย, เริงฤทธิ์ แมคอินทอช, อารยา เอ ฮาร์เก็ต, พัทธ์ธีรา ศรุติพงศโภคิน ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างจาก สาระแน ห้าวเป้ง!! คือภาพยนตร์เรื่องนี้มีบทหนังเป็นหนังทั่วไป เป็นแนวตลก ภาพยนตร์ทำรายได้ 76 ล้านบาท

ในด้านคำวิจารณ์ อภินันท์ บุญเรืองพะเนา จากผู้จัดการออนไลน์ มองว่า อาจเป็นได้ทั้ง “ความมั่วที่รื่นรมย์” และ “ความมั่วที่เหลวไหล” ขึ้นอยู่กับอัตวิสัยของแต่ละคน

เรื่องย่อ

รีวิว สาระแนสิบล้อ

เช ไอ้สิบล้อ พร้อม อู๊ด , แอ๊ด แฝดนรก สาระแนสิบล้อ hd เด็กรถคู่กัดสุดแสบอาสาเปลี่ยน เอก หลานแท้ ๆ ตามคำขอของครูสมชายพี่ชายแท้ ๆ ของเช ที่กลัวว่าลูกชายของตนจะกลายเป็นตุ๊ด และ แล้วก็ได้เดินทางเพื่อให้เอกเป็นแมนอย่างเต็มตัว ก็เริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้ร่วมเดินทางอย่าง ดาว นางฟ้าหน้าสวยซึ่งเป็นรักแท้ของน้าเช สารพัดบททดสอบของเอกที่น้าเช และ แฝดนรกเตรียมไว้ ตั้งแต่เรื่องบู๊ ลุย เสี่ยง

ไปจนถึงการจีบหญิงโดยมีรักแรกของเอกคือ บีบี สาวเซเว่นที่เอกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น การผจญภัยที่ไม่ได้เป็นไปตามแผนต่างกระหน่ำใส่แก๊งค์สิบล้อพร้อมเหล่าเพื่อนร่วมทางที่ยกกันมาเพียบตั้งแต่ ตำรวจทางหลวง ไปจนถึงแมงดาคุมซ่องอย่าง ไอ้หรั่ง รวมถึงคู่แค้น โจทย์เก่าของบรรดาคนขับรถสิบล้อที่พร้อมเอาคืนอยู่ตลอดสองข้างทางบนถนนซูเปอร์ไฮเวย์

แต่ในระหว่างการเดินทางก็เจอผีตลอดทาง เช่น ผีเด็กแวน, ผีโรงแรม, ผีศาลพระภูมิ เป็นต้น ต่อมา เอกได้เจอกับบีบีอีกครั้ง และ นัดไว้ในงานวันลอยกระทง แต่บีบีเป็นเด็กที่เชชนตาย และ ได้ชนแม่บีบีด้วย บีบีได้กลายเป็นผีแล้วไปสิงรถสิบล้อของเช เหมือนกับทรานส์ฟอร์เมอร์ส แต่หลวงพี่บี้มาบอกความจริงว่าหลวงพี่ได้เป็นคนขับชนเองแต่แม่บีบีไม่ได้ตาย แต่ก็ตรอมใจตายที่ลูกจากไป

แล้วบีบีก็ได้ไปสู่สุคติอย่างสงบ ต่อมา เชก็โดนไอ้หรั่งกับดาวรวมหัวหลอก จนหนีไปได้ แต่สุดท้ายเอกก็กลายเป็นแมนอย่างเต็มตัวนะจะบอกให้ และ ที่พวกเช และ เอกอู๊ดแอ๊ดเจอผีเพราะว่าเชไปยิงศาลพระภูมิจนเจอผีตลอด

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว สาระแนสิบล้อ

แปลกใจได้ดูสาระแนสิบล้อมาแล้วเกิดอาการเดียวกันกับเมื่อตอนที่ดูสาระแนห้าวเป้ง สาระแนสิบล้อเต็มเรื่อง1 คือหนังบ้าอะไร สนุกship คิดได้ไง เข้ามาดูในบอร์ดไม่ยักกะมีใครโพสต์ หรือสงสัยยังไม่ได้ดูกัน
อยากฟังความเห็นคนที่ได้ดูแล้ว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหนังเป็นลายมือของ ทีมสาระแน รึเปล่าทำให้ สิ่งที่ดูประหลาด แปลก บ้า แหวก หลวม ล้น ฯลฯ ของ สาระแนสิบล้อมันคือความ “กล้า” คิด “กล้า” ทำ หนัง ตลก ในแบบที่คิดว่ายังไม่มีใครทำ โดยเฉพาะหนังไทย ซึ่งพูดได้ว่าทั้งหมดกลายเป็นความลงตัว ในแบบพอดิบ +พอดี หรือ

เป็นเพราะความเป็นสาระแน หรือคาแรคเตอร์ของหนัง ตั้งแต่ มาริโอ้ หนุ่มที่พ่อกลัวเป็นตุ๊ด , เช ไอ้สิบล้อเปิ้ลนาคร รวมทั้งอู๊ดแอ๊ด เสนาหอยกับโก๊ะตี๋ ตลกมาก แม้แต่ ไอ้หรั่งของวิลลี่ คุณคือพระเอกตลอดกาลของเราแต่เล่นเป็น ไอ้หรั่งได้ เยี่ยมมาก ขำจริง โดยเฉพาะประโยคที่ว่า เรียกข้าว่าพระยา คิดได้ไง ยังอุตสาห์จะเอามาเล่นเป็นมุกกันอีก(อันนี้คนที่ดูแล้วถึงจะเข้าใจ)

ยังไม่กล้าฟันธง แต่นี่คือหนังตลกที่เพื้ยนโคตร มุกเยอะมาก ๆ ๆ ๆ หนังตลกส่วนใหญ่ถูกว่ามีฮาแค่ในตัวอย่าง แต่ สิบล้อ มันมีอะไร อะไร อะไร มากกว่าตัวอย่างเยอะมาก ๆ ชนิดที่ว่า ถ้าเข้าโรงไม่ทัน ก็จะเก็บมุกได้ไม่ครบ แต่ขณะที่ดูก็จะมีมุกใหม่ ๆ ไหลมาเรื่อย ๆ และ ไม่คิดว่านี่คือหนังที่ม่ีครบทุกรสชาติ ทั้งตลก รัก ซึ้ิง ทะลึ่ง กวน แอ็คชั่น เป็นเหมือน เส้นกราฟเต้นของหัวใจที่มีการขยับตัวตลอดเวลา

รีวิว สาระแนสิบล้อ

รีวิว สาระแนสิบล้อ การเดินทางที่พร้อมเปลี่ยนชะตากรรม ดูหนังสาระแนสิบล้อ และ พลิกผันทุกชีวิตหลังพวงมาลัยอย่างที่ไม่มีใครคาดคิดก็เริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้ร่วมเดินทางอย่าง ดาว (ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต) นางฟ้าหน้าสวยผู้เป็นดั่งขุมพลังสำคัญซึ่งเป็นทั้งแรงบันดาลใจ และ รักแท้ของน้าเช ติดพ่วงไปด้วยสารพัดบททดสอบสู่วิถีความเป็นลูกผู้ชายแบบ1000%ของเอกที่น้าเช

และ แฝดนรกขนตุนเอาไว้ให้หลานรักได้กุมขมับตลอดเส้นทาง ตั้งแต่เรื่องบู๊ ลุย เสี่ยง…ไปจนถึงการจีบหญิง โดยมีรักแรกของเอกคือ บีบี (พัทธ์ธีรา ศรุติพงศ์โภคิน) สาวพนักงานเซเว่น ที่เอกตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น และ ทันทีที่เท้าของสิงห์รถบรรทุกระดับตำนานถูกเหยียบลงบนคันเร่ง การผจญภัยที่ไม่ได้เป็นไปตามแผน (หรือจริง ๆ แล้วไม่เคยมีแผนตั้งแต่แรก)

ต่างอัดกระหน่ำกระแทกกระทั้นใส่แก๊งค์สิบล้ออย่างไม่ทันตั้งตัว พร้อมเหล่าเพื่อนร่วมทางที่ยกโขยงกันมาเพียบตั้งแต่ ตำรวจทางหลวง, ไปจนถึงแมงดาคุมซ่องตัวเอ้ อย่างไอ้หรั่ง (วิลลี่ แมคอินทอช) รวมไปถึงญาติสนิทมิตรสหายที่ไม่ได้รับเชิญ

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นคู่แค้น โจทย์เก่าของบรรดาคนขับรถสิบล้อที่วนเวียนพร้อมเอาคืนอยู่ตลอดสองข้างทางบนถนนซูเปอร์ไฮเวย์ และ นี่คือจุดเริ่มต้น และ เป็นที่มาของ “อุบัติความฮา” ที่มาพร้อมหายนะก้อนโตของ “ไอ้สิบล้อ” ที่พร้อมให้ทุกคนขำจนตกเก้าอี้ และ อ้าปากค้างด้วยความเซอร์ไพรส์

บทสรุป

สาระแนสิบล้อ เป็นหนังที่เหมาะกับเทศกาล สาระแนสิบล้อ imovie กีฬาสีของประเทศไทยที่สุด มาถูกจังหวะจริง ๆ ถ้าเบือพวกประธานกีฬาสีทั้งหลาย อย่าไปสน ไปดูสิบล้อดีก่าฮา และ จริงใจกว่าเยอะ ขอเชียร์แบบสุดตัว
ถ้าพวกพี่เขายังรวมตัวกันมาก ๆ ไปดูสิบล้ออีกสักรอบยังจะดีกว่า โดยส่วนตัวก็ยังเป็นหนึ่งในหนังที่ผมชอบ ให้คะแนน 7/10

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

สวัสดีครับสำหรับ ภาพยนตร์ไทย ในวันนี้ หนังไทยnetflix ที่ผู้เขียนจะหยิบยก มาแนะนำให้เพื่อน ๆ หนังเรื่อง ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก ส ปอย หนัง เป็นภาพยนตร์ ที่เล่าเรื่องราวของ ไบค์แมน ที่ตอนนี้มีอยู่ด้วยกันถึง 2 ภาค หลังจากภาค 1 ทำรายได้สูงจึงออกมาเป็นภาคต่อที่จะสานตำนานของหนุ่ม ไบค์แมน ดูหนังออนไลน์ หนุ่มหล่อ เรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรนั้นไปรับชมในเรื่อง ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก ดูหนังฟรี ที่ว่าด้วยเรื่องราว ศักรินทร์ (พีช พชร) หนุ่มอายุ 25 ที่ตกงานเขาจึงต้องหารายได้หลัก ๆ จากการเป็นมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งมันคงจะไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากถ้าเค้าดันไม่ได้โกหก แม่ (เจนนิเฟอร์ คิ้ม) กับยายของเค้าเอาไว้ว่าเค้าเป็นพนักงานแบงค์ที่กำลังจะได้รับการโปรโมทให้เป็นรองผู้จัดการแบงค์ ในเร็ว ๆ นี้ ทุกเช้า ศักรินทร์จะต้องเริ่มต้นโกหกด้วยการใส่เสื้อเชิ้ตผูกไทด์ดูภูมิฐานออกไปจากบ้าน ก่อนที่จะไปแอบเปลี่ยนเป็นเสื้อยืดทับเสื้อกั๊กสีส้มดูสมกับเป็นวินมอเตอร์ไซค์ที่วินที่เค้าทำงานอยู่โดยมีพี่หลง (โรเบิร์ต สายควัน) และ เบ๊ เป็นเพื่อนร่วมวินที่รู้เรื่องของเค้ามาตลอด วันหนึ่งเค้า กลับพบกับ จ๋าย (ฝน ศนันธฉัตร) เพื่อนสาวสมัยเด็กที่บังเอิญย้ายมาเป็นสาวพนักงานแบงค์ตัวจริงใกล้กับวินที่เค้าทำงานอยู่ ในวันที่เจอกันศักรินทร์ได้รู้ว่าจ๋ายมีแฟนแล้ว คือ เอ (โอ๊ต ปราโมทย์) ผู้ช่วยผู้จัดการแบงค์ที่ทำงานที่เดียวกับจ๋าย ศักรินทร์จะเก็บความลับนี้ไปได้ตลอดหรือไม่…

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก เป็นภาพยนตร์ไทยแนวตลกคอมเมดี้ อำนวยการผลิตโดย ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์ ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานภาพยนตร์ สุดเขตสเลดเป็ด ในปี 2553 และ คุณนายโฮ ในปี 2555 และ มี พฤกษ์ เอมะรุจิ เป็นผู้กำกับ ร่วมกับทีมงานอย่าง จันทิมา เลียวศิริกุล ปิยะพันธ์ ชูเพ็ชร และ ณัฐวุฒิ กิตติคุณ

เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เกิดจากการร่วมทุนสร้างของ เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ และ เอ็มพิคเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทภายในเครือ เมเจอร์กรุ๊ป ผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ของไทย ภาพยนตร์นี้ยังถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของ เจนนิเฟอร์ คิ้ม เช่นเดียวกับ ฝน ศนันฉัตร ที่ได้มารับบทนางเอกภาพยนตร์เป็นครั้งแรก

เนื้อเรื่องว่าด้วยเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีพื้นเพจากครอบครัวธรรมดาในต่างจังหวัด ต้องเข้ามาทำงานในเมืองหลวงซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขัน เขาต้องแบกรับภาระแรงกดดัน และ ความคาดหวังจากครอบครัวรวมถึงตัวของเขาเอง

จนนำไปสู่การโกหกปิดบังเรื่องต่าง ๆ ภาพยนตร์สะท้อนปัญหา และ ความล้มเหลวของวัยหนุ่มสาวที่กระโจนเข้าสู่วัยทำงาน และ การไขว่คว้าตามล่าความฝัน บอกเล่าด้วยเรื่องราวตลกขบขันแนวคอมเมดี้ โดยภาพยนตร์มีความยาวทั้งสิ้น 106 นาที กำหนดออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2561

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

ศักรินทร์ (พชร จิราธิวัฒน์)ทำงานเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ศักรินทร์ ไบ ค์ แมน ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความรวดเร็ว บังเอิญได้พบกับเพื่อนเก่าในวัยเรียนอย่าง จ๋าย (ศนันธฉัตร ธนพัฒน์พิศาล) สาวแบงก์ที่เพิ่งย้ายมาประจำสาขาใกล้เคียง ศักรินทร์รู้สึกอับอายที่เป็นแค่วินมอเตอร์ไซค์ แต่จ๋ายไม่มีท่าทีรังเกียจเขาเลยแม้แต่น้อย

เธอกลับดีใจที่ได้มาเจอเขาอีกครั้งหนึ่ง ปมในใจของศักรินทร์คือความสำเร็จของพ่อที่ตัวเขาเองอยากยึดถือเป็นแบบอย่าง ผลักดันให้เขาอยากจะเป็นพนักงานธนาคารให้ได้ และ จำเป็นต้องปิดบังคนรอบข้างด้วยการโกหกว่าตัวเองทำงานธนาคาร ในความเป็นจริงนั้นเขาต้องทุ่มเท และ ตรากตรำทำงานอย่างหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว

อีกด้านหนึ่ง สุรีย์ (เจนนิเฟอร์ คิ้ม)แม่ของเขาซึ่งทำงานรับจ้างซักรีดผ้า ได้มาช่วยงานขายขนตุ๊กตาที่กรุงเทพ ตามคำขอของลุงปรีชา (น้าค่อม ชวนชื่น) และ บังเอิญได้เห็นศักรินทร์ เหตุการณ์ต่าง ๆ ทำให้ทั้งลุงปรีชา และ สุรีย์ต่างสงสัยในตัวศักรินทร์เป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาเอาตัวรอดไปได้ทุกครั้ง

แต่ที่สุดแล้วความลับก็ถูกเปิดเผยโดย พี่เอ (ปราโมทย์ ปาทาน) แฟนของจ๋าย ศักรินทร์ตกอยู่ใต้สถานการณ์ที่บีบคั้นระหว่างสิ่งที่ไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป กับความจริงที่ต้องทำให้คนรอบข้างผิดหวัง ในช่วงเวลานั้นเขาพบว่ามีคนมากมายที่ยืนอยู่เคียงข้าง ทั้งเพื่อน ครอบครัว รวมถึงจ๋ายที่คอยช่วยเหลือ ทำให้เขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับปัญหา และ ความจริงที่รออยู่ข้างหน้า

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

หนังเรื่องนี้เรียกได้ว่าเป็นหนังตลกที่ ไบค์แมน 2 เต็มเรื่อง imovie เรียกกลิ่นไอมุกตลกยุคเก่า ๆ ของหนังไทยกลับมาได้ดี เพราะได้ตลกรุ่นเดอะอย่าง “น้าค่อม ชวนชื่น” มาเรียกเสียงฮาได้เป็นอย่างดี แต่ในความพีคยังมีพีคกว่าคือ หลง “โรเบิร์ต สายควัน” บอกได้เลยว่าแค่เห็นหน้ากก็ขำแล้ว แถมในตัวหนังยังบทให้ โรเบิร์ต ได้ระเบิดความฮาได้เป็นอย่างดี แถมอีกคนหนึ่งที่กำลังมาแรงในยุคนี้อย่าง เอ “โอ๊ต ปราโมทย์”

ที่ปกติก็เป็นตัวฮาในวงการคนหนึ่งอยู่แล้ว มาบวกกับบทบาท ผู้จัดการแบงค์ ก็สร้างความขัดหูขัดใจแบบตัวขวางโลกในเรื่องได้เป็นอย่างดี ส่วนของพระนางอย่าง ศักรินทร์ “พีช พชร” กับ จ๋าย “ฝน ศนันธฉัตร” ก็มีเคมีที่เข้ากันได้อย่างดี เรียกได้ว่าทำให้คนดูในวัยเดียวกันต้องมีจิ้นกันบ้างหละงานนี้

ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นเรียกว่าเป็นหนังตลกที่ดูเพลิน สนุกโปกฮาใช้ได้เลยทีเดียว มีมุก มีคำคม มีการแสดงท่าทาง ประกอบกับการแสดงจากนักแสดงคุณภาพหลาย ๆ คนทำให้เราขำกับทุก 2 นาที ก็ว่าได้เลย อีกอย่างที่ผมชอบคือตัวหนังจะชอบตัดต่อแบบ ลุ้นให้เราได้ลุ้นได้ตื่นเต้นกับจุดพีคหลาย ๆ ช่วงในหนัง

ซึ่งทำให้โดยเราจะมีใจอยู่กับหนังให้คอยติดตามให้กำลังใจร่วมลุ้นกับตัวละครหลักอย่าง ศักรินทร์ ได้เรื่องเลยทีเดียว แถมตัวหนังในช่วงหลัง ๆ ยังมีแง่คิดสอนให้เราแบบได้ฉุกคิดอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ดีอีกด้วย

หนังทำพาร์ทดราม่าออกมาได้ค่อนข้างดี ซึ่งแทบจะเป็นไม่กี่สิ่งในเรื่องที่น่าชื่นชม อีกจุดนึงเลยที่ได้ผลมากคือมุกไทอินในหนังที่ดูจะได้ฮามากที่สุด แปลกใหม่ที่สุด นอกนั้นมุกตลกส่วนใหญ่ยังทำงานได้ไม่ดี และ ไม่มีอะไรที่เป็นภาพจำเท่าไหร่

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก

รีวิว ไบค์แมน​ ศักรินทร์ตูดหมึก เรียกได้ว่าเป็นหนังไทย ไบค์แมน 3 ที่มาแรงแซงทางโค้งจริง ๆ สำหรับหนังตลกอารมณ์ดีอย่าง “ไบค์แมนศักรินทร์ตูดหมึก” หนังไทยที่กำลังทำรายได้ และ สร้างเสียงหัวเราะกันไม่หยุด กับยอดรายได้ที่มุ่งสู่ 100 ล้านบาท ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว (เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 61)

นับเป็นหนังไทยที่มีกระแสมาแรงฉุดไม่อยู่ เพราะทันทีที่เข้าโรงฉายไปเมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฏว่าผ่านไปสัปดาห์แรก ก็สามารถติดสถิติ “การจัดอันดับเปิดตัวหนังไทย ปี 2018” กับรายได้รวมสุดสัปดาห์เปิดตัวที่ 21.01 ล้านบาท (รายได้เฉพาะกรุงเทพฯ , ปริมณฑล และ เชียงใหม่)

แต่กระแสความแรง และ ความฮาของหนังเรื่องนี้ ยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ เพราะหลังจากผ่านไปเพียง 2 สัปดาห์ หนังเรื่องนี้ ยังเร่งเครื่องทำรายได้ทะลุไปกว่า 100 ล้านบาทแล้ว นับเป็นหนังไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ของการจับมือร่วมกันครั้งแรก ระหว่าง เวิร์คพอยท์ และ เอ็มพิคเจอร์ส ในเครือเมเจอร์ ในการลงทุนผลิตหนังไทยเรื่องนี้

โดยได้ บริษัท รฤก โปรดั๊กชั่น จำกัด มาร่วมผลิตความฮา แถมได้เหล่านักแสดงนำ พีช พชร , ฝน ศนันทฉัตร , เจนนิเฟอร์ คิ้ม , โอ๊ต ปราโมทย์ , น้าค่อม , โรเบิร์ต สายควัน และ นักแสดงสมทบอีกมากมาย ฯลฯ มาร่วมทำให้หนังไทยเรื่องนี้ เกิดพลังความสนุก ปลุกกระแสการบอกต่อกันแบบปากต่อปาก

นอกจากนี้ หนังเรื่องนี้กำลังจะส่งต่อความสนุกไปยังประเทศจีนอีกด้วย จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม หนัง “ไบค์แมนศักรินทร์ตูดหมึก” จึงมาแรงแซงทางโค้ง บิดคันเร่งทำรายได้ยาว ๆ ไปจนทะลุ 100 ล้านบาท ยอดทั่วประเทศไปแล้ว และ ยังคงยืนฉายในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ

บทสรุป

โดยรวมแล้วผิดหวังพอสมควร ไบค์แมน 1 เพราะแน่นอนว่านี่คือหนังตลก และ หนังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับพาร์ทตลก ซึ่งหากมันทำงานได้ไม่ดีพอก็กลายเป็นว่าหนังจางไปเลยซะส่วนใหญ่ แต่ถ้าใครที่หาอะไรดูที่ไม่หนักมาก ดูง่าย เพลิน ๆ ก็อาจจะพอกล้อมแกล้มไปได้อยู่ประมาณนึงครับ

โดยสรุปแล้ว ไบค์แมน ศักรินทร์ ตูดหมึก เรื่องนี้เป็นหนังตลกที่ ดูสนุก ตลกเพลิดเพลินให้เราได้ขำเรื่อย ๆ ทั้งเรื่อง แถมให้ข้อคิดดี ๆ ที่สามารถดูได้ทั้งครอบครัว เหมาะแก่การไปรับชมเพื่อผ่อนคลายสมองได้ดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ

รีวิว มายาพิศวง

รีวิว มายาพิศวง

สำหรับ ภาพยนตร์ไทย ส ปอย หนัง เรื่อง six characters มายาพิศวง นับได้ว่า เป็นหนังไทยใหม่ล่าสุด อีกเรื่อง ดูหนังฟรี ที่ถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก หนังเปิดตัวมาอย่างยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แม้ภาพยนตร์เรื่องนี้ หนังไทยมาใหม่ จะได้รับการดัดแปลงมาจาก ดูหนังออนไลน์ บทละครเวทีเรื่อง “Six Characters in Search of an Author” ประพันธ์โดย ลุยจิ ปิรันเดลโล นักประพันธ์เจ้าของรางวัลโนเบลชาวอิตาเลี่ยน และแปลเป็นภาษาไทยโดย รศ.สดใส พันธุมโกมล ศิลปินแห่งชาติ ผู้ก่อตั้งภาควิชาศิลปะการละคร คณะอักษรศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งบทละครเรื่องนี้มักจะถูกนำมาเรียนในชั้นเรียนของภาควิชาการละครอยู่บ่อยครั้ง

ประเภท: ดราม่า / ลึกลับ
ผู้กำกับ: ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล
กำหนดฉายในไทย: 15 กันยายน 2022 (ในโรงภาพยนตร์)
นำแสดงโดย: มาริโอ้ เมาเร่อ, เขมนิจ จามิกรณ์, ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ

รีวิว มายาพิศวง

รีวิว มายาพิศวง

รีวิว มายาพิศวง เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่อลังการ มายาพิศวง เต็มเรื่อง สำหรับงาน World Premiere ภาพยนตร์ Six Characters มายาพิศวง ผลงานล่าสุดโดย “หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล” บรรยากาศในงานมีทัพนักแสดงและคนในแวดวงบันเทิงมาร่วมงานมากมาย

ซึ่งงานนี้ได้รวบรวมเหล่าทีมนักแสดงมากฝีมือระดับเทพ ไม่ว่าจะเป็น “มาริโอ้ เมาเร่อ, เขมนิจ จามิกรณ์, ณฐพร เตมีรักษ์,ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ, ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์, ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต และ จิรวิชญ์ พงษ์ไพจิตร ที่ได้มาพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง Six Characters มายาพิศวง

เรื่องย่อที่ทุกคนต้องรู้ก่อนเข้าโรงมีเพียงว่า มีกองถ่ายภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ต้องประสบปัญหาไฟดับในระหว่างการถ่ายทำ และท่ามกลางความวุ่นวายนั้นเองมีบุคคลนิรนาม 6 คนที่อ้างว่าตัวเองไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นตัวละครที่ถูกนักประพันธ์ทอดทิ้งไม่ยอมเขียนตอนจบ

และสาเหตุที่พวกเขาเดินทางมาที่กองถ่ายในวันนี้ก็เพื่อให้ผู้กำกับยอมเอาเรื่องของพวกเขาไปแต่งและเล่นต่อจนจบ โดยมีสายตาของดาราเบอร์ใหญ่และทีมงานเป็นพยานในเหตุการณ์แปลกประหลาดครั้งนี้

สิ่งกวนใจเดียวของการชมภาพยนตร์อย่าง ‘มายาพิศวง’ มีเพียงว่าเรื่องเล่าของมันไม่ได้ถูกแต่งมาเพื่อความบันเทิงของทุกคนแน่ ๆ ยิ่งมาผนวกการกำกับสไตล์หม่อมน้อยที่เอาศาสตร์ละครเวทีมาใช้กับภาพยนตร์เป็นหลักแล้ว ก็อดไม่ได้ที่ความไม่เข้าที่เข้าทางมันจะกระแทกตาคนดูตั้งแต่วินาทีแรกยันหนังจบ

แต่กระนั้นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้เห็นจะเป็นความพิถีพิถันและละเอียดละออกับทุกองค์ประกอบแบบหาได้ยากเหลือเกินในภาพยนตร์ปัจจุบัน

เรื่องย่อ

รีวิว มายาพิศวง

ที่โรงถ่ายภาพยนตร์แห่งหนึ่ง ในขณะที่ “คำรณ” ผู้กำกับภาพยนตร์หนุ่มชื่อดัง กำลังถ่ายทำภาพยนตร์แนวสยองขวัญอยู่นั้น ก็เกิดไฟฟ้าลัดวงจรไฟดับลงทั้งกองถ่าย…และ ในความมืดนั้น ก็ปรากฏร่างของกลุ่มคนลึกลับ 6 คน…เดินตรงเข้ามาหาผู้กำกับภาพยนตร์… และ อ้างตัวว่าเป็นตัวละครที่ผู้ประพันธ์ได้สร้างชีวิตของพวกเขาขึ้นมา และ ด่วนเสียชีวิตลงก่อนที่เรื่องราวของพวกเขาทั้ง 6 จะจบลง

พวกเขาได้ขอร้องให้ “คำรณ” ผู้กำกับภาพยนตร์ และ เหล่าดารานักแสดงช่วยสร้างสรรค์ให้ชีวิตของพวกเขาให้จบลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งสร้างความปั่นป่วน และ โกลาหลอันพิศวงงงงวยแกมขบขันแก่ทุกคนในกองถ่าย เมื่อ”คำรณ” ผู้กำกับภาพยนตร์ ตัดสินใจให้เหล่าดารานักแสดงของเขา…ได้ถ่ายทอดชีวิตของบุคคลลึกลับทั้ง 6 นั้น…ท่ามกลางความระทึกขวัญ

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว มายาพิศวง

สิ่งที่เกิดขึ้นใน Six Character คือการที่นักประพันธ์ มายาพิศวง ฉายวันไหน ผู้กำกับการแสดง นักแสดง รวมไปถึงทีมงานเบื้องหลัง ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงปรุงแต่งเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในผลงานภาพยนตร์ที่พวกเขากำลังจะสร้าง ซึ่งพวกเขาเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อเชื้อไข แต่กลับกลายเป็นคนที่ด้อยอำนาจเมื่อเหล่าตัวละครทั้งหกได้ปรากฏตัวขึ้นและบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา

จะว่าไปลักษณะของการเล่าเรื่องราวของ Six Character คือการเล่าแบบยกละครเวทีเอามาซ้อนทับวิธีการเล่าแบบภาพยนตร์อีกตลบหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ “ตัวละครทั้งหก” เล่าเหตุการณ์ย้อนอดีตของตัวเองกลับไป ซึ่งถ้าเป็นละครเวที ผู้ชมคงจะได้รับรู้เรื่องราวปูมหลังของตัวละครเหล่านี้ผ่าน “คำพูด” แต่ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ใช้วิธีการเล่าด้วยภาพเพื่อให้คนดูเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย และ ลดกระบวนการในการตีความลงไป

วิธีการเปิดเรื่องราวมาในกองถ่ายภาพยนตร์แห่งหนึ่งที่มีผู้กำกับคำรณ สิงหะ (มาริโอ้ เมาเร่อ) สุดยอดผู้กำกับภาพยนตร์ของเมืองไทย อดีตดาราภาพยนตร์ยอดนิยมฝ่ายชาย เจ้าอารมณ์ แต่มากฝีมือ ผู้กำลังเปิดกล้องหนังผีเรื่องใหม่ เขาต้องรับมือกับดาราเบอร์ต้น ๆ อย่างน้ำฟ้า ดารณี (แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์) ผู้เลอโฉม แต่ก็เรื่องเยอะ และ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุด

ส่วนพระเอกของเรื่องอย่างอัคนี เกรียงไกร (นิว-ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต) ก็ฤทธิ์เดชไม่แพ้กัน เพราะเขาเป็นดาราคู่ขวัญกับน้ำฟ้า ที่หลงในชื่อเสียงความโด่งดังของตัวเอง ในฐานะพระเอกตลอดกาล แต่กลับแสดงภาพยนตร์ได้เงอะงะและ ไม่ใส่ใจในวิชาชีพของตัวเองสักเท่าไหร่

ขณะที่ งานโปรดักชั่น องค์ประกอบภาพ และ โทนสีสวย ๆ ที่เลือกใช้ด้วยความวิจิตรบรรจงในการสื่อสาร Mood and Tone และ ความหมายได้อย่างมีคุณค่าทางศิลปะ…สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ฝีมือ สยมภู มุกดีพร้อม ตากล้องระดับโลกที่เคยผ่านชิงรางวัล งานออสการ์มาแล้ว

อย่างเรื่อง Call Me By Your Name , และ ภาพยนตร์ Thirteen Lives ของผู้กำกับระดับโลกอย่าง Ron Howard (รอน โฮเวิร์ด) มาช่วยถ่ายทอดภาพให้ความเป็นสากลมากขึ้น และ รับเหมาเป็นผู้กำกับภาพทั้งหมด

เมื่อทุกคน ทุกตัวละคร พูดเอาดีเข้าตัวกันหมด ในเหตุการณ์เดียวกัน นี่แหละคือกระจกสะท้อนความเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง และ สามารถดูในโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ได้ตั้งแต่ 15 กันยายน 2565 นั้นก็คือวันนี้ ก่อนที่ หม่อมน้อยจะเสียชีวิตนั้นเอง แม้จะมีความอาร์ต และ ต้องอาศัยความเข้าใจ

แต่นี่คือเป็นภาพยนตร์ น้ำดีของไทย ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

รีวิว มายาพิศวง

รีวิว มายาพิศวง หม่อมน้อย หรือ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล ถูกยกให้เป็นหนึ่งในตองอูของเมืองไทย มายาพิศวง 2022 ผู้เป็นทั้ง ผู้กำกับภาพยนตร์ ผู้เขียนบท และ อาจารย์สอนการแสดงให้กับดาราดังมากมายในไทย

เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เจียระไนให้ดารา แจ้งเกิดได้อย่างเจิดจรัสไปหลายคน เช่น สินจัย เปล่งพานิช, อนันดา เอเวอริ่งแฮม, แอฟ ทักษอร , มาริโอ้ เมาเร่อ หม่อมน้อย จึงเป็นที่เคารพนับถือสำหรับเหล่านักแสดง คนดัง หรือ ผู้อยู่ในแวดวงการภาพยนตร์ เราอาจเปรียบว่าหม่อมน้อย คือ ท่านอ่านอาจารย์โยดา ในภาพยนตร์ชุด Star wars เลยทีเดียว

ซึ่งวันนี้ หลังจากที่วงการบันเทิงไทย ได้เสียบุคคลอันเป็นบุคคลคุณภาพ อย่าง “หม่อมน้อย ม.ล.พันธุ์ เทวนพ เทวกุล” ไป เราจะขอพูดถึงผลงานการกำกับเรื่องสุดท้าย อย่าง มายาพิศวง อีกหนึ่งภาพยนตร์ไทยที่ดีมีคุณภาพ และ ที่สำคัญ

มันกำลัง “ท้าทาย” คนดูเป็นอย่างยิ่ง ดัดแปลงมาจากงานเขียนของนักเขียนระดับโนเบล จากผู้กำกับฝีมือละเมียดแบบท่าน ที่จะมาตีแผ่ความซับซ้อน โหดร้ายของมนุษย์ลงในจอภาพยนตร์อีกครั้ง

และ อย่างที่ทราบกัน หม่อมน้อย สร้างภาพยนต์เรื่องนี้ เพื่อตอบสนองนโยบายการเปิดประเทศ เมื่อปีที่แล้ว ด้วยการมอบโครงการ Special Workshop for Film เรื่อง Six Charact จากที่ผู้สื่อข่าวเคยรายงานให้ทุกคนทราบไป

โดยเรื่องนี้ “หม่อมน้อย” ได้รวมดาราชั้นนำทั่ววงการบันเทิงกว่า 10 ชีวิต เข้ามาประชันบทบาทกันอย่างเข้มข้น อาทิ มาริโอ้ เมาเร่อ , แอฟ ทักษอร, เขมนิจ จามิกรณ์, แต้ว ณฐพร, ฮัท จิรวิชญ์ เป็นต้น

บทสรุป

สำหรับใครที่สนใจ และ คิดจะตีตั๋วชม six characters มายาพิศวง เต็มเรื่อง ‘มายาพิศวง’ คำแนะนำเดียวของผมมีแต่ให้เปิดใจให้กว้างก่อนเลยครับ ช่วงแรกอาจต้องปรับตัวกับสไตล์ละครเวทีของมันสักพักแต่เมื่อต่อติด และ ปล่อยใจให้เรื่องราวเข้ามาโลดแล่นแบบตัดตรรกะ และ อคติต่าง ๆ ที่เราอาจมีต่อหนังไปได้

เป็นหนังดราม่าลึกลับของหม่อมน้อยี่แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้ชอบหนังมาก แต่ก็เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของหม่อมน้อยที่เขาสร้าง และ มอบให้ไว้ได้อย่างน่าจดจำ เอาเป็นว่าโดยภาพรวมแล้วนั้น Six Characters มายาพิศวง

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานบรรจงสร้างของหม่อมน้อย ที่ถือว่าค่อนข้างดีขึ้นจากผลงาน 1-2 เรื่องก่อนหน้านี้ของท่าน มอบอรรถรสน่าพึงพอใจแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นจากเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” ประมาณนั้น สัมผัสได้ถึงความตั้งใจพยายาม และ ไม่ทิ้งลายเส้นแบบเฉพาะของท่านในผลงานชิ้นนี้ แม้ว่าจะมีความเวอวัง และ ความเชยปะปนอยู่ไปบ้าง

แต่เมื่อมองว่าเป็นงานศิลปะการแสดงแขนงหนึ่งก็ถือว่าเป็นการถ่ายทอดออกมาที่น่าพอใจในระดับชมเชยได้อยู่

รีวิว กระสือสยาม

รีวิว กระสือสยาม

อย่างที่เรารู้กันดีครับว่ากระสือนั้น หนังไทยมาใหม่ เป็นตำนานผีที่อยู่ร่วมกับคนไทยมาช้านานแล้ว แม้จะพิสูจน์การมีตัวตนของกระสือไม่ได้ แต่สำหรับคนไทยบางกลุ่มก็มีความเชื่อว่ามีจริง ส ปอย หนัง นับเป็นความเชื่อของกับพบกับการตีความใหม่ผ่านงานการกำกับล่าสุดของผู้กำกับมือเก๋า “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ใน “SisterS กระสือสยาม” ภาพยนตร์แอคชั่นระทึกขวัญ ดูหนังออนไลน์ ร่วมทุนสร้างครั้งแรกของ “สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล” และ “บีเอ็นเค48 ออฟฟิศ” เล่าเรื่องราวความรักความผูกพันของสองสาวพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ดูหนังฟรี  “คนหนึ่งเกิดมาเพื่อฆ่า อีกคนเกิดมาเพื่อล่า” การต่อสู้กับชะตากรรมที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง และ ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะสิ้นสุดอย่างไร…

รีวิว กระสือสยาม

รีวิว กระสือสยาม

รีวิว กระสือสยาม กระสือสยามเป็นภาพยนตร์ไทย กระสือสยาม เต็มเรื่อง imovie แนวแอคชั่น-แฟนตาซี-ระทึกขวัญ กำกับโดย ปรัชญา ปิ่นแก้ว โดยภาพยนตร์ได้นำความเชื่อเรื่อง ผีกระสือ มาตีความใหม่ ผลิตโดยบีเอ็นเคโฟร์ตีเอต ฟิล์ม บาแรมยู และ จัดจำหน่ายโดยสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล นำแสดงโดย พลอยยุคล โรจนกตัญญู และ นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล เข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2562 ว่าด้วยเรื่องราวของสองพี่น้องที่ฝ่ายพี่ต้องหาทางปกป้องน้องสาวจากนางพญากระสือ

ถ้าให้เราพยายามพูดแบบเป็นกลางหน่อย เราก็จะบอกว่า กระสือสยาม ซึ่งผลิตโดย BNK48 และ จัดจำหน่ายโดย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล เค้าตั้งใจทำให้แมสกว่า ตั้งแต่การตั้งชื่อเรื่อง และ การใช้โลเกชั่นให้รังกระสือหมกอยู่ในสยาม กะให้คนดูดูเอาบันเทิงทั่วไป

คือมีฉากแอ็คชั่น และ เวทมนตร์ไสยศาสตร์ต่อสู้กันระหว่างคนกับกระสือ ในขณะที่ แสงกระสือ เค้าจะเน้นไปทางความรักโรแมนติก และ ชีวิตจิตใจของกระสือ รวมถึงให้ความสำคัญกับงานศิลป์ และ ความประณีต อีกทั้งมีการตีความใหม่ที่ลึกซึ้งจริงจังกว่า

ดังนั้น มันก็คนละสไตล์กันนั่นแหละ สุดท้ายก็แล้วแต่คน ว่าจะชอบกระสือแบบไหนมากกว่ากัน แต่สำหรับเราแล้ว กระสือสยาม ไม่ค่อยถูกจริตกับความชอบของเราสักเท่าไหร่ จะเรียกว่าไม่ชอบเสียเลยก็ว่าได้

เรื่องย่อ

รีวิว กระสือสยาม

“โมรา” (มิวนิค นันท์นภัส) สาวน้อยวัย 16 ปี ที่เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติกับร่างกายของเธอที่ออกอาการจนน่าสงสัยมากขึ้นทุกที เธอกำลังถูก “ราตรี” (หญิง รฐา) นางพญากระสือที่ดำรงชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวบนโลกมนุษย์มานานหมายเอาชีวิตจากความแค้นที่ฝังลึกในอดีตกับตระกูลของพวกเธอ

จึงถึงเวลาที่ “วีณา” (โจ้ พลอยยุคล) พี่สาวผู้ยอมเสียสละทั้งชีวิต ต้องออกโรงปกป้องน้องสาวผู้อ่อนแอให้รอดพ้นจากเงื้อมือของเหล่าศัตรู ก่อนที่จะต้องสูญเสียน้องสาวไปตลอดกาล…

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว กระสือสยาม

สำหรับบทหนัง กระสือสยาม ถือว่ามีช่องโหว่ และ ความไม่สมเหตุสมผลมากมายเหลือเกิน กระสือสยามเต็มเรื่องพากย์ไทย ถ้าให้ลิสต์ทุกจุด ก็ไม่รู้ว่าจะลิสต์หมดเมื่อไหร่ หรือถ้าลิสต์มาแล้ว คนอื่นอาจจะหาว่าเราเยอะหรืออีช่างจับผิดหนังเอาได้ แต่เราขอพูด ณ ตอนนี้ ตรงนี้เลยว่า ไม่ได้มีเจตนาเข้าไปจับผิดหนังแต่ใดใด จริง ๆ แล้ว ตั้งใจก่อนเข้าโรงแล้วด้วยซ้ำว่าจะฝากสมองไว้ที่คนฉีกตั๋วหน้าโรง แล้วเข้าไปดูแบบไม่คิดอะไรมาก

แต่สุดท้าย ถ้าบทมันแย่ ดูหนังจากดาวอังคาร ก็เห็นว่าบทมันแย่ (ส่วนที่ว่าบทไม่เมคเซนส์ ขออนุญาตไม่ลิสต์ละกัน เสียเวลามามากพอแล้ว แต่ใครจะลองไปดูเองก็ได้ แล้วจะเข้าใจว่าเราไม่ได้พูดเกินไป)

สำหรับน้องมิวนิคกับน้องโจโจ้ โดยส่วนตัวเราคิดว่ายังไม่ไหวจริง ๆ แต่เห็นอยู่แหละว่าน้องตั้งใจเล่นดีที่สุดแล้ว ส่วนหนึ่งที่เราว่าไม่โอเค อาจเป็นเพราะบทของน้องมันโง่เง่า งี่เง่า และ ไม่น่าเอาใจช่วยกันเลย แม้แต่บทของนักแสดงเบอร์ใหญ่อย่าง ต๊อก ศุภกร กับญาญ่าญิ๋ง ก็ไม่โอเค ตัวละครเหมือนจะเก่ง

แต่สุดท้ายก็ง่อย และ ทำอะไรที่คนดูอย่างเราเข้าไม่ถึง เช่น จังหวะที่นางพญากระสือสามารถฆ่าวีณาได้เพราะวีณาสลบไป นางก็ไม่ฆ่า ฆ่าแต่ผู้เห็นเหตุการณ์ ทั้งที่ปากก็บอกว่ารอเวลาแก้แค้น และ ทรมานอีครอบครัวนี้มาทั้งชีวิต แล้วก็ปล่อยให้วีณาตามมาเอาคืนนางในช่วงองก์สุดท้ายซะอย่างนั้น

และ ถ้าบอกว่าหนังเน้นเรื่องพี่น้อง นี่ก็ไม่อินจ้า~ คู่วีณา-โมรานี่น่าลำไยมาก เขียนมาได้ว่ามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง จะบ้าหรอ ไม่คิดจะปรับตัวเข้ากับสังคมหรือมีเพื่อนมีฝูงบ้างหรอ แหม อันนี้ต้องโทษบทขุ่นพ่อก่อนด้วย ที่สอนลูกสอนหลานแปลก ๆ สอนวิชาให้หลาน บังคับหลานทำนู่นทำนี่เพื่อน้อง (ซึ่งหมายถึงลูกสาวในไส้ตัวเองที่เป็นกระสือ) ไม่ให้หลานได้ทำอะไรที่หลานอยากทำ หลานไม่ได้ใช้ชีวิตเลย ต้องมาคอยตามน้อง น้องก็งี่เง่า เพราะพ่อมันเลี้ยงแบบผิด ๆ ไม่สอนลูกให้อยู่กับความเป็นจริง ไม่บอกความจริง และ เหตุผลใดใด เอาแต่ปิดบังความจริงลูก ฯลฯ สุดท้าย เมื่อตัวละครเอกมันไม่น่าเอาใจช่วย ก็จบ.

แล้วฉากแอ็คชั่น และ ฉากไคลแมกซ์ในรังกระสือทำได้ไม่สมราคาผู้กำกับที่แจ้งเกิดจากหนังบู๊เอาซะเลย แต่ก็นะ… มันไม่ได้ตั้งแต่ให้วีณาซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงม.ปลายตัวบาง ๆ มีความรู้อาคมแค่หางอึ่ง (นางเรียนจากพ่อของโมรา ซึ่งตอนนั้นก็เรียนจากแม่ของวีณามาแค่ไม่กี่เดือนเช่นกัน) ไปสู้กับกระสือเป็นสิบ ๆ ตัว

แถมหนึ่งในนั้นเป็นนางพญากระสือที่มีพลังเวทย์ (จากไหนก็ไม่รู้) อีกต่างหาก แล้วฉากกระสือสู้กับกระสือ ซีจีพอรับได้ แต่ประเด็นคือมันตลกมากกว่าตื่นตาตื่นใจ ดูแล้วถอนหายใจ เหนื่อยแทนกระสือสาวที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้

รีวิว กระสือสยาม

รีวิว กระสือสยาม “เรื่อง ‘กระสือ’ มันเป็นเรื่องที่อยู่ในใจ กระสือสยามเต็มเรื่อง facebook ผมมานานแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ เคยไปดูหนังเรื่อง ‘กระสือสาว’ (2516) จำได้ว่าตอนนั้นกลัวมาก ๆ ในบรรดาหนังผีหลาย ๆ เรื่อง แล้วผมไปดูในวันสุดท้าย แล้วมีคนดูอยู่ 2-3 คน มันก็ยิ่งกลัวไปใหญ่แต่ก็ประทับใจ ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าสนใจหนังเรื่องนี้แต่มันก็ฝังใจมานาน

พอวันหนึ่งเรามาทำหนังก็เลยรู้สึกว่าถ้าทำหนังผีก็อยากทำเรื่องนี้ ไอเดียนี้มีความตั้งใจที่จะทำมาหลายปีแล้วตั้งแต่ปี 1997 ตอนนั้นเคยตั้งชื่อไว้ว่า ‘กระสือ 2000’ เพื่อต้อนรับโลกเข้าสู่ปี 2000 และ พยายามมองให้เป็นกระสือที่ต่อยอดมาจากวิถีของกระสือที่อยู่กับชาวบ้านตามต่างจังหวัดที่จะเป็นแสงไฟ

แล้วถ้ามันมาอยู่ในเมืองจะเป็นอย่างไร หรือถ้าเรามองไปในเรื่องของตรรกะ ถ้าเขาเป็นผีก็ตามแต่เขาจะดำรงอยู่ในสังคมเราอย่างไรถ้ามาอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงไฟ ไอเดียที่เคยคิดไว้ตอนนั้นก็ประมาณนี้”

ผู้กำกับมือเก๋า “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” เกริ่นถึงจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์แอคชั่นระทึกขวัญ “SisterS กระสือสยาม” ผลงานกำกับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาที่ตั้งต้นจากความทรงจำวัยเด็ก ก่อนที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำหนังต่อยอดมาเป็นโปรเจกต์ในฝันที่กลายร่างตำนานผีกระสือมาเป็นภาพยนตร์แอคชั่นแหวกความระทึกสุดแปลกใหม่เรื่องนี้

จากตำนานผีกระสือของไทยที่ถูกเล่าขานต่อกันมาในทุกยุคสมัย รวมถึงถูกถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ไทยหลากหลายเวอร์ชันตามแต่จินตนาการของแต่ละเรื่อง แน่นอน เวอร์ชันล่าสุดโดยผู้กำกับปรัชญาก็พยายามใส่ความคิดสร้างสรรค์ และ ทุ่มเทพลังในงานสร้างทุกขั้นตอนให้ออกมาเป็นภาพยนตร์กระสือที่ทันสมัย และ แหวกแนวไม่ซ้ำใคร

จากพล็อตเรื่องของผู้กำกับปรัชญา ได้ถูกนำมาคิดต่อยอด และ ขยายออกมาเป็นบทภาพยนตร์อันเข้มข้นโดยผู้เขียนบทหญิงมากความสามารถ “เจี๊ยบ-วรรธนา วีรยวรรธน” (ช็อคโกแลต, Yes or No 1-2, เมีย 2018) ที่เล่าเรื่องราวความรักความผูกพันของสองสาวพี่น้องที่ต้องเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงของชีวิตครั้งใหญ่ และ การต่อสู้กับชะตากรรมที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรง…ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะสิ้นสุดอย่างไร

บทสรุป

สำหรับผีกระสือเป็นผีที่มีลักษณะแตกต่าง กระสือสยาม pantip จากผีไทยอื่น ๆ โดยทั่วไป ผมมีความรู้สึกว่าผีกระสือไม่น่าจะเป็นผี อาจจะเป็นเอเลียนหรือสิ่งประหลาดที่มาจากต่างดาวก็เป็นไปได้ ผมมีความสนใจอยากจะทำหนังเกี่ยวกับผีกระสือมาตั้งแต่ประมาณปี 1995 ตอนนั้นตั้งชื่อว่า “กระสือ 2000″ คือต้อนรับโลกเข้าสู่คริสต์ศักราช 2000 ผมตั้งคำถามว่าถ้าผีกระสือที่เรารู้จักมันมีอยู่จริง ในปัจจุบันชีวิตเขาจะเป็นอย่างไร

จะเที่ยวหากินของสกปรกเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า หรือเราตีความเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวล่ะจะเป็นอย่างไร

กระนั้นถ้าจะหาสิ่งดี ๆ ของหนังก็คงเป็นฝีมือการแสดงของน้องมิวนิคที่ไม่ได้แย่เลย ดีกว่าที่คาดไปเยอะ แต่ก็นั่นแหละครับนักแสดงเล่นได้โอเคตามบทบาท แต่ถ้า “บทบาท” ไม่ได้ส่งให้การแสดงดังกล่าวดูทรงคุณค่าขึ้นมามันก็ดูจะแค่นั้น

และ บทสรุปของศึกกระสือ 2019 ก็ดูจะเป็นอย่างที่หลาย ๆ คนคาด เมื่อ “แสงกระสือ” เปล่งประกายเจิดจ้า “กระสือสยาม” ที่มาแบบขมุกขมัวไม่ชัดเจนในการนำเสนอสักด้าน ก็ยากจะต้านทานหรือต่อกรด้วยได้จริง ๆ โดยสรุปผมขอให้คะแนน 8/10

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

เชื่อว่าใคร ๆ หลายคนที่มาตามดูหนังเรื่องนี้ถ้าไม่สนใจจริง ๆ คงจะมาติดตามผลงาน หนังไทยมาใหม่ ของพระเอกสุดหล่อสายฮา อย่าง ซันนี่ แน่นอนสำหรับแฟน ๆ ประจำของ ส ปอย หนัง GDH ที่คาดหวังหนังอารมณ์ฟีลกู๊ดจากค่ายนี้ หรือคนที่เคยประทับใจผลงานของเต๋อ ดูหนังออนไลน์ นวพล จาก “ฟรีแลนซ์…ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” แล้วคาดหวังความฮาในระดับนั้น ดูหนังฟรี ก็ต้องเตือนกันก่อนเลยว่า ห้ามคาดหวังความฟีลกู๊ด หรือความฮาใด ๆ จากเรื่องนี้ ซึ่งถ้าใครได้ชมตัวอย่างหนังกันมาแล้ว ก็พอจะคาดเดาอารมณ์ของ “ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” กันได้อยู่บ้างนะ ตลอดเวลา 1 ชั่วโมง 53 นาที ของหนัง แทบไม่มีเสียงหัวเราะให้ได้ยินเลย หรือถ้ามีสอง-สามมุก ก็เป็นหัวเราะแบบหึ ๆ เท่านั้น แต่ถ้าเทียบกับฉากที่ตัวละครน้ำตาไหลพราก นี่อัดแน่นกันมาหลายฉากเลย ดราม่า สาระ มาเต็ม

ชื่อภาพยนตร์: ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ / Happy Old Day
แนว/ประเภท: Romance, Drama
ผู้กำกับภาพยนตร์: เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
ผู้เขียนบทภาพยนตร์​: เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
นักแสดง: ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ฟ้า-ษริกา สารทศิลป์ศุภา, อุ๋ม-อาภาศิริ จันทรัศมี, หมี-ถิรวัฒน์ โงสว่าง, แพรว-พัดชา กิจชัยเจริญ

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไร..ไม่ให้เหลือเธอ (อังกฤษ: Happy old Year) เป็นภาพยนตร์ไทยแนวโรแมนติก-ดราม่า ออกฉายวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เขียนบท อำนวยการสร้าง และ กำกับโดยนวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ นำแสดงโดยชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ษริกา สารทศิลป์ศุภา, อาภาศิริ จันทรัศมี, ถิรวัฒน์ โงสว่าง และ พัดชา กิจชัยเจริญ ผลิตโดยเวรี่ แซด พิคเจอร์ส และ แฮปปี้ เอนดิ้ง ฟิล์ม

จัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า มีเพลงประกอบภาพยนตร์คือ “ทิ้งแต่เก็บ” ร้องโดยเดอะทอยส์ ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ จีน (ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) ที่ต้องการเคลียร์บ้านเพื่อรีโนเวต แต่ก็มาเจอบางอย่างที่เป็นของเอ็ม แฟนเก่าของเธอ (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) โดยทำรายได้ 57 ล้านบาท

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

มันเป็นเรื่องของ จีน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) แทบจะคนเดียวเลยล่ะ ฮา ว ทูทิ้ง hd พากย์ไทย เพราะหนังเน้นเล่นเล่าเรื่องเธอ เธอเป็นใครล่ะ เธอเป็นสาวที่เพิ่งจบจากสวีเดน เธอหลงใหลคลั่งใคล้ความเป็นมินิมอล เธอจึงต้องการจะเคลียร์บ้านเพื่อรีโนเวท นั่นแหละ มหกรรมการโละของออกจากบ้านจึงเกิดขึ้น

อะไรที่เธอมองว่าไม่ได้สลักสำคัญกับชีวิตเธอแล้ว เธอก็ทิ้งมันไปไม่ต้องใยดี แต่เมื่อเธอได้เจอกับของบางอย่างที่เป็นของแฟนเก่า เอ็ม (ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์) จึงได้พบว่าการจะทิ้งของบางอย่างมันชักเริ่มจะไม่ง่ายดายอย่างที่คิดเสียแล้ว

แค่เพราะมีถุงดำ เราจึงมองไม่เห็นของข้างใน แต่ถ้าเกิดเผลอไปแกะถุงแล้วหยิบออกมา ความทรงจำ และ เรื่องราวต่าง ๆ ที่ยังค้างคา ความรู้สึกบางอย่างที่ยังไม่ลบเลือนก็จะกลับคืนมาอีกครั้ง จีนต้องตัดสินใจว่าจะทําอย่างไรกับสิ่งของของเอ็ม เธอจะทิ้งไป เก็บไว้ หรือเดินไปคืน ถึงจะเป็นการทิ้งที่สมบูรณ์ที่สุด

ความรู้สึกหลังรับชม/ความประทับใจ

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

หนังเรื่อง ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ฮา ว ทูทิ้ง ทิ้ง อย่างไรไม่ให้เหลือเธอ Happy Old Year (2019) ของ เต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ไม่ได้เพียงแค่บอกเล่าเรื่องของหญิงสาวผู้ซึ่งความมุ่งมาดปรารถนาในเบื้องต้นได้แก่เก็บกวาดข้าวของที่รกรุงรังในบ้านให้กลายเป็นพื้นที่โล่งกว้างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หรือตามที่นางเอกของเรื่องเรียกการสังคายนาครั้งมโหฬารนี้ว่า ‘มินิมัล’ ซึ่งเป็นอิทธิพลทางศิลปะที่เธอหลงใหล และ ชื่นชอบ ทว่ารูปแบบหรือสไตล์การนำเสนอในหนังของนวพลเรื่องนี้ก็ชวนให้สรุปได้ไม่ยากว่าอยู่ภายใต้กรอบคิดแบบเดียวกัน

หนังดำเนินเรื่องราวมาในโทนนิ่ง ๆ เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ แต่ระหว่างทางก็แอบเติมรายละเอียดที่ทำให้เราเข้าใจทีละนิดว่าทำไมจีนถึงเป็นคนแบบนี้ และ เมื่อหนังได้ใส่รายละเอียดเข้ามาในใจของคนดูจนล้นปริ่ม แค่เพียงโยนหินสักก้อนลงไป

ทุกสิ่งทุกอย่างก็กระเพื่อมท่วมท้น และ พรั่งพรูออกมาจนล้นทะลัก ฉากที่จีนโทรศัพท์ไปหาพ่อว่าจะขายเปียโนที่เขาทิ้งไว้ เป็นฉากที่นิ่งแต่ทรงพลังไร้ซึ่งดนตรีประกอบหรือคำตอบโต้สนทนาจากปลายสาย แต่ด้วยอารมณ์ที่ถูกบิวด์มาตลอดตั้งแต่ต้น เมื่อถึงจุดที่มันอิ่มจนล้น แค่แตะต้องเพียงเบา ๆ มันก็ล้นทะลักเป็นเขื่อนแตก

อีกอย่างที่ควรกล่าวให้สะเด็ดน้ำตั้งแต่ต้นก็คือ ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ เป็นผลงานที่ผิดแผกไปจากหนังภายใต้ฉลากของ GDH ตามที่พวกเรารู้จักมักคุ้นอยู่เยอะทีเดียว อย่างน้อยดีกรีของความไม่ประนีประนอมก็เป็นอะไรที่รู้สึก และ สัมผัสได้ตลอดเวลา (และ นั่นรวมถึงตอนจบที่อาจเรียกได้ว่าไม่หลงเหลือความรู้สึกผ่องแผ้วเบิกบาน) อีกทั้งตัวหนังก็ไม่มีลักษณะที่เป็นสูตรสำเร็จตายตัว

Trailer หรือหนังตัวอย่างอาจจะชักชวนให้ผู้ชมอนุมานว่ามันคงจะเป็นหนังโรแมนซ์ หรืออย่างน้อยมันบอกเล่าเรื่องราวการหวนกลับมาพบเจอกันอีกครั้งของหญิงสาวกับแฟนเก่าที่เลิกร้างกันไปด้วยเหตุผลบางประการ ผสมกับความสัมพันธ์แบบสามเส้า ซึ่งต้องลงเอยในแบบที่ใครคนหนึ่งคงจะต้องจากไปวันยังค่ำ แต่จนแล้วจนรอด หนังก็ไม่ยอมให้ตัวมันเองถูก ‘จับได้ไล่ทัน’ และ มุ่งไปในทิศทางที่ผู้ชมไม่มีวันคาดเดา

ส่วนที่เป็นเสมือนจุดแข็งในหนังของนวพลมาตั้งแต่เริ่มแรก และ ยังคงเป็นเช่นนั้น ได้แก่วิธีที่เขาสร้าง และ พัฒนาตัวละคร โดยเฉพาะตัวเอกของเรื่องที่ชื่อ จีน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง ในบทบาทการแสดงที่เหมือนภูเขาไฟที่กำลังสะสมพลัง) ผู้ซึ่งในตอนเริ่มต้นเธอดูเป็นตัวละครที่แห้งแล้งเย็นชา และ ผู้ชมได้แต่นึกสงสัยว่าอะไรที่ดูดกลืนความมีชีวิตชีวาของหญิงสาวจนแห้งเหือดได้ขนาดนั้น

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ

รีวิว ฮาวทูทิ้ง..ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ ถ้ามองตามชื่อหนัง และ ตัวอย่างหนังที่ปล่อยออกมา ฮา ว ทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ เรื่องย่อ ก็จะสื่อให้เข้าใจว่านี่คือ “หนังรัก” ที่พูดถึงเยื่อใยต่อคนรักเก่า แต่เอาเข้าจริงแล้วเรื่องราวของเอ็มเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะ “ฮาวทูทิ้ง” ยังพูดถึงสิ่งต่าง ๆ รอบตัวจีนอีกมากผ่าน “ของเก่า” ที่ทำหน้าที่ตัวแทนเรื่องราวในอดีตมากมาย ทั้งเรื่องของพ่อที่ทิ้งไป ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเพื่อนอีกหลาย ๆ คน

แต่ละเรื่องก็ทำหน้าที่ประหนึ่งจิ๊กซอว์ที่ต่อกันเป็นภาพที่เด่นชัดของจีน ให้เรารู้จักตัวตนของเธอมากขึ้น ซึ่งจีนเองก็ได้รู้จักตัวเองมากขึ้นเช่นกัน จากคำตอบโต้ของเอ็ม และ เพื่อนหลาย ๆ คน ที่ตำหนิเธอกลับมา ทำให้ “จีน” เป็นนางเอกหนังที่มีความเป็นปุถุชนมากสุดคนหนึ่งบนจอหนังไทย ที่ไม่ได้มีความสมบูรณ์พร้อม มีจุดที่แข็งขณะเดียวกันก็มีจุดที่อ่อนไหวอีกมาก ที่ทำให้เธอไม่สามารถตัดขาดความทรงจำเก่า ๆ ไปได้อย่างที่ตัวเองพูด แล้วทำให้การจัดบ้านของเธอต้องพัวพันไปกับอีกหลาย ๆ ชีวิต

ถ้ามองว่า “ฟรีแลนซ์” เป็นหนังที่เต๋อ ปรับเปลี่ยนตัวเองเข้าหาความเป็น GDH มากขึ้น แล้วก็ได้ผลตอบรับอย่างดี พอมาถึง “ฮาวทูทิ้ง” เต๋อ ก็ขอหันกลับไปเป็นตัวเองมากขึ้น เอาใจตลาดน้อยลง รอบนี้ไม่มีมุกฮา ไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กระหว่างคู่พระนางให้คอยจิ้นเอาใจช่วย แม้กระทั่งรอยยิ้มของตัวละครยังแทบไม่เห็นเลย ก็เชื่อว่า GDH ก็คงไม่คาดหวังรายได้ระดับร้อยล้านหรอกนะ

เพราะการที่ GDH ปล่อยหนังสองเรื่องติดกันแบบนี้ ก็มองเกมการตลาดมาเรียบร้อยแล้วล่ะ ไปหวังกำไรเอาจาก “ตุ๊ดซี่ส์” ส่วน “ฮาวทูทิ้ง” ก็ไปแนวหนังรางวัล ซึ่งตัวหนังเองใช้นักแสดงไม่กี่คน ส่วนใหญ่ก็เป็นนักแสดงโนเนม ก็ไม่น่าจะใช้ทุนสร้างมากมายนัก อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุนแน่นอนล่ะ

บทสรุป

“ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ” หนังน้ำดีที่ไม่เอาใจตลาดวงกว้าง ฮา ว ทูทิ้ง เต็มเรื่อง pantip ไปแบบช้า ๆ บนกราฟที่เป็นเส้นตรงไม่มีฉากไคลแมกซ์ แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง “ฮาวทูทิ้ง” ก็เป็นหนังที่นำเสนอเรื่องราวในชีวิตที่ใกล้ตัวเราทุกคน ผ่านการแสดงที่ยอดเยี่ยม และ บทภาพยนตร์ที่ดี

ชวนให้เราต้องมาย้อนคิดถึง “ของเก่า” ในบ้านเราเองได้เช่นกัน แล้วการเลือกวันฉายในสัปดาห์สุดท้ายของปี 2562 ก็เหมาะเจาะเสียยิ่งกับคอนเซ็ปต์ของหนัง ที่คนเราจะสามารถตัดเยื่อใย ทิ้งของเก่า แล้ว move on ไปกับชีวิตในปี 2563 กันได้หรือไม่

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

นี่นับเป็นหนังไทย อีกเรื่องนึง หนังไทยย้อนยุค ที่หยิบยกเรื่องราว ของโรงเรียนมาใช้ ซึ่งในสมัยนี้ก็มีหนังเกี่ยวกับ โรงเรียนมากมาย ส ปอย หนัง สำหรับภาพยนตร์ไทยเรื่อง ลูกตลกตกไม่ไกลต้น เป็นเรื่องราวระหว่าง โรงเรียน 2 โรงเรียน ที่ซึ่งใช้รั้วกลางรวมกัน โรงเรียนหนึ่งเป็นวัดโทรมๆส่วนโรงเรียนหนึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนหรูหรา ดูหนังออนไลน์ ความแตกต่างของนักเรียน ครู และ ผู้ปกครองจึงแตกต่างกัน ดูหนังฟรี ในเรื่องฐานะอย่างชัดเจน แล้ววันหนึ่งทั้งสองโรงเรียนเกิดมีปัญหาทะเลาะกัน ทั้งเด็ก และ คุณครู จนก่อให้เกิดการแข่งขันที่จะทำให้ทุกคนสามัคคี

ชื่อภาพยนตร์: ลูกตลกตกไม่ไกลต้น
ผู้กำกับ: วรวุฒิ ชวนอยู่ , ปฏิภาณ คณาสานสมบัติ , วรวิทย์ ผ่องอินทรีย์ (โน้ต จูเนียร์)
นักเขียน: บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
นักแสดง: น้ำ รพีภัทร เอกพันธ์กุล , อริษรา วิทวัส , เฟิร์น พัสกร พลบูรณ์

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น ลูกตลกตกไม่ไกลต้น เป็นภาพยนตร์ไทย ลูกตลกตกไม่ไกลต้น นักแสดง ที่ออกฉายเมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2549 เขียนบท ภาพยนตร์โดย บัณฑิต ฤทธิ์ถกล จำหน่ายโดย พระนครฟิล์ม กำกับการแสดงโดย วรวิทย์ ผ่องอินทรีย์, โสภณ นิ่มอนงค์, วรวุฒิ ชวนอยู่, ปฏิภาณ คณาสานสมบัติ

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

ลูกตลก…ตกไม่ไกลต้น ณ โรงเรียน 2 โรงเรียน ซึ่งใช้รั้วกลางรวมกัน โรงเรียนหนึ่ง เป็นวัดโทรม ๆ ส่วนโรงเรียนหนึ่ง เป็นโรงเรียนเอกชนหรูหรา ความแตกต่างของนักเรียน ครู และ ผู้ปกครองจึงแตกต่างกัน ในเรื่องฐานะอย่างชัดเจน จนกระทั่งเด็กนักเรียนเล็ก ๆ 2 คน

ซึ่งเป็นเพื่อนกัน แต่อยู่กันคนละโรงเรียน กินไอศครีม หยอกล้อกัน ด้วยความสนุกสนาน แล้วอุบัติเหตุทางอารมณ์ก็เกิดขึ้น เมื่อรุ่นพี่ทั้ง 2 โรงเรียนเข้ามายุ่งด้วย จนเรื่องราวบานปลาย ไปถึงผู้ปกครอง และ ครูใหญ่ทั้ง 2 โรงเรียน ต้องพยายามไกล่เกลี่ยให้ความขัดแย้งลดลงเรื่องก็เหมือนจะจบลงด้วยดี

แต่จากเรื่องเด็ก ๆ ก็กลับเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นไปอีก เมื่อครูทั้ง 2 โรงเรียนกลับเป็นฝ่าย ทะเลาะกันเอง จากการที่จะพยายามไกล่เกลี่ย ก็กลายเป็นคุยข่มกัน ที่เคยจะจัดงานแข่งขัน เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กลับกลายเป็นการแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อชัยชนะ

การแข่งขันครั้งแรก ดำเนินไปท่ามกลางความขัดแย้งของเด็กทั้ง 2 โรงเรียน จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ระหว่างการแข่งขัน ทำให้นักดนตรีทั้ง 2 โรงเรียนบาดเจ็บ อาจารย์ทั้ง 2 โรงเรียน จึงเรียกเด็ก ๆ ที่ก่อเรื่องมาฝึกดนตรี เพื่อเป็นตัวแทนในการแข่งขันครั้งต่อไป ในช่วงเวลาฝึกดนตรีกันนี่เอง

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

หนังเดินไปตามแนวของหนังวัยรุ่นทั่วไป ลูกตลกตกไม่ไกลต้น เต็มเรื่อง ตัวละครออกมาพร้อม ๆ กัน ตั้งแต่ทีแรก ใครเป็นใคร ใครอยู่ฝ่ายใคร จะมีก็มุขตลกแฝงอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้คนดูเบื่อ แล้วก็ใช้ได้ผลซะด้วย เพราะว่านักแสดงลูกตลก ต่างก็งัดมุขอันแพรวพราวไม่แพ้พ่อแม่ ออกมาเล่นกันอย่างสนุกสนาน มุขถูกขนออกมาเล่นจนไม่มีตัวละครตัวไหนที่ดูแล้วไม่ขำ

อีกทั้ง ยังมีมุขสนับสนุน หลักอย่างเป็นทางการของเหล่าพ่อตลกแม่ตลกอีก ยิ่งทำให้หนังดูเพลิน และ ความสนุกก็ไหลลื่นมากขึ้น แต่การไหลลื่น จนเกินไปในตอนต้นนี่แหละ ที่เป็นเหมือนการฆ่าตัวตาย เพราะพอผ่านพ้นจุดพีคของการฮาแตกไปแล้ว หนังเร่มเดินเข้าสู่เนื้อหา ที่ผู้กำกับต้องการให้เป็นสาระมากกว่า ความสนุก และ เมื่อเข้าสู่สาระแล้ว กลับกลายเป็นสาระมากเกินความคาดหมาย ผมไม่ได้บอกว่าหนังที่มีสาระนั้นไม่ดี

แต่บอกตรง ๆ ตามความรู้สึกของคนดูที่ผมสังเกตได้ก็คือ คนส่วนใหญ่จะคาดหวัง มาเพื่อดูอะไรตลกมากกว่า แตก็กลายเป็นว่าได้ ตรงความต้องการไปแค่ครึ่งเรื่องเท่านั้น เพราะเหมือนกับผู้กำกับกำหนดไว้ว่า อยากปล่อยอะไร ล่อยออกมา ผมให้คุณจนถึงกลางเรื่อง และ มุขเด็ด ๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นไฮไลท์ ของมุขตลกในเรื่อง ก็ถูกตัดออกมาทำหนังตัวอย่างหมดแล้ว ก็เลยทำให้ช่วงหลังของหนัง มีแต่สาระล้วน ๆ และ หนังก็เดินอย่างอืด ๆ เอื่อย ๆ จนทำให้กลายเป็นน่าเบื่อไป

ในส่วนของนักแสดง ผมจะไม่ขอนับว่าทุกคนเป็นลูกตลก แต่ผมขอนับว่า เป็นนักแสดงหน้าใหม่ ยกเว้นก็แต่ น้ำ รพีพัฒน์ กับ ไผ่ พาทิศ และ เฟิร์น พิมพ์ชนก ที่มีผลงานออกมาให้เห็นก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งนักแสดงหน้าใหม่ทุกคนก็ทำหน้าที่กันได้เยี่ยมยอด ทั้งการต่อมุข หรือการเล่นร่วมกันเป็นกลุ่ม ทุกคนทำได้ค่อนข้างดี และ ก็ไม่แข็ง ซึ่งสำหรับนักแสดงหน้าใหม่ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเยี่ยมมาก ต้องยกเครดิตให้

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น

รีวิว ลูกตลกตกไม่ไกลต้น หลังจากที่ผมได้ดูหนังที่มีการรวมนักแสดงตลกมากมาย ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น นักแสดง มาหลายเรื่องในช่วงปีสองปีหลังมานี้ ผมว่าความเชื่อที่ว่า ตลกกำกับ หรือตลกเป็นคนสร้างหนังต้องเจ๊ง มันก็ออกไปจากความคิดใครหลาย ๆ คน

โดยแนวโน้มมันเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยมของคุณหม่ำ จกม๊ก, หลวงพี่เท่ง ของคุณโน๊ต เชิญยิ้ม จนมาถึง โกยเถอะโยม ของคุณจตุรงค์ มกจ๊ก

จะเห็นได้ว่ามีกระแสตอบรับที่ดีขึ้นมาก ไม่นับหนังที่ตกม้าตายอย่าง แหยม ยโสธร หรือ คนปีมะ แต่ก็นับเป็นมิติใหม่ของหนังไทย ที่มีผู้กำกับหน้าใหม่ ในแนวคิดใหม่ ๆ ของนักแสดงตลกเกิดขึ้นมา ซึ่งลูกตลกตกไม่ไกลต้น เป็นผลงานกำกับของลูกชาย โน้ต เชิญยิ้ม และ เพื่อน ๆ โดยมีโน๊ต เป็นผู้ควบคุมการสร้าง หรือเรียกว่าเป็นเหมือนคนคอยกำกับผู้กำกับอีกที

บทสรุป

โดยรวมของหนัง ผมชอบแค่ตอนต้น ลูกไม้ไกลต้น ที่มีอะไรให้ฮาตลอด เพราะสิ่งที่ผมหวังไว้ตั้งแต่แรก คือความฮาที่จะได้จากหนังเรื่องนี้ แต่ช่วงหลังของเรื่อง ผมกลับนึกว่ากำลังดู Season Change อยู่ เพราะมีฉากจบคล้าย ๆ กัน คือการแสดงดนตรีบนเวทีใหญ่ แต่หนังเรื่องนี้ก็ให้แง่คิดในหลาย ๆ ด้านกับผู้ชม เพราะมีสาระอัดแน่นอยู่มากกว่าที่คิด ทั้งในเรื่องเพื่อน รวมไปถึงเรื่องครอบครัว

ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ว่าจะได้รับกลับมามากขนาดนี้ จากหนังตลกเรื่องหนึ่ง หนังไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกครับ เพียงแต่ออกมาธรรมดา ไม่ดูก็ไม่มีปัญหา แต่อย่างน้อยผมก็ชื่นชมล่ะครับที่มีการพยายามใส่เนื้อหาดี ๆ ลงไป แต่คงดีกว่านี้เยอะถ้าใส่ลงไปมากกว่านี้หน่อย

รีวิว เด็กหอ

รีวิว เด็กหอ

หากใครพูดว่าหนัง เด็กหอ เป็นหนังผีอันดับต้น ๆ ของประเทศเรา หนังไทยย้อนยุค ผมว่านั้นคงไม่เกินจริงไปเลย แม้เด็กหอนั้นจะไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ทว่ากับสร้างบรรยากาศ ดูหนังออนไลน์ ได้อย่างอึดอัดทำให้เราหวาดกลัวกับหนังทั้ง ๆ ที่ไม่มีผีอะไรมาหลอกมากนัก ส ปอย หนัง สำหรับผมก็ขอยกให้เป็นหนังผีที่ผมชอบมากเป็นอันดับต้นๆ เลยครับ ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องนี้มีฉากผีหลอกหลอนที่น่าขนพองแบบสุดๆ ดูหนังฟรี เนื่องด้วยว่าผมชอบความที่มันไม่ได้เน้นไปที่ความเป็นผีหรือจงใจให้เป็นโทนวิญญาณหลอกหลอนตามล้างแค้น …หนังผีเรื่องนี้กลับลงลึกไปที่เรื่องราวการก้าวผ่านข้ามวัยของตัวละครวัย ม.ต้น ที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกินจะคาดิด…

ชื่อภาพยนตร์ : เด็กหอ
นำแสดง : จินตหรา สุขพัฒน์, สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล, นิภาวรรณ ทวีพรสวรรค์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร, ณฐพร เตมีรักษ์, จิรัฎร์ สุขเจริญ, ธนบดินทร์ สุขเสรีทรัพย์, ปกาสิต พันธุ รัตน์, อนุชิต ปนัดเศรณี, มณฑล อานุภาพมาศ
กำกับ : ทรงยศ สุขมากอนันต์
บทภาพยนตร์ : ชลลดา เตียวสุวรรณ, วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, ทรงยศ สุขมากอนันต์
ประเภท : Drama/Horror

รีวิว เด็กหอ

รีวิว เด็กหอ

รีวิว เด็กหอ หนังเรื่องนี้กำกับโดย Dorm (2006 พากย์ไทย) ทรงยศ สุขมากอนันต์ (วัยรุ่นพันล้าน, ซีรี่ย์ Hormones) ผู้กำกับที่ผมมองว่าทำงานหนังกับนักแสดงรุ่นเด็กหรือวัยรุ่นแล้ว เขาจะสามารถดึงสักยภาพฝีไม้ลายมือของนักแสดงในรับบทออกมาได้ดีมาก แน็ก ชาลี ปอเจส จากแฟนฉันก็รับบทได้ดีมาก บทขยี้อารมณ์หรือจุดสะเทือนอารมณ์ก็แสดงออกมาได้อินมาก ยิ่งไปกว่านั้นอีกหนึ่งคนที่เล่นได้ดีไม่แพ้กันนั้นคือไมเคิล ศิรชัช ผมนับว่าเป็นตัวละครเซอร์ไพรส์ ที่สามารถทำให้ผมซึ้งและอินไปกับตัวละครนี้ได้ดีเลยทีเดียว …ส่วนพี่แหม่ม จินตหรา ในบทคุณครูก็นับว่าน่าสะพรึงและคาแรคเตอร์ส่งให้มีความน่ากลัวเข้าไปอีก

หนังเรื่องนี้เคยเป็นที่ถกเถียงของแฟนหนังเป็นอย่างมาก เนื่องจากสงสัยว่าเรื่องราวในหนังสร้างมาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่ อีกทั้งยังถูกหยิบยกไปเปรียบเทียบกับหนังสเปนที่ชื่อว่า The Devil’s Backbone ที่มีบางเสียงแย้งว่ามีเนื้อหาที่คล้ายกันเป็นอย่างมาก แต่ ย้ง ทรงยศ ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้แรงบันดาลใจใดๆ จากหนังเรื่องดังกล่าว แม้จะเคยดูหนังเรื่องนี้เป็นการรีเสิร์ชมาก่อนก็ตาม แต่สิ่งที่สร้างออกมาเป็นเรื่องเล่าที่เขาได้ยินสมัยเรียนอยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา

เด็กหอ ยังเป็นหนังไทยได้มีโอกาสรับเชิญไปเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในปี 2007 พร้อมกับได้รับรางวัล Glass Bear สาย Generation Kplus และ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รองอันดับ 1 สาย Generation Kplus กลับมาครองอีกด้วย

เรื่องย่อ

รีวิว เด็กหอ

ชาตรี เด็กชาย อายุ 12 เรียน ม.1 เป็นเด็กไร้ความหมาย ที่พ่อของเขาส่งไปเรียนที่สายชลวิทยา ที่จังหวัดชลบุรี อย่างฉุกละหุก ก็เพื่อที่ชาตรีจะได้พ้นไปจากบ้านไกลไปเสียจากพ่อ เพราะชาตรีรู้ความลับของพ่อทั้งหมด เพื่อนของชาตรีได้พูดคุยเรื่องผีในโรงเรียนและเรื่องครู ในตอนกลางคืนชาตรีรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา พอฉี่เสร็จชาตรีได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเหมือนมันเคลื่อนที่ได้ แต่พอเข้าไปแล้วประตูก็เลยล็อก ชาตรีตกใจมากเลยอยากออกไป จนสักพักประตูก็เปิดได้ ชาตรีวิ่งหนีไปหอพักจนเขารู้สึกกลัวมาก

แล้วชาตรี ก็ได้พบกับ วิเชียร เพื่อนร่วมห้องที่ดูเหมือนจะรู้อะไร ๆ ในโรงเรียนไปเสียทุกอย่าง และแล้วมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้ง 2 ก็ก่อตัวขึ้น ก่อนที่พบว่าแท้ที่จริงแล้ว วิเชียร ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ๆ แต่พอเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าชาตรีก็เริ่มผูกมิตรกับวิเชียรได้ เพราะว่าทั้งสองคนเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง

นั่นก็คือ “ไม่มีใครเห็นว่ามีตัวตน” อย่างตอนที่ชาตรีคิดจะทำอะไรแผลง ๆ เพื่อถอดวิญญาณมาช่วยวิเชียร วิเชียรก็พูดว่า “สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ เพื่อช่วยฉัน ชาตรี สัญญากับฉันสิ” ชาตรีไม่ตอบ กลับยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนถึงเวลา 6 โมงเย็น มันคือ เวลาตายของวิเชียร แต่วิเชียรต้องกลับไปที่สระว่ายน้ำนั้น เพื่อลิ้มรสความทรมานจากการจมน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน ชาตรีเจ็บปวดมากที่ได้เห็นวิเชียรทรมานแบบนั้น แต่ตัวเขากลับได้แต่ยืนมอง แตะต้องอะไรวิเชียรไม่ได้

จนในที่สุด ชาตรีก็ไปดมสารอีเทอร์ มากเกินขนาด จนในที่สุดวิญญาณก็หลุดออกจากร่าง แล้วชาตรีก็ไม่คิดจะเหลียวมองดูร่างของตนเองเลยแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปทางสระว่ายน้ำนั้นโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และชาตรีก็ช่วยวิเชียรขึ้นมาจากสระจนได้ และต่อจากนั้นเอง ที่วิเชียรลาชาตรีไปเกิด แค่ลากันสั้น ๆ แต่สายตาสื่อความหมายว่าทั้งสองคนผูกพันกันมากมายเพียงใด

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว เด็กหอ

ภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ มีการเปิดเรื่องได้น่าสนใจ หนังไทย เด็กหอ เต็มเรื่อง คือเปิดเรื่องโดย พ่อของชาตรีได้พาชาตรีให้ไปอยู่ที่โรงเรียนประจำ ถือได้ว่าเป็นเหตุที่ทำให้ชาตรีไปพบกับวิเชียร และความลับที่ครูปราณีเก็บซ่อนเอาไว้รวมถึงเรื่องราวที่ไม่คาดคิดในโรงเรียน จนเกิดเป็นมิตรตราภาพ และความประทับใจ ระหว่างชาตรี วิเชียร และเพื่อน ๆ ในโรงเรียน

ส่วนเรื่องความน่ากลัว หรือเรื่องผีในเรื่องนี้ ก็จะเป็นเรื่องที่ผมเจอและได้ยินมาเมื่อตอนเป็นนักเรียนโรงเรียนประจำ เป็นเรื่องเล่า เรื่องลึกลับ เรื่องผีในโรงเรียน แล้วก็เอามาปรับให้เข้ากับหนังเรื่องนี้ จะว่าไปนึกๆดูแล้ว ผมก็ไม่มีเซ้นส์เรื่องผีๆ และก็ยังไม่เคยเจอผีอยู่ดี นี่ไม่ได้ท้าทายนะครับ แต่ถ้าจะมาจริงๆ ผมคงไม่ว่างเจอครับ เพราะช่วงนี้ผมยุ่งมาก

แต่อย่างไรก็ตามความลึกลับ ความน่ากลัว ของหนังเรื่องนี้ผมจัดให้คุณแน่นอน และจะทำให้คุณรู้สึกขึ้นจากภายในตัวคุณเอง เพราะเป็นสิ่งที่คุณต้องคิด ต้องจินตนาการตามไปด้วย คือเป็นหนังผีที่เน้นบรรยากาศครับ อย่างถ้าเราตื่นขึ้นมากลางดึก ได้ยินเสียงหมาหอน แถมไฟในห้องน้ำเปิดอยู่ คือมันเป็นบรรยากาศ ที่เราไม่รู้ว่าที่ห้องน้ำมันมีอะไร

คือถ้าคุณอินกับบรรยากาศแล้วคุณคิดตามไปด้วย ผมเชื่อว่าคุณจะขนลุกแน่นอน แต่ที่แน่ๆมันจะไม่มีอารมณ์ที่กลัวแบบเห็นผีมาเกาะอยู่หน้ากระจก หรือมีผีมาหลอก มาหลอน มาเลื้อยตรงหน้าคุณ หรือจะไม่มีเสียงดนตรีที่อยู่ๆก็ดังขึ้นมาเฉยๆให้เราตกใจ แต่ถ้ามันจะมีเสียงอะไรขึ้นมาให้ตกใจกัน มันก็จะต้องมีเหตุผลของมันครับ เรียกว่า “ เด็กหอ” เป็นหนังผีในแนวของผม

แนวคิดหลักของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่ที่ มิตราภาพที่แม้แต่ความตายก็ไม่อาจทำให้ความเป็นเพื่อนระหว่างชาตรี กับวิเชียร ต้องจบลงแต่กลับเป็นการเพิ่มความผูกพันธ์ขของมิตราภาพระหว่างชาตรี และวิเชียร ฉากในภาพยนตร์เรื่องนี้ส่วนใหญ่อยู่ที่ในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี โดยส่วนใหญ่จะเป็นฉากตอนกลางคืน หรือหากเป็นฉากตอนกลางวันก็จะมีโทนสีหม่น ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศในแบบของหนังสยองขวัญ

ตัวละครในภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าเป็นตัวละครที่มีมิติโดยที่ผู้กำกับได้นำเสนอแง่มุมต่าง ๆ ของตัวละครไว้อบย่างเห็นได้ชัด เช่น ตัวละครครูปราณี ที่ดูน่ากลัวและมีความเข้มงวด แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งตัวละครครูปราณีนั้นก็มีความอ่อนโยน และรักลูกศิษย์มาก บวกกับเหตุการณ์ที่วิเชียรตาย จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ครูปราณีต้องเข้มงวด

รีวิว เด็กหอ

รีวิว เด็กหอ นับว่าเป็นผลงานการกำกับ โรงเรียนสายชลวิทยา ภาพยนตร์เรื่องแรกอย่างเต็มตัวของผู้กำกับ “ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์” หนังเรื่องนี้เองยังกลายเป็นจุดเริ่มต้นหลายๆ อย่างของเขา และได้พัฒนากลายเป็นหนึ่งในผู้กำกับแถวหน้าของวงการ กระทั่งปัจจุบันเขากลายเป็นนักสร้างและนักปั้นที่มีบทบาทในการสร้างศิลปินเยอะแยะมากมาย ในฐานะผู้บริหารค่าย นาดาว บางกอก

ผลงานหนังเรื่องนี้ยังถือเป็นอีกหนึ่งงานแจ้งเกิดของ “แน็ก ชาลี” ที่ตอนนั้นยังเป็นนักแสดงเด็กที่น่าจับตามอง หลังจากที่เดบิวต์มาจากหนัง “แฟนฉัน” ก่อนหน้านี้ และการแสดงของเขาเรื่องนี้ก็ถือว่าได้กระแสตอบรับและคำชื่นชมอีกด้วย อีกทั้งยังมี “จินตหรา สุขพัฒน์” และ “ไมเคิล ศิรชัช” ร่วมแสดงสมทบ โดยเฉพาะรายหลังที่ถือว่าเป็นแจ้งเกิดเพราะผลงานหนังเรื่องนี้ โดยทั้งคู่ยังตระเวนกวาดรางวัลจากเวทีต่างๆ มาด้วย

การดำเนินเรื่อง เนื้อเรื่อง หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ ความเป็นหนังผี ลูกล่อลูกชนในการหลอกหลอนก็นับว่าทำได้เยี่ยมยอด หลายๆ ฉากมีการบิ้วท์อารมณ์คนดูด้วยเสียงดนตรีเครื่องสี แบบหนังสยองขวัญเมืองนอกที่ชอบใช้กัน ซึ่งปัจจุบัน ในบ้านเราคงไม่ค่อยได้ใช้ดนตรีเครื่องสี ออเครสตร้าเป็นดนตรีประกอบในหนังผีสักเท่าไหร่นัก ซึ่งผมว่ามันให้อารมณ์ผวา ลึกลับได้ดีมากครับ

บทสรุป

เด็กหอ ก็เป็นอีกหนังไทยอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว หนังผี netflix ดารานักแสดงล้วนรับบทบาทกันได้อย่างยอดเยี่ยม ความเป็นหนังผีก็สนุก น่ากลัวและขนหัวลุก หลายฉากในหนังทำออกมาได้ดี งานสร้างหรือว่าภาพเทคนิค ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึง 15 ปีแล้ว แต่หนังก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของแฟนหนังไทยอยู่ถึงในวันนี้ เด็กหอ เป็นหนังอีกเรื่องที่โลดแล่นอยู่ในวงการหนังในช่วงยุคเฟื่องฟูของวงการหนังไทย ที่ในช่วงนั้นทำเงินอู้ฟู่เป็นว่าเล่นและมีหนังไทยที่ประสบความสำเร็จหลายเรื่อง ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะกวาดเงินได้แค่น่าพอใจ ประมาณ 50 ล้านบาท ก็ตาม แต่ก็ถือว่าหนังประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้านเช่นกัน

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

หากใครยังจำกันได้ หนังไทยnetflix นี่นับเป็นหนังไทยเรื่องแรก ที่ได้ฉายในปี 2021 เรื่อง บอสฉันขยันเชือด สำหรับในปีนั้น บอสฉันขยันเชือด ส ปอย หนัง คือหนังที่ถูกพูดถึงอย่างมาก หลังจากที่ตอนแรกนั้นมีคิวเข้าฉาย 28 มกราคม แต่แล้วก็ต้องเลื่อนวันฉายออกมาเนื่องจากการกลับมาระบาด ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี อีกครั้งของโควิด-19 ครับ โดยหนังกำกับโดยคุณ ภูวนิตย์ ผลดี ผู้กำกับจาก App War แอปชนแอปครับ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ โดยในหนัง MY BOSS IS A SERIAL KILL บอสฉันขยันเชือด นี้ได้นักแสดงชั้นนำหลายคนร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็น ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา,เผือก-พงศธร จงวิลาส,มุกดา-นรินทร์รักษ์,ปราโมทย์-ปาทาน,ไอซ์-ปรีชญา พงษธนานิกร,พอวิไล อภิรัชฎาพร และ สัณหณัฐ ทิราชีพ

ประเภท: ตลก / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: ภูวนิตย์ ผลดี
เข้าฉาย: 1 เมษายน 2021
นำแสดงโดย: ก้อง สหรัถ, ไอซ์ ปรีชญา, มุกดา นรินทร์รักษ์

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

รีวิว บอสฉันขยันเชือด บอสฉันขยันเชือด คือผลงานเรื่องแรกจากค่าย TAI MAJOR ที่ก่อตั้งโดย บอสฉันขยันเชือด เต็มเรื่อง สองพี่น้อง วิสูตร และวิชา พูลวรลักษณ์ ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการภาพยนตร์ไทยมาอย่างยาวนาน โดยมีวิสูตรที่ครั้งหนึ่งเคยร่วมสร้างและเป็นผู้บริหารค่าย GTH จนประสบความสำเร็จ มาดูแลการผลิตในฐานะโปรดิวเซอร์ด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ยังได้ ศรณ์พัฒน์ ปราการะนันท์ และภูวนิตย์ ผลดี หนึ่งในผู้กำกับจาก โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง (2560) ภายใต้ค่ายเก่าของวิสูตรอย่าง T Moment มารับหน้าที่กำกับในครั้งนี้ (โดยค่าย T Moment ของวิสูตรได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2562 เนื่องจากผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย)

สำหรับคอหนังไทยที่เคยติดตามผลงานจากค่าย T Moment ทั้ง 3 เรื่องอย่าง โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง (2560), App War แอปชนแอป (2561) และ The Pool นรก 6 เมตร (2561) เราจะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า จุดร่วมของผลงานทั้ง 3 เรื่องที่โดดเด่นมาก ๆ คือบิ๊กไอเดียของเรื่องที่แปลกใหม่และน่าสนใจ

ทั้ง โอเวอร์ไซส์ ทลายพุง ที่บอกเล่าเรื่องราวของ 4 นายตำรวจหุ่นหมีที่ต้องทำภารกิจลดน้ำหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องถูกปลด, App War แอปชนแอป ที่หยิบนำการแข่งขันของธุรกิจสตาร์ทอัพยุคใหม่มานำเสนอในรูปแบบของหนังโรแมนติก-คอเมดี้ และ The Pool นรก 6 เมตร

หนังแนวเอาตัวรอดที่ตั้งคำถามง่ายๆ แต่น่าสนใจว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณต้องติดอยู่ในสระว่ายน้ำลึก 6 เมตรกับจระเข้หนึ่งตัว ทั้งหมดนี้แสดงให้เราเห็นถึงเป้าหมายของวิสูตรที่ต้องการผลิตผลงานที่โดดเด่นด้วยบิ๊กไอเดียที่ ‘แข็งแรง’ ออกมาให้คอหนังไทยได้ชมมากขึ้น

เรื่องย่อ/เนื้อหา

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

เรื่องราวของภายในออฟฟิศของแบรนด์เสื้อผ้านกกระทาคู่ ของคุณต้น (ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา) บอสใหญ่ประจำบริษัท ที่ถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องสาวออฟฟิศ และเรื่องราวสุดป่วนทั้งหมดจึงเริ่มขึ้นเมื่อ เมษา (มุกดา นรินทร์รักษ์) ได้ร่วมมือกับ โบกี้ (ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร) และหลิน (พอวิไล อภิรัชฎาพร) สามสาวออฟฟิศรุ่นใหม่ต้องร่วมมือกันออกสืบหาความจริงเกี่ยวกับประธานบริษัทของพวกเธอว่าเป็นฆาตกรหรือไหม

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

เปิดเรื่องมาก จะเป็นการปูเรื่องของตัวละครอย่าง เมษา และ โบกี้ ที่ชอบสืบหาเรื่องเร้นลับ บอสฉันขยันเชือด เต็มเรื่อง พากย์ไทย และคลี่คลายข้อสงสัยลงยูทูปในสมัยเรียน จนหนังได้นำเนินมาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงวัยทำงาน ซึ่งทั้งคู่นั้นก็ทำงานที่เดียวกัน แต่แล้วเมื่อเรื่องราวการตายของคนในออฟฟิศได้ถูกเปิดขึ้นจนทำให้เมษาและโบกี้เหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปสืบหาความจริงเกี่ยวกับคดีนี้ครับ

หนังไทยที่ทำออกมาได้ค่อยข้างลงตัวเลยทีเดียว แต่การดำเนินเรื่องมียืด ๆ บ้างในช่วงกลาง ๆ แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร ดูเพลินอยู่นะเอาจริง ๆ ชอบในความหักมุมของหนังที่แบบคิดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ไม่เหมือนในตัวอย่างหนังที่เราดูกันก่อนเข้าโรงภาพยนตร์แน่นอนครับ

ส่วนช่วงคลายแม็คของหนังเรื่องนี้บอกเลยไม่ควรพลาด ทั้งมันส์ ทั้งสะใจ ลุ้นเอาใจช่วยแบบลืมตัวกันเลยทีเดียวครับ เอาจริง ๆ ไม่อยากสปอยเนื้อเรื่องเยอะ อยากให้ไปลุ้นกันดีกว่าใครจะเป็นฆาตกรสาวออฟฟิศตัวจริง กับหนังไทยเรื่องนี้ครับ

อีกหนึ่งข้อที่เห็นได้ชัด คือบทบาทของตัวละครอย่าง ดร.อัง ผู้สวมบทโดย โอ๊ต-ปราโมทย์ ปาทาน ที่มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นมาก ๆ ตั้งแต่ปรากฏตัวออกมาในตัวอย่าง แต่หนังกลับไม่ได้หยิบความโดดเด่นของเขามาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งเราคิดว่าหากทีมสร้างให้เวลาในการเล่าเรื่องกับ ดร.อัง อีกสักหน่อย เขาจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สร้างสีสันให้กับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี

จุดเด่นของ บอสฉันขยันเชือด ที่นำเสนอได้ลงตัวมาก ๆ คือมุกตลกขบขันที่ใส่เข้ามาอย่างตรงจังหวะ รวมถึงทัพนักแสดงทุกคนต่างถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของตัวเองได้อย่างมีเสน่ห์ โดยเฉพาะ ก้อง-สหรัถ สังคปรีชา ผู้สวมบทเป็น ต้น ที่แผ่รังสีความน่าเกรงขามและความเข้มงวดออกมา จนทำให้เรารู้สึกหวาดระแวงบอสผู้เต็มไปด้วยปริศนาคนนี้ตามไปด้วย

รวมถึง 3 นักแสดงหญิงอย่าง มุกดา นรินทร์รักษ์, ไอซ์-ปรีชญา พงษ์ธนานิกร และผักกาด-พอวิไล อภิรัชฎาพร ที่รับบทเป็นสาวออฟฟิศที่ต้องร่วมมือกันตามหาตัวจริงของบอส ซึ่งเป็น 3 ตัวละครที่ออกแบบคาแรกเตอร์ออกมาได้ลงตัวมาก ๆ เมื่อพวกเธอปรากฏตัวอยู่ในซีนร่วมกัน

จุดด้อยข้อแรกที่เห็นชัดมากที่สุด คือปมปัญหาภายในเรื่องที่ถูกปูเอาไว้อย่างน่าสนใจและชวนติดตาม แต่กลับไม่ได้ถูกหยิบมาใช้อย่างเต็มที่

รีวิว บอสฉันขยันเชือด

รีวิว บอสฉันขยันเชือด บอสฉัน..ขยันเชือด มาพร้อมกับเรื่องราวชวนพิศวงในออฟฟิศ บอสฉันขยันเชือด เฉลย เมื่อแก๊งหนุ่มสาวอยู่ ๆ ก็ไปแอบล่วงรู้ความลับของเจ้านายตัวเองว่า บอสใหญ่ของพวกเขาเคยมีอดีตเป็นฆาตกรโรคจิตต่อเนื่อง แล้วเรื่องนี้จะแอบอยู่เฉยได้อย่างไร เมื่อออฟฟิศลุกเป็นไฟ ปฏิบัติขุดคุ้ยอดีตและสืบหาความลับอันแสนระทึกที่มาพร้อมกับความสนุกและเสียงหัวเราะจึงได้เกิดขึ้น

ก่อนอื่นใดก็ต้องยอมรับเลยว่า My Boss is a Serial Killer นับว่าเป็นหนังไทยที่ค่อนข้างมีสไตล์ที่แปลกและแหวกแนวจากหนังไทยเรื่องอื่น ๆ ที่เคยมีมา เราไม่ค่อยจะได้เห็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนแกมตลกโปกฮา กลิ่นอายคล้าย ๆ กับนิยายของ ‘อกาธา คริสตี’ อะไรทำนองนั้น แต่ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ออกมาในท้ายที่สุด หนังไทยเรื่องนี้ก็ยังไม่สามารถตีโจทย์และถ่ายทอดเรื่องราวที่หนังควรจะเป็นได้ออกมาได้ถูกที่ถูกทางในแบบที่ควรจะเป็น

กลายเป็นว่า บอสฉัน..ขยันเชือด จะเป็นหนังสืบสวนสอบสวนก็ไปไม่สุดทาง จะเป็นหนังตลกก็แทบไม่มีอะไรให้หัวเราะ หรือจะเป็นหนังฆาตกรรมเขย่าขวัญหักมุมก็ยังไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ออกมาของหนังเรื่องนี้จึงกลายเป็นความสะเปะสะปะ หากเปรียบเป็นเมนูอาหารสักชามหนึ่ง ก็เป็นแกงที่ค่อนข้างจืด เผลอ ๆ เกือบจะไม่มีรสชาติอะไรเลยด้วยซ้ำ

โครงเรื่องของหนังค่อนข้างน่าสนใจ แต่กลับตีความและตีโจทย์ออกมากับบทหนังที่อ่อนปวกเปียกที่เป็นปัญหาหลัก ๆ ของหนังไทยส่วนใหญ่ บทของหนังเรื่องนี้ไม่สามารถสร้างมิติใด ๆ ได้เลย ถึงแม้ว่าจะเห็นถึงความพยายามมาก ๆ แล้วก็ตาม แต่ที่ส่งออกมาถึงคนดูกลายเป็นความไม่ลงตัวอะไรเลยสักอย่าง กลายเป็นหนังที่แค่…ดูได้เรื่อย แอบน่าเบื่อไปสักหน่อย ถึงจะได้ทีมนักแสดงที่น่าติดตามมากเลยทีเดียว

บทสรุป

เอาเป็นว่าภาพรวมของ บอสฉัน..ขยันเชือด บอสฉันขยันเชือด pantip ถือว่ายังออกได้ไม่ค่อยน่าประทับใจสักเท่าไหร่ คงจะเป็นเพียงแค่หนังดูได้เพลิน ๆ แต่จะไม่ได้ทำให้คนดูฟินไปสุดทางได้สักทาง เหมือนกับหนังเก็บเอาไว้ดูขั้นเวลาว่าง ๆ ก็น่าจะพอได้ แต่อาจจะมีอาการกดเพลย์-กดหยุดอยู่หลาย ๆ ครั้ง เพราะหนังดำเนินเรื่องราวไปเรื่อย ๆ แทบจะไม่มีจุดพีคใด ๆ ให้ดึงดูดใจ

แม้กระทั่งไคลแมกซ์สุดท้ายก็ยังไม่ดีพอ ส่วนที่ดีที่สุดของหนังก็คงต้องขอบคุณ ทีมนักแสดงมืออาชีพ ที่พวกเขารับหน้าที่ของตัวเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี และพยายามช่วยพยุงหนังทั้งเรื่องเอาไว้ แต่ท้ายที่สุดความไม่น่าจดจำของหนังทั้งเรื่องนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเอาไว้ เพราะ บอสฉัน..ขยันเชือด น่าจะกลายเป็นหนังไทยที่จะไม่มีใครนึกถึงในระยะยาว และอาจจะเลือนหายเข้าไปในสารบบหนังไทยอย่างน่าเสียดาย

โดยส่วนตัวให้คะแนน 7/10

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

สวัสดีครับนี่คือหนังไทยอีกเรื่องที่ฮาขี้แตกเลยครับกับภาพยนตร์ หลวงพี่เท่ง หนังไทยย้อนยุค ที่มีอยู่ด้วยกันถึง 3 ภาค และครั้งนี้ ผู้เขียนจะมารีวิว หลวงพี่เท่ง ภาค 3 ให้สำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังไม่เคยได้รับชมกัน ส ปอย หนัง หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก เป็นภาพยนตร์ไทยแนวคอมเมดี้ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ผลงานการกำกับของ โน้ต เชิญยิ้ม โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมาย ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ มาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นน้อย วงพรู ที่มารับบทเป็น น้อย ในอดีตเขาเคยเป็นนักร้องหนุ่มมาดเซอร์ แต่เมื่อเขาเริ่มอยากพยายามจะหลีกหนีความวุ่นวาย และ ความจริงที่เขากำลังจะต้องเผชิญ เขาจึงเลือกทางที่หวังจะพบกับความสงบนั้นก็คือ การบวชเป็นพระ ซึ่งเมื่อเป็นพระแล้วเขาก็ยังเป็นพระที่ขวางโลก และ รักความยุติธรรมเช่นเดิม คนต่อมาคืออุ๋ย บูดาเบลส มารับบทเป็น พระประเสริฐ คนต่อมาคือโยกเยก เชิญยิ้ม มารับบทเป็น พระโยกเยก คนต่อมาคือโน้ต เชิญยิ้ม มารับบทเป็น ตาส่ง มัคนายกประจำวัด และ คนต่อมาคือเอ็ม บูดาเบลส และ แจ็ค แฟนฉัน ที่มารับบทเป็น เด็กวัดตัวแสบ ที่มักจะคอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่ประจำๆ โดยภาพยนตร์เรื่อง หลวงพี่เท่ง 3 The Holy Man III เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2553

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2548 ภาพยนตร์เรื่องหลวงพี่เท่งได้ถูกฉายเป็นครั้งแรก ภายใต้ลิขสิทธิ์ของ พระนครฟิล์ม และ กำกับภาพยนตร์โดย โน้ต เชิญยิ้ม ซึ่งทำรายได้จากการฉายไปมากถึง 141 ล้านบาท จนขึ้นแท่นเป็นหนังตลกของไทยเรื่องแรกที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาท และ ติดอันดับหนังไทยทำเงินสูงสุดในอันดับที่ 16 (เคยขึ้นไปสูงสุดในอันดับที่ 5) ทั้งยังเป็น 1 ใน 100 หนังไทยแห่งทศวรรษจากการสำรวจของนิตยสารไบโอสโคป

หลวงพี่เท่ง 3 หลวงพี่ เท่ ง 3 037 (อังกฤษ: Holy Man 3) เป็นภาพยนตร์ภาค 3 ของชุด “หลวงพี่เท่ง” ออกฉายเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2553 กำกับโดย บำเรอ ผ่องอินทรกุล (โน้ต เชิญยิ้ม) โดยผู้แสดงเป็นหลวงพี่ในภาคนี้ คือ กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือ น้อย วงพรู นักเรียนนอก และ นักร้องชื่อดังที่หันหน้าเข้าสู่ร่มเงาแห่งพุทธศาสนาเพื่อกล่อมเกลาจิตใจที่ว้าวุ่น และ หลีกหนีจากปัญหา โดยมีนิสัยเป็นคนขวางโลกนิดๆ แต่ก็มีความเข้าใจในหลักสัจธรรมหลายอย่าง

เรื่องย่อ

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

เรื่องราวของ “น้อย” (น้อย วงพรู) นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่พยายามจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย และ ความจริงที่ตนเองได้รับ โดยหนทางที่เค้าเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้น คือ การเปลี่ยนแปลง จากนักร้องหนุ่มเป็นพระ พระน้อย ผู้ซึ่งยังคงมีความเป็นตัวของตัวเอง เป็นพระขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจากำปั้นทุบดิน เป็นคนตรงเหมือนไม้บรรทัด ที่มาบวชเพราะเบื่อสังคม เบื่อคนไทยไม่รักกัน เบื่อความแตกแยก

แต่เส้นทางในชีวิตเส้นนี้ของเค้าไม่เป็นไปดังหวัง เพราะในวัดที่เค้าบวช ยังมี “พระประเสริฐ” (นที เอกวิจิตร), “พระโยกเยก” (โยกเยก เชิญยิ้ม) มัคทายกประจำวัดของ “มัคทายกส่ง” (โน้ต เชิญยิ้ม) และ เด็กวัดตัวแสบ อีก 2 คนของ “เอ็ม” (กิตติพงษ์ คำสาตร์), “อู๊ด” (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) ที่คอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่เสมอ ไม่เพียงเท่านั้นเค้ายังต้องพบกับเหตุการณ์อลม่านป่วนจิตจนต้องเข้าไปมีส่วนร่วม

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

อาจเป็นความโชคร้ายของหนังภาค 3 เรื่องนี้ด้วย ดู หนัง หลวงพี่ เท่ ง 4 ที่วางกำหนดฉายชนหนังภาค 3 คุณภาพยอดเยี่ยมอย่าง Toy Story เพราะฉะนั้นเมื่อดูสองเรื่องติดๆกัน จึงเกิดการเปรียบเทียบอย่างช่วยไม่ได้ และ กับหนังตลกเรื่องนี้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เดินตามสัจธรรม “หนังภาคต่อมักจะแย่กว่าหนังภาคแรก” แถมภาคนี้ไม่ใช่แค่ภาคต่อธรรมดา แต่อาศัยชื่อเรื่องหากินมาถึงภาค 3 เข้าไปแล้ว เพราะฉะนั้นคุณภาพจึงออกมาแย่ยกกำลังสามไปด้วย

โดยภาคนี้ได้ทีมนักแสดงใหม่ยกชุด และ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับสองภาคแรกเท่าไหร่นัก ว่าด้วยพระบวชใหม่สองรูป ที่เข้ามาปกป้องทรัพย์สมบัติของวัดจากแกงค์ตัดเศียรพระ ขณะเดียวกันก็ศึกษาธรรมะ และ เทศน์สั่งสอนชาวบ้านให้ศรัทธาในศาสนาไปด้วย ซึ่งด้วยพล็อตเรื่องที่เบาบางว่างโล่งแบบนี้ จึงเปิดโอกาสให้หนังยัดมุขตลกแบบมุขชนมุขหากินได้ตลอดทั้งเรื่อง

ถ้าถามว่าหนังขำมั้ย ก็บอกได้ว่ามีส่วนที่พอจะทำให้หัวเราะได้อยู่บ้าง ขณะเดียวกันก็มีมุขที่ซ้ำซาก และ ฝืดสุดๆอยู่ด้วยปะปนกัน หนังทำออกมาค่อนข้างฉาบฉวย และ สะเปะสะปะ การลำดับเรื่องยังดูวกวน และ ให้อารมณ์ที่ไม่ต่อเนื่อง รวมทั้งมีฉากไร้สาระที่ใส่มาเพื่อยืดเวลาของเรื่องออกไปมาก ซึ่งที่แย่ก็คือฉากเหล่านี้ค่อนข้างน่ารำคาญ และ ดูถูกสติปัญญาคนดูพอสมควร แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นเีื่รื่องธรรมดาชาชินที่พบอยู่บ่อยๆ ในหนังตลกของพระนครฟิล์มก็ตาม

หนังพยายามแทรกประเด็นเรื่องการทำนุบำรุงศาสนา หรือถ่ายทอดกิจอันดีของสงฆ์เอาไว้ด้วย แต่ก็ทำได้เพียงผิวเผิน และ ไม่สามารถต่อยอดความคิดให้คนดูได้ เนื่องจากโดนมุขตลกในเรื่องกลบไปจนหมด

ดังนั้นหนังตลกเรื่องนี้จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่คนดูไม่ได้อะไรติดกลับออกจากโรงไปเลย เว้นแต่ความบันเทิง คะแนนที่ผมมอบให้หลวงพี่เท่ง 3 จึงมาจากจังหวะดีๆในการยิงมุข และ ความบันเทิงแบบเบาๆเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องต้องส่ายหัวว่าน่ากลุ้มใจจริงๆครับ

รีวิว หลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก

รีวิวหลวงพี่เท่ง 3 รุ่นฮาเขย่าโลก หลวงพี่เท่ง เป็นภาพยนตร์แนวตลก ดูหนัง หลวงพี่ เท่ ง เต็มเรื่อง เสนอวิถีชีวิตของชาวไทยในชนบทที่ละเลยศาสนาพุทธแต่ละกลับหันไปงมงายกับไสยศาสตร์ที่เกิดจากการหลอกลวง หลวงพี่เท่งพระหนุ่มที่พึ่งมาจำพรรษาที่วัดในชุมชนนี้จึงต้องต่อสู้กับความไม่รู้ และ ความงมงายของชาวบ้าน

สุดท้ายแล้วฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายมีชัย การเล่าเรื่องของเรื่องหลวงพี่เท่งดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย มีการสอดแทรกมุขตลกตามรสนิยมคนไทย ได้รับคำวิจารณ์ว่า เท่ง เถิดเทิง แสดงได้ดีมาก มุขตลกในเรื่องไม่ถึงกับตลกจนน้ำตาเล็ด แต่ก็สามารถดูได้อย่างคลายเครียดได้ และ มีข้อคิดอีกด้วย

แม้ว่าจะมีบางส่วนเห็นว่า หนังเรื่องดังกล่าวไม่สนุกเลย และ ไม่ตลก มีการตัดต่อก็กระโดดไปกระโดดมา ทั้งยังเป็นการนำวงการศาสนามานำเสนอในมุมที่ตลกโปกฮา แต่ถึงอย่างนั้นภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้ คำวิจารณ์ และ ไม่มีปัญหาใดๆ จากการพิจารณาของกองเซ็นเซอร์ (ในขณะที่ภาค 2 และ 3 อาจจะมีการติดขัดบ้าง แต่ก็ผ่านมาได้ฉลุย)

บทสรุป

น่าจะบอกได้ว่าหนัง หลวงพี่ เท่ ง 2 เต็มเรื่อง หลวงพี่เท่ง 3 เป็นการรวมตัวของนักแสดงเยอะมาก แต่ทว่าน่าเสียดายที่ความเยอะนั้น ไม่ได้ช่วยเติมเต็มช่องว่างของหนังให้สมบูรณ์ ถึงแม้จะมีเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา และ ความปรองดองมาเป็นที่ตั้ง ซึ่งดูจะเข้ากับกระแสสังคมในตอนนี้

แต่แปลกมันกลับไม่ได้ทำให้รู้สึกลึกซึ้งไปกับเรื่องราวที่ต้องการนำเสนอนี้เลย และ น่าเสียดาย “แอ๊ด คาราบาว” 1 ฉาก กับบัวลอย ที่ดูแล้วก็ไม่ได้ความรู้สึกเท่าที่ควร นอกจากขายสินค้า น่าจะให้มีอะไรมากกว่านี้ เพิ่มเนื้อหาในส่วนภููมิหลังความสัมพันธ์ของพระน้อยกับก๊วนฮาเล่ย์ให้มากขึ้น แล้วไปตัดส่วนที่เป็นตลกไม่จำเป็นออกจะดีกว่า

รีวิว พจมานสว่างคาตา

รีวิว พจมานสว่างคาตา

สำหรับ พจมานสว่างคาตา หลาย ๆ คนคงไม่คุ้นหู หนังไทยมาใหม่ แต่หาพูดถึง หอแต๋วแตก เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงจะ อ่อ กันบ้าง นับเป็นภาพยนตร์สร้างชื่อสร้างกำไรให้กับผู้กำกับหนังไทยตัว top ที่คงไม่มีใครเกิน ส ปอย หนัง พชร์ อานนท์ ที่มีหนังใหม่ปล่อยออกมาแทบจะเรื่อย ๆ เลยครับ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี ให้แฟน ๆ ได้ติดตามกันปีละ 2-3 เรื่องโดยตลอด โดยแต่ละเรื่องก็จะมีเอกลักษณ์ในแบบของแก ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์ คือหยิบเอาสถานการณ์ปัจจุบันมาเป็นมุกตลกใส่ไว้ในหนัง เปรียบเสมือนจดหมายเหตุของยุคนั้น ๆ รวมถึงหยิบเอาบุคคลในกระแสมาปรากฏตัว และ รับเชิญอยู่เรื่อย ๆ เช่นเดียวกับผลงานชิ้นล่าสุดอย่าง พจมานสว่างคาตา หนังที่เปรียบเสมือนภาคแยกของ หอแต๋วแตก นั่นเอง

รีวิว พจมานสว่างคาตา

รีวิว พจมานสว่างคาตา

รีวิว พจมานสว่างคาตา ภาพยนตร์เรื่อง พจมานสว่างคาตา เป็นภาพยนตร์ไทยแนว คอมเมดี้ ผลงานการกำกับของ พชร์ อานนท์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นักแสดงมากความสามารถมากมายมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นโก๊ะตี๋ อารามบอย ที่มารับบทเป็น พจมาน สาวน้อยน่ารักที่เดินทางจากบ้านนอกเข้าสู่กรุงเทพ เพื่อมาเรียนหนังสือต่อตามความประสงค์ของพ่อที่สั่งไว้ก่อนตาย

คนต่อมาคือจาตุรงค์ โพธาราม รับบทเป็น หม่อมอัมราภาแพรวพรรณนารายณ์พรรณนาโวหารสมานจิต เป็นหม่อมป้าของพจมาน คนต่อมาคือเอกชัย ศรีวิชัย รับบทเป็น เบ้อเริ่มเทิ่ม คนต่อมาคือยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ รับบทเป็น หญิงจิ๊ดริด คนต่อมาคือวีรดิษฐ์ ศรีมาลัย รับบทเป็น ชายน้อยหนึ่ง

คนต่อมาคือพชร์ อานนท์ รับบทเป็น แม่ช่อมณี คนต่อมาคือชาลี ไตรรัตน์ รับบทเป็น ชายกลาง และ คนสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้คือเขมนิจ จามิกรณ์ รับบทเป็น หญิงสาวที่เข้ามาสวมรอยเป็นพจมาน

โดยภาพยนตร์พจมานสว่างคาตา เป็นภาพยนตร์เมื่อปี 2563

เรื่องย่อ

รีวิว พจมานสว่างคาตา

เรื่องราวสุดวายป่วง และ สยองพองขนใน พจมาน สว่างคาตา เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พจมาน สาวน้อยผู้เรียบร้อยน่ารักเดินทางจากบ้านนอกเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาเรียนหนังสือต่อตามความประสงค์ของบิดาที่สั่งไว้ก่อนเสียชีวิต โดยให้พจมานไปอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์บ้านดอกไม้ทองกับครอบครัวของหม่อมอัมราภาแพรวพรรณนารายณ์พรรณาโวหารสมานจิต (จาตุรงค์ โพธาราม) ซึ่งมีศักดิ์เป็นหม่อมป้า

และ แล้วเมื่อพจมานเดินย่างกรายเข้ามาอยู่ที่บ้านดอกไม้ทอง เธอก็ได้พบกับ เบ้อเริ่มเทิ่ม (เอกชัย ศรีวิชัย), หญิงจิ๊ดริด (ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์), ชายน้อยหนึ่ง (วีรดิษฐ์ ศรีมาลัย) ที่มีร่างกายพิการ ขาเป๋ ปากเบี้ยว และ เหล่าบรรดาคนรับใช้ที่คอยกลั่นแกล้งพจมานสารพัด โดย แม่ช่อมณี (พชร์ อานนท์) หัวหน้าแม่บ้านซึ่งเป็นผู้กุมความลับสำคัญของบ้านดอกไม้ทอง

เธอก้าวมาในบ้านอย่างที่ไม่คาดคิดว่าชีวิตของเธอนั้นกำลังตกอยู่ในในอันตราย! ทุกคนได้ร่วมกันวางแผนฆ่าพจมาน เพราะไม่อยากให้เธอมาแย่งมรดก แต่แผนการกลับล้มเหลวทุกคร้ัง จนกระทั่งจู่ ๆ พจมานกลับลื่นตกบันไดลงไปตายเองต่อหน้าคนในบ้านเสียอย่างนั้น

แต่แล้วท่ามกลางความสะใจ และ ดีใจ หม่อมอัมราภาเพิ่งนึกได้ว่าพินัยกรรมจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อคนในตระกูลอยู่ครบ และ พรุ่งนี้เป็นวันที่ ชายกลาง (ชาลี ไตรรัตน์) จะเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ถ้าไม่มีพจมานก็จะไม่สามารถเปิดพินัยกรรมได้ ว่าแล้วแม่ช่อมณี หัวหน้าแม่บ้าน ได้แนะนำสาวสวยคนหนึ่ง (เขมนิจ จามิกรณ์)ให้เข้ามาสวมรอยเป็นพจมาน

โดยสัญญาว่าจะมอบเงินก้อนโตให้เธอเอาไปเป็นค่ารักษาพยาบาลแม่… ใช่แล้ว และ นับตั้งแต่ที่สาวสวยนามแพนเค้กก้าวเข้ามาในบ้านพร้อมภารกิจพิเศษ พร้อม ๆ กับการต้องเผชิญหน้ากับผีพจมานตัวจริง! ที่คลั่งแค้นชนิดตั้งใจจะหลอกหลอนทุกคนในบ้านจนสว่างคาตา

ความรู้สึกหลังรับชม

รีวิว พจมานสว่างคาตา

โดยเรื่องราวที่หากเล่าแบบเข้าใจได้ง่ายที่สุด มันก็คือ มุกล้อเลียน (Parody) หนังเรื่อง บ้านทรายทอง นั่นเอง เพียงแต่มีเรื่องการหักหลังซ้อนแผนเมื่อคุณหญิงแม่ (จาตุรงค์ ม๊กจ๊ก) หญ ิงเบ้อเริ่มเทิ่ม (เอกชัย ศรีวิชัย) และ หญิงกะจิ๊ดริด (อาจารย์ ยิ่งศักดิ์) รวมหัวกันฆ่าพจมาน สว่างคาตา (โก๊ะตี๋ อารามบอย) และ เอา แพนเค้ก (แพนเค้ก เขมนิจ) สาวสก๊อยมาสวมรอยหวังให้แต่งงานกับชายกลาง (แน็ก ชาร์ลี ปอทเจส) เพื่อฮุบสมบัติบ้านดอกไม้ทอง แต่แล้ววิญญาณของพจมานตัวจริงก็ปรากฏตัวเพื่อทวงความยุติธรรมคืน

แม้การดำเนินเรื่อง และ สไตล์การกำกับของพี่พชร์ อานนท์ จะไม่ได้ทำให้ พจมานสว่างคาตา หักศอกสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้เราเท่าไหร่ แต่นี่คือหลักฐานชั้นดีว่าเมื่อหนังไม่ได้เดินเรื่องหรือพยายามพามันไปไกลจากความถนัดของผู้กำกับนัก เราเลยเห็นความแม่นยำในการเล่าเรื่อง และ พัฒนาการ (หรืออาจจะไกลแค่ ลำสาลี ก็ตาม) ที่เห็นได้ชัดเลยคือคราวนี้พี่พชร์ “เลือก” ใช้เฉพาะมุกที่ “ใช่” และ “โดน” เท่านั้น ที่สำคัญการมี บ้านทรายทอง เป็นเหมือนพิมพ์เขียวในการยั่วล้อ และ เอามุกทันเหตุการณ์ตามถนัดมาใส่ก็ทำให้หนังลงตัวพอดี

แม้จะมีมุกแป้กมาประปรายแต่มันก็ยังอยู่ในปริมาณที่พอดี และ ทำให้ มุก ฮา ๆ ทำงานได้ต่อเนื่องไม่สะดุดต่างจากหนังยุคหลังที่พยายามหนีการเล่าเรื่องแบบ หอแต๋วแตก จนผิดทิศผิดทาง ใส่ลูกเล่นและ มุกอัปเดตหนักมือจนความสนุกไปไม่ถึงที่หมาย นั่นก็เพราะมันมีโครงเรื่องหลัก และ สูตรสำเร็จของนิยาย ก. สุรางคนางค์ เป็นแกนหลักที่มันตั้งใจยั่วล้อ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะมุกเจน นุ่น โบว์ หรือ Social Distancing มันก็ยังไม่ทำให้โครงเรื่องหลักเสียไปแต่อย่างใด

ถือเป็นก้าวสำคัญเลยในการทำหนังตลกที่เริ่มเข้าหาคนดูหนังวงกว้าง ผนวกกับงานถ่ายทำที่ไม่สุกเอาเผากิน แม้แต่ฉากที่ถูกถ่ายซ่อมก็ยังแสดงถึงความตั้งใจเท่าที่งบประมาณจะพอมี และ เพื่อให้หนังยังคงบันทึกหมายเหตุประเทศไทยไว้ได้อย่างตั้งใจ

นอกนั้นก็คือสิ่งที่เราคุ้นเคย และ ต้องทำใจยอมรับเมื่อก้าวเข้าโรงเพื่อดูหนังของเขาคือมุกสัปดน ขายความหยาบคาย และ การข้ามตรรกะชนิดที่มีตัวละครโผล่มาแบบไม่มีที่มาที่ไป แต่หากปรับโหมดให้ตรงกับจักรวาลหนังแบบ พชร์ อานนท์ ได้แล้ว ขอบอกว่า พจมานสว่างคาตา จะกลายเป็นหนังฮาลั่นไม่สนโลกที่คุณจะเกลียดตัวเองว่าชอบหนังเรื่องนี้ไปได้อย่างไรเชียวล่ะ

รีวิว พจมานสว่างคาตา

รีวิว พจมานสว่างคาตา พจมานสว่างคาตา ภาพยนตร์ของผู้กำกับ พจมานสว่างคาตา movie2free มือทอง “พชร์ อานนท์” ซึ่งภาพยนต์เรื่องนี้เป็นภาพยนต์ไทยแนวคอมเมดี้ตามแนวของผู้กำกับ “พชร์ อานนท์” ที่มีผลงานภาพยนต์โด่งดัง เป็นที่ชื่นชอบของใครหลาย ๆ คน นั่นก็คือภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตก” ที่มีมาแล้วถึง 6 ภาค

เดิมทีนั้น ภาพยนตร์มีกำหนดฉายอย่างแน่นอนในวันที่ “1 เมษายน” และ ประกาศกร้าวแข็งแรงว่าอย่างไรก็ไม่เลื่อนฉาย เพราะในตอนนั้น “โควิด-19” ระบาดอย่างหนักในประเทศไทย จึงส่งผลให้ภาพยนตร์ไทยหลาย ๆ เรื่องเลื่อนฉาย ยกเว้นกับ “พจมาน สว่างคาตา”

แต่สุดท้ายนั้นก็ต้องจำยอมเลื่อนฉายออกไปก่อน เพราะโรงภาพยนตร์ถูกปิดตามมติ ครม. จึงทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายล่าช้าไปถึง 2 เดือนครึ่งเลยทีเดียว

ในช่วงที่โรงภาพยนตร์ถูกปิด จึงทำให้ “พจมาน สว่างคาตา” มีเวลาทำ Post Production นานมากขึ้น และ สิ่งที่ทำให้แฟนหนังหลาย ๆ คนฮือฮา นั่นก็คือ การพากย์ทับมุกเข้าไปใหม่ให้ทันกระแสมากขึ้น เช่น ส้มหยุด..หยุดโดยไม่มีอะไรกั้น, เจน นุ่น โบว์ จนไปถึงมุกโควิด-19 อีกด้วย จนถึงขั้นใส่หน้ากากอนามัย CG เลยทีเดียว

“พจมานสว่างคาตา” เป็นภาพยนตร์ภาคแยกของภาพยนตร์ “หอแต๋วแตก” แต่เนื้อเรื่องในภาพยนตร์ “พจมานสว่างคาตา” นั้นไม่มีเนื้อเรื่องหลักของภาพยนตร์ “หอแต๋วแตก” แต่อย่างใด หากใครที่ไม่เคยดูภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตก” เราขอรับรองว่าไม่งงแน่นอนค่ะ (แต่ถ้าใครมีเวลาว่างก็ลองไปดูภาพยนตร์เรื่อง “หอแต๋วแตก” ย้อนหลังในYoutube channel “Major Group” ดูนะคะ ถูกลิขสิทธิ์แน่นอนค่ะ)

บทสรุป

พจมาน สว่างคาตา อาจจะไม่ใช่หนังที่จะเป็นหนังดี พจมาน สว่าง คา ตา wiki บางทีแม้แต่ความตลกของหนังก็ยังก้ำกึ่ง แต่ในที่สุด จักรวาลของพชร์ อานนท์ก็ยังคงสามารถมีแง่มุมมากมายให้พูดคุยคิดต่อ ไม่ว่าจะจำเป็นต้องคิดหรือตั้งใจให้คิด ถึงที่สุดนี่ก็คือหนังหัวรั้นที่อาจมีทุนเป็นธงนำ

สรุปแล้ว พจมานสว่างคาตา ก็คือหนังที่ต่อยอดมาจาก หอแต๋วแตกนั่นเอง ถ้าคุณเป็นแฟนหนังสไตล์พชร์ อานนท์ อยู่แล้ว ก็น่าจะชื่นชอบ และ เพลิดเพลินกับหนังได้ไม่ยาก เพราะมีองค์ประกอบที่คุณคุ้นเคยดี แต่มันก็ไปได้ตามทางของมันโดยไม่ต้องตีสองหน้าประนีประนอมใด ๆ กับผู้ชมที่ไม่ใช่ผู้ชมของมัน และ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราสนุกกับหนังชุดนี้มาโดยตลอด