รีวิว ดาบมังกรหยก 2
หนังไทยnetflix มังกรหยก จัดว่าเป็นนิยายจีนกำลังภายในแถวหน้าที่ชาวยุทธต่างครอบครองมาเป็นเจ้าของจนตาเปียก เพราะความรักที่มีต่อโลกบู๊ลิ้มนั้นช่างเร้าใจ ก็กิมย้งแกช่างเล่าได้สนุกสนานแถมยังกระชับได้ใจความ ยิ่งอ่านยิ่งมันจนวางไม่ลงกันเลยเชียว
จักรวาลมังกรหยกที่กิมย้งแกได้สร้างไว้ก็มีถึง 3 ภาคกันเลยค่ะ เรียกว่าดูดเงินในกระเป๋าไปอย่างสนุกสนานตั้งแต่มังกรหยกภาค 1 เล่าเรื่องก๊วยเจ๋งกับอึ้งย้ง ต่อด้วยภาค 2 เอี้ยก้วยกับเซียวเหล่งนึ่ง ที่เป็นรุ่นลูก และ ภาค 3 ‘ดาบมังกรหยก’ ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายเล่าถึง เตียบ่อกี้ กับกระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร และ บรรดาสาว ๆ ของเขา แถมด้วยแปดเทพอสูรมังกรฟ้า ที่เป็นเรื่องราวก่อนยุคก๊วยเจ๋งไปอีกเรื่องหนึ่ง แน่นอนว่านิยายมัน ๆ ขนาดนี้เมื่อถูกนำมาทำซีรีส์หรือภาพยนตร์มันก็มักจะถูกนำมาทำซ้ำหลาย ๆ รอบซะด้วยสิ เว็บดูหนัง
เตียบ่อกี้/หลินฟง ดาบมังกรหยกเวอร์ชันนี้เสนอตอน ‘ประมุขพรรคมาร’ เล่าเรื่องราวห่างจากมังกรหยกทั้งสองภาคราว ๆ 70 ปีเห็นจะได้ (หรืออาจจะมากกว่านั้น) เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องเคยดูมังกรหยกสองภาคแรกมาก่อนเลยจ้ะ ดูภาคนี้เลยก็ได้เพราะเป็นเอกเทศอยู่พอสมควร จุดเชื่อมโยงมีอยู่แค่เหล่าจอมยุทธในตำนาน เคล็ดวิชา และ สำนักต่าง ๆ ที่กล่าวถึงแค่นั้นเอง สำหรับ ‘ดาบมังกรหยก 1 : New Kung Fu Cult Master 1’ เป็นภาพยนตร์ที่ถูกปัดฝุ่นใหม่โดยฝีมือของ หวังจิง ผู้กำกับคนเดิมกับที่ทำดาบมังกรหยกเมื่อปี 1993 แล้วค้างภาค 2 ที่ปูว่าจะทำเอาไว้นานจนคนดูตายตกไปตามกันเยอะแยะแล้ว นำแสดงโดยหลี่เหลียนเจี๋ย และ เป็นผู้อำนวยการสร้างอีกด้วย กำกับคิวบู๊โดยหงจินเป่า
รีวิว ดาบมังกรหยก 2
รีวิวหนังดัง ใช่จ้ะ ภาคนี้ภาคเดียวกันนี่แหละมันเคยออกสู่สายตาชาวโลกมาแล้วนานมาก การกลับมาคราวนี้หวังจิงร่วมมือกับ วีนัส เคียง รีเมกดาบมังกรหยก 1 เมื่อครั้งกระนู้น โครงเรื่องคล้ายเดิมแต่มีการปรับปรุงใหม่ให้ดีกว่าเดิม อย่างน้อยภาคนี้ก็เอาเตียบ่อกี้คนดีคนเดิมของเรากลับมา ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ดุดัน ผยองเดชแบบเมื่อคราวที่หลี่เหลียนเจี๋ยแสดงนำ แหม นอกจากกิมย้งแกจะชอบปรับปรุงนิยายตัวเองอยู่บ่อย ๆ แล้ว คนเอามาทำหนังก็ยังสืบทอด DNA ของกิมย้งมาอีก ปรับกันไปจ้ะจนกว่าจะตายไปข้างนึง
ภาค 1 จบไปก็ต่อภาค 2 แบบไม่ต้องให้รอนาน ‘ดาบมังกรหยก 2 New Kung Fu Cult Master 2’ จะเริ่มในตอนที่เตียบ่อกี้ และ พรรคเม้งก่า ต้องหาทางช่วยยอดฝีมือจาก 6 สำนักใหญ่ที่ถูกกักขังไว้บนเจดีย์วัดบ้วนอัน ก็คือพรรคมารยกพวกตามมาช่วย 6 พรรคคนดีที่ราวีเม้งก่านั่นแหละ แต่มิกจ้อเจ้าสำนักง้อไบ๊ก็ตายลงในศึกครั้งนี้ โดยมีคำสั่งเสียให้จิวจี้เยี้ยก รับตำแหน่งเจ้าสำนักง้อไบ๊ต่อ พร้อมกับบอกความลับของ ‘กระบี่อิงฟ้า ดาบฆ่ามังกร’ เตี๋ยเมี่ยง ก็อยากรู้ความลับเช่นกันจึงขอให้เตียบ่อกี้พาไปหาราชสีห์ขนทอง
เตียบ่อกี้ และ สามสาวเตี๋ยเมี่ยง จิวจี้เยี้ยก เสี่ยวเจียว จึงออกเดินทางไปยังเกาะน้ำแข็งอัคคี เพื่อค้นหาความลับของสองยอดศาสตราที่เหล่าจอมยุทธ์ทั่วหล้าหมายครอบครอง ในขณะเดียวกัน เซ่งคุน (ซื่อสิงอวี่) ก็รอคอยโอกาสที่จะกำจัดทุกคนที่ขวางทาง จนสุดท้ายสู้กันไปสู้กันมาพระเอกก็ต้องชนะอยู่วันยังค่ำ พร้อมกับรักสามเส้าของเตียบ่อกี้ที่ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องตีกันเองเลยจ้ะ เพราะนางทั้งสามสามัคคีกันรักพระเอกอย่างกับอะไรดีแน่ะ ถึงจะมีเรื่องราวดุเดือด และ การสูญเสียให้พระเอกต้องน้ำตาตกก็ตามที ดูหนัง
คิวบู๊ได้อยู่แต่ CG ล้ำเลิศกว่า ก็เป็นไปตามยุคสมัยนะคะที่ภาพยนตร์กำลังภายในสมัยนี้จะใช้ CG เข้ามาช่วยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสำหรับดาบมังกรหยกก็อลังการงานสร้างและเฟี้ยวฟ้าวได้อยู่กับ CG ที่ออกมามากมายจนหมัดและดาบหงอยไปเลยจ้ะ บอกตามตรงว่าก็แอบคาดหวังอยู่พอสมควรกับคิวบู๊ที่รอคอย ถึงจะสนองความต้องการไม่ได้มากอย่างที่คาดหวังเอาไว้แต่ไม่ได้ทำให้อกหักซะทีเดียว เพราะสิ่งที่ออกมาสู่สายตาก็ไม่ผิดไปจากสไตล์ของหนังจีน-ฮ่องกงสมัยใหม่ที่จะเน้นไปที่ CG ซะมากกว่า ก็ของมันมีให้ใช้แล้วจะฟาดฟันเหนื่อยทำไมละเนอะ
บทสรุปเรื่องราวใน ดาบมังกรหยก 2
รีวิวหนังดัง จุดนี้ก็เรียกจินตนาการในนิยายออกมาได้พอสมควร ปล่อยพลังกันอย่างมโหฬารไปเลย ถึงลีลาออกหมัด ฟาดดาบจะไม่สาแก่ใจป้าข้างบ้านเท่าไหร่แต่ให้อภัยในความอลังการเหนือมนุษย์ของเขาก็แล้วกัน ภาค 1 กำลังมัน ๆ อ้าวจบเว้ยเฮ้ยต้องรอภาค 2 แต่ก็ไม่ได้ทำให้การรอคอยต้องผิดหวัง เพราะเตียบ่อกี้ในฐานะประมุขพรรคมารนั้นเก่งกาจหาใครทัดเทียม เรียกว่าไร้พ่ายทั่วสารทิศ เรื่องนี้หลินฟงในบทเตียบ่อกี้ถูกบ่นว่า ทำไมแก่จังเลยจ๊ะเตียบ่อกี้ต้องหนุ่มกว่านี้สิ ก็ต้องบอกก่อนเลยค่ะว่าภาคนี้เขามารับบทในช่วงที่เตียบ่อกี้เป็นประมุขพรรคมารแล้ว ตัวจริงแก่กว่าในเรื่อง 10 ปีเอง หยวน ๆ น่า
บทปรับใหม่ที่รักสามเส้าเป็นจุดเด่น
เวอร์ชันนี้ เตียบ่อกี้ กลับมาเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงและมีนิสัยอ่อนโยน แตกต่างปี 1993 ที่บทปรับให้เตียบ่อกี้ทะเยอทะยาน เจ้าคิดเจ้าแค้นซึ่งกลายเป็นคนละคนกับเตียบ่อกี้ในนิยายไปซะฉิบ พอมาเจอเตียบ่อกี้คนเดิมก็รู้สึกดีขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ และแน่นอนว่าสาว ๆ ทั้งสามนางสวยหยดจนถ้าเกิดเป็นเตียบ่อกี้อิชั้นก็เลือกไม่ถูกจริง ๆ จ้ะ แต่หากใครสงสัยว่าใครนะจะเป็นนางเอกก็นี่เลยเขาบอกไว้อยู่แล้วว่าคือ เตี๋ยเมี่ยง ธิดาแห่งอ๋องมองโกลนี่แหละค่ะ ตัวจริงของฮี แต่กว่าจะได้มาบรรจบสมกับที่เกิดมาคู่กัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามากมาย
เตี๋ยเมี่ยง/เหวินหย่งซาน
คือหนาวจริง ๆ เพราะไปผจญภัยกันถึงเกาะน้ำแข็งอัคคี ต้องผ่านการต่อสู่ แย่งชิงต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะเรื่องความลับในกระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกรที่ทำให้นางหนึ่งเปลี่ยนไป นางหนึ่งต้องเสียสละ ภาคแรกปูเรื่องไว้ถึงการฝ่าฟันจนถึงเตียบ่อกี้ได้รับตำแหน่งประมุขพรรคมาร พอมาภาค 2 ก็ไปที่การปกป้องบ้านเมืองจากอ๋องมองโกล ซึ่งนิยายกำลังภายในของกิมย้งก็มักจะสอดแทรกคุณธรรมความดีเอาไว้มากมาย และตัวละครบางตัวมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ ให้เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของความจริงบนโลกที่เราเห็นกันอยู่แล้ว ว่าผู้ที่บอกว่าตนเป็นฝ่ายธรรมะก็ไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรมเสมอไป แถมยังต้องให้พรรคมารที่ตัวเองแสนรังเกียจมาคอยช่วยอีกต่างหาก
เสี่ยวเจียว/อวิ๋นเชียนเชียน
ในส่วนนี้ผู้สร้างไม่ได้ทิ้งรายละเอียดไป แต่น่าเสียดายที่การห้ำหั่นเพื่อคุณธรรมความดีและความถูกต้อง การปกป้องบ้านเมืองเบาบางกว่าความรักซะด้วยซ้ำ ก็เข้าใจได้จ้ะเพราะเตียบ่อกี้เขาก็ไม่เป็นสองรองใครในเรื่องนี้มันเด่นอยู่แล้วตั้งแต่นิยายเลยละ รักมั่นคงให้หญิงอีกคนก็ยังใช่ เสียดายความภัคดีของอีกนางก็ได้อยู่ ผูกสมัครกับอีกนางที่ร่วมทุกข์ก็ได้อีก เกิดเป็นเตียบ่อกี้นี่ก็ลำบากเหมือนกันแฮะ และด้วยความที่เป็นหนังจะให้เล่าได้ครบถ้วนแบบนิยายมันยากมาก ในส่วนนี้ก็ทำให้เนื้อเรื่องขาดความกลมกล่อมไปอยู่สักหน่อย เพราะมันช่างรวบรัดเหลือเกิน พ่อคุณเอ้ย และหลาย ๆ ฉากที่ควรจะมีก็หายวับไปอย่างน่าเสียดาย
จิวจี้เยี้ยก/ชิวอี้หนง
ทำให้บทของเรื่องนี้ดูพร่องไปอย่างเห็นได้ชัด เราเข้าใจถึงการดัดแปลงอยู่แล้วละเพราะรายละเอียดในนิยายค่อนข้างเยอะ ที่เราจะเห็นในหนังเรื่องนี้ทั้งสองภาคผู้สร้างก็เลือกฉากใหญ่ ๆ มาให้ดูกันทั้งนั้น การปะติดปะต่อเรื่องราวก็รวดเร็วปรู๊ดปร๊าดและรวบรัดอยู่พอสมควร จุดนี้ถึงจะไม่ดุเดือดเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่น่าเบื่อ แต่ใด ๆ ก็ตามคิวบู๊ที่เฟี้ยวฟ้าวยังคงอยู่โดยเฉพาะช่วงต่อสู้ที่เม้งก่า และการออกลีลาของ ดอนนี่ เยนในบทเตียซำฮง ที่ต้องยอมรับเลยว่า ศิลปินชั้นครูผู้นี้ฝีมือไม่พร่องไปเลยจริง ๆ
เตียซำฮง/เจินจื่อตัน (ดอนนี่ เยน)
คอสตูมอลังการ สวยหยดจนไม่อาจละสายตา
ดูหนังกำลังภายในสมัยนี้ถ้าไม่เสพคอสตูมก็เห็นทีจะเสียของนะคะ และเรื่องนี้ก็ประเคนความสวยงามอลังการมาให้ได้เสพกันแบบเต็ม ๆ ตา โดยเฉพาะสาว ๆ ทั้งหลายในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกหรือไม่เอกก็ตาม การออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวแสดงทุกตัวจัดได้ว่าใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมและเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเก่าเมื่อนานมาแล้ว ที่เวอร์ชันนี้คุ้มค่าต่อสายตาจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะค้างคาวปีกเขียวที่อิชั้นชอบการดีไซน์ของตัวละครตัวนี้มาก และราชสีห์ขนทองที่สร้างภาพภายนอกให้ดูน่าเกรงขาม แต่ความจริงเป็นตาแก่ปวกเปียกที่ถ้าไม่มีวิชาราชสีห์คำรามก็เข่าทรุดกันเลยทีเดียว เว็บหนัง
มังกรเสื้อม่วง เสี่ยวเจียว ค้างคาวปีกเขียวและอินทรีคิ้วขาว
บวกกับความสวยงามของสาว ๆ ที่แต่ละนางนั้นบรรจงแต่งเหมือนจะมาแข่งกันประชันความงามก็ไม่ปาน และลุคเท่ ๆ ของเตียบ่อกี้ที่มาถึงวันนี้คงลบคำปรามาสเรื่องอายุไปได้แล้วเพราะเตียบ่อกี้ลุคนี้สร้างมาให้เราเชื่อได้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่สาว ๆ สมควรจะตกหลุมรัก หล่อไม่มากแต่เร้าใจเพราะช่างอบอุ่นและแสนดีไปทุกหย่อมหญ้า ภาษาบ้านเราก็คงจะเรียกคุณพี่เขาได้ว่าพระเอกขี้อ่อย ที่ซื่อ ๆ ใส ๆ ไม่ได้คิดอะไรมากกว่าความเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดีเลยจริงจริ้ง จนทำให้เรื่องนี้เป็นหนังกำลังภายในที่ฉาบด้วยความรักสามเส้าเราสามคนที่ต่างคนต่างเสียสละเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริง รวมคนดีที่โลกต้องจำอ่ะจ้ะ ว่าอย่างนั้นแหละ
กำกับ หวังจิง
ความยาว 1 ชั่วโมง 52 นาที
แสดงนำ หลินฟง /เหวินหย่งซาน /ชิวอี้หนง /อวิ๋นเชียนเชียน
OUR SCORE 7.2