รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006 หนังผีอมตะ ตลอดกาล ที่ควรค่าแก่การดู

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับหนังผีไทย ในตำนาน อีกหนึ่งเรื่อง อย่าง เด็กหอ 2006 เป็นหนังผีไทยที่ผมคิดว่ามันมีสเน่ห์ และ เอกลักษณ์ เป็นของตัวเองมากๆ และ ขอบอกเลยว่า บรรยากาศ ความลึกลับ ในเรื่องเนี่ย คือดีมาก ทำออกมาให้ชวนติดตามจริงๆ ทำให้คนไม่กลัวผีก็อาจจะกลัวไปได้เลยก็เป็นไปได้ สำหรับคนที่ไม่เคยดูจะเข้ามาลองอ่านรีวิว หนังไทยย้อนยุค ย้อนยุคเรื่องนี้ก่อนก็ได้ครับ

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006 หนังแนวสยองขวัญ ที่กำกับโดย ทรงยศ สุขมากอนันต์

เป็นภาพยนตร์ไทย แนวสยองขวัญที่ถูกนำเข้ามาฉายเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 กำกับการแสดงโดย ทรงยศ สุขมากอนันต์ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นการร่วมลงทุนของบริษัทยักษ์ใหญ่ถึง 3 บริษัท

ได้แก่ GMM GRAMMY, Thai Entertainment, Hub Ho Hin แต่ปัจจุบันบริษัท Thai Entertainment พร้อมกับนักแสดงนำ จินตหรา สุขพัฒน์ (แหม่ม) แสดงเป็น ครูปราณี , ชาลี ไตรรัตน์ (แน็ก)

แสดงเป็น ต้น หรือ ชาตรี , ศิรชัช เจียรถาวร (ไมเคิล) แสดงเป็น วิเชียร โดยเนื้อเรื่องถูกสร้าง มาจากเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นจริง

โดยเป็นเรื่องเล่าที่เคยได้ยิน มาจากโรงเรียบ อัสสัมชัญ ศรีราชา โดยตัวละคร วิเชียรนั้น ก็มีอยู่จริงซึ่งเด็กคนนั้น ได้ประสบอุบัติเหตุในขณะที่เรียนอยู่ที่โรงเรียน อัสสัมชัญ

ซึ่งเด็กคนนั้นก็ชื่อวิเชียร เหมือนกัน นั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้น และ แรงบรรดาลใจ ให้กับผู้กับที่ได้กำกับภาพยนต์เรื่องนี้

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006

เรื่องย่อ เด็กหอ 2006

dorm เรื่องย่อ ชาตรี เด็กชาย อายุ 12 เรียน ม.1 เป็นเด็กไร้ความหมาย ที่พ่อของเขาส่งไปเรียนที่สายชลวิทยา ที่จังหวัดชลบุรี อย่างฉุกละหุก ก็เพื่อที่ชาตรีจะได้พ้น

ไปจากบ้านไกลไปเสียจากพ่อ เพราะชาตรีรู้ความลับของพ่อทั้งหมด เพื่อนของชาตรีได้พูดคุยเรื่องผีในโรงเรียน และ เรื่องครู ในตอนกลางคืนชาตรีรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมา

พอฉี่เสร็จชาตรีได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง เหมือนมันเคลื่อนที่ได้ แต่พอเข้าไปแล้วประตูก็เลยล็อก ชาตรีตกใจมากเลยอยากออกไป จนสักพักประตูก็เปิดได้ ชาตรีวิ่งหนีไปหอพักจนเขารู้สึกกลัวมาก

แล้วชาตรี ก็ได้พบกับ วิเชียร เพื่อนร่วมห้อง ที่ดูเหมือนจะรู้อะไร ๆ ในโรงเรียนไปเสียทุกอย่าง และ แล้วมิตรภาพระหว่างเพื่อนทั้ง 2 ก็ก่อตัวขึ้น

ก่อนที่พบว่าแท้ที่จริงแล้ว วิเชียร ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ๆ แต่พอเวลาผ่านไป ดูเหมือนว่าชาตรีก็เริ่มผูกมิตร กับวิเชียรได้ เพราะว่าทั้งสองคนเหมือนกัน อยู่อย่างหนึ่ง

นั่นก็คือ “ไม่มีใครเห็นว่ามีตัวตน” อย่างตอนที่ชาตรีคิด จะทำอะไรแผลง ๆ เพื่อถอดวิญญาณ มาช่วยวิเชียร วิเชียรก็พูดว่า “สัญญากับฉันสิ ว่าจะไม่ทำอะไรบ้า ๆ เพื่อช่วยฉัน

ชาตรี สัญญากับฉันสิ” ชาตรีไม่ตอบ กลับยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนถึงเวลา 6 โมงเย็น มันคือ เวลาตายของวิเชียร แต่วิเชียรต้องกลับไปที่สระว่ายน้ำนั้น เพื่อลิ้มรสความทรมานจากการจมน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน

ชาตรีเจ็บปวดมากที่ได้เห็นวิเชียรทรมานแบบนั้น แต่ตัวเขากลับได้แต่ยืนมอง แตะต้องอะไรวิเชียรไม่ได้ จนในที่สุด ชาตรีก็ไปดมสารอีเทอร์ มากเกินขนาด

จนในที่สุดวิญญาณก็หลุดออกจากร่าง แล้วชาตรีก็ไม่คิดจะเหลียวมองดูร่างของตนเองเลยแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปทางสระว่ายน้ำนั้นโดยไม่สนใจอะไรอีกแล้ว

และ ชาตรีก็ช่วยวิเชียรขึ้นมาจากสระจนได้ และ ต่อจากนั้นเอง ที่วิเชียรลาชาตรีไปเกิด แค่ลากันสั้น ๆ แต่สายตาสื่อความหมายว่าทั้งสองคนผูกพันกันมากมายเพียงใด

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006

ความรู้สึกหลังรับชม เด็กหอ 2006

การดำเนินเรื่อง เนื้อเรื่อง หนังเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีในระดับหนึ่งเลยครับ ความเป็นหนังผี ลูกล่อลูกชนในการหลอกหลอนก็นับว่าทำได้เยี่ยมยอด หลาย ๆ

ฉากมีการบิ้วท์อารมณ์คนดูด้วยเสียงดนตรีเครื่องสี แบบหนังสยองขวัญเมืองนอกที่ชอบใช้กัน ซึ่งปัจจุบัน ในบ้านเราคงไม่ค่อยได้ใช้ดนตรีเครื่องสี ออเครสตร้าเป็นดนตรีประกอบในหนังผีสักเท่าไหร่นัก ซึ่งผมว่ามันให้อารมณ์ผวา ลึกลับได้ดีมากครับ

เด็กหอ ก็เป็นอีกหนังไทยอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ดารานักแสดงล้วนรับบทบาทกันได้อย่างยอดเยี่ยม ความเป็นหนังผีก็สนุก น่ากลัว และ ขนหัวลุก หลายฉากในหนังทำออกมาได้ดี งานสร้างหรือว่าภาพเทคนิค สรุปแล้ว งานนี้แนะนำกันให้หากันมาดูเลยครับ

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006 หนังสยองขวัญ อันดับต้นๆ ของประเทศไทย

รีวิวหนังไทยย้อนยุค เด็กหอ 2006 เป็นหนังผีไทยที่ผมชอบมากเป็นอันดับต้น ๆ เลยครับ ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องนี้มีฉากผีหลอกหลอน ที่น่าขนพองแบบสุด ๆ เนื่องด้วยว่าผมชอบความที่มันไม่ได้เน้นไปที่ความเป็น

ผีหรือจงใจให้เป็นโทนวิญญาณหลอกหลอนตามล้างแค้น …หนังผีเรื่องนี้กลับลงลึกไปที่เรื่องราวการก้าวผ่านข้ามวัยของตัวละครวัย ม.ต้น ที่ต้องพบเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

ที่จะพิสูจน์ตัวตนของเขา 60 เปอร์เซ็นต์ของหนังเลยให้อารมณ์ดราม่าชีวิต ซึ่งผมชอบมาก มันเป็นหนังดราม่าบนอารมณ์ลึกลับที่ดีมากครับ ที่เหลือก็เป็นอารมณ์ขนหัวลุกแบบหนังผีซึ่งทำได้ดีเลยครับ

หนังเรื่องนี้กำกับโดย ทรงยศ สุขมากอนันต์ (วัยรุ่นพันล้าน, ซีรี่ย์ Hormones) ผู้กำกับที่ผมมองว่าทำงานหนังกับนักแสดงรุ่นเด็กหรือวัยรุ่นแล้ว

เขาจะสามารถดึงสักยภาพฝีไม้ลายมือของนักแสดงในรับบทออกมาได้ดีมาก แน็ก ชาลี ปอเจส จากแฟนฉันก็รับบทได้ดีมาก บทขยี้อารมณ์หรือจุดสะเทือนอารมณ์ก็แสดงออกมาได้อินมาก

ยิ่งไปกว่านั้นอีกหนึ่งคนที่เล่นได้ดีไม่แพ้กันนั้นคือไมเคิล ศิรชัช ผมนับว่าเป็นตัวละครเซอร์ไพรส์ ที่สามารถทำให้ผมซึ้ง และ อินไปกับตัวละครนี้ได้ดีเลยทีเดียว …

ส่วนพี่แหม่ม จินตหรา ในบทคุณครูก็นับว่าน่าสะพรึง และ คาแรคเตอร์ส่งให้มีความน่ากลัวเข้าไปอีก (น่ากลัวแค่ไหนต้องลองไปหาดูครับ)

บทสรุป เด็กหอ 2006

หนังเรื่องนี้เคยเป็นที่ถกเถียง ของแฟนหนังเป็นอย่างมาก เนื่องจากสงสัย ว่าเรื่องราวในหนังสร้างมาจากเหตุการณ์ ที่เคยเกิดขึ้นจริงหรือไม่

อีกทั้งยังถูกหยิบยก ไปเปรียบเทียบกับหนังสเปนที่ชื่อว่า The Devil’s Backbone ที่มีบางเสียงแย้งว่ามีเนื้อหาที่คล้ายกัน เป็นอย่างมาก

แต่ ย้ง ทรงยศ ได้ออกมาปฏิเสธ ว่าไม่ได้แรงบันดาลใจใด ๆ จากหนังเรื่องดังกล่าว แม้จะเคยดูหนังเรื่องนี้ เป็นการรีเสิร์ชมาก่อนก็ตาม แต่สิ่งที่สร้างออกมา เป็นเรื่องเล่าที่เขาได้ยินสมัยเรียน อยู่ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา

เด็กหอ ยังเป็นหนังไทยได้มีโอกาส รับเชิญไปเทศกาลภาพยนตร์ นานาชาติเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ในปี 2007 พร้อมกับได้รับรางวัล Glass Bear สาย Generation Kplus และ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม รองอันดับ 1 สาย Generation Kplus กลับมาครองอีกด้วย

ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปถึง 15 ปีแล้ว แต่หนังก็ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของแฟนหนังไทยอยู่ถึงในวันนี้ เด็กหอ เป็นหนังอีกเรื่องที่โลดแล่นอยู่ในวงการหนังในช่วงยุคเฟื่องฟูของวงการหนังไทย

ที่ในช่วงนั้นทำเงินอู้ฟู่เป็นว่าเล่น และ มีหนังไทยที่ประสบความสำเร็จ หลายเรื่อง ถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้จะกวาดเงิน ได้แค่น่าพอใจ ประมาณ 50 ล้านบาท ก็ตาม แต่ก็ถือว่าหนังประสบความสำเร็จในทุก ๆ ด้านเช่นกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *